คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : -Special - happy birthday bobby- 100%
เรื่องนี่สืบเนื่องมาจากคุณป๋านะคะ ( daddy & day dream ) ใครที่ยังไม่เคยอ่านแวะไปอ่านกันได้
คิมฮันบินกำลังจะเป็นบ้าอยู่ท่ามกลางกองหนังสือมากมายที่เรียงรายล้อมรอบเขาอยู่ตอนนี้
ข้างหน้าเขาคือคิมดงฮยอกที่นอนฟุบหน้าลงกับหนังสือในสภาพที่ย่ำแย่พอดู
ถัดไปเป็นจินฮวานที่ใส่แว่นตาเพื่อช่วยในการถนอมสายตากำลังทำบางอย่างกับโน๊ตบุ้คตัวเองอยู่
ถัดไปที่โต๊ะข้างๆก็เป็นมินโฮที่ช่วยแทฮยอนนั่งติวกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
ส่วนฮันบินก็กำลังจะหลับอยู่รอมล่อในเวลานี้
เหลือบตามองนาฬิกาที่ผนังของห้องสมุดก็เป็นเวลาตีหนึ่งกว่าๆความจริงเขาควรจะกลับคอนโดไปนอนบนเตียงอันแสนคุ้นเคยในเวลานี้
แต่ไม่ได้ ฮันบินทำแบบนั้นไม่ได้เพราะนี่คือ ฤดูกาลไฟนอล
ช่วงเวลาที่ทำให้เขาแทบเป็นแทบตายมาแล้ว
ครั้งนี้ฮันบินไม่อยากให้เป็นเหมือนตอนปีหนึ่งที่ยังไม่รู้อะไรอีก
เขาอยากให้มันผ่านไปด้วยดี
แล้วก็เป็นแบบนี้มาสี่ห้าวันแล้ว ถ้าจำไม่ผิด.. วันนี้น่าจะวันที่ 21
ธันวาคม
วันเกิดของจีวอน
ซึ่งเจ้าตัวก็บินไปทำงานไกลถึงที่อิตาลี
แถมยังไม่ได้คุยกันมาเกือบอาทิตย์จะได้แล้ว ความจริงฮันบินก็อยากจะโทรทางไกลไปอวยพรวันเกิดครบรอบยี่สิบปีให้คนรักของตัวเอง
แต่ตอนนี้แบตโทรศัพท์เขาก็หมดที่ชาร์จหรือแม้แต่แบตสำรองก็ไม่มีเลยทำให้ทำแบบนั้นไม่ได้
แค่คิดเอาไว้ว่ากลับคอนโดเมื่อไหร่คงจะรีบจัดการโดยไวที่สุดเหมือนกัน
ไม่ใช่อะไรมากหรอก
แค่คิดถึงไม่ใช่
แค่ก็ได้.. ความจริงก็คิดถึงมากๆ
แถมเขายังไปงอแงใส่จีวอนไว้เยอะมากมายตอนไปส่งจีวอนที่สนามบิน..
ช่วงนั้นก็นั่นแหละฮันบินทำโปรเจคแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนไม่ต่างกับในตอนนี้แต่ตอนนั้นจีวอนยังอยู่กับเขาคอยให้คำปรึกษาในฐานะรุ่นพี่ที่เคยผ่านอะไรมาได้ดีมากๆ
พอรู้ว่าจีวอนต้องไปทำงานเกือบอาทิตย์ก็ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยจะดี
ก็ตั้งแต่เป็นแฟนกันมาเคยห่างกันนานถึงวันซะที่ไหน
นี่ก็เป็นครั้งแรกเลยล่ะที่จีวอนรับงานถ่ายแบบตอนที่คบกันอยู่
มันโหวงแปลกๆ
นั่นเลยเป็นเหตุผลที่เขาไปงอแงใส่จีวอนที่สนามบินซึ่งตอนนั้นจีวอนบอกกับเขาว่าจะไม่ติดต่อมาถ้าเขายังไม่เลิกงอแง..
ถือว่าเป็นคำขู่ แล้วก็รู้ว่าตัวเองไม่ควรจะงี่เง่า
แต่
นั่นแหละ
คนที่สภาพอารมณ์ไม่ค่อยจะปกติเลยทำให้เขาโกรธมากถึงกับผลักเจ้าตัวเซถอยหลังไปแล้วเดินออกมาทันที
แล้วมันก็ลากยาวมาเป็นอาทิตย์แบบนี้ถ้าจำไม่ผิดคงจะเป็นพรุ่งนี้แล้วแหละที่จีวอนจะกลับเกาหลี
เขาน่ะหายงอนแล้ว หายงี่เง่าแล้ว ตั้งแต่เริ่มหันหลังเดินออกมา
แต่ก็กลัวจีวอนจะงอนเหมือนกันเพราะสิ่งที่ตัวเองทำลงไป
แถมยังถือว่าทำนิสัยเด็กน้อยใส่เจ้าตัวไปอีก
ไฟนอลเขาจะสอบวันสุดท้ายวันที่ 24 ตรงกับคริสมาสต์อีฟพอดี
บางทีเขาก็อาจจะมีเวลามาเซอร์ไพรส์จีวอนบ้าง เพราะการจะปลีกตัวไปรับเจ้าตัวที่สนามบินก็คงไม่มีเวลา
ดีไม่ดีก็อาจจะต้องไปอยู่หอดงฮยอกที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยมากกว่ากลับคอนโด
สอบเสร็จเมื่อไหร่
เขาคงจะหาวิธีง้อจีวอนบ้างแล้วล่ะ
และแล้ววันนี้ไฟนอลก็จบลง
ฮันบินกับกลุ่มเพื่อนถึงกับโห่ร้องออกมาอย่างสุดเสียงกับการสอบที่โหดเหลือเกินในปีนี้
เขาตกลงกับเพื่อนว่าจะไปฉลองเบาๆกันที่ร้านพี่ยุนฮยองที่ฮันบินเคยทำงาน
แล้วก็เพิ่งจะลาออกมาเมื่อประมานเดือนที่ผ่านมานี้เพราะไม่มีเวลาเพียงพอ
แถมพี่ยุนฮยองยังใจดีบอกฮันบินแวะมาที่ร้านได้ตลอด จะลดราคาค่าขนมให้
พอเข้าไปในร้านก็เจอกับยุนฮยองกับซูฮยอนทั้งสองคนยิ้มคอยต้อนรับฮันบินกับเพื่อนเป็นอย่างดี
แถมยังชวนคุยอย่างสนุกสนานตอนนี้เพิ่งจะบ่ายกว่าๆคนในร้านเลยไม่เยอะเท่าไหร่
“ฮันบินคิดถึงจริงๆเลย ไม่มาหาพี่บ้างเลยนะ”
ยุนฮยองรีบพูดกับเขาทันทีพร้อมวางเมนูให้กับเพื่อนๆภายในโต๊ะของเขา
สั่งเลยนะพี่ลดให้ราคาพิเศษ
พอยุนฮยองบอกแบบนั้นนั่นแหละ..
เสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นอีกครั้งทันที
“ไฟนอลน่ะครับ ไม่มีเวลาเลย”
ฮันบินรีบตอบกลับไปพร้อมยุนฮยองที่ยิ้มตอบกลับมาทันที
“อ่า...พี่เข้าใจนะ ไฟนอลนี่หนักหนาสาหัสจริงๆ
ขนาดพี่ผ่านมาแล้วยังจำขึ้นใจเลยล่ะ” แล้วยุนฮยองก็หัวเราะออกมา “บ๊อบบี้ล่ะ?
พี่ไม่เจอหมอนั่นตั้งแต่นายเลิกทำงานกับพี่เลยนะ
เห็นไหมหมอนั่นน่ะมาที่นี่เพราะหวังผลชัดๆ”
บ๊อบบี้..
ฮันบินชะงักด้วยความตกใจทันที ให้ตายเถอะเขาลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลยด้วย
แม้แต่วันเกิดของจีวอนเขาก็ลืมส่งข้อความไปอวยพรวันเกิดอย่างที่คิดไว้..
แถมเจ้าตัวยังไม่ยอมติดต่อเขากลับมาอีกทั้งๆที่น่าจะกลับมาแล้วแท้ๆ
“พี่จีวอนไปถ่ายงานที่อิตาลีน่ะครับ แต่น่าจะกลับมาแล้วนะ”
ฮันบินอึกอักอย่างไม่รู้จะตอบอะไรกลับไปดีได้แต่หมุนแหวนที่ใส่ติดตัวไว้ตลอดเวลาตั้งแต่ตัดสินใจคบกับจีวอนมา
“คือว่า.. ผมไม่ได้ติดต่อเขามาอาทิตย์หนึ่งแล้ว
มีเรื่องไม่เข้าใจกันนิดหน่อยครับ”
พอเขาตอบกลับไปก็ทำยุนฮยองน่าเจื่อนลงไปนิดๆถ้าเขาคิดไม่ผิด
ความจริงฮันบินก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน
ตอบแบบนี้ก็น่าจะเข้าที่เข้าทางที่สุดแล้วในความคิด
“เห้ย คือพี่ก็ไม่น่าถามเลยเนาะ”
ยุนฮยองตั้งท่าจะเอามือตบปากตัวเองที่ไม่พูดเรื่องไม่สมควรพูดแต่ก็โดนฮันบินห้ามไว้ก่อน
ยุนฮยองถึงยอมหยุดแล้วรีบบอกฮันบิน “ดีกันไวๆนะฮันบิน ”
แล้วยุนฮยองก็เดินเอาออเดอร์ไปส่งให้กับซูฮยอน
ตอนนี้ฮันบินได้แต่จมอยู่กับความรู้สึกของตัวเอง
เขาแค่รู้สึกว่าตัวเองไปฝ่ายทำให้จีวอนต้องงอนตัวเอง..
หรือบางทีอาจจะโกรธเลยด้วยซ้ำ
ฮันบินคิดเรื่องนี้จนหัวเสียไปหมดจนจินฮวานดงฮยอกแทฮยอนต้องถามว่าเขาเป็นอะไร
.. และแน่นอนเขาบอกกเพื่อนเขาไปทั้งหมดเพราะไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอยู่แล้ว
จนดงฮยอกรีบออกความเห็นให้ไปหาทางง้อจีวอนแล้วเรื่องฉลองตอนเย็นที่ตกลงกันไว้ว่านอกจากที่ร้านยุนฮยอง
อาจจะไปต่อกันที่ร้านเนื้อย่างต่ออีกในคืนนี้
“ไปง้อพี่จีวอนเถอะฮันบิน ฉันคิดว่านายผิดนิดหน่อยนะครั้งนี้”
จินฮวานก็ออกความเห็นไม่ได้ต่างกับดงฮยอก
ตามมาด้วยแทฮยอนที่ไม่ค่อยพูดอะไรก็ยังบอกเขาออกมาว่า
“ถ้าแฟนฉันลืมวันเกิดตัวเองไม่มีแม้แต่คำอวยพรก็คงจะงอนมากอยู่นะ”
นั่นแหละฮันบินเลยตัดสินใจลุกออกมาจากร้านยุนฮยองแล้วเดินไปรอรถที่ป้ายรถเมล์เพื่อทำจิตใจให้สงบสุขที่สุดในเวลานี้
บางทีสิ่งที่เขาจะทำอาจจะต้องใช้เวลานานหน่อย
แถมยังต้องถ่วงเวลาของจีวอนไม่ให้กลับบ้านก่อนเวลาอีก..
ในขณะที่สองขากำลังจะก้าวเดินออกไปเพื่อขึ้นรถที่ป้ายรถเมล์ สุดท้ายก็ต้องจำใจล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าแอพพลิเคชั่นตัวสีเขียวที่ใช้บ่อยๆแต่ไม่ใช่กับจีวอนเพราะส่วนใหญ่ก็จะโทรหากันมากกว่า
คิดอยู่นานว่าควรจะทักไปว่าอะไรสุดท้ายฮันบินก็ต้องทนความรู้สึกตัวเองแล้วพิมพ์ลงไปแบบที่ใจคิดจริงๆ
“คิดถึง”
รออยู่ไม่นานก็ขึ้นว่าอ่านแล้วแต่ไร้วี่แววการตอบกลับ
จนฮันบินต้องส่งกลับไปอีกที
“มาหาผมหน่อยได้ไหม”
“หรือให้ผมไปหาก็ได้”
“คิดถึงจริงๆนะ
สุดท้ายฮันบินก็ต้องใช้ความขี้อ้อนที่จีวอนบอกว่าชอบนักหนาเวลาที่เขาทำ
แต่เขาก็ไม่ค่อยจะทำบ่อยสักเท่าไหร่หรอก
“พี่จะไม่ตอบผมจริงๆหรอ
”
“จะร้องไห้แล้วนะ”
พอจบข้อความนั้น คนที่อ่านอย่างรวดเร็วแต่ไม่ยอมตอบกลับมาสักทีก็รีบตอบกลับมาทันที
“เด็กขี้แง "
"อย่าร้องไห้นะ ”
“มีประชุมเสร็จตอนทุ่มนึงรอที่ห้องนะครับเดี๋ยวพี่ไปหา ”
แล้วฮันบินก็น้ำตาไหลอย่างที่บอกจริงๆ
เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าจะคิดถึงจีวอนได้มากมายขนาดนี้ เขารีบปาดน้ำตาที่ตรงหางตาออกทันที อย่างน้อยจีวอนก็ไม่ได้โกรธเขาถึงขนาดที่จะไม่สนใจที่จะตอบกลับอย่างที่คิดตอนแรก
“ผมไปหาที่ห้องได้ไหมครับ”
“ขอนอนด้วยได้ไหมคืนนี้”
แล้วเขาก็แทบจะกลั้นหายใจเมื่อรอคำตอบจากจีวอน
“ได้เสมอ
เด็กดื้อ”
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คำตอบของจีวอนทำให้ฮันบินยิ้มไม่หุบจากที่ตอนแรกน้ำตาจะไหลอยู่รอมล่อที่โดนจีวอนเมินใส่แบบนี้
แต่ก็นั่นแหละ
ฮันบินยอมรับความผิดที่ตัวเองทำไว้
ความจริงเขาอาจจะต้องกลับไปเอารถที่คอนโดเพื่อจะได้ไปซื้อของมาเซอร์ไพรส์วันเกิดจีวอนอย่างสะดวกสบาย
เลยตัดสินใจเดินมาขึ้นรถเมล์สายประจำที่เคยขึ้นเมื่อนานมาแล้ว
เพราะตั้งแต่ที่คบกับจีวอนแทบจะไม่มีวันไหนเลยที่จีวอนจะยอมให้กลับเอง
นอกจากวันที่ไม่ว่างจริงๆเท่านั้น ยิ่งรถของตัวเองที่แทบจะไม่ได้ใช้ก็ยิ่งเหมือนโดนทิ้งไว้หนักกว่าเดิมอีก
อย่างน้อยวันนี้ฮันบินก็จะเอากลับมาใช้แล้ว
หลังจากคิดไว้หลายทีว่าจะเอากลับไปจอดไว้ที่บ้านแทน
พอมาถึงที่หมายปลายทาง ฮันบินรีบเปลี่ยนเสื้อใหม่พร้อมเสื้อโค้ทเรียบร้อยโดยไว
เพราะดูจากเวลาแล้วมันไม่น่าจะทันถ้าจีวอนกลับมาทันตอนทุ่มนึง
เหลือบมองนาฬิกามันก็สี่โมงนิดๆแล้ว
แล้วฮันบินก็รีบเดินไปที่ลูกรักที่ไม่ใช้มาเสียนาน
แล้วรีบขับรถไปทันที พร้อมโทรหาพี่ยุนฮยองว่ามีเค้กวันเกิดพร้อมทานบ้างไหม
โชคดีที่พี่ยุนฮยองบอกว่า มีลูกค้านัดจะมาเอาตอนหกโมงเย็นแต่ติดธุระ
จะมาเอาในวันพรุ่งนี้เช้าแทน ถือเป็นโชคดีของฮันบินที่ไม่ต้องไปหาเค้กที่ไหนกัน
แถมยังรสชาติอร่อยอย่างแน่นอนอีกด้วย
แล้วฮันบินก็มาจอดรถที่หน้าห้างสรรพสินค้าที่มักจะมาดูหนัง
หรือกินข้าวกันมากกว่าซื้อของ แต่วันนี้ฮันบินต้องมาซื้อของแทน
เลือกดูแต่ละโซนกว่าจะหาของที่ต้องการเจอก็แถบจะเหนื่อยเหมือนกัน
ส่วนใหญ่ของที่เขาจะซื้อก็คือพวกกระดาษสีริบบิ้นต่างๆ รวมถึงของตกแต่งห้องสำหรับวันคริสต์มาสที่จะถึงนี้ด้วย
พอซื้อของเสร็จฮันบินก็ต้องมาแวะซื้อของอีกเล็กน้อยที่ร้านประจำที่เคยมาซื้อของให้เพื่อนๆในกลุ่มบ่อยๆ
นั่นก็คือ ลูกโป่งสีสันสวยงามที่ฮันบินต้องการ ผูกติดไว้กับริบบิ้นสีสวย ถือมาแล้วปล่อยให้มันลอยอยู่ภายในรถ
แล้วที่สุดท้ายก็คือร้านพี่ยุนฮยอง
เพื่อจะเอาเค้กมาให้จีวอน ตอนแรกพี่ยุนฮยองบอกว่าจะไม่คิดเงินด้วยซ้ำแต่เขาขอร้องเอาไว้เพราะอยากทำให้เจ้าของวันเกิดจริงๆถึงยอม
สุดท้ายก็เดินออกมาพร้อมเค้กวันเกิดก้อนเล็กๆกับคัพเค้กน่ารักๆที่พี่ยุนฮยองให้ติดมือมาทานด้วย
พอขับรถมาถึงคอนโดจนขึ้นมาถึงห้องจีวอนก็กินเวลาไปเกือบจะหกโมงเย็นอยู่แล้ว
ฮันบินเดินขึ้นลิฟต์ในสภาพที่ย่ำแย่มากๆไหนจะของที่ซื้อมาจากห้างสรรพสินค้าจำนวนมาก
อีกมือก็เป็นเค้กที่ต้องเฝ้าถะนุถนอมเป็นพิเศษ
พร้อมด้วยลูกโป่งหลายลูกที่มัดมันไว้ด้วยกัน
สภาพดูไม่ได้จริงๆ
แล้วสุดท้ายเขาก็ขึ้นมาบนห้องจีวอนที่เจ้าตัวให้คีย์การ์ดเอาไว้ตอนแรกเขาปฎิเสธเพราะไม่เห็นถึงความจำเป็นเพราะเวลาที่เขาจะเข้าห้องจีวอนน่ะ
ยังไงก็มีเจ้าตัวอยู่ด้วยอยู่แล้วจะพกไว้ทำไมกัน
สุดท้ายจีวอนก็บอกด้วยประโยคที่ทำให้เขาแทบจะหัวเราะ
“ไม่กลัวพี่พาคนอื่นขึ้นคอนโดรึไง”
ฮันบินต้องกลั้นยิ้มสุดพลัง พูดมาได้
ก็ตั้งแต่รู้จักกันมาน่ะจีวอนเคยให้ใครขึ้นคอนโดตัวเองที่ไหน ไม่มีหรอก
“ผมจะกลัวทำไม
ผมไว้ใจพี่น่า”
ฮันบินรีบบอกทันที ทำให้คนตัวสูงรีบบอกจุดประสงค์เขาทันที
“ทีห้องนายยังมีคนอื่นเข้าออกบ่อยจะตายเลยนะ
ทำไมอะ พี่ก็อยากเข้าห้องนายได้บ้างนี่”
สุดท้ายจีวอนก็ทำเขายิ้มจริงๆ
เจ้าตัวคงจะไม่ค่อยชอบที่มีใครมาเข้าออกห้องเขาบ่อยๆเลยอยากได้คีย์การ์ดห้องเขาไว้ต่างหาก
เลยทำทีเอาของตัวเองมาให้แบบนี้
ก็ห้องเขาน่ะเวลาที่มีงานหรือโปรเจคอะไรก็มักเป็นที่สุมหัวกับเพื่อนอยู่ตลอด
แถมยังรกมากๆอีกในบางที
“พี่อยากได้คีย์การ์ดห้องผมก็บอกดีๆไม่ต้องมาอ้อมค้อมเลยนะ
“
“แน่ะ
รู้ทันพี่อีกเด็กร้ายกาจ”
เด็กอีกแล้วตั้งแต่คบกันมาจีวอนก็มันสรรหาสารพัดเด็กมาเรียกเขา
เด็กดื้อ
เด็กดี
เด็กบ๊อง
เด็กขี้แง
หรือแม้แต่
เด็กร้ายกาจที่จีวอนบอก
เขาไม่ได้ร้ายกาจสักหน่อยนะ!
“พี่เอาคีย์การ์ดห้องผมไปก็ได้นะ
แต่พี่ไม่ต้องเอาคีย์การ์ดห้องพี่มาให้ผมหรอก” ฮันบินพูดพร้อมเว้นวรรคไปช่วงนึง “ผมกลัวทำหายน่ะ
ก่อนจะเจอพี่ไม่กี่วันก็ทำหายไปโชคดีที่มีคนเก็บได้แล้วมาส่งคืนไม่งั่นแย่แน่ๆเลย”
“ไม่เอาหรอก
นายไม่อยากได้คีย์การ์ดห้องแฟนไว้ทำเซอร์ไพรส์บ้างหรอ พี่เห็นคนอื่นเขาทำกันน่ะ”
“
นี่พี่กำลังหวังผลประโยชน์อยู่ใช่ไหม จะไม่ยอมขาดทุนเลยสินะ”
“เปล่าสักหน่อย
ความจริงน่ะอยากให้ไว้เฉยๆแต่นายไม่ยอมเอานี่นา พี่เลยต้องพูดอย่างงี้ไง”
จีวอนพูดพร้อมเว้นวรรคไปนิดนึง “เซอร์ไพรส์อะไรไม่เอาหรอก
เอานายติดริบบิ้นแล้วมากอดแน่นๆแค่นั้นก็พอแล้ว”
หลังจากนั้นจีวอนก็ดึงเขาเข้ามากอดเอาไว้แน่นๆอย่างที่บอกจริงๆ
พอฮันบินนึกถึงอดีตที่ผ่านมาเมื่อไม่นานเท่าไหร่นี้ก็ทำให้ยิ้มออกมา
มันถือเป็นความเป็นไปของเจ้าคีย์การ์ดในมือของเขาตอนนี้แหละ
พอเปิดเข้าไปในห้องจีวอนก็เจอกับห้องที่ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นแต่เน้นโทนสีดำ
ที่ฮันบินก็คิดว่าเหมาะกับเจ้าตัวดีเหมือนกัน เป็นห้องที่ถูกตกแต่งอย่างลงตัวถึงสีที่ใช้จะเป็นสีดำแต่ไม่ได้ทำให้ดูอึดอัดเลยสักนิด
ส่วนห้องเขาน่ะ
เข้ามาอยู่ยังไงสภาพไหนก็ยังคงเป็นสภาพนั้นไม่มีเปลี่ยนแปลง
ช่างแตกต่างกันจริงๆแต่มันก็ไม่ได้แตกต่างมากขนาดนั้น
มันไม่ได้ถึงขนาดว่าแตกต่างแต่ลงตัวเหมือนที่คนอื่นชอบนึกถึงกันบ่อยๆ
แต่สำหรับเขาสองคนมันมีอะไรที่แตกต่างแต่เราก็เข้ากันได้ดี
มันอาจจะเป็นเพราะค่อยๆกลับตัวเข้าหากันเรื่อยๆอะไรแบบนี้
เลยทำให้ทั้งสองคนเข้ากันได้
เขาไม่ค่อยจะทะเลาะกับจีวอนอะไรมากมายนัก
ส่วนใหญ่งอนกันเป็นเด็กๆมากกว่า
แค่อยากถามว่าคิดว่าใครขี้งอนที่สุดกันระหว่างเขาทั้งสอง
อยากจะตอบตรงนี้เลยว่า จีวอนน่ะขี้งอนสุดๆ
แต่เขาก็คิดแหละว่ามันก็เป็นมุมน่ารักๆแบบนึงที่จีวอนมี
แล้วคนอื่นก็ไม่มีสิทธิที่จะได้เห็นมันได้ง่ายๆ
มุมอบอุ่นเวลาที่อยู่กับหลานๆ
มุมสบายๆเวลาอยู่กับเพื่อนๆ
(เพื่อนในที่นี้นอกจากพี่ยุนฮยองก็ยังมีคนอื่นอีกที่จีวอนเคยพามาให้รู้จักบ้าง
บังเอิญเจอบ้างอีกหลายคน)
มุมที่ออกจะเหมือนรุ่นพี่นิ่งๆอย่างเวลาเจอเขากับเพื่อน
คอยเป็นคนสอนแล้วก็ให้คำแนะนำต่างๆกับเขาแล้วก็เพื่อนได้ดีทีเดียว
แล้วก็อีกหลายๆมุมที่คนอื่นได้เห็นบ๊อบบี้..
แต่มุมที่จีวอนอยู่กับเขา คือสิ่งที่จีวอนเป็น
สลับคราบต่างๆของบ๊อบบี้ออกไปจนหมดสิ้น
นั่นแหละสิ่งที่เขาชอบที่สุดของจีวอน
พอเหลือบมองนาฬิกาก็เป็นเวลาใกล้จะหกโมงอยู่แล้วนั่นทำให้ฮันบินต้องเร่งมืออย่างด่วนที่สุด
เค้กถูกนำไปเก็บไว้ในตู้เย็นที่เปิดออกมาก็แทบจะไม่เจออะไรนอกจากน้ำเปล่าไม่กี่ขวด
อาจเป็นเพราะช่วงที่ผ่านมาจีวอนไม่ได้อยู่คอนโดนั่นแหละ
แล้วเขาก็รีบจัดแจงนำริบบิ้นสีต่างๆมาติดรอบๆห้องไม่ให้รกจนเกินไป
พอเริ่มจัดการในห้องนั่งเล่นเสร็จแล้วฮัรบินก็เปิดเข้าไปในห้องนอน
ภายในห้องก็ยังคงเรียบร้อยอยู่เช่นเคย
ฮันบินจัดแจงลากลูกโป่งที่ตอนแรกตัวเองปล่อยไว้ข้างนอกห้องนอนเข้ามาอยู่ในห้องนอนพร้อมทั้งนำมาติดกับรูปโพรารอยด์ต่างๆที่เขาถ่ายเก็บเอาไว้
รูปแรก ฮันบินจำมันได้ดีมากๆ
เป็นรูปที่วันแรกที่เขาได้เจอคุณป๋าของเด็กๆอย่างโซออนกับโซอึนที่ร้านของพี่ยุน
ตอนนั้นฮันบินจำได้ว่าตัวเองต้องต่อต้านความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของตัวเองอย่างหนักหนามากๆเพื่อที่จะเก็บรูปนี้มา
รูปที่สอง
รูปแก้วกาแฟที่เขาจำได้ว่าชงให้จีวอนเป็นแก้วแรก
ก็อยู่ดีๆเจ้าตัวก็มาเคาะเรียกเขาเอาหน้าห้องถัดจากวันที่มาส่งเขาได้เพียงวันเดียว
ก็จากที่ตกใจก็เปลี่ยนมากุลีกุจอรีบเชิญชวนจีวอนเข้ามาในห้อง แล้วก็เสนอเครื่องดื่มอย่างปกตินั่นแหละ
จีวอนบอกว่ายังเช้าเลยอยากดื่มกาแฟ เขาเลยชงให้จากการมีความรู้มาบ้างจากซูฮยอน
แล้วก็นั่นแหละเขาแอบถ่ายเก็บไว้จากกล่องในโทรศัพท์แล้วค่อยมาจัดการปริ้นท์เป็นภาพโพรารอยด์ภายหลัง
รูปที่สามแหวน
ฮันบินถ่ายมันหลังจากกลับจากห้องหลังจากที่ตกลงที่จะคบกัน
มันมีความหมายสำหรับเขามากจริงๆถึงขนาดใส่ติดตัวตลอดเพราะจีวอนเองก็ขอเอาไว้
เจ้าตัวเองก็ใส่ติดตัวไว้ตลอดเหมือนกัน แต่เขาก็อยากบอกจีวอนเหมือนกันว่าต่อให้ไม่บอกเขาก็จะใส่มันติดตัวอยู่ดี
ก็เจ้าของที่ให้มาน่ารักขนาดนี้จะไม่ใส่ได้ยังไงกัน แล้วอีกอย่างที่มันสำคัญ..
วันที่ถ่ายรูปนี้ก็เป็น first kiss ของเขาทั้งสอง
ก็พอเขาตอบตกลงจีวอนก็ดึงเขามากอดทันทีแถมยังฟัดแก้มซ้ายขวาจนแถบจะช้ำไปหมด
แต่เขาก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร จนมันมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากเขานั่นแหละ
ถึงได้เรียกร้องให้หยุดเพราะมันแทบจะหมดลมหายใจอยู่แล้ว
พอนึกถึงวันนั้นก็ทำให้หน้าร้อนๆเหมือนกันแหะ
รูปที่สี่ รูปคู่รูปแรก
ฮันบินจำวันเวลาของมันไม่ได้แน่นอนสักเท่าไหร่หรอกมันน่าจะเป็นวันใดวันนึงในห้องของเขาที่เขาทั้งสองคนไม่มีอะไรทำเลยตัดสินใจเช่าหนังมานอนดูโง่ๆภายในห้องตัวเองกับจีวอนมันเป็นหนังอะไรสักเรื่องที่ฮันบินเองก็จำไม่ได้
เพียงแต่ว่าอยู่ดีๆเขาก็อยากถ่ายรูปคู่กับจีวอนเพราะไม่เคยมีรูปคู่ด้วยกันเลย
เขาเลยเดินไปหยิบกล้องที่อยู่ในห้องนอนออกมาพอบอกกับจีวอนก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
โดยการกวักมือเรียกเขาให้ไปอยู่ภายใต้ผ้าห่มหนานุ่มที่เจ้าตัวกับเขาใช้มันห่มด้วยกันเมื่อตอนดูหนังที่ผ่านมานี้
พอจัดแจงได้ที่กันเรียบร้อยจีวอนเป็นคนเริ่มบอกว่าอยากจะถ่ายเองฮันบินก็ไม่ขัดขืนเขาจะไม่เถียงช่างภาพมือโปรได้ยังไงกัน
จังหวะที่จะถ่ายมืออีกข้างของจีวอนก็เอื้อมมาโอบเอวเขาไว้ทันทีพร้อมใบหน้าที่แนบชิดมากขึ้น
รวมถึงริมฝีปากที่แปะลงบนข้างแก้มของเขาอย่างตั้งใจ ตอนนั้นเขาตกใจจนหน้าเหวอจีวอนก็ยังคงรัวชัตเตอร์ลงไปไม่หยุดติดๆกัน
จนได้มาสี่ห้ารูปแล้วก็มานั่งเลือกกัน จำได้ว่าตอนเลือกรูปน่ะเขินกว่าตอนถ่ายตั้งสิบยี่สิบเท่า
หรือบางทีอาจจะเป็นร้อยเท่าเลยด้วยซ้ำ ก็จีวอนน่ะเอาแต่บอกว่า
รูปนี้เขาทำท่านี้น่ารักดีนะ ดูดิหน้าเหวอยังน่ารักเลย เด็กบ๊องเอ้ย
แล้วก็อะไรอีกสารพัด
จนเขาทนเลือกไม่ไหวต้องทำเป็นไม่สนใจแล้วบอกให้จีวอนหุบปากแล้วเลือกรูปไปเลย
ก็มันเขินนี่จะให้ทำไง
รูปที่ห้าเดทแรกรึเปล่านี่เขาก็ไม่ใจเพราะว่าการเดทกันสำหรับเขากับจีวอนไม่เหมือนใครสักเท่าไหร่
เรากินข้าวไปไหนมาไหนด้วยกันจนมันกลายเป็นเรื่องปกติระหว่างเขาทั้งสอง
ยกเว้นก็แต่วันนั้นที่เขาบ่นว่าอยากกินอาหารทะเล หลังจากนั้นก็อย่าถามเลยว่าเกิดอะไรขึ้นรู้ตัวอีกทีก็มาโผล่เอาที่ปูซานเมืองชายฝั่งที่สำคัญเอาเสียแล้ว
เขาจำได้ว่าตัวเองดีใจมากแค่ไหนที่จีวอนพาตัวเองมาไกลเสียขนาดนี้
เลยรีบสั่งอาหารเสียยกใหญ่เลือกเอาแต่เมนูซีฟู๊ดที่แนะนำของที่ร้านทั้งนั้น
จนเขาถามว่าจีวอนต้องการอะไร เจ้าตัวก็แค่ยิ้มๆแล้วบอกว่าขอข้าวผัดกิมจิก็เกินพอ
ตอนแรกเขาก็คิดว่าจีวอนคงคิดว่าเขาสั่งมาเยอะแล้วเลยไม่จำเป็นต้องสั่งเพิ่มอีก
จนมารู้เอาตอนที่อาหารจานแรกมาเสิร์ฟ
เขาก็ตั้งใจจะคีบเอากุ้งผัดเนยตัวโตป้อนเจ้าตัว
แต่จีวอนกลับบอกว่าตัวเองแพ้อาหารทะเล กินไม่ได้ หลังจากนั้นเขาก็โวยวายเสียยกใหญ่เพราะจีวอนไม่เคยบอก
แถมยังพาเขามาไกลถึงที่นี่ทั้งๆที่ตัวเองก็กินไม่ได้
จนสุดท้ายเขาก็เรียกบริกรที่คอยบริการมาขอยกเลือกอาหารจากทั้งหมดหกอย่างให้เหลือเพียงแค่สามอย่าง
เพราะความอยากอาหารก็ลดลงไปมากหลังจากรู้ว่าจีวอนกินไม่ได้
เลยสั่งเมนูอื่นที่จีวอนกินได้มาแทน
ความจริงจีวอนก็บอกว่าไม่เป็นไรแค่อยากพาเขามากินเท่านั้นเอง
แต่ไม่เอาหรอกสำหรับเขาน่ะกินอะไรกับจีวอนก็มีความสุขก็อร่อยทั้งนั้นแหละ
ความจริงก็น้อยใจอยู่หน่อยๆที่เจ้าตัวไม่ยอมบอก
แค่ใจก็พองโตเมื่อคิดได้ว่าจีวอนเอาใจใส่ตัวเองมากมายขนาดไหน ก่อนจะกลับโซลเลยตัดสินใจมาเดินเล่นย่อยอาหารกันที่ชายหาด
แล้วก็ตัดสินใจถ่ายรูปเก็บเอาไว้โดยที่ครั้งนี้ไม่ใช่ริมฝีปากของจีวอนที่ฝังลงบนแก้มของเขา
แต่กลายเป็นริมฝีปากของเขาที่ฝังลงบนแก้มของจีวอนแทน
ก็ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับคนเก่งที่ขับรถพาเขามาตั้งไกลแล้วกัน
รูปที่หกรูปที่เขาแอบถ่ายจีวอนที่สนามบินก่อนจะเกิดเรื่องงอนกันเพิ่งผ่านมาไม่นานมานี้เป็นครั้งแรกที่ต้องห่างกันไกลขนาดนี้
มันโหวงมากๆแถมตัวเขาเองยังงี่เง่าอีก สุดท้ายก็จบลงที่การไม่ได้คุยกันเป็นอาทิตย์
บอกได้เลยว่าตอนนี้คิดถึงมากๆ
มากจนไม่รู้จะอธิบายยังไง
มาถึงรูปที่เจ็ดถือเป็นรูปสุดท้ายฮันบินตัดสินใจเดินไปหยิบกล้องตัวเองมาถือไว้พร้อมกับหยิบเอาริบบิ้นมาผูกข้อมือของตัวเองไว้
ก็จีวอนเคยบอกไว้นี่นาว่าถ้าเอาเขามาติดริบบิ้นมากอดไว้แล้วก็กอดแน่นๆก็พอแล้ว
รูปสุดท้ายก็กลายมาเป็นเขาเองนี่แหละ
ของขวัญวันเกิดปีนี้ของคิมจีวอน
คอยดูนะถ้ากอดไม่แน่นพอล่ะน่าดูแน่ๆ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากจัดการกับลูกโป่งเสร็จ
ฮันบินก็มาจัดการกับต้นคริสมาสต์ต้นเล็กๆที่ซื้อมา
มันเป็นพลาสติกที่แยกชิ้นเอาไว้แล้วมาต่อเองได้
ฮันบินใช้เวลาไปกว่ายี่สิบนาทีสำหรับมันรวมตกแต่งอะไรอีกก็คงเลยสามสิบนาทีด้วยซ้ำ
แล้วทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยฮันบินมองดูมันด้วยรอยยิ้มพอมองนาฬิกาที่ข้อมือก็คือเวลาห้าโมงห้าสิบสาม ถือว่าทันเวลาอย่างฉิวเฉียดเลย
แต่จีวอนคงจะมาหลังจากนั้นสักพักฮันบินเลยเก็บข้าวของทุกอย่างให้เรียบร้อยจนสุดท้ายก็มาล้มตัวลงนอนบนโซฟาเพราะรู้สึกเหนื่อยมากเขาไม่เคยต้องมาเร่งทำอะไรแบบนี้เป็นเวลาสั้นๆขนาดนี้
เรียกได้ว่าไม่เคยทำแบบนี้เลยดีกว่า
ไม่รู้ว่าตัวเองล้มตัวลงนอนพักไปนานเท่าไหน
รู้แค่ว่าตื่นมาอีกทีก็ปาไปสามทุ่มแล้ว
ฮันบินเด้งตัวออกจากโซฟาอย่างรวดเร็วนี่ตัวเองเผลอหลับไปได้นานขนาดนี้ได้ยังไงกัน
แต่อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ฮันบินรู้สึกไม่ดีคือจีวอนยังไม่กลับมา..
ไม่มีข้อความ สายโทรเข้า
หรือแม้แต่ในไลน์ก็ไม่มี
มันทำให้ฮันบินรู้สึกแปลกๆจนแทบร้องไห้ออกมา
จีวอนไม่เคยผิดนัด
อาจจะมีบ้างที่มาสายไปเพราะติดงานจริงๆก็จะมีข้อความ
หรือสายโทรเข้ามาบอกเขาตลอด
แต่ครั้งนี้ไม่มี
สุดท้ายก็ได้แต่นั่งมองไปรอบๆห้องที่ตัวเองได้ทำเอาไว้
มันอาจจะไม่ได้สวยหรู หรือน่ารักอะไรมากมายแบบที่คนอื่นทำ
แต่สำหรับฮันบินแล้วมันก็เกินความคาดหมายของตัวเองอยู่หน่อย
ที่สามารถมานั่งทำอะไรแบบนี้ได้
แต่ฮันบินก็รู้เหตุผลดี
จีวอนสำคัญกับเขามาก
สำคัญถึงขนาดที่ทำให้ฮันบินร้องไห้ได้ในตอนนี้
ความน้อยใจมันแล่นมาจุกอยู่ที่อกจนน้ำตามันไหลออกมาเงียบ ๆ
สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหวจัดการเดินออกจากห้องไปพร้อมต่อสายหากลุ่มเพื่อนที่คงจะอยู่ที่ร้านเนื้อย่างเจ้าประจำของกลุ่ม
“ฮัลโหล ว่าไงฮันบิน”
เสียงดงฮยอกที่ดังกลับมาทำให้ฮันบินรีบพยายามทำน้ำเสียงให้ปกติที่สุด
บอกตามตรงว่าตัวเขาเองก็ไม่อยากจะดูอ่อนแอในสายตาของใครหรอก
“ยังอยู่ที่ร้านอยู่ไหม เดี๋ยวแวะไปหานะ” ฮันบินรีบตอบกลับไปทันทีพร้อมกดลิฟต์ลงไปที่ชั้นล่างสุด
เพราะฟังจากเสียงที่รอดผ่านสายมาแล้วก็คงเดาได้ไม่อยาก
“ยังอยู่นะ อยู่กันครบเลยด้วย แล้วก็พี่ยุนฮยองด้วย “
“หืม? พี่ยุนฮยองหรอ”
เขารีบตอบกลับไปด้วยความสงสัยทันทีว่าพี่ยุนฮยองจะมาโผล่อยู่กับกลุ่มเพื่อนๆเขาได้ยังไง
“คือพี่เขาแวะมาหาเพื่อนน่ะ แล้วเจอพวกฉันพอดีก็เลยอาสาขอเลี้ยง”
ดงฮยอกว่าพร้อมเว้นวรรคไปนิดนึงพร้อมบอกต่อว่า “แน่นอนพวกฉันไม่ปฏิเสธ”
แล้วก็ตามมาด้วยเสียหัวเราะของตัวเอง กับ
ดงฮยอกที่ประสานเสียงกันออกมา
“เดี๋ยวไปหานะ รอหน่อย”
อ้าว แล้วพี่บ็อบบี้ล่ะฮันบิน“
ดงฮยอกรีบตอบมาด้วยเสียงที่แสดงความสงสัยทันที
“คือเดี๋ยวเจอกันแล้วเล่าให้ฟังนะ เดี๋ยวรีบไปหา“ แล้วฮันบินก็รีบตัดสายทันที
น้ำตาเขาน่ะหยุดไหลมานานแล้วแต่ความรู้สึกที่มันอยู่ในใจนี่แหละที่มันคงจะบรรยายไม่ได้
มันเป็นความรู้สึกที่เขาเองก็บรรยายมันออกมาไม่ถูก
มันรู้สึกไม่ดี นั่นแหละสิ่งที่เขารู้
จีวอนยังคงเป็นคนเดียวที่ทำให้ฮันบินมีความรู้สึกที่หลากหลายแล้วก็มากมายจนบรรยายไม่ถูก
มากจนบางทีก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเลยด้วยซ้ำไป
สุดท้ายตัวเองก็ตัดสินใจโบกแท็กซี่เพื่อไปหาเพื่อนที่ร้านประจำ
เมื่อไปถึงร้านเขาก็เจอเพื่อนตัวดีของตัวเองพร้อมกับพี่ยุนฮยองที่นั่งอยู่ตรงฝั่งซ้ายข้างๆกับดงฮยอก
“ฮันบิน” เสียงจินฮวานที่เรียกเขาเอาไว้
ตามด้วยเสียงคนอื่นๆที่รีบส่งเมนูพร้อมบอกให้เขารีบสั่งเพราะเพิ่งกินกันไปไม่นานเท่าไหร่
ฮันบินเลยตัดสินใจไม่สั่งแล้วบอกให้เพื่อนสั่งกันแทนเพราะรู้สึกกินอะไรไม่ค่อยลง
ยุนฮยองมาไงครับเนี่ย” ฮันบินถามด้วยความสงสัยทันทีถึงจะรู้เหตุผลมาบ้างจากดงฮยอก
“คือร้านนี้น่ะร้านญาติพี่เอง
พอดีพี่แวะมาหาเพื่อนแถวนี้พอดีเลยแวะเข้าร้านมาเจอพวกนี้นี่แหละ” ยุนฮยองบอกพร้อมมองมาที่ฮันบินทันที
“ตกลงยังไงกับบ็อบบี้น่ะ”
สุดท้ายฮันบินก็ต้องตอบไปตามความเป็นจริง
นั่นทำให้ทุกคนในโต๊ะเงียบกันไปใหญ่ จนฮันบินต้องขอร้องบอกว่าอย่าเป็นแบบนี้
นั่นแหละสถานการณ์ถึงได้ดีขึ้นมาบ้าง แล้วยุนฮยองก็ขอออกไปคุยโทรศัพท์พร้อมลุกออกไปจากโต๊ะ
เลยเหลือแค่ฮันบินกับพื่อนที่นั่งกันอยู่แทน
“นายโอเคใช่ไหมฮันบิน”
เป็นเสียงดงฮยอกที่ดังขึ้นมาเป็นเสียงแรก ตามด้วยคนอื่นๆตามมา
อันบินเองก็ตอบอะไรไม่ถูกเพราะรู้ตัวว่าตัวเองไม่โอเคแต่ก็ไม่อยากจะบอกออกไปตามตรง
เลยได้แต่ทำตัวไม่ถูกอยู่ต่อหน้าเพื่อน
“มีอะไรก็บอกพวกเรานะฮันบิน
ความจริงเราก็รู้กันนั่นแหละว่านายไม่โอเคน่ะ” แล้วก็เป็นเสียงจินฮวานที่ดังตามมาฮันนบินเลยผยักหน้ารับไปตามตรง
เวลาเขาอยู่กับเพื่อนยังไงก็เป็นช่วงเวลาที่สบายใจที่สุดแล้ว
เปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่าไหม
แล้วฮันบินก็เสนอแนวทางอื่นในการสนทนาครั้งนี้
แล้วก็คุยกันเรื่อยเปื่อยไปมาเป็นเวลาสักพักใหญ่ จนแรงสั่นจากกระเป๋ากางเกงที่เป็นที่อยู่ของโทรศัพท์มือถือ
ทำให้ต้องหยิบออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ว่าไงครับพี่ยุนฮยอง”
ฮันบินรีบกดรับพร้อมกรอกเสียงลงไปทันที
“คือฮันบินพี่มีปัญหาเกี่ยวกับรถนิดหน่อยน่ะ
ออกมาหาพี่หน่อยได้ไหม” เสียงยุนฮยองดูลุกลนมากจริงๆจนฮันบินเป็นห่วง
พี่จอดรถไว้ตรงไหนครับ
เดี๋ยวผมออกไปหา”
“ห่างจากร้านมาสองซอยน่ะ
เดินมาเลย”
แล้วยุนฮยองก็วางสายไป
พร้อมบอกให้เพื่อนตัวเองกินเนื้อย่างกันต่อไป
หลังออกมาจากร้านสองซอยแบบที่พี่ยุนฮยองบอก
ไม่มีแม้แต่วี่แววของคนที่โทรหาเขาแม้แต่นิดเดียว
มีแต่ร่างของคนที่เขากำลังคิดถึงมากที่สุดในเวลานี้มาอยู่ตรงหน้า
พี่จีวอน
ฮันบินก็ได้แต่อึ้งเพราะไม่คิดว่าจีวอนจะมาอยู่ที่นี่เวลานี้
แถมยังยืนพิงรถอยู่อีกด้วย ฮันบินเองก็เริ่มที่จะทำตัวไม่ถูกความรู้สึกที่มีมาตลอดทั้งวันมันตีรวนกันไปหมดเมื่อได้เจอหน้าจีวอนแบบนี้
ทั้งสองมีแต่ความเงียบให้กัน
จนจีวอนเป็นคนเอ่ยออกมาทำลายความเงียบนั้นลง
“พี่มาตั้งไกลนะ
ไม่คิดจะเดินมาหากันหน่อยรึไง”
พอจีวอนพูดแบบนั้นขาของเขาก็ก้าวเข้าไปหาคนที่เปิดเสื้อโค้ทรออยู่พร้อมอ้าแขนกว้างๆพร้อมรับตัวเขาเข้าไปในอกอุ่นๆนั่นทันที
ซึ่งฮันบินเองก็ไม่ปฏิเสธรีบเดินเข้าไปหาคนที่เขาไม่เจอหน้ามาเป็นอาทิตย์
พร้อมกอดจีวอนเอาไว้แน่นๆไม่ต่างกับจีวอนที่ก็กอดเขาไว้แน่นเหมือนกัน
ถ้ามีใครมาเห็นก็อาจจะมีคนบอกว่า กอดกันแน่นจนมันน่าอึดอัด
ความรู้สึกเขาในตอนนี้น่ะมันไม่มีความอึดอัดเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ
มีแต่ความรู้สึกที่มันโหยหากันและกันมากกว่า
ความคิดถึงและอะไรหลายๆอย่างในช่วงเวลาที่ห่างกันไปนานทำให้อ้อมกอดนั้นแน่นขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับฮันบินแล้ว
อ้อมกอดของจีวอนยังคงอุ่นเหมือนเดิม
แล้วมันก็ควรจะเป็นแบบนี้ตลอดไป
“อย่าร้องไห้สิครับคนเก่ง”
พอจีวอนก้มมามองพร้อมผละมือข้างหนึ่งออกมาลูบแก้มพร้อมปาดน้ำตาเขาออกไปเบาๆนั่นแหละฮันบินถึงได้รู้ว่าตัวเองร้องไห้ออกมา
มันไปใช้น้ำตาแห่งความเสียใจ หรืออะไรที่รู้สึกไม่ดีเหมือนที่ผ่านมาไม่นาน
แต่มันเป็นน้ำตาที่เขามีความสุขจริงๆที่ได้เจอจีวอนอีกครั้ง
แล้วก็ครั้งนี้เขาก็คิดว่ายังไงก็ต้องดีกันจีวอนแล้วถึงได้ไหลออกมาแบบนี้
“คิดถึง” พอพูดออกไปแบบนั้นฮันบินก็รีบซุกใบหน้าเข้ากับอกแข็งๆของพี่ทันที
ต่อให้ตอนนี้ไม่มีกระจกอยู่ใกล้ๆฮันบินก็รู้ว่ายังไงตัวเองก็คงต้องหน้าแดง
หูแดงอยู่แน่ๆ
พอซุกใบหน้าเข้ากับอกคนเป็นพี่ จีวอนก็รีบรั้งตัวของฮันบินเข้ามาใกล้กันเข้าไปอีก
“คิดถึงเหมือนกันนะครับ” พอจีวอนพูดจบ
ฮันบินก็ได้รับสัมผัสเบาๆที่หน้าผากจากริมฝีปากของจีวอน ยิ่งทำให้มั่นใจมากขึ้นไปอีกว่าหน้าตัวเองจะแดงขนาดไหน
“งอนกับคนเด็กกว่าตั้งนานแน่ะ อยากกอดจะตาย”
“ขอโทษที่งี่เง่า งอแงด้วยนะครับ”
แล้วฮันบินก็พยายามผละตัวออกมาจากอ้อมกอดคนเป็นพี่แต่ดูเหมือนจีวอนเองก็ไม่ยอมโดยง่ายเลยกลายเป็นว่ากอดกันหลวมๆแทน
ขอโทษนะครับ ดีกันนะ”
ว่าจบฮันบินก็รีบยกมือตัวเองที่โผล่พ้นขอบสเวตเตอร์ตัวเก่งออกมาเล็กน้อย
พร้อมชูนิ้วก้อยไปให้อีกคน
“นะ”
พอทำแบบนั้นจีวอนก็เงียบไปจนฮันบินที่เอาแต่ก้มหน้ามองพื้นต้องเงยหน้าขึ้นมองคนเป็นพี่ที่จู่ๆก็เงียบไป
แล้วฮันบินก็รู้ว่าตัวเองน่ะคิดผิดจริงๆ
พอเงยหน้าริมฝีปากตัวเองก็โดนจุ้บลงมาแรงๆด้วยริมฝีปากของจีวอนแล้วผละออกไปทันที
นั่นทำให้ฮันบินเหวอมากกว่าเดิมเพราะอยู่ดีๆก็โดนคนเป็นพี่มาขโมยจุ้บเอาซะดื้อๆ
“อย่าทำตัวน่ารักแบบนี้ดิครับ” พี่อดใจไม่ค่อยไหวหรอกนะ
แล้วเสียงทุ้มต่ำของจีวอนก็ทำให้ฮันบินยิ่งอายจนแทบจะเอาหน้ามุดลงไปกับเสื้อคนเป็นพี่อีกครั้ง
ใครให้มาพูดจาแบบนี้กันเล่า
“นั่นแหนะน่ารักอีกแล้วเนี่ย” แล้วฮันบินก็รีบพูดกลับไปเลยทันทีเพราะงงว่าอยู่ๆทำไมตัวเองถึงมาโดนชมเอาซะดื้อๆทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด
“ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”
“เรานั่นแหละทำแต่ไม่รู้ตัว” แล้วจีวอนก็คว้ามือเขาไปจับไว้ทันที “
ทำไมออกมาข้างนอกไม่ใส่ถุงมือครับ มือแดงมากเลยนะ เย็นด้วย “
แล้วก็เอามือเขาเข้าไปซุกในเสื้อโค้ทของตัวเองทันที
พี่จอดรถไว้ถัดจากซอยนี้ไปนิดนึง กลับห้องกันนะครับ
ระหว่างทางเขากับจีวอนก็คุยกันไม่ยอมหยุด ทั้งเล่าเรื่องของตัวเองที่ไปเจอมาในช่วงที่ไม่ได้เจอกัน
รวมถึงเรื่องต่างๆที่ผิดใจกันด้วย ฮันบินยอมรับว่าตัวเองงี่เง่ามาก
ในขณะที่จีวอนก็ยอมรับว่าตัวเองก็งอนฮันบินเหมือนเด็กๆ
สุดท้ายก็ยอมรับผิดกันไปทั้งคู่
จากที่ตอนแรกงอนกันกลับกลายเป็นว่าตอนนี้มาเถียงกันเพราะเอาแต่ว่าเป็นความผิดของตัวเอง
จนฮันบินต้องบอกว่าเราผิดคนละครึ่งงั้นหายกัน ถึงได้เลิกเถียงกันได้
จีวอนก็ขอโทษที่วันนี้ผิดนัดกับฮันบินแถมยังไม่ส่งข้อความมาบอกอีก
จนพี่ยุนฮยองทนไม่ไหวโทรไปหาเลขาหน้าห้องของจีวอนเอง
ถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองทำงานจนลืมฮันบินเพราะงานในช่วงที่ไม่อยู่มันมากมายจนล้นมือไปหมด ไหนจะงานประชุมที่ตัวเองต้องเจออีก
จีวอนก็เอาแต่ขอโทษจนฮันบินต้องย้ำว่าตัวเองไม่ได้โกรธอะไรเลย
ความจริงก็สารภาพไปว่ารู้สึกไม่ดีเหมือนกัน
จนได้มาเจอหน้ากันนี่แหละเลยหายเลย
เลยกลายเป็นว่าทุกเรื่องของเขาทั้งสองคนนั้นเข้าใจกันแล้ว
นั่นทำให้ฮันบินรู้สึกดีมากจริงๆ จนยิ้มไม่หุบมาตลอดทาง
แต่พอรถของจีวอนเริ่มที่จะเลี้ยวเข้ามาในคอนโดเลยทำให้ฮันบินนึกอะไรบางอย่างออก
เซอร์ไพรส์ของจีวอนที่ตัวเองทำไว้ในห้อง
อ่า.. มันทำให้เขาประหม่ามากจริงๆพอนึกถึงสิ่งที่ตัวเองต้องทำต่อไปนี้
จนต้องเอ่ยเรียกคนเป็นพี่เบาๆเมื่อรถจอดลง
“พี่จีวอน คือว่า..” ฮันบินก็คิดหาคำพูดมาในสถานการณ์ตอนนี้ไม่ถูกจริงๆ
จนได้แต่อ้ำๆอึ้งๆจนโมโหตัวเองแบบนี้ “คือว่า ผมน่าจะลืมของไว้บนห้องพี่น่ะครับ
ตอนแรกผมไปรอพี่ที่ห้อง ขอขึ้นไปด้วยได้ไหม”
“จะขอทำไม ไหนบอกคืนนี้จะนอนกับพี่ไงครับ”
แล้วจีวอนก็เอื้อมมือมาขยี้ผมเขาจนมันเสียทรงไปหมด “บอกแล้วห้ามเปลี่ยนใจนะ”
อ่า..
แล้วฮันบินก็อึกอักเพราะจำได้ว่าตัวเองบอกจีวอนไปแบบนั้นจริงๆเมื่อตอนกลางวัน “อยากให้ผมนอนด้วยไหมครับ
ผมกลัวว่าตัวเองจะกวนพี่นะ”
“ถามแบบนี้นี่ไม่รู้จริงๆหรือไง อยากกอดจะแย่”
แล้วจีวอนก็ยิ้มในแบบที่ฮันบินคิดว่ามันไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด “รีบขึ้นห้องกันเถอะครับดึกแล้วนะ”
แล้วจีวอนก็ลงจากรถไปพร้อมๆกับฮันบินที่รีบเดินนำเจ้าตัวไปก่อน
พอมาถึงชั้นที่พักของจีวอนก็กลายเป็นว่าฮันบินเริ่มจะทำตัวไม่ถูกอีกครั้งเพราะจะให้จีวอนเข้าห้องไปก่อนก็ไม่ได้
“คือพี่รอผมอยู่หน้าห้องก่อนได้ไหมครับ”
แล้วก็ได้หน้าตาที่แสดงความสงสัยมาอย่างปิดไม่มิด
“ทำไมล่ะครับ”
“นะครับ คือผมบอกไม่ได้จริงๆนะ” ฮันบินก็รีบทำเสียงขอร้องทันทีซึ่งแน่นอนถ้าเป็นฮันบินทำแบบนี้ยังไงก็คงต้องยอม
“โอเคเลยครับ พี่รออยู่หน้าห้องนะ เรียบร้อยเมื่อไหร่ก็บอก”
แล้วจีวอนก็ยื่นคีย์การ์ดของตัวเองให้เขาฮันบินเลยรีบเปิดเข้าห้องไปพร้อมเช็คความเรียบร้อยแบบรีบๆแล้วก็เดินไปหยิบเอาเค้กมาจากตู้เย็นปักเทียนลงไปด้วยความรีบ
พร้อมกับเดินไปวางไว้ตรงโต๊ะหน้าโซฟาจุดเทียนขึ้นมา
ไม่ลืมที่จะหยิบเอาริบบิ้นที่ตัวเองถอดเอาไว้มาพันรอบข้อมือตัวเองเหมือนเดิม
แล้วก็รีบเดินไปหาคนที่หน้าห้องโดยทันที
“พี่จีวอนปิดตาหน่อยได้ไหมครับ”
แล้วฮันบินก็ยื่นมือออกไปจับกับมือของจีวอนเอาไว้ด้วยมือที่ไม่ได้ผูกริบบิ้นไว้ “ห้ามขี้โกงนะครับ”
แล้วก็ค่อยๆจูงมือคนเป็นพี่เข้าห้องไปพร้อมดับไฟลงทั้งห้อง
“ลืมตาได้แล้วครับ” ฮันบินบอกพร้อมเสียงเล็กๆที่เอ่ยเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ย้อนหลังให้คนรักของตัวเองย้อนหลัง
พอร้องจบฮันบินก็มองหน้าจีวอนที่เอาแต่ยิ้มไม่ยอมหยุด
แถมยังไม่ยอมเป่าเทียนอีกต่างหากจนฮันบินต้องเร่งเร้า “เป่าเทียนสิครับ”
แล้วจีวอนก็เอาแต่ยิ้ม
ยิ้ม
ยิ้ม
ยิ้ม
แล้วก็ยิ้มอยู่แบบนั้น
“พี่จีวอนถ้าไม่เป่าผมจะเป่าเองแล้วนะ”
ฮันบินรีบพูดทันทีเพราะเทียนมันก็ค่อยๆละลายลงไปเรื่อยๆ แล้วพอจีวอนทำท่าจะเป่า
ฮันบินก็รั้งเอาไว้อีก “ขอพรก่อนสิครับ อย่าเพิ่งเป่านะ”
“โอเคเลยครับคนดี” พี่ยอมแล้ว แล้วจีวอนก็ทำท่าครุ่นคิดอยู่พักนึงแล้วก็เอ่ยออกมาเรียบๆ
“ความจริงมีฮันบินอยู่ด้วยกันตลอดนี่ก็เป็นพรสำคัญของพี่แล้วนะครับ
งั้นไม่ขอพรดีกว่า
ถามฮันบินแทนได้ไหมครับ”
“เดี๋ยวค่อยถามก็ได้ เป่าก่อนนะครับ”
แล้วจีวอนก็เป่าลงพร้อมกับความมืดที่เข้ามาแทนที่ แต่ความมืดก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรกับจีวอนที่จะคว้าเอาฮันบินมากอดอีกครั้งได้เลยสักนิด
“แค่จะถามว่าย้ายมาอยู่กับพี่ได้ไหมครับ อยากนอนกอดทุกวันเลยนะรู้ไหมครับ”
แล้วมันก็เป็นคำถามที่ฮันบินไม่กล้าแม้แต่จะตอบได้แต่คิดไปคิดมาอยู่ในหัว จนจีวอนเดินไปเปิดไฟแล้วก็ตาม
“ยังไม่ต้องตอบก็ได้ พี่แค่ถามเราไว้เฉยๆ”
แล้วจีวอนก็เดินมาขยี้ผมของเขาอีกครั้ง พร้อมกับเอามือลูบตรงระหว่างหางคิ้วเบาๆ “ดูสิคิ้วขมวดเป็นปมหมดเลย
กินเค้กกันดีกว่าเนอะเดี๋ยวพี่ไปเอาจานมาให้นะ”
พอจีวอนจะเดินไปทางครัวอันบินก็ได้แต่รั้งชายเสื้อของพี่ไว้
“พี่จีวอนเข้าไปในห้องนอนหน่อยได้ไหมครับ”
แล้วจีวอนก็เดินเข้าไปพร้อมจูงมือฮันบินเข้ามาด้วยพอเข้าไปก็พบเจอกับพวกกองทัพลูกโป่งพร้อมรูปต่างๆที่ฮันบินทำไว้ยิ่งทำให้จีวอนยิ้มไม่หยุดยิ่งกว่าเดิม
“ทำไมแฟนพี่ถึงน่ารักขนาดนี้ครับ หือ”
จีวอนพูดพร้อมยกมือสองข้างขึ้นมายืดแก้มของฮันบินไปมา แล้วก็จบลงที่กอดเหมือนเดิม
“ความจริงมีความขวัญจะให้พี่ด้วยนะครับ”
ฮันบินพูดพร้อมเงยหน้าขึ้นมองคนเป็นพี่ “
ย้อนหลังหลายวันเลย แต่ผมอยากให้จริงๆนะ”
“ไม่น่าลำบากเลยนะเราอะ”
แล้วจีวอนก็พูดออกมาพร้อมมองไปรอบห้องตัวเองที่เปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมากด้วยฝีมือฮันบิน
ยิ่งมองเขาก็ยิ่งมีความสุขที่คนรักของตัวเองมาทำอะไรแบบนี้ให้
“นี่ไงของขวัญ” แล้วฮันบินก็ยื่นมือของตัวเองที่มีริบบิ้นผูกอยู่ไปตรงหน้าคนเป็นพี่พร้อมก้มหน้าลงอีกครั้ง
บอกตามตรงว่าเขาเขินมากจริงๆ เขินจนตัวจะแตกเอาให้ได้ด้วยซ้ำ
ครั้งนี้จีวอนไม่ได้เงียบไปแต่กลับดึงเขาไปกอดแน่นๆแทน
ซึ่งฮันบินบอกได้เลยว่าครั้งนี้พี่เขากอดตัวเองแน่นจริงๆ
อย่างที่พูดไว้ไม่มีผิด
พร้อมกับริมฝีกปากที่ฝังลงที่แก้มเขาทั้งซ้ายทั้งขวา
จนมาจบที่ริมฝีปากก็เอาแต่ช่วงชิงลมหายใจเขาอยู่อย่างนั้น
จนเขาต้องทุบอกประท้วงถึงได้ยอมหยุด
“ทำไมเป็นคนใช้คำว่าน่ารักเปลืองแบบนี้นะคิมฮันบิน”
จีวอนบอกพร้อมยื่นมือข้างหนึ่งไปลูบใบหน้าของคนเป็นน้องเบาๆ “ถ้าสักวันนายไปหน้ารักกับใครคนอื่นที่ไม่ใช่พี่นี่คงต้องอกแตกตายแน่ๆ”
“พูดอย่างงี้ได้ยังไงครับ ใครเขาจะกล้าล่ะ”
ฮันบินพูดพร้อมมองหน้าคนเป็นพี่ไปด้วย “
นี่เป็นของขวัญของพี่จีวอนนะ จะไปน่ารักกับคนอื่นได้ยังไง
อยู่ที่พี่นั่นแหละจะทำยังไงกับของขวัญอันนี้
ยอมทุกอย่างแล้วครับ
จะให้ทำอะไรก็ยอม
แล้วฮันบินก็เงียบไปอีกอึดใจใหญ่ๆ เพื่อรวบรวมความกล้าออกมา
อยากจะให้มานอนกอดทุกวันเหมือนที่บอกไว้ยังได้เลย”
แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่โดนจีวอนดึงเข้ามากอดซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้
“พี่ว่าตอนนี้น่ะ กอดของขวัญให้แน่นๆน่าจะดีที่สุดแล้วครับ
อ๋อ.. ที่สำคัญน่ะ
ฟัดจนช้ำเลยน่าจะดีเหมือนกันนะครับ”
talk - ถือเป็นสเปวันเกิดของพี่บ็อบเรานะคะ แต่มาช้ามากแถมยังไม่ครบอีก แง้ ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ ที่เหลือตามมาเร็วๆนี้แน่นอน (แอบบอกว่าตอนนี้แอบยาวนิดนึงนะคะ55555555)
talk2 มาต่อแล้วนะคะ ยังคงไม่จบเป็นเรื่องที่ยาวมากจริงๆค่ะ ฝากเม้นท์ติตมตามใจชอบเลยนะคะ รออ่านอยู่ เจอกันที่เหลือค่ะ
talk 3 มาช้าแบบไม่มีข้อโต้แย้งใดใดค่ะเป็นตอนที่ยาวมากจริงๆน่าจะยาวที่สุดที่เคยเขียนมาเลยค่ะ เลยวันเกิดพ่อกระต่ายเราไปเดือนนึงพอดี t-t มาครบแล้วนะคะ เจอกันเรื่องหน้าเนาะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ทุกคนคือกำลังใจขอเราเลย
ความคิดเห็น