ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE GOD II-3 : Chosen Seven-Sins [Yaoi เหมือนเดิม]

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 [Timiz - Kaf / Gueil - Yashianai] : จุดเริ่มต้นของเรื่องราว

    • อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 54


    ####################################################################

     

    บทที่ 1 [Timiz - Kaf / Gueil - Yashianai] : จุดเริ่มต้นของเรื่องราว

     

     

     

    - Yashianai -

     

    ปิ๊บๆๆๆๆๆๆ

     

    “...หัวหน้า ทำไมวันนี้ถึงปล่อยให้นาฬิกาปลุกดังได้ขนาดนี้นะ”ร่างบางบ่นอย่างหงุดหงิดใจ

     

    ผู้พูดเป็นหญิงสาวที่ดูไม่ค่อยเหมือนผู้หญิงเท่าไหร่ ในเมื่อผมของเธอซอยสั้นเสียจนไม่ต่างจากผู้ชายเท่าใดนัก แถมดวงตายังมีประกายกร้าวแสดงถึงการไม่ยอมคน หากในแง่ของการเป็นผู้บัญชาการแล้ว เธอแทบจะมีคุณสมบัติครบถ้วน

     

    ปัง!!!

     

    “หัวหน้าก...”

     

    “ชั้นตื่นอยู่แล้ว เซ”ร่างโปร่งบางเอ่ยยิ้มๆ

     

    เซฟารี่ เนล...อดีตหัวหน้าหน่วยธาตุแห่งเซนต์ นาวิส และปัจจุบัน เป็นผู้นำกองโจรแห่งอาณาจักร “ยาเชียไน” [Yashianai] อาณาจักรแห่งความแห้งแล้งที่ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล และยังเป็นอาณาจักรยากจนติดอันดับโลกเสียด้วย

     

    ยาเชียไน...เป็นหนึ่งในอาณาจักที่เข้าด้วยกับฝ่าย “โลกเบื้องหลัง” หรือที่เรียกกันว่า “โลกมืด” ด้วยความที่เป็นประเทศยากจน และไร้ซึ่งการช่วยเหลือจากสภาสหประชาชาติ ทำให้อาณาจักรแห่งนี้กลายเป็นที่ซ่องสุมชั้นเลิศของกองโจรต่างๆ

     

    กลุ่มกองโจรของเซฟารี่ มีนามว่า “โคโลเนล” ตามนามสกุลของ “เซฟารี่ เนล” และ “กีลเลียส โคลว์” หากแต่รายหลังนั้นไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่นี้ด้วยซ้ำ เพราะกีลเลียสนั้นไม่ถือว่าเป็นสมาชิกของกองโจร แต่อาศัยกองโจรของเซฟารี่ในการหลบซ่อนตัว ส่วนเซฟารี่ก็อาศัยมันสมองของกีลเลียส อดีตหัวหน้าของเธอเองในปัญหาบางประการที่เธอแก้ไขไม่ได้ จึงเรียกว่าเป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

     

    กองโจรของยาเชียไนนั้นปล้นแทบทุกสิ่ง ทั้งเงินทอง ของมีค่า อาหาร หรือแม้แต่ทาสและชีวิต แต่กองโจรเนลนั้นไม่ใช่ สิ่งที่เซฟารี่ต้องการคือการปล้นเพื่อช่วยเหลือประชาชนยากจนของยาเชียไน ทำให้กองโจรนี้ค่อนข้างแตกต่างจากกองโจรอื่นในยาเชียไนอยู่มาก

     

    “ตื่นแล้วก็ปิดนาฬิกาปลุกด้วยสิ หัวหน้ากีล”เซฟารี่ถอนหายใจ

     

    กีลเลียส โคลว์...อดีตหัวหน้าหน่วยโลหะสนธยาแห่งเซนต์ นาวิส...ผู้เป็นถึงจอมทัพไร้พ่ายและจอมวางแผนไร้เทียมทานแห่งเซนต์ นาวิส...แต่อีกด้านคือ สมาชิกตระกูลโคลว์รุ่นที่ 35 และเป็นหนึ่งในสองผู้มีสิทธิ์สืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลโคลว์ที่สุดในปัจจุบัน แต่เซฟารี่รู้...และกีลเลียสเองก็รู้ตัวดี...ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมกับเขา ยิ่งไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ

     

    กีลเลียส โคลว์นั้น หากได้ทำความรู้จักกับนิสัยใจคอและตัวตนของเขาแล้ว จะทราบได้ว่ากีลเลียสไม่ใช่คนที่จะสามารถบริหารงาน กิจการหรือแม้กระทั่งครอบครัววานิชใหญ่อย่างตระกูลโคลว์ได้ แม้กีลเลียสจะเป็นอัจฉริยะในด้านการวางแผน แต่เขาก็เป็นที่สุดของความอู้งานได้ในทุกที่ทุกสถานการณ์เช่นกัน หากกีลเลียสได้ครองตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลโคลว์...นั่นก็เท่ากับกักขังความสามารถและพรสวรรค์แห่งการวางแผนของเขาไว้ในกรง

     

    ด้วยเหตุนี้ กีลเลียสจึงพยายามตามล่าตัวผู้มีสิทธิ์อีกคนหนึ่ง...ชายหนุ่มผู้มีนามว่า “ชาเรพิออซ โคลว์” ฝาแฝดผู้น้องของเขาเอง

     

    กีลเลียสและชาเรพิออซเป็นฝาแฝดกันก็จริง แต่ทั้งสองไม่มีอะไรเหมือนกันเลย จากที่กีลเลียสจำความได้ ชาเรพิออซมีผมสีเงิน และมีดวงตาสีนิลกาฬที่แลดูลึกลับยากจะหยั่งถึง ในขณะที่ตัวกีลเลียสเอง กลับมีเส้นผมสีบลอนด์ทอง และดวงตาสีเขียวมรกตสดใส ไม่แค่รูปร่างลักษณะ แม้กระทั่งนิสัยหรือความสามารถก็ยังไม่เหมือนกันด้วย

     

    กีลเลียสจะอู้งานได้ในทุกสถานการณ์ แต่หากเลี่ยงไม่ได้ เขาจะเลือกงานเอกสารที่นั่งทำอยู่กับที่มากกว่าออกไปกระโดดโลดเต้นลงมือลงแรงเอง ในขณะที่ชาเรพิออซคนน้อง กลับเป็นพวกบ้าบิ่น กล้าได้กล้าเสีย แถมยังชอบเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับเรื่องอันตรายหลายครั้ง

     

    ความสามารถที่โดดเด่นของกีลเลียสคือมันสมองในการวางแผนการชั้นเลิศ ขณะที่ชาเรพิออซกลับไม่ชอบอะไรจุกจิกยุ่งยาก หากมีเรื่องใดเขาก็จะชนเข้าไปตรงๆเสียมากกว่า ความสามารถของเขาจึงเป็น “การปลอมแปลงโฉม” ที่แม้แต่กีลเลียสที่เป็นฝาแฝดยังแยกไม่ออก

     

    ชาเรพิออซมักจะชอบปลอมแปลงตัวเองเป็นใครต่อใครแล้วลอบเข้าใกล้เป้าหมาย เป็นประเภทชอบพึ่งตนเองมากกว่ายืมมือคนอื่น ไม่เหมือนกีลเลียสที่จะไม่ยอมลงมือเองจนถึงที่สุดของที่สุดจริงๆ

     

    “หือ? อ้อ? ขอโทษที”กีลเลียสสะดุ้ง “พอดี...คิดอะไรเพลินๆเลยไม่ได้ยินเสียงน่ะ”

     

    “คิดอะไรเหรอ หัวหน้า”

     

    แม้จะปลดระวางตนเองมาตั้งนานสองนานแล้ว แต่เซฟารี่ก็ยังติดปากที่จะเรียกกีลเลียสว่า “หัวหน้า” เช่นเดียวกับหัวหน้าหน่วยธาตุคนอื่นในรุ่นเดียวกัน อย่างไอริน อดีตหัวหน้าหน่วยวารีและเอริค อดีตหัวหน้าหน่วยปฐพี แม้ว่าทั้งสองจะละทิ้งทางเดินแห่งความวุ่นวายหลบไปใช้ชีวิตคู่อย่างสงบ แต่ก็ยังติดต่อพวกเขาบ้างเป็นระยะๆ

     

    “...ฝันน่ะ ไม่มีอะไรมากหรอก”กีลเลียสยิ้มอ่อนๆ

     

    “...อือ...”เซฟารี่รู้ดีว่ากีลเลียสไม่อยากให้ถาม จึงได้เลือกจะเงียบแม้จะอยากรู้มากว่าเรื่องอะไรกันที่ทำให้กีลเลียสเหม่อลอยได้ขนาดนั้น

     

    “ของที่ชั้นฝากหา...มีอะไรคืบหน้าบ้างมั๊ย”กีลเลียสถาม

     

    บทบาทของเซฟารี่นั้นคือ “หัวหน้าโจร” ที่รู้จักกันดีในโลกมืดด้วยการคุมลูกน้องที่เด็ดขาดและยุติธรรม แน่นอนว่ากีลเลียสเองก็มีชื่อที่รู้จักกันดีในฐานะ “พ่อค้าข่าว” ที่แม่นยำที่สุดในโลกมืด และคงเพราะกีลเลียสฉลาดจนเกินไป จึงแทบไม่มีใครโยงมาได้เลยว่า กีลเลียสได้ซ่อนตัวอยู่ในกองโจรอันโด่งดังแบบนี้ ชนิดว่าซ่อนตัวเป็นเงามืดของกองโจรที่ดังกระฉ่อน

     

    โดยส่วนตัวแล้ว กีลเองก็มีเส้นสายและความสามารถที่จะรับรู้ข่าวสารอะไรๆได้อย่างง่ายดาย และด้วยเส้นสายของเซฟารี่ การเป็นโจรย่อมหาสิ่งที่จำเป็นบางอย่างได้ และโจรก็ต้องพึ่งข่าวสารเพื่อกำหนดเป้าหมายและหนทางหลบหนี ก็ถือว่าพึ่งพาซึ่งกันและกันไป

     

    “เกือบครบแล้ว”เซฟารี่พยักหน้า “ผู้นำทางที่ไม่ปากโป้ง...ชั้นเลือกที่ไว้ใจได้มาคนนึงแล้ว เครื่องสื่อสาร อุปกรณ์ปลอมตัวแล้วก็ฐานะปลอมๆก็เตรียมเอาไว้แล้ว”

     

    “ขาดแค่...ยา...สินะ”กีลเลียสถอนหายใจ

     

    “อือ แต่นั่นน่ะของสำคัญเลย หัวหน้าคงไม่คิดว่าชั้นจะปล่อยหัวหน้าไปในสภาพนี้หรอก ใช่มั๊ย?

     

    หลังการต่อสู้ชี้ชะตาเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน...ที่ความทรงจำในตอนนั้นมีเพียงคนของเซนต์ นาวิส ไกอาฟอสต์ และเนอร์โรนอสเท่านั้นที่รับรู้...ร่างกายของกีลเลียสก็อ่อนแอลงมากเพราะการฝืนเกินตัว แม้จะเป็นเรื่องธรรมชาติของคนใช้สมองมากๆที่จะเกิดอาการเครียด พักผ่อนไม่พอ หริออะไรพวกนั้น แต่อาการป่วยของกีลเลียสมันไม่ใช่เลย

     

    หากเครียดมากๆแล้วเส้นสมองแตกตายได้ กีลเลียสคงตายไปซักร้อยครั้งแล้ว แต่ในเมื่อเขามีสายเลือดของ “เทพ” แน่นอนว่าพลังกายและพลังใจย่อมแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปอยู่บ้าง แต่กีลเลียสกลับอ่อนแอลง จนปัจจุบันนี้ขอแค่เจออากาศร้อนจัดๆเข้าก็เป็นลมได้ง่ายๆทีเดียว

     

    “เรื่องการเดินทาง...หัวหน้าจะเอาจริงเหรอ”เซฟารี่ถามย้ำ

     

    “โกลด์เป็นน้องชั้นนะ ชั้นทำอะไรเพื่อชดใช้เขามามากแล้วก็จริง...แต่ยังไงก็คงตัดไม่ขาด จะให้ปล่อยไปแบบนี้คงไม่ได้หรอก”กีลเลียสยิ้มบางๆ เรือนผมสีบลอนด์ทองถูกเจ้าของปัดมาไว้ตรงไหล่ซ้ายแล้วมัดลวกๆ

     

    “แต่ร่างกายของท่าน...”

     

    “ลูไมน์จะช่วยในการเดินทาง เดินทางบนอากาศด้วยความเร็วขนาดนั้นไม่ร้อนหรอก”กีลเลียสยิ้มกว้าง “แล้วยังไงลูไมน์ก็เป็นฟีนิกส์ เวลาอากาศหนาวๆก็ให้ลูไมน์ใช้ไฟช่วยให้อุ่นได้ด้วย เรื่องอากาศไม่เป็นปัญหา”

     

    “แต่...”

     

    “แล้วก็! ขอแค่ชั้นไม่ต้องออกแรงทำอะไรหนักๆ ก็คงไม่ถึงขั้นเป็นลมเป็นแล้งอะไรหรอก แถมต่อให้เป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ สารถีนำทางคนที่เธอหามาให่ก็ต้องดูแลชั้นได้ด้วย ใช่มั๊ยล่ะ”

     

    “หัวหน้า...จะมีซักครั้งมียที่หัวหน้าทำตัวให้เหมาะสมน่ะ”เซฟารี่ถามเสียงเหนื่อยใจ

     

    “คิก...เหมาะสมยังไงล่ะ”กีลเลียสหัวเราะเบาๆ

     

    “ก็ก่อนหน้านี้ เคยทำตัวให้สมกับเป็นแม่ทัพ เป็นผู้นำบ้างมั๊ยล่ะ...หรือเวลาเป็นคนป่วย ก็สงบเสงี่ยมให้สมกับเป็นคนป่วยน่ะ แค่นี้ทำไม่ได้รึไงนะ”

     

    “แบบนั้นคงน่าเบื่อแย่เลย”กีลเลียสแบะปาก

     

    “เฮ้อ...แต่ก็เพราะแบบนี้ล่ะนะ ถึงได้เป็นกีลเลียส โคลว์...หัวหน้าที่ทำให้ลูกน้องเป็นเดือดเป็นร้อนประจำล่ะ”เซฟารี่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรม

     

    ......โกลด์......

     

    ......ชั้นต้องช่วยนายให้ได้...เจ้าน้องชายตัวแสบ......

     

     

     

     

     

    - สามวันต่อมา -

     

    ซวบ ซวบ

     

    “แค่นี้พอแล้วใช่มั๊ย”กีลเลียสถาม เขาอยู่ในชุดคลุมยาวมีฮู้ดคลุมหัวที่สีดูเก่าๆ หากแต่เมื่อลองจับเนื้อผ้าดูแล้วจะรู้ว่าทำจากผ้าเนื้อดีที่ระบายอากาศได้ ทนไฟ และยังเหนียวขาดยากอีกด้วย นับเป็นผ้าเนื้อดีที่หาได้ยาก

     

    “สวมฮู้ดด้วยสิ หัวหน้า”

     

    “ทำไมต้องใส่ด้วยล่ะ มันก็ปิดหน้าปิดตาหมดสิ”กีลเลียสบ่นอุบอิบ แต่ก็ยอมสวมฮู้ดแต่โดยดี

     

    “เพราะหน้าตาหัวหน้าจะไปล่อไอ้เข้ไอ้โขงที่ไหนไม่รู้น่ะสิ”เซฟารี่เท้าเอว

     

    มาว่าอายุจะเข้าเลข 3 มาแล้ว แต่กีลเลียสกลับไม่ได้ดูแก่ลงเท่าไหร่เลย กลับกัน ความสุขุมที่เพิ่มมาตามวัยกลับทำให้ร่างบางแลดูสง่างาม หากแต่ลึกลับน่าค้นหา หากไม่ใช่ว่าเซฟารี่ประคบประหงมอย่างดี และตัวกีลเลียสเองก็สุขภาพไม่ค่อยดีจึงไม่ได้ไปเตร็ดเตร่ที่ไหน คงได้มีรายการตามล่าหาคนถูกฉุดลักพาตัวกันไปแล้ว

     

    “พวกสายเลือดเทพนี่แก่ช้าแบบนี้ทุกคนรึเปล่านะ น่าหมั่นไส้จริง”เซฟารี่แลบลิ้นใส่

     

    “พวกเฟลมที่ไม่ใช่สายเลือดก็แก่ช้านะ แถมเธอลองดูมาสเตอร์ชินเซย์สิ รายนั้นเขายังหน้าเอ๊าะใสเด้งเป็นคนอายุยี่สิบกว่าๆมาตั้งแต่ปีไหนแล้ว”กีลเลียสประชด

     

    “รายนั้นก็ส่วนรายนั้นเหอะ ขอร้อง”เซฟารี่ว่า

     

    “แล้วเธอแน่ใจเหรอที่ว่า...”

     

    “ไม่เป็นไรน่า”เซฟารี่ยิ้มบาง “ชั้นรู้ว่าหัวหน้าไม่คิดจะกลับมาจนกว่าจะหาโกลด์เจอแน่ เพราะงั้นเอาติดไปแหละดีแล้ว”

     

    “...ก็ได้”กีลเลียสถอนหายใจ

     

    สิ่งที่ทั้งสองพูดถึง...และสิ่งที่กีลเลียสไม่ค่อยอยากจะเอาติดตัวไปด้วยเท่าไหร่นักก็คือ...สัญลักษณ์แห่งพันธะเลเวียธารีน!

     

    “พันธสัญญาเลเวียธารีน” คือพันธสัญญาแห่งเทพ ที่เอาไว้ตราแก่คู่ครองของตน เป็นสัญลักษณ์ว่าจะครองคู่กันตราบจนกว่าจะสิ้นชีพ หากแต่เบื้องหลังของพันธสัญญานี้...คือโศกนาฏกรรมที่เป็นจุดเริ่มต้องของมหาเทพแห่งตำนานลูซิเฟอร์

     

    พันธสัญญาเลเวียธารีน ตั้งชื่อตามราชาเทพเลเวียธาร ผู้ปกครองเทพสายมืดชั้นสูงสุด และราชินีเทพทาริเนีย เทพีแห่งการทำนายสายแสงสว่างชั้นสูงสุด ซึ่งทั้งสองคือคู่ครองแรกที่สร้างพันธสัญญาครองคู่กันโดยไม่สนกฎแห่งแสงสว่างและความมืด เพื่อหาทางเอาชนะกฎ...หากแต่ไม่อาจทำได้จนราชินีเทพทาริเนียถูกพลังมืดของสามีกัดกินจนสิ้นพระชนม์ หากแต่พระนางก็คือเทพมารดาของเทพเลทิสและเทพลูซิเฟอร์ ซั่งนั่นทำให้บุตรทั้งสอง...มีพลังทั้งสองสายในร่าง

     

    และการที่เทพลูซิเฟอร์ ผู้ดูดกลืนพลังมืดจากเลทิสผู้น้อง จนกลายเป็นเทพไร้สายสังกัด...เทพต้องสาปผู้มีดวงตาสีโลหิต กลับได้รับพรก่อนสิ้นพระชนม์ของมารดาให้มีอายุขัยแทบจะเป็นนิรันดร์...เมื่อมีอายุขัยถึงเพียงนั้น ย่อมหมายถึงพลังทั้งสองสายไม่อาจกัดกินกันเองได้ ลูซิเฟอร์จึงเป็นผู้เดียวที่มีพลังทั้งสองสาย...เทพผู้แข็งแกร่งที่สุดไปโดยปริยาย

     

    สำหรับพันธสัญญาเลเวียธารีน เทพทุกองค์ย่อมมีติดตัวเป็นของบางสิ่ง หากแต่เมื่อต้องการจะทำพันธสัญญากับใครซักคน ก็จะทำการแลกเปลี่ยนของชิ้นนี้ เพื่อเป็นสื่อกลางแห่งคำสัญญาว่าจะครองคู่กัน ว่ากันว่าเทพเดเมียสเป็นผู้แรกที่เอาแหวนพันธสัญญาตัวเองไปใส่กับคู่ครอง โดยไม่ทันได้ถามความสมัครใจของอีกฝ่ายแบบมัดมือชก แถมยังได้ผลเสียด้วย นั่นจึงเป็นต้นเหตุให้เทพแต่ละองค์แทบจะซ่อนสัญลักษณ์พันธสัญญาของตัวเองเอาไว้ไม่ให้ใครหยิบไปง่ายๆ

     

    เทพเดเมียส หรือเทพฮาเดสรุ่นแรกแห่งมิติวิญญาณ คือหนึ่งในแปดผู้ครองมิติวิญญาณร่วมกับบาปทั้งเจ็ดประการ...ร่วมกับชาติก่อนของกีลเลียส และยังเป็นผู้รับช่วงปกครองมิติแห่งนั้นเพียงผู้เดียวหลังบาปทั้งเจ็ดสูญสลายไป จะว่าไปแล้วเจ้าตัวก็ขึ้นชื่อเรื่องความเพี้ยนคิดอะไรไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาอยู่แล้ว แต่การที่เอาพันธสัญญาตัวเองไปผูกกับคนอื่นแบบมัดมือชกนี่ แทบจะกลายเป็นกรณีที่โด่งดังที่สุดในมิติความตายเลยทีเดียว

     

    สัญลักษณ์ของเทพสล็อทในชาติที่แล้วคือสร้อยคอ ซึ่งแม้จะแบ่งวิญญาณเป็นสองแล้ว แต่วิญญาณทั้งสองส่วนก็ดันมีพันธสัญญาเลเวียธารีนคนละชิ้นเสียอีก เพราะยังถือเป็นดวงวิญญาณแห่งเทพ แม้ว่าจะกำเนิดเป็นมนุษย์แล้วก็ตาม ดังนั้นกีลเลียสเอง...ก็มีสร้อยที่เป็นตราเลเวียธารีนที่เจ้าตัวไม่ต้องการสุดๆ แต่กลับมีติดตัวไว้หนึ่งเส้น

     

    “จริงๆเธอเอาไปก็ได้นะ ชั้นไม่ได้รังเกียจเธอนี่”กีลเลียสพูดแบบส่งๆ

     

    “เรื่องความสุขตลอดชีวิตอย่างนี้ยังจะมาทำชุ่ยๆอีกหัวหน้า อีกอย่าง...ชั้นมีสามีมีลูกชายจนป่านนี้ลูกชั้นอายุมากกว่าหลานๆที่เซนต์ นาวิสซะอีก ยังจะให้นอกใจครอบครัวไปไหนไม่ทราบเจ้าคะ”เซฟารี่ประชด

     

    “ก็ไม่ได้อยากมีซะหน่อย ไอ้ของพรรค์เนี้ย เก็บไว้เองก็เกะกะ จะยกให้ใครก็ไม่ได้ ไม่งั้นก็กลายเป็นห่วงผูกคอตัวเอง จะทิ้งก็กลัวใครจะเก็บได้อีก ทำลายยิ่งแล้วใหญ่ ไอ้นี่ไม่รู้ทำจากอะไร เอาลิเวียธารมาฟันทิ้งพ่อยังไม่มีแม้แต่รอยแมวข่วน!”กีลเลียสบ่นยาวเป็นพรืด

     

    “เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ แต่รีบออกเดินทางได้แล้วเจ้าค่ะท่านหัวหน้าที่เคารพ ไม่งั้นแดดตอนเที่ยงมันจะร้อนตับแตกจนเป็นลมเป็นแล้งตั้งแต่ยังไม่ทันได้เดินทาง”เซฟารี่รุนหลังร่างบางที่ไม่น่าเชื่อว่าจะแอบซ่อนพิษสงอะไรเอาไว้ได้เลยของกีลเลียสไปที่ม้า

     

    “ม้าเหรอ? ใช่พวกไบค์หรืออะไรเทือกนี้ไม่เร็วกว่าเหรอ?

     

    “ไม่กลัวถูกดักปล้นก็ตามสบายเลย”เซฟารี่ทำสายตาเขียวปั๊ด

     

    “ง่ะ...ไปก็ได้”กีลเลียสหดคอวูบ

     

    “จุดนัดพบกับสารถีนำทางคือนอกเมืองค่ะหัวหน้า อย่าใช้ลูไมน์ให้เขาเห็นนักก็ได้นะ ไอ้เรื่องเวทย์มนต์ไม่ใช่มีกันทุกประเทศ แม้ว่าจะเป็นที่รู้จักจริง แต่ไอ้ฟินิกส์ของหัวหน้าเนี่ย ยังไงก็เหนือความรู้ไปไกลค่ะ”

     

    “จ้า จ้า คุณแม่”กีลเลียสบ่นเบาๆ

     

    เพี๊ยะ!

     

    “โอ๊ย! เจ็บนะ!!!”กีลเลียสสะดุ้ง เมื่อเจอเซฟารี่ตีแขนอย่างแรงจนผิวขาวเกิดรอยแดงเป็นรอยนิ้วครบห้ารอยเลยทีเดียว

     

    “ไปได้แล้ว!!!

     

     

     

     

     

    [Kaf]

     

    “วาเนสซา จัดการเรื่องของพวกปล่อยปืนไปโลกสว่างของเมืองไททรีเลียร์ด้วย...คลิฟ นายดูใบประกาศจับของท่าเรือรันเทอร์ที ไอ้หมอนี่มันนักฆ่าของโลกมืดแน่ ทำงานนอกเหนือใบสั่งแบบนี้รู้นะควรทำไง...ไซเรน เรื่องที่ประมูลในตลาดมืดของอราเบียนมียาแก้พิษของเซย์ยะนี่จริงหรือเท็จ ไปสืบมาให้เรียบร้อยด้วย”

     

    เสียงสั่งงานที่ฟังแล้วปวดหัวแทนคนสั่งเสียเหลือเกิน ทำให้ร่างบางที่กำลังจะเคาะประตูถอนใจเล็กน้อย

     

    ......สภาพแบบนี้ต่อให้เคาะคงไม่ได้ยินสินะ......

     

    แกร็ก

     

    ในที่สุดเขาก็เลือกจะเปิดประตูเข้ามาโดยไม่ขออนุญาต

     

    “ใคร! บังอาจเข้ามาในห้องของท่านทิมิสมีโทษสถานเดีย...ท่านจิอากิ?

     

    “ข้าไม่มีสิทธิ์เข้ามาหรืออย่างไร”ผู้ถูกเรียกว่า จิอากิเอ่ยถาม ขณะที่มือก็ขยับไปยัวซองเก็บมีดที่ข้างเอว

     

    “ฮะๆ น่า น่า...สงสารลูกน้องชั้นหน่อยนะเซย์ยะ พวกเขาถูกชั้นสั่งงานจนหัวปั่นเลยไม่ทันดูว่าเป็นนายน่ะ”

     

    ห้องโถงขนาดใหญ่แห่งนี้ รอบกำแพงต่างเต็มไปด้วยชั้นหนังสือที่บรรจุหนังสือต่างๆมากมายราวกับห้องสมุด แถมชั้นหนังสือแต่ละชั้นยังสูงจนแทบจะติดเพดานที่สูงลิบลิ่ว ชนิดที่ว่าคงต้องบินขึ้นไปถึงจะหยิบหนังสือชั้นบนๆได้ และคนที่ร่างบางตามหา...ทิมิส ไฮฟว์...ก็ยืนอยู่ตรงศูนย์กลางของผู้คนและชั้นหนังสือพวกนี้

     

    เหล่าคนแทบทั้งหมดในห้องต่างรีบทำตัวเป็นปรกติ พยายามทำเหมือนเป็นอากาศธาตุที่ไม่มีตัวตนในห้อง เพราะไม่ว่าใครในสองคนนี้ ต่างก็ไม่มีใครอยากไปยั่วโมโหเท่าไหร่นัก ในเมื่อขอแค่เป็นคนในโลกมืด...ไม่มีใครไม่รู้จัก “จิอากิ เซย์ยะ” นักฆ่าอันดับหนึ่ง และผู้เดียวในระดับ SS rank ของการจัดระดับนักฆ่าทั่วโลกมืด...และ “ทิมิส ไฮฟว์” ทูตกลางแห่งสหประชาชาติที่มีอำนาจการตัดสินใจในสหประชาชาติของโลกสว่าง ผู้มีสิทธืขาดในการชี้เป็นชี้ตายและตัดสินผิดถูก ในกรณีพิพาทระหว่างประเทศ และหากคิดว่าตำแหน่งนี้ยิ่งใหญ่แล้ว อีกตำแหน่งหนึ่งในโลกมืดของเขากลับทำให้ผู้คนตกตะลึงยิ่งกว่า

     

    ทิมิส ไฮฟว์...ราชาแห่งเงา...ราชาไร้บัลลังค์ผู้เปรียบดัง “ประกาษิตขาด” ของโลกมืด...ผู้ครอบครองและอยู่เบื้องหลังความมืดทั้งปวง หรือก็คือ ผู้ปกครองโลกมืดแห่งนี้!!!

     

    โลกนี้มีสังคมอยู่...หากเป็นโลกสว่าง กฎของโลกสว่างคือสหประชาชาติ...และกฎของโลกมืดคือสภาเงา...ในเมื่อทิมิส...คือผู้อยู่ในจุดสูงสุดของโลกมืด และเป็นผู้ตัดสินของโลกสว่าง ใครเล่าจะใช้ “อำนาจทางสังคม” เอาชนะเขาได้?

     

    เงินทอง? แค่ทิมิสเปิดประมูลตลาดมืดรอบเดียวก็ได้เป็นกอบเป็นกำแล้ว

     

    กองทัพ? ในเมื่อเป็นราชาผู้ครองโลกมืด กับแค่กองทัพนักฆ่าคงพอจะจัดการทหารของโลกสว่างได้ไม่ยากแหง

     

    พลัง? ลองสู้กับเขาดูซักครั้งสิ แต่ไม่มีใครกล้าแน่ ในเมื่อเป็นถึงผู้ปกครอง ต้องมีดีกับตัวอยู่บ้าง

     

    ตัวประกัน? เท่าที่รู้มา คนที่นับว่าเป็นตัวประกันได้มีแค่สองคน แถมสองคนที่ว่ายังอันตรายสุดๆ ครอบครัวเหลือแค่พ่อที่ไม่รู้เฮียแกเก่งมาจากไหนมากมาย เพื่อนเพียงคนเดียวก็มีแค่...จิอากิ เซย์ยะ!!!

     

    แน่นอนว่าในฐานะผู้ปกครอง ทิมิสย่อมมีสารพัดปัญหาของโลกมืดมาสุมหัว ด้วยกฎของโลกมืดนั้นไม่ได้มีเพื่อรักษาความสงบของสังคมอย่างปรกติหรอก แต่มีเพื่อควบคุมไม่ให้คนของโลกมืดไปก่อความวุ่นวายในโลกสว่างมากจนฝ่ายนั้นเกิดอยากกวาดล้างโลกมืดขึ้นมาเท่านั้น ไม่งั้นต่อให้สู้กันเป็นเวลานาน ก็คงมีแต่เสียกับเสีย ไม่ได้อะไรกลับมา ซึ่งนั่นมันไม่คุ้มแน่ๆ ยิ่งมองด้วยสายตาแบบไร้ข้อผูกมัดของจิตสำนึกในความดีหรือระเบียบสังคมแล้ว ยิ่งไม่คุ้มที่จะแลก

     

    ดังนั้น หากมีเรื่องราวที่ทำให้โลกสว่างเกิดรำคาญโลกมืดเกินไป หรือมีพวกโลกมืดที่แหกคอกไปสร้างความวุ่นวายเกินควร ก็สมควรต้องจัดการตัดไฟแต่ต้นลมเสียบ้าง แต่อย่างว่า คนในโลกมืดมันไร้สังคมไร้กฎระเบียบบังคับ จะควบคุมให้อยู่กับร่องกับรอยก็เป็นไปได้ยาก ทิมิสถึงได้ยุ่งหัวปั่นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

     

    “ว่าแต่ มีอะไรเหรอเซย์ยะ? ปรกตินายไม่ค่อยเข้ามาแถวส่วนกลางเท่าไหร่นี่”ทิมิสถาม

     

    “มีเรื่องคุยด้วย”เซย์ยะพูดสั้นๆ ซึ่งทิมิสก็พยักหน้ารับ

     

    “ทุกคน วันนี้พอแค่นี้ ออกไปภายในสามวินาที”ทิมิสสั่ง แต่แม้จะเป็นคำสั่งไร้เหตุผล ทุกคนก็ปฏิบัติตามแทบจะทันที ยังไม่ทันที่ทิมิสจะนับถึงสอง แม้แต่เส้นผมซักเส้นก็ไม่เหลือกันแล้ว

     

    “ทีเวลาเลิกงานเนี่ย เผ่นกันเร็วจริง”ทิมิสบ่นอุบอิบ

     

    “พออยู่กับนายแล้วถูกสั่งงานยากๆบ่อยๆน่ะสิ”เซย์ยะตอบเรียบๆ

     

    “มีอะไรล่ะ?”ทิมิสถาม

     

    “จะถามความคืบหน้าน่ะ”เซย์ยะยักไหล่

     

    “เสียใจนะเซย์ยะ เรื่องของเจ้าบ้าสล็อทนั่น ยังไม่โผล่เงาหัวออกมาเลย”ทิมิสแค่นเสียง

     

    “งั้นเหรอ...”

     

    “ฮึ ทั้งๆที่ตอนนั้น...เจ้านั่นเป็นคนอยู่กับท่านไพรด์จนถึงที่สุดของที่สุดแท้ๆ แต่มาชาตินี้...กลับทำอย่างกับหนีหน้าเจ้าหนี้ หาไม่เจอแม้แต่ผมซักเส้นมาตั้งยี่สิบกว่าปี”ทิมิสแค่นเสียง “...สล็อทที่ข้ารู้จักน่ะชอบอู้งานก็จริง แต่ไม่ใช่คนหนีหน้าที่แท้ๆ หรือว่า...”

     

    “หรือว่า?”เซย์ยะขมวดคิ้ว

     

    “...มีโอกาสเป็นไปได้ว่า ตัวตน...วิญญาณและความทรงจำของสล็อทยังไม่ตื่นน่ะสิ”ทิมิสว่า “อย่างท่านไพรด์ ท่านลืมตาตื่นหลังจากเกิดในโลกมนุษย์มาได้สามปี ส่วนข้า...หากไม่ได้รับยากระตุ้นที่หลอมรวมโลหิตของตระกูลไฮฟว์จากท่านพ่อ ก็คงเสียเวลาไปอีกนานกว่าความทรงจำของกรีดจะตื่น สล็อทน่ะอู้งานอยู่แล้ว ไม่แน่ว่าคงต้องรออายุซักห้าสิบกว่าจะลืมตาตื่นก็ได้ ใครจะไปรู้”

     

    “แต่ข้าคิดในมุมกลับนะ”เซย์ยะว่า “...หรือเจ้าไม่คิดว่าสงครามครั้งที่แล้วมีอะไรแปลกๆ”

     

    “......”ทิมิสชักสีหน้า “...นี่เจ้าก็รู้สึกเหรอ เซย์ยะ?

     

    “เจ้ารู้สึกจริงๆสินะ...คิดว่าข้าคิดไปเองเสียอีก”เซย์ยะแค่นเสียง “มันสมบูรณ์แบบเกินไป โครนอสเพียงคนเดียวทำถึงขนาดนั้นไม่ได้แน่ ข้าว่า...อาจเป็นแผนการของสล็อทอย่างที่เจ้าตัวถนัดมากกว่า ไม่ออกหน้า ไม่ลงมือ แต่ทุกสิ่งเป็นไปตามเป้าหมาย”

     

    “ข้าเองก็คิดเช่นนั้น...ไม่ได้สบประมาทว่าโครนอสทำไม่ได้นะ ข้าเชื่อว่าโครนอสทำได้ แต่ผลมันไม่ออกมาแบบนี้แน่ เทพโครนอสน่ะเอาตัวเองเข้าไปในแผนการ สนิทสนมกับผู้ถูกเลือกมากมาย ข้าไม่เชื่อว่าด้วยความสัมพันธ์เช่นนั้นโครนอสจะหักใจให้พวกเขาทำอะไรเสี่ยงขนาดนั้นได้”ทิมิสว่า

     

    “แต่หากเป็นการวางแผนจากมุมมืดของสล็อทก็เป็นไปได้...เจ้านั่นลอยตัวอยู่เหนือปัญหาเสมอมา ย่อมไม่ใส่ใจความรู้สึกของผู้ถูกหลอกใช้ และไม่แยแสต่อความปลอดภัยของพวกเขาแน่นอน”เซย์ยะต่อ เหมือนจะไม่ใช่คำชมเท่าไหร่ แต่ทุกสิ่งที่พูดก็คือตัวตนของสล็อทจริงๆ

     

    ......แต่พวกเขาคิดผิด......

     

    ......เพราะสล็อทตัวจริง...สล็อทที่ไม่แยแสใครนอกจากคนที่เขาแคร์...คือชาเรพิออซ......

     

    ......แต่สล็อทที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้...คือกีลเลียส......

     

    ......แม้จะเป็นสล็อทเหมือนกัน...แต่ก็ต่างกัน......

     

    ......นั่นคือความแตกต่างของสล็อททั้งสอง......

     

    “ข้าคิดว่า หากเป็นสล็อท...เจ้านั่นต้องใช้วิธีการอะไรก็ได้ทำให้ตัวเองตื่นให้เร็วที่สุด เพื่อจะทันในแผนการสุดท้ายนั่น”เซย์ยะสรุป

     

    “แต่เจ้านั่นไม่ยอมมาหาท่านไพรด์เนี่ยนะ!?!”ทิมิสพูดด้วยเสียงไม่อยากเชื่อ “เจ้านั่นเป็นผู้เดียวที่อยู่เคียงข้างท่านไพรด์จนวาระสุดท้าย! หากมันตื่นแล้วจริงๆทำไมถึงไม่กลับมา? ข้าไม่เชื่อว่าเจ้านั่นจะทอดทิ้งท่านไพรด์ลงคอหรอก!!!

     

    “นั่นเป็นสิ่งที่เจ้าต้องไปรายงานเขามากกว่า เขาอยู่ในสงครามสุดท้ายนั่น น่าจะคิดอะไรออกมากกว่าพวกเรา”เซย์ยะส่ายหัว “แล้วอีกเรื่องล่ะ...เรื่องที่ข้าไหว้วานไป”

     

    “อ้อ ข่าวคราวของผู้ค้าข่าวอันดับหนึ่งน่ะนะ? ยังหาตัวไม่เจอง่ายๆแบบนั้นหรอก เจ้านั่นเป็นผู้ค้าข่าว ต้องรู้อยู่แล้วว่าทำยังไงถึงจะปิดข่าวของตัวเองได้”ทิมิสยักไหล่

     

    “...แย่จริง...”

     

    “ทำไม? เจ้ามีข่าวอะไรที่ต้องพึ่งเขาล่ะ?

     

    “ผู้ค้าข่าวคนอื่นจนปัญญาจะหาข่าวที่ข้าต้องการ...ข้าจึงคิดจะลองเสี่ยงกับผู้ค้าข่าวที่เก่งที่สุดและแม่นยำที่สุดคนนี้ดูซักครั้ง”เซย์ยะว่า

     

    “ข่าวอะไร?”ทิมิสถามย้ำ

     

    “เรื่องส่วนตัว”เซย์ยะตอบทันที

     

    “...เข้าใจล่ะ...เด็กที่เป็นจุดด่างพร้อยของเจ้าสินะ”ทิมิสหัวเราะคิก “ไม่เข้าใจเลยแฮะ จะฝังใจอะไรมากมาย กับแค่ลอบสังหารพลาดครั้งเดียวเนี่ย”

     

    “ข้าไม่ควรลอบสังหารพลาด!”เซย์ยะสวน ก่อนจะกระแทกเท้าจากไปอย่างหงุดหงิด

     

    “เฮ้อ...ก็ยังฝังใจกับเด็กพวกนั้นอยู่ดีสิน้า”ทิมิสส่ายหัวคล้ายจะเหนื่อยใจ “...ลองไปถามท่านพ่อก็ได้ จะได้รายงานให้ท่านพ่อช่วยคิดด้วย”

     

    ####################################################################

     

    Time Line [เฉพาะของตอนนี้]

     

    กีลเลียสออกเดินทาง [II-3 : Ch.1]

    ||

    ทิมิสอยู่ที่เคฟบ้านเกิด กลับไปหาพ่อ ทรีเฟีย [II-3 : Ch.1]

    ||

    เหตุการณ์ดาวตก ลูซิเฟอร์และพวกมาโลกมนุษย์ [II-1 : Ch.1]

    ||

    กีลเลียสอยู่ระหว่างเดินทาง ส่วนทิมิสถูกทรีเฟียสั่งให้เดินทางไปอราเบียน [II-1 : Ch.1]

    ||

    ข่าวมาถึงพวกเฟลม เด็กๆออกเดินทาง [II-2 : Ch.1]

    ||

    เด็กๆมาถึงอราเบียน พบทิมิสที่นั่น [II-2 : Ch.2,3]

     

    ก็ตามนี้...จริงๆมันเป็น file exel น่ะค่ะ เลยเอามาลงลำบาก นี่ก็ตัดมาเฉพาะตอนที่ลงแล้วเท่านั้นล่ะค่ะ

     

    เจอกันตอนหน้า...อ้า...อ้า...อ้า...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×