ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    iKON - DOUBLEB ♡ BOBBYxB.I

    ลำดับตอนที่ #1 : - Daddy ♡ - 100 %

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ย. 58


                   


                                             - Daddy - 


                   วันนี้มันน่าเบื่อเป็นบ้า คิมฮันบินได้แต่คิดอย่างหัวเสียเพราะในร้านขนมเล็กๆที่ตัวเองทำงานพาร์ทไทม์อยู่นั้นเต็มไปด้วยคู่รักสามสี่คู่ภายในร้าน

                   บอกตามตรงว่าคนโสดแบบเขาก็เซ็งเหมือนกันที่ต้องมาอยู่ในสถานที่ที่หวานแหววเต็มไปด้วยละอองสีชมพูลอยเต็มไปหมดแบบนี้


                   กริ๊ง


                   เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมลูกค้าคนใหม่ฮันบินไม่ได้หันไปมองแต่ส่งเสียงต้อนรับไปแทน

                 

                   "สวัสดีครับ เชิญนั่งครับ" พอจัดการเช็ดเคาน์เตอร์เสร็จเขาก็ตัดสินใจถือเมนูพร้อมปากกาจดสำหรับรับออเดอร์ของลูกค้าโต๊ะใหม่ เขาพอจะรู้ว่าครั้งนี้คงไม่ใช่คู่รักแบบที่เป็นมาตลอดทั้งวันนี้ แต่น่าจะเป็นคุณพ่อพาเด็กๆมาทานซะมากกว่า


                   "เมนูครับเลือกดูตามสบายเลยนะครับ" พอวางเมนูลงกับโต๊ะเมื่อค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับเด็กผู้หญิงสองคนท่าทางน่าจะเป็นฝาแฝดกัน พร้อมกับเสื้อเชิร์ตขาวของคนเป็นพ่อที่ถือเมนูไว้ปิดหน้าแต่พอให้เห็นนาฬิกาโรเล็กซ์เรือนทองที่อยู่บนข้อมือของอีกฝ่าย


                   จากที่คิดไว้ลูกค้าคนนี้คงกระเป๋าหนักไม่เบาเลยแฮะ


                   "คุณป๋าคะหนูจะกินเค้ก" เด็กตัวเล็กน่ารักที่นั่งฝั่งซ้ายพูดขึ้นพร้อมมือที่เกาะแขนผู้ชายตัวโตที่นั่งตรงกลางให้สนใจ


                   "ได้เลยค่ะ โซอึนล่ะคะ จะเอาอะไรให้คุณป๋าสั่งให้เลยไหม " เสียงแหบๆทุ้มๆตอบกลับมาบอกตามตรงว่าเสียงนี้มันทำให้ใจสั่น มันค่อนข้างเอ่อ-- มีเสน่ห์มากในความคิดของฮันบิน

                   "โซออนไม่เอาแบบโซอึนนะคะ"


                   "แล้วหนูจะเอาอะไรล่ะคะ บอกคุณป๋าสิ" ยิ่งเสียงที่คอยพูดจาหวานๆใส่เด็กทั้งสองคนแล้วนั้นยิ่งทำให้ฮันบินอยากเห็นหน้าของผู้ชายคนนี้มากขึ้น ไปอีก แอบนึกโทษไปถึงพี่ยุนฮยองที่เป็นเจ้าของร้านว่าทำไมต้องทำเมนูที่มันใหญ่ขนาดนี้ด้วย


                   "ไม่รู้ โซออนไม่อยากกินเหมือนโซอึน" เด็กทางฝั่งขวาพูดอีกพร้อมทั้งกอดแขนคนเป็นพ่อ(เขาคิดว่าคงจะใช่ล่ะนะ )ไว้แน่น


                    "เอ้า แล้วคุณป๋าจะสั่งอะไรให้หนูล่ะคะ" สุดท้ายคนที่ฮันบินอยากเห็นหน้าก็ปิดเมนูแล้ววางไว้กับโต๊ะแทน พร้อมมือที่เปลี่ยนไปลูบหัวของเด็กน้อยทางฝั่งขวาไว้


                   ความรู้สึกที่ฮันบินได้เห็นหน้าคุณป๋าของเด็กทั้งสองคือ ตะลึง


                   เชี่ย ฮันบินถึงกับอุทานคำหยาบขึ้นมาในใจ ทำไมเป็นคุณพ่อที่โซฮอตได้ขนาดนี้กันวะ ไม่ว่าจะเป็นสันกรามที่คมเฉียบซะฮันบินนึกอิจฉา ไหนจะจมูกโด่งที่พอดีกับโครงหน้าพอดี ไม่ว่าจะเป็นดวงตาที่ตี่นั่นแต่แฝงไปด้วยความเฉียบคม ฮันบินมองมันด้วยความตะลึง


                   เกิดมาจนอายุจะยี่สิบก็ไม่เคยเห็นคุณพ่อที่หล่อขนาดนี้เลยวะแม่ง เห็นหน้าละอยากจะถามเหลือเกินว่ารับสมัครเมียคนที่สอ-เอ้ย คนดูแลเด็กทั้งสองไหมเขาล่ะอยากจะโทรหาพี่ยุนฮยองลาออกมันซะเดี๋ยวนี้


                    ฮือ ใจสั่นอะ ทำไมเกิดมามีหล่อได้แบบนี้วะ มันร้าวใจจริงๆ


                   "เอ่อ ร้านมีเมนูแนะนำไหมครับ" เสียงที่ส่งมาฮันบินไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้นจนจุนฮเวลูกจ้างประจำร้านอีกคนต้องเดินมาสะกิดเขาพร้อมหน้าตาเหวี่ยงๆใส่เขาถึงจะรู้ตัว ความจริงอาจจะไม่ได้เหวี่ยงหรอกมั้งเขาเห็นจุนฮเวก้ทำหน้าแบบนี้มาตลอด


                   "อุ้ย โทษทีครับผมเหม่อไปหน่อย" ว่าเสร็จฮันบินก็ก้มหัวขอโทษในทันที แต่กลับได้ฝ่ามือที่โบกเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร พร้อมรอยยิ้มที่ส่งมาตบท้าย โอ้ยแม่ครับ ฮันบินรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจ "เอ่อเมื่อกี้คุณว่าอะไรนะครับ"


                    "มีเมนูแนะนำไหมครับ คือเจ้าตัวเล็กไม่รู้จะกินอะไรน่ะ" ว่าจบก็ยิ้มให้ฮันบินอีกที แม่งใครจะรู้วะ ยิ้มแล้วมีฟันกระต่ายโผล่มาสองซี่แม่งก็ยังดูดี ฮันบินคอนเฟิร์ม


                    สุดท้ายก็ได้แต่ท่องกับตัวเองไว้ ลูกค้านะฮันบินเขามีลูกมีเมียแล้ว เป็นสิบรอบในใจพร้อมปากที่เริ่มจะแนะนำเมนูเด็ดของร้าน


                    "คือตอนนี้ร้านเรามีเมนูแนะนำนะครับเป็นเค้กหน้าเป็นการ์ตูนของดิสนีย์ เป็นช่วงโปรโมชั่นของร้านนี้ทานเสร็จได้รับรูปโพราลอยด์แล้วก็แจกลูกโป่งให้เด็กๆด้วยนะครับ เก็บไว้เป็นที่ระลึกได้ด้วยนะครับ" พูดจบฮันบินก็ได้ยินเด็กน้อยทางฝั่งขวาและซ้ายที่พูดเสียงงุ้งงิ้งเพื่อแสดงความต้องการที่จะถ่ายรูปและได้รูปโป่งคนละใบทันที


                    "โอเคคุณป๋าเข้าใจแล้ว หนูจะเอาอะไรคะไหนบอกคุณป๋าเร็ว"


                    "โซอึนเอาเค้กเอลซ่า"


                    "โซออนเอาเค้กคุณซินเดอเรลรา"


                    "โอเคครับไม่เปลี่ยนใจแล้วนะ พี่เขายืนรอเรานานแล้วรู้ไหม" พอคุณป๋าของเด็กๆพูดจบ ก็ได้ยินเสียงเด็กทั้งสองพูดพร้อมกันโดยพร้อมเพียงว่าขอโทษค่ะ พร้อมทำหน้าสลดอย่างน่าสงสารฮันบินเลยได้แต่โบกมือเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร พร้อมรอยยิ้มไปแทน" งั้นเอาตามที่เด็กๆบอกเลยครับ ขอเพิ่มเค้กหน้าหมีพูห์ชิ้นนึงแล้ว ก็นมสดปั่นสองแก้วให้เด็กๆแล้วกันครับ"


                    พอได้รับออเดอร์ฮันบินก็รีบจดด้วยความเร็วพร้อมทวนเมนูไปด้วย พร้อมกับพยายามที่จะไม่เผลอตัวไปมองหน้าคุณป๋าของเด็กทั้งสองบ่อยๆเอา


                    "ขอโทษที่สั่งช้านะครับ คุณเลยต้องมาเสียเวลาไปด้วยเลย" คุณป๋าพูดอีกทีพร้อมยิ้มให้ฮันบินอีกครั้ง โอ้ยจะยิ้มบ่อยไปไหนวะใจจะวายแล้วเนี่ย ไม่มีภูมิต้านทานผู้ชายหล่อๆเข้าใจไหม


                    สุดท้ายฮันบินก็ทำอะไรไม่ถูกก็มันเขินง่ะ เลยได้แต่ยิ้มแก้เก้อไปพร้อมรีบหมุนตัวกลับความรู้สึกมันต่างกับตอนที่เด็กๆขอโทษเขาเยอะมากๆ ทั้งๆที่ก็มาด้วยกันแท้ๆ สุดท้ายเลยต้องรีบเดินเอาออร์เดอร์ไปให้ซูฮยอนแม่ครัวประจำร้านเตรียมของสำหรับลูกค้า


                    ฮันบินไม่ได้เดินไปเสิร์ฟด้วยตัวเองเพราะรู้ตัวว่าตัวเองน่าจะมือสั่นและอาจจะทำให้แก้วหรือจานแตกได้ และคงไม่ดีสักเท่าไหร่ถึงพี่ยุนฮยองจะไม่ค่อยได้เข้ามาดูร้านบ่อยๆแถมไม่ดุอีกต่างหาก การทำข้าวของเสียหายไม่ใช่เรื่องดี สุดท้ายฮันบินก็ได้แต่นั่งมองคุณป๋าพร้อมเด็กทั้งสองอยู่หลังเคาน์เตอร์ ความรู้สึกตอนนี้คือ บาปมาก เขาลูกสองแล้วแถมยังแฝดอีก ฮือ คิมฮันบินเศร้าใจ เกิดมาไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะ ฮึก


                    หลังจากที่เรียกจะเช็คบินตามโปรโมชันของร้านที่จะได้ลูกโป่งกลับไปพร้อมรูปโพรารอยด์อีกด้วย จุนฮเวก็ถือกล้องมาสะกิดเขาเป็นเชิงว่าให้ทำหน้าที่ประจำขอตัวเองในการรับกล้องในมือไป ฮันบินเรียนนิเทศน์อยู่ปีสองแล้ว แต่ก็ยังไม่ค่อยฝีมือโปรสักเท่าไหร่แต่คงจะดีที่สุดในร้านเพราะจะให้จุนฮเวที่เรียนคณะวิทยาศาสตร์มาจับกล้องถ่ายให้ลูกค้าคงไม่เหมาะสักเท่าไหร่


                    สุดท้ายฮันบินก็จำใจเดินไปถ่ายรูปให้กับโต๊ะนั้น


                    "ตามโปรโมชันนะครับ เดี๋ยวหนูสองคนโพสต์ท่าเลยนะครับ" ฮันบินพูดพร้อมมือถือลูกโป่งไปให้เด็กทั้งสองถือไว้ แล้วก็ได้คำขอบคุณมาจากเด็กที่ชื่อโซอึนกับโซออนเป็นการตอบแทน


                    จัดว่าเป็นเด็กที่น่ารักมาก มารยาทก็ดีสุดๆแถมคุณพ่อก็ยังน่ารักอีก ฮือ (จะไม่มีการพูดถึงแม่ของน้องๆเด็ดขาดเข้าใจไหม) พี่อยากเป็นส่วนนึงในครอบครัวน้องจังเลยครับ


                    มือที่จับกล้องเอื้อมขึ้นมาในระดับโฟกัสพร้อมเพ่งไปในภาพที่ปรากฎตรงหน้า มือเขาสั่นแถมยังชื้นไปด้วยเหงื่อ แหงล่ะก็รอยยิ้มที่คนที่นั่งตรงกลางส่งมาทำให้เขาใจสั่นมากขึ้นไม่รู้จะเท่าไหร่


                    แชะ

                    เสียงชัตเตอร์ที่ดังขึ้นรูปแรกผ่านไปผลงานเขาออกมาแย่ที่สุดเท่าที่ในชีวิตนี้เคยถ่ายมา มันสั่นมากเพราะมือเขานั่นแหละ


                    "เอ่อ ขอโทษนะครับพอดีแสงมันไม่ค่อยดีเดี๋ยวผมลองใหม่อีกรูปนะ"


                    แต่ก็นั่นแหละจะโทษฝีมือตัวเองไปได้ยังไง


                    แชะ แชะ ครั้งนี้เขากดชัตเตอร์พร้อมกันสองครั้งติดๆพร้อมมือที่หยิบเอารูปถ่ายออกมาสะบัดให้ภาพที่ถ่ายปรากฎชัดเจนขึ้น


                    ภาพครั้งนี้จัดว่าดีใช้ได้ สุดท้ายฮันบินเลยเลือกที่จะเก็บรูปแรกที่ถ่ายออกมาเข้ากระเป๋าเสื้อ แล้วหยิบรูปที่สองให้เจ้าของโต๊ะพร้อมกับกล่าวขอบคุณที่มาอุดหนุนแทน เขากำลังจะเดินกลับแต่เสียงทุ้มนั้นกลับเรียกเขาไว้เสียก่อน


                    "ร้านมีเบอร์โทรศัพท์รึเปล่าครับ พอดีเผื่อจะมาครั้งหน้าจะได้โทรสั่งไว้ก่อน" ฮันบินหันหน้ากลับไปพร้อมเอ่ยตะกุกตะกัก


                    "สัก.. เอ่อ สักครู่นะครับ เดี๋ยวผมไปหยิบมาให้" สุดท้ายเขาก็เดินกลับไปที่เค้าท์เตอร์มองไปรอบๆร้านเห็นว่าจุนฮเวกำลังรับออเดอร์จากโต๊ะที่อยู่ริมประตู ส่วนซูฮยอนกำลังล้างแก้วอยู่หลังร้าน ฮันบินกำลังตัดสินใจทำบางอย่าง


                    ไหนๆก็บาปมาครึ่งทางแล้ว จะบาปอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป


                   น้องโซออน กับ น้องโซอึน ครับ พี่ขอโทษนะ 


                    สุดท้ายฮันบินก็หยิบนามบัตรร้านมาขีดฆ่าเบอร์ทิ้งพร้อมเขียนเลขสิบตัวลงไปแทนที่


                    ก็ไม่ใช่เลขอะไรหรอก หมายเลขโทรศัพท์ของฮันบินเอง


                    "พอดีเบอร์โทรศัพท์ของร้านมีปัญหานิดหน่อยครับ โทรมาตามเบอร์นี้ได้เลย พร้อมรับสายตลอดเวลาครับ"


                    ว่าจบ ก็ยื่นให้คุณลูกค้าหน้าตาดีทันที


                    ทำบาปสักวันจะเป็นไรไปวะ ไหนๆก็ดีมาทั้งชีวิตละ(หรอ)







                   "เห้ย ฮันบิน เป็นอะไรวะทำไมเหม่อแบบนี้มานานแล้วนะ"  เสียงของดงฮยอกที่เรียกเขาทำให้รู้สึกตัวได้ ฮันบินกำลังนั่งรอเรียนอยู่หน้าตึกของคณะ ตอนนี้มันเป็นบรรยากาศเดิมๆนั่นคือน่าเบื่อมากๆสำหรับเขา แถมยังเป็นวันเริ่มต้นสัปดาห์อย่างวันจันทร์อีก


                   แล้ววันนี้ก็เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ มือบางรีบล้วงเอากระเป๋าตังค์ที่หายไปเมื่อศุกร์ที่แล้ว แถมเพิ่งได้คืนมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี่เอง เพราะมีคนเก็บได้แล้วส่งคืนมาที่คณะแถมเงินและของทุกอย่างก็ยังอยู่ครบสมบูรณ์ดี ฮันบินก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปทำล่วงไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนแรกกะจะไปแจ้งความแล้ว เพราะบัตรสำคัญหลายอย่างเลยอยู่ในนั้น ยกเว้นก็แต่คีการ์ดเข้าห้องล่ะนะที่ฮันเอาติดตัวไว้ในกระเป๋าสะพายตลอดเพราะมันจะหายบ่อย


                   "มึงกูว่ากูเจอเนื้อคู่ว่ะ เหมือนกูกำลังเจอความรักเลยอะมึง"  พอบอกไปเพื่อนในโต๊ะต่างพากันทำตาโตด้วยความตกใจแถมพร้อมด้วยความเสือ-เอ้ย ไม่สุภาพเลย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเต็มไปหมด


                   "เห้ยคนโสดมายี่สิบปีบอกว่าจะมีความรักว่ะ" เสียงของจินฮวานดังมาเป็นคนแรก


                   "มันร้ายจริงๆเลย" นี่เป็นเสียงของพี่มินโฮรุ่นพี่ในคณะที่ตะโกนมาจากโต๊ะข้างๆทันทีทันใด พี่มันได้ยินด้วยหรอว่ะ


                   "ซุ่มหรอมึงอะ " นี่เป็นเสียงดงฮยอกตบท้าย


                   "ซุ่มอะไรล่ะ ไม่ร้ายอย่างที่พี่ว่าด้วยพี่มินโฮ " ฮันบินว่าด้วยเสียงเศร้าๆ "คือว่าความจริงแล้ว.." สุดท้ายฮันบินก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เจอที่ร้านเบเกอรี่ไปในวันเสาร์ให้เพื่อนฟังทั้งหมด แถมด้วยไอ้พี่มินโฮที่ตอนแรกนั่งแยกโต๊ะกับเพื่อนๆปีสามกับมาร่วมแจมด้วยซะงั้น โถ ช่างเป็นพี่ที่แสนดีจริงๆสนใจฟังเรื่องของรุ่นน้องด้วย


                   ซึ่งความจริงคือเสือ-เอ้ยๆ เป็นห่วงรุ่นน้องสิเนาะ


                   พอเราจบก็เลยตัดสินใจหยิบรูปถ่ายโพรารอยด์ที่ถ่ายคุณป๋าคนนั้นขึ้นมาทันที


                   "มึงคือกูรู้สึกชีวิตอาภัพมาก กูต้องเก็บรูปเขาจากโพรารอยด์ที่แอบถ่าย แถมยังต้องติดรูปลูกเขามาอีกตั้งสองคนรู้สึกเป็นบาปมากเลยอะมึง กูควรทำไงดี ไปบวชดีไหม ฮือ" สุดท้ายเขาก็ยื่นรูปไปให้ดงฮยอกที่นั่งถัดจากเขา ต่อด้วยจินฮวาน ตามด้วยแทฮยอนที่นั่งเงียบๆมาด้วยตั้งแต่แรก พ่วงต่อมาด้วยพี่มินโฮ


                   พอพี่แกดูจบสุดท้ายเลยยื่นกลับมาพร้อมน่าตาที่แสดงความสงสัยไว้อย่างปิดไม่มิด


    "               พี่ว่าหน้าเขาคุ้นๆนะ เหมือนเคยเห็นเลย" พี่มินโฮว่าพร้อมทำท่าครุ่นคิดไปด้วย


                   ต่อด้วยน้ำเสียงหวานๆของแทฮยอนที่เอ่ยขึ้น


                   "ฉันว่าคุณป๋าของนายน่าจะเป็นอาจารย์พิเศษที่มาบรรยายของนักเรียนชั้นปีสามนะ"


                   "ปีสามแล้วมึงรู้ได้ไงวะแทฮยอน" ดงฮยอกถามด้วยความสงสัยทันที


                   "คือเมื่อศุกร์ที่แล้วฉันไปนั่งฟังมากับพี่มินโฮน่ะ แต่พี่เขาคงจำไม่ได้มั้ง" ว่าจบแทฮยอนก็หรี่ตามองไปข้างๆทันที แถมด้วยเสียงของพวกผมนี่ร้องแซวมันกับพี่มินโฮ ที่กำลังคุยๆกันอยู่


                   " แสดงว่าเขาก็อายุเยอะแล้วล่ะสิถึงได้ มาเป็นอาจารย์พิเศษได้แล้วน่ะ" นั่นเป็นประโยคคำถามของจินฮวานเพราะฮันบินเงียบเหมือนเป็นใบ้ไปทันทีที่แทฮยอนพูดถึงคุณป๋าของตัวเอง


                   "ฉันคิดว่าไม่นะ ถ้าจำไม่ผิดเขามีผลงานเยอะๆมาก ร่วมงานกับคนดังเต็มไปหมด ได้ข่าวว่าเพิ่งจะบินกลับมาจากอเมริกาแล้วก็ตรงมาสอนเลย "แทฮยอนว่าพร้อมหันไปคุยกับพี่มินโฮ "เขาเป็นอาจารย์ของพี่นะทำไมไม่รู้อะไรเลย"


                   "เขาคงเข้ามาบรรยายเฉยๆแค่ครั้งเดียวล่ะมั้ง" มินโฮพูดพร้อมเหลือบตาไปมองแทฮยอน "พอดีพี่มองแต่หน้านายน่ะ"


                   สุดท้ายก็ได้แต่โห่ร้องแซวกันอีกรอบ จนสุดท้ายแทฮยอนทนไม่ไหวต้องไล่พี่มินโฮไปเข้าเรียน แล้วรีบบอกให้พวกเขาพากันรีบขึ้นเรียนกันได้แล้ว


                   "ฉันจำเขาได้นะฮันบิน ลองเสิร์ชชื่อเขาดูสิ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ

                   Bobby Kim"

     

                   หลังจากนั้นอย่าได้ถามเลยว่าตัวเองนั้นได้เรียนอะไรบ้างในตอนนี้ เวลาทั้งหมดใช้ไปกลับโทรศัพท์ที่เสิร์ชชื่อของ บ๊อบบี้คิมจนเต็มแท็บในโทรศัพท์ไปหมด


                   เท่าที่พอจะรู้


                   บ๊อบบี้ดังมากในวงการการถ่ายภาพส่วนใหญ่เป็นงานของต่างประเทศมากกว่าที่โดดเด่นแถมยังอายุน้อยด้วยที่จะมีชื่อเสียงมากขนาดนี้ เริ่มจากการเรียนและโตในอเมริกากลับมาทำงานเป็นช่างภาพประจำของนิตยสารมีชื่อแห่งหนึ่งได้ไม่นานเท่าไหร่ก็ลาออกมา แล้วหลังจากนั้นก็บินไปถ่ายแบบให้นิตยาสารชื่อดังของโลกอีกหลายๆแห่ง เรียกได้ว่าเป็นช่างภาพที่ใครต่อใครก็อยากร่วมงานด้วย แต่หลังๆมาสองสามปีมานี้บ๊อบบี้รับงานน้อยลง


                   นั่นทำให้ฮันบินอดคิดไม่ได้


                   สามปีคงพอๆกับอายุของเด็กสองคนนั้นที่ฮันบินพามาที่ร้านในวันนั้น


                   ไม่มีใครรู้ว่าบ๊อบบี้ปลีกตัวเองออกไปทำอะไร


                   แต่ฮันบินก็คิดนั่นแหละว่าคงจะแต่งงาน หรือ ไปมีครอบครัวอะไรแบบนี้ มันเดาไม่ยากนักหรอก


                   สุดท้ายใจก็เหี่ยวเฉาขั้นสุดแต่ก็ยังสไลด์จอโทรศัพท์ต่อไปเรื่อยๆอยู่ดี


                เขาแค่อยากรู้บางเรื่องเกี่ยวกับบ๊อบบี้


                   อยากรู้ถึงเจ้าของหัวใจของเจ้าของใบหน้าที่ฮันบินเรียกมันว่าตกหลุมรักในทันที เขาไม่ชินกับความรู้สึกแบบนี้เอาซะเลย


                   ไม่รู้ว่าใครได้หัวใจของบ๊อบบี้ไปครองในโปรไฟล์ส่วนใหญ่ก็จะเป็นมหาวิทยาลัยที่จบมา ประวัติการทำงาน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่จะเป็นแบบนี้ ช่างถ่ายภาพไม่ใช่ไอดอลคนดังที่ไหนถึงจะได้มีโปรไฟล์ต่างๆเต็มอินเทอร์เน็ตไปหมดแบบนั้น


                   แต่อย่างน้อยเขาก็รู้อย่างนึง บ๊อบบี้อายุยี่สิบเจ็ดปีแล้ว ซึ่งนั่นมันก็ไม่เยอะเท่าไหร่แต่ก็ห่างกับฮันบินเกือบๆเจ็ดปี


                   "ฮันบินอย่าทำหน้าเหี่ยวเฉาแบบนั้นดิ" เสียงแทฮยอนที่นั่งข้างๆผมเอ่ยขึ้นหลังจากที่เรียนเสร็จแล้วตัดสินใจมาหาอะไรกินกันแถวๆหน้ามหาลัย


                   วันนี้ยังพอมีเวลาอยู่บ้างเพราะเลิกเรียนตั้งแต่บ่ายสอง ส่วนเวลาทำงานก็เริ่มสี่โมงเย็น บางทีจิตใจตอนนี้อาจจะไม่เหมาะกับการทำงานบริการ บางทีเขาอาจจะต้องโทรไปลางานกับพี่ยุนฮยองเอาก็ได้


                   "นั่นมัน love at first sight ของฉันเชียวนะ มีลูกตั้งสองแล้ว แถมยังเป็นคนดังขนาดนั้น" เขาตอบกลับไปด้วยเสียงหงอยๆความจริงเขาไม่ควรจะเป็นอะไรแบบนี้ด้วยซ้ำเขาเจอบ๊อบบี้เมื่อวันเสาร์ แถมยังมาในฐานะลูกค้าพร้อมเด็กอีกสองคนที่เรียกว่า คุณป๋า นั่นอีก


                   "บางทีอาจจะเป็นลูกเพื่อน  หลานหรืออะไรแบบนั้นก็ได้นะ" แทฮยอนเอ่ยขึ้นมาตามด้วยดงฮยอกทันที


                   "อาจจะใช่นะเว้ยฮันบินเขาทำงานต่างประเทศตลอดนี่"


                   " แต่เขาก็รับงานน้อยลงมาสามปีแล้ว แถมยังพอๆกับอายุเด็กสองคนนั้นอีกนะ ฮันบินว่าพร้อมทำท่าเซ็งๆ เกิดมามีกรรมแท้ๆเลย รักแรกทำไมผ่านไปเร็วอย่างนี้ก็ไม่รู้"


                   พอพูดจบฮันบินก็ตัดสินใจคีบคิมบับปิดท้ายไปคำใหญ่ๆ กำลังจะเคี้ยวแต่โทรศัพท์เจ้ากรรมยังดังขึ้นมาซะได้


                   "อ๋งอั๋ยอี่อุน โออามอะ" (สงสัยพี่ยุนโทรตามอะ) ฮันบินว่าพร้อมล้วงโทรศัพท์ออกมารับสายโดยทันทีแล้วก็ตั้งใจจะลางานด้วยไม่มีกระจิตกะใจทำงานมันแล้ว โดยที่ไม่ได้มองสายโทรเข้าเลยสักนิด คงจะมีแต่ยุนฮยองนั่นแหละเพราะนี่ก็ใกล้เวลาเริ่มทำงานของเขาแล้ว


                   "ว่าไงครับ" ฮันบินว่าพร้อมกับปากที่กลืนคิมบับลงไปจนหมดปากแล้ว


                   "คือผมโทรมาจองโต๊ะครับ ใช่ร้าน KONTACT CAFE หรือเปล่าครับ" เสียงที่ตอบกลับมาทำให้ฮันบินสงสัย เสียงมันคุ้นๆหูยังไงก็ไม่รู้แต่ก็นึกไม่ออกมันติดๆอยู่ที่ปาก ความจริงจะจองโต๊ะที่ร้านก็ควรโทรเข้าเบอร์ร้านสิ แล้วนี่เอาเบอร์เขามาได้ยังไงกั


                   หรือว่า... โอ้ยขอให้อย่าเป็นอย่างที่คิดเลยเถอะ


                   ยังไม่ได้ทำใจไว้เลยนะ ใครจะคิดว่าจะโทรมาจริงๆเล่า


                   "โทรผิดรึเปล่าครับ" ฮันบินเลยลองแกล้งๆถามไปถึงจะรู้คำตอบอยู่แก่ใจแล้วก็ตามว่าคงจะมีแค่คนเดียวเท่านั้น


                   "มีพนักงานให้เบอร์ผมมาบอกว่าเบอร์ที่ร้านมีปัญหาเลยให้โทรมาเบอร์นี้แทนน่ะครับ"


                   "อ๋อ..  ถ้างั้นถูกแล้วครับ เดี่ยวผมจะจัดการให้" ฮันบินรีบตอบด้วยน้ำเสียงสั่นๆทันที ฮันบินกำลังได้คุยกับบ๊อบบี้ คนที่เขาแอบให้เบอร์ตัวเองไปแทนเบอร์ร้าน แถมยังเป็นคนที่เขาปลื้มอกปลื้มใจตั้งแต่เห็นหน้าเป็นครั้งแรก ถึงจะผ่านมาแค่สองสามวันแต่ใจเขามันก็บอกตรงๆว่าใช่แน่ๆแล้วคนนี้  โอ้ยคนมันกำลังใจอ่อนแอจริงๆเลยโว้ย


                   "เวลาทุ่มนึงนะครับ แค่ที่เดียว"


                   "ได้เลยครับจะจองโต๊ะไว้ชื่อว่าอะไรดีครับ"


                   "บ๊อบบี้ครับ คิมจีวอน"








                   หลังจากที่กินข้าวกับเพื่อนเสร็จฮันบินก็รีบเดินทางมาที่ร้านที่เป็นที่ทำงานของตัวเองทันที แถมยังได้รู้จากซูฮยอนอีกด้วยว่า จุนฮเวหยุดงานเพราะต้องทำรายงานส่งให้ทันในวันพรุ่งนี้เนื่องจากของเก่ามีความผิดพลาด (บรรยากาศเป็นใจจริงๆ) นั่นทำให้เขาเป็นเด็กเสิร์ฟคนเดียวของร้าน แต่ยังพอมีความโชคดีอยู่บ้างที่เจ้าของร้านอย่างยุนฮยองนั้นเข้าร้านมาในวันนี้พอดี เลยตัดสินใจจะช่วยทำงานแถมยังบอกจะให้ค่าจ้างฮันบินเพิ่มเป็นสองเท่าอีกด้วย

     

                   ความจริงฮันบินก็เกรงใจล่ะนะ แต่นี่พี่ยุนฮยองเป็นคนเสนอเองจะปฎิเสธก็ยังไงอยู่ ยังไงก็คนกันเองอยู่แล้ว ฮันบินเริ่มทำงานกับยุนฮยองมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่งแล้ว เพราะตัวเองต้องออกมาอยู่คอนโดเพราะบ้านอยู่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากทำให้เสียเวลาเดินทาง แถมพ่อกับแม่ของฮันบินก็ทำงานอยู่ต่างประเทศกัน( ไปเที่ยวกันเหมือนฮันนีมูนนั่นแหละ) หลังจากฮันบินเข้าเรียนในปีหนึ่ง พ่อกับแม่ส่งเงินมาให้ฮันบินใช้ไม่ขาดมือแต่ก็นั่นแหละ ฮันบินอยากจะลองทำอะไรใหม่ๆบ้างในชีวิต และอีกอย่างคือเหงา ปกติก็จะได้กลับบ้านไปเจอพ่อกับแม่บ้างเวลาเรียนเสร็จ แต่หลับมาที่ห้องแล้วอยู่ตัวคนเดียวมันก็เหงาเหมือนกัน แล้วการได้รู้จักการหาเงินใช้ด้วยตัวเองมันทำให้เขาค่อนข้างรู้สึกดี และชอบมัน จากที่ตอนแรกอยากทำเป็นประสบการณ์ก็กลายเป็นว่ากับติดใจขึ้นมาซะงั้น เพราะที่นี่ฮันบินมีทั้งพี่ยุนฮยองที่เป็นเจ้าของร้านที่ใจดีมาก เป็นที่ปรึกษาได้ในหลายๆเรื่อง ซูฮยอนแม่ครัวคนเก่งที่น่ารักแถมยังใจดีไม่ต่างกับยุนฮยองเลยสักนิด แถมด้วยจุนฮเวที่เป็นเด็กพาร์ทไทม์แบบเขาที่มาทำงานพร้อมๆกัน เพราะหมอนั่นเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่ยุนฮยอง แถมยังเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับฮันบินอีกด้วย ความจริงยังมีพี่พนักงานที่ทำงานในตอนเช้าอีกด้วยแต่เขาไม่ค่อยเจอหน้าเท่าไหร่อย่างพี่ซึงฮุน พี่จินอู แล้วก็พี่ซึงยุน เพราะเวลาเลิกงานของพี่เขา ก็จะกลายเป็นเวลาเริ่มงานของเขากับจุนฮเวโดยทันที  โดยรวมๆแล้วมันก็ทำให้ชีวิตฮันบินน่าเบื่อน้อยลง นี่ก็ไม่รู้จะได้ทำไปถึงเมื่อไหร่เพราะงานก็เยอะขึ้นเรื่อยๆตามชั้นปีในการเรียนที่เพิ่มมากขึ้น


                   ที่ร้านมีโต๊ะไม่มากเท่าไหร่แถมยังมีคนเข้าตลอดยกเว้นช่วงหกโมงกว่าๆเกือบทุ่มเท่านั้นที่ร้านจะไม่ค่อยมีคน บางทีอาจจะต้องโทรมาจองโต๊ะกันไว้ในบางครั้ง


                   เอาตรงๆแบบไม่ปฏิเสธบางทีเขาก็อยากจะให้มันถึงทุ่มนึงเร็วๆ

     

                   นาฬิกาเข็มสั้นชี้ระหว่างเลขหกกับเลขเจ็ดพร้อมด้วยเข็มยาวที่ชี้เลยสิบใกล้เวลาแล้วที่บ๊อบบี้กำลังจะมาหลังจากที่โทรมาบอกพร้อมกับจองโต๊ะไว้ล่วงหน้า


                   พี่ยุนฮยองกลับไปแล้วเพราะมีงานด่วนต้องไปทำ


                   ความจริงบ๊อบบี้ไม่จำเป็นต้องโทรมาจองโต๊ะก็ได้เพราะเวลาทุ่มนึงมันใกล้เวลาปิดร้านแล้วแต่ถ้าเป็นช่วงสี่ห้าโมงนี่ก็ว่าไปอย่างเพราะว่าคนจะเยอะมากๆจนแน่นร้านไปหมด


                   ตอนนี้มีลูกค้าเพียงโต๊ะเดียวในร้านเป็นนักศึกษาเข้ามาทำรายงานกลุ่มกันอยู่สามคนแล้วตั้งท่าเก็บของออกจากร้านเพราะฮันบินเพิ่งเดินไปเช็คบิลมาเมื่อกี้นี้


                   กริ๊ง


                   แล้วเขาก็รู้แน่ๆว่าใครเปิดประตูร้านเข้ามา


                   ฮันบินไม่กล้าหันไปมองเพราะวันนี้เขาไม่ได้เตรียมใจกับการเจอหน้าบ๊อบบี้เป็นครั้งที่สองสักเท่าไหร่เพราะงานเยอะมากไม่มีเวลาไปคิดถึงเรื่องอื่นๆเลยแม้แต่นิดเดียว


                   ก็เพิ่งพอจะว่างให้คิดเมื่อกี้นี้เอง


                   "เชิญนั่งครับ ยินดีต้อนรับ" สุดท้ายฮันบินก็ต้องเงยหน้ามายิ้มให้ลูกค้าคนใหม่อยู่ดี


                   แล้วได้เห็นว่านักศึกษาโต๊ะนั้นได้เดินสวนออกไปเมื่อกี้นี้แล้


                   เท่ากับว่าเหลือบ๊อบบี้เป็นลูกค้าเพียงคนเดียวในร้านแล้ว


                   "ผมจองโต๊ะไว้ครับ โทรมาจองไว้" บ๊อบบี้ว่าพร้อมเดินเข้ามาหาฮันบิน "แต่ไม่คิดว่าคนจะไม่มีแบบนี้ พอดีมาเมื่อวันเสาร์แล้วคนค่อนข้างจะเยอะน่ะครับ"


                   วันนี้ถือเป็นบ๊อบบี้ในรูปแบบใหม่ที่ฮันบินไม่เคยเห็น เพราะเจ้าตัวใส่ฮู้ดดี้สีดำ พร้อมกับผมหน้าม้าที่ไม่ได้เซ็ทมา หมดคราบคุณพ่อแต่งตัวสุดเนี้ยบเมื่อวันเสาร์ที่แล้วไปหมด


                   อ่า.. แบบนี้นี่ไม่ดีกับใจเลยรู้ไหมครับ


                   "อ๋อเป็นปกติของร้านเราแหละครับ ช่วงทุ่มนึงแบบนี้คนจะน้อยเพราะใกล้เวลาปิดร้านแล้ว" ฮันบินว่าพร้อมผายมือเชิญจีวอนเข้าไปนั่งในโต๊ะเดินที่เคยนั่ง


                   "รับอะไรดีครับ"


                   "ขอเป็นเอสเพรสโซ่ร้อนแก้วนึงครับ แล้วก็เค้กดิสนีย์ที่มีโปรโมชั่นอยู่น่ะครับจะสั่งกลับบ้านสักหน่อย" บ๊อบบี้เอ่ยสั่งทั้งๆที่ยังไม่ได้ดูเมนูใดใดเลยด้วยซ้ำ


                   สิ่งที่ฮันบินคิด คือ คงจะสั่งเค้กไปให้เด็กสองคนนั้นล่ะมั้ง ช่างเป็นพ่อที่แสนดีจริงๆ เจตนาคงไม่ได้ตั้งใจมานั่งดื่มกาแฟเฉยๆหรอก


                   คิดแล้วก็เศร้าใจจริงๆนะ


                   "พอดีโปรโมชั่นเราหมดแล้วนะครับ หมดไปเมื่อวานนี้เอง" ฮันบินว่าพร้อมเปิดเมนูยื่นไปให้บ๊อบบี้ดู ลองดูเมนูใหม่ไหมครับ ทางร้านเรามีเมนูอื่นแนะนำอีกนะครับ


                   บ๊อบบี้รับไปดูพร้อมพูดต่อ


                   "หลานๆของผมชอบน่ะครับ กะจะซื้อไปให้พวกแกสักหน่อยสงสัยคงจะอดแล้วล่ะ " บ๊อบบี้ตอบพร้อมหัวเราะเบาๆในลำคอ แต่ให้ตายเถอะฮันบินไม่รู้สึกขำด้วยสักนิด


                   "หลาน?" ฮันบินทวนคำใหม่ทันทีพร้อมความรู้สึกดีใจของตัวเอง และให้แน่คือเขาคงไม่ได้หูฝาดใช่ไหม


                   จากที่ใจห่อเหี่ยวเมื่อกี้ กลับกลายเป็นตอนนี้เหมือนตัวกำลังจะลอยได้ยังไงก็ไม่รู้ แต่เมื่อบ๊อบบี้หันมามองด้วยความสงสัยฮันบินเลยรีบพูดกลบไปด้วยรอยยิ้มทันที


                   "พอดีผมคิดว่าเด็กคนที่มากับคุณเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเป็นลูกของคุณน่ะครับ ขอโทษที่เสียมารยาท" ฮันบินรีบก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิดทันทีที่ละลาบละล้วงเรื่องของคนที่ถือเป็นลูกค้า แต่กลับได้เสียงหัวเราะกลับมาแทน


                   "ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ผมพาตัวเล็กทั้งสองไปไหนก็มีแต่คนคิดแบบนี้กันหมด แกเป็นลูกพี่ชายผมน่ะครับ ส่วนผมน่ะแม้แต่แฟนก็ยังไม่มีเลย" บ๊อบบี้ตอบมาพร้อมกับรอยยิ้มที่เหมือนแฝงอะไรบางอย่างมาให้อีกครั้งที่ทำให้เขาใจสั่นเหมือนเดิม


                   "แล้วคุณล่ะครับมีแฟนหรือยังล่ะ? " บ๊อบบี้ยังคงกล่าวยิ้มๆพร้อมเสียงหัวเราะที่ตามมาอีกหน่อย


                   เขาไม่รู้ว่าบ๊อบบี้พูดจริงหรือเล่น


                   แต่มันทำให้ใจเขาสั่นหนักมาก


                   และครั้งนี้ใจมันสั่นหนักกว่าทุกครั้ง


                   คิมบ๊อบบี้เป็นผู้ชายที่ไม่มีพันธะใดๆทั้งสิ้น แถมเมื่อกี้ยังถามเขาอีกว่ามีแฟนหรือยัง


                   แฟนไม่มีแบบนี้แสดงว่าสิ่งที่เขาทำลงไปมันก็ไม่บาปแล้วสินะ เห้อ รอดแล้วไม่ต้องตกนรกแล้วครับแม่ ดีใจจริง


                   แต่ก็อย่างว่าต่อให้เป็นบ๊อบบี้ บางทีถ้าต้องลงนรก ฮันบินก็พร้อมนะ J


                   ไม่ไหวแล้วตอนนี้ อยากระเบิดตัวเองจริง


                   แต่ฮันบินก็ยังแกล้งอ้อมแอ้มตอบไปว่าไม่มีแล้วรีบทำหน้าที่ตัวเองต่อด้วยการเอาออร์เดอร์ไปส่งให้ซูฮยอน แล้วแสร้งเดินเรียบๆไปเก็บจานในโต๊ะที่เพิ่งออกไปก่อนหน้านี้


                   พอเขานำกาแฟมาเสิร์ฟบ๊อบบี้ก็เริ่มถามเขาด้วยคำถามธรรมดาๆตามประสาคนมนุษสัมพันธ์ที่ดี อย่างเช่น


                   'ทำงานที่นี่มานานรึยังหรอครับ'


                   'ดูคุณน่าจะอายุน้อยอยู่เลยนะ'


                   'ชื่ออะไรครับเนี่ย'


                   'เรียนที่ไหนหรอครับ'


                   'คณะอะไร'


                   หรืออีกหลายๆคำถามตามมา แถมยังแนะนำตัวเองให้เขาฟังเสร็จสรรพความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องที่คนไม่ได้รู้จักอะไรกันจะมาถามกันแบบนี้ นอกจากในฐานะลูกค้าแล้ว แถมบ๊อบบี้ยังเล่าเรื่องตัวเองให้เขาฟังในบางเรื่อง ยังบอกอีกว่าตัวเองเข้าไปบรรยายเกี่ยวกับเรื่องการถ่ายภาพให้กับนักเรียนอยู่เมื่อศุกร์ที่แล้ว ฮันบินเลยตอบไปตามประสา แล้วก็คุยกันยาวอย่างไม่รู้ตัว ไม่ใช่แค่บ๊อบบี้เป็นฝ่ายถามแต่กลับแลกเปลี่ยนกันคุยไปมา ฮันบินก็เต็มใจตอบกลับไป แถมยังเผลอบอกไปอีกด้วยว่าคนที่รับสายบ๊อบบี้คือตัวเขาเอง แถมเป็นเบอร์โทรศัพท์ตัวเองอีกด้วย


                   ตอนแรกฮันบินคิดว่าตัวเองคงจะได้โอกาสเข้าไปทำความรู้จักกับบ๊อบบี้อย่างที่ใจคิด


                   แต่บางทีก็ไม่ต้องแล้ว


                   บ๊อบบี้เป็นฝ่ายชวนเขาคุยเอง


                   เหมือนหัวใจที่อยู่ตรงอกด้านซ้ายจะเต้นเร็วขึ้นทุกทีๆจนต้องแอบเอามือไปลูบมันไว้เบาๆ


                   เขาคิดว่าตัวเองกำลังได้โอกาสในการทำอะไรบางอย่าง


                   ฮันบินไม่เคยเป็นแบบนี้แล้วก็ยังเตรียมใจรับมือกับมันได้ไม่ดีนัก


                   สุดท้ายพอบ๊อบบี้เช็คอินเตรียมจะกลับ ฮันบินก็รู้สึกผิดอยู่หน่อยๆที่ตัวเองนั้นให้เบอร์ตัวเองไปแทนเบอร์ร้าน ก็เลยหยิบนามบัตรที่ปราศจากรอยขีดฆ่าใดๆทั้งสิ้นส่งไปให้บ๊อบบี้


                   "เบอร์ร้านเราใช้ได้ตามปกติแล้วนะครับ ยังไงโทรมาเบอร์นี้ก็ได้" บ๊อบบี้ไม่ได้ยื่นมือมารับไปแต่กลับตอบออกมาแทนว่า


                   "ผมมีเบอร์คุณแล้ว  โทรมาหาคุณน่าจะโอเคกว่านะ"


                   หลังจากประโยคนั้นเขาคิดว่าควรจะเดินไปหาซูฮยอนให้เธอรีบช่วยกันปิดร้าน และพาเขาไปหาหมอ เพราะหัวใจมันเต้นแรงมาก แล้วยังไม่มีทีท่าจะหยุดสั่นเลยสักนิด และเหมือนจะหน้ามืดเป็นลมได้ง่ายๆในวินาทีใดวินาทีนึง


                   ตอนนี้ฮันบินได้รู้จักคุณป๋าที่ตัวเองอยากรู้จักแล้วนะ


                   อ๋อ.. ไม่สิ


                   ต้องเรียกว่า คุณบ๊อบบี้ต่างหาก


                   แล้วโอกาสที่ฮันบินคิดว่าจะได้คงไม่จำเป็นแล้วล่ะ


                   บ๊อบบี้น่าจะเป็นคนเริ่มมันแล้ว


                   หรือไม่จริง ?



    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



    talk - การลงฟิคครั้งแรกเลยนะคะ ยังใช้เว็บไม่ค่อยเป็นเลยยังไงขอฝากด้วยนะคะ เม้นท์ ติ ชม ได้ตามสบายเลย ฝากดูคำผิดด้วยค่ะ ที่เหลือจะตามมาเร็วๆนี้เนาะ เลิ้บคนอ่านทุกคนนะคะ♡

    talk2 - แวะมาคุยกันได้ที่ @kwnchpk นะคะ ♡

    talk 3 มาต่อแล้วนะคะ เหลืออีก 10 เปอร์เนอะ ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกันนะคะ ผลตอบรับดีกว่าที่คิดมากขอบคุณค่ะ

    talk 4 ครบร้อยเปอร์แล้วนะคะ แล้วเจอกันตอนใหม่เร็วๆนี้เนอะ เป็นสเปหลังจากที่ฮันบินได้รู้จักกับบ๊อบบี้แล้ว น้องต๋าเราต้องเป็นฝ่ายรุกเหมือนเดิมหรือยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ


    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×