คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 ไม่ทันตั้งตัว
ตอนที่ 3
ไม่ทันตั้งตัว
หลายวันมานี้มีคนเข้าออกจวนตลอด ท่านแม่ของนางก็ดูเหมือนกำลังยุ่งเรื่องอันใดสักอย่างอยู่เช่นเดียวกัน นางถามพี่ใหญ่ว่าท่านแม่ยุ่งอยู่กับอะไรก็ได้คำตอบมาว่าไม่รู้เช่นเดียวกัน
ช่วงสายประจวบเหมาะกับได้พบท่านแม่อยู่ที่ศาลารับลมจึงได้เดินเข้าไปหวังสอบถามให้กระจ่าง
“ท่านแม่ หลายวันมานี้ลูกเห็นว่าท่านเหมือนมีหลายสิ่งที่ต้องจัดการเลย ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่ากำลังยุ่งเรื่องใดกัน”
“ยุ่งเรื่องรายการสินสอดแล้วก็สินเดิมเจ้าสาวอยู่ แต่ก็เรียบร้อยแล้วล่ะ แม่ให้พ่อบ้านเจียงกับแม่บ้านหลีไปคอยควบคุมจัดการแทนแล้ว”
“มิใช่ว่าเรื่องนี้ควรเรียบร้อยไปตั้งนานแล้วมิใช่หรือ หรือว่าทางสกุลจี้เพิ่มสินสอดให้พี่สาวข้าอีก หากเป็นเช่นนั้นจริงก็ถือว่าว่าที่พี่เขยข้าผู้นี้ใจป้ำไม่เบา พี่สาวแต่งไปต้องไม่ลำบากแน่จริงหรือไม่พี่สาว” นางเอ่ยแซวผู้เป็นพี่สาวพร้อมทำหน้าตาทะเล้นเย้าแหย่ให้นางเขินเล่น
ลู่ชิงอี้ที่ถูกเย้าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด นางทำเพียงเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ใบหน้าแดงด้วยความเขินอายจนต้องก้มหน้าลงมองพื้น
“เรื่องมงคลของพี่สาวเจ้าเรียบร้อยหมดแล้ว ที่ข้ายุ่งวุ่นวายอยู่หลายวันนี้ก็เพราะเรื่องมงคลของเจ้าต่างหากเล่า”
สิ้นประโยคที่ท่านแม่นางเอ่ยออกมาลู่เข่อชิงที่ได้ยินก็ถึงกับหัวเราะออกมาจนเหนื่อย
“ท่านแม่ท่านอย่าได้เอ่ยล้อเล่นออกมาเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะขำจนเหนื่อยตายเอาได้”
“ข้าไม่ได้ล้อเล่นกับเจ้า เรื่องสำคัญเช่นการแต่งงานของเจ้าแม่อย่างข้าจะนำมาล้อเล่นได้อย่างไร”
“ท่านแม่ จะเป็นไปได้อย่างไรกันที่จู่ๆ ข้าที่ไม่แม้แต่เคยจะหมั้นหมายมาก่อนเลยสักครั้งจู่ๆ ก็จะแต่งงานเนี่ยนะ ว่าที่สามีข้าคือผู้ใดข้ายังไม่รู้เลย แล้วจะมาบอกว่าข้าจะต้องแต่งงานได้เช่นไร ถามความยินยอมข้าหรือยังเจ้าค่ะ”
“เรื่องการหมั้นหมายของเจ้าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสามวันก่อน แม่ตอบรับหนังสือสู่ขอจากสกุลหนิงให้เจ้าหมั้นหมายกับบุตรชายคนโตของสกุลหนิง เดิมทีก็ตั้งใจว่าจะรอจังหวะก่อนแล้วจึงรีบบอกกล่าวเจ้าแต่ก็ยุ่งจนไม่ได้พบหน้าจึงไม่ได้บอกออกไป”
“ท่านแม่ ยกเลิกการหมั้นหมายได้หรือไม่เจ้าคะ หมั้นแล้วก็ถอนหมั้นได้มิใช่หรือ ข้ากับคุณชายสกุลหนิงนั้นไม่เคยพบกันแม้สักครั้งท่านจะเร่งจับคู่ข้าด้วยเหตุใดเจ้าคะ” หญิงสาวร้องขอ
“ถอนหมั้นไม่ได้แล้ว” ลู่ฮูหยินกล่าว
“ถ้าท่านแม่ไม่ถอนหมั้นให้ข้า ข้าบอกเลยว่าจะกลับเขาลั่วหานเดียวนี้และไม่กลับมาอีก” ลู่เข่อชิงยื่นคำขาด
“ถอนหมั้นไม่ได้ อีกทั้งสิบวันข้างหน้าเจ้าต้องก้าวเข้าเกี้ยวเจ้าสาวเพื่อแต่งงาน”
“ท่านแม่!!!”
“ผู้ที่เจ้าจะแต่งด้วยคือบุตรชายคนโตของแม่ทัพรักษาวังหนิงเฟิ่ง บุตรชายเขาหนิงเฟยอวี้เองก็มีตำแหน่งเป็นถึงแม่ทัพพิทักษ์ชายแดน เรื่องนี้ถึงพระกรรณฝ่าบาททรงยินดีกับสกุลหนิงและสกุลลู่เราจนประทานสมรสพระราชทานให้ อีกสิบวันแม่ทัพหนิงจะกลับถึงเมืองหลวงฝ่าบาทมีบัญชาให้จัดงานมงคลในทันที ลู่เข่อชิงบุตรสาวคนดีของแม่ไหนเจ้าตอบแม่มาทีสิว่างานแต่งงานนี้ไม่เกิดขึ้นได้หรือไม่”
นางได้ฟังความทั้งหมดก็ตกใจจนพูดไม่ออก แขนขาก็พลั้นไร้เรียวแรงไปชั่วขณะจนพี่สาวต้องเขามาประคองนางนั่งลงที่เก้าอี้
“โทษของการขัดราชโองการร้ายแรงถึงขั้นประหารชีวิตทั้งตระกูล เจ้าเองก็คงจะรู้ใช่หรือไม่”
“…………..”
“สกุลลู่เราหากไม่จัดงานแต่งก็คงต้องเปลี่ยนมาจัดงานศพแทนแล้ว”
หากจะถามว่านางกลับเรือนมาได้อย่างไรนั้น ก็คงต้องยกความดีความชอบให้กับพี่สาวนางและสาวใช้อีกสองคนที่ช่วยกันหอบหิ้วร่างอันแทบจะไร้วิญญาณของนางกลับมา
“จิบชาร้อนๆ เสียหน่อยจะได้ผ่อนคลายขึ้น” ผู้เป็นพี่สาวรินชายื่นให้น้องสาวของนางด้วยตัวเอง
“ข้าผ่อนคลายไม่ได้หรอกท่านพี่ อีกสิบวันข้าต้องแต่งงานทั้งๆ พี่เพิ่งรู้ว่าตัวเองต้องแต่งโดยจำยอมไม่สามารถหลบหลีกหนีใดๆ ได้ ข้าทั้งตกใจทั้งไม่ทันได้ตั้งตัว ข้าเพิ่งอายุสิบห้ายังอยากฝึกฝนวิชากระบี่ อยากไปทัศนาจรเที่ยวเล่นอย่างอิสระพี่สาวเข้าใจข้าใช่หรือไม่”
“ข้าเข้าใจ แต่เรื่องบางเรื่องในเมื่อแก้ไขไม่ได้แล้วเราก็ทำได้แค่เผชิญกับมันไม่ใช่หรือ บางทีหากคิดในแง่ดีการแต่งงานของเจ้าอาจเป็นสวรรค์ลิขิตเอาไว้ ผู้ที่เจ้าจะแต่งด้วยเป็นถึงแม่ทัพ วรยุทธ์และวิชาการต่อสู้คงไม่ธรรมดาแน่ ในอนาคตเจ้าสามารถฝึกฝนและขอคำชี้แนะจากเขาได้มิใช่หรือ อีกทั้งแต่งไปแล้วเจ้าตามสามีไปที่ชายแดนก็จะได้เปิดหูเปิดตาไม่น้อย อีกทั้งท่านแม่และครอบครัวของเราก็จะได้ไม่ต้องคอยเป็นห่วงเจ้าเพราะต่อจากนี้เจ้าก็จะมีสามีให้สามารถพึ่งพิงได้ เขาจะปกป้องเจ้าดูแลเจ้าแทนพวกกข้าได้”
“มันจะกลายเป็นเรื่องดีเช่นนั้นได้จริงหรือ”
“แน่นอนว่าข้าและทุกคนในสกุลลู่ต่างก็ปรารถนาให้เป็นเช่นนั้น”
คืนนี้ลู่เข่อชิงนอนไม่หลับทั้งคืน นางเก็บคำที่พี่สาวแนะนำให้คิดแต่สิ่งดีๆ ในที่สุดนางก็คิดได้ อย่างไรชาตินี้ท่านพ่อท่านแม่ของนางก็ไม่คิดจะให้นางไม่แต่งงานอยู่แล้ว การปล่อยให้กราบอาจารย์เรียนวิชากระบี่ก็ถือว่าตามใจนางมากแล้ว อย่างไรก็ต้องแต่งไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ก็ควรยอมรับให้ได้อย่างที่พี่สาวของนางได้เอ่ยไว้
นางควรดีใจเสียด้วยซ้ำที่ได้แต่งกับแม่ทัพกล้า และได้รับสมรสพระราชทานเป็นหน้าเป็นตากับสกุลลู่ นางเองก็คือบุตรสาวสกุลลู่อย่างไรก็ควรนึกถึงส่วนรวมก่อนตัวเองเป็นหลักอยู่แล้ว
ก็แค่แต่งงานเอง แค่เปลี่ยนที่นอน ไม่เห็นจะมีสิ่งใดยากไปเลยนี่ แรกฝึกกระบี่ยังยากกว่าจนเทียบกันไม่ได้ อีกทั้งต่อจากนี้นางก็จะมีคู่ประลองวรยุทธ์ด้วยเป็นประจำภายหน้าใครจะรู้ไม่แน่วิชากระบี่และวรยุทธ์นางอาจจะก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
ลู่เข่อชิงคิดตกได้ในที่สุด เห็นทีนางจะต้องรีบข่มตาหลับแล้วจะ มามัวคิดมากไม่ได้ พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาฝึกเพลงกระบี่แต่เช้า ยามแต่งไป แล้วจะได้ไม่มิขายหน้า
หนิงเฟยอวี้ไม่คิดเลยว่าจู่ๆ หลังจากการทูลเรื่องการทหารในค่ายที่ชายแดนช่วงหนึ่งปีนี้กับฝ่าบาทเรียบร้อยแล้วกับได้รับราชโองการสมรสพระราชทานในทันที อีกทั้งพรุ่งนี้ก็คืองานมงคลของเขาแล้ว
ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งมาถึงเมืองหลวงและเพิ่งไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเมื่อครู่แต่งานแต่งกับจัดเตรียมงานเอาไว้เรียบร้อยแล้ว และทุกอย่างจะเริ่มตามฤกษ์มงคลที่กำหนดไว้ในราชโองการในวันพรุ่งนี้
เป็นกฎเด็ดขาดที่ว่าแม่ทัพเมื่อกลับมาแล้วต้องตรงไปที่วังหลวงในทันที เขาจึงไม่ได้กลับไปที่สกุลหนิงก่อน ยามกลับมาถึงเห็นทุกมุมของสกุลหนิงยามนี้ถูกตกแต่งประดับประดาด้วยผ้าแดงมงคลและกระดานมงคล
“เฟยอวี้เจ้ากลับมาแล้วหรือ เร็วเข้าเจ้ารีบไปลองชุดพิธีของเจ้าหน่อยว่าพอดีหรือไม่ จะได้เร่งแก้ให้เสร็จทันภายในคืนนี้” ชายหนุ่มโดนท่านแม่ของตนดึงตัวไปในทันทีเมื่อก้าวเข้ามาในจวน
“ท่านแม่…”
“เจ้าหิวหรือไม่แม่ให้คนไปยกสำรับมาแล้ว เจ้าลองชุดเสร็จก็รับประทานได้ทันที งานสมรสพระราชทานจะให้เกิดข้อผิดพลาดแม้เล็กน้อยไม่ได้เจ้าว่าไหม”
“ขอรับท่านแม่”
ดูเหมือนว่าข้อผิดพลาดเดียวในงานมงคลนี้จะมีเพียงแค่ข้าเพิ่งรู้ว่าจะต้องแต่งงานเมื่อครึ่งชั่วยามก่อนเท่านั้น นอกนั้นเรื่องทุกอย่างดูเหมือนท่านแม่จะเตรียมพร้อมแล้วสำหรับงานมงคลของเขาในวันพรุ่งนี้
“ต้องยกความดีความชอบให้พ่อเจ้านะ แม่เพิ่งสู่ของคุณหนูสามลู่เข่อชิงได้ก็ได้รับสมรสพระราชทานเลย”
“ท่านแม่เป็นคนจัดการเรื่องสู่ขอกับสกุลลู่ด้วยตัวเองหรือขอรับ” ชายหนุ่มเอ่ยถาม ที่แรกเขานึกไปว่าเป็นฝ่าบาทที่เป็นผู้ที่เลือกให้เขาแต่งกับสกุลลู่ของราชครู
“เป็นแม่ที่สู่ขอว่าที่สะใภ้สกุลลู่ผู้นี้ด้วยตัวเอง นางต้องเป็นสตรีที่เรียบร้อนอ่อนโยนอ่อนหวานเหมาะกับเจ้าที่สุดเป็นแน่ แม้แม่จะไม่เคยเจอนางแต่ก็รู้จักลู่ฮูหยินและพี่สาวน้องดีพวกนางล้วนเป็นบุปผางามในห้องหอชั้นดีเชี่ยวล่ะ ลูกได้แต่กับนางจะต้องไม่ผิดหวังแน่เชื่อแม่” หนิงฮูหยินเอ่ยอย่างมั่นใจ
ลู่ฮูหยินมีชื่อเสียงด้านมารยาทการวางตัวอีกทั้งยังอ่อนโยนนักบุตรสาวนางย่อมเหมือนนางอย่างแน่นอน หนิงฮูหยินรู้สึกภาคภูมิใจไม่น้อยยามเอ่ยถึงว่าที่สะใภ้
“ท่านแม่ชอบนางลูกก็พอใจแล้วขอรับ” แต่เดิมในหัวเขาไม่เคยมีเรื่องแต่งภรรยาอยู่แล้ว เพราะให้ความสนใจอยู่กับกองทัพและค่ายทหาร ยามนี้การแต่งงานก็คือหน้าที่หนึ่งสำหรับบุตรชายสกุลหนิง เขาแน่นอนว่าย่อมต้องทำตามท่านแม่และท่านพ่อรวมไปถึงราชโองการ
ใจเขาไม่เคยมีหญิงใด อีกทั้งก็เลยวัยแต่งงานมาแล้ว แต่งงานให้เสร็จเรียบร้อยจะได้หันไปสนใจงานทหารได้อย่างเต็มที่
ความคิดเห็น