ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คืนหวามในรอยทราย (จบบริบูรณ์)

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.03K
      8
      29 พ.ค. 60




     

              “ปล่อยฉันนะไอ้พวกเลว ฉันบอกให้ปล่อย”

              หญิงสาวดิ้นรนต่อสู้ทั้งเตะ ถีบ และกัด ทำทุกวิถีทางที่จะนำพาให้เธอรอดพ้นจากสถานการณ์นี้

              “ฤทธิ์เยอะนักนะ อยากเจ็บตัวนักใช่ไหม”  

              หนึ่งในสองโจรถ่อยตบหน้าเธออย่างแรงถึงสองครั้ง มุกปรินทร์สัมผัสได้ถึงเลือดที่มุมปากแต่นี่ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาใส่ใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ เมื่อพวกมันเห็นว่าเธอยังไม่หยุดที่จะดิ้นรนมันจึงบีบคอเธออย่างแรงจนเธอแทบจะขาดอากาศหายใจ ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้มีดจี้ไปที่ลำคอของเธอ

              “อยู่เฉยๆ แล้วมาสนุกร่วมกันดีกว่า หรือถ้าเจ้าคิดว่าชีวิตของเจ้ามันไม่มีค่าก็ดิ้นรนขัดขืนต่อไป ข้าจะได้ปาดคอเจ้าให้ตายคามือ”

              ความโหดเหี้ยมที่สอดแทรกมาในคำพูด และมีดสั้นที่จ่ออยู่ที่คอของเธอนั้นมากพอที่จะทำให้มุกปรินทร์ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ น้ำตาของเธอไหลลงมาอาบแก้มอย่างไม่ขาดสาย มาคอสเงื้อมีดในมือขึ้นสูงทำท่าคล้ายจะจ้วงแทงเพื่อข่มขวัญอีกฝ่าย สายตาของมันบอกกับเธอว่ามันไม่ได้ล้อเล่น

              “จะให้ฉันยอมเป็นของเล่นของพวกแกแน่ อย่าหวังเลยไอ้พวกชั่ว อยากฆ่าก็ฆ่าฉันเลยสิ จะรออะไร”

              “อยากตายนักใช่ไหม ได้ เดี๋ยวจัดให้ อยากได้กี่แผลล่ะ” มาคอสพูดพร้อมกับตวัดมีดไปมาตรงหน้าเธอ

              ในช่วงนาทีชีวิตนั้นได้มีเสียงของใครคนหนึ่งที่บังเอิญผ่านมาเห็นเหตุการณ์ดังขึ้น

              “เอามือโสโครกของพวกเจ้าออกจากผู้หญิงคนนี้นะไอ้พวกถ่อย”

              พวกมันปล่อยมือจากเธอก่อนจะหันมากระชากเสียงถาม

              “แกเป็นใคร แส่ไม่เข้าเรื่องแบบนี้คงต้องสั่งสอนกันบ้าง”

              การต่อสู้อย่างดุเดือดได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้เป็นการเริ่มต้นระหว่างสองโจรถ่อยกับชายหนุ่มนิรนามที่บังเอิญก้าวเข้ามาช่วยเหลือเธอในยามคับขัน ในขณะที่การีมกำลังจัดการกับลูกน้องของมาคอสจนล้มคว่ำนอนหมดสติไปนั้น มาคอสก็ใช้จังหวะนี้เงื้อมีดในมือจะจ้วงแทงเขาจากทางด้านหลัง โชคดีที่มุกปรินทร์ส่งเสียงเตือน ทำให้คมมีดปาดโดนเข้าที่แขนของเขาแทน เขาต่อสู้กับมันจนสามารถล้มมันได้อีกคน จากนั้นก็หันมาบอกให้เธอช่วยเขามัดไอ้สองตัวนี้ไว้ก่อนที่มันจะได้สติ

              การีมเข้ามาช่วยพยุงเธอและพาเธอหนีด้วยความระมัดระวังจนกระทั่งหนีพ้นพวกมันมาได้ เขาพาเธอเดินมาไกลแค่ไหนก็ไม่อาจรู้ได้ รู้แต่ว่าร่างกายของเธอเหนื่อยล้าจนแทบจะยืนไม่อยู่ ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะก้าวเดิน แต่ก็ไม่ปริปากบ่นและเดินตามเขาต่อไปโดยไม่ลดละ การีมสังเกตเห็นอาการของหญิงสาวจึงได้เอ่ยถาม

              “ไหวไหมคุณ”

              “ไหวค่ะ”

              “ท่าทางคุณมันไม่ได้บอกแบบนั้น ดูเหมือนว่าคุณจะไปต่อไม่ไหว อดทนอีกนิดนะ อีกไม่นานเราก็จะถึงโอเอซิสแล้ว ถึงที่นั่นแล้วเราค่อยพัก”

              มุกปรินทร์กัดฟันอดทนเดินตามเขาไปโดยไม่หยุดพัก

              การีมพาเธอเดินทางบนดินแดนทะเลทรายที่เวิ้งว้างมาได้พักใหญ่ ตะวันก็เริ่มต่ำลง แสงแดดที่เคยแผดจ้าเริ่มคลายความร้อน หลังจากนั้นไม่นานมุกปรินทร์มองเห็นภาพความเขียวขจี ที่ปรากฏให้เห็นอยู่ลิบๆ มาแทนที่ภาพทะเลทรายสุดลูกหูลูกตาที่เธอเห็นก่อนหน้านี้

              ตอนแรกเธอนึกว่ามันเป็นภาพลวงตา จนกระทั่งการีมพาเธอไปสัมผัสและดื่มด่ำกับความเย็นของแอ่งน้ำใส ที่อยู่ใกล้กับแมกไม้นานาชนิดที่ขึ้นเรียงรายอยู่รอบบริเวณนั้น เพียงแค่มองภาพเหล่านั้นก็ทำให้มุกปรินทร์ลืมภาพความทุรกันดารบนดินแดนทะเลทรายที่ผ่านมาด้วยความยากลำบากไปจนหมดสิ้น

              เขาพาเธอไปนั่งบนโขดหินก้อนใหญ่ที่อยู่ด้านข้างแอ่งน้ำนั้น มุกปรินทร์เหลือบไปเห็นบาดแผลที่แขนของเขา

              “คุณได้รับบาดเจ็บ”

              “อย่าห่วงเลยผมไม่เป็นอะไรมากหรอก”

              “ให้ฉันทำแผลให้คุณนะคะ”

              การีมพยักหน้าแทนคำตอบ

              มุกปรินทร์สำรวจร่องรอยบาดแผลตามร่างกายของเขาอย่างเบามือ การต่อสู้อย่างดุเดือดกับชายฉกรรจ์พวกนั้นทำให้เขาได้รับบาดเจ็บหลายที่ รอยแผลตามใบหน้าและลำตัวที่เขาได้รับนั้นล้วนมาจากการต่อสู้แทบทั้งสิ้น แต่บาดแผลที่หนักหนาที่สุดดูเหมือนจะเป็นแผลจากคมมีดที่แขนของเขา

              “เลือดคุณไหลไม่หยุดเลย” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความวิตกกังวล

              “แผลแค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอก หนักกว่านี้ผมก็เคยเจอมาแล้ว ฉะนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วง”

              “แผลฉกรรจ์ขนาดนี้ยังบอกว่าไม่เป็นอะไรได้อีกเหรอคะ คุณรอฉันเดี๋ยวนะ”

              มุกปรินทร์เดินไปที่แอ่งน้ำใสสะอาดและนำผ้าเช็ดหน้าที่เธอชอบพกติดตัวมาชุบน้ำ เพื่อนำมาชำระล้างบาดแผลของเขา เธอใช้เวลาอยู่นานพอควรในการจัดการกับแผลตามร่างกายเขา ที่ยากที่สุดคือการพยายามห้ามเลือดจากบาดแผลที่ถูกฟัน หลังจากใช้ความพยายามอยู่พักใหญ่เธอก็ห้ามเลือดได้สำเร็จ หญิงสาวนำผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นไปซักจนสะอาดจากนั้นก็นำกลับมาพันบาดแผลที่แขนซ้ายของเขาเอาไว้

              การีมจ้องมองใบหน้าของหญิงสาวในระยะประชิด ขณะที่เธอกำลังบรรจงทำแผลให้เขา ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นหน้าเธอทั้งที่เพิ่งจะเคยพบกันเป็นครั้งแรก แต่สุดท้ายเขาก็นึกออกว่าเธอคือผู้หญิงที่เขาเคยช่วยเหลือไว้ตอนที่เธอกำลังจะถูกรถชน ก่อนที่เขาจะนำตัวเธอส่งโรงพยาบาลและจากมาโดยไม่บอกกล่าว

              “ขอโทษนะคะ” มุกปรินทร์เอ่ยขึ้นหลังจากทำแผลเสร็จ

              การีมเลิกคิ้วพร้อมกับเอ่ยถาม “สำหรับอะไร!

              “ที่คุณต้องบาดเจ็บเช่นนี้ก็เพราะฉันเป็นต้นเหตุ”

              “มันไม่ใช่ความผิดของคุณ”

              “ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่ฉันก็อดรู้สึกผิดต่อคุณไม่ได้อยู่ดี”

              “เรื่องมันผ่านไปแล้วคุณอย่าเก็บมาเป็นกังวลเลย อีกอย่างผมเองก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก แผลแค่นี้ไกลหัวใจนัก”

              “ขอบคุณนะคะที่มาช่วยชีวิตฉันไว้ ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากคุณ ฉันคงไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้”

              “ไม่เป็นไร ไม่ว่าใครที่เห็นเหตุการณ์นี้ก็ต้องเข้ามาช่วยเหลือคุณอยู่แล้ว”

              “ไม่เสมอไปหรอกค่ะ”

              “ทำไมคุณถึงโดนพวกมันตามล่า ไปมีปัญหาอะไรกับใครมาหรือเปล่า”

              “ฉันเดินทางมาที่นี่พร้อมกับคณะทัวร์ ขณะที่กำลังนั่งพักกันอยู่นั้นพวกมันก็ปรากฏตัวขึ้น เพื่อเข้ามาปล้นทรัพย์สินเงินทองและของมีค่า ทุกคนต่างก็วิ่งหนีเอาตัวรอดกันไปคนละทิศคนละทาง โชคดีที่ฉันรอดมาได้เพราะได้รับความช่วยเหลือจากคุณ และก็ไม่รู้ว่าคนอื่นจะโชคดีเหมือนฉันหรือเปล่า”

              “น่าแปลกที่คณะทัวร์ของคุณเลือกมาเส้นทางนี้ พวกเขาน่าจะรู้ว่ามันไม่ค่อยจะปลอดภัยสักเท่าไรนัก เพราะเคยมีคนถูกฆ่าชิงทรัพย์มาแล้ว แม้จะไม่บ่อยนักก็ตาม”

              “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เขาอาจจะเคยใช้เส้นทางนี้อยู่เป็นประจำ และที่ผ่านมาคงไม่มีปัญหาอะไรก็เลยเลือกใช้เส้นทางเดิม เพียงแต่ครั้งนี้โชคร้ายที่เราถูกดักปล้น”

              “ในดินแดนทะเลทรายคงไม่มีที่ไหนที่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุกที่ล้วนมีอันตรายที่แตกต่างกันออกไป”

              “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเดินทางมาที่นี่”

              “แย่หน่อยนะ เดินทางมาเที่ยวซามาร์ครั้งแรกคุณก็ต้องมาพบกับเหตุการณ์ระทึกขวัญแบบนี้”

              “ในสถานการณ์ที่เลวร้ายก็ยังมีเรื่องดีดีให้จดจำ” 
     


     

    อยากรู้กันไหมคะว่าอะไรคือสิ่งดีดีที่น่าจดจำที่มุกปรินทร์เอ่ยถึง

    พบกับคำตอบได้ในในตอนหน้าค่ะ คืนหวามในรอยทรายมีให้

    โหลดแล้วนะคะ สามารถไปจับจองเป็นเจ้าของกันได้ที่ MEB ตาม

    ลิ้งค์ด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ... 

    https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNDMzMzExIjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiNTgzOTkiO30


     

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×