ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ SF ] wonhyuk as always

    ลำดับตอนที่ #3 : 2nd short fiction : CRAZY IN LOVE end

    • อัปเดตล่าสุด 21 มี.ค. 58


               CRAZY IN LOVE



    “มึง คืนนี้ซองมินบอกว่าเจอกันผับเดิม แม่มันไม่อยู่อีกแล้ว” เฮนรี่บอกฮยอกแจที่นั่งฟังเพลงจากไอพอดอยู่ข้างๆ

    “กี่โมงวะ” มือขาวกดหยุดเพลงแล้วดึงหูฟังออก เก็บของเพื่อกลับบ้านไปเตรียมตัวออกไปคืนนี้

    “ห้าทุ่ม แม่งคงกะยาว”

    “เอาเหอะ ไม่ได้ไปด้วยกันนานแล้ว” กอดคอเฮนรี่เดินไปที่ลานจอดรถของคณะ

    “มึงจะให้กูไปรับหรือว่าไง” เฮนรี่สะพายกระเป๋าเป้ ควงกุญแจรถปอร์เช่ในมือไปมา

    “ไม่ต้องอะ เดี๋ยวกูขับรถไปเอง”

    “โอเค ห้าทุ่มเจอกันเพื่อน” หันหลังให้แล้วโบกมือเหมือนพวกพระเอกในการ์ตูนญี่ปุ่น

    “มันคิดว่าหล่อมากมั้ง” ส่ายหัวเบาๆแล้วเปิดประตูรถสปอร์ตสีส้มบาดตาขับออกไป

     

              
                 อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็สี่ทุ่ม คนตัวบางคว้ากุญแจรถ ส่องกระจกตรงในห้องน้ำอีกรอบ แล้วรีบตรงไปที่ลานจอดรถ ฮัมเพลงเบาๆแล้วขับออกไปด้วยความรวดเร็ว วันนี้อะไรก็เป็นใจไปหมด รถโล่งทั้งๆที่เป็นวันศุกร์แท้ๆ

                “ไงมึง ออกมาแรดได้แล้วเหรอ” ไฮไฟว์กับเยซอง พร้อมหันไปแซวคนที่แม่ไม่อยู่บ้านอย่างซองมิน

                “เออ ทำไมแม่ต้องโหดก็ไม่รู้เนี่ย แค่ขับรถเสยสวนกุหลาบคุณนายหน่อยเดียว ห้ามออกจากบ้านหลังสองทุ่มเฉย” บ่นกระปอดกระแปด แล้วคว้าแก้วตรงหน้าขึ้นมาดื่ม

                “นี่เฮนรี่มันยังไม่มาอีกอ่อวะ สายตลอดไอนี่”

                “นินทาไรวะ คนหล่อก็ต้องใช้เวลาป่ะมึง พระเอกต้องมาช้าอะสัด” เฮนรี่ลูบผมที่เซ็ตให้มันตั้งด้วยท่าที่คิดว่าหล่อที่สุด

                “ไม่หล่อก็อย่าพยายาม กูขอร้อง” เยซองยกมือขึ้นข้างหนึ่ง ทำเอาเฮนรี่ทนไม่ไหว ยกเท้าไปสะกิดที่หน้าข้างมันเบาๆ

                “กูถามจริงเหอะ มึงมาสายกว่าที่กูนัดชั่วโมงครึ่งนี่มึงได้แค่นี้เหรอ” ซองมินที่ละความสนใจจากแก้วเหล้าหันหน้ามาถามเฮนรี่ที่กำลังสั่งเครื่องดื่มกับพนักงานสาวหุ่นสะบึม

                “ไอเหี้ย กูมั่นมากนะโว้ย อย่ามาอำกูซะให้ยาก กูหล่อใช่ป่ะมึง” หันไปขอความช่วยเหลือจากฮยอกแจที่นั่งฮัมเพลงและคุยกับเยซองบ้างเวลารู้สึกว่าเพลงเพราะ

                “กูหนีบแตะยังจะหล่อกว่ามึงอะเอาจริง” นี่คือสิ่งที่ได้จากปากฮยอกแจ

                “ไอพวกเหี้ย” เฮนรี่ร่ำๆจะเอาเท่าไปถีบเพื่อนแต่ละคนให้ได้

                พอเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ ซองมินก็บอกให้พนักงานเอาแบบนี้มาเพิ่มอีกสิบแก้ว

                “มึงจะแดกคนเดียวหมดเลยอ่อวะ กูนี่สงสารตับมึง” ฮยอกแจถึงกับวางแก้วที่ดื่มอยู่ลงกับโต๊ะ

                “โอ้โห มึงเห็นกูเป็นคนยังไง มาดวลกันๆ”

                “มึงจะแข่งกับใคร” เยซองเป็นคนถามขึ้นมา

                “เห้ย กูไม่เอานะ วันนี้กูมาหล่อ กูจะไม่เสี่ยงทำตัวเองเมาเละแน่นอน” เฮนรี่ยกมือสองข้างขึ้นมาส่ายเป็นการปฏิเสธย้ำอีกที

                “มึงอะ ฮยอกแจดวลกับซองมินเลย มึงคอแข็ง”

                “ไอเหี้ยเฮนรี่ มึงโยนขี้ให้มันทำไม” ถึงจะบอกอย่างนั้นแต่เยซองกลับเลื่อนแก้วไปไว้หน้าฮยอกแจซะอย่างนั้น

                “มาเลยมึง พรุ่งนี้มึงไม่มีเรียนนี่ วันเสาร์” ซองมินเริ่มหยิบแก้วแรกมาประเดิมก่อน ยกขึ้นดื่มในรอบเดียวแล้ววางแก้วลงกับโต๊ะดัง กึงเป็นการท้าทายกลายๆ

    “รู้ดี” ปากแดงๆของฮยอกแจยิ้มบางๆแล้วยกแก้วที่อยู่ตรงหน้าขึ้นดื่มรวดเดียว

    ซองมินยกแก้วที่สามหมดก็เริ่มอ้อแอ้เพราะมาถึงเป็นคนแรก ดื่มยาวมาตั้งแต่ตอนนั้นเลย ในขณะที่ฮยอกแจดื่มไปแค่แก้วเดียวเท่านั้นก่อนที่จะดวล

    “อ่อนว่ะ” ยกแก้วที่สี่ดื่มแบบไม่เร่งรีบ แต่ซองมินนี่มันเอาหัวมันไถไปกับโซฟาแล้วเรียบร้อย ฮยอกแจได้แต่ทำหน้าแหยงๆเพราะน้ำลายของไอคนเมาหัวทิ่มมันทำเอาโซฟาเปียกอย่างแรง

    “มึงเอาซองมินกลับไปด้วยนะเฮนรี่” เยซองผลักภาระให้เฮนรี่ แล้วตัวเองเดินไปจัดการค่าเสียหาย

    “แล้วมึงอะ เอาไง กลับกับเยซองหรือยังไง”

    “กูแค่กรึ่มๆ เดี๋ยวไปล้างหน้าก็โอเคแล้ว”

    “โอเค เจอกันวันจันทร์”

    “บาย”


                 ด้วยความที่ตอนนี้เป็นเวลาตีสามครึ่งแล้ว ทำให้คนค่อนข้างบางตา อีกอย่างที่นี่มันผับ จะให้เปิดไฟสว่างโร่ก็ไม่ได้ ทางเดินไปห้องน้ำเลยค่อนข้างจะมืด

    “จะเอาเท่าไหร่”

    ฮยอกแจได้ยินเสียงคนคุยกันมาจากห้องหนึ่งที่อยู่ระหว่างทางไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งเขาก็ไม่ได้สนใจมากนัก เพราะว่าผับที่นี่ค่อนข้างมีระดับ นักธุรกิจบางคนก็มาคุยกันที่นี่ กะว่าจะเดินผ่านไป แต่เมื่อได้ยินจำนวนเงินที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ และเวลาตีสามครึ่งมันก็ไม่ใช่เวลาคุยธุรกิจ ทำให้อยากรู้ขึ้นมาเล็กน้อย

    “สามสิบล้าน”

    “มันไม่มากไปหน่อยหรือไง” เสียงที่บ่งบอกว่าค่อนข้างมีอายุดูจะไม่พอใจในราคาสักเท่าไหร่

    “สำหรับสินค้าล็อตนี้ ผมว่ามันไม่แพงนะครับ”

    “สามสิบล้านดอลล่าห์นี่คุณว่าไม่แพงอย่างนั้นเหรอคุณชเว”

    ตาของร่างที่แอบฟังข้างนอกเบิกกว้าง สามสิบดอลล่าห์ นี่มันขายอะไรกันวะ

    “สินค้าของเราเกณฑ์ค่อนข้างสูง คุณก็รู้นี่นา คุณคิม”

    “แต่ผมว่าครั้งนี้มัน....”

    ปัง!

    เพล้ง!

    “เฮ้ย” คนที่แอบฟังอยู่อุทานขึ้นมาเบาๆ นั่นมันเสียงปืนใช่ไหม

    “คะ...คุณชเว” เสียงคนที่ต่อราคาในตอนแรกเอ่ยขึ้นมาตะกุกตะกัก

    “เอาเป็นว่าโอนเงินสามสิบล้านมาที่เดิมนะครับ”

    “ดะ...ได้ครับ” คนในห้องคงกำลังจะออกมาแล้ว ฮยอกแจถอยหลังออกมาจากหน้าประตู รีบสาวเท้าไปที่ลานจอดรถ

    ในนั้นมันขายอะไรกันวะ มีเสียงเหมือนปืน คนในห้องก็พูดซะเสียงตะกุกตะกักขนาดนั้น อย่างนี้มันผิดกฎหมายใช่ไหม นี่เขาจะต้องโทรแจ้งตำรวจไหม หรือว่าจะปล่อยไปเลยตามเลย มือขาวสั่นล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงด้วยความกลัวที่เพิ่งตามมาหลังจากความอยากรู้อยากเห็นมาบังตา

    ขณะที่มือกำลังจะกดโทรออก โทรศัพท์กูถูกฉวยออกไปซะแล้ว

    “เห้ย!” หันหน้าไปมองคนด้านหลัง ผู้ชายตัวสูงผมดำถูกจัดทรงให้แม้จะนั่งรถเปิดประทุนก็คงไม่กระดิก เขาสูงแค่ไหล่หมอนี่เท่านั้น มือข้างที่กำลังจะเปิดออกไปลานจอดรถก็ถูดจับไว้ซะแน่น

    “ปล่อยเขาอีธาน” เสียงทุ้มนุ่มที่เขาจำได้ว่าเป็นคนเสนอสามสิบล้านดอลล่าห์

    “ครับท่าน” เมื่อมือถูกปล่อย ฮยอกแจก็ทำท่าจะไปคว้าโทรศัพท์มาจากผู้ชายคนนั้น แต่ก็เหมือนจะไม่เป็นผล

    “สวัสดีครับ” ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าคุณชเวเดินก้าวมาหาเขาพร้อมกับมือที่เปื้อนของเหลวสีแดงข้นที่ดูขัดกันซะเหลือเกินกับคำพูดที่พูดออกมา

    ฮยอกแจไม่ตอบอะไร จ้องไปที่มือเปื้อนของเหลวนั่น นั่นมันเลือดใช่ไหม ความกลัวเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนคุณชเวจะรู้ตัว เขาหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดมือที่เปื้อนออกแล้วส่งให้คนที่ใส่สูทสีดำข้างหลังรับไป

    “ตัวสั่นเชียว” มือกร้านเอื้อมมาแตะไหล่บางเบาๆ แต่ฮยอกแจถึงกับสะดุ้งเฮือก เขากำลังกลัวสุดชีวิตประสาทรับรู้เริ่มใช้งานไม่ได้ เขาไม่ได้ยินเสียง ไม่ได้กลิ่นอะไรทั้งนั้น เขารับรู้เพียงสัมผัสที่กำลังลูบผมเขาไปมาลากลามมายังข้างแก้ม

    “กลัวเหรอ” ชายตรงหน้ายิ้มเต็มแก้ม “ไม่ต้องกลัวหรอกนะ ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ เนอะ?” ลมหายใจของคนถูกสัมผัสสะดุดไป แค่เพราะความอยากรู้อยากเห็นเพียงชั่ววูบมันกำลังทำให้เขาตาย

    “ร้องไห้ทำไมครับ” ปาดน้ำตาให้อย่างใจดี ปลายนิ้วของฮยอกแจมันเย็นเฉียบไปหมด

    “ฮึก” เขาร้องไห้หนักมากจนต้อองยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาเองเพราะมันทำให้เขามองอะไรไม่ชัดเลย ไม่เห็นแม้แต่ใบหน้าของคนที่เช็ดน้ำตาให้เมื่อครู่ แต่ให้ตายเถอะระหว่างไม่เห็นกับเห็นนี่อะไรมันจะแย่กว่ากัน คิดได้อย่างนั้นน้ำตามันก็ยิ่งไหลเหมือนไม่มีวันหมด

    “ฮึก คะ ฮึกๆ คุณจะ ฮึก จะทำ ฮึกๆๆ ฮือ อะระ ฮืออออ ผะ ผม”

    “โอ๋ เงียบซะนะเด็กดี” คว้าคนที่สะอื้นจนตัวโยนมากอดปลอบ ลูบหลังไปมาเบาๆ

    “ฮือออออออออออ” มือเย็นเฉียบจับชายเสื้อสูทของคุณชเวไว้แน่นเหมือนเป็นที่ยึดทั้งๆที่คนข้างหน้าอาจจะเป็นคนทำร้ายเขาด้วยซ้ำ

    “เอ้า ร้องหนักกว่าเดิมซะอีก” คุณชเวหัวเราะในลำคอเบาๆ

    “ผม ฮึก จะไม่ ฮึก บอกใคร ฮึก”

    “บอกเรื่องอะไรเหรอ” มือกร้านทั้งสองข้างหยุดลูบหลังของคนตัวเล็ก เลื่อนมาจับที่ต้นแขนแต่ยังไม่ผละตัวออกมา

    “เรื่อง ฮึก สะ สามสิบ ฮึกๆ ล้านดะ ฮึก ดอลล่าห์”

    “แต่นายก็รู้แล้วนี่นา”

    “ผม ฮึก จะลืม ฮึก มันไป”

    “ฉันจะมั่นใจได้ยังไง”

    “ฮึก ไม่ ฮึก รู้”

    คุณชเวหัวเราะในลำคอเบาๆ “อีธาน ขอนามบัตรหน่อย”

    “เด็กน้อย เงยหน้าหน่อย” มือกร้านเชยคางของคนที่สูงเพียงปากของเขาให้มาสบตากัน

    “ฮึกๆ ฮือ ฮึก”

    “ฮึ้บก่อนเร็ว” คุณชเวสั่งให้เด็กน้อยที่สะอื้นหยุดสะอื้นเสียที “รับนี่ไปนะ นายชื่ออะไร”

    ฮยอกแจปล่อยมือข้างหนึ่งออกจากชายเสื้อสูทไปรับนามบัตรจากอีกคน “ฮึ้บ ชื่อฮะ ฮยอกแจ อีฮยอกแจ”

    “พรุ่งนี้เราจะได้พบกัน” ปาดน้ำตาให้อีกคนเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกับหันหลังเดินจากไป อีธานคืนโทรศัพท์ให้ฮยอกแจโดยที่หน้าจอค้างไว้ที่หน้ารายการโทรออกล่าสุด โดยเบอร์นั้นตรงกับในกระดาษที่ผู้ชายคนนั้นให้มา

     

    Siwon Choi

     

    CEO of Choi Asset Management Co.,Ltd

     

    Tel. XXXXXXXXXX

     

     

     

     

     

    วันนี้วันเสาร์ ฮยอกแจไม่อยากจะเชื่อด้วยซ้ำว่าเขาจะประคองสติตัวเองขับรถกลับมาถึงที่พักได้โดยไม่เสยเสาไฟข้างทางเข้าเสียก่อน เขานั่งมองกระดาษที่มีชื่อชเว ซีวอนตั้งแต่กลับมาถึงคอนโดตอนเกือบจะเช้า ตอนนี้ก็หกโมงครึ่งซะแล้ว มือบางวางกระดาษแผ่นเล็กไว้ที่โคมไฟข้างเตียง หยิบโทรศัพท์ข้างเตียงขึ้นมาโทรออก

     

    ฮัลโหลเฮีย”

     

    [ ว่าไงฮยอกแจน้องรักของเฮีย ] ปลายสายทักทายอย่างอารมณ์ดีถึงแม้ตอนนี้จะไม่ใช่เวลาที่คนทั่วไปจะตื่นในเช้าวันเสาร์ก็เถอะ

     

    เฮียส่งบอดี้การ์ดมาให้ผมสักห้าคนดิ”

     

    [ เอาไปทำอะไรวะ ]

     

    เอ่อ พอดีผมไปมีเรื่องชกต่อยแย่งผู้หญิงกับคนในผับเมื่อคืนว่ะเฮีย”

     

    ฮยอกแจเลี่ยงที่จะไม่บอกความจริง เขายังไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่ แค่จะเอาคนไปข่มขู่ฝ่ายนั้นเสียหน่อยว่าการที่จะเก็บอี ฮยอกแจมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ถึงอีกใจหนึ่งเขาจะมั่นใจว่าอย่างไรชเว ซีวอนอะไรนั่นคงไม่คิดจะทำร้ายเขาเป็นแน่ ไม่งั้นเขาคงไม่มีปากมาขอยืมคนของเฮียหรอก คงนอนหลับในหลุมตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

     

    [ เฮ้อ เด็กสมัยนี้มันเลือดร้อนกันจริงๆ เดี๋ยวเฮียจะส่งไปให้ละกัน เดี๋ยวให้พวกมันรอใต้คอนโดละกันนะ ] หานเกิงอายุมากกว่าฮยอกแจอยู่สิบปี เป็นญาติทางแม่ของฮยอกแจที่มีเชื้อสายจีน เมื่อก่อนก็มาวิ่งเล่นด้วยกันบ่อยๆ

     

    ขอบคุณมากเฮีย” ฮยอกแจคุยกับเฮียอีกหน่อยแล้วกดวางสาย เหนียวตัวไปหมด เขาควรจะไปอาบน้ำบ้าง เน่าเต็มที อย่างน้อยก็ให้มันสดชื่นบ้าง หลังจากผ่านประสบการณ์ที่เขากลัวที่สุดในชีวิตมา

     

    พอร่างบางอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็มาส่องกระจก ตามันบวมไปหมดเลย แต่ถ้าไม่บวมก็บ้าแล้ว เมื่อคืนแม่งร้องสะอึกสะอื้นจะเป็นจะตาย (ก็มันจะตายจริงๆนี่หว่า)

     

    ก๊อกๆๆ

     

    ใครวะ” ละจากกระจกไปเปิดประตู ระบบป้องกันของคอนโดนี้เยี่ยมมาก จึงไม่ต้องกังวลอะไร

     

    สวัสดีครับคุณอี ฮยอกแจ”

     

    นะ นาย” นิ้วเรียวบางยกขึ้นมาชี้หน้าผู้ชายตรงหน้า ความกลัวเริ่มแล่นพล่านขึ้นมาอีกครั้งทั้งๆที่คิดว่ามันคงหายไปและไม่กลับมาอีกแล้ว

     

    ท่านต้องการพบคุณตอนนี้ครับ” อีธานผายมืออกไปนอกห้อง

     

    “..........”

     

    จะไปเลยหรือเปลี่ยนชุดก่อนไหมครับ เรายังมีเวลาอีกประมาณ” ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ “เจ็ดนาทีสำหรับธุระส่วนตัวของคุณ”

     

    “........” ไม่มีเสียงใดหลุดรอดมาจากปากบางที่อ้าค้างอยู่เลยแม้แต่น้อย เขาพยายามคิดหนี ให้ตายเถอะพระเจ้า ถึงจะมีเวลาครึ่งชั่วโมง เขาก็หนีไม่พ้นหรอก นี่มันชั้นสิบเก้า โดนไปก็มีแต่ตายกับตาย

     

    คุณคงไม่อยากเปลี่ยนชุด ถ้าอย่างนั้นเชิญครับ” ฮยอกแจยังไม่ขยับ และไม่คิดจะขยับ

     

    เชิญครับ” อีธานพูดอีครั้ง คราวนี้เขาผินหน้าไปทางข้างนอกห้องด้วย

     

    “.....”

     

    คุณคงไม่อยากทำให้ท่านไม่พอใจ... ใช่ไหมครับ”

     

    นั่นแหละ ฮยอกแจถึงได้ขยับขาก้าวออกจากห้องทั้งๆที่ใส่เสื้อยืดตัวใหญ่มีสไตล์สีเทา กางเกงที่ยาวประมาณเข่าสีน้ำเงินเข้ม และรองเท้าสีขาวสำหรับใส่ในบ้านเท่านั้น

     

    เมื่อคืนท่านอาจจะยังไม่ได้จัดการเขา แต่มันไม่ได้หมายความว่าถ้าไม่พอใจ เขาจะกลับมาครบสามสิบสองนี่

     

    ฮยอกแจลงลิฟท์มากับอีธานและบอดี้การ์ดอีกหนึ่งคนที่ตอนแรกยืนอยู่หน้าห้อง และเดินเข้ามาจัดการปิดแอร์ปิดไฟห้องเขาให้อย่างเรียบร้อยหลังจากที่เขาตัดสินใจเดินออกจากห้องมา

     

    บอดี้การ์ดของหานเกิงทำท่าจะตามมา แต่ฮยอกแจก็ส่ายหน้าเป็นสัญญาณว่าไม่ต้องเพราะประโยคที่อีธานพูดขึ้น

     

    คุณจะกลับมาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แน่นอนครับ ผมรับประกัน”

     

     

     

                อีธานบอดี้การ์ดอีกหนึ่งพาฮยอกแจมาที่ชั้นสิบเก้าของตึกหรูดูทันสมัยกลางเมืองที่ฮยอกแจขับรถผ่านบ่อยๆตอนจะไปมหาวิทยาลัย

                “ท่านครับ คุณอี ฮยอกแจมาถึงแล้วครับ” บอดี้การ์ดคนที่ฮยอกแจไม่รู้ชื่อกดอินเตอร์โฟนบนโต๊ะที่น่าจะเป็นของเลขาที่ตั้งอยู่หน้าห้อง

                “พาเขาเข้ามาเลยจินกิ”

                “เชิญครับ” คนที่ชื่อจินกิเปิดประตูให้ฮยอกแจเดินเข้าไป

                “โชคดีนะครับ” จินกิยิ้มให้เขาพร้อมกับประตูที่ปิดลง ทิ้งเขาให้อยู่กับท่านประธานที่นั่งเอามือสองข้างประสานกันรองใต้คาง

    “สวัสดีครับ”

                “อ่า สวัสดีครับ” ฮยอกแจรู้สึกเก้อขึ้นมาทันที อีกฝ่ายอยู่ในชุดสูทเต็มยศสีกรมท่า แต่ตอนนี้เขายังอยู่ใส่เสื้อยืดสีเทา กางเกงขาสั้นกับรองเท้าแตะอยู่เลย เด็กกะโปโลสุดๆ

    “นั่งเลยเด็กน้อย”

                ฮยอกแจนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้หน้าท่านประธาน กลายเป็นว่าตอนนี้เขานั่งสบตากับท่านประธานซะงั้น

                “เอาล่ะ ที่ผมต้องการพบคุณก็เพราะเรื่องเมื่อคืน”

                “ครับ” ฮยอกแจจิกนิ้วลงกับเนื้อผ้ากางเกงด้วยความเครียด

                “คุณได้ยินเรื่องการตกลงทำการค้ามูลค่าสามสิบล้านยูเอสดอลล่าห์ใช่ไหม”

                “คะ ครับ” มือกร้านล้วงมือไปหยิบผ้าเช็ดหน้าสีเขียวเข้มที่อยู่ด้านฝนเสื้อสูทออกมายื่นให้คนตรงหน้า

                “เอาไปถือไว้ก่อนนะ เผื่อจะต้องใช้”

                เฮ้ย?

                “ก็เห็นเมื่อคืนร้องไห้ซะตัวสั่นเลย เอาไปนะเผื่อจะร้องไห้ เพราะจะคุยเรื่องเครียดพอสมควรเลยล่ะ”

                ท่านประธานพูดด้วยสีหน้าที่มีรอยยิ้ม ขัดกับประโยคนั่นไม่ได้มันชวนให้ฮยอกแจรู้สึกอารมณ์ดีไปด้วยเลย แต่ก็รับผ้าเช็ดหน้ามา

                “เมื่อคืนการตกลงการค้าของเราถือว่าเป็นความลับมาก”

                “แล้วท่านมาคุยที่ผับทำไมล่ะครับ”

                โอ้ย กูอยากตบปากตัวเอง จะตายก็เพราะปากนี่แหละ

                “ฮึๆ นั่นสินะ ก็ตอนนั้นมันตีสามครึ่งแล้ว แถมห้องตรงนั้นก็อยู่โซนวีไอพี คิดว่าคงไม่มีเด็กที่ไหนมาแอบฟังน่ะ” โอเค ฮยอกแจผิดเอง

                “โอเค ผมผิดเองครับ” ยกมือขึ้นมาสองข้างเป็นเชิงว่ายอมแพ้

                “รู้ตัวว่าผิดแล้วทำยังไงต่อดีล่ะ” ท่านประธานก็ยังพูดหน้าระรื่นต่อไปสิ

                “ผมขอโทษก็ได้ แต่คุณก็ทำผิดกฎหมายนี่ มันยิ่งกว่าผมอีกนะ!” ฮยอกแจกอดอก หันหน้ามองวิวนอกหน้าต่าง เลิกมองหน้าคู่สนทนา

                “หือ? เด็กขี้โมเมต้องถูกลงโทษนะ”

    เสียงถอดเสื้อสูทและพับแขนเสื้อที่ดังตามมาเรียกให้เหงื่อเริ่มไหลตามข้างขมับ ที่อีธานบอกว่าเขาจะกลับไปครบถ้วนสมบูรณ์นี่คงลืมย้ำเขาสินะว่าห้ามเถียง เสียงกุกกักๆดังมาจากโต๊ะทำงาน

                กึง!

                เสียงเหมือนเหล็กที่ค่อนข้างหนักถูกวางลงบนโต๊ะเริ่มทำให้เขากลัว

                กริ้ก!

                สิ้นเสียงกริ้กทำให้ฮยอกแจน้ำตาไหลทันที เขายังไม่ได้บอกลาใครเลย เหตุการณ์ต่างๆไหลเวียนมาเหมือนม้วนฟิล์ม เรื่องราวตั้งแต่เขาจำความได้จนกระทั่งปัจจุบัน

                “ฮึก”

                “ร้องไห้อีกแล้วเหรอ ขี้แยจัง”

                “ฮึกๆๆ”

                “ให้ผ้าเช็ดหน้าไปแล้วนี่นา ใช้ให้เป็นประโยชน์สิ เด็กดื้อ”

                “ฮือออออออออ”

                “ร้องไห้ทำไมเนี่ย หือ” สัมผัสเย็นๆเหมือนเหล็กไล้ไปตามหลังของคนตัวบางที่ยังไม่หันหน้าไปจากทางเดิมแม้แต่น้อย

                “ฮึกๆๆ ฮืออออออ” คราวนี้ฮยอกแจหลับตาปี๋ เพราะไอวัตถุเย็นๆที่ว่ามันหยุดอยู่ตรงกลางหลังค่อนไปทางข้างบน มันตรงกับหัวใจของเขาพอดี

                “ก่อนจะทำอะไร บอกอะไรบางอย่างให้ฟังดีไหม”

                “ฮึก จะ ฮึก จะยิงก็ ฮึก ยิงเลย ฮึก ฮือ”

                ท่านประธานยกยิ้มขึ้นมามากกว่าเดิมจนเห็นลักยิ้ม เขาถูกใจเด็กคนนี้มากขึ้นอีกแล้ว

    แต่ก็น่าเสียดาย........

                “งั้นจะยิงแล้วนะ”

               

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

               















               


                “ปัง
    !” ฮยอกลืมตาทันทีที่สิ้นเสียงกระซิบข้างหู และสัมผัสจากวัตถุเย็นๆออกห่างร่างกายของเขาแล้ว ฮยอกแจอ้าปากค้างเมื่อเห้นว่าในมือของคนที่ทำท่าจะฆ่าเขาเมื่อกี้คือปากกา

                พระเจ้า!

                “คุณ!!

                “ปากกามันทำอะไรคนไม่ได้หรอกนะเด็กน้อย ฮึๆ” ท่านประธานยิ้มกว้างจนแก้มบุ๋ม

                “ฮึกกกกก ผม ฮึกก กะ ฮึก กลัวแค่ หนะ ฮึก ไหน รู้ไหม” ฮยอกแจลุกขึ้นมาชกไปที่ไหล่ของท่านประธานอย่างสุดจะทน

                “รู้สิ ร้องไห้ขนาดนั้น” ท่านประธานรวบข้อมือของฮยอกแจไว้ข้างหนึ่ง ดันร่างบางให้ชนกับโต๊ะทำงาน  มือข้างที่เคยถือปากกาซึ่งตกลงพื้นไปแล้วกวาดของที่อยู่บนโต๊ะทั้งหมดลงพื้น

                “ฮึกกกก” ผ้าเช็ดหน้าถูกปาใส่หน้าหล่อเข้าเต็มเปา

                “โอ๋เอ๋นะ อะ ให้กัดทีนึง” ยื่นไหล่ให้ร่างบางด้วยความอยากแกล้ง

                มือบางที่ว่างข้างหนึ่งจิกนิ้วลงกับต้นแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของคนตัวสูงไว้เพื่อยึด ฟันคมงับลงที่ไหล่กว้างเต็มแรงไม่พอ ยังขยับฟันไปเพิ่มความเจ็บเข้าไปอีก จะเอาให้แม่งเนื้อหลุดเลย

                “ซี้ดดด” คนตัวสูงร้องออกมา ฮยอกแจกัดเจ็บเป็นบ้า นี่เขาไม่คิดว่าคนตัวบางจะทำจริงด้วยซ้ำ

                “ฮึก” ละปากออกมา แต่ทิ้งรอยไว้ที่เสื้อเชิ้ตด้วย

                “เอาซะชุ่มเลยนะเนี่ย ซี้ด” เสื้อเชิ้ตสีขาวเปียกเป็นวงกว้าง

                “สม ฮึก น้ำหน้า”

                “เอาเถอะ เด็กน้อย” มือกร้านลูบหัวฮยอกแจเบาๆ “ความจริงแล้วมีบางสิ่งที่นายต้องรู้”

                “อะไร ฮึก อีก”

                “ฮึ้บก่อนเร็ว”

                “ฮึ้บ” เขานี่ก็บ้าจี้ไปกับไอประธานนี่นะ

                “ห้ามทำร้ายร่างกายกันนะ โอเค?”

                “บอกตัวเองเหอะ” มือขาวถูจมูกตัวเองเบาๆ

                “โอเค ฟังดีๆนะ”

                “เออ”

                “ความจริงแล้วการตกลงเมื่อคืนมันคือการอะไหล่รถยนต์ของบริษัทลูก”

                “ห้ะ แล้วทำไมต้องจับผมไว้ด้วยล่ะ” ฮยอกแจอ้าปากค้าง

                “ความจริงคือเห็นนายขาวดี สเป็คเลย กะจะขอเบอร์ตั้งแต่เมื่อคืน พอเห็นนายร้องไห้แล้วมันน่ารักดีน่ะ”

    ฮยอกแจอยากจะชกหน้าหล่อๆที่ยิ้มแป้นๆนี่สักที มันไม่มีวิธีขอเบอร์ที่น่ากลัวน้อยกว่านี้แล้วหรือไงวะ ฟร้าคคคคคคคคคค

    “ตอนฮยอกแจร้องไห้นี่น่ารักมากเลยนะ แกล้งเพลินไปนิดนึง”

    “ไม่นิดแล้วมั้ง”

    “ฮึๆๆๆ”

    “ไม่มีอะไรแล้วก็ปล่อยดิ”

    “เมื่อกี้ถือว่าสารภาพรักไปแล้วนะ” กักคนตัวเล็กไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง

    “โห กล้าอะ”

    “ถ้าจะปฏิเสธก็จะเดินออกไปก็ได้นะ”

    ฮยอกแจได้แต่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

    “แสดงว่าตกลงนะ”

    จะไม่ให้ตกลงได้ยังไงวะ บอกให้เดินออกไป แต่ไอแขนสองข้างที่ท้าวโต๊ะไว้นี่มันไม่เปิดทางให้ออกเลยไม่ใช่หรือไง.....................

     

     

     

     



    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    จบแล้วเย่ ฮึ้บ!

    เพิ่งรู้ว่า blank space #1 ยาว 6 หน้าเวิร์ด blank space #2 ยาว 7 หน้าเวิร์ด ทำไมถึงแยกสองตอนวะเนี่ย สั้นมาก 555555555555555555555555555555555555555555555555555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×