คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : - Day by Day ♡ - 100%
- day by day -
บางทีวันนี้ก็ไม่ใช่วันดีของเขาสักเท่าไหร่..
งานเพลงที่เตรียมทำไว้ก็ต้องแก้ใหม่จนเกินเวลาไปมากอยู่ รถติดมากจนแทบไม่กระดิกไปไหนเป็นชั่วโมง พอมาถึงที่หมายแทนที่เขาจะรีบไปยังสถานที่ที่เขาต้องการแต่กลับต้องแวะซื้อขนมติดมือไปด้วย.. แต่ความจริงแค่ติดมือก็คงไม่ใช่เรียกว่าเต็มสองมือเลยน่าจะดีกว่า
ก็มาสายไปนี่.. เดี๋ยวคนรอเขาจะงอนง้อหน่อยก็ดี
เพราะฮันบินน่ะ ถ้าจะง้อต้องรีบง้อตั้งแต่เพิ่งงอนใหม่ๆ เพราะถ้าปล่อยไว้อาจจะได้เคลียร์กันยาว
พูดถึงไม่เท่าไหร่เจ้าตัวก็โทรหาเขาพอดี
"พี่มาช้า" เสียงของปลายสายดังมาทันทีที่เขากดรับ จากที่ฟังดูแล้วเสียงของฮันบินน่าจะเหมือนเริ่มงอนเขาหน่อยแล้วล่ะ..
หลังจากซื้อของเสร็จเขาก็รีบบึ่งไปที่ลิฟต์ทันที รีบจนไม่ได้เงยหน้ามองใครพร้อมโทรศัพท์ที่ถือไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง
"จะถึงแล้ว รอพี่แป๊บเดียวนะจะขึ้นไปหาแล้ว"
"รีบมาเลย"
"คิดถึงรึไง ถึงให้รีบไปน่ะ "
"ก็ใช่ไง"
"ถ้าบอกแบบนี้จะรีบไปทันทีเลยครับคุณฮันบิน"
พอฮันบินตอบกลับมาพร้อมที่เขาตอบกลับไปปลายสายก็ตัดไป คำตอบของฮันบินทำให้เขายิ้มไม่หุบ จากที่ก้มหน้าอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมายิ้ม และทันทีที่เงยหน้าสิ่งที่รู้คือเขาพลาด.. พลาดมากๆ
บนลิฟต์ไม่ได้มีแค่เขาหรอก ไม่สิความจริงเขาก็รู้ว่ามีใครขึ้นลิฟต์มากับเขาด้วย แต่ไม่คิดจะเป็นคนรู้จักอย่างรุ่นพี่ทาโบล..
คนที่ยืนยิ้มด้วยสีหน้าล้อเรียนเขาอยู่ในตอนนี้ ถามว่าเขินบ้างไหม.. เขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งนะ แล้วยิ่งมาเจอกับคนรู้จักเวลาคุยโทรศัพท์แบบนี้เขาก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูกเข้าไปใหญ่ แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรนอกจากโค้งตัวทำความเคารพคนที่อายุมากกว่า พร้อมยิ้มอย่างเขินไปให้
"หวานกันจริงนะพวกนายน่ะ " ทาโบลเอ่ยพร้อมน้ำเสียงที่แสดงถึงการล้อเลียนเขาเต็มที่
"ไม่ได้หวานหรอกครับ.. ผมก็คุยกันทั่วไป" พอบอกไปแบบนั้นเสียงตอบกลับจากทาโบลก็กลายเป็นเสียงหัวเราะแทนคำพูด
"แน่ใจหรอว่านั่นน่ะปกติ คุยกับแม่ของฮารุฉันยังไม่หวานขนาดนี้ด้วยซ้ำ" พออีกคนตอบกลับไปยิ่งทำให้จีวอนลำบากใจกับคำตอบนิดหน่อย..
เขากับฮันบิน.. ไม่ใช่แฟนกัน..
สถานะที่จำกัดระหว่างเขาก็ไม่มี
เพื่อน.. ก็ไม่น่าจะใช้ได้
พี่น้อง.. อันนี้ก็ใกล้เคียงแต่มันก็ยังไม่ใช่
แฟนหรือคนรัก นั่นก็ยิ่งไม่ใช่ใหญ่.. แต่จีวอนแค่อยากให้มันใช่ในเร็ววัน
พอเห็นจีวอนเงียบไปแบบนั้นทาโบลก็ลืมนึกไปว่าระหว่างสองคนนี้มันคงจะมีบางอย่างที่ไม่ปกติ..
"ยังไงก็สู้ๆเข้าล่ะ เดี๋ยวเขาก็ใจอ่อนเองนั่นแหละ " จีวอนก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปนอกจากยิ้มบางๆส่งไปให้รุ่นพี่ของตัวเองแทน
แล้วทาโบลก็พูดพร้อมเดินออกจากลิฟต์ไปเพราะถึงชั้นที่ตัวเองต้องการ
ในขณะที่เขายืนพิงผนังลิฟต์ไปพร้อมกับความคิดของตัวเอง
เขาหาสถานะให้ระหว่างตัวเองกับฮันบินไม่ได้
ความจริงเป็นพี่น้องที่สนิทกันมันใกล้เคียงก็จริง แต่สิ่งที่เขารู้สึกมาโดยตลอดมันบอกเสมอ.. เขาไม่ได้คิดกับฮันบินเพียงแค่นั้นหรอก เขาคิดกับฮันบินมากกว่าน้องมาโดยตลอดตั้งแต่ที่รู้จักกันครั้งแรก
เขาเจอกับฮันบินที่คลับไหนสักที่ที่ตัวเองก็จำไม่ได้เหมือนกันตอนนั้นเขาก็เป็นแชมป์จากรายการเซอร์ไวเวิลชื่อดัง มีคนเตรียมพร้อมจะเข้ามาหาเข้ามากมายหลายคน
แต่หนึ่งในนั้นไม่มี..
คิมฮันบิน
โปรดิวเซอร์คนเก่งประจำค่ายดังที่ภายหลังผันตัวมาทำงานเบื้องหน้าขึ้นสเตจกับเขาบ้าง
เขาจำได้ตั้งแต่ครั้งแรกว่าตัวเองต้องเป็นฝ่ายเข้าไปทำความรู้จักกับอีกคนก่อนด้วยซ้ำ เขาแค่คิดว่าฮันบินมีอะไรบางอย่างที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าคืออะไรที่ทำให้ตัวเองเข้าไปหา เข้าไปทำความรู้จักกับฮันบินก่อนแบบนั้น
หลังจากนั้นก็พัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ ไปสังสรรค์กันบ้าง ไปกินข้าว เที่ยวดูหนังหรืออะไรต่างๆนานา แล้วยังต้องทำงานร่วมกันเพราะเขานี่แหละที่ไปขอร้องให้ฮันบินมาทำบีทสำหรับอัลบั้มใหม่ของตัวเอง พร้อมทั้งให้เจ้าตัวมาฟีทด้วยกัน
ก็เป็นการแปลกดีที่ตัวเองต้องเป็นฝ่ายเขาหาอีกคนก่อนเวลานึกถึงทีไรก็แปลกใจตัวเองทุกที
แต่ก็ดีที่ทำให้เขามีฮันบินข้างกลายมาจนถึงวันนี้
เพราะฮันบินเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเขามากขึ้นเรื่อยๆ จนความรู้สึกที่เขาเรียกว่าชอบ (บางทีมันอาจจะเป็นตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้รูจักกับอีกคนแล้ว) จนอาจจะกลายมาเป็นคำว่ารักหรือเปล่าเขายังไม่ใจสักเท่าไหร่เพราะเวลาหรืออะไรหลายๆอย่างก็จะทำให้เขารู้เอง
ตอนนี้เขามีความสุขเขารู้แค่นี้
แต่ที่ไม่มีสถานะระหว่างเขาสองคนอาจจะเป็นเพราะอะไรเขาก็ยังไม่แน่ใจตัวเอง
เขาคิดว่าตัวเองค่อนข้างแสดงออกให้คนรู้ถึงอย่างตรงไปตรงมา
แต่ฮันบินไม่ได้เป็นแบบนั้น เขาเคยบอกความรู้สึกที่ตัวเองมีกับฮันบินไป แต่ได้รับการตอบกลับมาว่าเร็วไปสำหรับชื่อเรียกความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคน..
ทั้งที่เวลามันผ่านไปจนเกือบจะสองปีอยู่แล้ว
แต่ฮันบินก็ไม่เคยปฏิเสธความรู้สึกของเขา
ถ้ามันเร็วไปแค่เวลาเขารอได้อยู่แล้ว แต่ก็นั่นแหละอยู่ใกล้ฮันบินที่ไรเขาไม่ค่อยอดใจตัวเองได้เท่าไหร่หรอก..
ทั้งกอด..
ทั้งหอม ..
ทั้งจูบ
หรือแม้กระทั่งอะไรอีกหลายๆอย่าง
เขาก็ทำมาด้วยกันมาหมดทั้งนั้น
ขาดอย่างเดียวก็แค่สถานะที่เขาคิดว่ามันขาดหายไประหว่างเขาสองคน
คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนลิฟต์มาหยุดอยู่ที่ชั้นเกือบจะบนสุดของตึกสูงนี้ ที่ตั้งบริษัทของฮันบิน ช่วงนี้อาจจะเป็นเพราะต้องทำเพลงโซโล่ของตัวเองด้วย เจ้าตัวเลยไม่ค่อยว่างออกไปเที่ยวเล่นกับเขาสักเท่าไหร่ จากที่ตัวติดกันตลอดเวลา ก็กลายเป็นว่าต้องห่างๆกันไปบ้าง จนเขาต้องเป็นฝ่ายมาหาแทนแบบนี้ หรือฮันบินอาจจะแวะไปหาเขาบ้างเป็นครั้งคราว
พอเดินเข้าไปถึงข้างในก็โค้งตัวให้หลายๆคนที่ยังอยู่ทำงานทั้งๆที่ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว เขามาที่นี่ค่อนข้างบ่อย พอๆกับที่ฮันบินก็ไปบริษัทของเขาจนเป็นที่รู้จักของทุกคนเช่นกัน
"ฮันบินอยู่ไหนครับ " เขาเอ่ยถามกับพี่พนักงานสาวคนหนึ่ง ที่เดินผ่านหน้าเขาไปพอดี
"อ๋อ .. น่าจะอยู่ห้องอัดนะ ลองเข้าไปดูนะ " พอได้คำตอบเขาก็โค้งขอบคุณพร้อมเดินไปหาเจ้าตัวทันที
พอเปิดเข้าไปสิ่งที่ทำให้เขาชะงักคือร่างกลมๆที่พันรอบด้วยผ่าห่มคลุมตัวกำลังนั่งกดโทรศัพท์พร้อมสีหน้าที่เขาก็รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
"พี่มาช้าไปเป็นชั่วโมง"
"งานน่ะโดนเรียกไปแก้" จากนั้นสีหน้าที่ตอนแรกเริ่มบึ้งตึงก็กลับมาเหมือนจะเป็นปกติอาจจะเป็นเพราะทั้งเขาและฮันบินทำงานในวงการเดียวกัน การเข้าใจกันเรื่องเวลาของการทำงานกับเวลาส่วนตัวเลยไม่ค่อยจะเป็นปัญหาสักเท่าไหร่ "พี่แวะซื้อขนมมาให้ด้วยนะ "
หลังจากนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมาทันที เขาก็อยากให้ฮันบินกินอะไรเข้าไปบ้างเพื่อตัวจะได้โตกว่านี้หน่อย
ฮันบินเป็นคนตัวเล็กสำหรับเขา.. เล็กกว่าเขามาก กอดทีแทบจะจมลงไปในอกเขาทั้งตัว แต่เขาก็ชอบนะที่มันจะเป็นแบบนั้นนานๆก็คงจะดี
พูดจบเขาก็วางของที่ซื้อมาทั้งเครื่องดื่ม เค้ก และขนมขบเขี้ยวที่เจ้าตัวชอบวางไว้ที่โต๊ะกระจกข้างหน้าทันที พร้อมทรุดนั่งลงข้างๆกองผ้าห่มกองใหญ่ที่คลุมฮันบินไว้เกือบทั้งตัว
"วันนี้ผมจะนอนนี่แหละ ไม่ได้กลับบ้านมาสามวันแล้ว.. นี่คงอีกวัน " ฮันบินพูดด้วยน้ำเสียงที่เขารู้ว่าเจ้าตัวคงจะเหนื่อยพอตัวพร้อมซบหัวลงกลับไหล่เขาทันที แล้วก็คล่อยๆคลี่ผ้าห่มที่คุมตัวเองออกแล้วกองอันไว้ตรงพื้นแทน
เขาเข้าใจความรู้สึกฮันบินดีการที่ต้องการทำให้เพลงออกมาให้ดีที่สุดก็มักจะสนใจไปที่ๆนั้นอย่างเดียว จนลืมกินข้าว หรือเวลานอนก็แทบจะไม่มีด้วยซ้ำ
"สามวันที่ว่านอนจริงหรือเปล่า.. "
"จริงสิครับ สามวันสิบชั่วโมง" ฮันบินพูดพร้อมยิ้มกว้างๆให้เขาอีกครั้ง แต่เขารู้ว่าฮันบินคงจะเหนื่อยมากพอตัว เวลาที่เจ้าตัวบอกมามันเกือบจะน้อยกว่าที่เขานอนในวันหนึ่งด้วยซ้ำ
"เหนื่อยไหม.." เขาไม่รู้จะถามอะไรนอกจากคำถามง่ายๆที่เขาก็ได้คำตอบเดิมๆจากฮันบินมาโดยตลอด
"ไม่เหนื่อยหรอก มีพี่เป็นกำลังใจนี่ไง " นิ้วเรียวยาวชี้มาที่เขาพร้อมจิ้มแรงๆลงไปบนตัวเขา พร้อมมืออีกข้างที่เอื้อมมากอดเขาไว้
ฮันบินเป็นเด็กขี้อ้อนตลอด
สำหรับคนอื่นฮันบินอาจจะเป็นคนที่ดูใจกล้า เข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว หรืออะไรก็ตาม แต่หลังจากที่เขารู้จักมาตลอดถึงได้รู้ว่า เด็ดนี่ขี้อายกว่าที่คนอื่นคิดไว้มาก ชอบพูดมากๆเพราะพยายามซ่อนความขี้อายของตัวเองไว้ แต่ไม่หรอก เขาน่ะดูออกตลอด
"พูดแบบนี้เมื้อไหร่จะพร้อมให้พี่ได้ดูแลจริงๆสักทีล่ะ "
บางทีเวลาที่เขาเห็นฮันบินทำงานหนักๆแบบนี้ด้วยตัวคนเดียวตลอดมันทำให้เขาอยากดูแลเด็กนี่มากขึ้นไปเรื่อยๆ ฮันบินชอบแสดงท่าทีที่เหมือนว่าตัวเองทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเองทั้งหมด.. แต่ไม่หรอกในชีวิตคนเรายังไงก็ต้องพึ่งคนอื่นบ้าง อาจเป็นเพราะฮันบินอยู่ในช่วงวัยที่มีไฟแรงสูง ต่างจากเขาที่ผ่านช่วงนั้นมาสองสามปีแล้ว เขาเข้าใจทุกอย่างที่ฮันบินทำอยู่ตอนนี้
แล้วก็รู้เป็นอย่างดีว่าการพยายามทำตามความฝันให้ประสบความสำเร็จมันยากขนาดไหน
"ผมยังไม่อยากตอบพี่ตอนนี้ ผม.. " คำถามที่ผมเอ่ยถามไปได้คำตอบกับมาหลังจากที่เงียบกันไปสักพัก และเหมือนเจ้าตัวจะหาคำพูดอะไรมาตอบเขาได้ในตอนนี้ แววตาของฮันบินดูสับสนไปหมด เขาคิดว่าเขาดูออก... มันเป็นสายตาที่มันคงไม่ได้ต่างจากที่เขาใช้มองฮันบินสักเท่าไหร่หรอก "ผมไม่รู้จะบอกพี่ยังไงดี"
เขาแค่ยิ้มพร้อมดึงตัวเล็กของเขาเข้ามากอดไว้เท่านั้น ส่วนฮันบินแค่ซุกหน้าเข้ากับหน้าไหล่ของเขาเท่านั้น
ถ้ามันยังเร็วไปสำหรับฮันบินเขาก็พร้อมที่จะรอ บางทีเด็กน้อยของเขาที่ไม่ได้เรียนรู้เรื่องแบบนี้บ่อยๆอาจจะต้องการเวลาสำหรับการรับรู้ความรู้สึกของตัวเอง
ส่วนเขาก็รู้แค่ว่าตอนนี้ นั้นเป็นได้แค่นี้เขาก็มีความสุขแล้ว บางทีมาคิดดูใหม่สถานะอาจจะไม่สำคัญหรอก มันสำคัญแค่ที่ว่าทุกวันๆ เขายังมีฮันบินอยู่ในอ้อมกอดก็พอแล้ว
"you don't have to say a word, the way u look at me says it all. "่
talk - เรื่องนี้มาทีเดียวร้อยเปอร์เลยแต่งเก็บไว้นานมากแล้วค่ะแล้วก็ค่อนข้างสั้นด้วย ฝากดูคำผิด ติ ชมเม้นท์ตามสบายเลยค่ะ ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกันนะคะ♡
◊ SQWEEZ
ความคิดเห็น