ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    iKON - DOUBLEB ♡ BOBBYxB.I

    ลำดับตอนที่ #3 : - Day by Day ♡ - 100%

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.พ. 59


                   

                                                                             - day by day -



                   บางทีวันนี้ก็ไม่ใช่วันดีของเขาสักเท่าไหร่..


                   งานเพลงที่เตรียมทำไว้ก็ต้องแก้ใหม่จนเกินเวลาไปมากอยู่ รถติดมากจนแทบไม่กระดิกไปไหนเป็นชั่วโมง พอมาถึงที่หมายแทนที่เขาจะรีบไปยังสถานที่ที่เขาต้องการแต่กลับต้องแวะซื้อขนมติดมือไปด้วย.. แต่ความจริงแค่ติดมือก็คงไม่ใช่เรียกว่าเต็มสองมือเลยน่าจะดีกว่า


                   ก็มาสายไปนี่.. เดี๋ยวคนรอเขาจะงอนง้อหน่อยก็ดี


                   เพราะฮันบินน่ะ ถ้าจะง้อต้องรีบง้อตั้งแต่เพิ่งงอนใหม่ๆ เพราะถ้าปล่อยไว้อาจจะได้เคลียร์กันยาว


                   พูดถึงไม่เท่าไหร่เจ้าตัวก็โทรหาเขาพอดี


                   "พี่มาช้า" เสียงของปลายสายดังมาทันทีที่เขากดรับ จากที่ฟังดูแล้วเสียงของฮันบินน่าจะเหมือนเริ่มงอนเขาหน่อยแล้วล่ะ..


                   หลังจากซื้อของเสร็จเขาก็รีบบึ่งไปที่ลิฟต์ทันที รีบจนไม่ได้เงยหน้ามองใครพร้อมโทรศัพท์ที่ถือไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง


                   "จะถึงแล้ว รอพี่แป๊บเดียวนะจะขึ้นไปหาแล้ว"


                   "รีบมาเลย"


                   "คิดถึงรึไง ถึงให้รีบไปน่ะ " 


                   "ก็ใช่ไง" 


                   "ถ้าบอกแบบนี้จะรีบไปทันทีเลยครับคุณฮันบิน" 


                        พอฮันบินตอบกลับมาพร้อมที่เขาตอบกลับไปปลายสายก็ตัดไป คำตอบของฮันบินทำให้เขายิ้มไม่หุบ จากที่ก้มหน้าอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมายิ้ม และทันทีที่เงยหน้าสิ่งที่รู้คือเขาพลาด.. พลาดมากๆ


                   บนลิฟต์ไม่ได้มีแค่เขาหรอก ไม่สิความจริงเขาก็รู้ว่ามีใครขึ้นลิฟต์มากับเขาด้วย แต่ไม่คิดจะเป็นคนรู้จักอย่างรุ่นพี่ทาโบล..


                   คนที่ยืนยิ้มด้วยสีหน้าล้อเรียนเขาอยู่ในตอนนี้ ถามว่าเขินบ้างไหม.. เขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งนะ แล้วยิ่งมาเจอกับคนรู้จักเวลาคุยโทรศัพท์แบบนี้เขาก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูกเข้าไปใหญ่ แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรนอกจากโค้งตัวทำความเคารพคนที่อายุมากกว่า พร้อมยิ้มอย่างเขินไปให้


                   "หวานกันจริงนะพวกนายน่ะ " ทาโบลเอ่ยพร้อมน้ำเสียงที่แสดงถึงการล้อเลียนเขาเต็มที่


                   "ไม่ได้หวานหรอกครับ.. ผมก็คุยกันทั่วไป" พอบอกไปแบบนั้นเสียงตอบกลับจากทาโบลก็กลายเป็นเสียงหัวเราะแทนคำพูด


                   "แน่ใจหรอว่านั่นน่ะปกติ คุยกับแม่ของฮารุฉันยังไม่หวานขนาดนี้ด้วยซ้ำ" พออีกคนตอบกลับไปยิ่งทำให้จีวอนลำบากใจกับคำตอบนิดหน่อย..


                   เขากับฮันบิน.. ไม่ใช่แฟนกัน..


                   สถานะที่จำกัดระหว่างเขาก็ไม่มี


                   เพื่อน.. ก็ไม่น่าจะใช้ได้


                   พี่น้อง.. อันนี้ก็ใกล้เคียงแต่มันก็ยังไม่ใช่


                   แฟนหรือคนรัก นั่นก็ยิ่งไม่ใช่ใหญ่.. แต่จีวอนแค่อยากให้มันใช่ในเร็ววัน


                   พอเห็นจีวอนเงียบไปแบบนั้นทาโบลก็ลืมนึกไปว่าระหว่างสองคนนี้มันคงจะมีบางอย่างที่ไม่ปกติ..


                   "ยังไงก็สู้ๆเข้าล่ะ เดี๋ยวเขาก็ใจอ่อนเองนั่นแหละ " จีวอนก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปนอกจากยิ้มบางๆส่งไปให้รุ่นพี่ของตัวเองแทน
    แล้วทาโบลก็พูดพร้อมเดินออกจากลิฟต์ไปเพราะถึงชั้นที่ตัวเองต้องการ


                   ในขณะที่เขายืนพิงผนังลิฟต์ไปพร้อมกับความคิดของตัวเอง


                   เขาหาสถานะให้ระหว่างตัวเองกับฮันบินไม่ได้


                   ความจริงเป็นพี่น้องที่สนิทกันมันใกล้เคียงก็จริง แต่สิ่งที่เขารู้สึกมาโดยตลอดมันบอกเสมอ.. เขาไม่ได้คิดกับฮันบินเพียงแค่นั้นหรอก เขาคิดกับฮันบินมากกว่าน้องมาโดยตลอดตั้งแต่ที่รู้จักกันครั้งแรก


                   เขาเจอกับฮันบินที่คลับไหนสักที่ที่ตัวเองก็จำไม่ได้เหมือนกันตอนนั้นเขาก็เป็นแชมป์จากรายการเซอร์ไวเวิลชื่อดัง มีคนเตรียมพร้อมจะเข้ามาหาเข้ามากมายหลายคน


                   แต่หนึ่งในนั้นไม่มี..


                   คิมฮันบิน


                   โปรดิวเซอร์คนเก่งประจำค่ายดังที่ภายหลังผันตัวมาทำงานเบื้องหน้าขึ้นสเตจกับเขาบ้าง


                   เขาจำได้ตั้งแต่ครั้งแรกว่าตัวเองต้องเป็นฝ่ายเข้าไปทำความรู้จักกับอีกคนก่อนด้วยซ้ำ เขาแค่คิดว่าฮันบินมีอะไรบางอย่างที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าคืออะไรที่ทำให้ตัวเองเข้าไปหา เข้าไปทำความรู้จักกับฮันบินก่อนแบบนั้น


                   หลังจากนั้นก็พัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ ไปสังสรรค์กันบ้าง ไปกินข้าว เที่ยวดูหนังหรืออะไรต่างๆนานา แล้วยังต้องทำงานร่วมกันเพราะเขานี่แหละที่ไปขอร้องให้ฮันบินมาทำบีทสำหรับอัลบั้มใหม่ของตัวเอง พร้อมทั้งให้เจ้าตัวมาฟีทด้วยกัน


                   ก็เป็นการแปลกดีที่ตัวเองต้องเป็นฝ่ายเขาหาอีกคนก่อนเวลานึกถึงทีไรก็แปลกใจตัวเองทุกที


                   แต่ก็ดีที่ทำให้เขามีฮันบินข้างกลายมาจนถึงวันนี้


                   เพราะฮันบินเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเขามากขึ้นเรื่อยๆ จนความรู้สึกที่เขาเรียกว่าชอบ (บางทีมันอาจจะเป็นตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้รูจักกับอีกคนแล้ว) จนอาจจะกลายมาเป็นคำว่ารักหรือเปล่าเขายังไม่ใจสักเท่าไหร่เพราะเวลาหรืออะไรหลายๆอย่างก็จะทำให้เขารู้เอง


                   ตอนนี้เขามีความสุขเขารู้แค่นี้


                   แต่ที่ไม่มีสถานะระหว่างเขาสองคนอาจจะเป็นเพราะอะไรเขาก็ยังไม่แน่ใจตัวเอง


                   เขาคิดว่าตัวเองค่อนข้างแสดงออกให้คนรู้ถึงอย่างตรงไปตรงมา


                   แต่ฮันบินไม่ได้เป็นแบบนั้น เขาเคยบอกความรู้สึกที่ตัวเองมีกับฮันบินไป แต่ได้รับการตอบกลับมาว่าเร็วไปสำหรับชื่อเรียกความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคน..


                   ทั้งที่เวลามันผ่านไปจนเกือบจะสองปีอยู่แล้ว


                   แต่ฮันบินก็ไม่เคยปฏิเสธความรู้สึกของเขา


                   ถ้ามันเร็วไปแค่เวลาเขารอได้อยู่แล้ว แต่ก็นั่นแหละอยู่ใกล้ฮันบินที่ไรเขาไม่ค่อยอดใจตัวเองได้เท่าไหร่หรอก..


                   ทั้งกอด..


                   ทั้งหอม ..


                   ทั้งจูบ


                   หรือแม้กระทั่งอะไรอีกหลายๆอย่าง


                   เขาก็ทำมาด้วยกันมาหมดทั้งนั้น


                   ขาดอย่างเดียวก็แค่สถานะที่เขาคิดว่ามันขาดหายไประหว่างเขาสองคน


                   คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนลิฟต์มาหยุดอยู่ที่ชั้นเกือบจะบนสุดของตึกสูงนี้ ที่ตั้งบริษัทของฮันบิน ช่วงนี้อาจจะเป็นเพราะต้องทำเพลงโซโล่ของตัวเองด้วย เจ้าตัวเลยไม่ค่อยว่างออกไปเที่ยวเล่นกับเขาสักเท่าไหร่ จากที่ตัวติดกันตลอดเวลา ก็กลายเป็นว่าต้องห่างๆกันไปบ้าง จนเขาต้องเป็นฝ่ายมาหาแทนแบบนี้ หรือฮันบินอาจจะแวะไปหาเขาบ้างเป็นครั้งคราว


              พอเดินเข้าไปถึงข้างในก็โค้งตัวให้หลายๆคนที่ยังอยู่ทำงานทั้งๆที่ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว เขามาที่นี่ค่อนข้างบ่อย พอๆกับที่ฮันบินก็ไปบริษัทของเขาจนเป็นที่รู้จักของทุกคนเช่นกัน


                   "ฮันบินอยู่ไหนครับ " เขาเอ่ยถามกับพี่พนักงานสาวคนหนึ่ง ที่เดินผ่านหน้าเขาไปพอดี


                   "อ๋อ .. น่าจะอยู่ห้องอัดนะ ลองเข้าไปดูนะ " พอได้คำตอบเขาก็โค้งขอบคุณพร้อมเดินไปหาเจ้าตัวทันที


                   พอเปิดเข้าไปสิ่งที่ทำให้เขาชะงักคือร่างกลมๆที่พันรอบด้วยผ่าห่มคลุมตัวกำลังนั่งกดโทรศัพท์พร้อมสีหน้าที่เขาก็รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น


                   "พี่มาช้าไปเป็นชั่วโมง"



                   "งานน่ะโดนเรียกไปแก้" จากนั้นสีหน้าที่ตอนแรกเริ่มบึ้งตึงก็กลับมาเหมือนจะเป็นปกติอาจจะเป็นเพราะทั้งเขาและฮันบินทำงานในวงการเดียวกัน การเข้าใจกันเรื่องเวลาของการทำงานกับเวลาส่วนตัวเลยไม่ค่อยจะเป็นปัญหาสักเท่าไหร่ "พี่แวะซื้อขนมมาให้ด้วยนะ "


                   หลังจากนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมาทันที  เขาก็อยากให้ฮันบินกินอะไรเข้าไปบ้างเพื่อตัวจะได้โตกว่านี้หน่อย


                   ฮันบินเป็นคนตัวเล็กสำหรับเขา.. เล็กกว่าเขามาก กอดทีแทบจะจมลงไปในอกเขาทั้งตัว แต่เขาก็ชอบนะที่มันจะเป็นแบบนั้นนานๆก็คงจะดี


                   พูดจบเขาก็วางของที่ซื้อมาทั้งเครื่องดื่ม เค้ก และขนมขบเขี้ยวที่เจ้าตัวชอบวางไว้ที่โต๊ะกระจกข้างหน้าทันที พร้อมทรุดนั่งลงข้างๆกองผ้าห่มกองใหญ่ที่คลุมฮันบินไว้เกือบทั้งตัว


                   "วันนี้ผมจะนอนนี่แหละ ไม่ได้กลับบ้านมาสามวันแล้ว.. นี่คงอีกวัน " ฮันบินพูดด้วยน้ำเสียงที่เขารู้ว่าเจ้าตัวคงจะเหนื่อยพอตัวพร้อมซบหัวลงกลับไหล่เขาทันที แล้วก็คล่อยๆคลี่ผ้าห่มที่คุมตัวเองออกแล้วกองอันไว้ตรงพื้นแทน


                   เขาเข้าใจความรู้สึกฮันบินดีการที่ต้องการทำให้เพลงออกมาให้ดีที่สุดก็มักจะสนใจไปที่ๆนั้นอย่างเดียว จนลืมกินข้าว หรือเวลานอนก็แทบจะไม่มีด้วยซ้ำ


                   "สามวันที่ว่านอนจริงหรือเปล่า.. " 


                   "จริงสิครับ สามวันสิบชั่วโมง" ฮันบินพูดพร้อมยิ้มกว้างๆให้เขาอีกครั้ง แต่เขารู้ว่าฮันบินคงจะเหนื่อยมากพอตัว เวลาที่เจ้าตัวบอกมามันเกือบจะน้อยกว่าที่เขานอนในวันหนึ่งด้วยซ้ำ


                   "เหนื่อยไหม.." เขาไม่รู้จะถามอะไรนอกจากคำถามง่ายๆที่เขาก็ได้คำตอบเดิมๆจากฮันบินมาโดยตลอด 


                   "ไม่เหนื่อยหรอก มีพี่เป็นกำลังใจนี่ไง " นิ้วเรียวยาวชี้มาที่เขาพร้อมจิ้มแรงๆลงไปบนตัวเขา พร้อมมืออีกข้างที่เอื้อมมากอดเขาไว้


                   ฮันบินเป็นเด็กขี้อ้อนตลอด


                   สำหรับคนอื่นฮันบินอาจจะเป็นคนที่ดูใจกล้า เข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว หรืออะไรก็ตาม แต่หลังจากที่เขารู้จักมาตลอดถึงได้รู้ว่า เด็ดนี่ขี้อายกว่าที่คนอื่นคิดไว้มาก ชอบพูดมากๆเพราะพยายามซ่อนความขี้อายของตัวเองไว้ แต่ไม่หรอก เขาน่ะดูออกตลอด


                   "พูดแบบนี้เมื้อไหร่จะพร้อมให้พี่ได้ดูแลจริงๆสักทีล่ะ "


                   บางทีเวลาที่เขาเห็นฮันบินทำงานหนักๆแบบนี้ด้วยตัวคนเดียวตลอดมันทำให้เขาอยากดูแลเด็กนี่มากขึ้นไปเรื่อยๆ ฮันบินชอบแสดงท่าทีที่เหมือนว่าตัวเองทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเองทั้งหมด.. แต่ไม่หรอกในชีวิตคนเรายังไงก็ต้องพึ่งคนอื่นบ้าง อาจเป็นเพราะฮันบินอยู่ในช่วงวัยที่มีไฟแรงสูง ต่างจากเขาที่ผ่านช่วงนั้นมาสองสามปีแล้ว เขาเข้าใจทุกอย่างที่ฮันบินทำอยู่ตอนนี้


                   แล้วก็รู้เป็นอย่างดีว่าการพยายามทำตามความฝันให้ประสบความสำเร็จมันยากขนาดไหน


                   "ผมยังไม่อยากตอบพี่ตอนนี้ ผม.. " คำถามที่ผมเอ่ยถามไปได้คำตอบกับมาหลังจากที่เงียบกันไปสักพัก และเหมือนเจ้าตัวจะหาคำพูดอะไรมาตอบเขาได้ในตอนนี้ แววตาของฮันบินดูสับสนไปหมด เขาคิดว่าเขาดูออก... มันเป็นสายตาที่มันคงไม่ได้ต่างจากที่เขาใช้มองฮันบินสักเท่าไหร่หรอก "ผมไม่รู้จะบอกพี่ยังไงดี"


                   เขาแค่ยิ้มพร้อมดึงตัวเล็กของเขาเข้ามากอดไว้เท่านั้น ส่วนฮันบินแค่ซุกหน้าเข้ากับหน้าไหล่ของเขาเท่านั้น


                   ถ้ามันยังเร็วไปสำหรับฮันบินเขาก็พร้อมที่จะรอ บางทีเด็กน้อยของเขาที่ไม่ได้เรียนรู้เรื่องแบบนี้บ่อยๆอาจจะต้องการเวลาสำหรับการรับรู้ความรู้สึกของตัวเอง


                   ส่วนเขาก็รู้แค่ว่าตอนนี้ นั้นเป็นได้แค่นี้เขาก็มีความสุขแล้ว บางทีมาคิดดูใหม่สถานะอาจจะไม่สำคัญหรอก มันสำคัญแค่ที่ว่าทุกวันๆ เขายังมีฮันบินอยู่ในอ้อมกอดก็พอแล้ว


                   "you don't have to say a word, the way u look at me says it all. "่



     talk - เรื่องนี้มาทีเดียวร้อยเปอร์เลยแต่งเก็บไว้นานมากแล้วค่ะแล้วก็ค่อนข้างสั้นด้วย ฝากดูคำผิด ติ ชมเม้นท์ตามสบายเลยค่ะ ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกันนะคะ



    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×