ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    iKON - DOUBLEB ♡ BOBBYxB.I

    ลำดับตอนที่ #5 : -Special - happy birthday bobby- 100%

    • อัปเดตล่าสุด 8 ส.ค. 59


                   

    เรื่องนี่สืบเนื่องมาจากคุณป๋านะคะ ( daddy & day dream ) ใครที่ยังไม่เคยอ่านแวะไปอ่านกันได้

                   




                   คิมฮันบินกำลังจะเป็นบ้าอยู่ท่ามกลางกองหนังสือมากมายที่เรียงรายล้อมรอบเขาอยู่ตอนนี้

     

                   ข้างหน้าเขาคือคิมดงฮยอกที่นอนฟุบหน้าลงกับหนังสือในสภาพที่ย่ำแย่พอดู ถัดไปเป็นจินฮวานที่ใส่แว่นตาเพื่อช่วยในการถนอมสายตากำลังทำบางอย่างกับโน๊ตบุ้คตัวเองอยู่ ถัดไปที่โต๊ะข้างๆก็เป็นมินโฮที่ช่วยแทฮยอนนั่งติวกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

     

                   ส่วนฮันบินก็กำลังจะหลับอยู่รอมล่อในเวลานี้ เหลือบตามองนาฬิกาที่ผนังของห้องสมุดก็เป็นเวลาตีหนึ่งกว่าๆความจริงเขาควรจะกลับคอนโดไปนอนบนเตียงอันแสนคุ้นเคยในเวลานี้

     

                   แต่ไม่ได้ ฮันบินทำแบบนั้นไม่ได้เพราะนี่คือ ฤดูกาลไฟนอล

     

                   ช่วงเวลาที่ทำให้เขาแทบเป็นแทบตายมาแล้ว ครั้งนี้ฮันบินไม่อยากให้เป็นเหมือนตอนปีหนึ่งที่ยังไม่รู้อะไรอีก เขาอยากให้มันผ่านไปด้วยดี

     

                   แล้วก็เป็นแบบนี้มาสี่ห้าวันแล้ว ถ้าจำไม่ผิด.. วันนี้น่าจะวันที่ 21 ธันวาคม

     

                    วันเกิดของจีวอน

     

                   ซึ่งเจ้าตัวก็บินไปทำงานไกลถึงที่อิตาลี แถมยังไม่ได้คุยกันมาเกือบอาทิตย์จะได้แล้ว ความจริงฮันบินก็อยากจะโทรทางไกลไปอวยพรวันเกิดครบรอบยี่สิบปีให้คนรักของตัวเอง แต่ตอนนี้แบตโทรศัพท์เขาก็หมดที่ชาร์จหรือแม้แต่แบตสำรองก็ไม่มีเลยทำให้ทำแบบนั้นไม่ได้ แค่คิดเอาไว้ว่ากลับคอนโดเมื่อไหร่คงจะรีบจัดการโดยไวที่สุดเหมือนกัน

     

                   ไม่ใช่อะไรมากหรอก

     

                   แค่คิดถึงไม่ใช่


                   แค่ก็ได้.. ความจริงก็คิดถึงมากๆ       

            

     

                   แถมเขายังไปงอแงใส่จีวอนไว้เยอะมากมายตอนไปส่งจีวอนที่สนามบิน.. ช่วงนั้นก็นั่นแหละฮันบินทำโปรเจคแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนไม่ต่างกับในตอนนี้แต่ตอนนั้นจีวอนยังอยู่กับเขาคอยให้คำปรึกษาในฐานะรุ่นพี่ที่เคยผ่านอะไรมาได้ดีมากๆ

     

                   พอรู้ว่าจีวอนต้องไปทำงานเกือบอาทิตย์ก็ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยจะดี

     

                   ก็ตั้งแต่เป็นแฟนกันมาเคยห่างกันนานถึงวันซะที่ไหน

     

                   นี่ก็เป็นครั้งแรกเลยล่ะที่จีวอนรับงานถ่ายแบบตอนที่คบกันอยู่ มันโหวงแปลกๆ

     

                   นั่นเลยเป็นเหตุผลที่เขาไปงอแงใส่จีวอนที่สนามบินซึ่งตอนนั้นจีวอนบอกกับเขาว่าจะไม่ติดต่อมาถ้าเขายังไม่เลิกงอแง..

     

                   ถือว่าเป็นคำขู่ แล้วก็รู้ว่าตัวเองไม่ควรจะงี่เง่า

     

                   แต่

     

                   นั่นแหละ

     

                   คนที่สภาพอารมณ์ไม่ค่อยจะปกติเลยทำให้เขาโกรธมากถึงกับผลักเจ้าตัวเซถอยหลังไปแล้วเดินออกมาทันที

     

                   แล้วมันก็ลากยาวมาเป็นอาทิตย์แบบนี้ถ้าจำไม่ผิดคงจะเป็นพรุ่งนี้แล้วแหละที่จีวอนจะกลับเกาหลี เขาน่ะหายงอนแล้ว หายงี่เง่าแล้ว ตั้งแต่เริ่มหันหลังเดินออกมา แต่ก็กลัวจีวอนจะงอนเหมือนกันเพราะสิ่งที่ตัวเองทำลงไป

     

                   แถมยังถือว่าทำนิสัยเด็กน้อยใส่เจ้าตัวไปอีก

     

                   ไฟนอลเขาจะสอบวันสุดท้ายวันที่ 24 ตรงกับคริสมาสต์อีฟพอดี บางทีเขาก็อาจจะมีเวลามาเซอร์ไพรส์จีวอนบ้าง เพราะการจะปลีกตัวไปรับเจ้าตัวที่สนามบินก็คงไม่มีเวลา ดีไม่ดีก็อาจจะต้องไปอยู่หอดงฮยอกที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยมากกว่ากลับคอนโด

     

                   สอบเสร็จเมื่อไหร่ เขาคงจะหาวิธีง้อจีวอนบ้างแล้วล่ะ                                            

     

     

                   และแล้ววันนี้ไฟนอลก็จบลง ฮันบินกับกลุ่มเพื่อนถึงกับโห่ร้องออกมาอย่างสุดเสียงกับการสอบที่โหดเหลือเกินในปีนี้ เขาตกลงกับเพื่อนว่าจะไปฉลองเบาๆกันที่ร้านพี่ยุนฮยองที่ฮันบินเคยทำงาน แล้วก็เพิ่งจะลาออกมาเมื่อประมานเดือนที่ผ่านมานี้เพราะไม่มีเวลาเพียงพอ แถมพี่ยุนฮยองยังใจดีบอกฮันบินแวะมาที่ร้านได้ตลอด จะลดราคาค่าขนมให้

     

                   พอเข้าไปในร้านก็เจอกับยุนฮยองกับซูฮยอนทั้งสองคนยิ้มคอยต้อนรับฮันบินกับเพื่อนเป็นอย่างดี แถมยังชวนคุยอย่างสนุกสนานตอนนี้เพิ่งจะบ่ายกว่าๆคนในร้านเลยไม่เยอะเท่าไหร่

     

                   “ฮันบินคิดถึงจริงๆเลย ไม่มาหาพี่บ้างเลยนะ ยุนฮยองรีบพูดกับเขาทันทีพร้อมวางเมนูให้กับเพื่อนๆภายในโต๊ะของเขา สั่งเลยนะพี่ลดให้ราคาพิเศษ

     

                   พอยุนฮยองบอกแบบนั้นนั่นแหละ.. เสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นอีกครั้งทันที 

     

                   “ไฟนอลน่ะครับ ไม่มีเวลาเลย ฮันบินรีบตอบกลับไปพร้อมยุนฮยองที่ยิ้มตอบกลับมาทันที  

     

                   “อ่า...พี่เข้าใจนะ ไฟนอลนี่หนักหนาสาหัสจริงๆ ขนาดพี่ผ่านมาแล้วยังจำขึ้นใจเลยล่ะ แล้วยุนฮยองก็หัวเราะออกมา บ๊อบบี้ล่ะ? พี่ไม่เจอหมอนั่นตั้งแต่นายเลิกทำงานกับพี่เลยนะ เห็นไหมหมอนั่นน่ะมาที่นี่เพราะหวังผลชัดๆ

     

                   บ๊อบบี้..

     

                   ฮันบินชะงักด้วยความตกใจทันที ให้ตายเถอะเขาลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลยด้วย แม้แต่วันเกิดของจีวอนเขาก็ลืมส่งข้อความไปอวยพรวันเกิดอย่างที่คิดไว้..

     

                   แถมเจ้าตัวยังไม่ยอมติดต่อเขากลับมาอีกทั้งๆที่น่าจะกลับมาแล้วแท้ๆ       

                                                                                                                         

                   “พี่จีวอนไปถ่ายงานที่อิตาลีน่ะครับ แต่น่าจะกลับมาแล้วนะ ฮันบินอึกอักอย่างไม่รู้จะตอบอะไรกลับไปดีได้แต่หมุนแหวนที่ใส่ติดตัวไว้ตลอดเวลาตั้งแต่ตัดสินใจคบกับจีวอนมา คือว่า.. ผมไม่ได้ติดต่อเขามาอาทิตย์หนึ่งแล้ว มีเรื่องไม่เข้าใจกันนิดหน่อยครับ

     

                   พอเขาตอบกลับไปก็ทำยุนฮยองน่าเจื่อนลงไปนิดๆถ้าเขาคิดไม่ผิด

     

                   ความจริงฮันบินก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน ตอบแบบนี้ก็น่าจะเข้าที่เข้าทางที่สุดแล้วในความคิด

     

                   “เห้ย คือพี่ก็ไม่น่าถามเลยเนาะ ยุนฮยองตั้งท่าจะเอามือตบปากตัวเองที่ไม่พูดเรื่องไม่สมควรพูดแต่ก็โดนฮันบินห้ามไว้ก่อน ยุนฮยองถึงยอมหยุดแล้วรีบบอกฮันบิน ดีกันไวๆนะฮันบิน

     

                   แล้วยุนฮยองก็เดินเอาออเดอร์ไปส่งให้กับซูฮยอน ตอนนี้ฮันบินได้แต่จมอยู่กับความรู้สึกของตัวเอง เขาแค่รู้สึกว่าตัวเองไปฝ่ายทำให้จีวอนต้องงอนตัวเอง.. หรือบางทีอาจจะโกรธเลยด้วยซ้ำ

     

                   ฮันบินคิดเรื่องนี้จนหัวเสียไปหมดจนจินฮวานดงฮยอกแทฮยอนต้องถามว่าเขาเป็นอะไร .. และแน่นอนเขาบอกกเพื่อนเขาไปทั้งหมดเพราะไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอยู่แล้ว จนดงฮยอกรีบออกความเห็นให้ไปหาทางง้อจีวอนแล้วเรื่องฉลองตอนเย็นที่ตกลงกันไว้ว่านอกจากที่ร้านยุนฮยอง อาจจะไปต่อกันที่ร้านเนื้อย่างต่ออีกในคืนนี้

     

                   “ไปง้อพี่จีวอนเถอะฮันบิน ฉันคิดว่านายผิดนิดหน่อยนะครั้งนี้ จินฮวานก็ออกความเห็นไม่ได้ต่างกับดงฮยอก ตามมาด้วยแทฮยอนที่ไม่ค่อยพูดอะไรก็ยังบอกเขาออกมาว่า

     

                   “ถ้าแฟนฉันลืมวันเกิดตัวเองไม่มีแม้แต่คำอวยพรก็คงจะงอนมากอยู่นะ

     

                   นั่นแหละฮันบินเลยตัดสินใจลุกออกมาจากร้านยุนฮยองแล้วเดินไปรอรถที่ป้ายรถเมล์เพื่อทำจิตใจให้สงบสุขที่สุดในเวลานี้

     

                   บางทีสิ่งที่เขาจะทำอาจจะต้องใช้เวลานานหน่อย แถมยังต้องถ่วงเวลาของจีวอนไม่ให้กลับบ้านก่อนเวลาอีก..

     

                   ในขณะที่สองขากำลังจะก้าวเดินออกไปเพื่อขึ้นรถที่ป้ายรถเมล์ สุดท้ายก็ต้องจำใจล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าแอพพลิเคชั่นตัวสีเขียวที่ใช้บ่อยๆแต่ไม่ใช่กับจีวอนเพราะส่วนใหญ่ก็จะโทรหากันมากกว่า คิดอยู่นานว่าควรจะทักไปว่าอะไรสุดท้ายฮันบินก็ต้องทนความรู้สึกตัวเองแล้วพิมพ์ลงไปแบบที่ใจคิดจริงๆ

     

                   “คิดถึง

     

                   รออยู่ไม่นานก็ขึ้นว่าอ่านแล้วแต่ไร้วี่แววการตอบกลับ จนฮันบินต้องส่งกลับไปอีกที

     

                   “มาหาผมหน่อยได้ไหม

     

                   “หรือให้ผมไปหาก็ได้

     

                   “คิดถึงจริงๆนะ

     

                   สุดท้ายฮันบินก็ต้องใช้ความขี้อ้อนที่จีวอนบอกว่าชอบนักหนาเวลาที่เขาทำ แต่เขาก็ไม่ค่อยจะทำบ่อยสักเท่าไหร่หรอก

     

                   “พี่จะไม่ตอบผมจริงๆหรอ

     

                   “จะร้องไห้แล้วนะ

     

                   พอจบข้อความนั้น คนที่อ่านอย่างรวดเร็วแต่ไม่ยอมตอบกลับมาสักทีก็รีบตอบกลับมาทันที

     

                   “เด็กขี้แง "


                   "อย่าร้องไห้นะ

     

                   “มีประชุมเสร็จตอนทุ่มนึงรอที่ห้องนะครับเดี๋ยวพี่ไปหา

                                                                                                               

                   แล้วฮันบินก็น้ำตาไหลอย่างที่บอกจริงๆ เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าจะคิดถึงจีวอนได้มากมายขนาดนี้ เขารีบปาดน้ำตาที่ตรงหางตาออกทันที อย่างน้อยจีวอนก็ไม่ได้โกรธเขาถึงขนาดที่จะไม่สนใจที่จะตอบกลับอย่างที่คิดตอนแรก

     

                   “ผมไปหาที่ห้องได้ไหมครับ

     

                   “ขอนอนด้วยได้ไหมคืนนี้

     

                    แล้วเขาก็แทบจะกลั้นหายใจเมื่อรอคำตอบจากจีวอน

     

                   “ได้เสมอ เด็กดื้อ



    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    คำตอบของจีวอนทำให้ฮันบินยิ้มไม่หุบจากที่ตอนแรกน้ำตาจะไหลอยู่รอมล่อที่โดนจีวอนเมินใส่แบบนี้

     

                   แต่ก็นั่นแหละ

     

                   ฮันบินยอมรับความผิดที่ตัวเองทำไว้

     

                   ความจริงเขาอาจจะต้องกลับไปเอารถที่คอนโดเพื่อจะได้ไปซื้อของมาเซอร์ไพรส์วันเกิดจีวอนอย่างสะดวกสบาย

     

                   เลยตัดสินใจเดินมาขึ้นรถเมล์สายประจำที่เคยขึ้นเมื่อนานมาแล้ว เพราะตั้งแต่ที่คบกับจีวอนแทบจะไม่มีวันไหนเลยที่จีวอนจะยอมให้กลับเอง นอกจากวันที่ไม่ว่างจริงๆเท่านั้น ยิ่งรถของตัวเองที่แทบจะไม่ได้ใช้ก็ยิ่งเหมือนโดนทิ้งไว้หนักกว่าเดิมอีก อย่างน้อยวันนี้ฮันบินก็จะเอากลับมาใช้แล้ว หลังจากคิดไว้หลายทีว่าจะเอากลับไปจอดไว้ที่บ้านแทน

     

                   พอมาถึงที่หมายปลายทาง ฮันบินรีบเปลี่ยนเสื้อใหม่พร้อมเสื้อโค้ทเรียบร้อยโดยไว เพราะดูจากเวลาแล้วมันไม่น่าจะทันถ้าจีวอนกลับมาทันตอนทุ่มนึง เหลือบมองนาฬิกามันก็สี่โมงนิดๆแล้ว

     

                   แล้วฮันบินก็รีบเดินไปที่ลูกรักที่ไม่ใช้มาเสียนาน แล้วรีบขับรถไปทันที พร้อมโทรหาพี่ยุนฮยองว่ามีเค้กวันเกิดพร้อมทานบ้างไหม โชคดีที่พี่ยุนฮยองบอกว่า มีลูกค้านัดจะมาเอาตอนหกโมงเย็นแต่ติดธุระ จะมาเอาในวันพรุ่งนี้เช้าแทน ถือเป็นโชคดีของฮันบินที่ไม่ต้องไปหาเค้กที่ไหนกัน แถมยังรสชาติอร่อยอย่างแน่นอนอีกด้วย

     

                   แล้วฮันบินก็มาจอดรถที่หน้าห้างสรรพสินค้าที่มักจะมาดูหนัง หรือกินข้าวกันมากกว่าซื้อของ แต่วันนี้ฮันบินต้องมาซื้อของแทน

     

                   เลือกดูแต่ละโซนกว่าจะหาของที่ต้องการเจอก็แถบจะเหนื่อยเหมือนกัน ส่วนใหญ่ของที่เขาจะซื้อก็คือพวกกระดาษสีริบบิ้นต่างๆ รวมถึงของตกแต่งห้องสำหรับวันคริสต์มาสที่จะถึงนี้ด้วย

     

                   พอซื้อของเสร็จฮันบินก็ต้องมาแวะซื้อของอีกเล็กน้อยที่ร้านประจำที่เคยมาซื้อของให้เพื่อนๆในกลุ่มบ่อยๆ นั่นก็คือ ลูกโป่งสีสันสวยงามที่ฮันบินต้องการ ผูกติดไว้กับริบบิ้นสีสวย ถือมาแล้วปล่อยให้มันลอยอยู่ภายในรถ

     

                   แล้วที่สุดท้ายก็คือร้านพี่ยุนฮยอง เพื่อจะเอาเค้กมาให้จีวอน ตอนแรกพี่ยุนฮยองบอกว่าจะไม่คิดเงินด้วยซ้ำแต่เขาขอร้องเอาไว้เพราะอยากทำให้เจ้าของวันเกิดจริงๆถึงยอม สุดท้ายก็เดินออกมาพร้อมเค้กวันเกิดก้อนเล็กๆกับคัพเค้กน่ารักๆที่พี่ยุนฮยองให้ติดมือมาทานด้วย

     

                   พอขับรถมาถึงคอนโดจนขึ้นมาถึงห้องจีวอนก็กินเวลาไปเกือบจะหกโมงเย็นอยู่แล้ว ฮันบินเดินขึ้นลิฟต์ในสภาพที่ย่ำแย่มากๆไหนจะของที่ซื้อมาจากห้างสรรพสินค้าจำนวนมาก อีกมือก็เป็นเค้กที่ต้องเฝ้าถะนุถนอมเป็นพิเศษ พร้อมด้วยลูกโป่งหลายลูกที่มัดมันไว้ด้วยกัน

     

                   สภาพดูไม่ได้จริงๆ

     

                   แล้วสุดท้ายเขาก็ขึ้นมาบนห้องจีวอนที่เจ้าตัวให้คีย์การ์ดเอาไว้ตอนแรกเขาปฎิเสธเพราะไม่เห็นถึงความจำเป็นเพราะเวลาที่เขาจะเข้าห้องจีวอนน่ะ ยังไงก็มีเจ้าตัวอยู่ด้วยอยู่แล้วจะพกไว้ทำไมกัน

     

                   สุดท้ายจีวอนก็บอกด้วยประโยคที่ทำให้เขาแทบจะหัวเราะ

     

                   “ไม่กลัวพี่พาคนอื่นขึ้นคอนโดรึไง

     

                   ฮันบินต้องกลั้นยิ้มสุดพลัง พูดมาได้ ก็ตั้งแต่รู้จักกันมาน่ะจีวอนเคยให้ใครขึ้นคอนโดตัวเองที่ไหน ไม่มีหรอก

     

                   “ผมจะกลัวทำไม ผมไว้ใจพี่น่า

     

                   ฮันบินรีบบอกทันที ทำให้คนตัวสูงรีบบอกจุดประสงค์เขาทันที

     

                   “ทีห้องนายยังมีคนอื่นเข้าออกบ่อยจะตายเลยนะ ทำไมอะ พี่ก็อยากเข้าห้องนายได้บ้างนี่

     

                        สุดท้ายจีวอนก็ทำเขายิ้มจริงๆ

     

                   เจ้าตัวคงจะไม่ค่อยชอบที่มีใครมาเข้าออกห้องเขาบ่อยๆเลยอยากได้คีย์การ์ดห้องเขาไว้ต่างหาก เลยทำทีเอาของตัวเองมาให้แบบนี้

     

                   ก็ห้องเขาน่ะเวลาที่มีงานหรือโปรเจคอะไรก็มักเป็นที่สุมหัวกับเพื่อนอยู่ตลอด แถมยังรกมากๆอีกในบางที


                   “พี่อยากได้คีย์การ์ดห้องผมก็บอกดีๆไม่ต้องมาอ้อมค้อมเลยนะ

     

                   “แน่ะ รู้ทันพี่อีกเด็กร้ายกาจ

     

                   เด็กอีกแล้วตั้งแต่คบกันมาจีวอนก็มันสรรหาสารพัดเด็กมาเรียกเขา

     

                   เด็กดื้อ

     

                   เด็กดี

     

                   เด็กบ๊อง

     

                   เด็กขี้แง

     

                   หรือแม้แต่

     

                   เด็กร้ายกาจที่จีวอนบอก

     

                   เขาไม่ได้ร้ายกาจสักหน่อยนะ!

     

                   “พี่เอาคีย์การ์ดห้องผมไปก็ได้นะ แต่พี่ไม่ต้องเอาคีย์การ์ดห้องพี่มาให้ผมหรอก ฮันบินพูดพร้อมเว้นวรรคไปช่วงนึง ผมกลัวทำหายน่ะ ก่อนจะเจอพี่ไม่กี่วันก็ทำหายไปโชคดีที่มีคนเก็บได้แล้วมาส่งคืนไม่งั่นแย่แน่ๆเลย

     

                   “ไม่เอาหรอก นายไม่อยากได้คีย์การ์ดห้องแฟนไว้ทำเซอร์ไพรส์บ้างหรอ พี่เห็นคนอื่นเขาทำกันน่ะ

     

                   “ นี่พี่กำลังหวังผลประโยชน์อยู่ใช่ไหม จะไม่ยอมขาดทุนเลยสินะ

     

                   “เปล่าสักหน่อย ความจริงน่ะอยากให้ไว้เฉยๆแต่นายไม่ยอมเอานี่นา พี่เลยต้องพูดอย่างงี้ไง จีวอนพูดพร้อมเว้นวรรคไปนิดนึง เซอร์ไพรส์อะไรไม่เอาหรอก เอานายติดริบบิ้นแล้วมากอดแน่นๆแค่นั้นก็พอแล้ว

     

                   หลังจากนั้นจีวอนก็ดึงเขาเข้ามากอดเอาไว้แน่นๆอย่างที่บอกจริงๆ

     

                   พอฮันบินนึกถึงอดีตที่ผ่านมาเมื่อไม่นานเท่าไหร่นี้ก็ทำให้ยิ้มออกมา มันถือเป็นความเป็นไปของเจ้าคีย์การ์ดในมือของเขาตอนนี้แหละ

     

                   พอเปิดเข้าไปในห้องจีวอนก็เจอกับห้องที่ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นแต่เน้นโทนสีดำ ที่ฮันบินก็คิดว่าเหมาะกับเจ้าตัวดีเหมือนกัน เป็นห้องที่ถูกตกแต่งอย่างลงตัวถึงสีที่ใช้จะเป็นสีดำแต่ไม่ได้ทำให้ดูอึดอัดเลยสักนิด

     

                   ส่วนห้องเขาน่ะ เข้ามาอยู่ยังไงสภาพไหนก็ยังคงเป็นสภาพนั้นไม่มีเปลี่ยนแปลง

     

                   ช่างแตกต่างกันจริงๆแต่มันก็ไม่ได้แตกต่างมากขนาดนั้น มันไม่ได้ถึงขนาดว่าแตกต่างแต่ลงตัวเหมือนที่คนอื่นชอบนึกถึงกันบ่อยๆ

     

                   แต่สำหรับเขาสองคนมันมีอะไรที่แตกต่างแต่เราก็เข้ากันได้ดี มันอาจจะเป็นเพราะค่อยๆกลับตัวเข้าหากันเรื่อยๆอะไรแบบนี้ เลยทำให้ทั้งสองคนเข้ากันได้

     

                   เขาไม่ค่อยจะทะเลาะกับจีวอนอะไรมากมายนัก ส่วนใหญ่งอนกันเป็นเด็กๆมากกว่า

     

                   แค่อยากถามว่าคิดว่าใครขี้งอนที่สุดกันระหว่างเขาทั้งสอง

     

                   อยากจะตอบตรงนี้เลยว่า จีวอนน่ะขี้งอนสุดๆ

     

                   แต่เขาก็คิดแหละว่ามันก็เป็นมุมน่ารักๆแบบนึงที่จีวอนมี แล้วคนอื่นก็ไม่มีสิทธิที่จะได้เห็นมันได้ง่ายๆ

     

                   มุมอบอุ่นเวลาที่อยู่กับหลานๆ


                   มุมสบายๆเวลาอยู่กับเพื่อนๆ (เพื่อนในที่นี้นอกจากพี่ยุนฮยองก็ยังมีคนอื่นอีกที่จีวอนเคยพามาให้รู้จักบ้าง บังเอิญเจอบ้างอีกหลายคน)

    มุมที่ออกจะเหมือนรุ่นพี่นิ่งๆอย่างเวลาเจอเขากับเพื่อน คอยเป็นคนสอนแล้วก็ให้คำแนะนำต่างๆกับเขาแล้วก็เพื่อนได้ดีทีเดียว

    แล้วก็อีกหลายๆมุมที่คนอื่นได้เห็นบ๊อบบี้..

     

                   แต่มุมที่จีวอนอยู่กับเขา คือสิ่งที่จีวอนเป็น สลับคราบต่างๆของบ๊อบบี้ออกไปจนหมดสิ้น

     

                   นั่นแหละสิ่งที่เขาชอบที่สุดของจีวอน

     

                   พอเหลือบมองนาฬิกาก็เป็นเวลาใกล้จะหกโมงอยู่แล้วนั่นทำให้ฮันบินต้องเร่งมืออย่างด่วนที่สุด

     

                   เค้กถูกนำไปเก็บไว้ในตู้เย็นที่เปิดออกมาก็แทบจะไม่เจออะไรนอกจากน้ำเปล่าไม่กี่ขวด อาจเป็นเพราะช่วงที่ผ่านมาจีวอนไม่ได้อยู่คอนโดนั่นแหละ แล้วเขาก็รีบจัดแจงนำริบบิ้นสีต่างๆมาติดรอบๆห้องไม่ให้รกจนเกินไป พอเริ่มจัดการในห้องนั่งเล่นเสร็จแล้วฮัรบินก็เปิดเข้าไปในห้องนอน

     

                   ภายในห้องก็ยังคงเรียบร้อยอยู่เช่นเคย ฮันบินจัดแจงลากลูกโป่งที่ตอนแรกตัวเองปล่อยไว้ข้างนอกห้องนอนเข้ามาอยู่ในห้องนอนพร้อมทั้งนำมาติดกับรูปโพรารอยด์ต่างๆที่เขาถ่ายเก็บเอาไว้

     

                   รูปแรก ฮันบินจำมันได้ดีมากๆ เป็นรูปที่วันแรกที่เขาได้เจอคุณป๋าของเด็กๆอย่างโซออนกับโซอึนที่ร้านของพี่ยุน ตอนนั้นฮันบินจำได้ว่าตัวเองต้องต่อต้านความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของตัวเองอย่างหนักหนามากๆเพื่อที่จะเก็บรูปนี้มา


                   รูปที่สอง รูปแก้วกาแฟที่เขาจำได้ว่าชงให้จีวอนเป็นแก้วแรก ก็อยู่ดีๆเจ้าตัวก็มาเคาะเรียกเขาเอาหน้าห้องถัดจากวันที่มาส่งเขาได้เพียงวันเดียว ก็จากที่ตกใจก็เปลี่ยนมากุลีกุจอรีบเชิญชวนจีวอนเข้ามาในห้อง แล้วก็เสนอเครื่องดื่มอย่างปกตินั่นแหละ จีวอนบอกว่ายังเช้าเลยอยากดื่มกาแฟ เขาเลยชงให้จากการมีความรู้มาบ้างจากซูฮยอน แล้วก็นั่นแหละเขาแอบถ่ายเก็บไว้จากกล่องในโทรศัพท์แล้วค่อยมาจัดการปริ้นท์เป็นภาพโพรารอยด์ภายหลัง


                   รูปที่สามแหวน ฮันบินถ่ายมันหลังจากกลับจากห้องหลังจากที่ตกลงที่จะคบกัน มันมีความหมายสำหรับเขามากจริงๆถึงขนาดใส่ติดตัวตลอดเพราะจีวอนเองก็ขอเอาไว้ เจ้าตัวเองก็ใส่ติดตัวไว้ตลอดเหมือนกัน แต่เขาก็อยากบอกจีวอนเหมือนกันว่าต่อให้ไม่บอกเขาก็จะใส่มันติดตัวอยู่ดี ก็เจ้าของที่ให้มาน่ารักขนาดนี้จะไม่ใส่ได้ยังไงกัน แล้วอีกอย่างที่มันสำคัญ.. วันที่ถ่ายรูปนี้ก็เป็น first kiss ของเขาทั้งสอง ก็พอเขาตอบตกลงจีวอนก็ดึงเขามากอดทันทีแถมยังฟัดแก้มซ้ายขวาจนแถบจะช้ำไปหมด แต่เขาก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร จนมันมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากเขานั่นแหละ ถึงได้เรียกร้องให้หยุดเพราะมันแทบจะหมดลมหายใจอยู่แล้ว

     

                   พอนึกถึงวันนั้นก็ทำให้หน้าร้อนๆเหมือนกันแหะ

     

                   รูปที่สี่ รูปคู่รูปแรก ฮันบินจำวันเวลาของมันไม่ได้แน่นอนสักเท่าไหร่หรอกมันน่าจะเป็นวันใดวันนึงในห้องของเขาที่เขาทั้งสองคนไม่มีอะไรทำเลยตัดสินใจเช่าหนังมานอนดูโง่ๆภายในห้องตัวเองกับจีวอนมันเป็นหนังอะไรสักเรื่องที่ฮันบินเองก็จำไม่ได้ เพียงแต่ว่าอยู่ดีๆเขาก็อยากถ่ายรูปคู่กับจีวอนเพราะไม่เคยมีรูปคู่ด้วยกันเลย เขาเลยเดินไปหยิบกล้องที่อยู่ในห้องนอนออกมาพอบอกกับจีวอนก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยการกวักมือเรียกเขาให้ไปอยู่ภายใต้ผ้าห่มหนานุ่มที่เจ้าตัวกับเขาใช้มันห่มด้วยกันเมื่อตอนดูหนังที่ผ่านมานี้ พอจัดแจงได้ที่กันเรียบร้อยจีวอนเป็นคนเริ่มบอกว่าอยากจะถ่ายเองฮันบินก็ไม่ขัดขืนเขาจะไม่เถียงช่างภาพมือโปรได้ยังไงกัน จังหวะที่จะถ่ายมืออีกข้างของจีวอนก็เอื้อมมาโอบเอวเขาไว้ทันทีพร้อมใบหน้าที่แนบชิดมากขึ้น รวมถึงริมฝีปากที่แปะลงบนข้างแก้มของเขาอย่างตั้งใจ ตอนนั้นเขาตกใจจนหน้าเหวอจีวอนก็ยังคงรัวชัตเตอร์ลงไปไม่หยุดติดๆกัน จนได้มาสี่ห้ารูปแล้วก็มานั่งเลือกกัน จำได้ว่าตอนเลือกรูปน่ะเขินกว่าตอนถ่ายตั้งสิบยี่สิบเท่า หรือบางทีอาจจะเป็นร้อยเท่าเลยด้วยซ้ำ ก็จีวอนน่ะเอาแต่บอกว่า รูปนี้เขาทำท่านี้น่ารักดีนะ ดูดิหน้าเหวอยังน่ารักเลย เด็กบ๊องเอ้ย แล้วก็อะไรอีกสารพัด จนเขาทนเลือกไม่ไหวต้องทำเป็นไม่สนใจแล้วบอกให้จีวอนหุบปากแล้วเลือกรูปไปเลย

     

                   ก็มันเขินนี่จะให้ทำไง


                   รูปที่ห้าเดทแรกรึเปล่านี่เขาก็ไม่ใจเพราะว่าการเดทกันสำหรับเขากับจีวอนไม่เหมือนใครสักเท่าไหร่ เรากินข้าวไปไหนมาไหนด้วยกันจนมันกลายเป็นเรื่องปกติระหว่างเขาทั้งสอง ยกเว้นก็แต่วันนั้นที่เขาบ่นว่าอยากกินอาหารทะเล หลังจากนั้นก็อย่าถามเลยว่าเกิดอะไรขึ้นรู้ตัวอีกทีก็มาโผล่เอาที่ปูซานเมืองชายฝั่งที่สำคัญเอาเสียแล้ว เขาจำได้ว่าตัวเองดีใจมากแค่ไหนที่จีวอนพาตัวเองมาไกลเสียขนาดนี้ เลยรีบสั่งอาหารเสียยกใหญ่เลือกเอาแต่เมนูซีฟู๊ดที่แนะนำของที่ร้านทั้งนั้น จนเขาถามว่าจีวอนต้องการอะไร เจ้าตัวก็แค่ยิ้มๆแล้วบอกว่าขอข้าวผัดกิมจิก็เกินพอ ตอนแรกเขาก็คิดว่าจีวอนคงคิดว่าเขาสั่งมาเยอะแล้วเลยไม่จำเป็นต้องสั่งเพิ่มอีก จนมารู้เอาตอนที่อาหารจานแรกมาเสิร์ฟ เขาก็ตั้งใจจะคีบเอากุ้งผัดเนยตัวโตป้อนเจ้าตัว แต่จีวอนกลับบอกว่าตัวเองแพ้อาหารทะเล กินไม่ได้ หลังจากนั้นเขาก็โวยวายเสียยกใหญ่เพราะจีวอนไม่เคยบอก แถมยังพาเขามาไกลถึงที่นี่ทั้งๆที่ตัวเองก็กินไม่ได้ จนสุดท้ายเขาก็เรียกบริกรที่คอยบริการมาขอยกเลือกอาหารจากทั้งหมดหกอย่างให้เหลือเพียงแค่สามอย่าง เพราะความอยากอาหารก็ลดลงไปมากหลังจากรู้ว่าจีวอนกินไม่ได้ เลยสั่งเมนูอื่นที่จีวอนกินได้มาแทน ความจริงจีวอนก็บอกว่าไม่เป็นไรแค่อยากพาเขามากินเท่านั้นเอง แต่ไม่เอาหรอกสำหรับเขาน่ะกินอะไรกับจีวอนก็มีความสุขก็อร่อยทั้งนั้นแหละ ความจริงก็น้อยใจอยู่หน่อยๆที่เจ้าตัวไม่ยอมบอก แค่ใจก็พองโตเมื่อคิดได้ว่าจีวอนเอาใจใส่ตัวเองมากมายขนาดไหน ก่อนจะกลับโซลเลยตัดสินใจมาเดินเล่นย่อยอาหารกันที่ชายหาด แล้วก็ตัดสินใจถ่ายรูปเก็บเอาไว้โดยที่ครั้งนี้ไม่ใช่ริมฝีปากของจีวอนที่ฝังลงบนแก้มของเขา แต่กลายเป็นริมฝีปากของเขาที่ฝังลงบนแก้มของจีวอนแทน

     

                   ก็ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับคนเก่งที่ขับรถพาเขามาตั้งไกลแล้วกัน


                   รูปที่หกรูปที่เขาแอบถ่ายจีวอนที่สนามบินก่อนจะเกิดเรื่องงอนกันเพิ่งผ่านมาไม่นานมานี้เป็นครั้งแรกที่ต้องห่างกันไกลขนาดนี้ มันโหวงมากๆแถมตัวเขาเองยังงี่เง่าอีก สุดท้ายก็จบลงที่การไม่ได้คุยกันเป็นอาทิตย์


                   บอกได้เลยว่าตอนนี้คิดถึงมากๆ

     

                   มากจนไม่รู้จะอธิบายยังไง

     

                   มาถึงรูปที่เจ็ดถือเป็นรูปสุดท้ายฮันบินตัดสินใจเดินไปหยิบกล้องตัวเองมาถือไว้พร้อมกับหยิบเอาริบบิ้นมาผูกข้อมือของตัวเองไว้

     

                   ก็จีวอนเคยบอกไว้นี่นาว่าถ้าเอาเขามาติดริบบิ้นมากอดไว้แล้วก็กอดแน่นๆก็พอแล้ว

     

                   รูปสุดท้ายก็กลายมาเป็นเขาเองนี่แหละ ของขวัญวันเกิดปีนี้ของคิมจีวอน

     

                   คอยดูนะถ้ากอดไม่แน่นพอล่ะน่าดูแน่ๆ

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

                        หลังจากจัดการกับลูกโป่งเสร็จ ฮันบินก็มาจัดการกับต้นคริสมาสต์ต้นเล็กๆที่ซื้อมา มันเป็นพลาสติกที่แยกชิ้นเอาไว้แล้วมาต่อเองได้ ฮันบินใช้เวลาไปกว่ายี่สิบนาทีสำหรับมันรวมตกแต่งอะไรอีกก็คงเลยสามสิบนาทีด้วยซ้ำ

     

                   แล้วทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยฮันบินมองดูมันด้วยรอยยิ้มพอมองนาฬิกาที่ข้อมือก็คือเวลาห้าโมงห้าสิบสาม ถือว่าทันเวลาอย่างฉิวเฉียดเลย

     

                   แต่จีวอนคงจะมาหลังจากนั้นสักพักฮันบินเลยเก็บข้าวของทุกอย่างให้เรียบร้อยจนสุดท้ายก็มาล้มตัวลงนอนบนโซฟาเพราะรู้สึกเหนื่อยมากเขาไม่เคยต้องมาเร่งทำอะไรแบบนี้เป็นเวลาสั้นๆขนาดนี้ เรียกได้ว่าไม่เคยทำแบบนี้เลยดีกว่า

     

    ไม่รู้ว่าตัวเองล้มตัวลงนอนพักไปนานเท่าไหน

     

                   รู้แค่ว่าตื่นมาอีกทีก็ปาไปสามทุ่มแล้ว

     

                   ฮันบินเด้งตัวออกจากโซฟาอย่างรวดเร็วนี่ตัวเองเผลอหลับไปได้นานขนาดนี้ได้ยังไงกัน

     

                   แต่อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ฮันบินรู้สึกไม่ดีคือจีวอนยังไม่กลับมา..

     

                   ไม่มีข้อความ สายโทรเข้า หรือแม้แต่ในไลน์ก็ไม่มี

     

                   มันทำให้ฮันบินรู้สึกแปลกๆจนแทบร้องไห้ออกมา     

     

                   จีวอนไม่เคยผิดนัด อาจจะมีบ้างที่มาสายไปเพราะติดงานจริงๆก็จะมีข้อความ หรือสายโทรเข้ามาบอกเขาตลอด  แต่ครั้งนี้ไม่มี

     

                   สุดท้ายก็ได้แต่นั่งมองไปรอบๆห้องที่ตัวเองได้ทำเอาไว้ มันอาจจะไม่ได้สวยหรู หรือน่ารักอะไรมากมายแบบที่คนอื่นทำ แต่สำหรับฮันบินแล้วมันก็เกินความคาดหมายของตัวเองอยู่หน่อย ที่สามารถมานั่งทำอะไรแบบนี้ได้

     

                   แต่ฮันบินก็รู้เหตุผลดี

     

                   จีวอนสำคัญกับเขามาก

     

                   สำคัญถึงขนาดที่ทำให้ฮันบินร้องไห้ได้ในตอนนี้ ความน้อยใจมันแล่นมาจุกอยู่ที่อกจนน้ำตามันไหลออกมาเงียบ ๆ สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหวจัดการเดินออกจากห้องไปพร้อมต่อสายหากลุ่มเพื่อนที่คงจะอยู่ที่ร้านเนื้อย่างเจ้าประจำของกลุ่ม

     

                   “ฮัลโหล ว่าไงฮันบิน เสียงดงฮยอกที่ดังกลับมาทำให้ฮันบินรีบพยายามทำน้ำเสียงให้ปกติที่สุด บอกตามตรงว่าตัวเขาเองก็ไม่อยากจะดูอ่อนแอในสายตาของใครหรอก

     

                   “ยังอยู่ที่ร้านอยู่ไหม เดี๋ยวแวะไปหานะฮันบินรีบตอบกลับไปทันทีพร้อมกดลิฟต์ลงไปที่ชั้นล่างสุด  เพราะฟังจากเสียงที่รอดผ่านสายมาแล้วก็คงเดาได้ไม่อยาก

     

                   “ยังอยู่นะ อยู่กันครบเลยด้วย แล้วก็พี่ยุนฮยองด้วย

     

                   “หืม? พี่ยุนฮยองหรอ เขารีบตอบกลับไปด้วยความสงสัยทันทีว่าพี่ยุนฮยองจะมาโผล่อยู่กับกลุ่มเพื่อนๆเขาได้ยังไง

     

                   “คือพี่เขาแวะมาหาเพื่อนน่ะ แล้วเจอพวกฉันพอดีก็เลยอาสาขอเลี้ยง ดงฮยอกว่าพร้อมเว้นวรรคไปนิดนึงพร้อมบอกต่อว่า แน่นอนพวกฉันไม่ปฏิเสธ

     

                   แล้วก็ตามมาด้วยเสียหัวเราะของตัวเอง กับ ดงฮยอกที่ประสานเสียงกันออกมา

     

                   “เดี๋ยวไปหานะ รอหน่อย

     

                       อ้าว แล้วพี่บ็อบบี้ล่ะฮันบิน ดงฮยอกรีบตอบมาด้วยเสียงที่แสดงความสงสัยทันที

     

                   “คือเดี๋ยวเจอกันแล้วเล่าให้ฟังนะ เดี๋ยวรีบไปหาแล้วฮันบินก็รีบตัดสายทันที น้ำตาเขาน่ะหยุดไหลมานานแล้วแต่ความรู้สึกที่มันอยู่ในใจนี่แหละที่มันคงจะบรรยายไม่ได้ มันเป็นความรู้สึกที่เขาเองก็บรรยายมันออกมาไม่ถูก

     

                   มันรู้สึกไม่ดี นั่นแหละสิ่งที่เขารู้

     

                   จีวอนยังคงเป็นคนเดียวที่ทำให้ฮันบินมีความรู้สึกที่หลากหลายแล้วก็มากมายจนบรรยายไม่ถูก

     

                   มากจนบางทีก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเลยด้วยซ้ำไป

     

                   สุดท้ายตัวเองก็ตัดสินใจโบกแท็กซี่เพื่อไปหาเพื่อนที่ร้านประจำ เมื่อไปถึงร้านเขาก็เจอเพื่อนตัวดีของตัวเองพร้อมกับพี่ยุนฮยองที่นั่งอยู่ตรงฝั่งซ้ายข้างๆกับดงฮยอก

     

                   “ฮันบิน เสียงจินฮวานที่เรียกเขาเอาไว้ ตามด้วยเสียงคนอื่นๆที่รีบส่งเมนูพร้อมบอกให้เขารีบสั่งเพราะเพิ่งกินกันไปไม่นานเท่าไหร่

     

                   ฮันบินเลยตัดสินใจไม่สั่งแล้วบอกให้เพื่อนสั่งกันแทนเพราะรู้สึกกินอะไรไม่ค่อยลง

                                                                                                                                                                                                            

                   ยุนฮยองมาไงครับเนี่ย ฮันบินถามด้วยความสงสัยทันทีถึงจะรู้เหตุผลมาบ้างจากดงฮยอก      

     

                   “คือร้านนี้น่ะร้านญาติพี่เอง พอดีพี่แวะมาหาเพื่อนแถวนี้พอดีเลยแวะเข้าร้านมาเจอพวกนี้นี่แหละ ยุนฮยองบอกพร้อมมองมาที่ฮันบินทันที ตกลงยังไงกับบ็อบบี้น่ะ

     

                   สุดท้ายฮันบินก็ต้องตอบไปตามความเป็นจริง นั่นทำให้ทุกคนในโต๊ะเงียบกันไปใหญ่ จนฮันบินต้องขอร้องบอกว่าอย่าเป็นแบบนี้ นั่นแหละสถานการณ์ถึงได้ดีขึ้นมาบ้าง แล้วยุนฮยองก็ขอออกไปคุยโทรศัพท์พร้อมลุกออกไปจากโต๊ะ เลยเหลือแค่ฮันบินกับพื่อนที่นั่งกันอยู่แทน

     

                   “นายโอเคใช่ไหมฮันบิน เป็นเสียงดงฮยอกที่ดังขึ้นมาเป็นเสียงแรก ตามด้วยคนอื่นๆตามมา อันบินเองก็ตอบอะไรไม่ถูกเพราะรู้ตัวว่าตัวเองไม่โอเคแต่ก็ไม่อยากจะบอกออกไปตามตรง เลยได้แต่ทำตัวไม่ถูกอยู่ต่อหน้าเพื่อน

     

                   “มีอะไรก็บอกพวกเรานะฮันบิน ความจริงเราก็รู้กันนั่นแหละว่านายไม่โอเคน่ะ แล้วก็เป็นเสียงจินฮวานที่ดังตามมาฮันนบินเลยผยักหน้ารับไปตามตรง เวลาเขาอยู่กับเพื่อนยังไงก็เป็นช่วงเวลาที่สบายใจที่สุดแล้ว

     

                   เปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่าไหม แล้วฮันบินก็เสนอแนวทางอื่นในการสนทนาครั้งนี้ แล้วก็คุยกันเรื่อยเปื่อยไปมาเป็นเวลาสักพักใหญ่ จนแรงสั่นจากกระเป๋ากางเกงที่เป็นที่อยู่ของโทรศัพท์มือถือ ทำให้ต้องหยิบออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้

     

                   “ว่าไงครับพี่ยุนฮยอง ฮันบินรีบกดรับพร้อมกรอกเสียงลงไปทันที

     

                   “คือฮันบินพี่มีปัญหาเกี่ยวกับรถนิดหน่อยน่ะ ออกมาหาพี่หน่อยได้ไหม เสียงยุนฮยองดูลุกลนมากจริงๆจนฮันบินเป็นห่วง

     

                   พี่จอดรถไว้ตรงไหนครับ เดี๋ยวผมออกไปหา

     

                   “ห่างจากร้านมาสองซอยน่ะ เดินมาเลย

     

                   แล้วยุนฮยองก็วางสายไป พร้อมบอกให้เพื่อนตัวเองกินเนื้อย่างกันต่อไป




     

                   หลังออกมาจากร้านสองซอยแบบที่พี่ยุนฮยองบอก ไม่มีแม้แต่วี่แววของคนที่โทรหาเขาแม้แต่นิดเดียว มีแต่ร่างของคนที่เขากำลังคิดถึงมากที่สุดในเวลานี้มาอยู่ตรงหน้า

     

                   พี่จีวอน

     

                   ฮันบินก็ได้แต่อึ้งเพราะไม่คิดว่าจีวอนจะมาอยู่ที่นี่เวลานี้ แถมยังยืนพิงรถอยู่อีกด้วย ฮันบินเองก็เริ่มที่จะทำตัวไม่ถูกความรู้สึกที่มีมาตลอดทั้งวันมันตีรวนกันไปหมดเมื่อได้เจอหน้าจีวอนแบบนี้

     

                   ทั้งสองมีแต่ความเงียบให้กัน จนจีวอนเป็นคนเอ่ยออกมาทำลายความเงียบนั้นลง

     

                   “พี่มาตั้งไกลนะ ไม่คิดจะเดินมาหากันหน่อยรึไง

     

                   พอจีวอนพูดแบบนั้นขาของเขาก็ก้าวเข้าไปหาคนที่เปิดเสื้อโค้ทรออยู่พร้อมอ้าแขนกว้างๆพร้อมรับตัวเขาเข้าไปในอกอุ่นๆนั่นทันที ซึ่งฮันบินเองก็ไม่ปฏิเสธรีบเดินเข้าไปหาคนที่เขาไม่เจอหน้ามาเป็นอาทิตย์ พร้อมกอดจีวอนเอาไว้แน่นๆไม่ต่างกับจีวอนที่ก็กอดเขาไว้แน่นเหมือนกัน

     

                   ถ้ามีใครมาเห็นก็อาจจะมีคนบอกว่า กอดกันแน่นจนมันน่าอึดอัด

     

                   ความรู้สึกเขาในตอนนี้น่ะมันไม่มีความอึดอัดเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ มีแต่ความรู้สึกที่มันโหยหากันและกันมากกว่า ความคิดถึงและอะไรหลายๆอย่างในช่วงเวลาที่ห่างกันไปนานทำให้อ้อมกอดนั้นแน่นขึ้นเรื่อยๆ

     

                   สำหรับฮันบินแล้ว

     

                   อ้อมกอดของจีวอนยังคงอุ่นเหมือนเดิม

     

                   แล้วมันก็ควรจะเป็นแบบนี้ตลอดไป

     

                   “อย่าร้องไห้สิครับคนเก่ง พอจีวอนก้มมามองพร้อมผละมือข้างหนึ่งออกมาลูบแก้มพร้อมปาดน้ำตาเขาออกไปเบาๆนั่นแหละฮันบินถึงได้รู้ว่าตัวเองร้องไห้ออกมา

     

                   มันไปใช้น้ำตาแห่งความเสียใจ หรืออะไรที่รู้สึกไม่ดีเหมือนที่ผ่านมาไม่นาน

     

                   แต่มันเป็นน้ำตาที่เขามีความสุขจริงๆที่ได้เจอจีวอนอีกครั้ง แล้วก็ครั้งนี้เขาก็คิดว่ายังไงก็ต้องดีกันจีวอนแล้วถึงได้ไหลออกมาแบบนี้

     

                   “คิดถึง พอพูดออกไปแบบนั้นฮันบินก็รีบซุกใบหน้าเข้ากับอกแข็งๆของพี่ทันที ต่อให้ตอนนี้ไม่มีกระจกอยู่ใกล้ๆฮันบินก็รู้ว่ายังไงตัวเองก็คงต้องหน้าแดง หูแดงอยู่แน่ๆ

     

                   พอซุกใบหน้าเข้ากับอกคนเป็นพี่ จีวอนก็รีบรั้งตัวของฮันบินเข้ามาใกล้กันเข้าไปอีก

     

                   “คิดถึงเหมือนกันนะครับ พอจีวอนพูดจบ ฮันบินก็ได้รับสัมผัสเบาๆที่หน้าผากจากริมฝีปากของจีวอน ยิ่งทำให้มั่นใจมากขึ้นไปอีกว่าหน้าตัวเองจะแดงขนาดไหน งอนกับคนเด็กกว่าตั้งนานแน่ะ อยากกอดจะตาย

     

                   “ขอโทษที่งี่เง่า งอแงด้วยนะครับ แล้วฮันบินก็พยายามผละตัวออกมาจากอ้อมกอดคนเป็นพี่แต่ดูเหมือนจีวอนเองก็ไม่ยอมโดยง่ายเลยกลายเป็นว่ากอดกันหลวมๆแทน

     

                   ขอโทษนะครับ ดีกันนะ

     

                   ว่าจบฮันบินก็รีบยกมือตัวเองที่โผล่พ้นขอบสเวตเตอร์ตัวเก่งออกมาเล็กน้อย พร้อมชูนิ้วก้อยไปให้อีกคน

     

                   “นะ


                   พอทำแบบนั้นจีวอนก็เงียบไปจนฮันบินที่เอาแต่ก้มหน้ามองพื้นต้องเงยหน้าขึ้นมองคนเป็นพี่ที่จู่ๆก็เงียบไป

     

                   แล้วฮันบินก็รู้ว่าตัวเองน่ะคิดผิดจริงๆ

     

                   พอเงยหน้าริมฝีปากตัวเองก็โดนจุ้บลงมาแรงๆด้วยริมฝีปากของจีวอนแล้วผละออกไปทันที

     

                   นั่นทำให้ฮันบินเหวอมากกว่าเดิมเพราะอยู่ดีๆก็โดนคนเป็นพี่มาขโมยจุ้บเอาซะดื้อๆ

     

                   “อย่าทำตัวน่ารักแบบนี้ดิครับ พี่อดใจไม่ค่อยไหวหรอกนะ แล้วเสียงทุ้มต่ำของจีวอนก็ทำให้ฮันบินยิ่งอายจนแทบจะเอาหน้ามุดลงไปกับเสื้อคนเป็นพี่อีกครั้ง

     

                   ใครให้มาพูดจาแบบนี้กันเล่า

     

                   “นั่นแหนะน่ารักอีกแล้วเนี่ย แล้วฮันบินก็รีบพูดกลับไปเลยทันทีเพราะงงว่าอยู่ๆทำไมตัวเองถึงมาโดนชมเอาซะดื้อๆทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด

     

                   “ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ

     

                   “เรานั่นแหละทำแต่ไม่รู้ตัว แล้วจีวอนก็คว้ามือเขาไปจับไว้ทันที ทำไมออกมาข้างนอกไม่ใส่ถุงมือครับ มือแดงมากเลยนะ เย็นด้วย

     

                   แล้วก็เอามือเขาเข้าไปซุกในเสื้อโค้ทของตัวเองทันที

     

                        พี่จอดรถไว้ถัดจากซอยนี้ไปนิดนึง กลับห้องกันนะครับ

     

                        ระหว่างทางเขากับจีวอนก็คุยกันไม่ยอมหยุด ทั้งเล่าเรื่องของตัวเองที่ไปเจอมาในช่วงที่ไม่ได้เจอกัน รวมถึงเรื่องต่างๆที่ผิดใจกันด้วย ฮันบินยอมรับว่าตัวเองงี่เง่ามาก ในขณะที่จีวอนก็ยอมรับว่าตัวเองก็งอนฮันบินเหมือนเด็กๆ

     

                   สุดท้ายก็ยอมรับผิดกันไปทั้งคู่

     

                        จากที่ตอนแรกงอนกันกลับกลายเป็นว่าตอนนี้มาเถียงกันเพราะเอาแต่ว่าเป็นความผิดของตัวเอง

     

                   จนฮันบินต้องบอกว่าเราผิดคนละครึ่งงั้นหายกัน ถึงได้เลิกเถียงกันได้

     

                   จีวอนก็ขอโทษที่วันนี้ผิดนัดกับฮันบินแถมยังไม่ส่งข้อความมาบอกอีก จนพี่ยุนฮยองทนไม่ไหวโทรไปหาเลขาหน้าห้องของจีวอนเอง ถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองทำงานจนลืมฮันบินเพราะงานในช่วงที่ไม่อยู่มันมากมายจนล้นมือไปหมด ไหนจะงานประชุมที่ตัวเองต้องเจออีก

     

                   จีวอนก็เอาแต่ขอโทษจนฮันบินต้องย้ำว่าตัวเองไม่ได้โกรธอะไรเลย

     

                   ความจริงก็สารภาพไปว่ารู้สึกไม่ดีเหมือนกัน จนได้มาเจอหน้ากันนี่แหละเลยหายเลย

     

                   เลยกลายเป็นว่าทุกเรื่องของเขาทั้งสองคนนั้นเข้าใจกันแล้ว นั่นทำให้ฮันบินรู้สึกดีมากจริงๆ จนยิ้มไม่หุบมาตลอดทาง

     

                   แต่พอรถของจีวอนเริ่มที่จะเลี้ยวเข้ามาในคอนโดเลยทำให้ฮันบินนึกอะไรบางอย่างออก

     

                   เซอร์ไพรส์ของจีวอนที่ตัวเองทำไว้ในห้อง

     

                   อ่า.. มันทำให้เขาประหม่ามากจริงๆพอนึกถึงสิ่งที่ตัวเองต้องทำต่อไปนี้ จนต้องเอ่ยเรียกคนเป็นพี่เบาๆเมื่อรถจอดลง

     

                   “พี่จีวอน คือว่า..ฮันบินก็คิดหาคำพูดมาในสถานการณ์ตอนนี้ไม่ถูกจริงๆ  จนได้แต่อ้ำๆอึ้งๆจนโมโหตัวเองแบบนี้ คือว่า ผมน่าจะลืมของไว้บนห้องพี่น่ะครับ ตอนแรกผมไปรอพี่ที่ห้อง ขอขึ้นไปด้วยได้ไหม

     

                   “จะขอทำไม ไหนบอกคืนนี้จะนอนกับพี่ไงครับ แล้วจีวอนก็เอื้อมมือมาขยี้ผมเขาจนมันเสียทรงไปหมด บอกแล้วห้ามเปลี่ยนใจนะ

     

                   อ่า.. แล้วฮันบินก็อึกอักเพราะจำได้ว่าตัวเองบอกจีวอนไปแบบนั้นจริงๆเมื่อตอนกลางวัน อยากให้ผมนอนด้วยไหมครับ ผมกลัวว่าตัวเองจะกวนพี่นะ

     

                   “ถามแบบนี้นี่ไม่รู้จริงๆหรือไง อยากกอดจะแย่ แล้วจีวอนก็ยิ้มในแบบที่ฮันบินคิดว่ามันไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด รีบขึ้นห้องกันเถอะครับดึกแล้วนะ แล้วจีวอนก็ลงจากรถไปพร้อมๆกับฮันบินที่รีบเดินนำเจ้าตัวไปก่อน

     

                   พอมาถึงชั้นที่พักของจีวอนก็กลายเป็นว่าฮันบินเริ่มจะทำตัวไม่ถูกอีกครั้งเพราะจะให้จีวอนเข้าห้องไปก่อนก็ไม่ได้ คือพี่รอผมอยู่หน้าห้องก่อนได้ไหมครับ

     

                   แล้วก็ได้หน้าตาที่แสดงความสงสัยมาอย่างปิดไม่มิด

     

                   “ทำไมล่ะครับ

     

                   “นะครับ คือผมบอกไม่ได้จริงๆนะ ฮันบินก็รีบทำเสียงขอร้องทันทีซึ่งแน่นอนถ้าเป็นฮันบินทำแบบนี้ยังไงก็คงต้องยอม

    โอเคเลยครับ พี่รออยู่หน้าห้องนะ เรียบร้อยเมื่อไหร่ก็บอก

     

                   แล้วจีวอนก็ยื่นคีย์การ์ดของตัวเองให้เขาฮันบินเลยรีบเปิดเข้าห้องไปพร้อมเช็คความเรียบร้อยแบบรีบๆแล้วก็เดินไปหยิบเอาเค้กมาจากตู้เย็นปักเทียนลงไปด้วยความรีบ

     

                   พร้อมกับเดินไปวางไว้ตรงโต๊ะหน้าโซฟาจุดเทียนขึ้นมา  

     

                   ไม่ลืมที่จะหยิบเอาริบบิ้นที่ตัวเองถอดเอาไว้มาพันรอบข้อมือตัวเองเหมือนเดิม แล้วก็รีบเดินไปหาคนที่หน้าห้องโดยทันที

    พี่จีวอนปิดตาหน่อยได้ไหมครับ แล้วฮันบินก็ยื่นมือออกไปจับกับมือของจีวอนเอาไว้ด้วยมือที่ไม่ได้ผูกริบบิ้นไว้ ห้ามขี้โกงนะครับ

     

                   แล้วก็ค่อยๆจูงมือคนเป็นพี่เข้าห้องไปพร้อมดับไฟลงทั้งห้อง

     

                   “ลืมตาได้แล้วครับ ฮันบินบอกพร้อมเสียงเล็กๆที่เอ่ยเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ย้อนหลังให้คนรักของตัวเองย้อนหลัง พอร้องจบฮันบินก็มองหน้าจีวอนที่เอาแต่ยิ้มไม่ยอมหยุด แถมยังไม่ยอมเป่าเทียนอีกต่างหากจนฮันบินต้องเร่งเร้า เป่าเทียนสิครับ

     

                   แล้วจีวอนก็เอาแต่ยิ้ม

     

                   ยิ้ม

     

                   ยิ้ม

     

                   ยิ้ม

     

                    แล้วก็ยิ้มอยู่แบบนั้น

     

                   “พี่จีวอนถ้าไม่เป่าผมจะเป่าเองแล้วนะ ฮันบินรีบพูดทันทีเพราะเทียนมันก็ค่อยๆละลายลงไปเรื่อยๆ แล้วพอจีวอนทำท่าจะเป่า ฮันบินก็รั้งเอาไว้อีก ขอพรก่อนสิครับ อย่าเพิ่งเป่านะ

     

                   “โอเคเลยครับคนดี พี่ยอมแล้ว แล้วจีวอนก็ทำท่าครุ่นคิดอยู่พักนึงแล้วก็เอ่ยออกมาเรียบๆ ความจริงมีฮันบินอยู่ด้วยกันตลอดนี่ก็เป็นพรสำคัญของพี่แล้วนะครับ

     

                   งั้นไม่ขอพรดีกว่า

     

                   ถามฮันบินแทนได้ไหมครับ

     

                   “เดี๋ยวค่อยถามก็ได้ เป่าก่อนนะครับ แล้วจีวอนก็เป่าลงพร้อมกับความมืดที่เข้ามาแทนที่ แต่ความมืดก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรกับจีวอนที่จะคว้าเอาฮันบินมากอดอีกครั้งได้เลยสักนิด

     

                   “แค่จะถามว่าย้ายมาอยู่กับพี่ได้ไหมครับ อยากนอนกอดทุกวันเลยนะรู้ไหมครับ

     

                   แล้วมันก็เป็นคำถามที่ฮันบินไม่กล้าแม้แต่จะตอบได้แต่คิดไปคิดมาอยู่ในหัว จนจีวอนเดินไปเปิดไฟแล้วก็ตาม

     

                   “ยังไม่ต้องตอบก็ได้ พี่แค่ถามเราไว้เฉยๆ แล้วจีวอนก็เดินมาขยี้ผมของเขาอีกครั้ง พร้อมกับเอามือลูบตรงระหว่างหางคิ้วเบาๆ ดูสิคิ้วขมวดเป็นปมหมดเลย กินเค้กกันดีกว่าเนอะเดี๋ยวพี่ไปเอาจานมาให้นะ

     

                   พอจีวอนจะเดินไปทางครัวอันบินก็ได้แต่รั้งชายเสื้อของพี่ไว้

     

                   “พี่จีวอนเข้าไปในห้องนอนหน่อยได้ไหมครับ

     

                   แล้วจีวอนก็เดินเข้าไปพร้อมจูงมือฮันบินเข้ามาด้วยพอเข้าไปก็พบเจอกับพวกกองทัพลูกโป่งพร้อมรูปต่างๆที่ฮันบินทำไว้ยิ่งทำให้จีวอนยิ้มไม่หยุดยิ่งกว่าเดิม

     

                   “ทำไมแฟนพี่ถึงน่ารักขนาดนี้ครับ หือ จีวอนพูดพร้อมยกมือสองข้างขึ้นมายืดแก้มของฮันบินไปมา แล้วก็จบลงที่กอดเหมือนเดิม

     

                   “ความจริงมีความขวัญจะให้พี่ด้วยนะครับ ฮันบินพูดพร้อมเงยหน้าขึ้นมองคนเป็นพี่ ย้อนหลังหลายวันเลย แต่ผมอยากให้จริงๆนะ

     

                   “ไม่น่าลำบากเลยนะเราอะ  แล้วจีวอนก็พูดออกมาพร้อมมองไปรอบห้องตัวเองที่เปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมากด้วยฝีมือฮันบิน ยิ่งมองเขาก็ยิ่งมีความสุขที่คนรักของตัวเองมาทำอะไรแบบนี้ให้

     

                   “นี่ไงของขวัญ แล้วฮันบินก็ยื่นมือของตัวเองที่มีริบบิ้นผูกอยู่ไปตรงหน้าคนเป็นพี่พร้อมก้มหน้าลงอีกครั้ง บอกตามตรงว่าเขาเขินมากจริงๆ เขินจนตัวจะแตกเอาให้ได้ด้วยซ้ำ

     

                   ครั้งนี้จีวอนไม่ได้เงียบไปแต่กลับดึงเขาไปกอดแน่นๆแทน

     

                   ซึ่งฮันบินบอกได้เลยว่าครั้งนี้พี่เขากอดตัวเองแน่นจริงๆ อย่างที่พูดไว้ไม่มีผิด

     

                   พร้อมกับริมฝีกปากที่ฝังลงที่แก้มเขาทั้งซ้ายทั้งขวา จนมาจบที่ริมฝีปากก็เอาแต่ช่วงชิงลมหายใจเขาอยู่อย่างนั้น จนเขาต้องทุบอกประท้วงถึงได้ยอมหยุด

     

                   “ทำไมเป็นคนใช้คำว่าน่ารักเปลืองแบบนี้นะคิมฮันบิน จีวอนบอกพร้อมยื่นมือข้างหนึ่งไปลูบใบหน้าของคนเป็นน้องเบาๆ ถ้าสักวันนายไปหน้ารักกับใครคนอื่นที่ไม่ใช่พี่นี่คงต้องอกแตกตายแน่ๆ

     

                   “พูดอย่างงี้ได้ยังไงครับ ใครเขาจะกล้าล่ะ ฮันบินพูดพร้อมมองหน้าคนเป็นพี่ไปด้วย

     

                   นี่เป็นของขวัญของพี่จีวอนนะ จะไปน่ารักกับคนอื่นได้ยังไง

     

                   อยู่ที่พี่นั่นแหละจะทำยังไงกับของขวัญอันนี้

     

                   ยอมทุกอย่างแล้วครับ

     

                   จะให้ทำอะไรก็ยอม

     

                   แล้วฮันบินก็เงียบไปอีกอึดใจใหญ่ๆ เพื่อรวบรวมความกล้าออกมา

     

                   อยากจะให้มานอนกอดทุกวันเหมือนที่บอกไว้ยังได้เลย

     

                   แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่โดนจีวอนดึงเข้ามากอดซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้

     

                   “พี่ว่าตอนนี้น่ะ กอดของขวัญให้แน่นๆน่าจะดีที่สุดแล้วครับ

     

                   อ๋อ.. ที่สำคัญน่ะ

     

                   ฟัดจนช้ำเลยน่าจะดีเหมือนกันนะครับ


    talk - ถือเป็นสเปวันเกิดของพี่บ็อบเรานะคะ แต่มาช้ามากแถมยังไม่ครบอีก แง้ ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ ที่เหลือตามมาเร็วๆนี้แน่นอน (แอบบอกว่าตอนนี้แอบยาวนิดนึงนะคะ55555555)

    talk2 มาต่อแล้วนะคะ ยังคงไม่จบเป็นเรื่องที่ยาวมากจริงๆค่ะ ฝากเม้นท์ติตมตามใจชอบเลยนะคะ รออ่านอยู่ เจอกันที่เหลือค่ะ 

    talk 3 มาช้าแบบไม่มีข้อโต้แย้งใดใดค่ะเป็นตอนที่ยาวมากจริงๆน่าจะยาวที่สุดที่เคยเขียนมาเลยค่ะ เลยวันเกิดพ่อกระต่ายเราไปเดือนนึงพอดี t-t มาครบแล้วนะคะ เจอกันเรื่องหน้าเนาะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ทุกคนคือกำลังใจขอเราเลย


    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×