ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE GOD II-3 : Chosen Seven-Sins [Yaoi เหมือนเดิม]

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 [Frost - Fortress of Light,Pridenral Ocean] : คำสั่งแก่สี่ขุนพล ที่ไม่อ

    • อัปเดตล่าสุด 17 ต.ค. 54


    ####################################################################

     

    บทที่ 3 [Frost - Fortress of Light,Pridenral Ocean] : คำสั่งแก่สี่ขุนพล...ที่ไม่อยากทำซักนิด

     

     

     

    - สองวันก่อน -

     

    - หลังจากฝันร้ายของกีลเลียสหนึ่งวัน -

     

    แปะ...แปะ...

     

    ซ่า...

     

    ไม่แปลกนักที่จะเป็นฝนตกในแดนเทพ แม้ว่าเหล่าเทพจะชอบท้องฟ้าที่กระจ่างใสมากกว่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ชอบฝน แต่ในยามนี้ เมื่อผู้รักษาสมดุลบาดเจ็บสาหัสไป ฝนที่ตกลงมาจึงแรงเป็นพิเศษ และไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าให้เหล่าเทพได้รีบหลบฝนกันจ้าละหวั่น

     

    “อ๊า...เปียกซะแล้ว”เทพผู้ใส่ชุดสีดำสนิทเอ่ยร้อง

     

    “อย่าทำเล่นน่ะ ดาร์คเนส มีคำสั่งเรียกตัวด่วนคงไม่ใช่เรื่องดีนัก”ร่างบางที่เดินอยู่เคียงข้างเอ็ด

     

    เทพในชุดสีดำท่ามกลางเขตของเทพแห่งแสงสว่างผู้นี้คือ...ดาร์คเนส เวเลดิซ...เทพแห่งความมืด มือซ้ายของเทพฮาเดส และเป็นเทพสายมืดอันดับสองของชั้นสูง เทพดาร์คเนสมีร่างกายสูง ไหล่กว้าง และมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าตลอด ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของผู้อื่นไม่น้อย เรือนผมหยิกเล็กน้อยและตัดสั้น เส้นผมและดวงตามีสีดำสนิทเช่นเดียวกับชื่อ

     

    แค่ผู้รั้งลำดับสองของเทพสายมืด และมือซ้ายของเทพฮาเดส นั่นก็เป็นตำแหน่งที่ใครต่อใครต่างหมายปองแล้ว ยิ่งเมื่อสงครามที่ผ่านมา ได้เปิดเผยอีกว่าเทพดาร์คเนส เป็นหนึ่งใน “สี่ขุนพลเทพ” อันเป็นไพ่ลับของมหาเทพมิคาเอล นั่นยิ่งทำให้ชื่อเสียง [หรือชื่อเสีย?] ของดาร์คเนสเป็นที่รู้จักทั้งในเทพสายมืดและสายสว่างจนไม่มีเทพองค์ใดไม่รู้จักเขาแล้ว

     

    ส่วนเทพอีกองค์ที่อยู่เคียงข้าง...เทพแห่งน้ำแข็งและความเย็นชา ฟรอสมอนท์ จีลาเรส เทพสายมืดอันดับหนึ่งในชั้นสูง ผู้รั้งตำแหน่งเทพชั้นสูงสุดเป็นผู้แรก หากมีการเลื่อนตำแหน่ง ด้วยพลัง บุคลิกภาพและหน้าตา ไม่มีทางที่เทพฟรอสมอนท์จะไม่เป็นที่รู้จักมาแต่ไหนแต่ไร

     

    เทพฟรอสมอนท์ แต่เดิมก็ร่างเล็กและบอบบางอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อยืนเคียงข้างกับเทพดาร์คเนสยิ่งเห็นได้ชัดถึงความแตกต่าง ผิวกายสีขาวซีดราวกับหิมะ ที่ข้อมือเล็กมีกำไลที่ดูหลวมจนแทบจะหลุดจากข้อมือได้ ร่างบางพันธนาการตนเองด้วยโซ่สีดำสนิทเพื่อป้องกันพลังที่มากเกินไปจะรั่วไหล และคลุมทับด้วยผ้าคลุมยาวสีน้ำเงินเข้มอีกชั้น เรือนผมสีน้ำเงินเข้มมัดรวบสูง ดวงตาสีเงินที่ดูเผินๆไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกราวกับฉาบน้ำแข็งเอาไว้ชั้นหนึ่ง แต่หากรู้จักกับเทพผู้นี้จริงๆ จะพบว่าเทพฟรอสมอนท์...ใจดีและอ่อนโยนกว่าที่เห็นภายนอกเสมอ

     

    เทพฟรอสมอนท์และเทพดาร์คเนสราวกับเป็นขั้วตรงข้ามกัน แม้เทพดาร์คเนสจะมีรอยยิ้มตลอดเวลา แต่มีเพียงเทพใต้บัญชาคนสนิทของเทพฮาเดสทั้งเจ็ดที่เรียกว่า “เจ็ดดารา” เท่านั้นที่จะทราบว่า ภายใต้รอยยิ้มแสนดีราวกับพี่ชายนั้น เทพดาร์คเนสโหดเหี้ยมและไร้ความปรานีได้มากเพียงใด

     

    ซึ่งตรงข้ามกับเทพฟรอสมอนท์ที่ดูภายนอกเย็นชา ไร้ความเห็นอกเห็นใจ แต่เมื่อเอาเข้าจริงๆแล้ว เทพฟรอสมอนท์ต่างหากที่อ่อนโยนและเอาใจใส่คนรอบข้างมากกว่าเทพดาร์คเนสเสียอีก

     

    เทพฟรอสมอนท์เป็นมือขวาของเทพฮาเดส จะเรียกว่าเป็นผู้สำเร็จราชการแทนของมิติแห่งความตายก็ยังได้ ในเมื่อเทพฮาเดส...ไม่ว่ารุ่นไหนๆต่างก็ไม่ค่อยจะอยู่กับร่องกับรอยกันทั้งนั้น ทั้งเทพฮาเดสรุ่นแรก “เดเมียส ครูซฟายด์ ฮาเดส” ที่เป็นต้นแบบของเทพแหกกฎอย่างแท้จริง ไม่มีกฎเทพข้อใดที่เทพฮาเดสรุ่นแรกผู้นี้ยังไม่ฝ่าฝืน...จะว่าอย่างนั้นก็คงไม่มีใครกล้าเถียง หรือแม้แต่เทพฮาเดสรุ่นที่สอง “คลาริส ลีฟไนท์ ฮาเดส” ที่ดูจะขยันขันแข็งเอาการเอางานกว่าพ่อบุญธรรมอย่างเดเมียส กระนั้นก็มักมีมารผจญ [?] มาลักพาตัวจนไม่ค่อยได้ทำงานอยู่ดี

     

    ซึ่งมารผจญที่ว่านี้...ก็มีอยู่แค่คนเดียวล่ะที่กล้ามาลักพาตัวหนึ่งในสี่เสาหลักแดนเทพ...แถมเล่นลักพาตัวจากมิติแห่งความตายที่เทพฮาเดสเป็นผู้ปกครองอยู่เสียด้วย

     

    จะใครเสียอีกถ้าไม่ใช่...เทพแห่งกาลเวลา “โครนอส สกายเปียร์ อาร์มาเนส” หนึ่งในสี่เสาหลักแดนเทพน่ะ!!!

     

    “ก็จริง...ทั้งๆที่มิติแห่งความตายกำลังวุ่นวายกับเรื่องที่วิญญาณไม่ครบอยู่แท้ๆ”ดาร์คเนสถอนหายใจ

     

    “นั่นถือเป็นเรื่องของพวกเราเหล่าเทพสายมืด แต่ตอนนี้ข้าไม่อยากเสียเวลา”ฟรอสมอนท์ว่า

     

    “ครับ คร้าบ...รู้แล้วน่า”ดาร์คเนสยิ้มบาง มือยื่นมาหาเทพร่างบางที่เป็น “น้องเล็ก” ในกลุ่มสี่ขุนพลเทพ

     

    “ขอแบบถึงที่หมาย ห้ามร่อนเร่ไปแวะเที่ยวที่ไหนด้วย”ฟรอสมอนท์ว่า มือเรียวจับมือกับเทพดาร์คเนสราวกับเข้าใจความหมาย

     

    “ครับผม เจ้าหญิงน้อย”ดาร์คเนสยิ้มกว้าง

     

    “ถ้าเจ้ายังพูดแบบนั้นอีกครั้งเดียวข้าจะจับเจ้าแช่แข็งทั้งแบบนี้ล่ะ”ไม่แค่พูดเปล่า เทพดาร์คเนสรู้สึกได้ถึงความเย้นที่แผ่มาจากมือข้างนั้นจนมือของตนชาดิกแทบจะไร้ความรู้สึก

     

    “ใจร้ายจริงๆ เพื่อนใครเนี่ย”ดาร์คเนสบ่นอุบอิบ แต่มืออีกข้างก็ดีดเบาๆเป็นสัญญาณ

     

    วูบ...

     

    เงาของทั้งสองราวกับกลายเป็นผ้าไหมสีดำ ทะยานขึ้นจากพื้นแล้วปกคลุมพวกเขาเอาไว้

     

     

     

    ฟิ้ว...

     

    เงาของเสาค้ำห้องทอดยาวสวนทางกับแสงอย่างผิดวิสัย ทำให้สองจากสามเทพในห้องถอนหายใจเล็กน้อย

     

    “พูดถึงก็มากันเลยแฮะ”เทพแห่งมังกรเดินหลบให้เงานั้นได้ทอดยาวลงมากับพื้น

     

    ดราโกเนส เดสเฟียร์เร่ หรือ “ดราก้อน” เทพแห่งมังกรผู้ครองพลังแห่งทองคำ หนึ่งในสี่ขุนพลเทพ ครองตำแหน่งจอมทัพแห่งแดนเทพอีกด้วย หากให้นับในหมู่เทพสายสว่างชั้นสูงทั้งหมด ไม่มีใครสู้ดราก้อนได้ หากไม่นับอีกหนึ่งสหายที่ปลดระวางหน้าที่ออกจากแดนเทพไปแล้ว

     

    เทพดราก้อนมีผมยาวสีทองสว่างมัดรวบที่ต้นคอ เข้าคู่กับดวงตาสีเขียวมรกต ร่างกายสูงใหญ่กำยำสมกับเป็นจอมทัพเทพ แต่ชุดที่ใส่ไม่ค่อยจะเข้ากับฐานะเท่าไหร่ เพราะเป็นที่รู้กันดีทั่วแดนเทพว่าเทพดราก้อน...เป็นพวกไม่สนใจรายละเอียดยิบย่อย รำคาญเรื่องจุกจิกยุ่งยาก ยิ่งไม่ใส่ใจพิธีรีตรองใดๆทั้งสิ้น ดังนั้นชุดจอมทัพของดราก้อนจึงเป็นชุดแขนกุดกับกางเกงขายาวเรียบง่าย ไม่มีแม้กระทั่งตราแม่ทัพติดอกเสื้อ มีเพียงเข็มขัดคล้องอัญมณีสีทองสลับเขียวเท่านั้นที่พอจะนับเป็นเครื่องประดับหนึ่งเดียวได้

     

    เทพองค์ที่สองที่ถอนหายใจไปกับดราก้อน คือผู้พิทักษ์แห่งราชันย์ “อาซาเซล เลวาทีน” อดีตจอมทัพเทพและเทพอารักษ์ข้างกายราชาเทพรุ่นสุดท้าย อาซาเซลตัดสินใจสละตำแหน่งทั้งหมดในแดนเทพของตน กลบฝังชื่อเสียงของตนเองด้วยการให้ดราก้อนครองตำแหน่งต่อจากตน แล้วใช้ชีวิตอย่างสงบในโลกมนุษย์เป็นเวลากว่าห้าพันปี

     

    อาซาเซลมีผมสีทองซอยสั้นระต้นคอ และไว้ยาวบางส่วนเพื่อปิดใบหน้าซีกซ้าย ปิดบังดวงตาข้างซ้ายที่มีรอยแผลเป็นลากยาวตั้งแต่หน้าผาก ลากผ่านดวงตาไป หากแต่ดวงตาข้างขวาที่ยังใช้การได้นั้นมีสีเหลืองอำพันและคมกริบ แสดงถึงอำนาจ การตัดสินใจที่เด็ดขาดและความหยิ่งทระนงในตนเองของอาซาเซลอย่างเต็มที่ อาซาเซลเองก็เป็นเทพที่สูงมากเหมือนดราก้อน สิ่งที่แตกต่างคืออาซาเซลจะใส่ชุดสีขาวขลิบด้วยดิ้นทองมากกว่าจะแต่งกายสบายๆแบบดราก้อน

     

    “พวกนั้น...เคยมาให้ตรงเวลากับเขาบ้างไหมนะ”อาซาเซลส่ายหัวคล้ายจะเหนื่อยใจ

     

    “ก็รู้อยู่...ฟรอสน่ะตรง แต่ดาร์คน่ะไม่”ดราก้อนยักไหล่

     

    วูบ...

     

    เงาร่างทั้งสองเทพที่ถูกพูดถึงปรากฏขึ้นจากเงาของเสาค้ำที่ทอดยาวลงมา

     

    “นี่ๆ พูดถึงใครกันดราก้อน ข้าออกจะตรงเวลา”ดาร์คเนสกอดอก

     

    “โห...ตรงเวลา นี่พวกข้ามารอก่อนตั้งเป็นชั่วโมง”ดราก้อนว่า

     

    “ครั้งนี้เรียกตัวด่วนจากแดนเทพ พวกเราอยู่มิติความตายมาทันเวลานัดก็ดีแค่ไหนแล้ว กลับกัน...เจ้าอยู่แดนเทพอยู่แล้ว หากมาถึงช้ากว่าพวกเราสิที่น่าขายหน้า”ฟรอสมอนท์ตอกกลับทีเดียวทำเอาดราก้อนยิ้มแหย

     

    “พอ”อาซาเซลยกมือขึ้น เป็นอันรู้กันว่าหยุดการล้อเล่นไร้สาระได้แล้ว “...เรียกตัวด่วนแบบนี้ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอันใดหรือ ท่านราฟาเอล”

     

    เทพองค์ที่สามในห้องโถง...คือผู้ที่เรียกสี่ขุนพลเทพมา และผู้ที่มีสิทธิ์นี้ก็มีเพียงเทพมิคาเอลผู้พี่ และเทพราฟาเอลผู้น้องเท่านั้น แม้กระทั่งโครนอส หรือฮาเดส สองในสี่เสาหลักเช่นดียวกัน ก็ไม่มีสิทธิ์เรียกใช้สี่ขุนพลเทพ [อาจเรียกใช้ได้แค่ฟรอสมอนท์หรือดาร์คเนสที่เป็นสองในเจ็ดดาราคนสนิทของเทพฮาเดส กระนั้นจะไม่ได้รับข้อยกเว้นในการทำร้ายหรือละเมิดกฎเทพ]

     

    “มีเรื่องด่วน...มาก”เทพราฟาเอลถอนหายใจ “เมื่อครู่นี้...ไม่น่าจะเกินสามชั่วโมงก่อน ท่านเดเมียสและท่านลูซิเฟอร์มาที่นี่”

     

    “...เอ่อ...”ดาร์คเนสยกมือขึ้น “ขอสั้นๆเลยนะ ข้าเองก็ใช่จะไม่รู้จักนายตัวเอง...ท่านเดเมียสมาก่อเรื่องอะไรอีกล่ะขอรับ”

     

    [ขนาดดาร์คเนสกับฟรอสมอนท์ยังคิดแบบนี้เลย! เดเมียส...พิจารณาตัวเองด่วน]

     

    “ข้าไม่รู้ว่าท่านเดเมียสเป็นต้นเหตุหรือไม่...แต่ท่านลูซิเฟอร์มาเอากุญแจประตูมิติไปจากมิเกล และลงไปโลกมนุษย์พร้อมกับท่านเจเนซิส ท่านเดเมียส และท่านดิไอนาซาร์”ราฟาเอลบอก

     

    “ชัวร์ ท่านเดเมียสมีเอี่ยวแหงๆ”ดาร์คเนสตบมือตัวเอง “ลงให้เป้าหมายเป็นโลกมนุษย์ล่ะก็ ท่านเดเมียสชัวร์ๆ”

     

    “ข้าเห็นด้วย”ฟรอสมอนท์พยักหน้ารับ

     

    “ขนาดนั้นเชียว”ดราก้อนยิ้มแหย เมื่อเห็นสีหน้าประมาณว่ามั่นใจมากของทั้งสอง

     

    “จะยังไงก็เถอะ...กับท่านเดเมียสที่แหกกฎเทพเป็นว่าเล่น เข้าคู่กับท่านลูซิเฟอร์ที่ไม่เคยเห็นอะไรอยู่ในสายตา ข้าว่าขอแค่หนึ่งในสองคนนี้เห็นอะไรขัดใจ มีหวังโลกมนุษย์ได้ยุ่งยากอีกแน่ๆ”อาซาเซลวิเคราะห์

     

    “นั่นล่ะที่ข้ากังวล”ราฟาเอลพยักหน้า “แต่...มิเกลบาดเจ็บมาก ข้าเองจะปลีกตัวลงไปเองก็ลำบาก แค่นี้มิตินั้นก็หนักมากพอแล้ว ขืนข้าเข้าไปเพิ่มอีก มิติคงทนรับพลังไม่ไหว”

     

    “ท่านลูซิเฟอร์แห่งมิติล่มสลาย ท่านโครนอสแห่งมิติกาลเวลา ท่านคลาริสกับท่านเดเมียสแห่งมิติความตาย ไหนจะท่านเจเนซิส ผู้ครองมิติคนเก่าและฟาริเดส ผู้ครองมิติมนุษย์คนปัจจุบันอีก...หกคน...หนักเกินไป”ฟรอสมอนท์ว่า “มิติปรกติรับผู้ครองมิติได้เพียงสี่เท่านั้น...ท่านลูซิเฟอร์น่าจะทราบ”

     

    “ข้าว่าถึงเขารู้เขาก็จะไปอยู่ดี”ดาร์คเนสแบะปาก

     

    “นั่นสิ...ก็เห็นๆกันอยู่ เจ้าจำไม่ได้รึไงว่าครั้งก่อนพวกเราเกือบถูกเทพลูซิเฟอร์เจี๋ยนเอายกกลุ่มเพราะไปขวางมือขวางเท้าเขาน่ะ”ดราก้อนทำท่าปาดคอตัวเอง “รายนั้นน่ะ ถ้าเขาคิดจะทำอะไร กฎข้อไหนไม่อยู่ในสายตาหรอก”

     

    “เอาเถอะ...เรื่องสมดุลดลกมนาย์ ข้าว่าโครนอสน่าจะหาทางทำอะไรได้บ้าง แต่เพื่อความปลอดภัย...”ราฟาเอลถอนหายใจ “ข้าขอใช้คำสั่งแก่สี่ขุนพลเทพ”

     

    “ขอรับ”ดาร์คเนส ฟรอสมอนท์ ดราก้อนและอาซาเซลโค้งหัวรับคำสั่งพร้อมกัน

     

    “แยกเป็นสามกลุ่ม ขุนพลใต้ดาร์คเนสไปกับขุนพลตะวันตกอาซาเซล สมทบกับท่านลูซิเฟอร์ที่โลกมนุษย์ พยายามอย่าให้พวกเขาใช้พลังเกินกว่าที่มิติรับไหว”

     

    “รับทราบ”อาซาเซลและดาร์คเนสรับคำ

     

    “ดราก้อน ข้าจะส่งเจ้าที่ฝั่งตะวันออกที่เจ้ารับผิดชอบ ใช้พลังของเจ้าวางรากฐานค้ำจุนมิติมนุษย์เอาไว้ก่อนในกรณีฉุกเฉิน”

     

    “รับทราบครับ...จะให้ข้าเป็นประกันภัยให้มิติมนุษย์อีกแล้วสิ”ดราก้อนยักไหล่

     

    “ส่วนฟรอสมอนท์...”ราฟาเอลหันมาทางเทพองค์สุดท้ายที่ดูจะใช้การได้มากที่สุดในขุนพลทั้งสี่ “...ข้าอยากให้เจ้ารับงานหนักหน่อย จะไหวหรือไม่?

     

    “คงไม่หนักหนาไปกว่าดาร์คเนสกับอาซาเซลที่ต้องรองรับอารมณ์แปรปรวนของเทพลูซิเฟอร์กระมัง”ฟรอสมอนท์ขมวดคิ้ว

     

    “มันก็หนักหนาสาหัสกันคนละแบบล่ะนะ”ราฟาเอลยิ้มแหย “ข้าไม่อยากให้โลกมนุษย์มีเรื่องวุ่นวาย สิ่งที่ข้าต้องการให้เจ้าช่วยคือ...กันพวกบุตรแห่งเทพ อย่าให้มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เด็ดขาด”

     

    “หา!?!”ขุนพลเทพทั้งสามขมวดคิ้ว มีเพียงฟรอสมอนท์ที่หน้าซีดลงเล้กน้อยเพราะเข้าใจสิ่งที่ราฟาเอลบอก

     

    “ดาร์คเนส...รีบติดต่อท่านคลาริส เร็ว!”ฟรอสมอนท์ว่า

     

    “เอ๋? ท...ทำไมล่ะ?

     

    “เจ้ายังคิดไม่ออกรึไง? ท่านลูซิเฟอร์ขึ้นชื่อเรื่องการทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าอยู่แล้วนะ แค่นี้โลกก็เสี่ยงจะมีเรื่องวุ่นวายระดับล้างโลกอีกรอบแล้ว ไหนยังจะ...พวกเด็กปิศาจกลุ่มนั้นอีก!!!

     

    “แหงะ”ดาร์คเนสร้อง ร่างสูงรีบร้อนออกจากห้องไปหากระจกบานใหญ่เพื่อติดต่อกับโลกมนุษย์ทันที

     

    “เด็กปิศาจ?”อาซาเซลเป็นเพียงผู้เดียวที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราว

     

    “อ้อ...หมายถึงเด็กแสบสี่...ไม่สิ...ห้าคน ลูกๆของพวกนั้นไง”ขนาดดราก้อนยังหน้าซีดเผือดเมื่อฟรอสมอนท์อธิบาย “ไล่ทีละคนก็มี เดริล เอนด์เลส ชินเซย์ เจ้าชายแห่งเซนต์ นาวิส...คิริล ดีไนด์ อามาเนส กับ คาเรน รีเบอร์ ลีฟไนท์ นี่ก็ว่าที่ผู้ครองเกาะจอมเวทย์เนอร์โรนอส หากว่าตามฐานะ เดริลก็หลานท่านเจเนซิส คิริลกับคาเรนก็หลานท่านลูซิเฟอร์กับท่านเดเมียส นี่ยังไม่นับ ไอเวียส ราไคเนส ซาลิแนค ว่าที่ราชาเอล์ฟที่สี่ ทายาทของท่านดิไอนาซาร์ อีกคนนะ”

     

    “เจ้าบอกห้าคน แต่นี่แค่สี่”อาซาเซลกอดอก

     

    “ชื่อสุดท้ายข้าว่าเจ้าน่าจะจำได้นี่”ดราก้อนหน้าถอดสี “เอริค ซอร์โรเรส เฟียร์วบลัดด์...ชื่อนี้อย่าบอกนะว่าลืมไปแล้ว”

     

    “เจ้าปิศาจนี่มาเกี่ยวอะไรกับ...!”อาซาเซลหันขวับ แทบจะกระชากคอเสื้อดราก้อนมาเค้นคอถามกันเลยทีเดียว

     

    “ไม่เกี่ยวก็เกี่ยวไปแล้ว! เจ้านี่สิงร่างไอเวียสอยู่! แถมยังสนิทขนาดเจ้าบ้าเอริคให้เด็กพวกนั้นเล่นหัวได้อีกต่างหาก!!!”ดราก้อนโวยวาย “ลองคิดดูว่าเรื่องไหนที่เอริคเกี่ยวข้องกับท่านเดเมียส เคยจบดีๆที่ไหนกันล่ะ!!!

     

    “ข่าวร้าย”ดาร์คเนสเดินหน้าซีดเข้ามา

     

    “...เด็กพวกนั้น...”ฟรอสมอนท์พึมพำ “...หนีไปแล้วสินะ?

     

    “ถูกเผง”ดาร์คเนสครางด้วยเสียงที่ไม่ต่างกับยุง

     

    “ชิบหอง!!!”ดราก้อนสบถ

     

    “เอาล่ะ...เหมือนเราจะมีงานเพิ่มอีกเรื่อง”ราฟาเอลกุมขมับ “ฟรอสมอนท์...เจ้ารับหน้าที่ดูแลเด็กพวกนั้นไหวมั๊ย?

     

    “คิดว่า...ไหว...กระมัง”ฟรอสมอนท์มีท่าทีลังเล “บอกตามตรง...คิริลแสบเทียบเท่ากับท่านคลาริสตอนเด็กๆ แต่ที่เป็นปัญหาน่าจะมาจากนิสัยชอบทำเรื่องให้วุ่นวายที่มาจากโครนอสมากกว่า”

     

    “น่ะ...ผู้ที่ปราบสล็อทได้มาแล้วอย่างเจ้า แค่ใช้สมองไปกับการดูแลเด็กไม่กี่คนไม่ยากหรอก”ดาร์คเนสฉีกยิ้ม

     

    “สล็อทน่ะแค่มองแผนให้ออก...แต่นี่อาจรวมถึงกรณีที่ข้าต้องรับมือเอริคกับเดริลด้วยนะ”ฟรอสมอนท์กุมขมับ “เจ้าน่าจะรู้...เอริคน่ะข้าไม่เคยอ่านออก เดริลก็ไม่ต่างจากฟาริเดสขนาดย่อส่วนนักหรอก เหมือนจะเฉื่อยชาแต่ข้างในจะมีอะไรซ่อนอยู่บ้าง”

     

    “ยังไงก็ไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ”ดาร์คเนสตบไหล่ฟรอสมอนท์เบาๆ

     

    “...เฮ้อ...”

     

     

     

    - กลับสู่ปัจจุบัน -

     

    “ข้าเพิ่งลงมาถึงโลกมนุษย์...ก็พบกับสล็อทเสียแล้ว...เหมือนเป็นลางบอกว่าข้าจะไม่มีวันเจอเรื่องง่ายๆเลยสินะ”ฟรอสมอนท์กุมขมับ

     

    แกร็ก...

     

    ร่างโปร่งบางเปิดประตูเข้าไปภายในโรงแรม สัมผัสของหนึ่งในบาปเจ็ดประการนั้น ต่อให้ไม่อยากรับรู้ก็ยังรู้สึกได้อยู่ดี กับผู้ที่มีความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับผู้ครองบาปอย่างฟรอสมอนท์

     

    ฟรอสมอนท์มุ่งตรงไปยังจุดที่มีสัมผัสของสล็อท ก่อนจะมาพบกับร่างที่กำลังจมสู่ห้วงนิทรา แถมหลับลึกเสียจนมีคน...ไม่สิ...เทพเข้ามาใกล้ถึงเพียงนี้ยังไม่แม้แต่จะลืมตาตื่น

     

    “...กีลเลียส โคลว์”ฟรอสมอนท์ขมวดคิ้ว สัมผัสของสล็อทที่รับรู้ได้จากร่างเบื้องหน้าเจือจางลงจากครั้งสุดท้ายที่พบกันมาก

     

    ......ราวกับ......

     

    “...อือ...”กีลเลียสพลิกตัวไปอีกด้าน ไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานมาเลยซักนิด

     

    ในอดีตใช่ว่าฟรอสมอนท์กับสล็อทจะเข้ากันได้เสียเมื่อไหร่ การที่ฟรอสมอนท์ไม่ได้รังเกียจสล็อทมากนัก ไม่ได้หมายความว่าฟรอสมอนท์จะละเลยความจริงที่ว่า...บาปเจ็ดประการเป็นเทพทรยศไปได้

     

    “ไม่ระวังตัวซะเลย”ฟรอสมอนท์ส่ายหัว หากเปลี่ยนจากเขาเป็นเทพองค์อื่นที่ไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของ 7-Sins มีหวังกีลเลียสคงได้ชะตาขาดไปแล้ว

     

    ......แต่จะว่าไป......

     

    ......มาเจอกับข้า...ก็คงไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่......

     

    วูบ...

     

    ฟรอสมอนท์เรียกน้ำแข็งก้อนใหญ่มาไว้บนมือ หลอมละลายมันให้กลายเป็นน้ำด้วยความเย็นที่เท่าเดิม ก่อนจะ...

     

    ซ่า!!!

     

    “เฮือก!!!”กีลเลียสสะดุ้ง ตื่นเต็มตาด้วยน้ำเย็นจัดชนิดกะแช่แข็งไปถึงกระดูก

     

    “ไม่ได้พบกันนานนะ กีลเลียส โคลว์”

     

    เสียงทักทายที่คุ้นหู และจดจำได้ในความรู้สึก ทำให้กีลเลียสรีบหันมามองต้นเสียงทันที

     

    “คุณ...เทพฟรอสมอนท์”กีลเลียสขมวดคิ้ว

     

    “หลับไม่ระวัง หากเปลี่ยนข้าเป็นอาซาเซลเจ้าไม่เจอปแค่น้ำเย็นสาดแน่”ฟรอสมอนท์ทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาตรงข้าม มือโบกเบาๆให้โซฟาที่กีลเลียสนอนอยู่เมื่อครู่แห้งสนิท แต่ไม่ได้ช่วยขับไล่ความเย้นไปจากร่างของอีกฝ่ายเลย

     

    “ม...มันหนาวนะครับ”กีลเลียสปากสั่น

     

    “เรื่องของเจ้าสิ”ฟรอสมอนท์ไม่แยแสเลยซักนิด

     

    “...ใจร้ายชะมัด”กีลเลียสบ่นเบาๆ มือข้างหนึ่งลูบตรงอกเสื้อด้านซ้าย “...ลูไมน์...ขอความร้อนหน่อย...หนาวจะตายอยู่แล้ว”

     

    ป๊อป

     

    เกิดควันระเบิดขึ้นจางๆตรงหน้าทั้งสอง ก่อนที่ร่างของนกไนติงเกลสีทองตัวเล็กๆจะปรากฏอออกมา

     

    “นกไนติงเกล? คราวก่อนเป็น...”ฟรอสมอนท์หรี่ตาลง

     

    “ฐานพลังของลูไมน์ในร่างมีชีวิตคือฟินิกส์ครับ อย่างที่คุณเคยเห็นครั้งก่อนน่ะถูกแล้ว ส่วนฐานพลังในร่างอาวุธคือดาบทองคำกับตาชั่ง”กีลเลียสกอดเจ้านกน้อยเบาๆ “แต่โลกนี้ไม่ได้มีฟินิกส์โผล่มาบ่อยๆหรอกนะครับ มันเป็นระดับสัตว์ในตำนาน เพราะงั้นก้เลยใช้ลูกเล่นนิดหน่อยให้เปลี่ยนจากฟินิกส์เป็นนกไนติงเกลแทน”

     

    ปุ้ง ปุ้ง

     

    เสียงระเบิดเล็กๆดังแผ่วๆ พร้อมๆกับกล้องวงจรปิดของโรงแรมที่ถูก “พลังประหลาด” ระเบิดออกจนเละเป็นซาก

     

    “เห...ทำลายข้าวของนะครับเนี่ย”กีลเลียสยิ้มแหย

     

    “ไม่ใช่ข้า”ฟรอสมอนท์ขมวดคิ้ว

     

    “ลิเวียธาร คืนร่างของเจ้าเดี๋ยวนี้นะ”

     

    ฟู่...

     

    ไม่ได้มาแต่เสียง แต่ร่างสูงของต้นเสียง และตัวการระเบิดกล้องวงจรปิดมาด้วยพร้อมกันเลย

     

    เคิร์ส...หรือร่างจริงคือ หนึ่งในสิบสามอาวุธเทพปกรณัม The Curse “คำสาป” แห่งอาวุธเทพ อาวุธชิ้นนี้เคยเป็นอาวุธของวราทต์ บาปเจ็ดประการที่แข็งแกร่งที่สุด และหลังจากการตายของวราทต์ในการก่อกบฏเคออสเมื่อห้าพันกว่าปีก่อน อาวุธชิ้นนี้ก็ถูกโอนย้ายมาเป็นของฟรอสมอนท์

     

    เคิร์สในร่างมนุษย์นั้นเป็นชายหนุ่มร่างสูง ทั้งเค้าหน้า แววตา หรือแม้แต่ท่วงท่าล้วนคล้ายคลึงกับเจ้าของเก่า...คล้ายกับวราทต์มาก หากแต่นิสัยกลับไม่เหมือนกันเอาซะเลย เคิร์สมีเส้นผมสีดำสนิทซอยให้ยาวประบ่า ดวงตาสีอะเมทิสต์ที่ดูเอาเรื่อง สะท้อนความชั่วร้ายที่ปิดเอาไว้ไม่มิด

     

    เคิร์สที่ดูเหมือนจะเพิ่งรู้ตัวว่าลอยอยู่กลางอากาศโดยที่เท้าไม่ได้ติดพื้น จึงได้ลดความสูงลงมาให้ดูเหมือนยืนอยู่บนพื้นเพื่อพรางตา แม้ว่าจะไม่จำเป็นสำหรับสองคนที่กำลังคุยๆกันอยู่นี่เลยก็ตาม

     

    “เงียบนะเคิร์ส ข้าไม่ได้เหมือนเรย์ลิคที่จะบ้าเกมครอบครัว...ข้าฆ่าเจ้าได้นะ”นกไนติงเกลสีทองในมือของกีลเลียสพูดช้าชัด

     

    ในอาวุธเทพทั้งสิบสาม มีเพียงเรย์ลิค หรือ Relic of Memory เท่านั้น ที่มองว่าอาวุธเทพปกรณัมทั้งหมดเหมือนครอบครัวเดียวกัน และเอาใจใส่แก่อาวุธอื่นๆ แต่ในความเป็นจริง อาวุธเทพทั้งสิบสามนั้นไม่ได้จำเป็นต้องอยู่ข้างเดียวกันเสมอไป ส่วนมาก ขอแค่ได้พบหน้ากันก็เกิดการต่อสู้ได้ง่าย แม้กระทั่งอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดอย่าง Key of Eternity’s End หรือ “เจเนซิส ไลท์นิ่ง ชินเซย์” ก็ยังพร้อมจะทำลายอาวุธเทพชิ้นอื่น หากมาเกะกะขวางทางเขา เห็นได้ชัดจากการต่อสู้ระหว่างกุญแจศักดิ์สิทธิ์กับเอนด์เลส ที่กุญแจศักดิ์สิทธิ์พร้อมจะทำลายทั้งเจ้าของทั้งอาวุธไปพร้อมๆกัน

     

    กรณีของลิเวียธารและเคิร์สเองก็ไม่ต่างกัน...แม้ว่าอาวะทั้งสองชิ้นจะเคยร่วมงานกันในอดีต [เพราะเจ้าของในอดีตเป็น 7-Sins เหมือนกัน] แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องปรองดอง ยิ่งสถานการณ์ปัจจุบันที่กีลเลียสแยกตัวโดดเดี่ยว และฟรอสมอนท์เป็นฝั่งเทพที่ไม่รู้เป้าหมายชัดเจน ขอแค่แสดงอาการเป็นศัตรูกับนายของตนเมื่อไหร่ ลิเวียธารก็พร้อมที่จะต่อสุ้กับเคิร์สและฟรอสมอนท์ทันที

     

    “เคิร์ส อย่าหาเรื่อง”ฟรอสมอนท์ปราม

     

    “มันเสียมารยาทที่จะคุยกับผู้อื่นในร่างนั้น”เคิร์สว่า

     

    “เจ้าว่าไงนะ”เจ้านกร้องเสียงแหลม

     

    “ข้าบอกว่า เสียมารยาท ไง ฟังไม่ชัดเหรอ”เคิร์สกอดอก

     

    “เจ้าบ้านี่!

     

    “ลูไมน์...แค่คืนร่างมนุษย์ไม่ทำให้ข้าเสียพลังมากหรอก”กีลเลียสยิ้มบางๆ รู้ดีว่าที่ลิเวียธารไม่ใช้ร่างมนุษย์แต่แรก เพราะเกรงว่าจะรบกวนพลังของเขา

     

    “นายท่าน...ท่านไหวเหรอ?

     

    “น่า เจอสหายเก่าทั้งที เจ้าเอง...อยู่ในร่างนั้นก็ไม่สะดวกหลายๆอย่างนี่”กีลเลียสยักไหล่

     

    ฟิ้ว...

     

    มนต์สะกดคลายออกทันทีที่เจ้าชีวิตเอ่ยปากอนุญาต ลิเวียธารคืนร่างมนุษย์แทบจะทันทีที่กีลเลียสพูดจบ

     

    ร่างมนุษย์ของลิเวียธารนั้น จะเรียกว่าร่างมนุษย์จริงๆก็เรียกได้ไม่เต็มปาก เพราะใบหูทั้งสองข้างไม่ได้กลมมนแบบหูมนุษย์ แต่ดูราวกับปีกเพลิงของนกฟินิกส์อันเป็นร่างพื้นฐานมาก แต่นอกจากใบหูแล้วส่วนอื่นก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ ทั้งเรือนผมซอยสั้นสีส้มอิฐคล้ายสีอาทิตย์อัสดงที่ไว้ยาวตรงส่วนต้นคอเพื่อถักเป็นเปียเล็กๆเส้นหนึ่ง หรือว่าดวงตาสีเขียวหยกเช่นเดียวกับผู้เป็นนายที่ตอนนี้ทอประกายกร้าวอย่างโกรธจัด

     

    “เจ้ากล้าหาเรื่องข้าแบบนี้ ไม่อยากอยู่สงบๆสินะ เคิร์ส”ลิเวียธาร...ลูไมน์ในร่างมนุษย์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไม่ได้ดูเลยว่าความสูงของตนไม่ถึงไหล่ของคู่กรณีเสียด้วยซ้ำ

     

    “ลูไมน์ ใจเย็นหน่อยสิ”กีลเลียสปราม

     

    “เคิร์ส ข้าบอกว่าอย่าหาเรื่อง”ฟรอสมอนท์กดเสียงต่ำ

     

    “แต่นายท่าน!”อาวุธทั้งสองเริ่มประท้วง โดยเฉพาะเคิร์สที่มีนิสัยเอาแต่ใจตัวเองเป็นหลักมาแต่ไหนแต่ไร

     

    “ลูไมน์ / เคิร์ส”ร่างบางทั้งสองเอ่ยชื่ออาวุธของตัวเองพร้อมกัน สายตาเอาเรื่องทำให้อาวุธทั้งสองได้แต่แยกเขี้ยวใส่พร้อมส่งจิตอาฆาตแค้น แต่ไม่มีใครกล้าขยับตัวฝ่าฝืนคำสั่งนายของตัวเอง

     

    “จริงๆเลย...ไม่ได้เข้าเรื่องซะที”กีลเลียสส่ายหัว “เทพฟรอสมอนท์...ท่านมาทำอะไรที่นี่ ข้าไม่คิดว่าด้วยหน้าที่ของท่านจะว่างงานมาเดินเล่นแถวนี้ได้นะครับ”

     

    “ข้าควรถามเจ้ามากกว่านะ กีลเลียส โคลว์...ข้าจะไม่ถามว่าเจ้าหายไปไหนมาตลอดยี่สิบปี หรือถามอะไรพรรค์นั้น...”ฟรอสมอนท์เอ่ย “...แค่ตอบมาคำถามเดียว...เจ้าคิดจะก่อเรื่องอะไรอีก”

     

    “ตรงตัว ตรงประเด็น ตรงแบบขวานผ่าซากเลยนะท่าน”กีลเลียสยิ้มแหย

     

    “นี่คิดว่านายท่านจะก่อแต่เรื่องรึไงเนี่ย! ถึง 99 จาก 100 เรื่องที่นายท่านทำจะเป็นการก่อเรื่องจริงๆก็เถอะ”ลูไมน์กอดอก

     

    “งั้นข้าย้อนถามเลย ตั้งแต่ที่เป็นสล็อทแล้ว! เจ้านี่เคยที่จะอยู่นิ่งๆทำตัวให้สมกับที่ตัวเองเป็นมั๊ยล่ะ?”เคิร์สสวน

     

    “นี่เจ้า! นายท่านน่ะเค้นสมองคิดไปเท่าไหร่เพื่อให้ผลลัพท์ออกมาสมกับที่ต้องการ! เจ้าจะบอกว่านายท่านก่อแต่เรื่องเหรอ! คนที่ถูกหลอกใช้เองต่างหากที่ผิด! แถมผลของแผนการที่นายท่านวางเอาไว้แต่ละเรื่องก็เพื่อคนอื่นทั้งนั้นแหละ!!!”ลูไมน์เถียง

     

    “อ๋อ เหรอ...งั้นข้าถามหน่อยเถอะว่ามีใครตามแผนการของเจ้าบ้านี่ทันบ้าง ไม่นับนายของข้า! แม้แต่เจ้าเจเนซิสยังถูกหลอกใช้มาแล้ว เห็นมั๊ยว่านายเจ้าน่ะมันตัวอันตราย! ปล่อยไว้ก็ก่อแต่เรื่องทั้งนั้นแหละ!

     

    “เคิร์ส! / ลูไมน์!”ร่างบอบบางทั้งสองตวาดอีกครั้ง และสิ่งที่ทั้งสองคิดเหมือนๆกันก็คือ...

     

    ......ครั้งหน้า...ไม่สิ...ต่อไปต้องพยายามเลี่ยงไม่ให้ไอ้อาวุธพวกนี้มาเจอกัน!!!......

     

    ####################################################################

     

    ในที่สุดลูกรักของหลายๆคนก็ออกมาแล้ว

     

    เน็ตบ้านเมไม่ค่อยดี ต้องรีบอัพ แงๆ

     

    น้ำท่วมมมมมมมมมมมมมม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×