คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : [Freeze] Intro : Cool Heart [by Unagi]
Freeze’s Part
Title : Cool Heart
Story by Unagi
ก๊อกๆ...
“คุณหนูคะ มีดอกไม้มาส่งค่ะ”
มือเล็กที่กำลังง่วนอยู่กับแผ่นกระดาษชะงักลงก่อนที่ร่างบางจะผละออกไปที่ประตูห้อง เมื่อประตูเปิดออกช่อดอกแกลดิโอลัสก็ถูกส่งผ่านมาที่มือ
“ใครเอามาให้เหรอฮะ?”
“เป็นร้านดอกไม้น่ะค่ะ แต่ไม่ได้ฝากข้อความอะไรไว้”
“...งั้นเหรอฮะ...ขอบคุณนะครับป้ามิยอง” เสียงหวานเอ่ยบอกก่อนที่จะปิดประตูลง วางเจ้าช่อดอกสีชมพูในมือลงบนโต๊ะแล้วทำท่าจะสะสางงานของตัวเองต่อแต่ก็อดไม่ได้ที่จะหยิบช่อเจ้าปัญหานั่นขึ้นมาพินิจ
การ์ดที่แนบมาถูกหยิบออกมาดูก่อนที่คิ้วเรียวจะเลิกขึ้นอย่างสงสัย
...
12.04.1997
วันที่แกลดิโอลัสเบ่งบาน
...
“วันที่แกลดิโอลัสเบ่งบาน...” เสียงหวานเอ่ยทวนคำอย่างสงสัย คนที่เรียนด้านปรัชญา วรรณคดีได้แต่มองอยู่อย่างนั้น ก็ดอกแกลดิโอลัส...มันหมายถึง...
’รักแรกพบ’
ไม่ใช่หรือไง...
อี ฮยอกแจวางมันกลับไปที่เดิมแล้วหันไปคว้าเสื้อโค้ทออกไปด้านนอกแทน ทั้งๆ ที่ไม่รู้จะไปไหน จนแล้วจนรอดก็ไม่พ้นผับของเพื่อนรัก ทันทีที่รถสปอร์ตสีดำสนิทแล่นเข้าจอด เสียงใสๆ ก็เอ่ยทักขึ้นมาแต่ไกล
“วันนี้ไม่ไปงานกับคู่หมั้นเหรอจ๊ะ?”
“มีช่วงเย็นๆ น่ะ เลยแวะมาหา”
“งั้นเข้ามาก่อนสิ ดื่มอะไรดีล่ะ...ยิน วอดก้า เตกีล่า วิสกี้ เวอร์มุธ หรือจะเป็นรัมดี”
“อืม...เตกีล่าแล้วกัน” ซองมินพยักหน้ารับ เพียงไม่นานเตกีล่าที่สั่งก็มาเสิร์ฟถึงที่ ดื่มไปได้สองสามอึกก็วางลงหากนิ้วเรียวกลับลากวนไปตามขอบแก้วอย่างคนใช้ความคิดเมื่อนึกถึงแกลดิโอลัสปริศนาขึ้นมา
“เหม่ออะไรอยู่จ๊ะ คิดถึงคิบอมอ่ะดิ”
“หืม...เปล่านี่” อี ฮยอกแจตอบกลับก่อนจะยกแก้วในมือขึ้นมาดื่มแบบรวดเดียวหมด
แต่...ดูก็รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“เก็บอาการไม่เก่งเลยนะ”
กระต่ายอวบบ่นพึมพำก่อนที่เสียงของคู่สนทนาจะดังขึ้น
“ประมาณปี 1997 แกจำได้มั้ยว่าฉันทำอะไรอยู่”
“1997 อืม...ตอนที่แกย้ายไปที่อเมริกาไง จำไม่ผิดว่าเป็นช่วงเดือนเมษายนนะ ตอนนั้นฉันยังไม่ส่งแกที่สนามบินอยู่เลย ว่าไปแล้วนี่ผ่านมา 13 ปีแล้วนะเนี่ย แล้ว...จู่ๆ ทำไมถึงถามขึ้นมาล่ะ”
เสียงหวานเอ่ยตอบพร้อมนัยน์ตากลมโตใคร่รู้ถูกส่งผ่านมาที่เจ้าของช่อดอกแกลดิโอลัส อี ฮยอกแจอ้ำอึ้งอยู่ซักพักก่อนที่คนตัวเล็กจะขอตัวไปจากตรงนั้น อี ซองมินจึงทำได้เพียงปล่อยเลยตามเลย ไอ้เรื่องที่จะไปคาดคั้นคนอื่นน่ะเขาไม่ถนัดเสียด้วยสิ
...
หนึ่งวัน...สองวัน...สามวัน...และปาเข้าไปวันที่เจ็ดที่ดอกไม้ปริศนามาที่บ้านของอี ฮยอกแจแบบไม่หยุดหย่อน พร้อมกับการ์ดที่มีข้อความแปลกๆ ชวนให้คิดว่าคนส่งคงเป็นคนที่รู้เรื่องเขาอย่างดี
นอกจากดอกแกลดิโอลัส
สิ่งที่ตามมาคือดอกทานตะวันพร้อมกับข้อความ ’30.07.1997 วันที่ดอกทานตะวันกำลังเบ่งบานเต็มที่’ แม้จะรู้ว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับตัวเอง แต่ก็ไม่อาจประติดประต่อให้ได้เป็นเรื่องเป็นราว
ดอกทานตะวัน...ความภูมิใจและความหยิ่งยโส...
ต่อให้นึกให้ตายอี ฮยอกแจก็คิดไม่ออก เพราะไม่ชอบการจดบันทึก จึงไม่เคยใส่ใจที่จะจดไดอารี่หรือบันทึกอะไรที่เกิดขึ้นในแต่ละวันลงไปซักนิด
นัยน์ตาหวานเลื่อนถัดไปที่ช่อดอกทิวลิปสีแดงที่ตอนนี้กำลังเหี่ยวเฉาลงตามกาล หากแต่การ์ดใบน้อยก็ทำให้ปวดหัวได้ไม่ยาก
’07.12.2000 วันที่ทิวลิปสีแดงเริ่มแย้มกลีบ’
เอาเข้าไปเถอะ...งงยิ่งกว่าอ่านวรรณคดีโบราณเสียอีก
ทิวลิปสีแดง...คำสารภาพรัก...
จะจำไปได้ยังไงกันว่ามีใครมาสารภาพหรือไปบอกสารภาพรักใครไว้ตอนนั้น หลังจากช่อดอกทิวลิปถัดมาก็เป็นดอกคาเนชั่นสีแดงที่มีข้อความเดิมๆ ไล่มาจากวันที่สามจนถึงวันนี้
...
เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 07.12.2000
วันที่คาเนชั่นสีแดงผลิบาน
...
คาเนชั่นสีแดง...เห็นใจในความรักของฉันที่มีต่อเธอบ้าง
“คนๆ นี้เป็นใคร?”
.:: Cool Heart หัวใจซ่อนรัก ::.
“คุณคะดูนั่นสิคะ”
เสียงฮือฮาอื้ออึงในห้องบอลลูมใหญ่ของโรงแรมหรูระดับห้าดาวดูจะเงียบลงในบัดดล สายตากว่าห้าร้อยคู่ของแขกผู้มีเกียรติจับจ้องอยู่ที่คนสองคน คู่รักแห่งปีที่หวานจนน้ำตาลยังเก็บเสื้อผ้าหนีไม่ทัน! คู่รักที่ทำให้ผู้หญิง ผู้ชาย แม้กระทั่งกระเทยทั้งประเทศเกาหลีอกหัก
...คิม คิบอมและอี ฮยอกแจ
ร่างบางกุมมือหนาขณะที่ก้าวเข้าสู่บริเวณงานพร้อมๆ กัน ริมฝีปากบางอิ่มแย้มยิ้มให้กับบรรดาคุณนายมากหน้าหลายตาทั้งรู้จักและไม่รู้จักที่ต่างเดินเข้ามาทักทายอย่างไม่ขาดสาย
“น้องฮยอกแจนี่ยังน่ารักไม่เปลี่ยนเลยนะครับ น่ารักมากกว่าตอนกลับจากฝรั่งเศสซะอีกนะ”
“ขอบคุณฮะ พี่ซางยู แต่ฮยอกว่าบ้านฮยอกมีกระจกมองตัวเองได้นะฮะ” เสียงใสเอื้อนเอ่ยตอบกับบุคคลที่ยืนหน้าแตกตรงหน้า เพลย์บอยเป็นร้อยเป็นล้านคนในประเทศต้องตกม้าตายเพราะถ้อยเสียงหวานกับดวงหน้าใสแทบทั้งสิ้น
“ไปเถอะฮยอกแจ ขอตัวนะครับ”
ชายหนุ่มข้างกายกล่าวอย่างมีมารยาทพลางแตะปลายนิ้วเข้ากับข้อศอกเล็กให้เดินตามออกมาก่อนที่จะมีเรื่อง ชุดสูทสีดำสนิทกับกางเกงยีนส์ราคาเรือนหมื่นและเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านในเรียกความสนใจจากสาวๆ ในงานเป็นจุดเดียวแต่ที่ไม่แสดงอาการคงจะติดที่ว่าคู่หมั้นแสนสวยที่เดินมาคู่กันกระมัง
อดีตเพลย์บอยถึงแม้จะยอมเก็บเขี้ยวเล็บเวลาอยู่ต่อหน้าคู่หมั้น แต่เพลย์บอยก็คือเพลย์บอย แก้วตาสีนิลแบบลูกครึ่งตามธรรมชาติยังคงพราวระยับหยอกล้อกับสายตาสาวๆ ที่มาประสานกันเหมือนเคย จนเมื่อเสียงใสหวานหูเอ่ยขึ้นพร้อมรั้งแขนเสื้อสูทให้หยุดบทสนทนากับแขกผู้ใหญ่นั่นแหละ เขาถึงหยุดเล่นหูเล่นตากับสาวๆ แล้วหันมาสนใจคนข้างกาย
“คิบอมกลับกันเถอะฮยอกเบื่อแล้ว”
“ครับๆ กลับก็กลับ... งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ขอตัวนะฮะ” ฮยอกแจยิ้มหวานส่งท้ายก่อนจะเดินนำคู่หมั้นตัวเองออกมาจากงาน
ทันทีที่ออกมาถึงลานจอดรถคู่รักแห่งปีก็ผละออกจากกันแทบจะทันที ร่างบางยืนปัดแขนตัวเองที่ถูกร่างสูงแตะในงานเมื่อครู่เหยงๆ ราวกับกลัวจะมีเชื้อโรคติดต่อผ่านทางการสัมผัส
“ยี้ๆ ใครสั่งให้นายแตะตัวฉันไม่ทราบ!!”
“ผมก็ไม่ได้อยากแตะต้องคุณนักหรอกนะ แต่เพื่อความสมจริง”
“หาเรื่องแตะเนื้อต้องตัวคนอื่นล่ะสิไม่ว่า” ฮยอกแจบ่นอุบก่อนจะก้าวยาวๆ ออกจากตรงนั้นไปยังรถสปอร์ตสีดำสนิทที่ไม่ไกลจากคู่หมั้นจอมปลอมของเขานัก คิบอมคลี่ยิ้มขำก่อนจะเดินไปยังรถสปอร์ตสีขาวใกล้ๆ ตัวของเขาเองบ้าง รถสปอร์ตสีดำแล่นเร็วออกมาจากซองในขณะที่รถสปอร์ตอีกคันกระชากตัวออกมาด้านนอกเช่นกัน
ปี๊น!!!
เอี๊ยดดดดด!!!...
เสียงเบรกดังสนั่นในขณะที่เสียงแตรกลบทุกอย่างไปจนหมด กระจกสีดำของรถสปอร์ตสีขาวด้านคนขับถูกลดลงจนเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของผู้เป็นเจ้าของ ฮยอกแจขบริมฝีปากล่างแน่นก่อนจะเอ่ยเสียงลอดไรฟันออกไปเพราะกลัวใครผ่านไปผ่านมาจะได้ยิน แล้วสิ่งที่เพียรทำมาจะสูญเปล่า!
“อยู่ดีๆ มาขวางทำไม!! ถอยไป!!”
“ผมลืมบอกน่ะครับ พรุ่งนี้มีงานเลี้ยงตอนรับไอ้มินโฮที่โรงแรมอย่าลืมซะล่ะครับคุณคู่หมั้น”
“เตือนตัวเองเถอะ! ฉันยังความจำดีอยู่”
“แล้วถ้าคิดจะหนีงานล่ะก็... อย่าใช้วิธีเดียวกับผมนะครับฮยอก ไม่ชอบให้ใครเลียนแบบ” คิม คิบอมว่าแล้วยักไหล่ก่อนที่รถสปอร์ตสีขาวจะออกตัวไปด้วยความเร็วเหนือแสง ถึงตอนนี้อี ฮยอกแจไม่กลัวที่ใครจะได้ยินอีกแล้ว เสียงใสตะโกนไล่หลังอย่างเหลืออด
“ใครเค้าจะไปใช้วิธีโง่ๆ อย่างนายกัน!!” ร่างบางระบายลมหายใจออกมาอย่างขัดใจ แต่ไม่วายเสียงเตือนข้อความจากคนที่เกลียดหน้าที่สุดก็ดังขึ้นมากวนใจอีกจนได้ นิ้วเรียวคว้าเอามือถือสีดำเครื่องเล็กเพื่อกดดูก่อนปาทิ้งทันทีที่อ่านจบ
‘แกล้งรถชนแล้วความจำเสื่อมแต่มันก็ทำให้รอดพิธีแต่งงานมาไม่ใช่หรือไงครับคุณคู่หมั้น’
.:: Cool Heart หัวใจซ่อนรัก ::.
“พอๆ ไอ้ฮยอกแกจะเดินไปเดินมาในผับฉันทำไมวะ นั่งลงดิ”
“คนมันเซ็งเข้าใจป่ะ? ขอวอสก้าขวด”
“ฝันเถอะแก ขับรถมาแล้วจะดวดเหล้าเดี๋ยวก็ได้ความจำเสื่อมเหมือนคู่หมั้นแกหรอก” ฮยอกแจยักไหล่อย่างไม่แคร์ก่อนจะรับเอาแก้วแอลกอฮอล์อ่อนๆ ที่เพื่อนส่งมาให้แทนวอดก้าที่ตัวเองสั่งไป ใครเลยจะรู้ว่าคู่หมั้นแสนดีต่อหน้าสื่อมวลชนจะเป็นคนวางแผนเองทั้งหมดแต่ก็ต้องยอมรับว่าแผนของคิบอมได้ผลดีเกินคาด
และละครน้ำเน่านี่ก็ไม่จบไปซะที!
“เบื่อๆ ฉันเบื่อแกได้ยินไหม”
“ได้ยินๆ แล้วแกจะบ่นทำไม มาตั้งแต่เช้าเพื่อมาบ่นว่าเบื่อหรือไม่ก็เดินไปเดินมาหน้าเคาน์เตอร์เนี่ยนะ”
“แกไม่เข้าใจอ่ะมิน” ...แกมากกว่าที่ไม่เข้าใจ... ซองมินคิดพลางถอนหายใจอย่างเซ็งๆ กับเพื่อนรัก ไอ้ถูกจับคลุมถุงชนน่ะเข้าใจอยู่หรอก แต่ภาพที่ออกมาตามสื่อมันไม่ได้ดูเหมือนคลุมถุงชนซักนิดเลยนี่หว่า?
...ออกจะหวานปานน้ำผึ้งซะขนาดนั้น...
“เออไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจ เอ้ากระดกเข้า... เดี๋ยวก็ตับแข็งตาย”
“ชิ!” ฮยอกแจออกเสียงในลำคอก่อนจะยกแก้วในมือดื่มรวดเดียวจนหมด
“แล้วแกไม่ชอบเหรอ คิม คิบอมน่ะหล่อดีนะ” ซองมินเอ่ยเย้าแหย่แต่ดูราวกับการกวนน้ำให้ขุ่นมากกว่า
“เหอะ! หล่อแล้วกินได้มั้ย...ก็ไม่ได้ แกรอดูต่อไปแล้วกัน ...แต่ก็อีกแค่เดือนเดียว...” ฮยอกแจว่าแต่ท้ายประโยคกลับพึมพำอยู่ในลำคอแต่คนหูดีที่อยู่ห่างกันไม่ถึงสองเมตรกลับสนใจขึ้นมาตะหงิดๆ แล้วปากของอี ซองมินก็ไวเท่ากับความคิด
“ห๊ะ! อะไรของแกเดือนเดียว”
“อะไรเดือนเดียว ฉันพูดเหรอ”
“ใช่แกพูด” เจ้าของผับหรูพยักหน้าหงึกหงักยืนยันผิดกับอีกฝ่ายที่สั่นศีรษะปฎิเสธลูกเดียว
“ไม่จริงน่าแกหูฝาดแล้ว” ซองมินมองเพื่อนอย่างจับผิดแต่มีหรือที่อี ฮยอกแจจะยอมให้จับผิดได้ง่ายๆ ไม่นานนักคนจ้องจะจับผิดก็ต้องรามือไปเอง ซองมินยกมือขึ้นถอนหายใจบางเบาบ่งบอกว่าขอยอมแพ้
“ไม่พูดก็ไม่พูด”
“ก็ไม่ได้พูดแล้วแกจะให้ฉันพูดได้ไง” ฮยอกแจยังคงตีหน้าซื่อต่อไปก่อนที่มือถือเครื่องเล็กจะแผดร้องขึ้น นิ้วเรียวคว้ามันขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์นักหากแต่เบอร์แปลกตาที่ขึ้นอยู่กลับทำให้คิ้วเรียวขมวดฉับเข้าหากันแทบจะทันที
“สวัสดีฮะ” ซองมินมองคนที่รับสายนิ่งๆ ได้ซักพัก แค่พักเดียวเสียงใสก็ร้องลั่น
“อะไรนะฮะ!! รถชน!! ฮะๆ จะรีบไปฮะ” ฮยอกแจรีบวางโทรศัพท์ก่อนจะเอามันลงมาควงเล่น ไร้อาการรีบร้อนเหมือนดังเช่นที่แสดงเมื่อครู่ทำเอาคนที่มองอยู่ตาค้าง
มีรถชนดูท่าคนที่ถูกชนจะสำคัญมากซะด้วย...แต่ทำไมมันถึงอารมณ์ดีจังวะ
“มีรถชนแล้วทำไมแกไม่รีบไปอ่ะ”
“...” ไม่ตอบแต่ยังคงฮัมเพลงต่อไปอย่างอารมณ์ดี
“ใครถูกชน” เมื่อไม่ได้คำตอบคนอยากรู้จึงเปลี่ยนคำถามใหม่อีกครั้ง
“คิบอม” ตอบสั้นๆ ง่ายๆ ด้วยชื่อคนที่ถูกชน คนฟังพยักหน้าเข้าใจได้แค่ไม่กี่วินาทีก็ต้องตาโตร้องลั่น
“คิบอม...คิม คิบอม คู่หมั้นแกน่ะนะ!” ทันทีที่อี ฮยอกแจพยักหน้ารับเสียงใสของเพื่อนก็แหวขึ้นมาทันที
“อะไรนะ! คู่หมั้นแกถูกรถชน... แล้วแกยังมีหน้ามาควงมือถือ ฮัมเพลง ยืนนิ่งอยู่อย่างนี้เนื่ยนะ! หรือว่าแกช็อคจนเสียสติไปแล้วอ่ะ”
“ฉันปรกติดี”
“แล้วทำไมแกไม่รีบไปดูคู่หมั้นแกห๊ะ!! ไปเดี๋ยวนี้เลยไป!!”
“เฮ้ยๆ เดี๋ยวดิ...ซองมิน....อี ซองมิน!!” เจ้ากระต่ายอวบไม่ฟังคำทัดทานใดๆ ออกแรงดันร่างของเพื่อนรักออกจากผับของตัวเองแล้วปิดประตูลงกลอนไล่กันซึ่งๆ หน้า
“ฝากเยี่ยมคุณคู่หมั้นของแกด้วยนะ! บ๊ายบาย~”
“ซองมิน...อี ซองมิน!!! จำไว้เลยนะ!!!”
เสียงหวานตะโกนลั่นแล้วถอนหายใจเซ็งๆ แต่จะทำยังไงได้เมื่อภาพลักษณ์ภายนอกรักกันปานจะขาดใจ
แต่ข้างในดัน...กลวงโบ๋!
แล้วคนที่มองจากภายนอกมีหรือจะเห็นส่วนที่อยู่ข้างใน
“มุขเดิมๆ ไม่ใช่หรือไง” เสียงใสพึมพำก่อนที่จะขึ้นรถขับไปแต่โดยดี
รถสปอร์ตสีดำสนิทแล่นเข้าจอดที่หน้าโรงพยาบาลด้วยความเร็วสูง เมื่อรถหยุดลงคิ้วเรียวของคนขับขมวดเข้าหากันแน่น กองทัพนักข่าวหลายชีวิตมากหน้าหลายตาต่างกรูกันเข้ามาเพื่อขอสัมภาษณ์
“คุณฮยอกแจคะ ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้างคะ” ไมค์ตัวเล็กพร้อมคำถามยิงรัวเช่นเดียวกับแสงแฟลช ทำเอาคนที่ไม่ทันตั้งตัวได้แต่ยืนนิ่งกระพริบตาปริบๆ
...กองทัพนักข่าว...รู้เรื่องได้ยังไง!?
หลังจากปรับตัวได้เสียงหวานจึงค่อยๆ เอ่ยตอบพร้อมกับทำท่าราวกับตกใจเสียเต็มประดาเพื่อความสมจริง
“ตกใจฮะ ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้นอีก”
“แล้วตอนนี้ทราบอาการของคุณคิบอมบ้างไหมคะ”
“ตอนนี้ฮยอกยังตอบอะไรไม่ได้นะฮะ ขอตัวไปดูคิบอมก่อนนะฮะ แล้วจะจัดแถลงข่าวภายหลังนะฮะ ขอบคุณพี่ๆ ที่เป็นห่วงคิบอมนะฮะ ขอบคุณมากฮะ” อี ฮยอกแจค้อมตัวลงขอบคุณงามๆ หนึ่งทีแล้วรีบเผ่นแผล่วขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่พ่อบ้านของคิบอมแจ้งมาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนท่ามกลางความเสียดายของกองทัพนักข่าวที่เฝ้ารออยู่เป็นเวลานานแต่ก็ยังไม่ได้ความคืบหน้าซะที
ร่างบางก้าวยาวๆ แล้วผลักประตูห้องพักผู้ป่วยเข้าไปอย่างรวดเร็ว แก้วตากลมโตสีดำสนิทกวาดสายตามองร่างสูงที่นอนราบอยู่กับเตียงนิ่ง มีสายเลือด สายน้ำเกลือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ระโยงระยางเต็มไปหมดจนน่าอึดอัดแต่ก็อดนึกชมในใจไม่ได้
...คราวนี้สมจริงแฮะ กองทัพนักข่าวอีก...อื้ม...ช่างคิด!
“สวัสดีฮะคุณลุงคุณป้า”
“หนูฮยอกแจ...ฮือๆ คิบอมลูก...คิบอม” ร่างอวบของหญิงวัยกลางคนร่ำไห้แล้วโอบกอดว่าที่ลูกสะใภ้เอาไว้แน่น โดยมีผู้เป็นสามียืนปลอบอยู่ไม่ห่างนัก
“ไม่เป็นไรนะฮะ คิบอมดวงแข็งจะตายไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกฮะ เดี๋ยวฟื้นขึ้นมาเอารถคันใหม่มาล่อก็ยิ้มร่าแล้วฮะ”
“เป็นอย่างนั้นก็ดีสิจ๊ะ...แต่คราวนี้รถพังยับเลยนะลูก รอดมาได้ก็ปาฎิหารย์แล้ว”
“คุณไม่เอาน่าใจเย็นๆ หมอบอกคิบอมพ้นขีดอันตรายแล้วนะ” มือใหญ่เอื้อมมาลูบหลังของผู้เป็นภรรยาไว้ไม่ให้เสียใจจนเกินเหตุ
ฮยอกแจแอบหันหน้าออกมาด้านนอกแล้วถอนหายใจเบาๆ
...คนอะไร...เล่นละครเก่งชะมัด แม่ร้องไห้ขนาดนี้ไม่รีบตื่นอีก...
“งั้นแม่ฝากคิบอมสักพักนะเดี๋ยวแม่มาใหม่”
“ได้ฮะคุณป้า เดินทางดีๆ นะฮะ” ร่างบางยิ้มรับแล้วยืนมองประตูที่ปิดลงนิ่งก่อนจะหันมาว๊ากตัวต้นเหตุบนเตียงที่ยังคงนอนนิ่งไม่รู้สึกรู้สาอะไรอย่างอารมณ์เสียพลางสาวเท้าเข้ามาใกล้เตียงนั้นเพื่อจับพิรุทเจ้าเด็กเลี้ยงแกะ!
“นี่นายมุขเดิมๆ คิดมาใหม่ไม่ได้หรือไง!”
“...” ไม่มีเสียงตอบรับนอกสายเสียงของจังหวะการเต้นของชีพจรจากเครื่องวัด
“ไม่ต้องมาทำฟอร์มนิ่งเลยนะ ตื่นมาได้แล้ว!!”
“...”
“บอกว่าให้ตื่นไงเล่า! ที่นี่มีฉันคนเดียวแล้วนะ!” คนป่วยยังคงนอนนิ่ง เรียวปากได้รูปตอนนี้ขาดสีระเรื่อจนซีดจางไม่ต่างจากใบหน้าแม้แต่น้อย แพขนตายาวปิดลงสนิทจนฮยอกแจเริ่มรู้สึกแปลกๆ แต่ก็สงสัยไม่ได้นานนักเมื่อเปลือกตาหนาเริ่มขยับขึ้นลง
“อือ...”
ภาพที่ฉายชัดตรงหน้าพร่าเรือนไปหมด คิบอมพยายามหลับตาแล้วลืมตาใหม่อีกครั้งคราวนี้ภาพเริ่มชัดเจนขึ้นกว่าเก่า เสียงดังติ๊ดๆ เป็นจังหวะทำให้ใบหน้าเรียวต้องหันกลับไปดูที่เครื่องทางด้านซ้ายมือก่อนที่เสียงใสหวานหูจะดังขึ้นเรียกความสนใจ
“ที่แท้ก็แกล้งหลับนี่เอง... แม่นายกลับไปบริษัทแล้วนะ” คิบอมกระพริบตาปริบๆ ยังไม่เข้าใจในถ้อยคำนัก
“แม่ผม?...ใคร?”
“...” กลายเป็นฮยอกแจที่ต้องกระพริบตาถี่ยิบก่อนจะเอ่ยกุกกักเริ่มชักจะใจเสีย
“ละ...เลิกเล่นได้แล้วน่าคิบอม เล่นอะไรมีพอดีมั่ง!”
“คิบอม?...หมายถึงผมเหรอ”
(อ่านต่อในหนังสือนะค้า...)
ความคิดเห็น