ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มิติเร้นรัก Wonder wall

    ลำดับตอนที่ #4 : ฝันร้ายกลายเป็นดี (ุ60%)

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ค. 60


     
     
     
     
     
     
     

    พนักงานบางคนเริ่มจับกลุ่มคุยกันถึงเรื่องนี้ บ้างก็เดินไปรับซองเงินเดือนและเงินชดเชย ส่วนภวิษย์เลือกที่จะเดินกลับไปเก็บของที่โต๊ะทำงาน

     

    ให้ตายสิ! สิ่งที่เกิดขึ้นมันช่างเหมือนในฝันราวกับหนังม้วนเดียวกัน

     

    “พี่วิษย์รู้เรื่องนี้มาก่อนแล้วใช่ไหมครับ” ภาคินชะโงกหน้ามาถาม

     

    “ทำไมคินถึงคิดแบบนั้น”

     

    “ก็พี่ดูจะไม่แปลกใจและยังรับมือได้ดี ที่จู่ๆ พวกเราก็กลายสภาพมาเป็นคนตกงานแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวมาก่อน”

     

    ภวิษย์เหลือบสายตามองเพื่อนรุ่นน้องก่อนจะส่งยิ้มให้

     

    “พี่ก็รู้พร้อมๆ กับทุกคนนั่นแหละ”

     

    “จริงอ่ะ”

     

    “จริง” ภวิษย์ยืนยันหนักแน่น

     

    จะให้เขาบอกรุ่นน้องได้ยังไงว่าความฝันคือลางบอกเหตุ ที่ทำให้เขารู้ว่าทุกคนในบริษัทกำลังจะตกงาน พวกนั้นจะได้หาว่าเขาบ้าน่ะสิ

     

    ในที่สุดฝันร้ายก็กลายเป็นจริงจนได้

     

    “ไม่ต้องแปลกใจหรอกคินว่าทำไมพี่วิษย์เขาถึงไม่วิตกกังวล คนที่มีความสามารถอย่างพี่วิษย์ตกงานไม่นานหรอก ไปสมัครที่ไหนก็มีแต่คนอ้าแขนรับ และถึงจะตกงานพี่เขาก็ไม่เดือดร้อน อย่าลืมสิว่าพี่เขาเป็นเจ้าของสวนผลไม้”

     

    “เออจริง...จอยพูดถูก เราต่างหากที่เดือดร้อน คอนโดก็ต้องเช่า รถก็ยังต้องผ่อน”

     

    “คินยังดีที่โสด แต่จอยสิต้องเลี้ยงลูกอีกสองคนแล้วยิ่งมาตกงานแบบสายฟ้าแลบอย่างนี้ จะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าเทอมลูก ไม่แคล้วต้องเป็นหนี้บัตรเครดิตอีกแน่”

     

    “ก็เงินชดเชยที่ได้รับวันนี้ไง”

     

    “เงินนั่นต้องเก็บไว้กินใช้อย่างประหยัด เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้งานใหม่ ขืนเอามาใช้หมดแล้วยังไม่ได้งาน จะเอาอะไรกินกันล่ะ”

     

    “นั่นสิ...ใครจะสบายเท่าพี่วิษย์”

     

    “พี่ก็มีภาระต้องผ่อนคอนโดเหมือนกันนะ และสวนผลไม้นั่นก็เป็นของคุณตาคุณยายนะคินไม่ใช่ของพี่”

     

    “สุดท้ายแล้วสวนผลไม้นั้นก็ต้องตกเป็นของพี่วิษย์อยู่ดี หรือจะเถียง”

     

    “เฮ้อ! เราจะทำยังไงกันต่อดีล่ะทีนี้” จริยาเอ่ยถาม

     

    “จะทำอะไรได้นอกจากหางานใหม่”

     

    “แต่ผมว่าจะถือโอกาสนี้เอาเงินชดเชยที่ได้ไปเที่ยวพักผ่อนสมองก่อนสักพัก ถือเป็นการชาร์ตแบตให้ชีวิตแล้วค่อยมาลุยหางานใหม่”

     

    “เฮ้อ! น่าอิจฉาคนโสดจริงๆ” จริยาพูดเปรยๆ โดยไม่เฉพาะเจาะจงใคร

     

    “แต่ผมกลับอิจฉาคนที่มีครอบครัวที่อบอุ่นอย่างคุณนะจอย ไม่รู้ว่าเมื่อไรผมจะมีคนที่รู้ใจมาสร้างครอบครัวและมีลูกที่น่ารักเหมือนอย่างครอบครัวของคุณ”

     

    “เข้าตำราคนในอยากออก คนนอกอยากเข้าสินะ” ภวิษย์กล่าวพร้อมรอยยิ้ม

     

    “อย่ามัวแต่เถียงกันอยู่เลยค่ะ จอยว่าเรารีบไปรับซองเงินชดเชยกันดีกว่า”

     

    “พี่ขอเก็บของก่อนเดี๋ยวตามไป”

     

    หลังจากเก็บข้าวของเสร็จภวิษย์ก็เดินไปรับซองเงินชดเชยที่เขาควรได้รับที่ฝ่ายการเงิน แต่ยังไม่ทันที่จะเปิดซองดังกล่าว และยังไม่ทันคิดวางแผนว่าจะจัดการอย่างไรกับอนาคตของตัวเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังแทรกขึ้นมา

     

    “เบอร์ใคร!?” เขาเอ่ยก่อนกดรับสาย

     

    “ขอเรียนสายคุณภวิษย์ค่ะ”

     

    “พูดสายครับ”

     

    “เจนจิราจากวันเดอวอร์ค่ะ ทราบมาว่าคุณกำลังมองหางานใหม่”

     

    “คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”

     

    “มันไม่สำคัญหรอกค่ะว่าฉันรู้มาได้ยังไง เข้าประเด็นเลยดีกว่านะคะ บริษัทเราสนใจและอยากให้คุณมาร่วมงานกับเรา”

     

    “ถ้าไม่ตอบก็ไม่ต้องคุยกัน”

     

    “รู้มาจากบริษัทจัดหางานค่ะ”

     

    แปลกนะ! เขาจำได้ว่าไม่เคยไปสมัครงานไว้ที่เอเจนซี่ไหนเลยสักครั้ง แล้วเธอไปเอาเบอร์โทรติดต่อหรือสืบทราบประวัติของเขามาจากที่ไหน ทำไมถึงมีแต่เรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นกับเขาเสมอ แม้จะประหลาดใจแต่ก็ยังไม่วายเอ่ยถามเพื่อเก็บข้อมูล

     

    “โอเค...บริษัทคุณทำธุรกิจอะไร”

     

    “เราเป็นเจ้าของเว็บไซต์ที่รวบรวมและนำเสนอเรื่องราวแปลกๆ เรื่องเหลือเชื่อ หรือสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติ หน้าที่ของคุณคือการติดตามข้อมูลที่มีคนแจ้งเข้ามายังเว็บไซต์ จากนั้นก็ทำการคัดเลือกเรื่องที่น่าสนใจไปทำการตรวจสอบ และทำสกู๊ปเพื่อนำมาลงในเว็บไซต์ของเรา งานไม่ยากใช่ไหมคะ”

     

    “ขอชื่อเว็บไซต์ของคุณด้วยครับ”

      

    www.wonder wall.net ค่ะ เจ้าของเว็บไซต์นี้คือคุณราม ตรียะเพลา (อ่านว่าตะ-รี-ยะ-เพ-ลา) คุณรามอยากให้คุณมาร่วมงานกับเราจึงให้ดิฉันโทรมาทาบทามคุณ”

     

    “ทำไมต้องเป็นผม”

     

    “เพราะคุณมีคุณสมบัติที่เหมาะสมตรงกับความต้องการของเรา หวังว่าคุณจะสนใจมาร่วมงานกับเรานะคะ”

     

    “แล้วถ้าผมไม่สนใจล่ะครับ”

     

    “อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธสิคะ ลองฟังข้อเสนอของเราก่อน ถ้าคุณตัดสินใจมาทำงานกับเรา คุณรามยินดีที่จะจ่ายค่าตอบแทนให้คุณมากเท่าที่คุณต้องการ”

     

    “ถ้าผมเรียกเงินค่าตอบแทนเดือนละแสนห้าก็ได้สิใช่ไหม” ภวิษย์จงใจที่จะโต้ตอบกลับไปราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลก

     

    แต่มันเป็นตลกร้ายเพราะดันมาล้อเขาเล่นในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้

     

    “ได้ตามนั้นเลยค่ะ”

     

    คำตอบที่ดังมาตามสายนั้นทำให้ภวิษย์ถึงกับต้องย้อนถาม

     

    “ถามจริงๆ เถอะเจ้านายของคุณมันบ้าหรือคุณเพี้ยนกันแน่ถึงได้เอาเรื่องแบบนี้มาล้อผมเล่น ถ้าคุณมีเวลาว่างมากนักล่ะก็เอาเวลาไปดูแลเจ้านายจอมเพี้ยนของคุณเถอะ”

     

    ภวิษย์ไม่คิดว่าสิ่งที่เจนจิราพูดมาจะเป็นเรื่องจริง อะไรจะประจวบเหมาะขนาดนั้น พอตกงานปุ๊บก็มีคนมาเสนองานใหม่ในช่วงเวลานี้พอดี แถมยังให้เรียค่าตอบแทนได้ตามใจชอบ

             

    “นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ถ้าคุณไม่เชื่อก็ลองเข้าไปดูในเว็บไซต์ของเราได้ และถ้าคุณสนใจข้อเสนอก็เข้ามาเซ็นสัญญาที่บริษัทในวันพรุ่งนี้ ที่อยู่ของบริษัทมีระบุไว้ในเว็บไซต์ หวังว่าจะได้พบคุณในวันพรุ่งนี้นะคะ” พูดจบเจนจิราก็วางสายทันทีโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ปฏิเสธ

             

    ครีเอทีฟหนุ่มพยายามจะไม่ใส่ใจเรื่องที่คุยกับเจนจริรา และเลือกที่จะนำของใช้ส่วนตัวไปเก็บที่รถ ก่อนจะกลับเขาได้ร่ำลาเพื่อนที่ร่วมงานกันมาหลายปี จะว่าไปก็น่าใจหายอยู่เหมือนกัน เพราะบริษัทจี ทเวนตี้เป็นบริษัทที่เปิดโอกาสให้เขาได้เข้ามาฝึกงาน ก่อนที่จะเข้ามาทำงานในตำแหน่งครีเอทีฟหลังจากที่จบการศึกษา และทำมานานกว่าห้าปี เขาจึงรู้สึกผูกพันกับบริษัทแห่งนี้ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นบ้านหลังที่สองของเขา แต่งานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกรา

             

    เมื่อบริษัทต้องปิดตัวลง ทุกคนจึงต้องกลับไปดำเนินชีวิตในแบบของตัวเอง

     

             

    พิมพิกากลับมาที่ไอโวรี่ รีเวอร์ เรสซิเด้นซ์อีกครั้งในช่วงเย็น เธอแวะไปสอบถามที่สำนักงานคอนโดถึงกระเป๋าสตางค์ที่หายไป

             

    “ไม่ทราบว่ามีใครเก็บกระเป๋าสตางค์สีดำของพิมได้บ้างไหมคะ” เธอพูดเป็นกันเองกับคนที่ทำหน้าที่ดูแลสำนักงานคอนโด เพราะรู้จักคุ้นเคยและทักทายกันอยู่บ่อยครั้ง

             

    “ใช่ใบนี้ไหมคะคุณพิม” ปราณีพูดพร้อมยื่นกระเป๋าสตางค์ใบนั้นไปตรงหน้าหญิงสาว

            

    “ใช่ค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยเก็บไว้ให้ นึกว่าจะไม่ได้คืนซะละ”

             

    “เมื่อเช้ามีคนเก็บกระเป๋าสตางค์ของคุณได้ที่หน้าลิฟต์และนำมาฝากไว้ที่นี่ค่ะ”

             

    “ทราบไหมคะว่าเป็นใคร พิมอยากจะขอบคุณเขา”

             

    “เดินมาพอดีเลยค่ะ” ปราณีบอกกับพิมพิกาเมื่อเหลือบไปเห็นภวิษย์เดินผ่านประตูทางเข้าคอนโด จากนั้นก็ตะโกนเรียกชายหนุ่ม

             

    “คุณภวิษย์คะเชิญทางนี้สักครู่ค่ะ”

             

    พิมพิกาหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังเดินตรงมายังจุดที่เธอยืนอยู่ ใบหน้าคร้ามคมที่มีผมตรงไรหูและไรเคราบางๆ ประกอบกับคิ้วเข้มและจมูกโด่งเป็นสันทำให้หน้าของเขาดูโดดเด่น แม้จะสวมใส่เสื้อผ้าลำลองสบายๆ อย่างเสื้อยืดกางเกงยีน แต่ก็ดูเท่ไม่เบา

             

    “มีอะไรครับคุณณี” เขาเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม

             

    ปราณีมองไปทางพิมพิกา ภวิษย์หันไปตามสายตาของเธอ แล้วก็พบกับรอยยิ้มที่สดใสจากหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างตัว

             

    “พิมพิกาค่ะ เจ้าของกระเป๋าสตางค์ที่คุณเก็บได้เมื่อเช้านี้ ยินดีที่ได้รู้จักคุณ...” เธอเอ่ยแนะนำตัวเองพร้อมกับยื่นมือไปตรงหน้า

             

    “ภวิษย์ครับ” ชายหนุ่มแนะนำตัวเองและยื่นมือไปสัมผัสมือเรียวบางตรงหน้า

             

    “ขอบคุณที่ช่วยเก็บกระเป๋าสตางค์มาคืนให้ค่ะ”

             

    “ด้วยความยินดีครับ”

             

    แปลกมากที่เขารู้สึกคุ้นหน้าเธอเหมือนเคยพบกันมาก่อนทั้งที่เพิ่งจะเคยพบหน้ากัน

             

    “คุณพักที่นี่เหรอคะ”

             

    “ใช่ครับ ผมพักอยู่ชั้น 32”

             

    “ขอบคุณอีกครั้งสำหรับกระเป๋าค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”

             

    “เชิญครับ” ภวิษย์มองตามจนอีกฝ่ายเดินลับสายตาไป

               

    “สนใจเธอเหรอคะ เธอน่ารักดีนะคะ”

     

    คำถามของปราณีดึงสติของเขากลับคืนมา

     

    “ผมแค่รู้สึกคุ้นหน้าเธอ”

     

    “ไม่แปลกหรอกค่ะ เพราะคุณพิมพักอยู่ห้องตรงข้ามกับห้องของคุณ”

     

    “อยู่ห้องตรงข้ามผม!” เขาทวนคำด้วยความประหลาดใจ

     

    “ใช่ค่ะ คุณสองคนไม่เคยเจอกันเลยเหรอคะ”

     

    ภวิษย์ส่ายหน้าแทนคำตอบก่อนจะเอ่ยปากขอตัวกลับขึ้นห้องพัก

     

    “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ”

     

    ในค่ำคืนนั้นขณะที่ภวิษย์ยืนเหม่อมองสายน้ำและวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนจากห้องพัก เขาครุ่นคิดถึงงานใหม่ที่เจนจิราเสนอมา แม้จะบอกกับตัวเองว่าอย่าไปใส่ใจเรื่องดังกล่าว แต่ไม่รู้ทำไมเขาเลิกคิดเรื่องนี้ไม่ได้ซะที

     

    wonder wall” ชายหนุ่มพึมพำเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจค้นหาข้อมูลของเว็บไซต์นี้

     

    มือไวเท่าความคิดไม่นานเว็บไซต์ดังกล่าวก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า ภวิษย์ใช้เวลาในการสำรวจเว็บอยู่พักใหญ่ก็ได้ข้อสรุปว่าวันเดอวอร์เป็นเว็บไซต์ที่บันทึกและรวบรวมเรื่องราวแปลกๆ สิ่งมหัศจรรย์ ลึกลับ พิศวง หรือเรื่องเหนือธรรมชาติที่ยากจะพิสูจน์ และยากที่จะหาหลักฐานปรากฏขึ้นในประวัติศาสตร์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

     

    สิ่งหนึ่งที่ทำให้ชายหนุ่มค่อนข้างแปลกใจคือเว็บนี้มียอดสมาชิกนับแสนคน และมีคนคลิกเข้ามาชมเป็นล้านวิวทั้งที่เว็บไซต์เพิ่งเปิดตัวเมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมา

     

    “คนสมัยนี้หันมาสนใจสิ่งลี้ลับหรือเรื่องเหนือธรรมชาติมากขนาดนี้เลยเหรอ”

     

    ทันใดนั้นเองโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ภวิษย์เอื้อมหยิบโทรศัพท์มากดรับสาย “สวัสดีครับ”

     

    “สวัสดีคุณภวิษย์” น้ำเสียงห้วนสั้นดังมาตามสาย

     

    “คุณเป็นใคร มีธุระอะไรกับผม”

     

    “ผมราม ตรียะเพลา”

     

    “เจ้าของเว็บไซต์วันเดอวอร์”

     

    แม้จะได้ยินชื่อของเขาเพียงไม่กี่ครั้งแต่ภวิษย์กลับจดจำชื่อเจ้าของเว็บไซต์ได้อย่างแม่นยำ

             

    “ถูกต้อง เจนจิราคงบอกคุณแล้วว่าผมสนใจอยากให้คุณมาร่วมงานด้วย”

             

    “สรุปว่ามันคือเรื่องจริง”

             

    “ทำไมคุณถึงคิดว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่น” น้ำเสียงที่ตอบกลับมาฟังดูเยือกเย็น

             

    “คงไม่มีนายจ้างคนไหนเสียสติยื่นข้อเสนอที่จะจ่ายค่าตอบแทนให้ผมมากเท่าที่ผมต้องการ ทั้งที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน”

             

    “คุณอาจจะยังไม่รู้จักผม แต่ผมรู้จักตัวตนของคุณเป็นอย่างดี ถึงได้บอกว่าคุณมีคุณสมบัติตรงตามความต้องการของเรา”

             

    “หมายความว่าไงที่บอกว่ารู้จักผมเป็นอย่างดี แล้วคุณรู้จักตัวตนผมได้ยังไง”

             

    “ไม่สำคัญหรอกว่าผมรู้จักคุณได้อย่างไร และถ้าคุณอยากรู้จักตัวตนของผมคุณก็ต้องมาค้นหาคำตอบนั้นด้วยตัวเอง”

             

    “ด้วยการร่วมงานกับคุณ”

             

    “ใช่ รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวัง ผมยินดีจ่ายค่าตอบแทนเดือนละหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทตามที่คุณต้องการ พร้อมสวัสดิการต่างๆ และโบนัสประจำปี หวังว่าคุณคงไม่ปฏิเสธที่จะมาร่วมงานกับเรา”

             

    นี่ถ้าเป็นวันที่ 1 เมษายนเขาคงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องโกหก แต่ค่าตอบแทนที่จะได้รับสูงถึงเดือนละแสนห้าพร้อมสวัสดิการและโบนัสที่อีกฝ่ายเสนอมานั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่ควรปฏิเสธ ยิ่งในสภาวะตกงานแบบไร้อนาคตเช่นนี้ ภวิษย์แทบจะไม่ต้องคิดอะไรมาก

             

    นอกเหนือจากเหตุผลเรื่องค่าตอบแทนที่คุ้มค่าน่าสนใจแล้ว ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจรับงานนี้ เพราะเขาจะสืบหาว่าราม ตรียะเพลาเป็นคนเช่นไร ที่สำคัญผู้ชายคนนี้รู้เรื่องราวของตัวเขาได้อย่างไร

            

    “ตกลง...ผมจะรับงานนี้ แล้วผมต้องทำอะไรบ้าง”

             

    ในเว็บจะมีคนส่งข่าวแปลกๆ มาอยู่เสมอ หน้าที่ของคุณคือต้องวิเคราะห์ว่าควรจะนำเรื่องไหนมาทำสกู๊ป

             

    “ถ้าผมเลือกเรื่องไหนก็ต้องไปที่สถานที่แห่งนั้น เพื่อค้นหาคำตอบและนำมาเขียนเรื่องราวลงในเว็บไซต์”

             

    “ถูกต้อง คุณไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเพราะบริษัทจะเป็นคนออกให้คุณเอง ในเมื่อคุณตัดสินใจจะร่วมงานกับเรา พรุ่งนี้คุณก็มาเริ่มงานได้เลย ผมจะส่งที่อยู่บริษัทไปให้”

             

    “ไม่จำเป็น ผมดูจากเว็บไซต์ของคุณได้”

             

    “ยินดีต้อนรับสู่วันเดอวอร์” รามเอ่ยพร้อมเสียงหัวเราะแปลกๆ ก่อนจะวางสายไป

             

    “นี่เราบ้าหรือว่าเขาเพี้ยนกันแน่”

             

    ภวิษย์ได้แต่บอกตัวเองว่าลองดูสักตั้ง ถ้าไม่เวิร์คก็ค่อยหางานอื่นทำ

             

    หลังจากวางโทรศัพท์รามก็วางแฟ้มประวัติโดยละเอียดและรูปถ่ายหลากหลายอิริยาบทของภวิษย์ พิชญเดชา ลงบนโต๊ะทำงาน รอยยิ้มเยือกเย็นปรากฏบนใบหน้าของราม

              

     

    บางครั้งสิ่งต่างๆ ก็เป็นไปได้ด้วยดี บางครั้งก็ไม่ แล้วครั้งนี้ล่ะทุกอย่างจะเป็นไปอย่างที่พวกเขาหวังไว้หรือไม่!!

     

     

     



     

    มีใครชอบอ่านแนวนี้บ้างไหมคะ ไม่ได้แต่งเรื่องนี้ซะนาน 
    เพราะมีเรื่องอื่นมาคั่นทำให้วางเรื่องนี้ไว้ก่อน ถ้ามีคน
    อยากอ่านจะแต่งบทที่ 2 ออกมาให้ติดตามอ่านกันค่ะ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×