คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Divine :: Prologue
I’ve never care what tomorrow come
I’ve care just only today that I have you.
(วันข้างหน้าเป็นอย่างไรไม่สำคัญ...
ขอแค่รู้ว่าวันนี้นั้นฉันยังมีเธอ...)
บทนำ
สอบได้เป็นเรื่องตลก สอบตกเป็นเรื่องธรรมดา... หลายๆคนอาจจะคิดแบบนี้แต่สำหรับฉัน...ไม่! คำพวกนี้ไม่เคยมีอยู่ในหัวสมองของฉันเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว
‘นางสาววรวรรณ มาตราสถิตย์ ผลสอบ F’
ฉันยืนมองแผ่นกระดาษ A4 สีขาวที่มีหมึกสีดำพิมพ์เป็นลายลักษณ์อักษรติดประกาศ(ประจาน)ผลสอบกลางภาคอยู่ที่บอร์ดข้างหน้าห้องประชาสัมพันธ์ของคณะมนุษยศาสตร์ เฮ้อ!...ฉันล่ะไม่เข้าใจจริงๆเลยว่าทำไมผลสอบถึงออกมาเป็นแบบนี้ทั้งๆที่ฉันก็ตั้งอกตั้งใจเรียนออกจะปานนั้นแถมยังอ่านหนังสือหามรุ่งหามค่ำจนล้มหมอนนอนเสื่อเป็นอาทิตย์ -O- ฉันยังคิดไม่ออกเลยว่าถ้าพ่อกับแม่รู้ว่าผลสอบของฉันออกมาเป็นแบบนี้ฉันจะเป็นยังไง!! ฉันอาจจะตายคาไม้เท้าฝังลูกกระสุนของพ่อหรือไม่ก็ถูกเตะก้านคอจนพิการ แงๆ ทำไมผลสอบถึงออกมาแบบนี้นะ YOY~
“ไวโอเล็ตเป็นยังไงมั่งผลสอบของแกออกมาดีใช่มั้ยล่ะ? บอกแล้วฉันติวหนังสือให้ใครสอบผ่านทุกคน ^^”
“ผ่านบ้าผ่านบออะไรวะ! ติด F เว้ย!”
ฉันเผลอตะคอกเสียงดังใส่เพื่อนสาวที่สนิทที่สุดของฉัน ออร์คิดคือเพื่อนรักเพื่อนเลิฟมาตั้งแต่สมัยประถมต้นจนถึงมหาวิทยาลัยปี 2 คิดดูสิคะว่าฉันน่ะเป็นเพื่อนกับมันมากี่ปีแล้ว หนึ่ง สอง สาม ... สิบสี่ปี! แล้วอีกอย่างหนึ่งที่ฉันอยากจะโม้ให้ท่านผู้อ่านฟังก็คือยัยนี่น่ะเป็นคนที่ขี้น้อยใจเอาซะมากๆแถมยังร้องไห้เก่งอีกต่างหากจนคนในคณะต่างพร้อมใจร่วมกันตั้งฉายาให้ยัยออร์คิดว่า ‘แมงง่องแง่ง’ อาจจะเป็นเพราะว่ายัยนี่ร้องไห้บ่อยจนถึงบ่อยมากหรือไม่ก็ชอบงอนคนเขาไปทั่ว ขนาดฉันเห็นฉันยังรำคาญลูกตาเลย - -’
“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้ผลสอบของเธอออกมาแย่ขนาดนี้”
นั่นไง! ยังพูดไม่ทันขาดคำยัยออร์คิดก็เริ่มมีน้ำตาไหลออกมาแล้ว โอ๊ย! นี่มันวันซวยอะไรกันวะเนี่ยสอบก็ไม่ผ่านแถมยังต้องมานั่งโอ๋คนร้องไห้อีก O[]O ใครก็ได้ช่วยฉันทีฉันจะเป็นลม...
“ไปดูหมอกันป่ะ ตำหนักเจ้าแม่อินทราณีข้างหลังมอนี่แม่นสุดๆขอบอก ^^”
หูอันชอบสอดรู้เรื่องของชาวบ้านชาวช่อง >_< ของฉันได้ยินนักศึกษาหญิงคนหนึ่งพูดกับเพื่อนๆของเธอ(ล่ะมั้ง) ฉันหันหน้ากลับไปมองยัยออร์คิดที่กำลังยืนกอดแฟ้มงานลายดอกไม้สีดำที่ฉันเป็นคนซื้อให้แล้วคุณเธอก็ร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตายจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาหันมามองทางฉันเป็นตาเดียว (-_-)(_ - _)(-_-) แงๆ หนูไม่ได้ทำยัยนี่ร้องไห้ซะหน่อย อย่ามองฉันด้วยสายตาวิพากษ์ วิจารณ์อย่างนั้นสิคะ T-T
“ออร์คิดหยุดร้องไห้ได้แล้วฉันมีอะไรเด็ดๆจะพาแกไปทำแก้เครียด...ของฉัน =^=”
ออร์คิดมองหน้าฉันแล้วก็ยืนทำหน้างงก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนไปทั่วใบหน้าอันงามๆของเธอ ผ้าเช็ดหน้าก็มีทำไมไม่เอาขึ้นมาเช็ดดีๆหว่า? ฉันเดินกึ่งจูงกึ่งลากออร์คิดมายังรถฟีโน่สุดสวยที่เพ้นท์ลาย SS501 สีเขียวกากเพชรสุดเดิร์นของฉัน พอดีว่าตอนที่ซื้อมาลายมันไม่ค่อยสวยโดนใจฉันสักเท่าไหร่ฉันเลยไปทำลายใหม่น่ะแหะๆ ^^
ฉันยื่นหมวกกันน็อคสีชมพูแสดให้ออร์คิดที่ยืนทำหน้างงอยู่ข้างๆรถของฉัน ทำไมเหรอหรือว่าเธอกลัวว่าถ้าเธอนั่งซ้อนฉันแล้วยางมันจะแบน ฉันรู้แล้วล่ะว่าทำไมออร์คิดถึงได้ฉายาแมงง่องแง่งก็ดูได้จากอากัปกิริยาท่าทางอาการของคุณเธอแต่ละอย่างมีแต่ตัวงองูทั้งนั้นตั้งแต่ งอแง งอน (หน้า)งอ เงอะงะ ฉันล่ะอยากรู้จริงๆเลยว่าใครกันนะที่เป็นคนคิดฉายานี้ให้กับออร์คิดช่างเป็นคนที่คิดได้สร้างสรรค์ดีจริงๆเลย โฮะๆ ถ้าฉันมีถ้วยกาแฟทองคำฝังเพชรฉันจะมอบให้กับบุคคลนั้นในทันทีทันใด
ฉันพาออร์คิดขี่รถซอกแซกจนมาถึงหลังมอซึ่งมันเป็นอะไรที่ฉันไม่ค่อยอยากจะมาซักเท่าไหร่เพราะหลังมอรถเยอะมากแต่คนหล่อก็อยู่แถวนี้เยอะมากเหมือนกัน >[]< ผู้ชายคืออาหารตาสำหรับผู้หญิงสวยๆอย่างฉัน โหะๆ ฉันขี่รถไปจอดบริเวณฟุตบาทด้านหน้าบ้านเรือนไทยหลังหนึ่งที่มีป้ายไม้แผ่นขนาดใหญ่เขียนตัวอักษรสีเงินๆทองๆไว้ว่า ‘ตำหนักแม่หมออินทราณี’
เมื่อฉันเดินผ่านประตูรั้วไม้โบราณเข้าไปฉันก็เห็นนักศึกษาหลายๆคนกำลังนั่งรออะไรบางอย่างอยู่ (เขาก็มาดู ดวงเหมือนเธอล่ะเจ้! U_U) แถวๆสนามหญ้าหน้าบ้านเอ่อเรียกว่าตำหนักจะดีกว่านะเพราะมันดูขลังโคตรๆเหมือนมีมนตรามาครอบคลุมเรือนไทยหลังนี้ให้ดูน่ากลัวๆยังไงก็ไม่รู้ ฉันเหลือบมองไปเห็นกล่องไม้กล่องหนึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะม้าหินอ่อนสีขาวเลยเดินจูงมือออร์คิดเข้าไปดูใกล้ๆก็เลยรู้ว่านี่มันคือกล่องหยิบบัตรคิว(แค่มาดูหมอยังต้องมีบัตรคิวเนอะ) ‘333’ ฉันหยิบบัตรคิวขึ้นมาดูตัวเลขที่พิมพ์ด้วยหมึกสีน้ำตาลแดงบนกระดาษสาสีขาวอมชมพู โหย!...กว่าจะถึงคิวของฉัน เที่ยงนี้อีกยาวนาน...
“ไวโอเล็ตฉันว่าเรากลับเถอะนะ มันดูวังเวงยังไงๆอยู่”
“โถ่! เธอจะกลัวอะไรนักหนาฮะ กะอีแค่บ้านเรือนไทย(สวยๆ)หลังหนึ่ง และฉันก็แค่อยากรู้ว่าทำไมฉันถึงสอบไม่ผ่านแล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้เจอเนื้อคู่ของฉันซักที แค่นี้แหละที่ฉันอยากรู้!”
“งั้นเธอก็เข้าไปคนเดียวแล้วกันฉันไม่อยากเข้าไปในนั้น”
ออร์คิดพยักเพยิดหน้าไปทางตำหนักของแม่หมอพวกเราทั้งสองคนนั่งรอจนกระทั่งมีเสียงเรียกหมายเลขบัตรของฉัน ฉันหันหน้าไปมองทางออร์คิดแล้วทำสายตาละห้อย ได้โปรด! เข้าไปเป็นเพื่อนฉันเถอะนะฉันเริ่มรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูกแต่ฉันก็ไม่กล้าที่จะพูดขอร้องเธอ เดี๋ยวเสียฟอร์ม
ฉันเดินขึ้นไปตามขั้นบันไดของบ้านที่แสนจะสะอาดเอี่ยมอ่องเหมือนเพิ่งจะถูมาหมาดๆ สงสัยว่าจะมีคนเดินไปเดินมาบ่อยล่ะมั้งเลยสะอาดไร้ฝุ่น ฮ่าๆ ฉันแอบขำนิดนึงพอเป็นพิธีแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อฉันเดินผ่านประตูไม้โบราณขอย้ำว่าโบราณมากๆ เข้ามาข้างในตำหนัก OoO โอ้โห! นี่มันตำหนักแม่หมอหรือคอนโดราคา สิบล้านวะเนี่ย! เฟอร์นิเจอร์ครบครันตั้งแต่ทีวีจอแบนติดผนัง โฮมเธียเตอร์ชุดใหญ่ที่กำลังเล่นเพลงคลาสสิกคลอเบาๆ และเฟอร์นิเจอร์แต่ละอย่างนั้นเน้นสีขาว ดำและชมพูเกือบทุกอย่างแถมราคาอ่ะหืม!! แบบว่าถ้าราคาสิ่งของที่อยู่ในตำหนักของแม่หมอรวมกันแล้วฉันว่าฉันกินข้าวได้ สามปีกว่าๆเลยล่ะ
เมื่อฉันหันไปอีกทางฉันก็เห็นผู้หญิงที่สวยโคตรๆกำลังนั่งยิ้มให้ฉันอยู่ โต๊ะด้านหน้าของเธอมีกระดาษกับปากกาวางอยู่คู่กัน ฉันเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับที่เธอนั่งอยู่อย่างระแวงนิดๆ แลดูเธอไม่เห็นเหมือนแม่หมอเลยซักนิดดูเหมือนลูกหมอมากกว่าอายุเท่าไหร่กัน? ถ้าให้ฉันเดานะก็คงจะไล่เลี่ยกับพวกฉันล่ะมั้ง - -^
“มีเรื่องอะไรจะถามแม่เหรอจ้ะลูก? ^^”
ว้าย!...กล้าพูด! ฉันหน้าเด็กขนาดนั้นเลยเหรอถึงเรียกฉันว่าลูกน่ะฮะ
“คือว่า อะ...เอ่อ...ผลสอบของหนู...(-.-)”
“ติด F ใช่มั้ยล่ะจ้ะ? ^^”
“แม่หมอรู้ได้ยังไงคะ?”
“ดูจากหน้าตาของลูกแล้วแม่คิดว่าลูกไม่น่าจะได้เกรดดีๆเหมือนกับคนอื่นๆเขา ^^”
ฉันขอตบแม่หมอได้มั้ยคะ? หน้าฉันมันแลดูโง่มากเลยหรือไงกัน!!
“แม่ล้อเล่นนะลูก โฮะๆ ^^ ช่วงนี้ลูกกำลังดวงตกลูกควรจะไปทำบุญบ้างนะถ้าให้แม่ทายตั้งแต่เปิดเทอมมาลูกยังไม่ได้ทำบุญเลยใช่มั้ยคะ? ดูจากใบหน้าอันเศร้าหมอง(สลด)ของลูกแล้วแม่คิดว่าลูกคงจะทำบุญไม่ขึ้นแล้วล่ะจะ ทำใจซะเถอะนะ ^^”
“ฮะ! เอ่อค่ะ”
“มีเรื่องจะถามแม่แค่นี้ใช่มั้ยคะ? คิวแม่ยาวน่ะลูก ก็อย่างนี้แหละคนมันดัง”
“มีอีกเรื่องค่ะๆ คือแบบว่า เอ่อ...เมื่อไหร่หนูจะเจอเนื้อคู่ซักทีอ่ะคะรอมา...ยี่สิบปีแล้ว”
“โถ่!...นึกว่าเรื่องอะไร โฮ่ๆ เรื่องนี้แม่ถนัดนักผู้หญิงส่วนมากที่มาหาแม่ก็เพราะเรื่องนี้ ^^ แต่แม่ไม่คิดเลยว่าหน้าตาอันเลวร้ายอย่างลูกจะมาปรึกษาแม่เรื่องแบบนี้”
“...”
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ...ลูกเขียนชื่อของลูกกับวันเกิดลงในกระดาษแผ่นนี้ให้แม่หน่อยแม่จะตรวจดูให้ ^^”
แม่หมอยื่นกระดาษกับปากกาที่อยู่ข้างหน้าเธอให้ฉันก่อนจะสั่งให้ฉันเขียนชื่อกับวันเกิดของตัวเองลงไปในแผ่นกระดาษสีเทาหม่นๆที่เธอยื่นมาให้ ฉันจับปากกาอย่างสั่นๆก่อนจะเริ่มเขียนลงไป ทำไมมือฉันมันถึงสั่นล่ะ?
“ไม่ต้องเกร็งนะลูกค่อยๆเขียน แม่เดาได้เลยว่าเนื้อคู่ของลูกอาจจะไม่หล่อเท่าไหร่นักหรือไม่ก็ขี้เหร่หรือไม่ก็อาจจะถึงขั้นพิการ”
“ค่ะ!”
‘นางสาววรวรรณ มาตราสถิตย์ 28 กันยายน พ.ศ.2532 ’
ฉันรีบขานรับก่อนที่แม่หมอจะพูดว่าเนื้อคู่ของฉันอาจจะไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้ว อดใจไว้ๆ ยัยแม่หมอนี่ปากร้ายจริงๆเลย คอยดูนะฉันจะไม่มาเหยียบที่นี่อีกเลยเชอะ! ฉันยื่นกระดาษให้แม่หมอหลังจากที่เขียนเสร็จแล้ว แม่หมอทำตาโตก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองฉันที่กำลังทำหน้าเอ๋อเหรออยู่ มันมีอะไรผิดปกติรึเปล่าคะหรือว่าชาตินี้หนูจะไม่มีเนื้อคู่ เหมือนคนอื่นๆเขา อะไรกันฉันออกจะสวยปานนั้น กล้าพูดได้อีกเนอะฉัน =_=^
“ว้าว!!...ลูกกำลังจะได้เจอเนื้อคู่และเนื้อคู่ของลูกนั้นจะพบได้ตามสื่อทั้งหลายแหล่บนโลกใบนี้อย่างเช่นป้ายโฆษณาหรือไม่ก็ในโทรทัศน์หรืออาจจะเป็นพวกนิตยาสาร หนังสือพิมพ์อะไรประมาณนี้ OoO”
“อะไรนะคะแม่หมอ หนูจะมีเนื้อคู่อยู่ในป้ายโฆษณาอย่างนั้นเหรอคะ?”
“ใช่แล้วล่ะจ้ะ หนูควรจะดีใจนะที่จะได้มีแฟนเป็นถึงนายแบบโฆษณา แม่ก็เคยฝันเอาไว้เหมือนกันนะว่าแม่อยากมีแฟนเป็นนายแบบโฆษณากางเกงในตราเสือดาวหิมาลัย - -^ เพราะเมื่อ สิบห้าปีก่อน นายแบบโฆษณาคนนี้เขาเป็นคนที่เพอร์เฟคมากๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ่นที่แสนจะบึกบึนหรือเงินทองที่ชาตินี้ทั้งชาติก็ใช้ไม่หมดและที่สำคัญเขาเป็นที่หมายปองของสาวๆทั้งในและนอกประเทศ แหม! ความฝันในวัยสาวช่างเป็นอะไรที่โรแมนติกมากเลยล่ะ คิคิ”
“หูย!...ถ้าหนูเกิดได้นายแบบโฆษณาไม่หล่อจะว่ายังไงล่ะคะ? ผู้ชายไม่หล่อหนูไม่มีทางชอบหรอกนะ ระดับหนูต้องพระเอกซีรีย์เกาหลีเท่านั้น เอ้อ! หรือญี่ปุ่นก็ได้นะ พวกหน้าตาไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานจากการสแกนจากสายตาของหนูอย่าฝันเถอะว่าจะได้มาครอบครองหัวใจดาวคณะมนุษย์สุดสวยอย่างไวโอเล็ต ฮ่าๆ”
“(หลงตัวเองซะเหลือเกิน - -’) ถ้าเกิดว่าลูกได้แฟนไม่หล่อลูกก็ทำใจสิคะจะไปยากอะไร แต่ถ้าแฟนของลูกหล่อนะแม่ขอได้มั้ยจ้ะ หุหุ”
ดูแม่หมอยิ้มอย่างมีความสุขเหลือเกิน -.-
“มีเรื่องจะถามแม่แค่นี้ใช่มั้ยจ้ะ ถ้าไม่มีอะไรจะถามแล้วก็รีบไปสิจ้ะ! คนอื่นเขารอ”
“ค่ะ! ถ้าอย่างนั้นหนูลาล่ะค่ะ”
ฉันลุกขึ้นยืนก่อนจะยกมือไหว้แม่หมอพอเป็นพิธีการทำความเคารพผู้ที่อาวุโสกว่า ฉันเดินไปหยอดเงินค่าดูหมอลงในกล่องไม้โอ๊คที่วางอยู่บนโต๊ะติดประตูทางออกก่อนจะเดินออกจากตำหนัก(คอนโด)ของแม่หมอไปหาออร์คิดที่กำลังนั่งรอฉันอยู่บนพื้นสนามหญ้า เครียดเว้ยเครียด! ยิ่งมายิ่งเครียดแล้วฉันจะมาทำไม? ฉันได้แต่ย้อนคิดถึงคำที่แม่หมอพูดถึงเรื่องเนื้อคู่อันแสนจะเลวร้ายของฉัน ‘ลูกจะมีเนื้อคู่เป็นนายแบบที่อยู่ในป้ายโฆษณา’ ถ้าขืนฉันพูดคำนี้ออกไปมีหวังยัยออร์คิดได้หัวเราะฉันทั้งวันทั้งคืนแน่ๆ ถ้าเป็นนายแบบหล่อๆ แบบโฆษณารถมอเตอร์ไซต์ที่ Super Junior หรือ ดงบังชินกิ เป็นนายแบบนะฉันจะไม่ว่าอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว แต่!ถ้าเป็นนายแบบโฆษณาเลิกเหล้าเข้าพรรษาฉันจะขอโบกมือลาบ๊ายบายไม่ยอมมีแฟนซะดีกว่าชาตินี้
“แม่หมอว่ายังไงมั่งเหรอไวโอเล็ต”
“ไม่ได้ว่าอะไรเลย...เหมือนเดิมทุกอย่าง”
“มีเรื่องอะไรก็บอกฉันได้นะ ยังไงเราก็เพื่อนกัน”
ยิ่งเป็นเพื่อนน่ะสิฉันถึงไม่กล้าบอก - -;
“มันไม่มีอะไรจริงๆนี่นา เรารีบกลับหอกันเถอะท้องฟ้ามันเริ่มมืดเข้ามาทุกทีๆแล้ว”
“เธอไม่ได้ปิดบังอะไรฉันใช่มั้ยไวโอเล็ต!”
ฉันยิ้มแก้ขัดเจื่อนๆ ส่งไปให้ยัยออร์คิดเพื่อไม่ให้เธอถามมากไปกว่านี้ ฉันว่าเรารีบกลับหอกันดีกว่ายิ่งอยู่ในเขตบริเวณตำหนักของแม่หมอแล้วฉันยิ่งทำใจไม่ได้เข้าไปใหญ่ ฉันทั้งขี่รถทั้งมองดูป้ายโฆษณาตอนนี้ฉันคิดว่าฉันเหมือนจะเป็นคนโรคจิตไปทุกทีๆแล้ว พระเจ้าได้โปรดอย่าส่งคนขี้เหร่มาเป็นเนื้อคู่ลูกด้วยเถิด สาธุ!...เพี้ยง~
-------------
อ๊ายยย~!!!
ในที่สุดปอยก็แต่งบทนำเสร็จ @_@
ขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุน
ป.ล.รักทุกคนน้า จุ๊บๆ^^
ความคิดเห็น