ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE GOD II-3 : Chosen Seven-Sins [Yaoi เหมือนเดิม]

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 [Gueil - Pridental Ocean] : ฝนดาวตก คืนแรกแห่งการเดินทาง

    • อัปเดตล่าสุด 16 ต.ค. 54


    ####################################################################

     

    บทที่ 2 [Gueil - Pridental Ocean] : ฝนดาวตก คืนแรกแห่งการเดินทาง

     

     

     

    ซ่า...ซ่า...

     

    เมื่อกีลเลียสขี่ม้าไปตามแผนที่ที่เซฟารี่ให้มา ก็พบว่าตนเองออกนอกเขตเมืองยาเชียไนเลียบมาตามหุบเหวลึก ที่เบื้องล่างคือมหาสมุทรกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา แสงอาทิตย์ยามเที่ยงสันส่องกระทบผิวน้ำเปล่งประกายระยิบระยับสวยเสียจนยากจะละสายตา

     

    “...ไม่ได้ออกมานาน...จนเริ่มลืมไปแล้วแฮะ...”กีลเลียสยิ้มบางๆ

     

    ตั้งแต่หลังสงคราม...ตั้งแต่ที่สภาพร่างกายของเขาทรุดลง เซฟารี่ก็กักเขาเอาไว้กับกองโจรของตนเอง ชนิดที่หากไม่แน่ใจจริงๆว่าเขาแข็งแรงดี จะไม่ยอมให้ออกไปก่อเรื่อง เอ๊ย! ออกไปเดินเล่นที่ไหน และที่ที่เซฟารี่ให้ออกไปก็ยังอยู่ในเขตเมืองยาเชียไนเท่านั้น หากจะออกนอกเมือง ร่างบางจะใช้การวาร์ปข้ามไปเสียมากกว่า จึงไม่ค่อยได้เดินทางด้วยตัวเองนานมากจนเริ่มหลงลืมไปบ้าง

     

    แม้กีลเลียสจะรู้สึกอึดอัดอยู่บ้างที่ถูกคุมตัวอยู่ในสายตาของเซฟารี่ แต่ก็เข้าใจดีว่าตนเองในตอนนี้ไม่อยู่ในสภาพที่จะเถียงอีกฝ่ายขึ้น ในเมื่อมีครั้งหนึ่งที่เขาเคยแอบหนีเซฟารี่ไป แล้วดันอาการกำเริบเสียเกือบตาย แต่ก็ดันทีใครก็ไม่รู้พาเขากลับมาส่ง ซึ่งแม้กระทั่งตอนนี้ พวกเซฟารี่ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนคนนั้นเป็นใคร

     

    นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่กีลเลียสค่อนข้างหงุดหงิดตัวเอง เพราะหากตนเองต้องการจะซ่อนตัวจริงๆแล้ว แม้แต่เซฟารี่ก็ยังหาตัวไม่เจอ ซึ่งนี่เป็นเหตุผลทำให้เขาเกือบตายครั้งนั้น เพราะซ่อนตัวดีเกินไปนี่ล่ะ...ที่น่าแปลกใจก็คือ คนที่ตามหาเขาจนเจอจะไม่ใช่เซฟารี่ที่เป็นลูกน้องคนสนิท ไม่ใช่ลูไมน์อาวุธคู่กาย แต่เป็นคนคนนั้นแทบทุกครั้ง ชนิดที่ว่าการกระทำทุกอย่างของกีลเลียสถูกชายผู้นี้อ่านขาด

     

    ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ทำให้กีลเลียสเดาตัวตนของคนลึกลับที่พาตนเองมาส่งพวกเซฟารี่ออก

     

    และยิ่งทำให้กีลเลียสหงุดหงิดตัวเองเข้าไปใหญ่ ที่ตอนนั้นอาการกำเริบจนไม่มีสติพอจะจับเจ้าตัวแสบขังกรง!!!

     

    ในเมื่อคนที่อ่านขาดทุกอย่างแบบนี้...คนเดียวที่กีลเลียสจะนึกออกก็มีแค่...เจ้าฝาแฝดตัวดีที่เล่นซ่อนหากันมาเกือบสามสิบปีนี่ล่ะ!!!

     

    “ขอโทษครับ”เสียงเรียกขานทำให้กีลเลียสสะดุ้งนิดๆ รีบเรียกสติตัวเองที่เหม่อคิดอะไรไปถึงไหนก็ไม่รู้กลับมา

     

    “อ้อ...เอ่อ...โทษที”กีลเลียสยิ้มอ่อนๆ

     

    “ท่านคือ...ท่านกีลเลียส ที่ว่าจ้างใช่รึเปล่าครับ”

     

    “อ้อ ใช่แล้วล่ะ นายคือผู้นำทางสินะ”กีลเลียสพยักหน้า

     

    “ครับ ผมชื่ออัลเฟรด เรียกอัลเฉยๆก็ได้ครับ”

     

    “อือ”กีลเลียสพยักหน้ารับ “ตามเงื่อนไขสัญญา นายจะนำทางชั้นไปส่งที่จุดหมายปลายทางคือ “หอคอยแห่งการพยากรณ์” ที่อาณาจักรจูปิเตอร์ใช่มั๊ย”

     

    “ครับ ส่วนเงินค่าตอบแทนได้รับมาเรียบร้อยแล้ว”อัลเฟรดพยักหน้า “แต่ว่าก็ว่าเถอะครับ หอคอยแห่งการพยากรณ์น่ะ ไม่ใช่ว่าใครคิดจะเข้าก็เข้าได้หรอกนะครับ มันอันตรายมาก”

     

    “ชั้นมีเหตุผลจำเป็นต้องไปที่นั่น”กีลเลียสยิ้มกว้าง บ่งบอกว่าไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เปลี่ยนใจแน่นอน

     

    “...เข้าใจแล้วครับ”อัลเฟรดพยักหน้ารับ “ถ้างั้นก็...ออกเดินทางกันเลยหรือจะแวะชมก่อนครับ?

     

    “...ที่คือคือที่ไหนเหรอ ชั้นจะได้ดูแผนที่ถูก”กีลเลียสยิ้มแหยๆ

     

    “อ้อ ที่นี่คือถนนไพรเดนทอล [Pridental Road] ครับ ส่วนมหาสมุทรที่อยู่ข้างล่างเหวริมถนนนี่คือมหาสมุทรไพรเดนทอล [Pridental Ocean] จริงๆคือถนนนี่ตั้งชื่อตามชื่อมหาสมุทรน่ะครับ”

     

    “ดูเชี่ยวชาญทางจังนะ”กีลเลียสกระพริบตาปริบๆ

     

    “ผมทำงานเป็นไกด์นำทางมานานแล้วล่ะครับ เดินทางมาแล้วทั่วโลก เอ้อ...ยกเว้นเซนต์ นาวิสและไกอาฟอสต์นะครับ สองที่นั้นน่ะ ไม่เคยมีคนนอกเข้าไปได้หรอกครับ”อัลเฟรดว่า

     

    “เหรอ”กีลเลียสเหมือนจะยิ้มน้อยๆ

     

    ......โลกที่พวกนายสร้างขึ้นมาใหม่...ประเทศทั้งหลายต่างเป็นศัตรูกับพวกนาย......

     

    ......อย่างกับสร้างศัตรูขึ้นมาเสียอย่างนั้นเลยนะ...ฟาริเดส......

     

    ......แถมพวกนายยังมีพลังมากพอจะทำลายพวกประเทศสร้างใหม่พวกนี้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ทำเสียอีก......

     

    “คิก”กีลเลียสหัวเราะเบาๆ

     

    “เอาล่ะครับ คุณอยากจะ...”

     

    “ไม่ล่ะ แค่มหาสมุทรน่ะจะมาเมื่อไหร่ก็ได้ ไปเถอะ”

     

    “ครับ”อัลเฟรดพยักหน้ารับ “งั้น...คุณกำหนดเป้าหมายแรกก่อนเลยครับ”

     

    “ชั้นอยากแวะร้านขายของนิดหน่อย ใกล้ๆนี้มีเมืองหรือร้านค้าริมทางอะไรพวกนี้มั๊ย?

     

    “อ้อ มีจุดพักครับ หากต้องการซื้ออะไรเราควรลองไปดูที่นั่น”

     

    “ก็ดี งั้นนายนำเลย”

     

     

     

     

     

    - คืนนั้น -

     

    หยุดก่อนกีลเลียสเอ่ยเรียก

     

    ครับ?อัลเฟรดหยุดชะงัก

     

    “...ขอเวลาซักครู่กีลเลียสเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า

     

    ......สัมผัสได้...สัมผัสได้ถึงพลังของพวกเขา......

     

    ฟิ้ว...ฟิ้ว...

     

    ดาวตก?”กีลเลียสขมวดคิ้ว

     

    สวยจังเลยนะท่านอัลเฟรดว่า

     

    ......ดาวตก...โดยไม่ใช่เหตุการณ์ตามธรรมชาติ......

     

    ......การข้ามมิติของ...ผู้มีพลังสูงส่ง...งั้นหรือ......

     

    ......พลังของพวกเขาที่เราสัมผัสได้...คงหมายถึงแบบนี้สินะ......

     

    ...นั่นสินะ...กีลเลียสยิ้มบางๆ

     

    ......กลับมาแล้วสินะ...มาสเตอร์ชินเซย์......

     

    ......กลับมา...จากมิติที่ล่มสลายนั้น......

     

    อ้อ จริงสิอัลเฟรดสะดุ้ง ไปกันต่อเถอะ เราต้องรีบเดินทางหากท่านต้องการไปที่ร้านนั้นก่อนค่ำ

     

    อือ

     

    ......เราคงได้พบกันอีกครั้ง...ข้ามั่นใจเช่นนั้น......

     

    ......ในครั้งที่แล้ว...ข้าและท่านยืนอยู่ฝั่งเดียวกัน...เพื่อช่วยเหลือคนสำคัญของท่าน...เพื่อชดใช้บาปของข้า......

     

    ......แต่ครั้งนี้...ไร้ซึ่งโซ่ตรวนนั้นอีกแล้ว......

     

    ครั้งนี้...จะเป็นมิตรหรือศัตรูไม่อาจทราบ...ผู้ตัดสินชะตากรรมนั้นยังไม่อาจมาถึงร่างนั้นทอดถอนใจ ขอเพียงอย่าให้เราต้องเป็นศัตรูกันอีกก็พอ...ข้าที่เคยเป็นทั้งมิตรและศัตรูของท่าน...ไม่ต้องการความทรงจำอันน่าเจ็บปวดเช่นนั้นอีกแล้ว

     

    ที่กีลเลียสพูดเช่นนี้ใช่จะไม่มีมูล เพราะแต่แรกเริ่มเดิมที บาปเจ็ดประการก็ไม่ได้เป็นมิตรกับพวกเทพมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ยิ่งในฐานะเทพ ยิ่งเรียกได้ว่าเป็นฝ่ายกบฏที่เข้ากับฝ่ายเคออส ความสัมพันธ์ของ 7-Sins กับเทพองค์อื่นๆจึงไม่ดีนัก แค่พวกเทพไม่จู่โจมทันทีที่สัมผัสพลังได้ก็นับว่าเกรงใจกันมากแล้ว

     

    ยิ่งในสถานการณ์นี้ไม่เหมือนครั้งก่อน ครั้งนั้นทั้งกีลเลียสและเจเนซิส ยืนอยู่ข้างเดียวกัน เพื่อปกป้องคนสำคัญของตนเอง เพื่อกำจัดเคออส ศัตรูเก่า แต่ในครั้งนี้ กีลเลียสทำเพื่อช่วยเหลือโกลด์ แต่เจเนซิสนั้นไม่ได้มีเป้าหมายที่จะปกป้องใครอีก ยิ่งครั้งนี้เจเนซิสมากับลูซิเฟอร์...ผู้ที่มอง 7-Sins เป็นศัตรูที่สังหารน้องชาย การที่เจเนซิสจะมองกีลเลียสเป็นศัตรูก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

     

    ท่านกำลังพูดกับใครรึ ท่านกีลเลียส?”

     

    อา...ข้าแค่...คิดถึงใครบางคนแล้วเผลอพูดออกมาน่ะ ไม่มีอะไรหรอกกีลเลียสครางเบาๆ

     

    ......หวังว่าวันที่ได้พบกันอีกครั้ง...จะมิใช่ฐานะแห่งศัตรู......

     

    ?”อัลเฟรดขมวดคิ้ว แต่ก็ตัดสินใจที่จะไม่ถาม และเลือกที่จะทำหน้าที่ของตนต่อไป

     

     

     

     

     

    “ถึงแล้วครับ...ท่านกีล”อัลเฟรดหันกลับมามอง หากแต่ก็ต้องถอนหายใจ เมื่อพบว่าร่างบางที่เป็นลูกค้าของเขา หลับคาคอม้าไปแล้ว

     

    ......ยังไม่ตกม้าแล้วกลิ้งลงเหวก็นับว่าดวงดีขั้นเทพ......อัลเฟรดยิ้มแหยๆ

     

    ดีที่อัลเฟรดนั้นได้รับการติดต่อโดยตรงจากเซฟารี่ และในเรื่องอาการป่วยของกีลเลียส เซฟารี่ก็ได้บอกแบบง่ายๆในระดับที่เขาไม่ต้องมานั่งสงสัยว่าทำไมอยู่ๆร่างบางถึงได้หลับวุบไปแบบนี้ แม้จะไม่รู้สาเหตุของอาการป่วยลึกลับนี่ อัลเฟรดก็ไม่ได้สนใจมากนัก

     

    ชายหนุ่มพาร่างบางลงจากหลังม้า เมื่อพบว่ากีลเลียสตัวเบากว่าที่เขาคาดไว้มากอัลเฟรดก็ขมวดคิ้วน้อยๆ

     

    “ตัวก็ว่าเล็กแล้วนะ ยังจะผอมอีก”ไม่แปลกที่อัลเฟรดจะมองร่างกีลเลียสไม่ออกในแวบแรก ในเมื่อร่างบางคลุมผ้าคลุมมีฮู้ดที่เซฟารี่ให้มาอยู่ด้วย

     

    ......คงต้องหาโรงแรมพักซักคืน...ในสภาพนี้ท่านกีลคงเดินทางต่อไม่ไหว......

     

    อัลเฟรดจัดแจงอุ้มร่างบางขึ้นแล้วพาเข้ามาในโรงแรม แต่ก็ติดว่าต้องจองห้องพักและกรอกรายละเอียดอะไรตามระเบียบของโรงแรม จึงต้องวางกีลเลียสลงกับโซฟารับแขกของโรงแรมก่อนจะเดินเข้าไปข้างในเพียงลำพัง

     

    ......ซึ่งการทิ้งกีลเลียสที่หลับสนิทเอาไว้แบบนี้...ไม่ใช่ความคิดที่ลาดเลย หากอัลเฟรดสามารถสัมผัส “พลัง” ได้......

     

     

     

     

     

    ตึก...ตึก...

     

    “สัมผัสนี่...พลังนี่...”เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นช้าๆ

     

    “เฮ้ เฮ้...เจ้านั่นมาทำอะไรที่นี่เนี่ย น่าสงสัยนะว่ามั๊ย นายท่าน?”เสียงยียวนเอ่ยถาม

     

    “เงียบน่าเคิร์ส ข้าเองก็สงสัยไม่แพ้เจ้าหรอก”ร่างบางเอ่ย

     

    “นั่นสินะ...จอมก่อเรื่องที่หายหัวไปจากเซนต์ นาวิส หายตัวไปจากหน้าประวัติศาสตร์อย่างกีลเลียส โคลว์...จะวิ่งโร่มาทำอะไรที่ย่านที่พักนักเดินทางริมถนนแบบนี้ นอกจากว่าเจ้านั่นกำลังเดินทาง”ผู้ถูกเรียกว่า “เคิร์ส” วิเคราะห์

     

    “......”

     

    “จะเอายังไงนายท่าน งานหลักก่อน? หรือว่าเรื่องนี้ก่อน?

     

    “...เฮ้อ...”ร่างบางถอนหายใน เรือนผมสีน้ำเงินเข้มสะบัดพลิ้วตามลมยามราตรีที่หนาวเย็นบาดผิว หากแต่ร่างนี้กลับแทบไม่รู้สึกถึงความเย็นเหล่านั้น

     

    “อาซาเซลกับดาร์คเนสน่าจะล่วงหน้าไปหา “พวกเขา” ตามคำสั่งก่อนแล้ว ข้าจะไปถึงช้าเสียหน่อยคงไม่มีปัญหากระมัง”

     

    “งั้นจะรออะไรอยู่ล่ะนายท่าน? เข้าไปเยี่ยมสหายเก่าเลยดีมั๊ย?

     

    “ข้าไม่ยอมปล่อยให้เจ้านั่นก่อเรื่องหรอก เรื่องที่สล็อททำแต่ละครั้งไม่เคยไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนซักที”

     

    “เอาง่ายๆดีกว่ามั๊ยนายท่าน เจ้านั่นมันตัวก่อเรื่องทำให้คนอื่นเดือดร้อนไง”

     

    “พูดแบบนั้นก็ไร้มารยาทเกินไป...เคิร์ส อย่างไรเจ้านั่นก็วางแผนด้วยเจตนาดี...ถึงจะหลอกคนโน้นคนนี้เขาไปทั่วก็เถอะ”

     

    “แล้วมันจะต่างกันตรงไหน”เคิร์สบ่นอุบอิบ

     

    ####################################################################

     

    ตอนนี้เป็นของกีลทั้งตอนเลยแฮะ

     

    แต่ช่วงท้ายๆจะมีโผล่มาอีกคน...ที่จะเป็นคนนำเรื่องคนต่อไป อิอิ

     

    ภาค II-3 : The Choosen Seven-Sins จะมีการนำเรื่องโดยตัวละครที่แตกต่างกันนะคะ เพราะบาปเจ็ดประการไม่ได้มีแค่คนเดียว

     

    จะมีทั้ง...

    กรีด นำเรื่องโดย ทิมิส ไฮฟว์

    สล็อท นำเรื่องโดย กีลเลียส โคลว์

    วราทต์ นำเรื่องโดย ฟรอสมอนท์ จีลาเรส [จริงๆคือ ภาคนี้วราทต์ไม่ได้เป็นคนนำเรื่อง แต่จะเล่าถึงการเดินทางของฟรอสมอนท์แทนค่ะ]

    ลัสท์ นำเรื่องโดย ???

    ไพรด์ นำเรื่องโดย ???

    เอนวี่ นำเรื่องโดย ???

    กลักโทนี่ ไม่มีคนนำเรื่อง

     

    คนอื่นๆจะปรากฎออกตามเนื้อเรื่องค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×