ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE GOD II-3 : Chosen Seven-Sins [Yaoi เหมือนเดิม]

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 7 [Lunatic] : ปิศาจสงครามสีเลือด

    • อัปเดตล่าสุด 27 ม.ค. 55


    ####################################################################

     

    บทที่ 7 [Lunatic] : ปิศาจสงครามสีเลือด

     

     

     

    “...น่าเสียดาย...ข้าไม่เข้าใจความยิ่งใหญ่ของตำแหน่งที่เจ้าถือครอง”ฟรอสมอนท์ทอดถอนใจ “ข้าไม่รู้หรอกนะว่าโลกมืดที่เจ้าว่ามันคืออะไร...แต่...”

     

    แกร็ก...แกร็ก...

     

    พื้นที่ฟรอสมอนท์ยืนอยู่นั้นค่อยๆมีแผ่นน้ำแข็งบางๆปกคลุม

     

    “...แต่ข้าในตอนนี้...ไม่อยากเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ”

     

    เพล้ง!

     

    พื้นใต้เท้าของฟรอสมอนท์แตกออกเสียงดังราวกับเสียงกระจกแตก ร่างบางถีบตัวเข้าหาชายหนุ่มหน้ากากสีขาวอย่างรวดเร็ว

     

    Gorgon Stone...เวทย์คำสาปหิน”บลัดด์วอร์พึมพำ ร่างสูงกระโดดไปด้านหลัง ไม่ยอมให้ฟรอสมอนท์สัมผัสถูกตัว

     

    [...รู้ได้ยังไงกัน] เคิร์สในรูปของแหวนพึมพำ อาวุธแห่งคำสาปเปลี่ยนเวทย์ทันทีที่ถูกอีกฝ่ายมอกออก ซึ่งคราวนี้ฟรอสมอนท์ดีดตัวทิ้งระยะห่างพร้อมกับเงื้อฝ่ามือขึ้น

     

    “คราวนี้...Dominating งั้นรึ”บลัดด์วอร์ก็ยังคงมองคำสาปออกในชั่วพริบตาอีกเช่นเคย

     

    “รู้มากเหมือนกันนี่”ฟรอสมอนท์แค่นเสียง

     

    “ความรู้เด็กๆ”บลัดด์วอร์เยาะ

     

    [...เจ้าบ้านั่น!] เคิร์สแยกเขี้ยวอยู่ในใจ

     

    ......ใจเย็นเคิร์ส......ฟรอสมอนท์ปราม

     

    ......อีกนิดเดียว...ขอเวลาอีกนิด......

     

     

     

     

     

    “พลังนี่...คุ้นๆว่าเคยเจอนะ”กีลเลียสก้าวออกมาจากโรงแรมทางประตูหน้าอย่างอาจหาญ ไม่มีความคิดที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้หรือหลบหนีไปแม้แต่เศษเสี้ยว

     

    จากที่ลูไมน์ว่า อยู่ๆก็มีชายหนุ่มท่าทางแปลกๆมาอาละวาดที่หน้าโรงแรมพร้อมกับเอ่ยให้ “กีลเลียส โคลว์” ปรากฏตัว มิเช่นนั้นจะไม่ยอมหยุดการทำลายข้าวของแต่อย่างใด

     

    “เมืองสวยๆงามๆถูกเจ้าทำลายเละเทะหมด ไม่รู้จักถนอมของบ้างรึไง”กีลเลียสเอ่ยกับชายหนุ่มตรงหน้า

     

    “ก็นะ...งานของผมนี่ครับ คุณกีลเลียส”อีกฝ่ายตอบกลับอย่างสุภาพ

     

    ......เสียงนี่...คุ้นหู......

     

    “ต้องเคยเจอกันมาก่อนแน่...นายเป็นใคร”กีลเลียสกอดอก

     

    “จำสัมผัสของผมได้ด้วยแฮะ...น่าดีใจจัง”อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ “ผมชื่อ...อิกนิส”

     

    เฮือก!

     

    เท่านั้นล่ะ ฝูงชนทั้งคนและไม่ใช่คนที่อยู่รายล้อมต่างแตกกระจาย พวกที่หมายตาจะมาดูความเดือดร้อนต่างก็รีบหลบลี้ไปให้ไกล ด้วยนามที่ชวนหนาวสันหลังนั่น

     

    “...อิกนิส...อิกนิส...”กีลเลียสลูบคางเบาๆ “อ้อ...มือขวาของปิศาจสงครามสีเลือด”

     

    “สมเป็นคุณจริงๆ...ชื่อผมเนี่ยดังเสียจนใครเห็นก็เป็นอย่างพวกเขา คุณกลับไม่หยี่ระซักนิด”อิกนิสหัวเราะแผ่วเบา

     

    “ไม่มีเหตุผลให้กลัวนี่นา”กีลเลียสยิ้มบางๆ “เพราะว่า...”

     

    วืด...

     

    ร่างบางยื่นมือมาด้านหน้าด้วยรอยยิ้ม

     

    “หมากทั้งหมดบนกระดาน...ล้วนอยู่ในกำมือของชั้น”

     

    เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ

     

    แผ่นน้ำแข็งบางใส่ลุกลามแผ่กระจายจนมาถึงเขตโรงแรม นั่นทำให้อิกนิสขมวดคิ้ว และกีลเลียสยิ้มบาง

     

    “สล็...ไม่สิ...ชั้นน่ะถนัดการปั่นหัว ยุแยง และอยู่เบื้องหลัง”กีลเลียสกำมือข้างที่ยื่นออกไปนั้น ก่อนจะแบออกให้เห็นว่าในฝ่ามือที่ควรจะว่างเปล่า กลับไม่ได้ว่างเปล่าอีกต่อไป...

     

    ......เกล็ดน้ำแข็ง...หากแต่สะท้อนแสงสีส้มทองสว่าง......

     

    “แต่ไม่ได้หมายความว่าจะลงสนามเองไม่ได้”

     

    วี๊ด...

     

    เสียงแหลมสูงทำให้อิกนิสชะงัก

     

    ......หรือว่า......

     

    “คิดว่าชั้นจะเดินออกมาโง่ๆแบบไม่มีแผนการล่วงหน้าเหรอ? ไม่มีวัน”กีลเลียสแสยะยิ้ม

     

    ......สล็อทน่ะไม่เคยคิดจะเผชิญศัตรูซึ่งๆหน้าแบบไร้แผนการ...ต่อให้เป็นการทำให้ตายใจแล้วลอบกัดก็ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด......

     

    “ด้านบน!”อิกนิสรีบเงยหน้าขึ้น พอดีกับที่ดาบทองคำร่วงลงมา!

     

    “ลิเวียธาร! Sun Slash!

     

    ตูม!!!!!

     

     

     

     

     

    “หืม”บลัดด์วอร์ชะงัก

     

    ......อิกนิส...เกิดอะไรขึ้นกับทางนั้น?......

     

    “...ส่งคนไปหากีลจริงๆด้วยสินะ”ฟรอสมอนท์เอ่ย

     

    “เจ้าทำอะไรลงไป”บลัดด์วอร์กอดอก “...แผ่น้ำแข็งพวกนี้...ไปถึงทางนั้นรึไง”

     

    “ใช่”ฟรอสมอนท์ตอบรับ “ข้าไม่ได้อยู่มาหลายพันปีแบบไร้สาระนี่นะ...อย่างน้อยแค่ธาตุของลิเวียธารข้าเองก็พอจะรู้”

     

    อาวุธแห่งเทพปกรณัมทั้ง 13 ชิ้นนั้น ราชาเทพในรุ่นก่อนๆได้มีการแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ...หนึ่งคือรูปแบบทำลาย สองคือรูปแบบต้องสาป และสามคือรูปแบบมายา

     

    อาวุธ 13 ชิ้น แบ่งเป็น 3 ประเภทนี้ ประเภทละ 4 ชิ้น แต่มีเพียงอาวุธลำดับ 8 นาม Fradel หรือ คันศรเฟรเดลเท่านั้น ที่ไม่อาจแยกประเภทได้ เป็นอาวุธเพียงชิ้นเดียวที่ยังคงกำปริศนามาจนถึงทุกวันนี้

     

    สายมายา นั่นคืออาวุธที่มีรูปแบบของ “มายา” หรือไม่คงรูป สามารถแปรเปลี่ยนได้อย่างไร้ขีดจำกัด รูปแบบการใช้นั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ และเป็นอาวุธประเภทเดียวที่ไม่มีธาตุสังกัดแน่นอน เปลี่ยนแปลงตามเจ้าของได้ไม่สิ้นสุด อาวุธที่ถูกจัดในประเภทนี้คือ Endless , Shibuki , Relic of Memory และ Sealing Light

     

    สายต้องสาป คืออาวุธที่เน้นการใช้คำสาป ไม่ว่าจะเป็นใช้กับตนเองหรือศัตรู เพราะมีเงื่อนไขในการใช้ที่ยุ่งยากจนแทบจะหาผู้ใช้ไม่ได้ ดังนั้นอาวุธประเภทนี้จึงเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ก็อันตรายที่สุดเช่นกัน อาวุธในสายนี้คือ Ice Crown , Blood Rania , Curse และที่นี่ตกตะลึงคือ Key of Eternity’s Ends ก็ถูกจัดอยู่ในประเภทนี้ แม้ว่ากุญแจศักดิ์สิทธิ์นั้นจะไม่มีธาตุประจำอันเป็นคุณสมบัติของสายมายา แต่เพราะเงื่อนไขการใช้ที่ซับซ้อน และสิ่งที่ผู้ใช้ต้องแบกรับนั้น ก็ทำให้มันถูกจัดอยู่ในสายต้องสาปไป

     

    สายทำลาย คืออาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูง เน้นเพียงการปะทะและกำจัดศัตรูซึ่งหน้า อาวุธประเภทนี้จะมีรูปแบบที่ตายตัว ปรับเปลี่ยนแก้ไขยาก ผู้ใช้ต้องมีความชำนาญและคุ้นเคยกับอาวุธในระดับสูง ดังนั้นอาวุธประเภทนี้จึงมักผูกติดอยู่กับเจ้านายเพียงหนึ่งเดียว อาวุธที่ว่าคือ Ragnarok , Heaven Flare , Leviathan และ Sunlight Ray

     

    Leviathan อาวุธเทพปกรณัมลำดับสิบ หรือ “ตาชั่งแห่งสัจธรรมลิเวียธาร” อาวุธของสล็อท หรือกีลเลียสในปัจจุบัน แม้จะเป็นอาวุธในระดับต่ำกว่า Curse แต่กลับมีพลังทำลายมากกว่าเพราะเป็นสายทำลาย มีธาตุประจำคือ “แสงสว่าง” อันเป็นสัญลักษณ์แห่ง “คุณธรรม” ที่มันยึดถือ แต่หากจะให้แยกย่อยลงไปจริงๆแล้ว ลิเวียธารนั้นมีพลังแห่ง “พระอาทิตย์” เสียมากกว่าจะเป็นแสงสว่างอ่อนโยนอย่างแสงจันทร์

     

    เพราะรู้ และเข้าใจนิสัยของสล็อทดี ฟรอสมอนท์จึงเข้าใจแจ่มแจ้งว่ากีลเลียสไม่มีทางยอมชนซึ่งๆหน้าแน่ แต่คงจะหาวิธีลอบกัดซักอย่าง ดังนั้นฟรอสมอนท์จึงจงใจแผ่น้ำแข็งปกคลุมรอบเมือง เพื่อให้ความเย็นจากน้ำแข็ง ทำให้ไม่รู้สึกถึงไอร้อนจากลิเวียธารได้

     

    ......ข้ารู้ดีว่าสล็อท...กีลเลียสต้องการเช่นนี้......

     

    ......ด้วยมันสมองของสล็อท...ตัวหมากทุกตัวบนฝ่ามือ สามารถนำมาใช้พลิกแพลงได้ไม่สิ้นสุด......

     

    ......และข้าเองก็...เป็นหนึ่งในตัวหมากที่ว่านั้น......

     

    “ทั้งๆที่กำลังต่อกรกับข้า...ยังคิดแผนการไปถึงทางนั้น น่ากลัวจริงๆ”

     

    แคร่ก แคร่ก

     

    เมืองที่แทบจะถูกน้ำแข็งปกคลุมทั้งเมืองสั่นสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหวเล็กๆ

     

    “...คงจะเล่นด้วยสนุกหน่อยแล้ว...”

     

    [นายท่าน ระวัง!!!] เคิร์สรู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปรกติ

     

    ตูม!!!!!

     

    !!!”ฟรอสมอนท์เซวูบ เมื่ออยู่ๆพื้นน้ำแข็งที่ยืนอยู่ก็แตกกระจาย ซึ่งต้นเหตุที่มันแตกออกนั้น เพราะพื้นดินที่แผ่นน้ำแข็งปกคลุมกลับถูกแยกออกจากกัน!!!

     

    “นายท่าน!!!”เคิร์สกลับร่างมนุษย์ในเสี้ยววินาที ร่างสูงคว้ามือของฟรอสมอนท์เอาไว้ก่อนจะร่วงหล่นลงไป

     

    แซ่ด!

     

    “อึ๊ก...”เพราะช่วยฟรอสมอนท์ ทำให้เคิร์สอยู่ในสภาพหันหลังให้ศัตรู และอาการเจ็บแปลบที่หลังก็ทำให้เคิร์สรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ปล่อยช่องว่างนี้ผ่านไป

     

    “ถอย...ไป!!!”เคิร์สสะบัดมือไปด้านหลัง คำสาปชนิดร้ายแรงถูกร่ายออกในเสี้ยววินาที

     

    “ฮึ”บัลดด์วอร์กระโดดถอยหลังไปพร้อมกับกางฝ่ามือออกเบื้องหน้า เกิดเป็นโล่สีขาวใสคุ้มครองเขาจากคำสาป

     

    “...เคิร์ส...”ฟรอสมอนท์ขมวดคิ้ว เพราะเคิร์สกลับร่างเดิมโดยไม่ฟังคำสั่งของเขา

     

    “ขอยึดตามคำสั่งแรกนะ ฟรอส”เคิร์สเม้มปาก เสียงทุ้มนุ่ม หากแต่เย็นยะเยือกของ “นายที่แท้จริง” ยังคงก้องอยู่ในหัว

     

    ปกป้องฟรอส...แทนข้าด้วย

     

    “ข้ายอมให้ท่านเป็นอะไรไปไม่ได้หรอก”เคิร์สว่า

     

    ตึก!

     

    ในด้านความเร็ว เคิร์สเร็วกว่าฟรอสมอนท์อยู่แล้ว ในชั่วพริบตาเดียวก็ก้าวเข้ามาในระยะของบลัดด์วอร์ได้

     

    Cruel Exhaust!”เคิร์สร่ายคำสาปใส่บลัดด์วอร์ ในระยะนี้อีกฝ่ายไม่มีทางหลบได้แน่

     

    ฉัวะ!

     

    แต่บลัดด์วอร์กลับร้ายกว่าที่เคิร์สคาด ในเมื่อรู้ตัวว่าหลบไม่พ้น จึงยอมรับคำสาปนั้นขณะที่อีกมือก็ตวัดกลับ ชายผ้าคลุมที่ดูอย่างไรก็เป็นผ้าขาดๆธรรมดา แต่เมื่อบลัดด์วอร์สะบัดมันใส่เคิร์ส ชายผ้านั้นกลับคมกริบราวกับคมดาบ ปาดเอาเลือดออกจากเคิร์สได้อย่างง่ายดาย

     

    แปะ...แปะ...

     

    “คำสาปอีกแล้ว...เจ้าสินะที่เป็นผู้ร่ายคำสาปตัวจริง”บลัดด์วอร์มีเลือดไหลออกจากมุมปาก ซึ่งร่างสูงรีบเช็ดมันออกอย่างรวดเร็ว

     

    Cruel Exhaust คำสาประดับสูงที่ทำร้ายภายในร่างกายโดยตรง นี่เป็นคำสาปที่จะตัดเส้นเลือดใหญ่ จากนั้นเลือดที่ไหลออกมาจะกลายเป็นลิ่มเลือดแทงเข้าที่ปอดของผู้ต้องคำสาป จะว่าเป็นคำสาปที่ร่ายหมายสังหารก็ว่าได้

     

    “...กรอด...”เคิร์สใช้มือปิดใบหน้าส่วนหัวคิ้วด้านซ้ายเอาไว้ เพราะชายผ้าคลุมของบลัดด์วอร์ปาดเอาเกิดเป็นรอยแผลขนาดใหญ่และลึกมากจนเกือบถึงกะโหลกภายใน หากไม่ปิดเอาไว้เลือดจะไหลเข้าตาและจะเป็นผลเสียในการต่อสู้ได้

     

     

     

    “...เคิร์ส...”ฟรอสมอนท์เม้มปาก

     

    ......จะเอายังไง......

     

    ......เพราะถึงอย่างไร...เคิร์สก็เป็นอาวุธ...ไม่ใช่มนุษย์จริงๆ......

     

    ......หากได้รับบาดแผล...เวทย์รักษาจะใช้กับเคิร์สไม่ได้......

     

    ตูม!!!!!

     

    เสียงระเบิดจากอีกทิศทางหนึ่งทำให้ฟรอสมอนท์ยิ่งคิดหนักกว่าเดิม

     

    ......กีลเลียสสู้กับใครกันแน่......

     

    ......ทำไมถึง......

     

    ฟรอสมอนท์เม้มปากน้อยๆ มือเรียวล้วงลงไปในผ้าคลุมไหล่ ซึ่งในนั้นมีอาวุธชิ้นสำคัญอยู่...ฟลุทยาว...เครื่องดนตรีประจำตัวของเขา

     

    ......จะใช้ “บทบรรเลง” เลยดีไหม......

     

    “นายท่าน เลิกคิดเรื่องไร้สาระได้เลย”เคิร์สเอ่ยขึ้น เพราะอาวุธกับเจ้านายมีการเชื่อมต่อถึงกัน ดังนั้นความคิดของฟรอสมอนท์เคิร์สเองก็ได้ยิน

     

    “...แต่ว่า...”

     

    “เจ้านั่นไม่แพ้หรอกนายท่าน”เคิร์สตอบ “ลิเวียธารมีพลังแค่ไหน ท่านน่าจะรู้แก่ใจ”

     

    “......”

     

    “ช่วยนั่งพักอยู่ตรงนั้นดีๆ เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย แล้วเลิกล้มความคิดที่จะเอาไอ้นั่นออกมาใช้ไปได้เลย”

     

    “ข้าไม่ใช่เด็กแล้ว”ฟรอสมอนท์เอ่ยกลับเสียงเย็น

     

    “ในสายตาข้ามันก็ยังเด็กอยู่ดีนั่นล่ะ ต้องระดับวอร์เรสโน่นล่ะถึงจะว่าแก่ได้”เคิร์สเอ่ยทั้งๆที่ยังไม่ละสายตาไปจากบลัดด์วอร์ หากแต่...

     

    “...วอร์เรส?”บลัดด์วอร์ชะงักไปวูบหนึ่ง

     

    “อะไร? ข้าคุยกับฟรอสเข้าใจ เจ้าไม่เข้าใจก็เรื่องของเจ้าสิ”เคิร์สยักคิ้ว

     

    “......”บลัดด์วอร์พึมพำอะไรบางอย่าง ใบหน้าหลังหน้ากากมีสีหน้าอย่างไรเคิร์สเองก็ยังเดาไม่ออก แต่...

     

    วิ้ง...

     

    วงเวทย์ขนาดใหญ่เรืองแสงวาบขึ้นจากพื้นทันที โดยที่ความกว้างของวงแหวนเวทย์นั้นแม้แต่ฟรอสมอนท์ที่อยู่นอกวงยังโดนนับรวมไปด้วย

     

    “หา! / อะไร...”เคิร์สและฟรอสมอนท์สะดุ้ง แต่ดูเหมือนจะช้าไป

     

    Gravity Field!!!!!”บลัดด์วอร์สะบัดฝ่ามือ

     

    ตึง!

     

    “เวทย์ควบคุมแรงดึงดูด...บ้าเอ๊ย”เคิร์สสบถ เขารู้จักเวทย์บทนี้ดี ในเมื่อมันเป็นหนึ่งในเวทย์ที่สามารถใช้ fate card ผสมขึ้นมาได้ โดยที่วราทต์จัดเวทย์นี้อยู่ในระดับ 8 จาก 13 ระดับ ความสามารถคือการเพิ่มหรือลดแรงดึงดูดในบริเวณที่กำหนด เคิร์สในตอนนี้จึงถูกแรงดึงดูดที่เพิ่มขึ้นจนร่างกายหนักอึ้งกว่าเดิมหลายเท่ากดแทบจมดิน แต่ทั้งๆที่เป็นเช่นนั้น...ฟรอสมอนท์กลับไม่ได้รับผลกระทบจากเวทย์มนต์พวกนี้เลย

     

    “เจ้าใช้สายธาตุอะไรกันแน่”ฟรอสมอนท์ขมวดคิ้ว เพราะเขายังมองไม่ออกถึงสายธาตุของอีกฝ่าย

     

    “ไม่เคยรู้จักโลกมืดจริงๆเสียด้วยสิ”บลัดด์วอร์แค่นเสียง “ถึงได้ไม่รู้ว่าข้า บลัดด์วอร์ คือใคร?

     

    “ไม่มีความจำเป็นต้องสนใจเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับพวกเรา รู้มากไปรังแต่จะเป็นภัยเสียเปล่า”ฟรอสมอนท์ตอบ ร่างโปร่งก้าวเข้าหาเคิร์สพร้อมกับแตะเบาๆที่ไหล่ พยุงอาวุธแห่งคำสาปขึ้นมาอย่างสบายๆ

     

    “น่าแปลก...เวทย์นี้ไม่มีผลกับเจ้า”บลัดด์วอร์ยิ้มบางๆเหมือนจะชื่นชม ซึ่งเหล่าผู้ชมที่รอบนอกต่างก็แทบจะโห่ร้องชมเชยฟรอสมอนท์กันอยู่แล้ว

     

    แน่ล่ะว่าพวกเขารู้จักตื้นลึกหนาบางของ “โลกมืด” มากกว่าฟรอสมอนท์ที่ไม่คิดจะแยแส...จึงได้รู้ว่า “ผู้คุ้มกฎโลกมืด” คืออะไร

     

    ในโลกมืด ผู้มีอำนาจสูงสุดคือราชาแห่งโลกมืดที่ไม่มีใครกล้าไปตอแย และผู้ที่มี “สิทธิ์” และ “ความสามารถ” เพียงพอที่จะต่อกรกับราชาได้นั้น...มีเพียง 4 คนเท่านั้น...ผู้คนต่างเรียกพวกเขาว่า “จตุรเทพ” ในด้านของอำนาจในฝั่งโลกมืด พวกเขาทั้งสี่มีอำนาจเป็นรองเพียงราชาแห่งโลกมืดเท่านั้น จะว่าเป็นผู้คานอำนาจกับราชาก็เป็นได้

     

    ทั้ง 4 คนที่ว่านั้น ต่างก็เป็นระดับสุดยอดในสายต่างๆของโลกมืด หนึ่งคือนักฆ่าระดับ SS หรือก็คือนักฆ่ามือหนึ่งแห่งโลกมืด “จิอากิ เซย์ยะ” คนที่สองคือผู้คุ้มกฎโลกมืดที่เปรียบเหมือนผู้ขีดเส้นกั้นไม่ให้โลกมืดไประรานโลกสว่างมากจนเกินควร “บลัดด์วอร์”

     

    คนที่สาม นักล่าที่ขอเพียงไม่พอใจก็พร้อมจะถล่มทุกสิ่งให้ราบเป็นหน้ากลอง “เจเรนซ์ แคสเปอร์” และสี่...ผู้ครองตำแหน่งจอมปิศาจที่ไม่มีใครอยากเป็นศัตรูด้วย เพราะศัตรูของเขาไม่เคยกลับมาบอกกล่าวได้ว่าความสามารถของเขาคืออะไร นามว่า “ซาคริซ ไดเนร่า”

     

    จตุรเทพทั้งสี่ เรียกได้ว่าแข็งแกร่งมาก และในทั้ง 4 คน มี่เพียง “จอมปิศาจ ซาคริส ไดเนร่า” ที่ชอบทำตัวลึกลับไม่ค่อยปรากฏตัว แต่นอกเหนือจากนั้นแล้ว...จิอากิ เซย์ยะ กลับเป็นจตุรเทพที่สนิทสนมกับราชาแห่งโลกมืดที่สุดจนแทบจะเรียกว่าเป็นคู่หูกัน บลัดด์วอร์และเจเรนซ์ต่างก็มีกองกำลังของตน และมีข่าวคราวของพวกเขาเป็นระยะ

     

    และตอนนี้...หนึ่งในสี่จตุรเทพที่น่าเกรงขาม...กลับอยู่ ณ ที่นี่...

     

    ส่วนศัตรูของเขา...คือชายหนุ่มหน้าหวานที่ดูเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็ง...ผู้ที่บลัดด์วอร์มั่นใจว่าเป็น “เทพเจ้า” แห่งตำนาน

     

    ......เทพแห่งน้ำแข็งและความเย็นชา ฟรอสมอนท์ จีลาเรส!......

     

    “ในโลกนี้...ขอเพียงเป็นเวทย์มนต์ที่ Fate Card สร้างขึ้นได้ ล้วนไม่มีผลใดๆต่อฟรอสมอนท์”เคิร์สพยายามประคองร่างของตน “...ดูเหมือนศัตรูจะร้ายกาจมาก...นายท่าน”

     

    “ข้ารู้”ฟรอสมอนท์เรียกคมดาบน้ำแข็งขึ้นมา “...ถึงจะยาก...แต่คงต้องลงมือ “อย่างจริงจัง” แล้ว”

     

    แกร็ก...แกร็ก...

     

    ปีกน้ำแข็งปรากฏขึ้นจากกลางหลัง ร่างบางสะบัดมือเพียงเล็กน้อย เกล็ดน้ำแข็งที่แผ่มาจากคมดาบก็กระจายออกราวกับละอองหิมะสีขาว

     

    “ข้ายอมรับก็ได้ว่าเจ้าเดาถูก”ฟรอสมอนท์ถอนใจเฮือก

     

    ......เพราะเพื่อปกป้องเจ้าบ้าไม่รู้จักดูแลตัวเองอย่างกีลเลียสแท้ๆเชียว......

     

    ......คงจริงอย่างที่เคิร์สเคยปรามาสไว้......

     

    ......ดวงข้านี่...ท่าทางจะสรรหาเรื่องยุ่งเข้าหาตัวเสียจริง......

     

    “ฟรอสมอนท์ จีลาเรส หัวหน้าเจ็ดดาราผู้ดูแลมิติความตาย สมญา “Ice Queen” ...เทพแห่งน้ำแข็งและความเย็นชา...ขอรับคำท้าของเจ้า บลัดด์วอร์”ฟรอสมอนท์เอ่ยปากยอมรับฐานะแห่งเทพนั้นอย่างไม่ลังเล

     

    ......นี่ก็เป็นอีกแผนของเจ้าใช่ไหม...กีลเลียส......ฟรอสมอนท์ลอบถอนหายใจ

     

    ......จะละทิ้ง...นิสัยของสล็อทเสียบ้างไม่ได้หรือไรกัน......

     

    ####################################################################

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×