คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 9 [Lunatic] : ราชาจิ้งจอกและดอปเปลแกงเกอร์
บทที่ 9 [Lunatic] : ราชาจิ้งจอกและดอปเปลแกงเกอร์
“...เหมือนว่าทางนั้นจะจบแล้วล่ะนะ”บลัดด์วอร์เอ่ยทั้งๆที่ยังคงมีรอยยิ้ม
“...กีล...”ฟรอสมอนท์เม้มปาก
......ชนะ? แพ้? ไม่สิ......
......ถ้าเจอกับอิกนิส...กับเฮอร์เมสคนนั้น...ไม่มีทางที่กีลเลียสจะชนะได้......
“ถ้าแบบนั้น...ปิดฉากกันจริงๆซะทีดีกว่ามั๊ยนะ”บลัดด์วอร์เอ่ยขึ้น
“ก็ต้องการแต่แรกแล้ว”ฟรอสมอนท์แค่นเสียง “เคิร์ส...ขอรูปแบบอาวุธ”
“...อืม”เคิร์สพยักหน้ารับ ร่างของเขาเรืองแสงวาบ ก่อนจะสลายกลายเป็นเส้นแสงสีเทานับสิบเส้น หมุนวนรอบร่างฟรอสมอนท์ราวกับสายลม
วู้ม...
แหวนสีเงินเกลี้ยงที่นิ้วนาวด้านซ้ายมีโซ่เชื่อมต่อออกมาจากตัวแหวน เชื่อมเข้าหาข้อมือของฟรอสมอนท์ เสียงโซ่สั่นดังกรุ้งกริ้งใสกังวาน
แกร็ก...
บลัดด์วอร์หดมือกลับเข้าไปในเสื้อคลุมที่ขาดไปจนดูไม่ได้ และได้ยินเสียงเคลื่อนไหวของอะไรบางอย่างจากใต้ผ้าคลุมผืนนั้น
พรึ่บ...พรึ่บๆๆๆๆๆ
“อ๊ะ!”ฟรอสมอนท์สะดุ้ง เมื่ออยู่ๆรอบๆร่างของตนก็มีของบางสิ่งลอยวนอยู่รอบๆ...ใช่แล้ว...
[Fate Card!!!] เคิร์สร้องอย่างตกใจ
กึ๊ด!
ตามปรกติแล้ว พลังที่ Fate Card สามารถสร้างได้ จะไม่มีผลต่อฟรอสมอนท์...แต่ในเมื่อตอนนี้การ์ดเหล่านั้นมีผู้ควบคุม ก็เท่ากับว่าหักล้างต่อพรแห่งการต่อต้านเวทย์มนต์ของฟรอสมอนท์ได้ เวทย์พันธนาการจึงใช้งานได้ดีจนฟรอสมอนท์ไม่อาจขยับแขนขาได้เลย และคนที่รู้ถึงช่องว่างของพรข้อนี้...ก็มีเพียง...
“เราไม่มีเวลาแล้วครับ บลัดด์วอร์”
ตุบ
อิกนิสปรากฎตัวข้างๆบลัดด์วอร์ มือข้างหนึ่งของเขาตั้งท่าคล้ายกำลังร่ายเวทย์อยู่ เป็นที่แน่ชัดว่าใครกันแน่ที่กำลังควบคุมไพ่เหล่านี้
“...เฮอร์เมส...ปล่อยข้า!”ฟรอสมอนท์ดิ้น คำพูดสั้นๆนั้นทำให้อิกนิสเกือบจะขยับตัวตามสัญชาติญาณ แต่ก็รีบรั้งตัวเองทันที
“ผมคืออิกนิสต่างหาก ทำไมพวกคุณชอบเรียกชื่อเก่าผมกันจัง...เดี๋ยวคุณเอริคมาได้ยินเข้าผมคงโดนเป่ากระจุยแน่”อิกนิสรีบเสเปลี่ยนเรื่อง แต่บลัดด์วอร์กลับจับบางอย่างได้ในคำพูดนั้นอย่างรวดเร็ว
“...ใครเข้ามาขวาง”บลัดด์วอร์เอ่ยเรียบๆ เสียงของเขาฟังดูบูดสนิท ท่าทางจะหมดอารมณ์ไปเลยเพราะมีคนเข้ามาแทรก
“เชดด์ ฟรอนเธียร์ครับ...คุณก็รู้ ผมแพ้ทางพวกคนเก่าคนแก่”อิกนิสพูดเหมือนจะติดตลก แต่สีหน้าอิหลักอิเหลื่อก็ทำให้รู้ได้เลยว่าคำพูดที่เหมือนจะเล่นๆนั้น เจ้าตัวจริงจังอย่างมาก
“แล้วถ้าจะกรุณานะครับ ช่วยจัดการเขาซะที ร่างกายผมยังมีปฏิกิริยาต่อเสียง คำสั่งหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเขานะครับ”
“คิดแล้วเชียว”บลัดด์วอร์เอ่ยขึ้น
“คิดไว้แล้ว...อะไร”ฟรอสมอนท์กัดฟันกรอด พยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ
“เจ้ารู้จัก...ไม่สิ...ต้องเรียกว่าสนิทสนม...กับวอร์เรส ลอสเวิร์ลจริงๆด้วย”
“!!!!!”ฟรอสมอนท์สะดุ้ง นามเพียงหนึ่งเดียวที่ถูกเอ่ยออกมา ทำให้ลืมสิ้นแทบทุกสิ่ง
ลืมที่จะขัดขืนต่อพันธนาการ...ลืมที่จะต่อต้านการกระทำ...ลืมวันเวลา...จนแทบจะลืมไปเลยว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่กันแน่
“วอร์...เรส?”
“หมดอารมณ์ซะแล้วสิ...บอกตรงๆว่าตอนแรกน่ะ อยากจะเค้นเรื่องกองกำลังปฏิวัติจากเจ้า...แต่พอได้ยินชื่อนั้น ผมก็อยากจะเค้นถามเรื่องวอร์เรสคนนี้ มากกว่าเรื่องงานซะอีก”บลัดด์วอร์บิดขี้เกียจเล็กน้อย “...เพราะรู้คำตอบแล้วว่าเจ้าน่าจะไม่รู้อะไรเลย”
“......”ฟรอสมอนท์ยังยืนแข็งทื่อ ลืมไปแม้แต่ปฏิกิริยาโต้ตอบ
“...กลับเถอะอิกนิส...”บลัดด์วอร์เอ่ยเรียบๆ
“เห...จะว่าเป็นเหยื่อรายแรกได้มั๊ยครับ ที่ปิศาจสงครามอย่างคุณยอมปล่อยไปง่ายๆ”อิกนิสผิดคาด
“ใครบอกว่าจะปล่อยล่ะ?”บลัดด์วอร์ย้อนถาม
“ห...หา?”
วูบ...
บลัดด์วอร์ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าฟรอสมอนท์ มือหนาเชยคางเทพแห่งน้ำแข็งขึ้นมาอย่างง่ายดายโดยไม่มีแม้แต่การตอบโต้
“...ทำไม...ถึงรู้จักชื่อนั้น”ฟรอสมอนท์เอ่ยถามเบาๆ
“นั่นสินะ...เพราะอะไร”บลัดด์วอร์ย้อนคำพูดกลับมา “...แต่บอกเอาไว้ก่อนนะ...ของที่เป็นของวอร์เรส ข้าจะแย่งมาให้หมด...ไม่ว่าจะเป็นเฮอร์เมส เฟทการ์ด หรือแม้แต่...เจ้าก็ตาม”
“...ทำไม...”ฟรอสมอนท์ยังคงถามอย่างเลื่อนลอย
“เพราะข้าชิงชัง...ชิงชังวอร์เรสที่สุดเลยน่ะสิ”บลัดด์วอร์ยิ้มบางๆ พร้อมกับลดเสียงลงอีกจนได้ยินเพียงแค่สองคน
“...ครั้งนี้ที่ข้ายอมปล่อยเจ้าไป...ไม่ใช่เพราะไม่สามารถช่วงชิงมาได้...แต่เพราะกีลเลียส โคลว์ยังอ่อนแอเกินกว่าจะอยู่ตามลำพัง”
สิ่งที่บลัดด์วอร์พูดนั้นราวกับลงไปนั่งอยู่กลางใจฟรอสมอนท์เลยทีเดียว...เพราะการที่ฟรอสมอนท์ถึงกับต้องละทิ้งหน้าที่ของขุนพลเทพ...ติดตามกีลเลียสมานั้น ส่วนหนึ่ง คือระแวงกับแผนการที่กีลเลียสอาจจะทำ...แต่เมื่อสอบถามถึงเหตุผลแล้ว ฟรอสมอนท์ก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ต่อเลยซักนิด
เพราะสายตาของกีลเลียสมีแต่เป้าหมายเท่านั้น...มีแต่การช่วยเหลือโกลด์ ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่ส่งผลร้างต่อพวกเขา ดังนั้นครั้งนี้ฟรอสมอนท์ก็ไม่จำเป็นจะต้องจ้องจับผิด...คำว่าจ้องจับผิดของฟรอสมอนท์นั้น...จริงๆก็เป็นแค่ข้ออ้างที่จะอยู่ต่อ
......เพราะกีลเลียสกำลังจะ “จางหาย” ไป......
“แต่ครั้งหน้าที่พบกัน...ข้าจะชิงเจ้ามา ไม่ว่าใครจะขัดขวาง...หรือต่อให้ต้องทิ้งให้สายเลือดแห่งโคลว์ต้องจางหายไปก็ตาม”
“!!!”
“เพราะงั้น...หลบข้าให้ดี ฟรอสมอนท์ จีลาเรส...เทพแห่งความเย็นชาเอ๋ย...เจ้าไม่ได้เย็นชาอย่างตำแหน่งซักนิด...หากยังคิดที่จะรักษาชีวิตของโคลว์คนพี่ จงหนีให้พ้นจากสายตาข้า เพราะข้าจะไม่หยุด...ที่จะตามล่าเจ้า และช่วงชิงเจ้ามา...ไม่ว่าคนที่ขวางทางอยู่จะเป็นใคร...หรือต่อให้เป็นโครนอสและฮาเดสแห่งเกาะจอมเวทย์ก็ตาม”
ฮวบ...
บลัดด์วอร์ปล่อยร่างของฟรอสมอนท์ให้ทรุดลง ร่างสูงสะบัดผ้าคลุม หมุนตัวจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย
......วอร์เรส......
......บลัดด์วอร์...จะช่วงชิงข้ามาจากวอร์เรส?......
......ทำไม? วอร์เรสไม่ได้อยู่ให้เขาช่วงชิงอะไรอีกแล้ว...แล้วทำไม......
“คุณฟรอสมอนท์!!!”
ฟุ่บ...
ร่างสูงในชุดคลุมสีเทาหม่นกระโดดลงมาจากไหนก็ไม่อาจทราบได้ แต่ที่แน่ๆคือ ร่างบางที่นั่งอยู่บนไหล่ของอีกฝ่ายนั้นช่างคุ้นหูคุ้นตา...
“คุณฟรอสมอนท์! เป็นยังไงบ้าง...”กีลเลียสรีบกระโดดลงมาจากไหล่ของชายลึกลับที่เข้ามาช่วยเหลือตน พร้อมกับวิ่งมาสำรวจฟรอสมอนท์อย่างเป็นห่วง
“...ไม่...ไม่เป็นไร...”ฟรอสมอนท์ส่ายหัว
แซ่ด...แซ่ด...
คงเพราะแรงกดดันและความน่าสะพรึงกลัวของบลัดด์วอร์หายไปแล้ว เหล่าผู้ที่เฝ้าชมมาตั้งแต่แรกเริ่มยันจบ จึงได้จ้องมองฟรอสมอนท์เป็นตาเดียว
“เอ่อ...ทำไม...”กีลเลียสกระพริบตาปริบๆ
“อ้อ”ฟรอสมอนท์เพิ่งนึกเรื่องหนึ่งออก
“...ข้าทำเรื่องที่ข้าเป็นเทพแตกน่ะ”
“......”กีลเลียสตัวแข็งเป็นรูปปั้นไปเลย
......ไอ้เรื่องสำคัญแบบนี้มันต้องรีบบอกแต่แรกแล้วก็รีบเผ่นไม่ให้เป็นเป้าสายตาสิขอรับ!!!......
“...ไม่ใส่ใจตัวเองเหมือนเดิมนะ ฟรอส”ชายหนุ่มเอ่ยเรียบๆ
“เจ้า...”ฟรอสมอนท์เงยหน้าขึ้น ก่อนจะเบิกตากว้าง “...เชดด์?”
“เอ๋? รู้จักกันมาก่อนเหรอ?”กีลเลียสงง
“...มานี่ให้หมด”เชดด์ถอนหายใจหนักๆคราหนึ่ง ก่อนจะใช้เวทย์แห่งเงา ดูดกลืนร่างของพวกเขาหายวับไป ก่อนที่จะโดนรุมทึ้ง...น่ะนะ
“คิกๆๆๆๆ...แม้แต่ท่านเชดด์ผู้ยิ่งใหญ่ก็มีเรื่องที่จัดการไม่ได้อยู่เหมือนกันสิน้า”
“หุบปากไปซะ ไคน์”
เพราะอาณาจักรลูนาติคแห่งนี้ แทบจะเป็นที่สุมหัวกันของเหล่าพวก “ไม่ใช่มนุษย์” ทั้งหลาย และเป็นที่แน่นอนว่าพวกปิศาจ หรือพวกเผ่ามายาต่างๆ ต่างก็มีศัตรูคู่ฟ้าที่อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ และหากมาสู้กันเองกลางเมือง [อย่างที่พวกฟรอสมอนท์กับกีลเลียสทำ...] ได้ทุกวี่ทุกวัน เมืองอันสวยงามคงไม่เหลือแม้แต่ซากแน่ๆ
ด้วยเหตุนั้นจึงต้องมี “ผู้ปกครอง” หรือจะให้เทียบ...ก็เหมือนกับผู้ดูแลความสงบสุขของอาณาจักรแห่งนี้...พระราชานั่นเอง
แต่เพราะอาณาจักรแห่งนี้ค่อนข้างเปิดกว้าง และไม่มีระบบการปกครอง เพราะไม่ได้อยู่ในสหประชาชาติ...เป็นอาณาจักรอันแสนอิสระที่ใครจะมาก็มาใครจะไปก็ไป ไม่มีการตรวจสอบใดๆให้วุ่นวาย ดังนั้นตำแหน่งต่างๆจึงไม่จำเป็นใดๆ พระราชาก็ไม่จำเป็นต้องมี แต่อย่างน้อยๆ เพื่อรักษาทรัพย์สินของผู้บริสุทธิ์ ก็จำต้องมีพวกผู้ดูแลเอาไว้บ้าง
และสิ่งแรกที่เชดด์คิดออก คือการพาพวก “ตัวก่อเรื่อง” มาหลบอยู่กับ “ผู้ครองเมือง” ที่ว่านี้เสียก่อน!
“ก็มันน่าขำนี่นา”เจ้าเมืองลูนาติค...ผู้ที่ถูกเชดด์เรียกว่า ‘ไคน์’ หัวเราะคิก หูฟูๆสั่นกระดุ๊กกระดิ๊ก
“...ที่นี่ที่ไหนน่ะ เชดด์”ฟรอสมอนท์ถามงงๆ
“อ๊า...นี่คือเทพฟรอสมอนท์ที่กำลังลือกันอยู่ข้างนอกนั่นสินะ...จุ๊ๆ งดงามจริงๆด้วยสิ”นิ้วที่มีเล็บแหลมยาวเชยคางฟรอสมอนท์ขึ้นมา พลิกซ้ายพลิกขวาเพื่อพินิจใบหน้างามให้ชัดๆก่อนจะยอมปล่อยตัวไปง่ายๆ
ผู้ปกครองของอาณาจักรแห่งนี้...แน่นอนล่ะว่าก็ต้องไม่ใช่คนแหงๆ แต่นี่เขากลับไม่คิดจะปกปิดเลยแม้แต่น้อยว่าตัวเองไม่ใช่คน...เพราะเล่นมีหูจิ้งจอกโผล่พ้นเส้นผมมาอย่างชัดเจนจนต่อให้แค่มองผ่านๆยังสังเกตได้
ปิศาจจิ้งจอก...นั่นคือสิ่งที่คาดเดาได้ทันที
ท่านเจ้าเมืองปิศาจนี้แทบจะเป็นจิ้งจอกสีเงินทั้งตัว...เส้นผมยาวสีเงินที่ตัดแบบชุ่ยๆจนดูไม่เท่ากันเท่าไหร่แผ่ยาวกลืนไปกับสีขนจิ้งจอกสีเงินสว่างราวกับจันทรา แม้แต่สีของดวงตาก็ยังเป็นสีเงิน ดูสว่างเจิดจ้าจนไม่น่าจะออกไปเดินเฉิดฉายเวลากลางวันอย่างยิ่ง เพราะคงทำให้คนอื่นแสบตาจนน่าหมั่นไส้อย่างมาก
“ในโลกปิศาจ มีข่าวลือว่าการได้กินเลือดของเทพจะทำให้อายุยืน เป็นกระสายยารักษาบาดแผลและฟื้นฟูพลังชั้นเลิศ จริงรึเปล่าน่ะ”เจ้าจิ้งจอกกระดิกหูยิกๆ ตาวาววับเหมือนจะสนใจอย่างยิ่ง
“...มาถามข้าดีกว่ามั๊ย”เชดด์เอ่ยเสียงเย็น
“เอ่อ...ขอโทษนะคุณฟรอสมอนท์ แต่ข้างงไปหมดแล้ว”กีลเลียสไม่รู้จักใครเลยนอกจากฟรอสมอนท์ จึงได้แต่กระซิบถามเขา
“จริงสินะ...เจ้าน่าจะลืมไปแล้ว”ฟรอสมอนท์พยักหน้า “...คนที่มาช่วยพวกเรานั่น...ชื่อเชดด์”
เชดด์หันมามองกีลเลียสน้อยๆ ทำให้กีลเลียสเพิ่งจะสังเกตว่าดวงตาของร่างสูงนั้นไม่เหมือนดวงตาของคนปรกติ...ตาขาวที่เป็นสีแดงก่ำนั้นไม่ได้ทำให้กีลเลียสสะดุ้งตกใจอย่างที่คนอื่นควรจะมี หากแต่กลับขมวดคิ้วแทน
“ทำไมตาคุณถึงเป็นสีแบบนั้นล่ะ? แล้วแบบนี้จะมองเห็นเหรอ?”
“......”เชดด์เกาหัวเล็กน้อย
“เขากำลังคิดว่า เจ้าจะช่วยมีปฏิกิริยาเหมือนคนทั่วไปหน่อยไม่ได้รึไง ทำนองนั้นล่ะ”ไคน์รีบฟ้อง
“แหม...ตาสีแดงแบบนั้นก็เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวดีออก ไม่เห็นน่ากลัวเลย”กีลเลียสตอบพาซื่อ ซึ่งทำให้คราวนี้แม้แต่ปิศาจจิ้งจอกเองยังอึ้ง ฟรอสมอนท์กุมขมับ ส่วนเชดด์ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“คุ...ฮุๆ...พรืด...”ท่านเจ้าเมืองจิ้งจอกรีบเบือนหน้าหนี แต่หูกลับสั่นระริก “มี...มีใครเคยบอกมั๊ยว่า เจ้าน่ะรสนิยมพิลึก”
“แล้วตกลงทำไมตาถึงเป็นสีแบบนั้นล่ะ”กีลเลียสยังซักต่อเป็นเด็กขี้สงสัยไม่เลิก
“เชดด์เป็นปิศาจน่ะ ดอปเปลแกงเกอร์...รู้จักมั๊ย?”ฟรอสมอนท์ถาม
“ก็พอจะรู้อยู่...ดอบเปลแกงเกอร์เป็นปิศาจเงาที่จะสะท้อนตัวตนของมนุษย์แล้วฆ่าตัวจริงเพื่อปลอมเป็นตัวคนคนนั้นแทน...ใช่มั๊ย?”
“......”เชดด์พยักหน้า
“แล้ว...เขาเป็นใครเหรอ คุณฟรอสมอนท์”กีลเลียสถามต่อ
“ในมิติแห่งความตาย...โลกวิญญาณน่ะ เทพสายมืดที่ทำหน้าที่เป็นยมทูตมีการแบ่งแยกเป็น 50 หน่วยย่อยๆ โดยหัวหน้ายมทูต 5 คนครองตัวเลขอัปมงคล 5 ตัว”ฟรอสมอนท์เหนื่อยใจจะพูดเรื่องความแปลกประหลาดไม่เหมือนคนอื่นของกีลเลียสแล้ว จึงยอมเปลี่ยนเรื่องตามง่ายๆ
“ก็มี เลข 4 , 7 , 13 , 36 , 41 ใช่มะ ถ้าข้าจำไม่ผิด”กีลเลียสนั่งคิด
“แล้วเชดด์...เขาเป็นหัวหน้ายมทูตหน่วย 7 น่ะ...ชื่อในแดนเทพของเขาคือ เทพปิศาจ เชดด์ ฟรอนเธียร์ เทพแห่งเงาและตัวแทนแห่งด้านมืด”
“อ๋อ...เป็นยมทูตนี่เอง”กีลเลียสก็ยังไม่รู้สึกรู้สา...จนน่าจะเรียกว่าเรื่องอะไรก็คงทำเขาตกใจไม่ได้แล้วในตอนนี้ จะมีก็แต่ความสงสัยเท่านั้น
“เอ๋? แล้วไหนบอกเป็นปิศาจ...ปิศาจเป็นเทพได้ด้วยเหรอ?”กีลเลียสถามอีก
“......”ฟรอสมอนท์ก้มหน้าปลงตก ส่วนไคน์ถึงกับวิ่งไปหลบอยู่มุมห้อง หางฟูๆยาวๆฟาดพื้นดังปั่บๆ ไหล่สั่นระริก เจ้าตัวกลั้นหัวเราะจนปวดท้องจะแย่อยู่แล้ว
“ดราก้อนที่เป็นมังกรยังเป็นเทพได้เลย”ฟรอสมอนท์ตัดบทโดยยกตัวอย่างที่กีลเลียสเคยเห็น
ในความเป็นจริง ไม่ได้มีข้อจำกัดที่มีแต่ “สายเลือด” ของเทพเท่านั้นที่จะเป็นเทพได้ แต่ใครก็ตามที่มีพลังสูงส่งถึงจุดหนึ่งก็จะสามารถเป็นเทพได้เช่นกัน อย่างเช่นดราก้อน ที่เดิมทีเป็นมังกรทองคำ ก็ยังสามารถเลื่อนขั้นเป็นเทพได้ แต่เทพที่เกิดในกรณีนี้...ต้องมีข้อตกลง พันธสัญญา หรือต้องแลกกับบางสิ่ง เพื่อให้ครบตามเงื่อนไขที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นเทพ และที่สำคัญ...ต้องได้รับการยอมรับจากเทพระดับสูงที่มีสิทธิ์ตัดสินใจ
ในกรณีของดราก้อน ผู้ยอมรับเขาให้เป็นเทพคืออาซาเซล ที่ตอนนั้นดำรงตำแหน่งจอมทัพเทพ โดยแลกกับการที่ดราก้อนต้องเป็นมังกรใต้อาณัตของอาซาเซล และดราก้อนต้องรับหน้าที่เป็นผู้บันทึกประวัติศาสตร์ของเทพสายสว่าง
ส่นกรณีของเชดด์...ผู้ที่ยอมรับตัวตนของเขา...คือวราทต์
วอร์เรส ลอสเวิร์ล...วราทต์แห่งบาปเจ็ดประการ เป็นผู้ยอมรับเชดด์โดยตรง โดยมีเงื่อนไขพิเศษบางประการที่ไม่มีใครรู้
“งั้นก็เป็นเทพสายมืด...แบบเดียวกับคุณน่ะสิครับ?”ถึงจะยังสงสัย แต่ท่าทางเหมือนไม่อยากจะอธิบายเพิ่มของฟรอสมอนท์ก็ทำให้กีลเลียสตัดใจง่ายๆ
“...ประมาณนั้น”ฟรอสมอนท์ตอบ “ข้ากับเขาเป็นเพื่อนร่วมงานกัน...ว่าแต่เชดด์ ข้าจำได้ว่าตอนนี้เจ้าน่าจะยังทำงานอยู่ที่โลกวิญญาณนะ”
“......”เชดด์ยักไหล่
“......”ฟรอสมอนท์เข้าใจอาการเลย...ไอ้ท่าทางแบบนี้หากไม่ใช่โดดงานจะเป็นอะไรไปได้อีก
“แล้วคนนี้ล่ะ?”กีลเลียสชี้มาที่ปิศาจจิ้งจอก
“ข้าไม่รู้จัก น่าจะเป็นคนรู้จักของเชดด์มากกว่า”ฟรอสมอนท์ตอบ
“อ๊า! ข้าแนะนำตัวเองบ้างนะ”ท่านเจ้าเมืองยิ้มกว้าง “ข้าชื่อ ไคเนซิส โรสควอตซ์...แต่พวกเจ้าจะเรียกข้าว่าไคน์ก็ได้ อย่างที่เชดด์เรียกน่ะ”
“ไคเนซิส โรสควอตซ์...ไคเนซิส...เอ๋!!!!!”กีลเลียสตบมือเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ “ปิศาจจิ้งจอกเก้าหาง ราชาแห่งเผ่าปิศาจจิ้งจอกนี่นา”
ชิ้ง!
เท่านั้นล่ะ ดาบน้ำแข็งก็ได้พุ่งเข้าไปจ่อคอคนที่เพิ่งแนะนำตัวเองหมาดๆทันที
“เชดด์...ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้ว”ฟรอสมอนท์เอ่ยเสียงดุ “...ว่าอย่าทำอะไรที่ขัดต่อกฎแห่งยมทูต”
“ว๊า...ไม่น่ารีบเฉลยเลยแฮะ”ไคเนซิสยิ้มยั่ว
“......”เชดด์ยกมือขึ้นห้ามฟรอสมอนท์
“...มีอะไรจะอธิบาย...นอกจากเรื่องของตระกูลเก่านายอีกมั๊ย”ฟรอสมอนท์ถอนหายใจ เพราะยังติดหนี้ที่ให้เชดด์มาช่วยอยู่ จึงยอมเก็บดาบลง
“โห...ผิดคาดแฮะ คิดว่าหัวหน้าของเจ็ดดารา...เทพสายมืดระดับสูงที่เป็นผู้นำของโลกวิญญาณจะต้องดุๆโหดๆกว่านี้ซะอีก”ไคน์ยิ้มบางๆ “...แต่จริงๆก็ผิดคาดตั้งแต่หน้าตาแล้วล่ะนะข้าว่า”
“ไคน์”เชดด์เอ่ยเตือน
“รู้แล้วน่า”ไคน์ยักคิ้วหลิ่วตานิดๆ “ข้าเป็นผู้ดูแลความสงบของลูนาติค...แต่ก็เป็นราชาแห่งเผ่าจิ้งจอกด้วยเหมือนกัน...ข้ารับจ๊อบสองงานน่ะ”
“ตำแหน่งแต่ละอย่างก็ไม่ใช่เล็กๆทั้งนั้นเลย”กีลเลียสนับนิ้ว
“...ราชาเผ่าจิ้งจอก...แค่นี้ก็เพียงพอจะให้เทพจัดการสำเร็จโทษได้แล้ว”ฟรอสมอนท์หงุดหงิด
ก็ไม่แปลกที่ฟรอสมอนท์จะหงุดหงิดเอามากๆ เพราะแต่ไหนแต่ไรมา เทพและปิศาจไม่เคยเข้ากันได้ ในเมื่อต่างก็มีจุดยืนที่แตกต่างกัน เทพปกป้องมนุษย์ ปิศาจกลับกินมนุษย์เป็นอาหาร ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะปะทะกันมาแต่โบราณ แต่...ฟรอสมอนท์ก็ไม่เหมือนเทพองค์อื่นๆที่เห็นปิศาจเป็นไม่ได้ [โดยเฉพาะดราก้อนและอาซาเซล สองรายนี้แค่จับสัมผัสได้ว่าเป็นปิศาจก็ไม่ต้องพูดต้องคุยกันแล้ว] คงเพราะเขาอยู่กับ “เรื่องวุ่นวาย” มานักต่อนักจนมุมมองและจิตใจไม่ได้คับแคบนั่นเอง
ถึงฟรอสมอนท์จะมีแนวคิดที่ว่า “ขอแค่ไม่ใช่ปิศาจที่เลวร้าย ก็ไม่ถึงกับต้องฆ่า” แต่กระนั้น กับราชาแห่งเผ่าพันธุ์ที่เป็นหัวหอกของปิศาจเผ่าต่างๆนั้น ก็ใช่ว่าจะปล่อยไปง่ายๆ
“โธ่...ไม่เอาน่าคุณฟรอสมอนท์ ทำไมคุณดุจังเนี่ย”กีลเลียสยิ้มบางๆ แอบขยิบตาให้ไคน์
......เขาว่ากันว่า...ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่......
......คนประเภทเดียวกัน มักจะมองกันเองออกโดยไม่ต้องการคำพูดใดๆทั้งสิ้น!......
“กับตัวการก่อเรื่องวุ่นวาย สมควรฆ่าทิ้งอยู่ดี”ฟรอสมอนท์ฮึดฮัด
“แต่คุณก็ยังไม่เห็นทำอะไรผมเลยนี่นา?”กีลเลียสสวนด้วยคำพูดที่ทำให้ฟรอสมอนท์สะอึก “แถมอีกอย่าง...การที่คุณเชดด์พาพวกเรามาหาเขาเนี่ย หมายความว่าเขาสามารถจัดการเรื่องวุ่นวายให้ได้ใช่มั๊ยล่ะ?”
“......”เชดด์พยักหน้ารับ
“แน่นอนครับ ผมเป็นผู้ปกครองอาณาจักรนี้...ขอแค่เป็นคำสั่งของผม ใครๆก็ต้องทำตาม”ไคน์มั่นใจมาก
เพราะอาณาจักรที่ไม่ขึ้นตรงต่อสหประชาชาติ และเอื้อต่อการอาศัยอยู่ของอมนุษย์ทั้งหลายทั้งปวงไม่ได้มีมากนัก ระหว่างการเอาเรื่องที่ไม่ทำประโยชน์อะไรให้ตัวเองไปเปิดเผยแล้วต้องถูกจองล้างจองผลาญจนไม่มีที่อยู่ กับการปิดเงียบให้รู้แค่วงแคบๆแล้วอยู่ในเมืองต่อไปอย่างสงบสุข ใครๆก็รู้ว่าควรเลือกข้อไหน
“คุณฟรอสมอนท์...คุณจะไม่เชื่อใจเขา ก็ควรจะเชื่อใจเพื่อนตัวเองบ้างนะ”กีลเลียสยิ้มกว้าง ใบหน้างามเปล่งประกายซุกซนเพราะรู้ดีว่าฟรอสมอนท์ไม่มีทางโต้แย้งได้ แต่ก็ทำให้น่าเอ็นดูขึ้นเป็นกอง [ถ้าจะอยู่นิ่งๆไม่คิดแผนการอะไรให้คนเขาหมั่นไส้น่ะนะ : เมย์]
“...นี่ก็ไม่รู้จักดูแลตัวเองอีกคน...”เชดด์ถอนหายใจ
“อื้มๆ”ไคน์พยักหน้าเห็นด้วยอย่างที่สุด
......ถือว่าโชคดีมากที่สองคนงามมีหนามแหลมคมสุดๆ......
......ไม่งั้น...ด้วยนิสัย + หน้าตาล่อไอ้เข้แบบนี้ ไม่พ้นโดนลากไปจับกดเข้าซักวันแหงๆ......
####################################################################
ความคิดเห็น