คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : MBH :: 01
-01-
Hello My Bodyguard
ใบหน้ากลมที่ติดจะงอแงของคนร่างเล็กกำลังบึ้งตึงอย่างไม่พอใจกับอะไรบางอย่าง คิ้วสีน้ำตาลขมวดเข้าหากันแน่นอย่างไม่เข้าใจ บอดี้กง บอดี้การ์ดอะไรของคุณป๊ากัน ชเว ยองแจ อายุจะยี่สิบแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องให้ใครมาเป็นองครักษ์พิทักษ์เขาหรอก คุณป๊าจะรู้มั้ยว่าการที่มีใครมาคอยติดตามมันโคตรน่าเบื่อ โคตรน่ารำคาญ และโคตรจะอึดอัด และอีกอย่างเขาแค่ขอไปพักผ่อนที่ฮ่องกงแค่สองเดือนในช่วงระยะเวลาที่มหาลัยของเขาปิดเทอม ไม่เห็นจะต้องเว่อร์ถึงกับมีบอดี้การ์ดคอยตามปกป้องและดูแลตลอดเวลา
"คุณป๊า! ยองแจดูแลตัวเองได้ ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องมีบอดี้การ์ดเลย" เสียงใสเอ่ยพร้อมกับกอดอกมองผู้เป็นบิดาของตัวเองอย่างเอาแต่ใจ
"ไม่ได้! ป๊าทำเป็นเรื่องเล็กไปไม่ได้ ยองแจจะไปอยู่ฮ่องกงคนเดียวไม่ได้..." น้ำเสียงเข้มแกมบังคับของผู้เป็นบิดาเอ่ยออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว
"ยองแจไม่ได้ไปอยู่คนเดียวซะหน่อย มีรุ่นพี่... เอ่อ..." แทบจะปิดปากตัวเองไม่ทัน ขืนหลุดออกไปมีหวังได้นอนเล่นอยู่ในห้องเป็นอาทิตย์แน่ เกือบไปแล้วมั้ยล่ะยองแจ
"คิดว่าป๊ารู้ไม่ทันหรือไงว่าลูกป๊าจะไปอยู่กับใคร ...ป๊าบอกเลยว่าป๊าไม่ไว้ใจไอ้หมอนั่น" ความห่วงใยถูกส่งตรงมาจากผู้เป็นบิดา ทำเอายองแจที่มองอยู่ถึงกับเดินเข้ามาสวมกอด
"โธ่ป๊า! ยองแจเข้าใจป๊านะ แต่ยองแจก็โตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว..." ยองแจพูดในสิ่งที่ตนคิด เขาเข้าใจว่าพ่อของเขาไม่ค่อยชอบหน้ารุ่นพี่คนนั้นของเขาสักเท่าไหร่ แต่รุ่นพี่ของเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร "อีกอย่างรุ่นพี่คนนั้นของยองแจเขาก็เป็นคนดีนะป๊า..." ใช่! รุ่นพี่คนนั้นแสนดีกับยองแจมาก มากจนยองแจไม่อยากเป็นแค่รุ่นน้อง
"ป๊าเป็นห่วงยองแจ ป๊ารักยองแจมากนะ ยองแจคือสิ่งมีค่าสิ่งสุดท้ายที่ป๊ามี..." น้ำเสียงเข้มเชิงตัดพ้อเอ่ยออกมา ไม่มีพ่อคนไหนหรอกที่ไม่เป็นห่วงลูกของตัวเอง แล้วยิ่งเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของเจ้าสัวหยางแล้วก็ยิ่งต้องเป็นห่วง
"อาป๊าอะ..." เป็นลูกที่ดีจะต้องเชื่อฟังบิดาใช่มั้ย ยองแจยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ทำให้คนฟังสบายใจ
"ยองแจยอมมีบอดี้การ์ดก็ได้ ป๊าของยองแจจะได้สบายใจ" รอยยิ้มกว้างปรากฏอยู่บนใบหน้าคนฟังอย่างเจ้าสัวหยางทันทีที่ยองแจพูดจบ "แต่บอดี้การ์ดคนนั้นจะต้องเชื่อฟังและทำตามที่ยองแจสั่งนะ"
"ตามใจยองแจเลยลูก ...ยังไงซะเขาก็เป็นบอดี้การ์ดของลูกอยู่แล้ว" เสียงเข้มเอ่ยออกมาพร้อมกับดึงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเข้ามากอด "อย่างนี้ป๊าค่อยสบายใจขึ้นมามากโข..."
"ครับป๊า..." ใบหน้ากลมประดับไปด้วยรอยยิ้มจนดวงตาทั้งสองข้างหยีลง ก่อนจะกระตุกยิ้มน้อยๆที่มุมปาก
'บอดี้การ์ดหรอ ...รู้จักชเวยองแจน้อยไปเสียแล้ว คอยดู! จะป่วนให้หัวปั่นแล้วรีบลาออกจากการเป็นบอดี้การ์ดเลย'
สองขายาวในกางเกงหนังสีดำมันวาวที่กำลังก้าวเดินไปตามทางพลางกับลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เมื่อถึงทางออกสองขายาวชะงักหยุดลง ก่อนจะสอดส่ายสายตาไปยังรอบๆบริเวรที่ตนยืนอยู่
ไหนล่ะบอดี้การ์ดฝีมือดี รู้มั้ย? ว่าคนอย่างชเวยองแจไม่ชอบการรออะไรนานๆ …มันเสียเวลา
ยองแจบ่นกับตัวเองในใจ นี่เขาต้องมายืนรอบอดี้การ์ดที่ทำตัวเหลวไหลมาไม่ตรงเวลา ไม่รู้จักหน้าที่และความรับผิดชอบงั้นหรอ มันไม่มากไปหน่อยหรือยังไง
RRRR rrrr…
เสียงสายเรียกเข้าจากปลายสายช่วยดึงอารมณ์ที่กำลังหงุดหงิดอย่างเต็มที่ของยองแจไว้ให้กลับมาสงบ ก่อนที่รอยยิ้มกว้างนั้นจะปรากฏขึ้นแทนเมื่อรู้ว่าคนที่โทรมานั้นคือใคร
อิม แจบอม…
"ครับฮยอง อ่า... ยองแจเพิ่งถึงเองครับ" กรอกน้ำเสียงที่แสนนุ่มนวลนั่นลงไปให้กับคู่สายสนทนา
(อ่า... ฮยองคิดว่ายองแจจะไม่มาซะแล้ว)
"ไม่ได้ครับ ยองแจผิดสัญญากับแจบอมฮยองไม่ได้..." รอยยิ้มที่กว้างอยู่แล้วกลับกว้างยิ่งขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงของปลายสายที่ตอบกลับมา
(ถ้ายองแจไม่มา ฮยองคงเสียใจ ฮยองดีใจนะที่ยองแจมา ...ให้ฮยองไปรับมั้ย)
"เอ่อ... ยะ ยองแจเกรงใจแจบอมฮยองจังเลยครับ" เหมือนจะปฏิเสธแต่ยองแจก็ไม่ได้ปฏิเสธออกไป ดีเหมือนกันขืนรอบอดี้การ์ดของคุณป๊ารากจะต้องงอกแน่ๆ "ครับ ยองแจจะรอแจบอมฮยองที่ประตูทางออกโซน A ...รีบๆมานะครับ"
หลังจากวางสายจากอีกคนแล้ว ใบหน้ากลมกลับเด่นขึ้นมาทันที ความเขินอายที่พุ่งปรี๊ดจนเกือบทะลุปรอทนั้นสร้างให้ใบหน้ากลมนวลนั่นขึ้นสีระเรื่อราวกับผลมะเขือเทศสุกที่กำลังได้ที่
"คุณหนูชเวยองแจใช่มั้ยครับ..." เสียงเข้มจากชายร่างสูงในชุดสูทสีดำตรงหน้ากำลังเอ่ยทักทายร่างเล็กด้วยความเคารพ ทำเอาความเขินอายที่มีถึงกับชะงักค้างกลางอากาศ
แปลก มันน่าแปลก ใครกันนะมาเรียกชื่อเขา และที่สำคัญเขาไม่เคยไปรู้จักปรองดองกับไอ้คนแปลกหน้าที่ยืนฉีกยิ้มกว้างอยู่ตรงหน้าของเขา แต่ เอ... ชเวยองแจอาจจะลืมไปเสียสนิท ว่าก่อนหน้านี้เขากำลังอารมณ์เสียอยู่กับอะไร
หวัง เจียเอ่อร์…
ไอ้หมียักษ์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเนี่ยนะ คือบอดี้การ์ดของเขา บอดี้การ์ดห่วยแตกและไร้ซึ่งความรับผิดชอบต่อหน้าที่และเวลา
"นายคือหวัง เจียเอ่อร์หรอ..." ยองแจเอ่ยถามพลางสำรวจร่างสูงของคนตรงหน้าทันทีที่ความคิดในใจจบลง
"เปล่าครับ!" ยิ้ม ยังจะมายิ้มอีก "ผม คิม ยูคยอม ครับ เป็นบอดี้การ์ดอีกคนของคุณหนูยองแจครับ"
"อืม… นี่ฉันถามนายจริงๆนะว่านาฬิกาตาย ถ่านหมด หรือว่านายไม่ยอมพกนาฬิกา เป็นบอดี้การ์ดซะเปล่าแต่กลับให้เจ้านายมายืนรอแบบนี้" ยองแจยิงคำถามออกไปอย่างสงสัย "ทำไมถึงมารับฉันช้าแบบนี้ ...มันหงุดหงิดที่สุดเลย นายรู้มั้ย!" โมโหแล้วไหนๆก็ขอด่าหน่อยเถอะ ให้รอนานๆมันน่าเบื่อที่สุดนะรู้มั้ย?
"ครับ..." ให้ตายเถอะไอ้หมีบ้านี่ยืนยิ้มราวกับไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของเขาเลยสักนิด
"โอ้ย! คุณป๊าส่งบอดี้การ์ดหรือคนบ้ามาดูแลยองแจเนี่ย..." มือเล็กยกขึ้นกุมขมับตัวเองแน่น น่าปวดหัวที่สุด ให้มันได้อย่างนี้สิ
ปึก!!!
ครูด... ครูด...
เสียงล้อลากจากกระเป๋าดังขึ้นเรียกสติยองแจที่กำลังกุมขมับอยู่ทันที กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของเขากำลังเคลื่อนตัวออกไปตามแรงลากของใครสักคน ยองแจถึงกับเบิกตาโพลงเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังลากกระเป๋าของเขาไปนั้นไม่ใช่ยูคยอมบอดี้การ์ดร่างหมีที่ยืนยิ้มกับคำด่าของเขาเมื่อกี้ ยองแจแทบจะวิ่งไปตัดหน้าบุคคลแปลกหน้าที่แสนจะไร้มารยาททันที
"ไอ้บ้า ...เอากระเป๋าฉันมานะ" มือเล็กยื้อกระเป๋าเอาไว้ พร้อมกับจ้องหน้าบุคคลแปลกหน้าด้วยตาเขม็ง
"เราเสียเวลากับคุณมามากพอแล้ว ผมง่วง..." คำตอบของบุคคลมาใหม่ทำเอาคนฟังอย่างยองแจแทบหงายหลัง คงเดาได้ไม่ยากนักว่าไอ้บ้าปากเสียนี่คือใคร
"หวัง เจียเอ่อร์..." ยองแจเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับกระชากคอเสื้อของอีกคนอย่างหาเรื่อง "อย่ามาพูดคำว่าเสียเวลากับฉัน ...นายมันก็แค่บอดี้การ์ดกิ๊กก๊อกที่อาป๊าจ้างมา"
"คิดว่าเป็นถึงลูกเจ้าสัวแล้วผมจะไม่กล้าหรือยังไง!" มือแกร่งจับเข้าที่ข้อมือเล็กของยองแจ ก่อนจะกระชากออกอย่างแรง "อย่ามาวางก้ามกับผม แล้วก็รู้ไว้ซะด้วยว่างานบอดี้การ์ดคืองานที่ผมเกลียดมากที่สุด ถ้าเป็นไปได้ ผมจะไม่รับปากเจ้าสัวหยาง เรื่องการดูแลเด็กที่ไม่รู้จักโตอย่างคุณ มันน่ารำคาญที่สุด..." น้ำเสียงแหบตวาดลั่นจนยองแจถึงกับตกใจ คนบ้าอะไรโมโหไม่เข้าท่า
"เหอะ! ลำบากใจมากก็ลาออกไปซะ หงุดหงิดเป็นเหมือนกันนะ..." ยองแจสวนกลับก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางกลับมาไว้ที่ตน
"อย่ามาทำตัวพูดยาก..." ไม่รอช้ามือแกร่งรีบแย่งกระเป๋าเดินทางใบใหญ่คืนมา ก่อนที่จะเดินตรงไปยังลีมูซีนสีดำที่จอดอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
"โว้ย!!! ขัดใจชะมัดยาด..." ยองแจบ่นอุบ ก่อนจะหันไปมองบอดี้การ์ดตัวสูงที่ยืนฉีกยิ้มให้เขาอยู่ "อ้าว ไอ้บ้านี่ก็ยิ้มอยู่นั่นแหละ!"
"อย่าไปถือสาฮยองเลยนะครับคุณหนู ...เชิญที่รถดีกว่า" ยูคยอมอมยิ้มพลางผายมือเป็นเชิงให้ยองแจเดินไปยังลีมูซีนคันหรูที่จอดรออยู่
ลีมูซีนสีดำคันหรูกำลังเคลื่อนตัวออกไปตามท้องถนนที่เริ่มแออัดด้วยการจราจร ภายในลีมูซีนคันหรูถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบและเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังเฉียบขึ้นมาเท่านั้น ดวงตาคู่คมมองผ่านไปยังกระจกหลัง ใบหน้ากลมที่ติดจะบึ้งตึงของคุณหนูจอมเอาแต่ใจกำลังไม่สบอารมณ์ แถมร่างกายนั้นเริ่มอยู่ไม่สุขและขยุกขยิกไปมาราวกับว่ามีเรื่องอะไรที่ทำให้ร้อนรนใจ
"ไฟลนตูดหรือไง ถึงต้องขยุกขยิกไปมา..." หวัง เจียเอ่อร์ หรือ หวัง แจ็คสัน เอ่ยถ้อยคำออกมาด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
"หนักตูดนายหรือไงไอ้บ้า..." ชเวยองแจเอ่ยพร้อมกับถลึงตาใส่แจ็คสันอย่างเอาเรื่อง
"คุณหนูยองแจ คุณหนูปัญญาอ่อนที่ชอบแคะขี้มูกไม่น่าจะโตได้ถึงขนาดนี้นะ..." เป็นอีกครั้งที่น้ำเสียงแหบติดจะกวนประสาทของแจ็คสันเอ่ยออกมา
"ไอ้ ไอ้ ไอ้... โว้ย!! นายรู้ได้ยังไง!" ยองแจกัดฟันกรอด ไม่คิดว่าสิ่งที่ได้ยินจะออกมาจากปากของของบอดี้การ์ดที่พ่อตัวเองเป็นคนส่งมาดูแล และที่สำคัญเพิ่งจะได้รู้จักกันไม่ถึงสิบนาที
"ก็..." ริมฝีปากหยักเม้มเข้าหากันแน่น ก่อนจะเปลียนเรื่องสนทนาทันที "มาอยู่ฮ่องกงทั้งที หวังว่าคุณจะปรับตัวในการใช้ชีวิตได้ไม่เร็วก็ช้า ข้องใจหรืออยากรู้อะไร ถามยูคยอมได้ทันที"
"อ้าว!!! ฮยอง!!!" ยูคยอมที่ทำหน้าที่สารถีหันมามองเสี้ยวหน้าของอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อแจ็คสันเกิดที่นี่น่าจะรู้ดีกว่าเขาที่เพิ่งย้ายมาอยู่ได้ไม่กี่ปี
"นายจะปฏิเสธทำไมยูคยอม!!! มันคือความดีความชอบของนายเลยนะ..." แจ็คสันเอ่ยพร้อมกับเหลือบตามองยองแจที่นั่งกุมเครื่องมือสื่อสารแน่น "จะโทรก็โทร ป่านนี้หมอนั่นมันคงรอคุณอยู่ที่สนามบินจนเหงือกแห้งแล้วล่ะ"
ยองแจถึงกับตวัดตาขวางใส่แจ็คสันอย่างไม่พอใจในสิ่งที่ได้ยิน อย่าให้ต้องพูดนะว่าเพราะใครกันที่ทำให้แจบอมฮยองต้องมารับเขาที่สนามบินจนรอเก้อ
อุปกรณ์สื่อสารราคาหลายหมื่นถูกหยิบขึ้นมา นิ้วเล็กจิ้มไปมาบนหน้าจอสีสว่างนั่นทันที ก่อนจะยกขึ้นมาแนบฟังไว้ที่ข้างหู
"อ่า... ฮยอง คือยองแจขอโทษฮยองด้วยนะครับ" น้ำเสียงที่ฟังดูรื่นหูถูกกรอกไปยังปลายสายสนทนาทันทีที่ถูกตอบรับ แจ็คสันได้แต่มองออกไปยังเส้นทางข้างหน้าในขณะที่หูยังคงฟังบทสนทนาที่ถูกประดิษฐ์ถ้อยคำขึ้นมาให้ฟังดูหวานหู หึ! ไอ้คุณหนูขี้อ้อยเอ๊ย!!!
"ก็ที่ยองแจให้ฮยองมารับที่สนามบินไงครับ แล้วก็ปล่อยฮยองให้รอเก้อ ยองแจขอโทษแจบอมฮยองจริงๆนะครับ แจบอมฮยองอย่าโกรธยองแจเลยนะ แต่ถ้าฮยองโกรธให้ยองแจเลี้ยงข้าวฮยองเป็นการไถ่โทษนะครับ..." ให้ตายเถอะ ใจป๋าซะด้วยเลี้ยงข้าวผู้ชาย
"เยส! ฮยองรับปากยองแจแล้วนะ ...ไว้เจอกันนะครับ" รอยยิ้มกว้างถูกระบายอยู่บนใบหน้ากลมเกือบจะทุกๆคำพูด ใบหน้าเปื้อนยิ้มนั่นช่างมีความสุขเสียเหลือเกิน
"ฮยองบ้า..." คำพูดสุดท้ายที่จบลงพร้มกับการสนทนาที่ทำเอาใบหน้ากลมนั่นแต้มไปด้วยสีระเรื่อ ยองแจกุมมือตัวเองแน่นพร้อมกับทำแก้มป่องแล้วเสมองออกไปยังท้องถนนอย่างเก็บอาการเขินอายในสิ่งที่ได้ยิน ทำไมแจบอมฮยองน่ารักแบบนี้นะ
แจ็คสันที่จ้องมองการกระทำของคนตัวเล็กอยู่ตลอดเวลาถึงกับเอ่ยถ้อยคำออกมาดับความเขินอายที่กำลังขึ้นจนสุดปรอทของยองแจทันที
"จะพองลมทำไม แค่นั้นยังบวมไม่พออีกหรือไง..." ถ้อยคำของแจ็คสันทำเอาบุคคลที่สามอย่างยูคยอมถึงกับหลุดขำออกมา ช่างเป็นคำพูดที่เบรกอารมณ์เสียเหลือเกิน
"หึ่ย! ไอ้บอดี้การ์ดปากเสีย อยู่เฉยๆไม่พูดอะไรอย่างยูคยอม ฉันก็ไม่ได้ว่านายเป็นใบ้ซะหน่อย!" ยูคยอมเกาหัวแกรกๆ นี่เขากลายเป็นชายกลางตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วสองคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรกันมาถึงทะเลาะกันตั้งแต่แรกเจอ
"นี่ฉันหิวข้าว... พวกนายไม่หิวกันหรือไง" ยองแจบ่นอุบทันที หลังจากที่สงครามย่อยๆของเขาและแจ็คสันสงบลง กระเพาะเจ้ากรรมของเขามันกลับร้องประท้วงขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งแทน ป่านนี้อาหารที่กินเข้าไปเมื่อเช้ามันคงโดนน้ำย่อยกัดกินไปหมดแล้ว หิวจะแย่!!!
"ยูคยอม ข้างหน้ามีร้านอาหารอิตาลี ...แวะเลย" แจ็คสันเอ่ยขึ้นมาแบบลอยๆ ก่อนจะมองยองแจที่นั่งเอามือกุมท้องแล้วพยักเพยิดหน้าให้เขาเป็นเชิงว่ากินได้ ดีเหมือนกันที่คุณหนูไม่เรื่องเยอะ ไม่งั้นคงต้องเปลืองน้ำมันรถพาคุณหนูตะเวนรอบฮ่องกงเพื่อหาอาหารที่ถูกปากกิน
เพียงไม่กี่นาทีบนโต๊ะที่เคยว่างเปล่ากลับถูกเสิร์ฟด้วยอาหารอิตาเลี่ยนมากหน้าหลายตาจนเลือกกินไม่ถูก แจ็คสันเหลือบมองชเวยองแจที่นั่งมองอาหารตรงหน้าด้วยแววตาวิบวับซึ่งไม่ต่างจากไอ้เด็กยักษ์อย่างยูคยอมที่นั่งข้างๆเขาสักเท่าไหร่ คงจะหิวกันมากสินะ
"กินสิ นี่รอประธานมาตัดริบบิ้นกันหรือยังไง..." แจ็คสันและยูคยอมมองชเวยองแจด้วยสายตาแปลกๆ พวกเขาคงไม่คิดว่าคุณหนูตระกูลดีจะเสียมารยาทกับชาวบ้านเขาเป็น คนเราทำได้ทุกอย่างใช่มั้ยโดยเฉพาะเวลาท้องมันร้อง ชเวยองแจก็เช่นกัน
ไม่รอช้า ความเงียบก็เข้าปกคลุมบนโต๊ะอาหารอีกครั้งนึง ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารตรงหน้าของตัวเองจนหมด พวกเขาใช้เวลาเพียงไม่นานนักสำหรับมื้อเที่ยงที่กำลังผ่านไปด้วยดี ยองแจหยิบผ้าสีขาวสะอาดขึ้นมาเช็ดปากตัวเองเล็กน้อยหลังจากที่ทานอาหารเสร็จ ในขณะที่แจ็คสันกำลังลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง
"จัดการด้วยยูคยอม.." กระเป๋าสตางค์หนังสีดำขลับถูกวางลงตรงหน้าของยูคยอม ก่อนที่แจ็คสันจะเดินดุ่มๆออกไปจากร้านอาหาร ทำเอาคนมองอย่างยองแจถึงกับบ่นเบาๆ
"โลกส่วนตัวสูงเป็นบ้า..." ริมฝีปากสีสวยเบะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมองยูคยอมที่กำลังมองเขาอย่างยิ้มๆ
"สงสัยคุณหนูคงต้องปวดหัวกับโลกส่วนตัวที่สู๊งสูงของแจ็คสันฮยองไปอีกนาน..." ยูคยอมเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง
"ใช่! ฉันคงต้องปวดหัวกับบอดี้การ์ดอย่างพวกนายไปอีกนาน ...คนนึงก็โลกส่วนตัวสูง ส่วนอีกคนก็เป็นบ้า!" ยองแจพูดพร้อมกับเดินผ่านหน้ายูคยอมออกไปรอที่รถยนต์ คำพูดที่ทำเอาคนฟังอย่างยูคยอมยิ้มร่าออกมา ราวกับว่าไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของยองแจเลยสักนิด
หลังจากที่อาหารมื้อเที่ยงผ่านไป ลีมูซีนสีดำคันหรูก็รีบมุ่งทะยานสู่ที่พักที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลทันที ใช้เวลาเพียงไม่นานเครื่องยนต์คันหรูก็ถูกดับลงที่ลานจอดรถชั้นเจ็ดของคอนโดที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง
"เชิญ..." แจ็คสันเอ่ยคำพูดสั้นๆก่อนที่จะก้าวขาเดินลงจากรถเป็นคนแรก ทำเอายูคยอมถึงกับถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้าออกมาอย่างหน่ายๆกับท่าทีของแจ็คสันที่เดินไปโดยไม่หันหลังกลับมา
"เชิญครับคุณหนู..." ประตูด้านหลังถูกเปิดออกพร้อมกับคำพูดที่ฟังดูสบายหูของยูคยอมทำเอายองแจระบายยิ้มออกมาบางๆ ยังดีนะที่บอดี้การ์ดมีถึงสองคน ถ้ามีบอดี้การ์ดคนเดียว และคนๆนั้นไม่ใช่ยูคยอมนะ คนอย่างคุณหนูชเวยองแจคงต้องปรี๊ดแตกเป็นแน่
“นี่ยูคยอม นายเป็นบอดี้การ์ดที่ใจเย็นกับฉันมากเลยรู้มั้ย?” หลังจากที่สัมภาระทั้งหมดถูกยกลงมาจากรถ ยูคยอมบอดี้การ์ดร่างสูงก็ทำหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ผิดกับบอดี้การ์ดอีกคนอย่างแจ็คสันที่หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
"ขอบใจนายมากนะยูคยอม..." ทันทีที่ถึงหน้าห้องพัก ยองแจก็รีบเอ่ยคำขอบคุณกับยูคยอมบอดี้การ์ดตัวสูงที่เดินมาส่งเขาที่หน้าห้องพัก อีกทั้งยังถือสัมภาระมาให้เขาอีก บอดี้การ์ดคนนี้นี่ดีจริงๆ ส่วนอีกคนน่ะหรอ...
หายเข้ากลีบเมฆก้อนไหนไปแล้วก็ไม่รู้...
หน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรูสว่างวาบขึ้นมาทันทีที่มีสายเรียกเข้า ดวงตาเรียวเหลือบมองด้วยหางตา ก่อนจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูอย่างไม่สบอารมณ์
"ใครวะ..."
เสียงเข้มเอ่ยพร้อมกับเด้งตัวขึ้นมาจากเตียงหนา
…ชเว ยองแจ
ใบหน้าที่หงุดหงิดเมื้อกี้ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ปรากฏขึ้นมาจากริมฝีปากของคนหน้าหล่อ
"ครับยองแจ..." เสียงเข้มกรอกลงไปยังปลายสายอย่างอ่อนโยน
(อ่า... ฮยอง คือยองแจขอโทษฮยองด้วยนะครับ) น้ำเสียงที่ฟังดูรื่นหูจากอีกฝ่ายทำเอาเขาถึงกับขมวดคิ้วอย่างงงๆ
"อืม... ยองแจหมายความว่าอะไรหรอครับ ฮยองไม่เข้าใจ..." ไม่ได้แกล้งไขสือทำเป็นไม่รู้ เขาไม่เข้าใจด้วยซ้ำไป ว่าที่ยองแจขอโทษเขาทำไม ทั้งๆที่ยองแจไม่ได้ทำอะไรผิด ดูร้อนรนแปลกๆ
(ก็ที่ยองแจให้ฮยองมารับที่สนามบินไงครับ แล้วก็ปล่อยฮยองให้รอเก้อ ยองแจขอโทษแจบอมฮยองจริงๆนะครับ แจบอมฮยองอย่าโกรธยองแจเลยนะ แต่ถ้าฮยองโกรธ ให้ยองแจเลี้ยงข้าวฮยองเป็นการไถ่โทษนะครับ...) เขานิ่งฟังคำพูดที่ไม่เว้นจังหวะหายใจของอีกฝ่าย ก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ใช่ อิม แจบอม คนนี้หลงลืมไปเลยว่าเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนเขาเป็นฝ่ายโทรไปถามยองแจว่าถึงไหนแล้ว แล้วเขาเองที่เป็นฝ่ายเอ่ยปากว่าจะไปรับ
"อืม... ฮยองไม่โกรธยองแจเลยนะครับ ส่วนเรื่องเลี้ยงข้าว ...ฮยองไปก็ได้" จะโกรธไปทำไมเล่า ในเมื่อคนผิดคือเขาเอง จนป่านนี้แล้วเขาก็ยังไม่ลุกจากเตียงที่มีหญิงสาวนอนร่วมอยู่ด้วยตั้งแต่เมื่อคืนเลย ถือว่าเป็นผลพลอยได้ก็แล้วกันนะคุณหนูยองแจ
(เยส! ฮยองรับปากยองแจแล้วนะ ...ไว้เจอกันนะครับ) แจบอมยิ้มกระหยิ่มกับเสียงที่ได้ยิน เขาทำให้อีกฝ่ายดีใจได้ขนาดนี้เลยหรอ
"ที่ฮยองไปไม่ใช่เพราะยองแจเลี้ยงข้าวฮยองนะ ...แต่เพราะฮยองอยากเจอยองแจเร็วๆ …ถ้าเป็นไปได้ฮยองอยากเจอยองแจพรุ่งนี้เลย" เขายิ้มเล็กๆ ก่อนจะเหลือบมองหญิงสาวข้างๆกายที่กำลังจ้องเขาตาแป๋ว
(ฮยองบ้า...) นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ได้ยินจากอีกฝ่าย ก่อนที่สายสนทนาจะถูกตัดไป
เหมือนเขาวิ่งเข้าเส้นชัยทั้งๆที่ยังไม่ได้ออกแรงทำอะไรเลยสักนิด ของเล่นชิ้นใหม่ที่เปรียบเสมือนกับรางวัลชิ้นงามก็ถูกโยนลงมาให้เล่นจากสวรรค์ อิม แจบอม นายนี่มันโชคดีจริงๆ
"ใครคะ ...แจบอม" เสียงใสจากหญิงสาวข้างกายเอ่ยขึ้นทำลายความคิดของแจบอมให้พังทลายลง เขาตวัดตามองหล่อนเพียงเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าสตางค์ แล้วควักธนบัตรออกมาปึกนึงแล้วส่งให้หล่อน
"วันไนท์สแตน... รับไปซะ!" ดวงตากลมใสของหญิงสาวจ้องมองด้วยอาการหน้าเสีย อิม แจบอม คือผู้ชายที่ใครๆต่างก็หมายปอง หล่อนเองก็คือหนึ่งในนั้นเหมือนกับหลายๆคน จากที่เคยได้ยินและไม่เชื่อว่า อิม แจบอม ไม่ชอบมีสัมพันธ์สวาทกับใครเป็นคืนที่สอง และไม่คิดจะสานสัมพันธ์กับใครแม้เรื่องอย่างว่าจะเข้ากันได้ดี หล่อนเชื่อแล้วว่าความสัมพันธ์ของ อิม แจบอม เป็นแบบวันไนท์สแตนจริงๆ แล้วยิ่งกว่านั้นสิ่งที่หล่อนได้รู้ก็คือผู้ชายที่ชื่อว่า อิม แจบอม นั้นยิ่งกว่าพวกปากหวานก้นเปรี้ยวซะอีก
"แต่นานะรักคุณ..." หล่อนว่าพลางกอดแขนแกร่งของชายหนุ่มไว้แน่น
"อย่าพูดยาก ...ฉันเป็นคนยังไงเธอก็น่าจะรู้ดี!" ดวงตาเรียวรีแฝงไปด้วยความแข็งกระด้าง คำพูดดั่งมีดปลายแหลมของเขาถูกใช้มาแล้วจนนับไม่ถ้วน ยิ่งเสียกว่าขวานผ่าซากซะอีก
"แต่..." หล่อนยังคงเซ้าซี้ต่ออย่างไม่ลดละ
"นานะ ...อย่ามาเรียกร้อง เธอมีค่าแค่กระดาษปึกนั้น!" แล้วนั่นคือคำพูดตัดรำคาญครั้งสุดท้ายที่อิมแจบอมเอ่ยออกมาพร้อมกับร่างของเขาที่ลุกออกจากเตียง ก่อนที่ทุกอย่างจะถูกกลบด้วยเสียงกรีดร้องและร่ำไห้ของหญิงสาวที่เขาเป็นคนพามาคั่วแทบทั้งคืน
ควันบุหรี่สีเทาลอยฟุ้งกระจายเป็นวงกว้าง นิ้วเรียวยาวคีบมวนบุหรี่ยี่ห้อดีขึ้นมาพร้อมกับสูบเอาสารพิษเข้าไปในร่างกายอีกครั้ง ก่อนจะพ่นออกมาเช่นเดิม เขาทำมันอยู่อย่างนั้นเพื่อระบายความเครียดที่สุมกันอยู่ในใจให้ลดลง
“ผมนึกว่าแจ็คสันฮยองไปไหน …ที่แท้ก็” เสียงหนึ่งดังมาจากทางด้านหลังทำเอาแจ็คสันถึงกับถอนหายใจทิ้งด้วยท่าทีที่ไม่สบอารมณ์
“ไง! แกจะว่าอะไรฉันหรือเปล่าไอ้ยูค” แจ็คสันเอ่ยขึ้นมา ก่อนจะเหลือบตามองยูคยอมที่เดินมายืนข้างๆเขา
“หึ! ผมจะว่าอะไรฮยองได้ อืม… ว่าแต่เราต้องดูแลคุณหนูยองแจไปนานเท่าไหร่” ยูคยอมถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ทำไมแกเบื่อไอ้คุณหนูจอมเอาแต่ใจนั่นแล้วหรือไง” แจ็คสันถามพลางหัวเราะกลั้วในลำคอ
“เปล่า… ผมแค่คิดว่า” รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนตัวสูงทันทีที่ใบหน้ากลมที่ติดจะบึ้งตึงของอีกคนลอยขึ้นมา “เอาเป็นว่าฮยองตอบคำถามผมมาเถอะน่า…” ยูคยอมหรุบตาต่ำลงเล็กน้อย ก่อนที่จะเหลือบมองแจ็คสันที่นิ่งเงียบไป
“ระยะเวลาแค่สองเดือนกว่าๆนับจากนี้เป็นต้นไป แกอย่าคิดผูกติดกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้…” ยูคยอมถึงกับขมวดคิ้วแน่น แจ็คสันกำลังจะบอกอะไรเขา “หน้าที่คือหน้าที่ …หวังว่านายจะเข้าใจ”
จบคำ บุหรี่มวนเดิมที่ถูกนิ้วเรียวยาวคีบไว้ถูกแจ็คสันปล่อยทิ้งลงบนพื้น พร้อมกับเท้าหนาที่กำลังขยี้ให้มันดับไป ดวงตาคู่คมตวัดมองยูคยอมอย่างสื่อความหมาย ก่อนที่แจ็คสันจะก้าวออกจากบริเวรนั้นไป ปล่อยให้ยูคยอมทำหน้าตาไม่เข้าใจอยู่อย่างนั้น
“แล้วอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้บ้างล่ะ…”
TBC.-
ขอคอมเม้นท์ติชมให้กำลังใจด้วยครับ จะรีบมาต่อตอนต่อไปนะ จุ๊บบบ
ความคิดเห็น