ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE GOD II-3 : Chosen Seven-Sins [Yaoi เหมือนเดิม]

    ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ 10 [Lunatic] : ละเมอ

    • อัปเดตล่าสุด 18 มิ.ย. 55


      

    ####################################################################

     

    บทที่ 10 [Lunatic] : ละเมอ

     

     

     

    “...อืม เข้าใจแล้ว...อืม...ทำงานได้ดีมาก แค่นี้นะ”

     

    ร่างสูงค่อยๆลดมือลง หลังจากที่ยกขึ้นทาบทับใบหูจิ้งจอกเป็นนานสองนาน เพื่อติดต่อสั่งการกับผู้ใต้บังคับบัญชาทั่วอาณาจักร

     

    “ทางข้างนอกนั่น จัดการปิดข่าวเรียบร้อยแล้วล่ะ”ไคน์หันมาบอกฟรอสมอนท์

     

    “โล่งอกไปที”กีลเลียสกลับดูเดือดเนื้อร้อนใจยิ่งกว่าตัวฟรอสมอนท์เองเสียอีก

     

    “...แต่ถึงจะปิดข่าวไว้ได้...พวกชาวเมืองก็กดดันข้าน่าดูเลย”ไคน์ทำหูลู่หางตก “...พวกเขาบอกว่า ไหนๆก็ไหนๆ มันก็ต้องมีค่าปิดปาก...”

     

    “แลกเปลี่ยนกับอะไรล่ะ”ฟรอสมอนท์เอ่ยถาม

     

    “พวกเขาอยากพบคุณน่ะ”ไคน์ว่า “...ประมาณว่า จะยอมปิดปากเงียบให้ก็ได้ แต่ไหนๆก็รู้แล้ว ก็อยากจะรู้ให้ละเอียดแล้วก็ลึกมากพอน่ะน้า~

     

    “แน่ใจรึเปล่าว่าจะปิดเงียบได้จริงน่ะ”กีลเลียสถาม

     

    “พวกเขาไม่กล้าขัดคำสั่งข้าหรอก ในลูนาติคแห่งนี้...ข้าคือกฎหมาย”ไคน์ยิ้มอย่างมั่นใจ

     

    “......”เชดด์วางมือลงบนไหล่ของฟรอสมอนท์ พร้อมกับพยักหน้าให้น้อยๆเมื่อฟรอสมอนท์หันมา

     

    ......คำพูดของไคน์...เชื่อถือได้......

     

    “...เข้าใจแล้ว”ฟรอสมอนท์ถอนหายใจ “...จะอย่างไร ท่านเดเมียสกับท่านคลาริสก็ไม่ได้สั่งห้ามข้า...ไม่ถือว่าขัดคำสั่ง”

     

    “ถ้างั้น เพื่อความปลอดภัย...เชดด์ เจ้าไปกับเทพฟรอสมอนท์แล้วกัน”ไคน์สรุป

     

    “......”เชดด์พยักหน้ารับ ร่างสูงของเทพแห่งเงาก้าวเดินนำ ทำให้ฟรอสมอนท์ต้องรีบวิ่งตามไปอย่างช่วยไม่ได้ เพราะช่วงความสูงที่ต่างกันมากทำให้การก้าวเดินของเชดด์เรียกว่าเร็วเกินไปสำหรับฟรอสมอนท์จริงๆ แต่เทพแห่งน้ำแข็งก็ยังไม่วางใจ หันกลับมามองกีลเลียสที่ยังทำหน้าตามึนๆอยู่

     

    “กีลเลียส...ลุกได้แล้ว”

     

    “ไม่เอาล่ะครับ...พวกเขาไม่ได้สนใจผมอยู่แล้ว ที่เขาสนใจคือ “เทพแห่งตำนานอันว่างเปล่า” อย่างคุณต่างหาก...เพราะงั้นตัวหลักคือคุณนะ คุณฟรอสมอนท์”กีลเลียสส่ายหน้า ร่างบางยิ้มอย่างซุกซนก่อนจะกระโดดลงไปกลิ้งกับโซฟายาวตัวนุ่ม ทำตัวเป็นแมวจอมซนที่กำลังสำรวจบ้านใหม่

     

    “ไปสิครับ แหม...คุณไม่อยากไปกับเทพแห่งเงาแค่สองต่อสองเหรอ?”กีลเลียสเร่ง

     

    “ไม่อยาก”ทั้งเชดด์และฟรอสมอนท์ต่างตอบพร้อมเพรียงกัน

     

    “อ้าว! ไหงงั้น?”กีลเลียสอ้าปากค้าง

     

    “คิก...คิกๆ...เชดด์เขามีห่วงคล้องคอแล้วน่า”ไคน์หัวเราะร่วน “แต่เอ...เขาคล้องเจ้าหรือเจ้าเป็นคนไปคล้องเขากันนะ? ท่าทางว่าฟิวเรียสจะไม่ค่อยเห็นชอบเท่าไหร่เสียด้วยสิ”

     

    “......”เชดด์ยักไหล่ไม่แยแส

     

    “อ๊ะ รอด้วย”ฟรอสมอนท์รีบตามเชดด์ไป หากแต่ก็ยังมิวายหันกลับมาคาดโทษเอาไว้

     

    “กีลเลียส! ก่อนที่ข้าจะกลับมา...ถ้าเจ้ากล้าหนีไปให้ข้าหาตัวไม่เจอล่ะก็ น่าดู!

     

    ตึกๆๆๆ

     

    “...พวกเขาไปแล้ว”ไคน์หันกลับมาหากีลเลียส

     

    “...ขอบใจนะ”กีลเลียสถอนหายใจ

     

    “เพราะงั้น...ก็เลิกทำตัวฝืนสภาพแล้วนอนลงไปเสียทีจะได้มั๊ย”

     

    “...นั่นสินะ”กีลเลียสยิ้มบางๆ

     

    ตุบ!

     

    “ไม่ไหวแล้วล่ะ...เหนื่อย...จนไม่อยากจะขยับตัวเลย”กีลเลียสครางเสียงอ่อน

     

    “ได้ยินมาว่าอดีตหัวหน้าหน่วยโลหสนธยาแห่งเซนต์ นาวิสเชี่ยวชาญการใช้ดาบมาก...วันนี้เห็นกับตากลับรู้สึกเสียดายจริงๆ”ไคน์เปรย จิ้งจอกหนุ่มหันกลับมามองกีลเลียส

     

    “เสียดายอะไรล่ะ”กีลเลียสย้อนถาม

     

    “เสียดายที่พลังกายของเจ้าในตอนนี้ไม่เพียงพอในการใช้ดาบอีกต่อไปแล้ว”ไคน์พูดตรงๆโดยไม่อ้อมค้อมอีก “ไม่แค่เพลงดาบเพลงกระบี่...แต่พลังเวทย์ของเจ้าก็ลดลงจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผู้ครอบครองอาวุธเทพด้วยซ้ำ”

     

    “แทบใจดำจังนะ”กีลเลียสครางอ่อยๆ “...น่ะ...ยังไง...”

     

    ความอ่อนล้าค่อยๆทำให้ดวงตาสีมรกตหนักอึ้ง กีลเลียสงึมงำเบาๆก็รู้สึกว่าใช้แรงกายไปมากแล้ว

     

    “...ยังไง...มันก็...แค่...ของที่ไม่ใช่...ของชั้นอยู่...ดี”

     

    “ว่าไงนะ?

     

    ฟี้...

     

    “...กีลเลียส โคลว์?”ไคน์ขมวดคิ้ว แต่ก็รับรู้ได้ทันทีว่าร่างบางนั้นหลับไปแล้ว...แถมยังไม่ใช่การหลับแบบแกล้งๆด้วย แต่เป็นการหลับลึกเสียจนต่อให้เอาน้ำมาสาดก็คงไม่ยอมตื่นด้วยซ้ำ

     

    ......ผิดปรกติเกินไปแล้ว......ไคน์ถอนหายใจ

     

    ......สภาพแบบนี้...ทำไมถึงยังฝืนตัวเองอยู่อีก......

     

    “นี่มันสภาพของคนใกล้ตายชัดๆ”

     

     

     

    ......นี่กลับมาในฝันแสนสนุกอีกแล้วเหรอเนี่ย......ร่างบางหัวเราะคิกคัก เพราะเป็นไปตามที่คาดเดาจริงๆว่าต้องกลับมาที่นี่อีกแน่ๆ

     

    เจ้าอีกแล้วหรือ?’

     

    ......ทักด้วยคำอื่นหน่อยสิ...แหม......

     

    ......ว่าแต่...ครั้งนี้นายจะบอกได้รึยังว่านายคือใครกันแน่น่ะ!......กีลเลียสรีบทวงถามก่อน

     

    ......

     

    ......นี่!!!......

     

    ข้าว่า...ข้าไม่ควรบอกนามของข้าให้แก่เจ้า

     

    ......เอ๋! ทำไมล่ะ!......

     

    พอข้าจะบอกนามตัวเองทีไร มักมีเสียงรบกวน หรืออะไรซักอย่างรบกวนให้เจ้าตื่นอยู่ดีราวกับเป็นคำสาป ไม่คิดว่าแปลกบ้างรึอย่างไร

     

    ......อาจจะแค่ความบังเอิญก็ได้!...ลองดูสิ!......

     

    ...ดื้อเหมือนแต่ก่อนไม่มีผิด

     

    ......แต่ก่อน? พูดถึงอะไรน่ะ?......

     

    เปล่าหรอก...เดี๋ยวก่อน

     

                    แม้ว่ารอบด้านจะมืดสนิท แม้ว่ากีลเลียสจะไม่อาจเห็นอีกฝ่ายได้ แต่เจ้าของสถานที่และเสียงปริศนานี้กลับสามารถ “เห็น” ร่างบางได้อย่างชัดเจน

     

    รอยเลือดกับรอยไหม้พวกนั้นมันอะไรกัน!?!’

     

    ......เลือด? อ๋า!!!......

     

    ......ขนาดในฝันยังเห็นด้วยเหรอ! ไม่จริงน่า!!!......

     

    กีลเลียสลองยกแขนตนเองขึ้นมาดู แม้จะมีความรู้สึกว่ายกแขนตัวเองขึ้น แต่ดวงตากลับมองไม่เห็น ถึงขนาดที่ว่าลองเอามือลูบแก้มตัวเอง เอามาจ่อหน้าก็ยังมองไม่เห็น ราวกับถูกปิดตาเอาไว้มากกว่าจะเป็นการตกอยู่ในความมืดธรรมดาเสียแล้ว

     

    เจ้าไปก่อเรื่องอะไรอีกแล้วเสียงนั้นเข้มขึ้นกะทันหันจนกีลเลียสสะดุ้งเฮือก ก่อนที่จะรับรู้ได้ว่า...มีมือหนาของใครบางคนคว้าจับข้อมือของตนเอาไว้

     

    ......ทั้งๆที่รู้สึก แต่กลับมองไม่เห็น...แปลกจัง......กีลเลียสพึมพำ แต่ในความฝันเช่นนี้อีกฝ่ายย่อมต้องได้ยิน

     

    นี่มัน...บาดเจ็บภายใน? เจ้าไปทำอะไรมา!’

     

    ......โห...รู้ได้ทันทีเลยเหรอเนี่ย......

     

    อย่ามาทำบ่ายเบี่ยงเปลี่ยนเรื่องนะ! ตอบ!’ อีกฝ่ายพูดด้วยเสียงที่ราวกับโกรธจัด แต่มืออีกข้างที่สัมผัสตนเองกลับแผ่วเบา...ราวกับกลัวจะทำให้เจ็บไปกว่าเดิม

     

    ......อ่า...คือ...มีเรื่องนิดหน่อยเองน่ะ แหะๆๆๆ......

     

    ......แต่ไม่เป็นไรหรอก! ชั้นมีเรื่องทุกวันจนชินแล้วล่ะ! บาดเจ็บแค่นี้เดี๋ยวเดียวก็หาย!!!......

     

    ......

     

    ......นะ เชื่อชั้นสิ......กีลเลียสอ้อน ทั้งๆที่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไปอ้อนกับคนในความฝัน...ที่อย่างไรก็ยังคงเป็นแค่ความฝันที่ไม่มีทางมีตัวตนอยู่จริงอยู่แล้ว

     

    ...ไม่อยากจะเชื่อ...ซักนิดน้ำเสียงของเขามีแววเจ็บปวด

     

    ......หา?......

     

    ทั้งๆที่รู้...ว่าเจ้าไม่ใช่เขาแท้ๆ...กีลเลียส โคลว์

     

    ......หา???......

     

    แต่คล้ายกันมากจริงๆ...เจ้า...กับเขาคนนั้นเสียงนั้นทอดถอนใจ เมื่อเจ้าลืมตาตื่น...ขอให้มันจงเป็นเพียงแค่ความฝัน...จำเอาไว้เสียล่ะ

     

    ......เดี๋ยวก่อน! จะให้ชั้นตื่นแล้วเหรอ! แล้วชื่อของนาย......

     

    อย่าติดอยู่ในความฝันนานเกินไป...ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจอ่อนแอจนตาย...กีลเลียส

     

    ......เดี๋ยวก่อนสิ! ว่าแต่ชั้น! นายเองก็เปลี่ยนเรื่องพอๆกันนั่นแหละ!!!......

     

    เจ้ายังอยากจะทดลองอีกหรือ?’

     

    ......ก็บอกแล้วไงว่าสองครั้งที่ผ่านมามันต้องบังเอิญแน่ๆ...ครั้งนี้นายก็ลองบอกชื่อมาสิ!......

     

    ...เด็กดื้อ...เสียงนั้นมีแววเหนื่อยใจ ก็ได้...

     

    ......เย้!......

     

    ข้ามีนามว่า...

     

     

     

    “กีลเลียส โคลว์!!!

     

    ปึง!!!

     

    เสียงเซอร์ราวด์ที่มาพร้อมแรงกระแทกอย่างรุนแรง ทำเอาคนที่ไม่อยากตื่นก็ต้องตื่นขึ้นมาจนได้

     

    ......บ้าจริง! จะบังเอิญอะไรก็ให้มันมีขอบเขตหน่อยได้มั๊ย!!!......กีลเลียสหัวเสียอย่างหนัก

     

    ทั้งๆที่อยากจะว๊ากให้ลั่น แต่พอเห็นสีหน้าคนปลุกเท่านั้นล่ะ กีลเลียสก็ต้องขมวดคิ้วทันที

     

    “...ก...เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”กีลเลียสถามตะกุกตะกัก เมื่อเห็นว่าทั้งเชดด์ ทั้งไคน์ หรือแม้แต่ตัวคนปลุกอย่างฟรอสมอนท์กลับจ้องเขาเสียตาไม่กระพริบ

     

    “ปลอดภัยแล้วล่ะ...เฉพาะตอนนี้นะ”ไคน์เม้มปาก

     

    “เจ้าบ้าเอ๊ย!”ฟรอสมอนท์เงื้อมือขึ้นสูง

     

    โป๊ก!

     

    “โอ๊ย! ทำไมอยู่ๆมาเขกหัวกันได้ล่ะ!!!”กีลเลียสประท้วง

     

    “ทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงแค่ไหน รู้ตัวบ้างมั๊ย!”ฟรอสมอนท์ตวาด ก่อนจะลดเสียงลงจนกลายเป็นเสียงสั่นเครือ “...คิดว่าสภาพเจ้าเมื่อครู่นี้เป็นยังไงกัน...”

     

    “เกิดอะไรขึ้น...ไม่เห็นเข้าใจเลย”กีลเลียสงงวูบ เขารีบหันไปหาเชดด์และไคน์เพื่อขอคำอธิบาย

     

    “เจ้าหลับไป...ทีแรกข้าก็คิดว่าแค่พักผ่อนเพราะความอ่อนเพลียเฉยๆ...แต่...แต่อยู่ๆเจ้าก็ร้องเสียงดังลั่นขึ้นมา”

     

    “ร้อง? ผมเนี่ยนะ?”กีลเลียสขมวดคิ้ว เขาจำไม่เห็นได้เลยว่าไปร้องลั่นอะไรเอาตอนไหน จะบอกว่าละเมอ...ในฝันนั่นเขาก็ไม่ได้ร้องอะไรด้วย

     

    “ใช่ ร้องเหมือน...เหมือนเจ็บปวดมากๆ”ฟรอสมอนท์พูดเสียงสั่น “...ทีแรกก็คิดว่าเจ้าฝันร้าย...แต่...แต่ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น”

     

    “ดูสภาพรอบๆสิ”เชดด์ผายมือไปรอบห้อง ซึ่งห้องพักเจ้าเมืองที่เคยสวยงามกลับยับเยินไม่มีชิ้นดี รอยดาบกรีดทำลายม่านดิ้นทองจนขาดเป็นเส้นทะแยงมุมเกินครึ่งของความยาวเดิม โซฟารับแขกก็ถูกฟันขาดสองซีก ชั้นหนังสือแหว่งเป็นรอยระเบิดไปมุมหนึ่ง ซึ่งต้นเหตุนั้นไม่ได้อยู่ไหนไกลเลย...

     

    ......แต่เป็นดาบทองคำลิเวียธารในมือของเขาเอง......

     

    “...อะ...อะไรกัน...เนี่ย”กีลเลียสไม่เข้าใจเลย

     

    ......เกิดอะไรขึ้น...ทำไม......

     

     

     

    ฟิ้ว...ฟิ้ว...

     

    ภายนอกหน้าต่าง เหนือขึ้นไปยังชั้นบนสุดของระฆังกลางเมือง ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งกำลังมองพวกเขาจากระยะไกล...ที่ไกลเกินกว่าสายตามนุษย์จะมองเห็นได้แน่ๆ

     

    “ไม่ได้นะ กีล”เขาหัวเราะเบาๆ นามที่ใช้ได้เฉพาะคนรู้จักคุ้นเคยในระดับหนึ่งถูกเอ่ยออกมา

     

    ......ยังไม่ถึงเวลา...ที่จะรับรู้ถึง “นาม” ของเขาผู้นั้น......

     

    “...อย่าทำให้ “กฎ” ต้องถูกทำลายสิ”ชาเรเพียร์ซหัวเราะเบาๆ เส้นผมสีเงินสว่างสะบัดพลิ้วตามแรงลม แขนสองข้างกางออกราวกับกำลังสุนทรีย์กับการยืนรับลมเล่น

     

    “กว่าจะทำให้เขาตกลงสู่ใยแมงมุม...ชั้นถึงกับลงทุนออกหน้าเองเชียวนะ...เพราะงั้น...ก็อย่าเพิ่มทำให้มันหมดสนุกนักสิ”

     

    ......เพื่อชีวิตที่เหลืออยู่ของนายเอง......

     

    ......เศษเสี้ยวแห่งสล็อท...ที่ไม่อาจเป็นสล็อทได้......

     

    “ชั้นคนนี้ต่างหาก ที่เป็น “สล็อท” ไม่ใช่นายซะหน่อย...กีล”เขาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียบนิ่ง

     

    ......เพราะงั้น...เศษเสี้ยวของสล็อทที่อยู่กับนาย...ซักวัน...มันก็ต้องกลับมาหาเจ้าของ......

     

    ......และก็ใกล้จะถึงวันที่ว่านั้นเต็มทนแล้ว......

     

    “เพราะงั้น...ก็จงใช้ชีวิตในฐานะของ “กีลเลียส โคลว์” ต่อไปเถอะกีล...จงอย่าได้...อย่าได้ก้าวเข้ามาเป็นสล็อทคนที่สองเลย”ชาเรเพียร์ซยื่นมือไปข้างหน้าคล้ายจะคว้าจับบางสิ่ง แต่ก็ปล่อยมือไป...

     

    ......การให้นายได้พบกับ “เขาคนนั้น” ถือเป็น...ความสงสารจากชั้น......

     

    “...นายไม่ใช่สล็อท...และไม่มีทางเป็นสล็อทได้...จงลืมตาตื่นและยอมรับความจริงได้แล้ว”

     

    ตึก...

     

    “ที่ทำทุกอย่าง...ก็เพราะแบบนั้นสินะ ชาเร”

     

    “อย่าเรียกด้วยชื่อนั้นสิ...นั่นมันของสงวนนะ”ชาเรเพียร์ซยิ้มบางๆ ไม่ได้หยี่ระซักนิดที่มีคนข้ามาประชิดตัวเขาได้...แถมยังมีมีดสั้นจ่อเข้าที่หลังของตนเองแล้วด้วย

     

    “...แล้ว...ตามหาชั้นทำไมล่ะ...เฮอร์เมส”

     

    แคว่ก...

     

    “อย่ายั่วโมโหกันจะดีกว่านะ สล็อท”เสียงจากคนที่จ่อมีดอยู่ด้านหลังหงุดหงิดสุดๆ แถมเพราะเรียกชื่อแบบนั้น...ทำให้เขาเผลอแทงมีดลงไปจนตัดผ้าคลุมขาดออกเสียแล้ว

     

    “กีลเลียส โคลว์คือเศษเสี้ยวเล็กๆเท่านั้น...เศษเสี้ยวที่มีหน้าที่วางแผนการกำจัดเคออส ไม่มีความจำเป็นต้องลงสนามต่อสู้หรือใช้แรงงานใดๆ ใช้เพียงมันสมอง...ดังนั้นข้าจึงไม่คิดว่านั่นจะเป็นเศษเสี้ยวหลัก”ผู้ถูกเรียกด้วยนามในอดีตเอ่ย “...และข้ารู้ด้วยว่าสล็อทไม่มีทางทอดทิ้งไพรด์...หากกีลเลียส โคลว์ไม่ได้มีหน้าที่ในการคุ้มครองไพรด์...งั้นก็เหลือเพียงเจ้า”

     

    “...จะตามหาท่านไพรด์หรือ...คงยากอยู่นะ”ชาเรเพียร์ซหัวเราะ “...ก่อนที่จะทำแบบนั้น...ลองถามตัวเองดูก่อนเป็นไง...ว่าทำไมต้องไปเข้าข้างบลัดด์วอร์ที่ประกาศชัดเจนว่าเป็นศัตรูกับวราทต์ด้วยล่ะ”

     

    “...อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง”เขาว่า “...ที่ข้าสนในตอนนี้ น่าจะเป็นเจ้ามากกว่า สล็อท”

     

    “ทำไม”

     

    “เจ้า...คิดจะทำอะไรกับเศษเสี้ยวนั่น...คิดจะทำอะไรกับกีลเลียส โคลว์...ถึงขนาดแทรกแซงจิตใต้สำนึกและควบคุมร่างกายของเขา...ยั่วยุให้พวกนั้นกลับมา”

     

    “สมกับเป็นเงาของวราทต์ ผู้แข็งแกร่งที่สุดในพวกเรา...มองปราดเดียวก็ออกเลยนะ”ชาเรเพียร์ซหัวเราะ

     

    “ตอบ!

     

    “ก็แค่ว่า...ของที่ไม่มีประโยชน์ต่อแผนการ แถมยังเป็นตัวถ่วงคอยขัดแข้งขัดขา ตัวหมากที่ใช้การไม่ได้แล้ว...คิดว่าสล็อทจะทำอะไรกับมันต่อไปล่ะ?

     

    ####################################################################

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×