คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5 [Frost & Gueil - Pridenral Ocean] : ในห้วงแห่งความมืด
####################################################################
บทที่ 5 [Frost & Gueil - Pridenral Ocean] : ในห้วงแห่งความมืด
“...ครับ รับทราบครับ”ชายหนุ่มเอ่ยเบาๆก่อนจะถอนหายใจ “ถ้างั้นขอตัวนะครับ”
อัลเฟรดถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะปล่อยมือที่ทาบทับหูซ้ายลง
......ท่าทางทางนั้นจะยุ่งยากกว่าที่คิด......
......แต่เราเองก็ยังไม่แน่ใจ...ว่าจะใช่อย่างที่คิดรึเปล่า......
......ส่งข้อมูลไปสุ่มสี่สุ่มห้าคงไม่ได้......
อัลเฟรดถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะเปิดประตูก้าวออกไปห้องข้างๆ เคาะประตูเบาๆพร้อมกับเอ่ยเรียก
“คุณกีลเลียส ตื่นรึยังครับ?”
แกร็ก
ประตูห้องของกีลเปิดออก แต่คนที่เปิดกลับไม่ใช่ลูกค้าของเขาทำให้อัลเฟรดแปลกใจ
“เอ่อ...ผมเคาะห้องผิดเหรอครับ”อัลเฟรดอึกอัก แทบคิดหาคำพูดไม่ออกเมื่อเจอกับสายตาเย็นชาจนชวนขนลุกของคนตรงหน้า
“ไม่ผิด แต่เจ้านั่นยังไม่ตื่น”อีกฝ่ายว่า
“อ้าว?”
......แล้วคนคนนี้มาอยู่ในห้องคุณกีล?......
“เข้ามา”อีกฝ่ายเดินเลี่ยงออกให้อัลเฟรดเดินเข้ามาในห้องพักของโรงแรม ก็พบเข้ากับร่างโปร่งบางของกีลเลียสที่ยังหลับสนิทอยู่กับเตียงนอน และบนโซฟาก็มีผ้าห่มอยู่ผืนหนึ่งที่ยังไม่ได้พับ
“เอ่อ คุณ...ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครเหรอครับ?”
“คนรู้จักของเจ้านั่น”อีกฝ่ายชี้ไปที่ลูกค้าของตนที่ยังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง แม้จะอธิบายแบบเหมือนไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก แต่การที่กีลเลียสยังปลอดภัยครบสามสิบสองแล้วยังหลับสนิทอยู่ได้ก็ยังถือว่าปลอดภัยอยู่บ้าง
“อ้อ งั้นเหรอครับ”อัลเฟรดพยักหน้ารับ “ผมคืออัลเฟรด เป็นผู้นำทางของคุณกีลเลียสครับ”
“เจ้านี่คิดจะไปไหนล่ะ”อีกฝ่ายถาม
“เอ่อ...ขอเสียมารยาทนะครับ แล้วคุณ...”
“อ้อ...ขอโทษที ข้าลืมไป”อีกฝ่ายยักไหล่ “ข้าฟรอสมอนท์”
“ฟรอสมอนท์!?!”อัลเฟรดหันขวับ
“ทำไม?”ฟรอสมอนท์ขมวดคิ้ว
“เอ่อ...คุณใช่...ฟรอสมอนท์ จีลาเรสรึเปล่าครับ?”
“ใช่ เจ้ารู้ได้ยังไงกัน”ฟรอสมอนท์ย้อนถาม
“เคยได้ยินชื่อน่ะครับ”
“จากไหน?”
“คุณพ่อเคยเล่าเกี่ยวกับท่านมหาอำมาตย์ของไกอาฟอสต์ให้ฟังนิดหน่อยครับ”
“อ้อ”ฟรอสมอนท์เข้าใจทันที
หลังจากไกอาฟอสต์ฟื้นตัวโดยอาศัยความร่วมมือจากเซนต์นาวิสและเนอร์โรนอสร่วมมือกันบูรณะซ่อมแซมเมืองส่วนที่เคออสทำพัง และส่วนที่พวกเขาทำพังกันเอง [ซึ่งส่วนหลังเยอะกว่าส่วนแรกเกือบเท่าตัว] รวมถึงปลอบขวัญประชาชนและจัดการเรื่องราวต่างๆให้สงบเรียบร้อย วินด์ หรือเวริเอล เซอร์เซส รัชทายาทผู้ถูกขับจากบัลลังค์ไกอาฟอสต์จึงได้หวนคืนสู่ฐานะเดิมเพื่อปกครองไกอาฟอสต์ต่อไป เป็นผลให้คลาวด์ หรือคริซิน นอร์วาโดส จอมทัพแดนเอล์ฟผู้ทำพันธสัญญาโลหิตกับวินด์ติดตามมาที่ไกอาฟอสต์ด้วย
ประกอบกับที่คุโร ทสึกิ หัวหน้ากองโจรอันดับหนึ่งแห่งน่านน้ำจำต้องกลับไปรับตำแหน่งเดิมคือหัวหน้าหน่วยห้าแห่งเนอร์โรนอส และลากตัวชิโร่ไปด้วย ทำให้กองโจร [ที่เดิมก็มีแค่สี่คนอยู่แล้ว] ต้องยุบตัวลง...ยุกิ คิโยอิ อดีตเสนาธิการแห่งกองโจรนี้จึงว่างงาน และด้วยความที่ไม่ยากรับอีกตำแหน่งเสียเหลือเกิน [ตำแหน่งรองหัวหน้าหน่วยสามแห่งเนอร์โรนอสที่หัวหน้าหน่วยไม่ยอมเซ็นต์ใบลาออกให้เสียที] จึงได้อาสามาช่วยเหลือเวริเอลในการปกครองไกอาฟอสต์
ทว่ายุกิคงคำนวนความคิดของโครนอสและความดื้อรั้นของราชาเอล์ฟที่สามอย่างซิกฟรีทผิดไป ถึงเขาจะยังมีหน้าที่หัวหน้าหน่วยสามของเนอร์โรนอสค้ำคอ แต่โครนอสกลับอนุญาตให้จอมเวทย์ทั้งหน่วยสามและหน่วยสี่ของเนอร์โรนอส อพยพย้ายตามหัวหน้าหน่วยตัวเองมาปักหลักที่ไกอาฟอสต์ซะงั้น!?!
ฟรอสมอนท์เองก็ไม่ใช่จะไม่รู้จักซิกฟรีท แม้จะไม่กล้าพูดว่ารู้จักดี แต่ก็น่าจะรู้จักมากกว่าหลายๆคน ในเมื่อทั้งสองมีเส้นด้ายบางๆเชื่อมถึงกันด้วยคำว่า “ผู้สืบทอด”
ฟรอสมอนท์รู้ดีว่าในด้านการงาน ซิกฟรีทเองก็ไม่ต่างจากตนมากนัก ดังนั้นต่อให้รับหน้าที่สามตำแหน่งพร้อมกันก็ใช่ว่าจะจัดการยากเย็นอะไรสำหรับซิกฟรีท แม้ว่าแต่ละงานจำหนักหนาสาหัสไปนิดก็ตาม...ทั้งตำแหน่งราชาที่สามแห่งเผ่าเอล์ฟ หัวหน้าหน่วยนักเวทย์แห่งเนอร์โรนอส แล้วปัจจุบันยังทำหน้าที่ควบเป็นมหาอำมาตย์แห่งไกอาฟอสต์อีก
หากว่ากันตามตรง...ไม่แน่ว่างานของซิกฟรีทอาจจะมากกว่าฟรอสมอนท์เสียอีก ตัวฟรอสมอนท์เองครองตำแหน่ง “ผู้นำเจ็ดดารา” “ขุนพลเทพประจำทิศเหนือ” “ผู้บัญชาการยมทูต” และตำแหน่งพ่วงท้ายที่ใครๆแอบเรียกกันว่า “พี่เลี้ยงเด็ก”
เอาเข้าจริง...วันแต่ละวันของฟรอสมอนท์มักจะหมดไปกับการจัดการเรื่องยุ่งยากที่ไม่เคยจะเป็นเรื่องของตัวเองซักครั้ง บางครั้งก็ต้องนั่งรับเรื่องร้องเรียนหรือรายงานยมทูตที่วันๆไม่รู้จับวิญญาณมาเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ เขายังต้องมาทำบัญชีรายชื่อวิญญาณพวกนั้นทั้งหมดอีก ไหนจะเรื่องเจ็ดดาราที่มักสร้างเรื่องปวดหัวเพราะไอ้นิสัยสุดโต่งกันไปคนละด้านของแต่ละคน ยังไม่นับว่าจะมีงานขุนพลเทพมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยที่ทำเอาตารางเวลารวนไปหมด หรือที่สำคัญที่สุด...ก็ไอ้สารพัดเรื่องยุ่งยากที่อะไรๆก็ “ฟรอสมอนท์” ทุกรอบของพวกเจ็ดดารากับหัวหน้าตัวเองนี่แหละ!
“เหอะๆ”ฟรอสมอนท์แอบหัวเราะกับตัวเอง
......ทำไมเจ้าซิกฟรีทไม่เจออย่างข้าบ้างนะ...จะได้รู้ว่าการทำงานแบบนี้มันเหนื่อย!......
“ถ้างั้นคุณ...เป็นคนเดียวกับ...ในตำนานนั่น?”อัลเฟรดถาม
“ไม่รู้สินะ คิดยังไงล่ะ”
“...คงไม่ใช่มั้งครับ”อัลเฟรดเดา “ก็เท่าที่ได้ยินมา เรื่องมันตั้งยี่สิบปีมาแล้ว ตอนนั้นมหาอำมาตย์ไกอาฟอสต์อายุน่าจะ 20 ต้นๆ ตอนนี้เขาก็ต้องสี่สิบกว่าๆแล้ว แล้วคุณฟรอสมอนท์ที่เป็นต้นตระกูล...ก็น่าจะเป็นคนแก่หัวหงอกขาวไปแล้วล่ะครับ ไม่น่าจะใส่ปิ้งยังเอ๊าะได้อยู่แบบนี้แหง”
“......”ฟรอสมอนท์เงียบกริบ “...จะคิดอย่างนั้นก็ใช่”
คำตอบที่ดูเหมือนจะบอกว่าคิดถูกเช่นนั้นทำให้อัลเฟรดถอนหายใจ
“แต่ชื่อเหมือนจริงๆนะครับ คุณตั้งชื่อตามบรรพบุรุษเหรอ?”
“...ช่างเถอะ...”ฟรอสมอนท์ถอนหายใจ
......ก็ถ้ามันเป็น “คน” ล่ะก็นะ......
......ขอโทษเถอะ...ต่อให้อีกเป็นร้อยปีเจ้าซิกฟรีทก็ยังเป็น “คนอายุยี่สิบต้นๆ” อยู่ดีนั่นล่ะ......
แต่ฟรอสมอนท์ก็ไม่คิดจะแก้ไขความเข้าใจผิดอะไร เพราะเรื่องของเทพและชนเผ่าเอล์ฟสมควรเป็นความลับต่อไปอีกซักหน่อยมากกว่า
“แล้วคุณกีล...เขาเป็นอะไรไปเหรอครับ?”
“แค่เมื่อคืนนอนไม่พอข้าเลยจัดการทำให้มันหลับซะ”ฟรอสมอนท์ว่า “แล้วคำถามแรกของข้าเจ้าจะตอบได้รึยัง”
“อ้อ...เอ่อ...”อัลเฟรดอึกอัก “คุณกีล...จะเดินทางไปยัง “หอคอยแห่งการพยากรณ์” ที่อาณาจักรจูปิเตอร์ครับ”
“หอคอยแห่ง...การพยากรณ์?”ฟรอสมอนท์ทวนคำช้าๆ
......จะไปสืบหาเรื่องโกลด์จากที่นั่น?......
......ก็จริงที่มันเป็นความคิดที่ดี ในเวลาที่ไม่มีเบาะแสแม้แต่ผมซักเส้นแบบนี้......
......แต่นั่นก็ต้องเป็นกรณีที่มั่นใจ...ว่านักพยากรณ์นั่นทำนายได้แม่นยำจริงอย่างอโพรไดซ์ต่างหาก......
“ทำไม...ถึงต้องเป็นที่นั่น กีลเลียส”ฟรอสมอนท์พึมพำ
......มืดสนิท......
......ที่นี่...ที่ไหน......
‘นี่เจ้า...เป็นใคร?’
......เสียงใครน่ะ......
......ไม่รู้...ไม่รู้จักเสียงนี้เลย......
‘ทำไมถึงเข้ามา...ในที่แห่งนี้ได้กัน!?!’
......เข้ามา?......
......จำไม่ได้......
......ตอนนั้น...มีเสียงกระดิ่ง...แล้วอยู่ๆก็......
......เดี๋ยวสิ...ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันน่ะ?......
‘เสียงกระดิ่ง...ไม่น่าเป็นไปได้...แต่ทำไม...’
......เสียงนี่...เสียงผู้ชาย...แต่ไม่เคยได้ยินเลย......
......นายเป็นใครน่ะ......
‘ข้าต่างหากที่ควรจะถาม...ที่แห่งนี้...เป็นที่ของข้า แต่ทำไมเจ้าถึงเข้ามาได้?’
......จะไปรู้ได้ยังไงล่ะ......
‘เจ้าเป็นใครกันแน่?’
......ชั้นเป็นคนถามก่อนนะ...ว่านายเป็นใคร......
......ที่นี่...น่าจะเป็นความฝันของชั้นไม่ใช่เหรอ......
......ก็...ชั้นน่าจะหลับ...หรือสลบ...หรืออะไรเทือกๆนั้นล่ะมั้ง......
‘เจ้ามันช่าง...เอาเถอะ...ข้าคือ...’
ซ่า!!!!!
กระแสน้ำเย็นจัด ดึงร่างบางขึ้นจากห้วงแห่งความฝันอันดำมืด กีลเลียสลืมตาโพล่งทันที
“เหวอ!!!”กีลเลียสสะดุ้ง
“คิดว่าตายไปแล้วเสียอีก พึมพำอะไรของเจ้า? ปลุกก็ไม่ยอมตื่น”
“ค...คุณฟรอสมอนท์”กีลเลียสคราง “ม...มันหนาวนะครับเนี่ย! ...สาดน้ำแบบนี้อีกแล้ว...บรื๋อ!”
“ก็ให้หนาวสิจะได้ตื่นเร็วๆ ไปแต่งตัวเตรียมออกเดินทางเดี๋ยวนี้!”
“โหดร้าย! คนเพิ่งตื่นนอนสติยังไม่ทันเต็มร้อยจะบังคับขู่เข็ญกันแล้วเหรอ!!!”กีลเลียสประท้วง
“ใครๆก็ว่าข้าเย็นชามาแต่ไหนแต่ไรแล้วเจ้าก็รู้ดีนี่! แล้วเจ้าก็น่าจะรู้ด้วยว่าข้าไม่ชอบขี้หน้าเจ้าแค่ไหน! รีบๆไปจัดการตัวเองเดี๋ยวนี้!!!”
“ค...คร้าบ!!!”
- อีกด้านหนึ่ง -
“...หายไปแล้ว...”
“เขาคงตื่นแล้วมั้ง?”
“...อยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่”เสียงแรกเอ่ยถาม มันเป็นเสียงเดียวกับเสียงในความฝันของกีลเลียสเมื่อครู่ไม่ผิดเพี้ยน
“เฮ้ๆ ที่นี่น่ะชั้นมีสิทธิ์เข้ามาแต่ไหนแต่ไรแล้วนา แต่แปลกใจที่นอกจากชั้นกับนาย...ยังจะมีใครแทรกแซงเข้ามาในนี้ได้นี่สิน้า”
“เจ้าไม่ได้เชิญหมอนั่นมา?”
“ชั้นกับนายตัวติดกันมาแต่ไหนแต่ไร คนที่นายไม่รู้จักชั้นจะไปรู้จักมั๊ยล่ะ”
“......”
“แต่ระวังไว้หน่อยดีกว่า...คนที่แทรกแซงจิตใจของคนอื่นได้ในเวลาที่ไม่รู้ตัวอย่างตอนหลับเนี่ย...ค่อนข้างน่ากลัวอยู่นา”
“...เกิดติดอยู่ในความฝันของคนอื่นแล้วกลับเข้าร่างตัวเองไม่ได้ ก็ตายไปทั้งอย่างนั้นล่ะ”
“ก็นั่นน่ะซิ...แต่เจ้าตัวจะรู้ถึงความอันตรายนี้รึเปล่าล่ะ ในเมื่อดูงงๆเหมือนไม่เข้าใจตัวเองซะขนาดนั้น”ผู้มาทีหลังหัวเราะคิกคัก
“แต่ข้าคุ้นๆ...กับหน้าตาเขาอยู่บ้าง”
“เหรอ? แต่ชั้นว่าชั้นไม่เคยเจอเขามาก่อนนะ? ไม่แน่ นายอาจจะเจอก็ได้ นายอายุมากกว่าชั้นตั้งไม่รู้กี่หมื่นปี”
“หลังจากข้าสร้างร่างใหม่ก็กลับเป็นเด็กแล้ว แม้จะมีความทรงจำอยู่แต่ก็ยังถือว่าเด็กอยู่ดี”
“นั่นสิน้า...”
“เอ่อ...ขอถามซักคำได้มั๊ยครับ...”กีลเลียสยกมือขึ้นนิดๆ
“ว่ามา”ฟรอสมอนท์ตอบรับ
“ทำไม...คุณถึง...”กีลเลียสกระพริบตาปริบๆ
จะไม่ให้เขามีท่าทางแบบนี้ได้ยังไง ในเมื่อคนเดินทางที่เดิมมีกันแค่สองคน อยู่ๆก็มีแขกที่ไม่ได้เชิญ แต่อีกฝ่ายยัดเยียดตัวเองมาเดินทางด้วยเสียอย่างนั้น?!?
“แค่ไม่วางใจ”ฟรอสมอนท์ตอบชัดเจน “สล็อทคิดอะไรไม่เคยเป็นเรื่องดีซักครั้ง ข้าจะอยู่คุมความประพฤติเจ้าไม่ให้เรื่องมันวุ่นวายมากกว่านี้”
“...แหงะ...”กีลเลียสทำหน้าแหย
......ไม่ต้องตอกย้ำกันขนาดนั้นก็ได้นา......
“รีบๆไปตายซะไป๊! เจ้าบ้าเคิร์ส!!!”
“เจ้าต่างหาก ไอ้เด็กติดพ่อ!”
“ใครติดพ่อฟะ! เจ้าบ้าหมาหวงก้าง!!!”
“......”เจ้าของอาวุธทั้งสองได้แต่กุมขมับ แน่ล่ะว่าอัลเฟรดไม่มีทางได้ยินเสียงการทะเลาะกันจนแทบจะเข้าขั้นตีกันตายของสองอาวุธวิญญาณที่ทะเลาะกันอยู่ด้านหลังนายตัวเอง ในเมื่อทั้งสองใช้ร่างวิญญาณที่ผู้ที่ไม่มีพลังเวทย์ในระดับหนึ่งจะมองไม่เห็น แต่ฟรอสมอนท์กับกีลเลียสน่ะทั้งเห็นทั้งได้ยินชัดเต็มสองหูจนอยากจะหาอะไรมามัดปากอาวุธตัวเองใจจะขาด
“...พอกันที...”ฟรอสมอนท์ดูเหมือนจะเริ่มหมดความอดทน
“เฮ้อ”กีลเลียสถอนหายใจเหนื่อยหน่าย
ครืน...
ซ่า!!!!!
คราวนี้ไม่แค่น้ำแข็งละลายเย็นแค่ถังเดียวแบบเวลาปลุกกีลเลียส แต่ราวกับน้ำตกสาดใส่ไอ้พวกก่อความไม่สงบให้มันเงียบเสียงกันซะทีทั้งคู่
“เย็น!!!!!”ลูไมน์เต้นผาง เพราะยังไงร่างจำแลงของลิเวียธารอีกร่างก็เป็นนกฟีนิกส์ นกเพลิงย่อมไม่ถูกกับน้ำแน่ๆ
“...บรื๋อ...”เคิร์สขนลุก ร่างสุงรีบสะบัดตัวราวกับลูกหมาตกน้ำรีบสลัดขนเสียอย่างนั้น
“เอ่อ...มีอะไรกันเหรอครับ?”อัลเฟรดหันกลับมามอง
“เอ๋? เจ้าหูฝาดไปเองรึเปล่าน่ะอัล ข้าไม่เห็นได้ยินอะไรเลย”กีลเลียสยิ้มกว้าง
......สมน้ำหน้า!......
“เป้าหมายต่อไปคืดที่ไหน”ฟรอสมอนท์เอ่ยถาม ทำเป็นมองไม่เห็นสายตาอาฆาตของสองอาวุธวิญญาณนั่น
“เอ่อ...หากตรงไปตามถนนต่อไปจะเข้าเมืองลูนาติคครับ แต่พวกเราต้องระวังกันหน่อยดีกว่า...ว่ากันว่าที่นั่นเป็นที่รวมของพวกอมนุษย์แห่งหนึ่งเชียวล่ะครับ”
“อมนุษย์?”ฟรอสมอนท์ขมวดคิ้ว
“ชื่อเรียกรวมของพวกที่ไม่ใช่มนุษย์น่ะครับ”กีลเลียสกระซิบตอบ
“ถ้างั้นพวกเผ่ามายา...”
“เผ่าพิเศษอย่างพวกเอล์ฟ มนุษย์หมาป่า เงือก หรืออะไรเทือกๆนี้ที่เป็นเผ่ามายา พวกมนุษย์เรียกเหมารวมกับเผ่าปิศาจว่าเป็นอมนุษย์หมดครับ”กีลเลียสตอบ “ขอแค่ไม่ใช่มนุษย์ก็จะถูกเหมาเป็นอมนุษย์หมดเลย พวกเผ่ามายาพวกนั้นก็ด้วย พวกปิศาจก็ด้วย”
“ไม่แบ่งแยกเลยรึไงนะ”ฟรอสมอนท์ถอนหายใจ
สำหรับการแบ่งแยกของเทพนั้น เผ่าปิศาจคือพวกที่ใช้พลังอันชั่วร้ายในการทำร้ายและครอบครองมนุษย์ ส่วนเผ่ามายา จะเรียกว่าเป็นเผ่าที่ไม่ใช่มนุษย์ แต่สามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ หากให้ยกตัวอย่าง สัตว์อัญเชิญอย่างพวกพญางูบาซิลิกส์ กากอยล์ และพวกวิญญาณร้ายที่คอยล่อลวงมนุษย์และทำร้ายมนุษย์ ถือเป็นพวกปิศาจ ส่วนพวกวิวัฒนาการสูงจนเข้าใจหลักธรรมชาติและปรับตัวอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างพวกเอล์ฟ แวมไพร์ หรือมนุษย์หมาป่า ถือเป็นพวกเผ่ามายา
เดิมทีพวกแวมไพร์เองก็ถูกจัดเป็นปิศาจ แต่หลังจากยุคที่เกิดการล้างเผ่าพันธุ์จนแวมไพร์เลือดแท้เหลืออยู่เพียง 13 ตน พวกแวมไพร์ที่เหลือรอดก็ได้เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับมนุษย์มากขึ้นเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์และถูกเลื่อนเป็นเผ่ามายา นั่นหมายถึงว่า เผ่าปิศาจนั้นก็อาจถูกเลื่อนเป็นเผ่ามายาได้ หากมิวัฒนาการและเข้าใจที่จะอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้
“ช่วยไม่ได้นี่ครับ ความรู้ของมนุษย์เองก็มีขีดจำกัด เพราะช่วงชีวิตของมนุษย์มีจุดจบที่เร็วกว่าเทพ การเรียนรู้ต่างๆจึงต่างกัน”กีลเลียสกลับมองในมุมที่เป็นกลาง เพราะความทรงจำของเทพที่ยังคงมี แต่ร่างกายที่ดำรงนี้เกิดมาในแบบมนุษย์นั่นเอง
“แล้วเราต้องระวังอะไรบ้าง”ฟรอสมอนท์ถามอัลเฟรดหลังจากที่กระซิบโต้ตอบกับกีลเลียสมานาน
“อ้อ เราต้องระวังอย่าให้ตกเป็นเหยื่อพวกนั้นน่ะสิครับ ในลูนาติคก็มีทั้งอมนุษย์ที่ดีและไม่ดีปะปนกัน เราไม่รู้หรอกครับว่าไหนดีไหนไม่ควรยุ่ง”
“...งั้นหรือ...”ฟรอสมอนท์ทอดถอนใจ
......แวะเข้าเมืองหน่อยก็ดี...อย่างน้อยหากเจอพวกเอล์ฟซักคนก็น่าจะไหว้วานงานได้......
......เราทิ้งงานดูแลหลานของท่านลูซิเฟอร์มาจับตาดูสล็อทแบบนี้...ถึงจะเข้าใจว่าเอริคน่าจะดูแลเด็กพวกนั้นได้ แต่บางทีหมอนั่นก็ขี้เกียจจะโต้แย้งเลยปล่อยเลยตามเลยก็มี......
......อย่างน้อยให้ใครไปทำงานแทนหน่อยคงไม่เลวนัก......
วิ้ง...
เฮือก!!!
ฉับพลัน ฟรอสมอนท์ก็รู้สึกได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องตรงมาทางพวกตน และสายตานั่น...ไม่ใช่สายตาที่ดีด้วย!
“ใคร!”ฟรอสมอนท์รีบหันไปตามความรู้สึก
“...มีอะไรเหรอ? คุณฟรอสมอนท์?”
“กีลเลียส เจ้าไม่รู้สึกรึไง...”ฟรอสมอนท์ขมวดคิ้ว ยังคงจ้องเขม็งไปทางที่ตนรู้สึกได้ แต่แม้ฟรอสมอนท์จะแน่ใจว่าตนรู้สึกได้ถึงสายตามุ่งร้ายแน่ๆ แต่กลับมองไม่เห็นแม้แต่เงา
“รู้สึก?”กีลเลียสย้อนถาม
“เป็นอะไรไปฟรอส?”แม้แต่เคิร์สยังแปลกใจ
......เคิร์สไม่รู้สึกงั้นหรือ?......ฟรอสมอนท์แปลกใจมาก
หากเป็นกีลเลียส จะไม่รุ้สึกฟรอสมอนท์ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะสภาพของเจ้าตัวตอนนี้ไม่ได้เอื้ออำนวย แต่กับเคิร์สที่เป็นถึงอาวุธเทพ และยังมีต้นแบบเป็นวราทต์...หากเคิร์สยังไม่รู้สึก...
......คิดไปเอง? ไม่สิ...เป็นไปไม่ได้น่า......ฟรอสมอนท์ชักลังเล
“...รู้สึกถึงนายด้วย...สมกับเป็นเทพฟรอสมอนท์นะครับ”อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ
“อิกนิส...สนุกมากรึเปล่า”ร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆเอ่ยเสียงเย็น แต่กลับทำให้ชายคนแรกหุบยิ้มรีบกลั้นหัวเราะทันที
“ขอโทษครับ...บลัดด์วอร์”อิกนิสรีบกลั้นเสียงหัวเราะ พยายามแสร้งเป็นกระแอมไอแทน
“เคยปะทะกับเจ้านั่นสินะ”
“คนผมยาวสีน้ำเงินน่ะครับ...ฟรอสมอนท์ จีลาเรส เทพแห่งน้ำแข็งและตัวแทนแห่งความเย็นชา”อิกนิสกล่าว “ส่วนคนผมบลอนด์ทองข้างๆนั่น ผมไม่เคยพบ แต่ถ้าให้เดาน่าจะเป็นกีลเลียส โคลว์ อดีตจอมทัพทองคำแห่งเซนต์ นาวิส”
“โคลว์? ตระกูลนี่...”
“ครับ แต่ผมไม่มั่นใจว่าเขาหรืออีกคนกันแน่ที่เป็นสล็อท จะให้ยืนยันคงยาก”อิกนิสยักไหล่
“นายคิดว่า...คนไหนที่เป็นเป้าหมายของกลุ่มคนพวกนั้น?”
“ถ้าว่าตามความเห็น ผมว่าได้ทั้งสองคนนั่นแหละครับ”อิกนิสยิ้มแหยๆ “ทั้งสองคนต่างก็เป็นคนสำคัญทั้งนั้นซะด้วย”
“ตอบแบบไม่ตอบ...เชือดซะดีมั๊ย”ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเย็น
“โธ่ ใจร้ายกันจัง ตอนให้ผมไปสืบข่าวจากเคออสก็ใช้เอาใช้เอา พอหมดประโยชน์ก็ขู่จะฆ่าลูกเดียวเลย”อิกนิสโอดครวญ
“ฮึ”
“แต่จากการประเมิน...ผมว่าครั้งนี้น่าจะเป็นกีลเลียส”อิกนิสยอมตอบดีๆจนได้ “เพราะเทพฟรอสมอนท์เดิมอยู่คนละมิติกับพวกเรา จะบอกว่าคนพวกนั้นล่อเทพฟรอสมอนท์ลงมาก็ไม่น่าเป็นไปได้ น่าจะบอกว่าเทพฟรอสมอนท์บังเอิญเข้ามาพัวพันกับคนพวกนั้นมากกว่า”
“เป้าหมายของพวกนั้นคือกีลเลียส โคลว์สินะ...งั้นเจ้าไปสืบเรื่องของเขามาให้ละเอียดกว่านี้อีก”
“ใช้งานกันอีกแล้วนะครับบลัดด์วอร์”อิกนิสทอดถอนใจ “คุณเองก็เป็นขั้วอำนาจระดับสูงของโลกมืด ทำไมต้องให้ผมออกหน้าให้ทุกที ลงถ้าคุณออกหน้าเองก็ต้องระดับขั้วอำนาจด้วยกันถึงจะกล้าขวางทางแท้ๆ”
“หุบปากแล้วไปจัดการซะ”
“คร้าบ คร้าบ”อิกนิสยักไหล่ หันไปมองร่างบางผมสีน้ำเงินเข้มอีกครั้ง
......ไม่อยากเจอคนคนนี้อีกครั้งเลยจริงๆน้า......
......ครั้งก่อนแค่ชิงคริสตัลของเนเจอร์...ยังเล่นเราซะปางตาย......
......ครั้งนี้เกี่ยวกับคนที่เทพฟรอสมอนท์จับตาดูเต็มๆ...จะไปรอดยังไงล่ะทีนี้......
####################################################################
ความคิดเห็น