ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE GOD II-3 : Chosen Seven-Sins [Yaoi เหมือนเดิม]

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4 [Frost & Gueil - Pridenral Ocean] : เสียงกระดิ่งในความฝัน

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ย. 54


    ####################################################################

     

    บทที่ 4 [Frost & Gueil - Pridenral Ocean] : เสียงกระดิ่งในความฝัน

     

     

     

    “...เฮ้อ...”เจ้านายทั้งสองต่างพากันถอนหายใจ ทั้งฉุดทั้งรั้งสองอาวุธระดับตำนานที่ใครได้ยินชื่อต่างพากันตกตะลึงและหวั่นเกรงต่อพลัง...แต่กลับมาตีกันอย่างกับเด็ก!

     

    “ข้าขอความกระจ่างด้วย กีลเลียส โคลว์”ฟรอสมอนท์เอ่ย

     

    “...พวกท่านน่ะ...รู้เรื่องของเกรเซียสบ้างรึเปล่า”กีลเลียสเอ่ยปาก

     

    “โกลด์ คีสต์ หายตัวไป ลูน่าเทียร์ที่ควรจะติดตัวเขาก็กลับมาสู่เซนต์ นาวิสในสภาพเปรอะเปื้อน...ข้าได้ยินเรื่องนี้จากดาร์คเนส”ฟรอสมอนท์พูด

     

    “...เทพดราก้อนกับเทพอาซาเซล...”

     

    “ทั้งสองสัมผัสถึงโกลด์ไม่ได้”ฟรอสมอนท์ส่ายหัวทันที “ทั้งสองลองแล้ว...อาซาเซลเพียงบอกได้แค่ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ส่วนดราก้อนสัมผัสได้แค่ว่า...”

     

    “แค่อะไรครับ”กีลเลียสรีบถาม

     

    “...เขาบาดเจ็บสาหัส”

     

    “...โกลด์...”กีลเลียสเม้มปาก

     

    “ตามหาโกลด์ คีสต์...นี่คือสาเหตุหลักที่เจ้าเคลื่อนไหวครั้งนี้สินะ”ฟรอสมอนท์ว่า

     

    “ครับ”กีลเลียสยอมรับ

     

    “ข้าขอพูดตามความเป็นจริง...เจ้าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับโกลด์ สายเลือดเดียวกันก็ไม่ใช่ หนำซ้ำ เขายังเป็นหมากของเจ้าในสงครามครั้งก่อน...เจ้าไม่ได้มีความผูกพันกับหมากของตัวเองเช่นนี้ทุกคนหรอกใช่มั๊ย”ฟรอสมอนท์ถอนหายใจ “เจ้ายังรู้สึกผิด...ที่ทำให้โกลด์ คีสต์ขังตัวเองอยู่ในโลกที่สิ้นหวังกับหัวใจที่ว่างเปล่าอยู่อีกรึ?

     

    “......”กีลเลียสหลบตา

     

    “เจ้าน่าจะเห็น ตอนนี้โกลด์ คีสต์ ได้รับชีวิตและจิตใจกลับมาอย่างครบถ้วน เขาไม่ได้โทษเจ้า...ไม่มีใครโทษเจ้าในเรื่องนั้น”

     

    “แต่ก็เป็นเพราะผมส่วนหนึ่งอยู่ดี ที่ชักนำโซวซุยเข้าหาโกลด์ แล้วไม่ทันระวังแผนการของคนคนนั้นจนทุกอย่างเกือบจะสายเกินไป”กีลเลียสตอบ “หากซิลเวอร์เยียวยาโกลด์ไม่ได้...เขาก็ยังจะแสวงหาความตายของตนเองต่อไป แค่คิดก็รู้สึกแย่แล้วล่ะครับ”

     

    “นี่คือสิ่งที่เจ้าไม่เหมือนสล็อท”ฟรอสมอนท์พูด “สล็อทน่ะ ไม่มีทางเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับหมากตัวใดของตนเอง...ไม่มีทางเป็นห่วงหมากของตัวเองได้อย่างที่เจ้าเป็น เขาเลือดเย็นกว่านี้มาก”

     

    “ผมก็บอกแต่แรกแล้วว่าผมไม่ใช่สล็อท”กีลเลียสยิ้มฝืนๆ

     

    ......ชาเรพิออซต่างหาก...ที่เป็นสล็อทตัวจริง......

     

    “เรื่องนั้นข้าเข้าใจ...และอยากให้เจ้าเข้าใจด้วยเช่นกัน”ฟรอสมอนท์ว่า

     

    “เอ๋?

     

    “เจ้าควรทำความเข้าใจเสีย เข้าคือ “กีลเลียส โคลว์” ไม่ใช่ “สล็อท” ดังนั้น...สิ่งที่สล็อทไม่ทำ ใช่ว่าเจ้าจะทำไม่ได้”ฟรอสมอนท์เอ่ยเตือนสติ “ปากเจ้าบอกว่าตัวเจ้าไม่ใช่สล็อท แต่การกระทำของเจ้ากลับใช้วิธีการ รูปแบบ และแนวคิดของสล็อท เช่นนั้นจะทำร้ายตัวเองเปล่าๆ”

     

    “......”กีลเลียสชะงัก

     

    “เจ้าควรเข้าใจ มากกว่าจะพูดแต่ไม่ได้เข้าใจความหมายนั้น และควรคิดถึง “ตัวตนของเจ้า” แทนที่จะทำอย่างสล็อทได้แล้ว”ฟรอสมอนท์ส่ายหัว “คืนนี้ข้าจะพักที่นี่...เจอกันพรุ่งนี้เช้า และอย่าคิดหนี...เพราะเจ้าน่าจะรู้ว่าหนีข้าไม่พ้นแน่หากข้าต้องการติดตามจริงๆ”

     

    กึก...

     

    ฟรอสมอนท์ลุกขึ้นจากโซฟารับแขกแล้วเดินลับหายไปอีกทางหนึ่ง พร้อมด้วยเคิร์สที่แอบแยกเขี้ยวใส่ลูไมน์เป็นครั้งสุดท้าย

     

    “...นายท่าน...”ลูไมน์เอ่ยเรียกเบาๆ

     

    “...ฮึ...ฮะๆ...ฮะๆๆๆๆ”กีลเลียสหัวเราะอย่างขมขื่น

     

    ......สมกับเป็น...คู่ปรับเพียงหนึ่งเดียวของสล็อท......

     

    ......อ่านสถานการณ์...เฉียบขาดจริงๆ......

     

    “ข้าน่ะ...เป็นคนที่โง่ที่สุดรึเปล่านะ”กีลเลียสพึมพำ

     

    ......แม้จะรู้ดี...ว่าเรา...ว่าตัวเราไม่ใช่สล็อท......

     

    ......แต่ก็เติบโตมา...ในฐานะเงาของสล็อทมาตลอด......

     

    “จะบอกว่า...ให้หลุดออกจากเงาของสล็อทเนี่ยนะ”กีลลียสหัวเราะแผ่วเบา “...จะเป็นไปได้ยังไง”

     

    ......หน้าที่ตั้งแต่ที่จำความได้...คือหน้าที่ของการเป็นตัวแทนมาตลอด......

     

    ......แล้วจะให้...สรรหาตัวตนของเราจากไหนกัน?......

     

     

     

     

     

    วิ้ว...

     

    ท่ามกลางเงามืดของยามราตรี วิหกสีเพลิงได้พัดกระพือปีกของมัน ต้านทานแรงลมไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงของมันเลยซักนิด

     

    ในที่สุดนกฟินิกส์สีทองก็ร่อนลงกับยอดไม้สูง เกาะลงกับแขนข้างหนึ่งที่ยื่นออกมารับมัน

     

    “ว่ายังไงบ้าง...เจ้านั่นน่ะ”ชายหนุ่มถาม

     

    พรึ่บ!

     

    เปลวเพลิงสีทองโอบล้อมทั่วร่างของนก ก่อนที่จะกลับกลายเป็นร่างโปร่งของลูไมน์อีกครั้ง

     

    “อย่างที่เคยเป็น ไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่เลยขอรับ”ลูไมน์ถอนหายใจ

     

    “งั้นเหรอ...เจ้าพี่หัวแข็งก็ยังหัวแข็งเหมือนเดิมสินะ”ชายหนุ่มหัวเราะแผ่วเบา แต่เมื่อยืนเทียบกับลูไมน์เหมือนกัน ชายผู้นี้กลับแตกต่างจากกีลเลียสมาก

     

    ระหว่างกีลเลียสและชายผู้นี้...แม้จะมีเค้าหน้าที่คล้ายคลึงกันอยู่บ้าง แต่นอกจากนั้นแทบไม่มีอะไรเหมือนกันเลยแม้แต่นิดเดียว เรือนผมสีเงินตัดสั้นอย่างลวกๆ แถมยังตั้งชี้ไม่เป็นทรงเพราะเจ้าตัวไม่ค่อยดูแล ร่างกายสมส่วน ไม่ได้อ้วนหรือผอมจนเกินไป สวมชุดรัดรูปสีดำที่ช่วยเน้นกล้ามเนื้อที่ซ่อนอยู่เพราะเจ้าตัวออกกำลังกายลงมือลงแรงอย่างหนักอยู่เสมอ คลุมทับอีกชั้นด้วยเสื้อสีเทาขุ่นๆขะมุกขะมอม ดวงตาสีนิลดูเปิดเผยตรงไปตรงมา แข็งกร้าวและไม่ยอมคน

     

    ทุกสิ่งทุกอย่างของคนผู้นี้ แทบจะเป็นขั้วตรงข้ามของกีลเลียส

     

    “ท่านชาเรเพียส...ทำไมต้องทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากด้วย ข้าลำบากใจนะ”ลูไมน์ส่ายหัว

     

    “ช่วยไม่ได้...นี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรเป็นในแผนการแรกเริ่ม”เขาถอนหายใจ “แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ก็ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปอีกนิดก็ได้นี่”

     

    “ทำไมท่านไม่ “จัดการ” ให้เรียบร้อย...คงไม่ใช่ข้ออ้างเดิมๆหรอกนะ”ลูไมน์กอดอก ร่างบางขมวดคิ้วน้อยๆ

     

    “...ก็เหมือนอย่างที่ข้าพูดไป”เขายิ้มบาง “...ข้าไม่ได้เหมือนกีล ข้าไม่ได้ฉลาดในการหลอกใช้คนแบบสล็อท และข้าเอง...ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า “สิ่งที่ผิดเพี้ยน” ไปจากแผนการของข้าในชาติก่อน...จะมีจุดสิ้นสุดอย่างไร”

     

    “แต่เขาอ่อนแอลงมากแล้ว ข้าว่าหากท่านไม่ลงมือจริงๆจังๆ อย่างไรนายท่านกีลเลียสก็คง...”

     

    “ข้ารู้ว่าเขาอ่อนแอลงมาก...เรื่องนั้นข้าก็เตรียมอะไรเอาไว้บ้างแล้ว”ชายหนุ่มว่า “ขอเวลาอีกไม่นาน...แผนการของข้ากำลังจะเริ่มต้นแล้ว”

     

    “...งั้นหรือ...”

     

    “รู้มั๊ย? ทำไมกีลเลียสถึงยึดติดกับโกลด์ คีสต์ นักหนา”เขาเปลี่ยนเรื่อง

     

    “ไม่ ข้าไม่ทราบ”ลูไมน์ส่ายหัว

     

    “มานี่”ชายหนุ่มกวักมือเรียก

     

    “ขอรับ?”ลูไมน์เข้าไปใกล้ “นาย” อย่างงงๆ

     

    ฟุ่บ

     

    “อะ...”

     

    ตึก!

     

    “ถ้าบอกแล้ว จะจ่ายด้วยอะไรล่ะ”เขายิ้มเย็น ขณะที่มือก็กดร่างของลูไมน์ลงกับต้นไม้เบื้องหลัง มืออีกข้างจับหูของอีกฝ่ายที่เป็นปีกสีเพลิงอย่างเบามือแล้วเล่นเบาๆ แต่แค่นั้นก็ทำลูไมน์ดิ้นพล่าน

     

    “คิก...คิกๆ...ฮะๆๆ...พอ...พอแล้วนายท่าน...จั๊กจี้!

     

    “เห็นหูเจ้าแล้วอดไม่ได้ทุกทีสิน่า...นิ่มแฮะ”เขายังคงเล่นหูลูไมน์ราวกับไม่ได้ยินคำท้วงติงของเจ้าของเสียอย่างนั้น “ร่างนี้ไม่มีหางรึไง อยากเล่นอ่ะ”

     

    “ไม่...ไม่มีนายท่าน...พอ...พอแล้ว”

     

    “ว้า...”เขาปล่อยมือจากใบหูของลูไมน์อย่างเสียดาย หากแต่ดวงตาก็ยังแอบเหลือบมองเป็นระยะ

     

    “ช่วยเอาจริง...แฮ่กๆ...หน่อยเถอะ...นายท่านชาเรเพียส”ลูไมน๋รีบลูบๆหูตัวเองราวกับกลัวว่าเส้นขนซักเส้นจะถูกดึงไปงั้นแหละ

     

    “ใจร้ายจริง”ชายหนุ่ม...ชาเรเพียส ฝาแฝดผู้น้องของกีลเลียสเอ่ยขึ้นราวกับตัดพ้อ

     

    “ข้าเคยชินกับนายท่านทั้งสองนิสัยนั่นแหละ อย่ามาทำหน้าแบบนั้นเชียว”ลูไมน์ว่าเสียงเขียว มือหยิกต้นแขนของชาเรเพียสอย่างที่ไม่มีทางทำแน่ๆกับกีลเลียสผู้พี่

     

    “ทำไมเจ้าดูตามใจกีลมากกว่าข้าอีกล่ะ ไม่ยุติธรรมนี่”ชาเรเพียสโวยวาย

     

    “ก็ถ้าท่านไม่มีนิสัยแปลกๆแบบท่านสล็อทข้าก็ไม่บ่นหรอก ถึงจะเป็นท่านสล็อทจริงๆก็เถอะ ยังไงก็ตาม ไอ้นิสัยพิลึกๆเนี่ย เลิกทีได้มั๊ย”ลูไมน์ทำตาขวาง มือรีบรวบหูทั้งสองของตัวเองเพื่อปกป้องความบริสุทธิ์ของหู [?] ก่อนจะถูกเล่นงาน

     

    “ก็ได้ๆ...”ชาเรเพียสถอนหายใจ “...ข้าเตรียมการเอาไว้แล้ว...แต่มันต้องรอเวลาอีกนิดหน่อย ระหว่างนั้นก็ฝากดูแลกีลด้วยนะ”

     

    ......ข้ารู้ว่าเขายึดติดกับโกลด์ คีสต์เพราะอะไร......

     

    ......แต่เรื่องนั้น...เจ้าควรจะรู้ด้วยตัวเองบ้างนะ...กีล......

     

    “ถึงท่านไม่บอกก็เป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว”ลูไมน์ตอบ

     

     

     

     

     

    กริ้ง...

     

    เสียงกระดิ่งดังกังวาน เรียกให้ดวงตาสีเขียวมรกตปรือขึ้น แม้จะอ่อนล้าเต็มทน

     

    ......เสียงกระดิ่ง......

     

    กีลเลียสลุกขึ้นช้าๆ อย่างไม่รู้ตัว ขาเรียวพาร่างลงจากเตียงที่นอนอยู่จนถึงเมื่อครู่ ออกก้าวเดินพาตนเองหายลับไปท่ามกลางความมืดของระเบียงโรงแรม

     

    แกร็ก

     

    ประตูห้องตรงข้ามห้องของกีลเลียสเปิดออกอย่างแผ่วเบา

     

    “...จะไปไหนในเวลาแบบนี้กัน เจ้านั่น...”

     

     

     

     

     

    กริ้ง...

     

    “...เพราะจัง...”ร่างบางครางเบาๆ ขาก้าวมุ่งตรงไปตามต้นเสียงเรื่อยๆ

     

    “กีลเลียส โคลว์!”เสียงตวาดเรียกพร้อมกับแรงกระชากที่ต้นแขน ปลุกร่างบางให้ตื่นขึ้นจากภวังค์ทันที

     

    “อะ...คุณฟรอสมอนท์?”กีลเลียสขยี้ตาตัวเองงงๆ

     

    “เจ้าเป็นอะไร”ฟรอสมอนท์ถาม

     

    “เป็น? ผมเป็นอะไรไปเหรอครับ?”กีลเลียสขมวดคิ้ว ก่อนจะกวาดตามองซ้ายขวา

     

    ......ที่นี่ที่ไหน?......

     

    “ทำไม...ผมถึงไม่ได้หลับอยู่ในโรงแรมล่ะ?”กีลเลียสขมวดคิ้ว

     

    “ข้าสิที่ควรถามคำนั้น”ฟรอสมอนท์เอ่ยเสียงเครียด “อยู่ๆเจ้าก็ลุกออกมาจากเตียงแล้วเดินออกมาถึงที่นี่ ข้าตะโกนเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตอบ จนต้องกระชากเจ้านี่แหละถึงได้ตื่นน่ะ”

     

    “ผมเนี่ยนะ!?!”กีลเลียสชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

     

    “ก็เจ้านี่แหละ! คิดว่าจะมีใครอุ้มเจ้าออกมารึไง?

     

    เสียงที่ย้อนถามไม่ใช่ฟรอสมอนท์ แต่เป็นเสียงของเคิร์สที่แน่นอนว่าต้องตามติดผู้เป็นนาย

     

    “ช่วยดูสภาพนายท่านของข้าหน่อย ท่านฟรอสมอนท์น่ะอุ้มเจ้าออกมาไกลขนาดนี้ไม่ไหวหรอก หรือจะให้ข้าอุ้มเจ้าออกมา...คาดว่าข้าจะอยากแตะตัวนายของเจ้าบ้าลิเวียธารรึไง ข้ายังไม่อยากทะเลาะกับมันด้วยเรื่องไร้สาระหรอกนะ”เคิร์สเสริม

     

    “ก็เห็นๆอยู่ว่าทะเลาะกันเป็นเด็กๆ”ฟรอสมอนท์พึมพำ

     

    “......”กีลเลียสขมวดคิ้วมุ่น พยายามทำความเข้าใจว่าตนเองเดินออกมาเองจริงๆ

     

    ......จะบอกว่าละเมอ...ก็เกินไปหน่อย......

     

    “ในฝันเมื่อกี้...”กีลเลียสขมวดคิ้ว

     

    ......เสียงกระดิ่งดังกังวาน...ไพเราะ...แต่ให้ความรู้สึกแปลกๆ......

     

    “เสียงกระดิ่ง...กระดิ่ง...”กีลเลียสพยายามกวาดตามองหา

     

    “กระดิ่ง?

     

    “...กระดิ่ง...”เมื่อพูดถึงสิ่งนี้ ก็ราวกับกีลเลียสกำลังจะหลุดเข้าสู่โลกแห่งความฝันอีกแล้ว

     

    “กีลเลียส?”ฟรอสมอนท์เรียกอีกครั้ง

     

    “...เสียง...กระดิ่ง...”ดวงตาสีเขียวมรกตค่อยๆว่างเปล่าราวกับหุ่นเชิดอีกครั้ง ร่างโปร่งหันหลังกลับและค่อยๆก้าวเดินต่อไป

     

    “กีลเลียส! ตื่นเดี๋ยวนี้นะ!!!”ฟรอสมอนท์ร้อง

     

    “ข้าจัดการเองนายท่าน”เคิร์สพุ่งพรวดเข้าไปขวางหน้า มือกำเงื้อขึ้นแล้ว...

     

    ปึ๊ก!!!!!

     

    “เคิร์ส...นี่เจ้า...”ฟรอสมอนท์แค่นเสียงเบาๆ เมื่อเคิร์สถึงกับต่อยเข้าที่ท้องน้อยของร่างโปร่งเต็มแรงจนกีลเลียสทรุดลงไปทั้งๆอย่างนั้น

     

    “พาเจ้านี่กลับก่อนเถอะขอรับ ข้าว่ามันมีอะไรแปลกๆ”เคิร์สว่า อาวุธแห่งคำสาปยกร่างของกีลเลียสขึ้นพาดบ่าอย่างสบายๆ

     

    “...จะไม่แปลกได้ยังไง”ฟรอสมอนท์พึมพำ

     

    ......กระดิ่ง......

     

    ......ถ้าพูดถึงกระดิ่ง...สิ่งแรกที่ข้าจะนึกถึง......

     

    ......กระดิ่งสีเงิน...บทบรรเลงแห่งเทวาของชายผู้นั้น......

     

    ......เคออส ลีฟไนท์......

     

     

     

     

     

    เพราะต้องพากีลเลียสกลับไป ทำให้ฟรอสมอนท์ไม่ทันได้สังเกตถึงเงายวบยาบที่เบื้องหลังต้นไม้ข้างหน้า...ที่หากปล่อยให้กีลเลียสเดินต่อไปอีกไม่ถึงยี่สิบก้าวก็จะถึงจุดนั้น

     

    “...น่าเสียดาย”

     

    “จะเอายังไงต่อครับ...นายท่าน”มีเสียงกระซิบกระซาบถาม

     

    “ไม่ล่ะ ปล่อยไปเถอะ”เสียงนั้นเอ่ยแผ่วเบา “...เจ้านั่นตามหาเกรเซียส คีสต์...จะยังไงก็ไม่มีทางซ่อนตัวให้พวกเราหาไม่เจอหรอก”

     

    “...งั้นเหรอครับ...”

     

    “แล้วเรื่องทางนั้นล่ะว่ายังไง”

     

    “จัดการแล้วครับ...ดูเหมือนจะไม่เสียแรงเปล่าเท่าไหร่...แม้ว่าจะเสียคนจำนวนหนึ่งไปที่ไททรีเลียกับท่าเรือรันเทอร์ก็ตาม...แต่ราชาแห่งโลกมืดเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว”

     

    “ดี”ผู้เป็นนายแย้มยิ้มที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการ...แม้จะเสียลูกน้องไปบ้างก็ถือว่าคุ้มค่า ดวงตาจ้องตรงไปยังร่างโปร่งบางที่ถูกพาดอยู่บนไหล่ของชายร่างสูง

     

    “จิตวิญญาณแห่งสล็อทอยู่กับเจ้าก็เสียของเปล่า กีลเลียส โคลว์เอ๋ย”เขาแสยะยิ้มออกมา

     

    “ข้านี่แหละ...ที่จะปลิดชีพเจ้าเอง...ไม่ต้องรอให้ดับสูญไปตามกาลเวลาหรอก”

     

    ####################################################################

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×