คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ฝันร้ายกลายเป็นดี (ุ60%)
พนักงานบางคนเริ่มจับกลุ่มคุยกันถึงเรื่องนี้ บ้างก็เดินไปรับซองเงินเดือนและเงินชดเชย ส่วนภวิษย์เลือกที่จะเดินกลับไปเก็บของที่โต๊ะทำงาน
ให้ตายสิ! สิ่งที่เกิดขึ้นมันช่างเหมือนในฝันราวกับหนังม้วนเดียวกัน
“พี่วิษย์รู้เรื่องนี้มาก่อนแล้วใช่ไหมครับ” ภาคินชะโงกหน้ามาถาม
“ทำไมคินถึงคิดแบบนั้น”
“ก็พี่ดูจะไม่แปลกใจและยังรับมือได้ดี ที่จู่ๆ พวกเราก็กลายสภาพมาเป็นคนตกงานแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวมาก่อน”
ภวิษย์เหลือบสายตามองเพื่อนรุ่นน้องก่อนจะส่งยิ้มให้
“พี่ก็รู้พร้อมๆ กับทุกคนนั่นแหละ”
“จริงอ่ะ”
“จริง” ภวิษย์ยืนยันหนักแน่น
จะให้เขาบอกรุ่นน้องได้ยังไงว่าความฝันคือลางบอกเหตุ ที่ทำให้เขารู้ว่าทุกคนในบริษัทกำลังจะตกงาน พวกนั้นจะได้หาว่าเขาบ้าน่ะสิ
ในที่สุดฝันร้ายก็กลายเป็นจริงจนได้
“ไม่ต้องแปลกใจหรอกคินว่าทำไมพี่วิษย์เขาถึงไม่วิตกกังวล คนที่มีความสามารถอย่างพี่วิษย์ตกงานไม่นานหรอก ไปสมัครที่ไหนก็มีแต่คนอ้าแขนรับ และถึงจะตกงานพี่เขาก็ไม่เดือดร้อน อย่าลืมสิว่าพี่เขาเป็นเจ้าของสวนผลไม้”
“เออจริง...จอยพูดถูก เราต่างหากที่เดือดร้อน คอนโดก็ต้องเช่า รถก็ยังต้องผ่อน”
“คินยังดีที่โสด แต่จอยสิต้องเลี้ยงลูกอีกสองคนแล้วยิ่งมาตกงานแบบสายฟ้าแลบอย่างนี้ จะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าเทอมลูก ไม่แคล้วต้องเป็นหนี้บัตรเครดิตอีกแน่”
“ก็เงินชดเชยที่ได้รับวันนี้ไง”
“เงินนั่นต้องเก็บไว้กินใช้อย่างประหยัด เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้งานใหม่ ขืนเอามาใช้หมดแล้วยังไม่ได้งาน จะเอาอะไรกินกันล่ะ”
“นั่นสิ...ใครจะสบายเท่าพี่วิษย์”
“พี่ก็มีภาระต้องผ่อนคอนโดเหมือนกันนะ และสวนผลไม้นั่นก็เป็นของคุณตาคุณยายนะคินไม่ใช่ของพี่”
“สุดท้ายแล้วสวนผลไม้นั้นก็ต้องตกเป็นของพี่วิษย์อยู่ดี หรือจะเถียง”
“เฮ้อ! เราจะทำยังไงกันต่อดีล่ะทีนี้” จริยาเอ่ยถาม
“จะทำอะไรได้นอกจากหางานใหม่”
“แต่ผมว่าจะถือโอกาสนี้เอาเงินชดเชยที่ได้ไปเที่ยวพักผ่อนสมองก่อนสักพัก ถือเป็นการชาร์ตแบตให้ชีวิตแล้วค่อยมาลุยหางานใหม่”
“เฮ้อ! น่าอิจฉาคนโสดจริงๆ” จริยาพูดเปรยๆ โดยไม่เฉพาะเจาะจงใคร
“แต่ผมกลับอิจฉาคนที่มีครอบครัวที่อบอุ่นอย่างคุณนะจอย ไม่รู้ว่าเมื่อไรผมจะมีคนที่รู้ใจมาสร้างครอบครัวและมีลูกที่น่ารักเหมือนอย่างครอบครัวของคุณ”
“เข้าตำราคนในอยากออก คนนอกอยากเข้าสินะ” ภวิษย์กล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“อย่ามัวแต่เถียงกันอยู่เลยค่ะ จอยว่าเรารีบไปรับซองเงินชดเชยกันดีกว่า”
“พี่ขอเก็บของก่อนเดี๋ยวตามไป”
หลังจากเก็บข้าวของเสร็จภวิษย์ก็เดินไปรับซองเงินชดเชยที่เขาควรได้รับที่ฝ่ายการเงิน แต่ยังไม่ทันที่จะเปิดซองดังกล่าว และยังไม่ทันคิดวางแผนว่าจะจัดการอย่างไรกับอนาคตของตัวเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังแทรกขึ้นมา
“เบอร์ใคร!?” เขาเอ่ยก่อนกดรับสาย
“ขอเรียนสายคุณภวิษย์ค่ะ”
“พูดสายครับ”
“เจนจิราจากวันเดอวอร์ค่ะ ทราบมาว่าคุณกำลังมองหางานใหม่”
“คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
“มันไม่สำคัญหรอกค่ะว่าฉันรู้มาได้ยังไง เข้าประเด็นเลยดีกว่านะคะ บริษัทเราสนใจและอยากให้คุณมาร่วมงานกับเรา”
“ถ้าไม่ตอบก็ไม่ต้องคุยกัน”
“รู้มาจากบริษัทจัดหางานค่ะ”
แปลกนะ! เขาจำได้ว่าไม่เคยไปสมัครงานไว้ที่เอเจนซี่ไหนเลยสักครั้ง แล้วเธอไปเอาเบอร์โทรติดต่อหรือสืบทราบประวัติของเขามาจากที่ไหน ทำไมถึงมีแต่เรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นกับเขาเสมอ แม้จะประหลาดใจแต่ก็ยังไม่วายเอ่ยถามเพื่อเก็บข้อมูล
“โอเค...บริษัทคุณทำธุรกิจอะไร”
“เราเป็นเจ้าของเว็บไซต์ที่รวบรวมและนำเสนอเรื่องราวแปลกๆ เรื่องเหลือเชื่อ หรือสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติ หน้าที่ของคุณคือการติดตามข้อมูลที่มีคนแจ้งเข้ามายังเว็บไซต์ จากนั้นก็ทำการคัดเลือกเรื่องที่น่าสนใจไปทำการตรวจสอบ และทำสกู๊ปเพื่อนำมาลงในเว็บไซต์ของเรา งานไม่ยากใช่ไหมคะ”
“ขอชื่อเว็บไซต์ของคุณด้วยครับ”
“www.wonder wall.net ค่ะ เจ้าของเว็บไซต์นี้คือคุณราม ตรียะเพลา (อ่านว่าตะ-รี-ยะ-เพ-ลา) คุณรามอยากให้คุณมาร่วมงานกับเราจึงให้ดิฉันโทรมาทาบทามคุณ”
“ทำไมต้องเป็นผม”
“เพราะคุณมีคุณสมบัติที่เหมาะสมตรงกับความต้องการของเรา หวังว่าคุณจะสนใจมาร่วมงานกับเรานะคะ”
“แล้วถ้าผมไม่สนใจล่ะครับ”
“อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธสิคะ ลองฟังข้อเสนอของเราก่อน ถ้าคุณตัดสินใจมาทำงานกับเรา คุณรามยินดีที่จะจ่ายค่าตอบแทนให้คุณมากเท่าที่คุณต้องการ”
“ถ้าผมเรียกเงินค่าตอบแทนเดือนละแสนห้าก็ได้สิใช่ไหม” ภวิษย์จงใจที่จะโต้ตอบกลับไปราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลก
แต่มันเป็นตลกร้ายเพราะดันมาล้อเขาเล่นในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้
“ได้ตามนั้นเลยค่ะ”
คำตอบที่ดังมาตามสายนั้นทำให้ภวิษย์ถึงกับต้องย้อนถาม
“ถามจริงๆ เถอะเจ้านายของคุณมันบ้าหรือคุณเพี้ยนกันแน่ถึงได้เอาเรื่องแบบนี้มาล้อผมเล่น ถ้าคุณมีเวลาว่างมากนักล่ะก็เอาเวลาไปดูแลเจ้านายจอมเพี้ยนของคุณเถอะ”
ภวิษย์ไม่คิดว่าสิ่งที่เจนจิราพูดมาจะเป็นเรื่องจริง อะไรจะประจวบเหมาะขนาดนั้น พอตกงานปุ๊บก็มีคนมาเสนองานใหม่ในช่วงเวลานี้พอดี แถมยังให้เรียค่าตอบแทนได้ตามใจชอบ
“นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ถ้าคุณไม่เชื่อก็ลองเข้าไปดูในเว็บไซต์ของเราได้ และถ้าคุณสนใจข้อเสนอก็เข้ามาเซ็นสัญญาที่บริษัทในวันพรุ่งนี้ ที่อยู่ของบริษัทมีระบุไว้ในเว็บไซต์ หวังว่าจะได้พบคุณในวันพรุ่งนี้นะคะ” พูดจบเจนจิราก็วางสายทันทีโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ปฏิเสธ
ครีเอทีฟหนุ่มพยายามจะไม่ใส่ใจเรื่องที่คุยกับเจนจริรา และเลือกที่จะนำของใช้ส่วนตัวไปเก็บที่รถ ก่อนจะกลับเขาได้ร่ำลาเพื่อนที่ร่วมงานกันมาหลายปี จะว่าไปก็น่าใจหายอยู่เหมือนกัน เพราะบริษัทจี ทเวนตี้เป็นบริษัทที่เปิดโอกาสให้เขาได้เข้ามาฝึกงาน ก่อนที่จะเข้ามาทำงานในตำแหน่งครีเอทีฟหลังจากที่จบการศึกษา และทำมานานกว่าห้าปี เขาจึงรู้สึกผูกพันกับบริษัทแห่งนี้ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นบ้านหลังที่สองของเขา แต่งานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกรา
เมื่อบริษัทต้องปิดตัวลง ทุกคนจึงต้องกลับไปดำเนินชีวิตในแบบของตัวเอง
พิมพิกากลับมาที่ไอโวรี่ รีเวอร์ เรสซิเด้นซ์อีกครั้งในช่วงเย็น เธอแวะไปสอบถามที่สำนักงานคอนโดถึงกระเป๋าสตางค์ที่หายไป
“ไม่ทราบว่ามีใครเก็บกระเป๋าสตางค์สีดำของพิมได้บ้างไหมคะ” เธอพูดเป็นกันเองกับคนที่ทำหน้าที่ดูแลสำนักงานคอนโด เพราะรู้จักคุ้นเคยและทักทายกันอยู่บ่อยครั้ง
“ใช่ใบนี้ไหมคะคุณพิม” ปราณีพูดพร้อมยื่นกระเป๋าสตางค์ใบนั้นไปตรงหน้าหญิงสาว
“ใช่ค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยเก็บไว้ให้ นึกว่าจะไม่ได้คืนซะละ”
“เมื่อเช้ามีคนเก็บกระเป๋าสตางค์ของคุณได้ที่หน้าลิฟต์และนำมาฝากไว้ที่นี่ค่ะ”
“ทราบไหมคะว่าเป็นใคร พิมอยากจะขอบคุณเขา”
“เดินมาพอดีเลยค่ะ” ปราณีบอกกับพิมพิกาเมื่อเหลือบไปเห็นภวิษย์เดินผ่านประตูทางเข้าคอนโด จากนั้นก็ตะโกนเรียกชายหนุ่ม
“คุณภวิษย์คะเชิญทางนี้สักครู่ค่ะ”
พิมพิกาหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังเดินตรงมายังจุดที่เธอยืนอยู่ ใบหน้าคร้ามคมที่มีผมตรงไรหูและไรเคราบางๆ ประกอบกับคิ้วเข้มและจมูกโด่งเป็นสันทำให้หน้าของเขาดูโดดเด่น แม้จะสวมใส่เสื้อผ้าลำลองสบายๆ อย่างเสื้อยืดกางเกงยีน แต่ก็ดูเท่ไม่เบา
“มีอะไรครับคุณณี” เขาเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
ปราณีมองไปทางพิมพิกา ภวิษย์หันไปตามสายตาของเธอ แล้วก็พบกับรอยยิ้มที่สดใสจากหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างตัว
“พิมพิกาค่ะ เจ้าของกระเป๋าสตางค์ที่คุณเก็บได้เมื่อเช้านี้ ยินดีที่ได้รู้จักคุณ...” เธอเอ่ยแนะนำตัวเองพร้อมกับยื่นมือไปตรงหน้า
“ภวิษย์ครับ” ชายหนุ่มแนะนำตัวเองและยื่นมือไปสัมผัสมือเรียวบางตรงหน้า
“ขอบคุณที่ช่วยเก็บกระเป๋าสตางค์มาคืนให้ค่ะ”
“ด้วยความยินดีครับ”
แปลกมากที่เขารู้สึกคุ้นหน้าเธอเหมือนเคยพบกันมาก่อนทั้งที่เพิ่งจะเคยพบหน้ากัน
“คุณพักที่นี่เหรอคะ”
“ใช่ครับ ผมพักอยู่ชั้น 32”
“ขอบคุณอีกครั้งสำหรับกระเป๋าค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
“เชิญครับ” ภวิษย์มองตามจนอีกฝ่ายเดินลับสายตาไป
“สนใจเธอเหรอคะ เธอน่ารักดีนะคะ”
คำถามของปราณีดึงสติของเขากลับคืนมา
“ผมแค่รู้สึกคุ้นหน้าเธอ”
“ไม่แปลกหรอกค่ะ เพราะคุณพิมพักอยู่ห้องตรงข้ามกับห้องของคุณ”
“อยู่ห้องตรงข้ามผม!” เขาทวนคำด้วยความประหลาดใจ
“ใช่ค่ะ คุณสองคนไม่เคยเจอกันเลยเหรอคะ”
ภวิษย์ส่ายหน้าแทนคำตอบก่อนจะเอ่ยปากขอตัวกลับขึ้นห้องพัก
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ”
ในค่ำคืนนั้นขณะที่ภวิษย์ยืนเหม่อมองสายน้ำและวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนจากห้องพัก เขาครุ่นคิดถึงงานใหม่ที่เจนจิราเสนอมา แม้จะบอกกับตัวเองว่าอย่าไปใส่ใจเรื่องดังกล่าว แต่ไม่รู้ทำไมเขาเลิกคิดเรื่องนี้ไม่ได้ซะที
“wonder wall” ชายหนุ่มพึมพำเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจค้นหาข้อมูลของเว็บไซต์นี้
มือไวเท่าความคิดไม่นานเว็บไซต์ดังกล่าวก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า ภวิษย์ใช้เวลาในการสำรวจเว็บอยู่พักใหญ่ก็ได้ข้อสรุปว่าวันเดอวอร์เป็นเว็บไซต์ที่บันทึกและรวบรวมเรื่องราวแปลกๆ สิ่งมหัศจรรย์ ลึกลับ พิศวง หรือเรื่องเหนือธรรมชาติที่ยากจะพิสูจน์ และยากที่จะหาหลักฐานปรากฏขึ้นในประวัติศาสตร์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ชายหนุ่มค่อนข้างแปลกใจคือเว็บนี้มียอดสมาชิกนับแสนคน และมีคนคลิกเข้ามาชมเป็นล้านวิวทั้งที่เว็บไซต์เพิ่งเปิดตัวเมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมา
“คนสมัยนี้หันมาสนใจสิ่งลี้ลับหรือเรื่องเหนือธรรมชาติมากขนาดนี้เลยเหรอ”
ทันใดนั้นเองโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ภวิษย์เอื้อมหยิบโทรศัพท์มากดรับสาย “สวัสดีครับ”
“สวัสดีคุณภวิษย์” น้ำเสียงห้วนสั้นดังมาตามสาย
“คุณเป็นใคร มีธุระอะไรกับผม”
“ผมราม ตรียะเพลา”
“เจ้าของเว็บไซต์วันเดอวอร์”
แม้จะได้ยินชื่อของเขาเพียงไม่กี่ครั้งแต่ภวิษย์กลับจดจำชื่อเจ้าของเว็บไซต์ได้อย่างแม่นยำ
“ถูกต้อง เจนจิราคงบอกคุณแล้วว่าผมสนใจอยากให้คุณมาร่วมงานด้วย”
“สรุปว่ามันคือเรื่องจริง”
“ทำไมคุณถึงคิดว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่น” น้ำเสียงที่ตอบกลับมาฟังดูเยือกเย็น
“คงไม่มีนายจ้างคนไหนเสียสติยื่นข้อเสนอที่จะจ่ายค่าตอบแทนให้ผมมากเท่าที่ผมต้องการ ทั้งที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน”
“คุณอาจจะยังไม่รู้จักผม แต่ผมรู้จักตัวตนของคุณเป็นอย่างดี ถึงได้บอกว่าคุณมีคุณสมบัติตรงตามความต้องการของเรา”
“หมายความว่าไงที่บอกว่ารู้จักผมเป็นอย่างดี แล้วคุณรู้จักตัวตนผมได้ยังไง”
“ไม่สำคัญหรอกว่าผมรู้จักคุณได้อย่างไร และถ้าคุณอยากรู้จักตัวตนของผมคุณก็ต้องมาค้นหาคำตอบนั้นด้วยตัวเอง”
“ด้วยการร่วมงานกับคุณ”
“ใช่ รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวัง ผมยินดีจ่ายค่าตอบแทนเดือนละหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทตามที่คุณต้องการ พร้อมสวัสดิการต่างๆ และโบนัสประจำปี หวังว่าคุณคงไม่ปฏิเสธที่จะมาร่วมงานกับเรา”
นี่ถ้าเป็นวันที่ 1 เมษายนเขาคงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องโกหก แต่ค่าตอบแทนที่จะได้รับสูงถึงเดือนละแสนห้าพร้อมสวัสดิการและโบนัสที่อีกฝ่ายเสนอมานั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่ควรปฏิเสธ ยิ่งในสภาวะตกงานแบบไร้อนาคตเช่นนี้ ภวิษย์แทบจะไม่ต้องคิดอะไรมาก
นอกเหนือจากเหตุผลเรื่องค่าตอบแทนที่คุ้มค่าน่าสนใจแล้ว ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจรับงานนี้ เพราะเขาจะสืบหาว่าราม ตรียะเพลาเป็นคนเช่นไร ที่สำคัญผู้ชายคนนี้รู้เรื่องราวของตัวเขาได้อย่างไร
“ตกลง...ผมจะรับงานนี้ แล้วผมต้องทำอะไรบ้าง”
“ในเว็บจะมีคนส่งข่าวแปลกๆ มาอยู่เสมอ หน้าที่ของคุณคือต้องวิเคราะห์ว่าควรจะนำเรื่องไหนมาทำสกู๊ป”
“ถ้าผมเลือกเรื่องไหนก็ต้องไปที่สถานที่แห่งนั้น เพื่อค้นหาคำตอบและนำมาเขียนเรื่องราวลงในเว็บไซต์”
“ถูกต้อง คุณไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเพราะบริษัทจะเป็นคนออกให้คุณเอง ในเมื่อคุณตัดสินใจจะร่วมงานกับเรา พรุ่งนี้คุณก็มาเริ่มงานได้เลย ผมจะส่งที่อยู่บริษัทไปให้”
“ไม่จำเป็น ผมดูจากเว็บไซต์ของคุณได้”
“ยินดีต้อนรับสู่วันเดอวอร์” รามเอ่ยพร้อมเสียงหัวเราะแปลกๆ ก่อนจะวางสายไป
“นี่เราบ้าหรือว่าเขาเพี้ยนกันแน่”
ภวิษย์ได้แต่บอกตัวเองว่าลองดูสักตั้ง ถ้าไม่เวิร์คก็ค่อยหางานอื่นทำ
หลังจากวางโทรศัพท์รามก็วางแฟ้มประวัติโดยละเอียดและรูปถ่ายหลากหลายอิริยาบทของภวิษย์ พิชญเดชา ลงบนโต๊ะทำงาน รอยยิ้มเยือกเย็นปรากฏบนใบหน้าของราม
บางครั้งสิ่งต่างๆ ก็เป็นไปได้ด้วยดี บางครั้งก็ไม่ แล้วครั้งนี้ล่ะทุกอย่างจะเป็นไปอย่างที่พวกเขาหวังไว้หรือไม่!!
มีใครชอบอ่านแนวนี้บ้างไหมคะ ไม่ได้แต่งเรื่องนี้ซะนาน
เพราะมีเรื่องอื่นมาคั่นทำให้วางเรื่องนี้ไว้ก่อน ถ้ามีคน
อยากอ่านจะแต่งบทที่ 2 ออกมาให้ติดตามอ่านกันค่ะ
ความคิดเห็น