ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Mythology kingdoms

    ลำดับตอนที่ #4 : อาณาจักรฮิลล์กอธ (Hillgoths Kingdom)

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ย. 61


    แคว้นฮิลล์กอธ (Hillgoths)

    “สุดเขตแดนเหนือ ดินแดนยอดนักรบ”

    ในกาลก่อนแผ่นดินหาได้แยกออกเป็นสี่แว่นแคว้นอย่างเช่นที่เห็นในปัจจุบัน ปฐมบุรุษคนที่ห้าเสาะแสวงหาและพบเข้ากับผืนดินที่น่าอัศจรรย์ เกาะขนาดใหญ่ทางตอนเหนือที่พืชพรรณและชีวิตงอกงามได้ในธารน้ำแข็ง ชนกลุ่มแรกรุกล้ำเกาะสวรรค์แห่งนั้นและก่อตั้ง อัทมุนด์ (Audmün) ดินแดนแห่งขุนเขา แคว้นที่ในอดีตเคยครอบครองสมญามหาอำนาจแดนเหนือ ก่อนที่การปะทุครั้งใหญ่ของภูเขาเยือกแข็งที่สมควรจะหลับไหลได้ฉีกกระชากและกดผืนดินกว้างใหญ่จมกลับลงสู่ผืนน้ำ ตำนานกล่าวว่าชาวเมืองอัทมุนด์นั้นสร้างความระคายทัยแก่พระผู้เป็นเจ้า ด้วยชาวอันมุนด์นั้นขึ้นชื่อเรื่องความทะเยอะทะยาน ระเริงในอำนาจ ผู้คนบูชาศิลปะวิทยาการ เงินทอง และ ปัญญา พวกเขาหลงหลงลืมการสักการะเทพเจ้า ตั้งคำถามกับการมีอยู่ของพระองค์ หลงลืมว่าได้ก้าวล้ำเข้ามาเหยียบย่ำในดินแดนของพระผู้เมตตา
    (วรรค 22 บรรทัด 12 บันทึกบรรพกาลชาวกอธ)

    กลุ่มชนชาวกอธ (Goths) ชนชาตินักรบดั้งเดิมจากดินแดนอัทมุนด์ที่เหลือรอด ได้อพยพขึ้นฝั่งที่ใกล้ที่สุดเข้ามาตั้งรกราก ยึดครอง เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต สังคม และ รวมไปถึงประเพณีความเชื่อต่างๆ ที่มีอยู่ก่อน แต่เดิมเกาะแดนเหนือแห่งนี้ถูกเรียกว่า เกาะไมนูร์ (Mynu) เป็นพื้นที่สีเทา หนาวเหน็บ เป็นปริศนา และ อันตราย ถูกทอดทิ้งตัดขาดจากแว่นแคว้นอื่นๆ มาเป็นเวลาร่วมทศวรรษ ขณะนั้นมีผู้อยู่อาศัยเป็นชนเผ่าพื้นเมืองกระจัดกระจายไปตามหุบผาและป่าลึก ไร้ซึ่งกำลังในการต่อต้านในวิทยาการและทักษะการรบอันดุดันของพวกกอธท้ายที่สุดก็ถูกริดรอนอำนาจ ใช้ชีวิตอยู่ใต้การนำของกลุ่มชนชาวกอธที่ขนานนามกลุ่มตนปกครองแดนเหนือในนาม ราชวงศ์มุนด์-กอธ (Mün-Goths)

    สภาพภูมิประเทศ: ในดินแดนแห่งนี้ดวงตะวันมิได้ส่องแสงสว่างตลอดปี มีช่วงเวลายาวนานร่วมเดือนที่ท้องฟ้ามืดมนและอากาศเหน็บหนาวทารุณ ลมพายุพัดกรรโชก หิมะและแผ่นน้ำแข็งปกคลุมผืนดินและผืนน้ำ ทว่าท่ามกลางความทารุณของในดินแดนน้ำแข็งจะพบได้กับทรัพยากรทรงคุณค่า แหล่งน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสี่ดินแดน

    เครื่องแต่งกาย: ผ้าเนื้อหนาเนื่องจากภูมิอากาศที่ราบสูง เย็นจัด มีหิมะเกือบตลอดปี โทนสีหลัก น้ำเงิน เขียว แดง ดำทึบ น้ำตาล* (ย้อมจากพืชพรรณหรือแร่ที่ต่างชนิดกัน บางส่วนสามารถหาได้ในพื้นที่ บางส่วนมาจากต่างแดน)

    ชนชั้นปกครอง ราชวงศ์มุนด์-กอธ (Mün-Goths) และ ขุนนาง: มั่งคั่ง มีฐานะ เครื่องแต่งกายมักจะประกอบด้วยขนสัตว์ราคาแพง (หรือได้จากการล่าสัตว์ซึ่งเป็นกิจกรรมโปรดของชนชั้นสูง) ชุดทูนิคแขนยาวสามารถทำมาจากผ้าไหมเนื้อดี (นำเข้าจากดินแดนลาซาน) หรือขนสัตว์ถักย้อมหลากหลายสี กุ๊นขอบตกแต่งอย่างประณีตด้วยกระดุมและเครื่องประดับทองคำเป็นเครื่องบ่งบอกฐานะ

    ชนชั้นกลาง: คล้ายคลึงกับในชนชั้นสูงต่างกันที่สีที่ใช้ย้อมและชนิดขนสัตว์ที่ใช้ มักใช้ขนสุนัขป่าแทนขนเสือภูเขาหรือหมีที่กำหนดไว้ให้ใช้เพียงในวงสังคมชั้นสูง ย้อมสีฟ้า ดำ หรือ น้ำเงินเข้มซึ่งเป็นแร่พื้นเมืองที่หาได้ง่ายกว่า นิยมใช้เครื่องประดับจากกระดูกสัตว์ สตรีประดับเชือกและลูกปัดในผมถักบนศีรษะ นิยมสวมรองเท้าและเข็มขัดหนังแบบหนาทำจากหนังแบบหนาทำจากหนังแกะหรือวัวเลี้ยง

    ประชาชนทั่วไป: ด้วยยึดอาชีพนักรบและงานใช้แรงงานเป็นส่วนมาก (อาทิ ช่างตีเหล็ก, พราน) ชุดจึงต้องปกปิดรัดกุม ทนทานต่อการใช้งาน พวกมีกำลังทรัพย์มากขึ้นมามักสวมเกราะถักหรือเกราะหนังที่ได้จากฤดูล่า* (เฉพาะชนชั้นสูงเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้มีเขตล่า เขตที่ล่าได้เป็นส่วนตัวในช่วงอากาศอบอุ่นกว่าปกติ) ในวันธรรมดามักสวมเสื้อชุดยาวทำจากผ้าฝ้ายเนื้อหยาบตัดเย็บซ้อนกันหลายชั้นเพื่อให้ความอบอุ่น สีธรรมชาติหรือย้อมจากของป่าที่เก็บได้ตามฤดูกาล มักห้อยเครื่องรางนำโชคทำจากหินแร่แบ่งไปตามความเชื่อ

    ชาวเผ่า: ด้วยมีเผ่าหลากหลายตั้งรกรากกระจายกันไปอยู่ในดินแดนนี้ ทำให้เครื่องแต่งกายนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละเผ่า เผ่าใหญ่ถูกแบ่งออกเป็นสอง คือ

    เผ่ามัสก์ (Musk มาจากวัวมัสก์) แต่งกายโดยใช้ขนชั้นนอกหยาบหนาของวัวมัสก์ (เลี้ยง) ช่วยป้องกันหิมะและฝน เสริมด้วยขนนุ่มสีน้ำตาลชั้นในจากกระต่ายหิมะช่วยรักษาความอบอุ่นให้ร่างกาย ในฤดูร้อนชนเผ่ามัสก์จะอาศัยบริเวณลุ่มต่ำใกล้แม่น้ำ เมื่อเข้าฤดูหนาวก็จะอพยพขึ้นสู่ที่ราบสูงหรือแนวเขาลาดชันที่สามารถกันลมแรงได้ สตรีประดับโซ่ทอเผื่อบ่งบองอายุ วัสดุแบ่งออกตามฐานะ (อาทิ ลูกสาวเจ้าของชนเผ่าร้อยสนับไหล่ด้วยแร่เงินหายาก)

    เผ่าฟาราพ (Fjällräv มาจากหมาป่าหิมะ) ด้วยความสามารถในการต่อสู้ระยะไกลที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น ชนเผ่าฟาราพจึงนิยมล่าสัตว์ปีกเป็นหลัก มักอาศัยอยู่บนเขตขุนเขาสูงและถ้ำ (ที่มักจะเป็นที่สะสมของแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติและน้ำจืด) ใช้หนังจิ้งจอกในการทำเครื่องแต่งกายประดับประดาด้วยกระดูสัตว์และขนนกย้อมสี สีนั้นช่วยจำแนกบ่งบอกสถานะทางสังคมและอำนาจทางการเมืองภายในเผ่า

    ประวัติ/วิถีชีวิต

    วิถีนักรบ จะเรียกว่าชาวกอธนั้นเกิดและเติบโตมาบนสังเวียนก็ไม่ผิดนัก ศิลปะการต่อสู้ที่ดุดันล้วนร่ำลือไปให้ทราบดีโดยทั่วกันในทุกแว่นแคว้น ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับการรบ อาทิ นักรบ พราน ทหารรับจ้าง ช่างตีเหล็ก ทั้งหมดถือเป็นอาชีพที่ได้รีบเกียรติในสังคมไล่เรียงกันไปตามลำดับข้างต้น พวกกอธส่วนมากบูชาความแกร่ง บ้าบิ่น และ ก้าวร้าว ถึงกระนั้นนอกจากวิถีแห่งการรบราฆ่าฟันแล้ว อาชีพที่ชาวกอธให้คุณค่าอยู่มากพอสังเขป  ด้วยนับถือในปัญญาและทักษะงานยากเย็น ก็ยังสามารถแบ่งออกได้อีกเป็นสามสายอาชีพ ได้แก่ ปราชญ์ นักปรุงยา และ ช่างตัดเย็บ

    วิถีชาวบ้าน/ชนเผ่า ชาวบ้าน (ชาวกอธและชาวต่างถิ่น) ที่อาศัยในเขตที่ห่างไกลจากตัวเมือง หรือ มีต้นทุนชีวิตน้อย มักจะประกอบอาชีพราน ค้าขายของป่า ตั้งสังเวียนพนันเถื่อน (คนหรือสัตว์ต่อสู้ที่ผิดกฎบ้านกฎเมือง) สมาคมนักฆ่า ตลาดค้าของเถื่อน ที่พักแรม หรือ สถานที่รื่นรมย์ต่างๆ อาทิ ซ่องโสเภณี และ คณะละครปาหี่

    ในส่วนของชาวเผ่ามักใช้ชีวิตแยกออกจากตัวเมืองเป็นเอกเทศ หลบซ่อนตัว มีวิถีเก่าแก่ กลมกลืนและบูชาธรรมชาติ เผ่านักรบที่เหลือรอดจากการกวาดล้างของชาวกอธ (เมื่อไม่นับรวมชนเผ่าเล็กๆ ที่กระจายกันหลบซ่อนลึกเข้าไปในป่าต้องห้าม) ก็มีเพียง มัสก์ และ ฟาราพ* (ด้วยฟาราพเป็นเผ่าเก่าแก่และชำนาญรบที่มีหน้าที่ดูแลสุสานบรรพชน จึงได้รับการเคารพยำเกรงมากกว่าพวกมัสก์จากผู้คนในแคว้น แต่ด้วยกำลังคนและสรรพวุทธที่ด้อยกว่าราชวงศ์จึงทำให้แผนการกบฏยังคงเลื่อนรั้งออกไป) ที่ยังคงต้องส่งบรรณาการให้กับราชวงศ์มานับตั้งแต่ครั้งจบ สงครามเลือด* ในยุคก่อตั้งแคว้นฮิลล์กอธ จนกระทั่งมาจบสิ้นการถูกขูดรีดในยุคสมัยปลดแอกของชนเผ่าในปัจจุบัน

    ความเชื่อ

    เทพเจ้าองค์เก่า

    ลัทธิ์นอกรีต (บูชาสิงโตหิมะ)

    อาหาร

    ชาวกอธ นิยมอาหารปรุงสุกเหนือกองไฟ มักประกอบด้วย ปลาเฮร์ริงเค็ม ข้าวบาร์เลย์ตุ๋น และหัวแกะต้ม ผลัดเปลี่ยนไปตามฤดูกาล มักฉลองด้วย เนื้อกวางยัดไส้ (หากโชคดีจากฤดูล่า) หรือ เนื้อนกมูริงเจอร์ (หากฐานะดี) และ เหล้ารัมผลนานุก (ผลไม้ฤดูหนาว ผลเล็กกลมสีแดงอมม่วงมีรสเปรี้ยวอมหวาน ส่งกลิ่นหอมนวล) ชั้นดีใน วันสร้างชาติของชาวกอธ (Goth’s Day) ที่ถูกจัดให้เป็นวันเริ่มต้นปี

    ชาวเผ่า มักผลัดเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ปรุงจากของป่าและสัตว์ที่หาล่าได้ในพื้นที่ใกล้เคียง เผ่าฟาราพขึ้นชื่อว่ามีนักปรุงยาเก่งฉกาจด้านตำรับรักษา ยาบำรุงในรูปแบบเหล้าชั้นเลิศจึงกลายมาเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากในบรรดาชนชาวเผ่า

    สถานที่

    หุบเขานักรบ

    ลานประลอง

    ป้อมปราการ

    ป่าต้องห้าม

    ตลาดกลาง

    อาชีพ

    นักรบ เนื่องจากเป็นดินแดนแห่งยอดนักรบ อาชีพนี้จึงกลายเป็นอาชีพพื้นฐานของประชาชนและถูกส่งต่อรุ่นต่อรุ่น แต่ละครอบครัวจะมีการส่งทายาทเข้าเป็นนักรบอย่างน้อยหนึ่งคน กระทำสืบต่อกันเช่นนี้มาเป็นเวลายาวนาน (เช่น มีบุตรสามคน ต้องมีอย่างน้อยหนึ่งคนประกอบอาชีพนักรบ หรือจะประกอบอาชีพนี้ทั้งสามคนเลยก็ได้) โดยทั่วไปมักเป็นบุรุษแต่มีสตรีบางส่วนที่ประกอบอาชีพนี้เช่นกัน (เช่น กรณีที่บิดาเป็นนักรบเก่าและตนเป็นทายาทเพียงคนเดียวตระกูล) แต่ยศหรือลำดับขั้นจะต่ำกว่าเพื่อเป็นการให้เกียรติในความแข็งแกร่งของบุรุษเพศ ผู้ประกอบอาชีพนี้มักจะต้องฝึกซ้อมกระบวนการต่อสู้และมีการเตรียมพร้อมในการรบตลอดเวลา มักจัดการแข่งขันและท้าทายฝีมือกัน ณ ลานประลองบ่อยครั้งแต่มิได้เกิดความขุ่นเคืองใจแต่อย่างใดเพราะถือเป็นการพัฒนาทักษะการสู้รบของตนเอง ลักษณะโดยทั่วไปของผู้ประกอบอาชีพนักรบคือซื่อสัตย์ เสียสละ ดุดัน ใจกล้า

    พราน อีกอาชีพของประชาชนทั่วไป ล่าสัตว์เล็ก (เช่น กระต่าย) และสัตว์ใหญ่เพื่อนำมาเป็นอาหารและทำเครื่องนุ่งห่ม แต่ไม่นิยมล่าสัตว์ปีกหรือล่าบนเขตเขาสูง เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งกับชนเผ่าฟาราพซึ่งเป็นที่รู้กันภายในหมู่คนที่ประกอบอาชีพนายพราน สามารถล่าได้ในทุกฤดูแต่มีกำหนดขอบเขตบริเวณ ห้ามเข้าไปล่าในเขตส่วนตัวของชนชั้นสูงแม้ฤดูนั้นจะไม่ใช่ฤดูล่าก็ตาม

    คนปรุงยา มีความเชื่อว่าการได้ยารักษาที่ดีเปรียบเสมือนการให้ชีวิตใหม่แก่ผู้บาดเจ็บ เช่นเดียวกับลักษณะของสตรีที่สามารถให้กำเนิดชีวิตใหม่ออกมาลืมตาดูโลกได้ ดังนั้นจึงอนุญาตให้สตรีเป็นผู้ประกอบอาชีพนี้เท่านั้น ศาสตร์ในการปรุงยายังต้องอาศัยความละเอียดอ่อน รอบคอบ พิถีพิถัน มีความรู้ทั้งคุณ-โทษของสมุนไพรและวัตถุดิบที่ใช้ปรุง กรณีที่เกิดความผิดพลาดในการปรุงยาอาจมีโทษให้ถูกปลดออกจากอาชีพ หรือหากผิดพลาดร้ายแรงถึงชีวิต ผู้ปรุงยานั้นจะต้องได้รับโทษด้วยการดื่มยาพิษเพื่อปลิดชีพตามไป

    ช่างทำอาวุธ เป็นอาชีพที่ต้องมีความชำนาญเฉพาะด้าน มีความรอบรู้เรื่องอาวุธ กระบวนการรบและกายวิภาคของมนุษย์ มีหน้าที่จัดทำและประกอบอาวุธให้เหมาะสมต่อลักษณะการต่อสู้และสรีระของผู้ใช้ จัดหายุทโธปกรณ์ตามที่ได้รับคำสั่งจากผู้ที่มีความต้องการ ระยะเวลาในการจัดหาขึ้นอยู่กับความยากของชิ้นงานและความชำนาญของช่าง บางชิ้นอาจต้องรอแรมเดือนแต่ผลออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจเกือบ 100%  ชิ้นงานที่ได้รับจะมีมาตรฐานเดียวกันคือความคงทน แข็งแรง และเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของผู้ใช้ (ยกเว้นชิ้นงานทั่วไปที่มิได้ถูกสั่งทำพิเศษก็จะมีลักษณะเหมือนๆกัน เช่น ดาบสำหรับนักรบฝึกหัด ถูกจัดทำออกมาคราวละมากๆ ไม่ได้คำนึงสรีระผู้ใช้แบบเจาะจงรายคน แต่จะมีการกำหนดคร่าวๆว่าด้ามจับควรถนัดมือ น้ำหนักเท่าใดจึงพอดี)

    สัตว์/สัญลักษณ์

    Motto (Optional) “Roar.”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×