ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GOT7 : My Body Heart : JackJae BNior

    ลำดับตอนที่ #2 : MBH :: 01

    • อัปเดตล่าสุด 3 มี.ค. 58


    CR.SHL

     


    -01-

    Hello My Bodyguard

     

     

    ใบหน้ากลมที่ติดจะงอแงของคนร่างเล็กกำลังบึ้งตึงอย่างไม่พอใจกับอะไรบางอย่าง คิ้วสีน้ำตาลขมวดเข้าหากันแน่นอย่างไม่เข้าใจ บอดี้กง บอดี้การ์ดอะไรของคุณป๊ากัน ชเว ยองแจ อายุจะยี่สิบแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องให้ใครมาเป็นองครักษ์พิทักษ์เขาหรอก คุณป๊าจะรู้มั้ยว่าการที่มีใครมาคอยติดตามมันโคตรน่าเบื่อ โคตรน่ารำคาญ และโคตรจะอึดอัด และอีกอย่างเขาแค่ขอไปพักผ่อนที่ฮ่องกงแค่สองเดือนในช่วงระยะเวลาที่มหาลัยของเขาปิดเทอม ไม่เห็นจะต้องเว่อร์ถึงกับมีบอดี้การ์ดคอยตามปกป้องและดูแลตลอดเวลา

     

     

    "คุณป๊า! ยองแจดูแลตัวเองได้ ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องมีบอดี้การ์ดเลย" เสียงใสเอ่ยพร้อมกับกอดอกมองผู้เป็นบิดาของตัวเองอย่างเอาแต่ใจ

    "ไม่ได้! ป๊าทำเป็นเรื่องเล็กไปไม่ได้ ยองแจจะไปอยู่ฮ่องกงคนเดียวไม่ได้..." น้ำเสียงเข้มแกมบังคับของผู้เป็นบิดาเอ่ยออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว

    "ยองแจไม่ได้ไปอยู่คนเดียวซะหน่อย มีรุ่นพี่... เอ่อ..." แทบจะปิดปากตัวเองไม่ทัน ขืนหลุดออกไปมีหวังได้นอนเล่นอยู่ในห้องเป็นอาทิตย์แน่ เกือบไปแล้วมั้ยล่ะยองแจ

    "คิดว่าป๊ารู้ไม่ทันหรือไงว่าลูกป๊าจะไปอยู่กับใคร ...ป๊าบอกเลยว่าป๊าไม่ไว้ใจไอ้หมอนั่น" ความห่วงใยถูกส่งตรงมาจากผู้เป็นบิดา ทำเอายองแจที่มองอยู่ถึงกับเดินเข้ามาสวมกอด

    "โธ่ป๊า! ยองแจเข้าใจป๊านะ แต่ยองแจก็โตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว..." ยองแจพูดในสิ่งที่ตนคิด เขาเข้าใจว่าพ่อของเขาไม่ค่อยชอบหน้ารุ่นพี่คนนั้นของเขาสักเท่าไหร่ แต่รุ่นพี่ของเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร "อีกอย่างรุ่นพี่คนนั้นของยองแจเขาก็เป็นคนดีนะป๊า..." ใช่! รุ่นพี่คนนั้นแสนดีกับยองแจมาก มากจนยองแจไม่อยากเป็นแค่รุ่นน้อง

    "ป๊าเป็นห่วงยองแจ ป๊ารักยองแจมากนะ ยองแจคือสิ่งมีค่าสิ่งสุดท้ายที่ป๊ามี..." น้ำเสียงเข้มเชิงตัดพ้อเอ่ยออกมา ไม่มีพ่อคนไหนหรอกที่ไม่เป็นห่วงลูกของตัวเอง แล้วยิ่งเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของเจ้าสัวหยางแล้วก็ยิ่งต้องเป็นห่วง

    "อาป๊าอะ..." เป็นลูกที่ดีจะต้องเชื่อฟังบิดาใช่มั้ย ยองแจยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ทำให้คนฟังสบายใจ

    "ยองแจยอมมีบอดี้การ์ดก็ได้ ป๊าของยองแจจะได้สบายใจ" รอยยิ้มกว้างปรากฏอยู่บนใบหน้าคนฟังอย่างเจ้าสัวหยางทันทีที่ยองแจพูดจบ "แต่บอดี้การ์ดคนนั้นจะต้องเชื่อฟังและทำตามที่ยองแจสั่งนะ"

    "ตามใจยองแจเลยลูก ...ยังไงซะเขาก็เป็นบอดี้การ์ดของลูกอยู่แล้ว" เสียงเข้มเอ่ยออกมาพร้อมกับดึงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเข้ามากอด "อย่างนี้ป๊าค่อยสบายใจขึ้นมามากโข..."

    "ครับป๊า..." ใบหน้ากลมประดับไปด้วยรอยยิ้มจนดวงตาทั้งสองข้างหยีลง ก่อนจะกระตุกยิ้มน้อยๆที่มุมปาก

     

     

    'บอดี้การ์ดหรอ ...รู้จักชเวยองแจน้อยไปเสียแล้ว คอยดู! จะป่วนให้หัวปั่นแล้วรีบลาออกจากการเป็นบอดี้การ์ดเลย'

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    สองขายาวในกางเกงหนังสีดำมันวาวที่กำลังก้าวเดินไปตามทางพลางกับลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เมื่อถึงทางออกสองขายาวชะงักหยุดลง ก่อนจะสอดส่ายสายตาไปยังรอบๆบริเวรที่ตนยืนอยู่

     

     

    ไหนล่ะบอดี้การ์ดฝีมือดี รู้มั้ย? ว่าคนอย่างชเวยองแจไม่ชอบการรออะไรนานๆ มันเสียเวลา

     

     

    ยองแจบ่นกับตัวเองในใจ นี่เขาต้องมายืนรอบอดี้การ์ดที่ทำตัวเหลวไหลมาไม่ตรงเวลา ไม่รู้จักหน้าที่และความรับผิดชอบงั้นหรอ มันไม่มากไปหน่อยหรือยังไง

     

     

    RRRR rrrr…

     

     

    เสียงสายเรียกเข้าจากปลายสายช่วยดึงอารมณ์ที่กำลังหงุดหงิดอย่างเต็มที่ของยองแจไว้ให้กลับมาสงบ ก่อนที่รอยยิ้มกว้างนั้นจะปรากฏขึ้นแทนเมื่อรู้ว่าคนที่โทรมานั้นคือใคร

     

     

    อิม แจบอม

     

     

    "ครับฮยอง อ่า... ยองแจเพิ่งถึงเองครับ" กรอกน้ำเสียงที่แสนนุ่มนวลนั่นลงไปให้กับคู่สายสนทนา

     

    (อ่า... ฮยองคิดว่ายองแจจะไม่มาซะแล้ว)

     

    "ไม่ได้ครับ ยองแจผิดสัญญากับแจบอมฮยองไม่ได้..." รอยยิ้มที่กว้างอยู่แล้วกลับกว้างยิ่งขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงของปลายสายที่ตอบกลับมา

     

    (ถ้ายองแจไม่มา ฮยองคงเสียใจ ฮยองดีใจนะที่ยองแจมา ...ให้ฮยองไปรับมั้ย)

     

    "เอ่อ... ยะ ยองแจเกรงใจแจบอมฮยองจังเลยครับ" เหมือนจะปฏิเสธแต่ยองแจก็ไม่ได้ปฏิเสธออกไป ดีเหมือนกันขืนรอบอดี้การ์ดของคุณป๊ารากจะต้องงอกแน่ๆ "ครับ ยองแจจะรอแจบอมฮยองที่ประตูทางออกโซน A ...รีบๆมานะครับ"

     

     

    หลังจากวางสายจากอีกคนแล้ว ใบหน้ากลมกลับเด่นขึ้นมาทันที ความเขินอายที่พุ่งปรี๊ดจนเกือบทะลุปรอทนั้นสร้างให้ใบหน้ากลมนวลนั่นขึ้นสีระเรื่อราวกับผลมะเขือเทศสุกที่กำลังได้ที่

     

     

    "คุณหนูชเวยองแจใช่มั้ยครับ..." เสียงเข้มจากชายร่างสูงในชุดสูทสีดำตรงหน้ากำลังเอ่ยทักทายร่างเล็กด้วยความเคารพ ทำเอาความเขินอายที่มีถึงกับชะงักค้างกลางอากาศ

     

     

    แปลก มันน่าแปลก ใครกันนะมาเรียกชื่อเขา และที่สำคัญเขาไม่เคยไปรู้จักปรองดองกับไอ้คนแปลกหน้าที่ยืนฉีกยิ้มกว้างอยู่ตรงหน้าของเขา แต่ เอ... ชเวยองแจอาจจะลืมไปเสียสนิท ว่าก่อนหน้านี้เขากำลังอารมณ์เสียอยู่กับอะไร

     

     

    หวัง เจียเอ่อร์

     

     

    ไอ้หมียักษ์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเนี่ยนะ คือบอดี้การ์ดของเขา บอดี้การ์ดห่วยแตกและไร้ซึ่งความรับผิดชอบต่อหน้าที่และเวลา

     

     

    "นายคือหวัง เจียเอ่อร์หรอ..." ยองแจเอ่ยถามพลางสำรวจร่างสูงของคนตรงหน้าทันทีที่ความคิดในใจจบลง

    "เปล่าครับ!" ยิ้ม ยังจะมายิ้มอีก "ผม คิม ยูคยอม ครับ เป็นบอดี้การ์ดอีกคนของคุณหนูยองแจครับ"

    "อืม นี่ฉันถามนายจริงๆนะว่านาฬิกาตาย ถ่านหมด หรือว่านายไม่ยอมพกนาฬิกา เป็นบอดี้การ์ดซะเปล่าแต่กลับให้เจ้านายมายืนรอแบบนี้" ยองแจยิงคำถามออกไปอย่างสงสัย "ทำไมถึงมารับฉันช้าแบบนี้ ...มันหงุดหงิดที่สุดเลย นายรู้มั้ย!" โมโหแล้วไหนๆก็ขอด่าหน่อยเถอะ ให้รอนานๆมันน่าเบื่อที่สุดนะรู้มั้ย?

    "ครับ..." ให้ตายเถอะไอ้หมีบ้านี่ยืนยิ้มราวกับไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของเขาเลยสักนิด

    "โอ้ย! คุณป๊าส่งบอดี้การ์ดหรือคนบ้ามาดูแลยองแจเนี่ย..." มือเล็กยกขึ้นกุมขมับตัวเองแน่น น่าปวดหัวที่สุด ให้มันได้อย่างนี้สิ

     

     

    ปึก!!!

     

     

    ครูด... ครูด...

     

     

    เสียงล้อลากจากกระเป๋าดังขึ้นเรียกสติยองแจที่กำลังกุมขมับอยู่ทันที กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของเขากำลังเคลื่อนตัวออกไปตามแรงลากของใครสักคน ยองแจถึงกับเบิกตาโพลงเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังลากกระเป๋าของเขาไปนั้นไม่ใช่ยูคยอมบอดี้การ์ดร่างหมีที่ยืนยิ้มกับคำด่าของเขาเมื่อกี้ ยองแจแทบจะวิ่งไปตัดหน้าบุคคลแปลกหน้าที่แสนจะไร้มารยาททันที

     

     

    "ไอ้บ้า ...เอากระเป๋าฉันมานะ" มือเล็กยื้อกระเป๋าเอาไว้ พร้อมกับจ้องหน้าบุคคลแปลกหน้าด้วยตาเขม็ง

    "เราเสียเวลากับคุณมามากพอแล้ว ผมง่วง..." คำตอบของบุคคลมาใหม่ทำเอาคนฟังอย่างยองแจแทบหงายหลัง คงเดาได้ไม่ยากนักว่าไอ้บ้าปากเสียนี่คือใคร

    "หวัง เจียเอ่อร์..." ยองแจเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับกระชากคอเสื้อของอีกคนอย่างหาเรื่อง "อย่ามาพูดคำว่าเสียเวลากับฉัน ...นายมันก็แค่บอดี้การ์ดกิ๊กก๊อกที่อาป๊าจ้างมา"

    "คิดว่าเป็นถึงลูกเจ้าสัวแล้วผมจะไม่กล้าหรือยังไง!" มือแกร่งจับเข้าที่ข้อมือเล็กของยองแจ ก่อนจะกระชากออกอย่างแรง "อย่ามาวางก้ามกับผม แล้วก็รู้ไว้ซะด้วยว่างานบอดี้การ์ดคืองานที่ผมเกลียดมากที่สุด ถ้าเป็นไปได้ ผมจะไม่รับปากเจ้าสัวหยาง เรื่องการดูแลเด็กที่ไม่รู้จักโตอย่างคุณ มันน่ารำคาญที่สุด..." น้ำเสียงแหบตวาดลั่นจนยองแจถึงกับตกใจ คนบ้าอะไรโมโหไม่เข้าท่า

    "เหอะ! ลำบากใจมากก็ลาออกไปซะ หงุดหงิดเป็นเหมือนกันนะ..." ยองแจสวนกลับก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางกลับมาไว้ที่ตน

    "อย่ามาทำตัวพูดยาก..." ไม่รอช้ามือแกร่งรีบแย่งกระเป๋าเดินทางใบใหญ่คืนมา ก่อนที่จะเดินตรงไปยังลีมูซีนสีดำที่จอดอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

    "โว้ย!!! ขัดใจชะมัดยาด..." ยองแจบ่นอุบ ก่อนจะหันไปมองบอดี้การ์ดตัวสูงที่ยืนฉีกยิ้มให้เขาอยู่ "อ้าว ไอ้บ้านี่ก็ยิ้มอยู่นั่นแหละ!"

    "อย่าไปถือสาฮยองเลยนะครับคุณหนู ...เชิญที่รถดีกว่า" ยูคยอมอมยิ้มพลางผายมือเป็นเชิงให้ยองแจเดินไปยังลีมูซีนคันหรูที่จอดรออยู่

     

     

    ลีมูซีนสีดำคันหรูกำลังเคลื่อนตัวออกไปตามท้องถนนที่เริ่มแออัดด้วยการจราจร ภายในลีมูซีนคันหรูถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบและเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังเฉียบขึ้นมาเท่านั้น ดวงตาคู่คมมองผ่านไปยังกระจกหลัง ใบหน้ากลมที่ติดจะบึ้งตึงของคุณหนูจอมเอาแต่ใจกำลังไม่สบอารมณ์ แถมร่างกายนั้นเริ่มอยู่ไม่สุขและขยุกขยิกไปมาราวกับว่ามีเรื่องอะไรที่ทำให้ร้อนรนใจ

     

     

    "ไฟลนตูดหรือไง ถึงต้องขยุกขยิกไปมา..." หวัง เจียเอ่อร์ หรือ หวัง แจ็คสัน เอ่ยถ้อยคำออกมาด้วยน้ำเสียงห้วนๆ

    "หนักตูดนายหรือไงไอ้บ้า..." ชเวยองแจเอ่ยพร้อมกับถลึงตาใส่แจ็คสันอย่างเอาเรื่อง

    "คุณหนูยองแจ คุณหนูปัญญาอ่อนที่ชอบแคะขี้มูกไม่น่าจะโตได้ถึงขนาดนี้นะ..." เป็นอีกครั้งที่น้ำเสียงแหบติดจะกวนประสาทของแจ็คสันเอ่ยออกมา

    "ไอ้ ไอ้ ไอ้... โว้ย!! นายรู้ได้ยังไง!" ยองแจกัดฟันกรอด ไม่คิดว่าสิ่งที่ได้ยินจะออกมาจากปากของของบอดี้การ์ดที่พ่อตัวเองเป็นคนส่งมาดูแล และที่สำคัญเพิ่งจะได้รู้จักกันไม่ถึงสิบนาที

    "ก็..." ริมฝีปากหยักเม้มเข้าหากันแน่น ก่อนจะเปลียนเรื่องสนทนาทันที "มาอยู่ฮ่องกงทั้งที หวังว่าคุณจะปรับตัวในการใช้ชีวิตได้ไม่เร็วก็ช้า ข้องใจหรืออยากรู้อะไร ถามยูคยอมได้ทันที"

    "อ้าว!!! ฮยอง!!!" ยูคยอมที่ทำหน้าที่สารถีหันมามองเสี้ยวหน้าของอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อแจ็คสันเกิดที่นี่น่าจะรู้ดีกว่าเขาที่เพิ่งย้ายมาอยู่ได้ไม่กี่ปี

    "นายจะปฏิเสธทำไมยูคยอม!!! มันคือความดีความชอบของนายเลยนะ..." แจ็คสันเอ่ยพร้อมกับเหลือบตามองยองแจที่นั่งกุมเครื่องมือสื่อสารแน่น "จะโทรก็โทร ป่านนี้หมอนั่นมันคงรอคุณอยู่ที่สนามบินจนเหงือกแห้งแล้วล่ะ"

     

     

    ยองแจถึงกับตวัดตาขวางใส่แจ็คสันอย่างไม่พอใจในสิ่งที่ได้ยิน อย่าให้ต้องพูดนะว่าเพราะใครกันที่ทำให้แจบอมฮยองต้องมารับเขาที่สนามบินจนรอเก้อ

     

     

    อุปกรณ์สื่อสารราคาหลายหมื่นถูกหยิบขึ้นมา นิ้วเล็กจิ้มไปมาบนหน้าจอสีสว่างนั่นทันที ก่อนจะยกขึ้นมาแนบฟังไว้ที่ข้างหู

     

     

    "อ่า... ฮยอง คือยองแจขอโทษฮยองด้วยนะครับ" น้ำเสียงที่ฟังดูรื่นหูถูกกรอกไปยังปลายสายสนทนาทันทีที่ถูกตอบรับ แจ็คสันได้แต่มองออกไปยังเส้นทางข้างหน้าในขณะที่หูยังคงฟังบทสนทนาที่ถูกประดิษฐ์ถ้อยคำขึ้นมาให้ฟังดูหวานหู หึ! ไอ้คุณหนูขี้อ้อยเอ๊ย!!!

    "ก็ที่ยองแจให้ฮยองมารับที่สนามบินไงครับ แล้วก็ปล่อยฮยองให้รอเก้อ ยองแจขอโทษแจบอมฮยองจริงๆนะครับ แจบอมฮยองอย่าโกรธยองแจเลยนะ แต่ถ้าฮยองโกรธให้ยองแจเลี้ยงข้าวฮยองเป็นการไถ่โทษนะครับ..." ให้ตายเถอะ ใจป๋าซะด้วยเลี้ยงข้าวผู้ชาย

    "เยส! ฮยองรับปากยองแจแล้วนะ ...ไว้เจอกันนะครับ" รอยยิ้มกว้างถูกระบายอยู่บนใบหน้ากลมเกือบจะทุกๆคำพูด ใบหน้าเปื้อนยิ้มนั่นช่างมีความสุขเสียเหลือเกิน

    "ฮยองบ้า..." คำพูดสุดท้ายที่จบลงพร้มกับการสนทนาที่ทำเอาใบหน้ากลมนั่นแต้มไปด้วยสีระเรื่อ ยองแจกุมมือตัวเองแน่นพร้อมกับทำแก้มป่องแล้วเสมองออกไปยังท้องถนนอย่างเก็บอาการเขินอายในสิ่งที่ได้ยิน ทำไมแจบอมฮยองน่ารักแบบนี้นะ

     

     

    แจ็คสันที่จ้องมองการกระทำของคนตัวเล็กอยู่ตลอดเวลาถึงกับเอ่ยถ้อยคำออกมาดับความเขินอายที่กำลังขึ้นจนสุดปรอทของยองแจทันที

     

     

    "จะพองลมทำไม แค่นั้นยังบวมไม่พออีกหรือไง..." ถ้อยคำของแจ็คสันทำเอาบุคคลที่สามอย่างยูคยอมถึงกับหลุดขำออกมา ช่างเป็นคำพูดที่เบรกอารมณ์เสียเหลือเกิน

    "หึ่ย! ไอ้บอดี้การ์ดปากเสีย อยู่เฉยๆไม่พูดอะไรอย่างยูคยอม ฉันก็ไม่ได้ว่านายเป็นใบ้ซะหน่อย!" ยูคยอมเกาหัวแกรกๆ นี่เขากลายเป็นชายกลางตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วสองคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรกันมาถึงทะเลาะกันตั้งแต่แรกเจอ

    "นี่ฉันหิวข้าว... พวกนายไม่หิวกันหรือไง" ยองแจบ่นอุบทันที หลังจากที่สงครามย่อยๆของเขาและแจ็คสันสงบลง กระเพาะเจ้ากรรมของเขามันกลับร้องประท้วงขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งแทน ป่านนี้อาหารที่กินเข้าไปเมื่อเช้ามันคงโดนน้ำย่อยกัดกินไปหมดแล้ว หิวจะแย่!!!

    "ยูคยอม ข้างหน้ามีร้านอาหารอิตาลี ...แวะเลย" แจ็คสันเอ่ยขึ้นมาแบบลอยๆ ก่อนจะมองยองแจที่นั่งเอามือกุมท้องแล้วพยักเพยิดหน้าให้เขาเป็นเชิงว่ากินได้ ดีเหมือนกันที่คุณหนูไม่เรื่องเยอะ ไม่งั้นคงต้องเปลืองน้ำมันรถพาคุณหนูตะเวนรอบฮ่องกงเพื่อหาอาหารที่ถูกปากกิน

     

     

    เพียงไม่กี่นาทีบนโต๊ะที่เคยว่างเปล่ากลับถูกเสิร์ฟด้วยอาหารอิตาเลี่ยนมากหน้าหลายตาจนเลือกกินไม่ถูก แจ็คสันเหลือบมองชเวยองแจที่นั่งมองอาหารตรงหน้าด้วยแววตาวิบวับซึ่งไม่ต่างจากไอ้เด็กยักษ์อย่างยูคยอมที่นั่งข้างๆเขาสักเท่าไหร่ คงจะหิวกันมากสินะ

     

     

    "กินสิ นี่รอประธานมาตัดริบบิ้นกันหรือยังไง..." แจ็คสันและยูคยอมมองชเวยองแจด้วยสายตาแปลกๆ พวกเขาคงไม่คิดว่าคุณหนูตระกูลดีจะเสียมารยาทกับชาวบ้านเขาเป็น คนเราทำได้ทุกอย่างใช่มั้ยโดยเฉพาะเวลาท้องมันร้อง ชเวยองแจก็เช่นกัน

     

     

    ไม่รอช้า ความเงียบก็เข้าปกคลุมบนโต๊ะอาหารอีกครั้งนึง ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารตรงหน้าของตัวเองจนหมด พวกเขาใช้เวลาเพียงไม่นานนักสำหรับมื้อเที่ยงที่กำลังผ่านไปด้วยดี ยองแจหยิบผ้าสีขาวสะอาดขึ้นมาเช็ดปากตัวเองเล็กน้อยหลังจากที่ทานอาหารเสร็จ ในขณะที่แจ็คสันกำลังลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง

     

     

    "จัดการด้วยยูคยอม.." กระเป๋าสตางค์หนังสีดำขลับถูกวางลงตรงหน้าของยูคยอม ก่อนที่แจ็คสันจะเดินดุ่มๆออกไปจากร้านอาหาร ทำเอาคนมองอย่างยองแจถึงกับบ่นเบาๆ

    "โลกส่วนตัวสูงเป็นบ้า..." ริมฝีปากสีสวยเบะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมองยูคยอมที่กำลังมองเขาอย่างยิ้มๆ

    "สงสัยคุณหนูคงต้องปวดหัวกับโลกส่วนตัวที่สู๊งสูงของแจ็คสันฮยองไปอีกนาน..." ยูคยอมเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง

    "ใช่! ฉันคงต้องปวดหัวกับบอดี้การ์ดอย่างพวกนายไปอีกนาน ...คนนึงก็โลกส่วนตัวสูง ส่วนอีกคนก็เป็นบ้า!" ยองแจพูดพร้อมกับเดินผ่านหน้ายูคยอมออกไปรอที่รถยนต์ คำพูดที่ทำเอาคนฟังอย่างยูคยอมยิ้มร่าออกมา ราวกับว่าไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของยองแจเลยสักนิด

     

     

    หลังจากที่อาหารมื้อเที่ยงผ่านไป ลีมูซีนสีดำคันหรูก็รีบมุ่งทะยานสู่ที่พักที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลทันที ใช้เวลาเพียงไม่นานเครื่องยนต์คันหรูก็ถูกดับลงที่ลานจอดรถชั้นเจ็ดของคอนโดที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง

     

     

    "เชิญ..." แจ็คสันเอ่ยคำพูดสั้นๆก่อนที่จะก้าวขาเดินลงจากรถเป็นคนแรก ทำเอายูคยอมถึงกับถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้าออกมาอย่างหน่ายๆกับท่าทีของแจ็คสันที่เดินไปโดยไม่หันหลังกลับมา

    "เชิญครับคุณหนู..." ประตูด้านหลังถูกเปิดออกพร้อมกับคำพูดที่ฟังดูสบายหูของยูคยอมทำเอายองแจระบายยิ้มออกมาบางๆ ยังดีนะที่บอดี้การ์ดมีถึงสองคน ถ้ามีบอดี้การ์ดคนเดียว และคนๆนั้นไม่ใช่ยูคยอมนะ คนอย่างคุณหนูชเวยองแจคงต้องปรี๊ดแตกเป็นแน่

    “นี่ยูคยอม นายเป็นบอดี้การ์ดที่ใจเย็นกับฉันมากเลยรู้มั้ย?” หลังจากที่สัมภาระทั้งหมดถูกยกลงมาจากรถ ยูคยอมบอดี้การ์ดร่างสูงก็ทำหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ผิดกับบอดี้การ์ดอีกคนอย่างแจ็คสันที่หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้

    "ขอบใจนายมากนะยูคยอม..." ทันทีที่ถึงหน้าห้องพัก ยองแจก็รีบเอ่ยคำขอบคุณกับยูคยอมบอดี้การ์ดตัวสูงที่เดินมาส่งเขาที่หน้าห้องพัก อีกทั้งยังถือสัมภาระมาให้เขาอีก บอดี้การ์ดคนนี้นี่ดีจริงๆ ส่วนอีกคนน่ะหรอ...

     

     

    หายเข้ากลีบเมฆก้อนไหนไปแล้วก็ไม่รู้...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรูสว่างวาบขึ้นมาทันทีที่มีสายเรียกเข้า ดวงตาเรียวเหลือบมองด้วยหางตา ก่อนจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูอย่างไม่สบอารมณ์

     

     

    "ใครวะ..."

     

     

    เสียงเข้มเอ่ยพร้อมกับเด้งตัวขึ้นมาจากเตียงหนา

     

     

    ชเว ยองแจ

     

     

    ใบหน้าที่หงุดหงิดเมื้อกี้ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ปรากฏขึ้นมาจากริมฝีปากของคนหน้าหล่อ

     

     

    "ครับยองแจ..." เสียงเข้มกรอกลงไปยังปลายสายอย่างอ่อนโยน

     

    (อ่า... ฮยอง คือยองแจขอโทษฮยองด้วยนะครับ) น้ำเสียงที่ฟังดูรื่นหูจากอีกฝ่ายทำเอาเขาถึงกับขมวดคิ้วอย่างงงๆ

     

    "อืม... ยองแจหมายความว่าอะไรหรอครับ ฮยองไม่เข้าใจ..." ไม่ได้แกล้งไขสือทำเป็นไม่รู้ เขาไม่เข้าใจด้วยซ้ำไป ว่าที่ยองแจขอโทษเขาทำไม ทั้งๆที่ยองแจไม่ได้ทำอะไรผิด ดูร้อนรนแปลกๆ

     

    (ก็ที่ยองแจให้ฮยองมารับที่สนามบินไงครับ แล้วก็ปล่อยฮยองให้รอเก้อ ยองแจขอโทษแจบอมฮยองจริงๆนะครับ แจบอมฮยองอย่าโกรธยองแจเลยนะ แต่ถ้าฮยองโกรธ ให้ยองแจเลี้ยงข้าวฮยองเป็นการไถ่โทษนะครับ...) เขานิ่งฟังคำพูดที่ไม่เว้นจังหวะหายใจของอีกฝ่าย ก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ใช่ อิม แจบอม คนนี้หลงลืมไปเลยว่าเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนเขาเป็นฝ่ายโทรไปถามยองแจว่าถึงไหนแล้ว แล้วเขาเองที่เป็นฝ่ายเอ่ยปากว่าจะไปรับ

     

    "อืม... ฮยองไม่โกรธยองแจเลยนะครับ ส่วนเรื่องเลี้ยงข้าว ...ฮยองไปก็ได้" จะโกรธไปทำไมเล่า ในเมื่อคนผิดคือเขาเอง จนป่านนี้แล้วเขาก็ยังไม่ลุกจากเตียงที่มีหญิงสาวนอนร่วมอยู่ด้วยตั้งแต่เมื่อคืนเลย ถือว่าเป็นผลพลอยได้ก็แล้วกันนะคุณหนูยองแจ

     

    (เยส! ฮยองรับปากยองแจแล้วนะ ...ไว้เจอกันนะครับ) แจบอมยิ้มกระหยิ่มกับเสียงที่ได้ยิน เขาทำให้อีกฝ่ายดีใจได้ขนาดนี้เลยหรอ

     

    "ที่ฮยองไปไม่ใช่เพราะยองแจเลี้ยงข้าวฮยองนะ ...แต่เพราะฮยองอยากเจอยองแจเร็วๆ ถ้าเป็นไปได้ฮยองอยากเจอยองแจพรุ่งนี้เลย" เขายิ้มเล็กๆ ก่อนจะเหลือบมองหญิงสาวข้างๆกายที่กำลังจ้องเขาตาแป๋ว

     

    (ฮยองบ้า...) นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ได้ยินจากอีกฝ่าย ก่อนที่สายสนทนาจะถูกตัดไป

     

     

    เหมือนเขาวิ่งเข้าเส้นชัยทั้งๆที่ยังไม่ได้ออกแรงทำอะไรเลยสักนิด ของเล่นชิ้นใหม่ที่เปรียบเสมือนกับรางวัลชิ้นงามก็ถูกโยนลงมาให้เล่นจากสวรรค์ อิม แจบอม นายนี่มันโชคดีจริงๆ

     

     

    "ใครคะ ...แจบอม" เสียงใสจากหญิงสาวข้างกายเอ่ยขึ้นทำลายความคิดของแจบอมให้พังทลายลง เขาตวัดตามองหล่อนเพียงเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าสตางค์ แล้วควักธนบัตรออกมาปึกนึงแล้วส่งให้หล่อน

    "วันไนท์สแตน... รับไปซะ!" ดวงตากลมใสของหญิงสาวจ้องมองด้วยอาการหน้าเสีย อิม แจบอม คือผู้ชายที่ใครๆต่างก็หมายปอง หล่อนเองก็คือหนึ่งในนั้นเหมือนกับหลายๆคน จากที่เคยได้ยินและไม่เชื่อว่า อิม แจบอม ไม่ชอบมีสัมพันธ์สวาทกับใครเป็นคืนที่สอง และไม่คิดจะสานสัมพันธ์กับใครแม้เรื่องอย่างว่าจะเข้ากันได้ดี หล่อนเชื่อแล้วว่าความสัมพันธ์ของ อิม แจบอม เป็นแบบวันไนท์สแตนจริงๆ แล้วยิ่งกว่านั้นสิ่งที่หล่อนได้รู้ก็คือผู้ชายที่ชื่อว่า อิม แจบอม นั้นยิ่งกว่าพวกปากหวานก้นเปรี้ยวซะอีก

    "แต่นานะรักคุณ..." หล่อนว่าพลางกอดแขนแกร่งของชายหนุ่มไว้แน่น

    "อย่าพูดยาก ...ฉันเป็นคนยังไงเธอก็น่าจะรู้ดี!" ดวงตาเรียวรีแฝงไปด้วยความแข็งกระด้าง คำพูดดั่งมีดปลายแหลมของเขาถูกใช้มาแล้วจนนับไม่ถ้วน ยิ่งเสียกว่าขวานผ่าซากซะอีก

    "แต่..." หล่อนยังคงเซ้าซี้ต่ออย่างไม่ลดละ

    "นานะ ...อย่ามาเรียกร้อง เธอมีค่าแค่กระดาษปึกนั้น!" แล้วนั่นคือคำพูดตัดรำคาญครั้งสุดท้ายที่อิมแจบอมเอ่ยออกมาพร้อมกับร่างของเขาที่ลุกออกจากเตียง ก่อนที่ทุกอย่างจะถูกกลบด้วยเสียงกรีดร้องและร่ำไห้ของหญิงสาวที่เขาเป็นคนพามาคั่วแทบทั้งคืน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ควันบุหรี่สีเทาลอยฟุ้งกระจายเป็นวงกว้าง นิ้วเรียวยาวคีบมวนบุหรี่ยี่ห้อดีขึ้นมาพร้อมกับสูบเอาสารพิษเข้าไปในร่างกายอีกครั้ง ก่อนจะพ่นออกมาเช่นเดิม เขาทำมันอยู่อย่างนั้นเพื่อระบายความเครียดที่สุมกันอยู่ในใจให้ลดลง

     

     

    “ผมนึกว่าแจ็คสันฮยองไปไหน ที่แท้ก็” เสียงหนึ่งดังมาจากทางด้านหลังทำเอาแจ็คสันถึงกับถอนหายใจทิ้งด้วยท่าทีที่ไม่สบอารมณ์

    “ไง! แกจะว่าอะไรฉันหรือเปล่าไอ้ยูค” แจ็คสันเอ่ยขึ้นมา ก่อนจะเหลือบตามองยูคยอมที่เดินมายืนข้างๆเขา

    “หึ! ผมจะว่าอะไรฮยองได้ อืม ว่าแต่เราต้องดูแลคุณหนูยองแจไปนานเท่าไหร่” ยูคยอมถามออกมาด้วยรอยยิ้ม

    “ทำไมแกเบื่อไอ้คุณหนูจอมเอาแต่ใจนั่นแล้วหรือไง” แจ็คสันถามพลางหัวเราะกลั้วในลำคอ

    “เปล่า ผมแค่คิดว่า” รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนตัวสูงทันทีที่ใบหน้ากลมที่ติดจะบึ้งตึงของอีกคนลอยขึ้นมา “เอาเป็นว่าฮยองตอบคำถามผมมาเถอะน่า” ยูคยอมหรุบตาต่ำลงเล็กน้อย ก่อนที่จะเหลือบมองแจ็คสันที่นิ่งเงียบไป

    “ระยะเวลาแค่สองเดือนกว่าๆนับจากนี้เป็นต้นไป แกอย่าคิดผูกติดกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้” ยูคยอมถึงกับขมวดคิ้วแน่น แจ็คสันกำลังจะบอกอะไรเขา “หน้าที่คือหน้าที่ หวังว่านายจะเข้าใจ”

     

     

    จบคำ บุหรี่มวนเดิมที่ถูกนิ้วเรียวยาวคีบไว้ถูกแจ็คสันปล่อยทิ้งลงบนพื้น พร้อมกับเท้าหนาที่กำลังขยี้ให้มันดับไป ดวงตาคู่คมตวัดมองยูคยอมอย่างสื่อความหมาย ก่อนที่แจ็คสันจะก้าวออกจากบริเวรนั้นไป ปล่อยให้ยูคยอมทำหน้าตาไม่เข้าใจอยู่อย่างนั้น

     

     

    “แล้วอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้บ้างล่ะ

     

     

    TBC.-

     

     

    ขอคอมเม้นท์ติชมให้กำลังใจด้วยครับ จะรีบมาต่อตอนต่อไปนะ จุ๊บบบ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×