คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : - Daydream ♡ - 100 %
"เฮ้ บ๊อบบี้ ฉันว่าฉันเห็นนายสามครั้งในอาทิตย์นี้แล้วนะ" เสียงพี่ยุนฮยองที่ได้ยินมาตั้งแต่ที่เปิดประตูก้าวเข้ามาในร้านที่เหลือลูกค้าอยู่แค่สองโต๊ะภายในร้าน
วันนี้บรรยากาศมันก็เหมือนเดิมแต่ฮันบินคิดว่ามันไม่ได้น่าเบื่อกว่าแต่ก่อนแล้ว
โต๊ะแรกเป็นโต๊ะของพี่จีวอนเขาให้ผมเรียกแบบนี้ล่ะนะ
ตามมาด้วยโต๊ะที่สอง
โต๊ะของจินฮวานและดงฮยอก
เหตุผลของสองคนนี้ที่มาไม่ใช่เพราะอยากจะมากินขนมหวานแสนอร่อยฝีมือของซูฮยอนหรอก แต่สองคนนี้มาเพราะอยากเห็นหน้าพี่จีวอน
นี่ก็ผ่านมาราวๆสามสี่เดือนแล้วนับตั้งแต่วันที่ผมรู้ว่าพี่จีวอน เขาไม่มีลูก แต่มีหลานสองคนที่ติดมากๆ และเรียกเขาว่าคุณป๋ามาตลอดตั้งแต่จำความได้
พ่วงท้ายมาด้วยสถานะโสดที่ทำให้ใจผมอยู่ไม่เป็นสุขนั่นอีก
ในช่วงแรกๆพี่จีวอนยังโทรมาบอกกับเขาทุกวันว่าจะจองโต๊ะภายในร้านเอาไว้ เวลาอาจจะไม่ตรงบ้างแต่ก็เข้ามาใกล้ๆช่วงเวลาใกล้ปิดร้านของทุกวัน แถมบางวันยังพอสองแฝดโซออนโซอึนแวะเข้ามาหาด้วย ซึ่งสองคนนั้นก็ดูจะเข้ากับเขาได้ง่ายๆ พอเจอหน้ากันก็รีบเรียกว่าพี่ฮันบินมาแต่ไกล แต่เขาก็เคยบอกไปแล้วว่าถ้าจีวอนจะมาเวลานี้ไม่ต้องโทรมาจองก็ได้ แต่พี่จีวอนก็โทรมาอยู่ดี จีวอนเป็นคนอัธยาศัย ดีมากในความคิดของคิดฮันบิน เพราะทุกครั้งที่มาพี่เขาจะชวนฮันบินคุยทุกๆครั้ง จนนานๆเข้าก็บอกว่าไม่ต้องเรียกว่า คุณบ๊อบบี้แล้ว เรียกพี่จีวอนดีกว่า
แถมยังบอกอีกด้วยว่าอยากให้เรียกว่าจีวอนเพราะไม่ค่อยมีใครเรียก มีแต่คนในครอบครัวกับเพื่อนบางคนเท่านั้น
แล้วบ๊อบบี้ที่เป็นชื่อที่คนส่วนใหญ่ใช้เรียกนั้นก็มาจากการที่ตัวเองต้องอยู่อเมริกามาตั้งแต่เด็กพอโตมาก็ยังต้องคอยบินไปทำงานที่ต่างประเทศขึ้นมาบ่อยๆ จะให้ไปคอยแนะนำตัวว่า ชื่อ จีวอน มันก็แปลกๆอยู่
หน่ำซ้ำยังไม่พอ พี่ยุนฮยองกับบ๊อบบี้รู้จักกัน
เขาคงลืมบอกไปพี่ยุนฮยองเป็นนายแบบที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงพอตัว ทั้งเรื่องหน้าตาที่คนเขาเรียกกันว่า ซงปริ้นซ์ (ซึ่งฮันบินไม่ค่อยเข้าใจ) ไหนจะเรื่องนิสัยที่ใจดีมีเมตตากับทุกคน ทุกเพศ (กับผู้หญิงก็จะมากหน่อย - พี่ยุนฮยองบอกเขาเอง) ทุกวัย ไหนจะใบปริญญาจากสหรัฐอเมริกาที่พ่วงท้ายมาอีก แน่นอนพี่ยุนฮยองเกิดปีเดียวกับบ๊อบบี้ และเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย นั่นทำให้ฮันบินได้ฟังเรื่องราวๆต่างเกี่ยวกับจีวอนผ่านยุนฮยองเป็นบางครั้ง อย่างเช่น
"เชื่อไหมฮันบินสี่ห้าปีหลังจากเรียนจบมานี่ฉันเคยถ่ายแบบกับมันครั้งเดียว หลังจากนั้นก็ไม่เคยเห็นหน้ามันอีกเลย"
หรือไม่ก็
"ช่วงหลังๆมาไม่ถึงเดือนนี่ฉันเจอหน้ามันบ่อยกว่าห้าปีที่ผ่านมาอีก"
ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเสียงของความน้อยใจเพื่อนมากกว่าในความคิดของฮันบิน หรืออะไรก็ตามแต่ ช่วงนี้ยุนฮยองดูเหมือนจะเข้าร้านบ่อยขึ้นกว่าเมื่อก่อนนิดหน่อย แล้วยังคอยบอกเขาอีกว่า
"บ๊อบบี้มันไว้ใจไม่ค่อยได้นะ เข้ามาในร้านบ่อยๆแบบนี้ไม่น่าไว้ใจ"
หรือไม่ก็
"บ๊อบบี้ติดใจอะไรร้านพี่กันฮันบิน ไม่ยักรู้ว่าจะมีอะไรไปติดใจช่างภาพคนดังอย่างมันได้"
หรืออะไรอีกสารพัดที่ตามมาไว้เว้นวัน
แล้วเขาก็ได้รู้สาเหตุที่จีวอนรับงานน้อยลงมันเป็นเพราะเจ้าตัวต้องกลับมาทำงานเกี่ยวกับธุรกิจส่วนตัวของทางบ้านช่วยพี่ชายตัวเองที่บินกลับมาจากอเมริกามาล่วงหน้าอยู่หลายปีจนพี่ชายมีหลานนั่นแหละ จีวอนถึงได้ยอมกลับมา
ก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่เหมือนกันที่ฮันบินรู้เรื่องต่างๆของจีวอนได้มากมายขนาดนี้โดยไม่ต้องพึ่งโทรศัพท์เสิร์ชกูเกิ้ลให้มันวุ่นวายอีกต่อไปแล้ว
แต่มีอย่างหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนใจเขามันยังเต้นแรงอยู่เสมอเวลาจีวอนชวนคุยอะไร หรือ ตอบเสียงตะกุกตะกักเป็นบางครั้งเหมือนเคย แต่หลังๆมานี่พอจะควบคุมไม่ให้มือสั่นหรือว่าพูดติดขัดได้บ้าง
ฮันบินก็คิดเหมือนกันว่าการที่ได้เจอจีวอนบ่อยขึ้น ได้คุยกันเกือบทุกวันแบบนี้มันก็เหมือนการฝันกลางวัน ความรู้สึกของเขาเป็นของจริง แต่สิ่งที่จีวอนทำหลายๆอย่างบางทีมันก็ทำให้เขาคิดไปเองว่า
บางทีจีวอนก็อาจจะรู้สึกกับเขาเหมือนที่เขาก็รู้สึกเหมือนกัน
แต่มันก็ได้แค่คิด
จีวอนไม่เคยบอกอะไรเขานอกจากการกระทำที่ฮันบินก็ไม่ค่อยเข้าใจความหมายของมันในบางที
ใครจะคิดว่าจากที่ตัวเองต้องทำบาปทำกรรม ไปหลงชอบพ่อของเด็กแฝดที่เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ แถมเห็นหน้ากันครั้งแรกฮันบินยังแอบให้เบอร์ไปอีก จนกลายมาเป็นคนรู้จักไปเสียดื้อๆ
"ฮันบินมาทางนี้หน่อย" เสียงดงฮยอกที่ตะโกนมาทำให้เขาหันกลับไปมองอย่างเสียไม่ได้ หลังจากสายตาแอบมองไปยังจีวอนกับยุนฮยองที่ยังคุยกันอยู่
"ว่าไงล่ะ นายจะเรียกฉันแบบนี้บ่อยๆไม่ได้หรอกนะ"
"ทำไมจะไม่ได้ พี่ยุนฮยองใจดีจะตาย" ดงฮยอกว่าพร้อมกับดึงตัวฮันบินเข้ากระซิบใกล้ๆ "คุณป๋าของแกฉันให้คะแนนเต็มร้อยเลย ดูท่าเขาคงใจดีน่าดู "ดงฮยอกว่าตามด้วยจินฮวาน
"ใช่ เขาคงสนใจนายอยู่ไม่น้อยนะฮันบินไม่งั้นคงไม่แวะเข้ามาบ่อยๆหรอก"
"เขาเข้ามากินกาแฟไม่ได้มาหาฉัน " ฮันบินตอบพร้อมเสตามองไปรอบๆ พอตอบไปแบบนี้เขาก็อดจะปวดหนึบๆที่ใจตัวเองได้อยู่ดี "อีกอย่างเขาก็เป็นเพื่อนกับพี่ยุนฮยองด้วย"
"แต่ที่แกเล่ามันเกินความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าแบบแกกับเขาไปแล้วนะ" ดงฮยอกรีบตอบกลับมานั่นทำให้เขาคิดอะไรบางอย่างได้
ทุกครั้งที่รับสายของจีวอนตามด้วยจีวอนจะบอกว่าจะเข้ามาเมื่อไหร่ จากตอนแรกๆมันก็วางสายไป พอไปเรื่อยๆเขาก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สายโทรศัพท์ที่มันเคยสั้นแค่หนึ่งนาที สองนาที กลายเป็นสิบนาที สามสิบนาทีได้ยังไง จากแค่ที่โทรมาตอนกลางวัน ก็กลายเป็นว่าจีวอนก็ยังโทรมาหาเขาตอนกลางคืนอีกด้วย
นั่นทำให้เขารู้สึกแปลกๆนิดหน่อยที่คนที่ตัวเองชอบจะเป็นฝ่ายโทรเข้ามาหาก่อนแบบนี้ มันคงจะเรียกว่าเกินความคาดหมายล่ะมั้ง
มันเหมือนฝันอีกแล้ว
แต่ฮันบินก็ไม่ปฎิเสธหรอกเขาแค่อยากจะคุยกันไปเรื่อยๆ ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี จีวอนคงอยากจะคุยกับเขาในฐานะน้องชายกับพี่ชายหรืออะไรแบบนี้ หรือไม่บางทีก็อาจจะเป็นในฐานะคนที่มาใช้บริการที่ร้านที่เขาทำงานบ่อยๆก็ได้
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั่นฮันบินรู้ดีว่ามันไม่ใช่ เขาไม่ได้คิดจะให้จีวอนเป็นลูกค้า หรือแม้แต่พี่ชาย เขาอยากให้มันเป็นมากกว่านั้น
แล้วก็รู้ตัวเองดีว่าอยากให้มันเป็นแบบไหน
ครั้งหนึ่งจีวอนยังเคยมาส่งเขาที่คอนโด เพราะวันนั้นฝนตกหนักมากๆ ทั้งๆที่กรมอุตุนิยมก็บอกว่ามันกำลังเข้าหน้าหนาวแล้วแท้ๆ จุนฮเวที่ทำงานกับเขาก็อยู่หอพักใกล้มหาวิทยาลัยซึ่งไม่ไกลออกไปจากร้านเท่าไหร่ ส่วนซูฮยอนก็พักอยู่แถวๆนี้ด้วยเช่นกัน นั่นเลยเหลือแค่ฮันบินพร้อมร่มคันเดียวที่พี่ยุนฮยองทิ้งเอาไว้ติดร้าน ยืนงงๆอยู่หน้าร้านเพื่อหาทางกลับบ้านในสภาพอากาศที่ย่ำแย่แถมรถเมล์ก็แทบจะไม่มีสักคัน แถมร้านยังอยู่ห่างไกลป้ายรถเมล์อีกด้วย
ตอนแรกก็จะตัดใจเดินไปโบกแท็กซี่สักคันกลับบ้าน ถึงราคามันจะแพงแค่ไหนเพราะตั้งแต่ทำงานมาฮันบินเริ่มรู้ค่าของเงินมากขึ้น แต่การจะตากฝนนานๆทำให้ร่างกายอ่อนแอมันก็คงไม่ใช่เรื่องดี
หลังจากนั้นก็มีรถมาจอดข้าหน้าเขาพร้อมลดกระจกลงพร้อมกับเรียกให้เขาขึ้นไปไวๆ
"ขึ้นมาเร็วฮันบินเดี๋ยวพี่ไปส่ง " คนๆนั้นก็คือจีวอนที่วันนี้มาพร้อมเสื้อฮู้ดดี้สีดำพร้อมกันหมวกบีนนี่ที่อยู่บนหัว ธรรมดาจีวอนจะแต่งตัวแบบนี้เป็นปกติเว้นแต่เวลาที่ต้องเข้าบริษัทอย่างวันที่ฮันบินเจอครั้งแรกเท่านั้น
สุดท้ายฮันบินก็ตัดสินใจเดินขึ้นรถไปเพราะเกรงใจอยู่หน่อยๆเลยบอกกับจีวอนว่าขอลงแค่ป้ายรถเมล์ข้างหน้าก็พอ แต่จีวอนก็ไม่ยอมแล้วก็บอกจะไปส่งให้ได้
"โอเคผมยอมที่แล้ว" ฮันบินบอกพร้อมยกมือขึ้นสองข้างเป็นการยอมแพ้ จนสุดท้ายก็บอกชื่อคอนโดกับอีกฝ่ายไป
"ให้ตายฮันบินนายอยู่คอนโดเดียวกับพี่เลยนะเนี่ย" จีวอนว่าพร้อมทำท่าทางตกใจเหมือนกับที่ฮันบินก็เป็น
"หืม พี่ล้อเล่นรึเปล่าน่ะ" ฮันบินว่าพร้อมมองหน้าอีกคนไปด้วย
"ไม่นะพี่อยู่ชั้น 54 นายล่ะ"
"22"
"แหงสิห่างกันสามสิบกว่าฉันแบบนี้คงได้เจอกันอยู่หรอก" จีวอนว่าพร้อมทำท่าครุ่นคิดไปด้วย ความจริงพี่ก็สงสัยอยู่นะ "เอ่อ.. ไม่แน่ใจว่าถามได้รึเปล่า"
"ถามมาเถอะครับ พี่ถามอะไรมาผมก็ตอบอยู่ดี" ฮันบินว่าพร้อมเสสายตาหันไปมองกระจกเพื่อดูวิวข้างทางแทน แต่ก็เจอแค่สายฝนที่ตกลงมาอย่างแรงจนแทบจะไม่เห็นอะไร
"คอนโดที่นายอยู่น่ะราคาก็ใช่ย่อยเลยนะฮันบิน พี่แค่สงสัยน่ะว่าทำไมต้องไปทำงานร้านยุนฮยองด้วย" จีวอนว่าพร้อมหันหน้ากลับไปมองอีกคนแต่เหมือนฮันบินจะสนใจข้างทางมากกว่าเขาซะอีก
"เหงาน่ะ ผมอยู่คนเดียว " ฮันบินตอบ "ผมแค่คิดว่าควรจะลองทำอะไรที่ไม่เคยดูบ้างก็เลยลองไปทำงานดู แล้วก็ติดใจ มันดีกว่ากลับไปอยู่ในห้องว่างๆคนเดียว"
"อ้าว.. นายนี่ก็แปลกคนแหะ" จีวอนว่าพร้อมขมวดคิ้วแน่น
"ผมก็ว่าตัวเองแปลกอยู่เหมือนกัน แต่หลังจากนี้คงจะเลิกทำแล้วล่ะขึ้นปีสามเมื่อไหร่คงไม่ได้ว่างแบบนี้แล้ว"
"ถ้านายเลิกทำพี่จะไปหานายได้ที่ไหนล่ะทีนี้" จีวอนว่าพร้อมกับเสียงหัวเราะ
อีกแล้วทีคำถามของจีวอนที่มักพร้อมจะพ่วงท้าไปด้วยเสียงหัวเราะมันทำให้เขาใจสั่น
แต่เมื่อฮันบินกลับมามองถึงได้รู้ว่าจีวอนไม่ได้หัวเราะเหมือนเสียงที่เปล่งออกมาเลยสักนิด
นั่นทำให้ฮันบินเงียบไปได้ในทันที หลังจากนั้นในรถก็เงียบจนถึงคอนโดพอจีวอนเอารถเข้าจอดแล้วดับเครื่องนั่นแหละ
บางทีมันก็เหมือนเป็นโอกาสให้ฮันบินได้ทำอะไรบางอย่างอีกครั้ง
พอลงรถแล้วฮันบินก็หันไปมองจีวอนที่ปิดประตูรถตามเขาติดๆ ฮันบินได้แต่คิดว่าตัวเองเอาความกล้ามาจากไหนไม่รู้เหมือนกันที่เอ่ยบอกกับอีกคนไป
"ผมอยู่ห้อง 224 น่ะ ทีนี้พี่ก็รู้ที่อยู่ผมแล้ว จะแวะมาหาเมื่อไหร่ก็ได้นี่" ฮันบินว่าพร้อมแสร้งทำเป็นมองทาง มองรถคันอื่นๆในที่จอดรถไปด้วย
"พี่อยู่ห้อง 541 ล่ะ นายก็ลองแวะมาหาพี่บ้างนะ "
นั่นเป็นเสียงที่เขาได้ยินกลับมาจากจีวอน
บางทีใจเขาอาจจะเต้นแรงจนต้องลองไปหาหมอให้ตรวจจริงๆจังๆได้แล้ว
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
( 30 %)
หลังจากนั้นฮันบินก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือผิดกันแน่ ที่บอกที่อยู่กับจีวอนไป เพราะเจ้าตัวเข้ามาป่วนเขาที่ห้องแทบจะทุกครั้งที่ตัวเองว่างเลยล่ะมั้ง ทั้งๆที่เขาก็สงสัยเหมือนกันเพราะตัวเขาเองก็ยังไม่เลิกทำงานที่ร้านพี่ยุนฮยองเสียหน่อย ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้าที่แวะมาหาบางทีฮันบินก็เตรียมจะไปเรียนจีวอนก็จะขอไปส่งบ้างล่ะ (นั่นนับว่าเป็นข้อดีที่ไม่ต้องขึ้นรถประจำทางไปเอง) ถึงแม้ว่าเขาจะมีรถเป็นของตัวเองที่จอดไว้ที่คอนโดก็ตาม หรือถ้ายังไม่ไปเรียนจีวอนก็จะขอเข้ามากินกาแฟบ้าง บอกว่าตัวเองชงไม่อร่อยอย่างงั้นอย่างงี้ ฮันบินตอนแรกก็บ่นแต่กลับกลายเป็นว่าเขาก็ทำมันทุกวันจนเป็นเรื่องชินไปแล้วเป็นเดือนๆ
"เฮ้ ฮันบิน ฮันบิน" ฮันบินถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงพี่ยุนฮยองตะโกนเรียกอยู่หลังเคาน์เตอร์ร้าน พี่ว่าจะกลับแล้วน่ะ ฝากนายดูร้านด้วยนะ พี่จัดการในครัวเรียบร้อยแล้ว ยุนฮยองว่าพร้อมมือถือกุญแจรถกำลังเดินกลับไปนอกร้าน "แกด้วยบ๊อบบี้รีบกลับไปได้แล้ว"
"ฉันรอพนักงานร้านแกอยู่นี่ไง เดี๋ยวก็กลับแล้ว "
"ร้ายนักนะ ฮันบินระวังตัวหน่อยก็ดี หมอนี่มันไว้ใจไม่ค่อยได้" ยุนฮยองว่าพร้อมชี้หน้าบ๊อบบี้ไว้
"เอ่อครับ" ฮันบินตอบแก้เก้อ "กลับดีๆนะพี่ เดี๋ยวผมจัดการร้านให้เอง" แล้วยุนฮยองก็เดินออกไปทันที
ตามมาด้วยบ๊อบบี้ที่เรียกเขาไปเช็คบิลพร้อมบอกว่า จะไปรอที่รถแทนเพราะจุนฮเวยังไม่ได้กลับ ส่วนซูฮยอนมีธุระจะไปทำเลยทำให้พี่ยุนฮยองต้องเข้ามาเฝ้าร้านแทน ที่ทำแบบนี้ก็เพราะฮันบินขอไว้การที่จะมาให้บ๊อบบี้ที่คอยทำหน้าที่รับส่งอยู่ตลอดนับตั้งแต่รู้พิกัดห้องของเขาน่ะนะ ให้คนอื่นในร้านรู้คงไม่ดีสักเท่าไหร่ พอใกล้เวลาปิดร้านจีวอนจะออกไปรอก่อนเป็นแบบนี้มาทุกๆวัน เดี๋ยวนี้เขาไม่ค่อยคุยกันที่ร้านแล้วเพราะมักจะโทรคุยกันหรือไม่ก็คุยกันบนรถซะส่วนใหญ่ นี่ยังไม่นับว่าเจอกันที่ห้องเป็นบางทีอีก
บางทีฮันบินก็คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจีวอนมันคุมเครือยังไงไม่รู้ แต่ก็ไม่กล้าถามออกไปเพราะว่า ตัวเองขี้ขลาดเกินกว่าจะรู้คำตอบที่มันออกจากปากของจีวอนตรงๆได้
ง่ายๆคือเขายังไม่พร้อมรับรู้อะไรทั้งนั้น เพราะที่เป็นอยู่ตอนนี้มันก็ดีกว่าที่ฮันบินเคยคิดเอาไว้แล้ว
"ฮันบินเก็บร้านเถอะ เดี๋ยวพวกเราช่วย" เสียงจินฮวานที่เอ่ยบอกทำให้ฮันบินกลับไปสนใจเพื่อนตัวแสบของเขาอีกครั้ง แทฮยอนไม่มาด้วยเพราะไปดูหนังกับพี่มินโฮ ก็เหลือแต่คนโสดสามคนอย่างเขาจินฮวานแล้วก็ดงฮยอกนี่แหละ
"แล้วคนที่เขาทำงานกับนายล่ะ" เสียงดงฮยอกที่เอ่ยถามขึ้นมา
"จุนฮเวน่ะหรอ เห็นพี่ยุนฮยองวานไปซื้อของสักพักแล้วนะ เดี๋ยวก็คงมา" พูดไม่ทันขาดคำจุนฮเวก็เปิดประตูร้านเข้ามาทันที
"ฮันบิน พี่ยุนฮยองล่ะ กลับไปแล้วหรือไง" จุนฮเวว่าพร้อมถอดเสื้อโค้ทตัวนอกออกเมื่อมาเจออากาศที่อบอุ่มเพราะฮีตเตอร์ภายในร้าน สองมือก็ถือพวกอุปกรณ์ทำขนมเอาไว้
"กลับไปก่อนหน้านายนี่ล่ะ" ฮันบินตอบพร้อมกับยื่นมือไปช่วยถือของจากมือจุนฮเว "พวกนายสองคนน่ะฝากเอาแก้วไปล้างหน่อย ของโต๊ะนู้นด้วยเดี๋ยวฉันกับจุนฮเวจะเอาของไปเก็บในครัวก่อน" ฮันบินหันไปใช้งานเพื่อนทันทีเพราะสองคนนี้ชอบโผล่มาช่วยงานเขาบ่อยๆแถมพี่ยุนฮยองยังเห็นดีด้วยเพราะบอกว่าเขากับจุนฮเวจะได้ไม่เหนื่อยมากนัก แถมยังให้พวกนี้กินฟรีเป็นบางครั้งอีก
หลังจากเก็บของจนเสร็จเขาก็โบกมือลาเพื่อนทั้งสามคนแล้วเดินเข้าไปในซอยข้างๆที่จีวอนจอดรถรออยู่ พร้อมเปิดประตูเข้าไปนั่งใรรถที่เขานั่งจนชินไปแล้ว
"ขอโทษที่มาช้าครับพี่รอนานแย่เลย" ฮันบินว่าด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดเล็กน้อย
"ไม่นานหรอก ฮันบินวันนี้วันเกิดโซออนกับโซอึนน่ะ เจ้าสองคนนั้นบอกว่าอยากเจอนายน่ะแวะไปหาหน่อยไหม "
"อ่า..ได้สิครับ พรุ่งนี้ผมก็ไม่มีเรียนพอดี"
"งั้นไปเลย พี่ยูราก็อยากเจอนายนะ" ยูราที่ว่าคือพี่สะใภ้ของจีวอนเคยมาที่ร้านอยู่สองสามครั้ง แล้วยังบอกอีกว่าเจ้าตัวเล็กทั้งสองบอกอยากมาเจอพี่ฮันบินแต่คุณป๋าเขาไม่ค่อยว่างเลยไม่ได้พามา แต่ความจริงฮันบินคิดว่าไม่น่าจะใช่เพราะเหตุผลนั้นเพราะยังไงพี่จีวอนก็มาหาเขาแทบทุกวันอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกับเธอไป
"แล้วพี่ก็ไม่บอกก่อนดูผมแต่งตัวสิ" ฮันบินว่าพร้อมก้มลงมองตัวเองที่อยู่ในชุดนักศึกษาธรรมดา พร้อมด้วยเสื้อโค้ทกับผ้าพันคอเพราะอากาศเริ่มหนาวแล้ว ส่วนตัวจีวอนนั้นอยู่ในชุดทำงานที่ถอดสูทตัวนอกกับเนคไทออกจนเหลือแต่เสื้อเชิร์ทสีขาวคล้ายๆกับวันแรกที่เขาได้เจอกับอีกคน ยังดูดีไม่มีที่ติเหมือนเดิมในสายตาของฮันบิน "ถ้าพี่บอกก่อนผมแวะไปเปลี่ยนเสื้อผ้ายังทันเลย"
"ไม่ต้องหรอก แต่แบบนี้ก็ปกติน่า" จีวอนรีบตอบไป "ที่งานมีแค่เด็กๆ กับครอบครัวพี่เอง ไม่เป็นไรหรอก"
"ครอบครัวเลยหรอ ? งั้นก็.. พ่อแม่พี่ด้วย ?"
"อ่า ก็น่าจะอยู่กันครบนะวันนี้ แม่พี่เป็นคนโทรมาบอกน่ะ ว่าโซออนกับโซอึนบอกให้แม่โทรมาบอกพี่มาอยากเจอฮันบิน แล้วแม่พี่ก็อยากเห็นหน้านายด้วยนะ"
"โหยพี่แบบนี้ผมก็เกร็งๆเหมือนกันนะเนี่ย" ฮันบินคิดพร้อมกับหนักใจเล็กน้อย เขากำลังได้ไปเจอกับคนในครอบครัวจีวอน มันให้ความรู้สึกแปลกๆกับตัวเองยังไงไม่รู้ เหมือนจีวอนพาเขาไปให้พ่อแม่แล้วก็ครอบครัวรู้จักยังไงไม่รู้
"สบายๆน่า" จีวอนว่าพร้อมเอื้อมมือมาขยี้ผมเขา
ฮันบินแค่คิดว่าการที่จีวอนทำแบบนี้อย่างกะจะพาแฟนไปแนะนำให้ที่บ้านรู้จักแน่ะ
เอาอีกแล้วฮันบินมโนอีกแล้ว ตื่นเถอะ เขาได้บอกตัวเองแบบนี้วนไปวนมาในหัวเป็นสิบๆรอบว่าตัวเองไม่ควรจะไปคิดอะไรแบบนั้น แถมจีวอนยังไม่เคยพูดอะไรออกมาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตัวจีวอนเองเลยสักครั้ง
นั่งเหม่อมองข้างทางไปเรื่อยจนสุดท้ายรถของจีวอนก็ขับเข้ามาในบ้านหลังหนึ่งที่ขนาดไม่ใหญ่มากแถมยังดูอบอุ่นมากๆในความคิดฮันบิน พอเป็นแบบนี้ก็แอบคิดถึงพ่อกับแม่เหมือนกันนะบางที
"ป้ะ ไปกันเถอะฮันบิน" ไม่รู้ว่าบางทีเขาอาจจะเหม่อเกินไปจนจีวอนที่จอดรถแล้วลงจากรถมาเปิดประตูรถให้เขาพร้อมยื่นมือมาให้จับอีกที "นายดูไม่ค่อยดีเลยฮันบิน เป็นอะไรรึเปล่า"
จีวอนว่าพร้อมเอามือมาแตะหน้าผากอีกคน "ตัวก็ไม่ร้อนนะ แต่นายดูไม่ปกติเลย"
ฮันบินอยากจะบอกจีวอนว่าตัวเขาน่ะปกติทุกอย่างไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยอะไรทั้งนั้นแหละ
แต่ใจนี่สั่นระรัวๆ เลย แต่ที่เป็นแบบนี้เพราะกำลังจะได้ไปเจอกับครอบครัวจีวอนทั้งครอบครัวมากกว่า แค่หลานอย่างโซออนโซอึนน่ะเป็นเรื่องเล็กไปเลย
"ผมโอเคนะ ไม่ได้เป็นอะไร" ฮันบินว่าพร้อมทำท่าจะลงจากรถ แต่จีวอนขวางเอาไว้พร้อมยื่นมือมาทำท่าจะให้เขาจับเสียให้ได้
"พี่ว่านายตื่นเต้นนะฮันบินถ้าเดาไม่ผิด ขอโทษที่ไม่ได้บอกว่าจะพามาเจอคนอื่นเยอะๆแบบนี้ก่อน" จีวอนว่าพร้อมมองเข้าไปในบ้านที่มีเสียงเด็กๆดังออกมาเล็กน้อย "จับมือพี่ไว้ก็ได้นี่อย่างน้อยนายก็รู้จักพี่นะ"
เอาอีกแล้วการกระทำของจีวอนชอบทำให้เขาใจสั่นอยู่เสมอ
สุดท้ายก็พากันเข้ามาภายในห้องนั่งเล่นของตัวบ้านที่ตอนนี้คึกคักไปด้วยเสียงโซออนโซอึนแถมด้วยพี่ชายของจีวอนถ้าฮันบินเดาไม่ผิด แล้วก็คุณยูราฮันบินจำเธอได้ แล้วคุณปู่คุณย่าที่สองแฝดเรียกนั้นก็คงไม่พ้นคุณพ่อของจีวอน แล้วก็คุณแม่แน่ พอเขาเดินเข้าไปใกล้ๆฮันบินก็รู้สึกเหมือนมือตัวเองจะชื้นๆยังไงไม่รู้
เขาแค่อยากรูว่าจีวอนจะแนะนำเขาให้กับครอบครัวของตัวเองรู้จักยังไง
น้องชาย
เพื่อน
คนรู้จัก
ไม่ว่ายังไงสถานะที่กล่าวมาทั้งหมดนั่นกำลังทำให้ฮันบินปวดหนึบๆที่หัวใจอีกแล้ว
ก่อนที่จะได้รู้จักจีวอนเรื่องที่ทำให้เขาเศร้าเรื่องเดียวคือเรื่องที่คิดว่าเจ้าตัวน่ะ มีลูกแล้ว ตั้งสองคน
แต่พอมาตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรเกี่ยวกับจีวอนมันก็ทำให้หัวใจของเขาอ่อนแอได้ทุกครั้งไป ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่
"คุณป๋า!" เสียงสองแสบตะโกนมาแต่ไกลพร้อมกับเจ้าตัวที่วิ่งมาหาจีวอนพร้อมกับพี่เจ้าตัวย่อตัวลงนั่งคุกเข่าแล้วก็อ้าแขนรอรับเจ้าตัวน้อยไปในอกทันที แล้วก็ได้ยินเสียงของโซออนโซอึนบ่นขึ้นมาทันทีว่าคุณป๋าไม่ค่อยมาหาบ้างล่ะ ไม่พาไปกินขนมบ้างล่ะ แล้วก็ยังบอกอีกว่าคิดถึงพี่ฮันบินอย่างงู้นอย่างงี้
พอกอดกันหนำใจ สองแสบก็หันมากอดฮันบินบ้างแล้วก็บ่นยกใหญ่ว่าคุณป๋าของตัวเองไม่ยอมพาไปหาพี่ฮันบินเลย จนต้องรบเร้าให้คุณแม่พาไปแทน
"ก็พี่ฮันบินทำงานไงครับ หนูสองคนไปกวนพี่ฮันบินบ่อยๆไม่ได้นะ" จีวอนว่าพร้อมขยี้ผมเจ้าตัวเล็กสองคนเล่น
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ" โซออนผู้เป็นแฝดพี่พูดขึ้นมาทันที "ตอนที่คุณแม่พาไปหาพี่ฮันบินยังบอกเลยว่าให้มาหาบ่อยๆได้น่ะ"
"ใช่ค่ะ คุณป๋านั่นแหละไม่ยอมพาโซออนกับโซอึนไป" โซอึนรีบตอบกลับทันทีที่โซออนพูดจบ ทำให้จีวอนถึงกับหลุดเขาออกมาทันทีเพราะน้อยครั้งนักที่สองคนนี้สามัคคีกันแบบนี้ แถมยังดูเหมือนจะติดฮันบินมากทั้งๆที่พาไปเจอยังไม่ทันจะครบสิบครั้งด้วยซ้ำ
ฝ่ายฮันบินที่ยืนฟังคุณป๋าเถียงกับเด็กทั้งสองคนก็ได้แต่ยิ้มไปให้จนเหลือบสายตาไปเห็นผู้ใหญ่ทั้งสี่คนที่มองมาด้วยรอยยิ้ม นั่นทำให้ฮันบินนึกได้ว่ายังไม่ได้ทำความเคารพกับคนที่อายุมากกว่าเขาทั้งสี่คนเลย
ฮันบินเลยรีบลุกขึ้นพร้อมโค้งให้อย่างนอบน้อม จนได้ยินเสียงแม่ของจีวอนบอกว่าให้เดินมานั่งด้วยกันนั่นแหละ
"หนูฮันบินใช่เปล่าลูก มานั่งนี่เร็ว" ว่าพร้อมกับกวักมือไปให้ทำให้ฮันบินรีบหันไปมองหน้าจีวอนทันทีเพราะทำตัวไม่ค่อยถูก จนจีวอนพยักหน้าให้เดินเข้าไปนั่นแหละ ถึงได้เดินเข้าไปพร้อมจีวอนที่เดินตามมาด้วย
"เห็นจีวอนพูดถึงหนูบ่อยมากเลยนะ แม่ล่ะอยากเจอหนูมานานแล้วนะ" แม่ของจีวอนว่าพร้อมยิ้มให้ฮันบิน ส่วนฮันบินที่กำลังจะนั่งลงบนโซฟาที่ว่างอยู่ก็โดนแม่ของจีวอนเรียกอีกว่าให้ไปนั่งด้วยกัน "ฮันบินมานั่งนี่มา ส่วนคุณน่ะเขยิบไปนั่งกับจีวอนแทนเลย" ประโยคแรกเธอพูดกับฮันบิน ส่วนประโยคที่สองหันไปพูดกับสามีเธอที่นั่งอยู่ข้างๆ
พอเป็นแบบนี้เลยทำให้รู้สึกว่าจีวอนเป็นหมาหัวเน่าไปในทันที เพราะแม่ของเจ้าตัวไม่แม้แต่จะทักด้วยซ้ำ
"แม่ครับ ผมมานี่แม่ยังไม่ทักผมเลยนะ" จีวอนว่าพร้อมเดินไปนั่งบนที่วางแขนแล้วกอดคนเป็นแม่ไว้หลวมๆ พร้อมขยับไปหอมแก้มทั้งสองข้างของเธอ
เห็นจีวอนในมุมเด็กน้อยอ้อนคุณแม่แบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกันแหะ
"ไม่รู้สิ เราน่ะไม่ยอมกลับบ้านบ่อยๆเลยนะช่วงนี้"
ไม่กลับบ้าน.. ฮันบินได้ยินแบบนั้นแล้วถึงกับขมวดคิ้วทันทีเพราะที่ผ่านมาจีวอนมารับมาส่งเขาแทบทุกวัน แถมช่วงนี้ยังไม่รับงานถ่ายภาพเลยสักครั้ง
"โถ่แม่ครับ .. ก็ออกไปหาลูกสะใภ้ให้แม่ไง" จีวอนว่าแบบนั้นทำให้ฮันบินที่ก้มหน้าก้มตาอยู่รู้สึกเหมือนโดนกระชากขึ้นมาให้มองหน้าจีวอนทันที หาลูกสะใภ้งั้นหรอ.. สุดท้ายเขาจะเป็นอะไรสำหรับจีวอนล่ะ
ไงล่ะฮันบินไม่น่าพาตัวเองให้เจ็บเลย
แต่พอมองหน้าจีวอนแล้วจีวอนหันกลับมามองหน้าเขาพอดีทำให้ฮันบินรู้ทันทีว่าคิดผิด เพราะคำพูดต่อมาที่จีวอนพูดออกมานั้นทำให้เขานิ่งค้างไปในทันที แถมเจ้าตัวยังมองมาที่เขาด้วยสายตากรุ้มกริ่มแปลกๆอีก
"คนนี้ถูกใจไหมครับแม่ ? "
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
60
หลังจากนั้นก็อย่ามาถามเลยว่างานปาร์ตี้วันเกิดของโซออนโซอึนเป็นยังไงบ้างเพราะเขาก็แทบจะไม่รับรู้เรื่องราวใดใดทั้งสิ้นในตอนนี้ เพราะประสาทการรับรู้ของเขาเหมือนจะพังไปง่ายๆเพราะคำพูดของจีวอน
รู้แค่ว่าหลังจากนั้นจีวอนก็โดนแม่ตัวเองฟาดแขนไปที ส่วนเขาน่ะนั่งเป็นหุ่นยนต์อยู่แทบตลอดทั้งงาน ใครมันจะไปคิดว่าเป็นแบบนี้ จะล้อเล่นหรอ
ก็ถ้าล้อเล่นบางทีเขาก็คงเหมือนโดนตบแรงๆไปหลายๆทีเท่านั้นล่ะมั้ง
แล้วตอนนี้เขากำลังนั่งข้างๆจีวอนบนรถ ความจริงงานปาร์ตี้ของเด็กๆยังไม่จบดีด้วยซ้ำแค่เด็กๆเป่าเค้กเสร็จแล้ว เพราะแม่ของจีวอนบอกว่าขับรถตอนดึกๆไม่ดี แล้วก็บอกให้เขาแวะมาหาบ่อยๆ แล้วยังมาแอบกระซิบข้างๆหูเขาอีกว่าให้เกลี้ยกล่อมให้จีวอนกลับบ้านบ่อยๆหน่อย เพราะเจ้าตัวอยู่ไม่ค่อยติดบ้านนัก ตอนอยู่อเมริกาก็กลับมาเป็นคนสุดท้าย หน่ำซ้ำไม่พอยังจะคอยบินไปต่างประเทศอยู่บางครั้ง
ที่สำคัญคือ ช่วงสามสี่เดือนนี้ไม่ยอมกลับบ้านเลย
เขาก็อยากจะบอกเหมือนกันว่าตัวเองไม่ได้มีอิทธิพลกับจีวอนอะไรมากมายขนาดนั้น เป็นอะไรกันเขายังไม่รู้เลย แต่ก็พูดอะไรไม่ได้อยู่ดี เพราะคุณแม่ของจีวอนรีบดันตัวเขาให้รีบขึ้นรถ
พอขึ้นรถมาก็เงียบกันมาตลอดทาง ตั้งแต่ที่จีวอนบอกแบบนั้นไปก็ยังไม่ได้คุยกันเลย จนมาอยู่ด้วยกันสองคนก็ยังเงียบอยู่ดี
ตอนมาเขาก็คิดว่ามันไม่ไกลเท่าไหร่ แต่ตอนนี้มันเหมือนไกลหลายร้อยกิโลเลยด้วยซ้ำเขาแค่อึดอัดมากๆจนไม่รู้จะบรรยายยังไง จีวอนทำให้วันนึงเขารู้สึกกี่ร้อยกี่พันความรู้สึกก็ไม่รู้
ทำไมถึงได้มีอิทธิพลกับจิตใจเขาแบบนี้ก็ไม่รู้
นั่งเงียบกันไปตลอดทางอยู่แบบนั้นจนเขาทนความอึดอัดไว้ไม่ไหว เอ่ยเรียกอีกคนด้วยน้ำเสียงเบาๆ จนแทบไม่ได้ยินเสียงตัวเองด้วยซ้ำ
"พี่จีวอน.. " แต่จีวอนก็ได้ยินพร้อมหันมาเลิกคิ้วใส่เขา
"ว่าไง "
"พี่ไม่อธิบายอะไรหน่อยรึไง" ฮันบินว่าพร้อมมองหน้าอีกคนไปด้วย เพราะปกติเขาไม่กล้าที่จะมองหน้าจีวอนบ่อยๆแบบนี้
"เรื่องอะไรล่ะ" จีวอนว่าพร้อมหันกลับไปมองทางต่อ แถมยังทำท่าไม่รู้เรื่องรู้ราวใส่เขาอีก
"พี่รู้น่า.. พี่กำลังแกล้งผมนะ" ฮันบินว่าพร้อมมองอีกฝ่ายที่ทำท่าตั้งใจขับรถเสียเต็มที่ในสายตา
"พี่ไม่ได้แกล้งนายนะ" จีวอนว่าพร้อมหันหน้ามามองหน้าเขาอีกครั้งอย่างจริงจัง "แวะสวนสาธารณะข้างหน้าหน่อยไหมเราน่าจะต้องคุยกันนานน่าดูเลยล่ะ"
หลังจากนั้นจีวอนก็ขับรถลงมาจอดที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง เขาแทบจะไม่ได้มองทางเลยเพราะเอาแต่มองจีวอนแตกต่างจากตอนที่มาลิบลับ แล้วจีวอนก็บอกเขาว่าจะลงไปข้างล่างก่อน
"พี่จะลงไปก่อนโอเคไหม
? นายหยิบกล่องนั้นมาเปิดดูก่อน " พอจีวอนบอกแบบนั้นเขาก็หยิบกล่องที่วางไว้ที่ว่างข้างหน้าของรถมาถือไว้ทันทีพร้อมทำท่าจะเปิดออก
แล้วถ้าคิดไม่ผิดมันวางไว้หน้ารถจีวอนมาหลายวันแล้ว "เฮ้เดี๋ยวสิ
รอพี่ลงไปก่อน"
นี่กล่องของขวัญของน้องหรือเปล่าครับ
เขารีบถามขึ้นมาทันที
"เปล่านี่กล่องนั้นน่ะพี่ให้ไปแล้ว ส่วนอันนี้ของนาย" จีวอนว่าพร้อมเปิดประตูรถลงไปข้างล่างทันที
"อย่าเพิ่งลงมานะขอพี่ไปนั่งเตรียมใจสักหน่อยสิ"
"ไม่เอาหรอก .. เฮ้พี่จีวอนให้ผมในโอกาสอะไรกัน" ฮันบินว่าพร้อมเปิดประตูรถลงไปตาม ตอนนี้ฮันบินถึงได้รู้ว่าที่ที่ตัวเองอยู่คือสวนสาธารณะที่ไม่ไกลจากคอนโดสักเท่าไหร่
"เปิดดูสิเดี๋ยวนายก็รู้เองแหละน่า"
จีวอนว่าพร้อมลงไปนั่งลงกับเก้าอี้ตัวยาวที่จัดไว้สำหรับพักผ่อน "นี่ฮันบินพี่บอกว่าขอเตรียมใจแปปนึงไง เดี๋ยวนี้หัดดื้อนะเราเนี่ย"
แล้วฮันบินก็เปิดดูข้างในมันเป็นแหวนเรียบๆวงนึง นั่นยิ่งสร้างความสงสัยให้กับฮันบินแล้วใหญ่ แล้วยิ่งงงหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นตัวอักษรที่สลักไว้บนแหวน
JIWON
พี่จะให้ผมทำไมเนี่ย นี่มันชื่อพี่นะ ฮันบินตอบพร้อมคิ้วที่ขมวดกันเป็นปมหนักขึ้นไปอีก แต่นั่นกับเรียกเสียงหัวเราะจากจีวอนได้อีกครั้ง
"เด็กโง่เอ้ย ทำไมเข้าใจอะไรยากแบบนี้เล่า" จีวอนตอบพร้อมรอยยิ้มกว้างถ้าฮันบินมองไม่ผิดไปเขาคิดว่าจีวอนหน้าแดงอยู่หน่อยๆนะ "มานั่งนี่มา"
สุดท้ายฮันบินก็เดินไปนั่งอย่างไม่มีทางเลือก
"อธิบายมาผมไม่เข้าใจ" ฮันบินว่าพร้อมเอามือกอดอกเอาไว้ แถมยังถือกล่องเจ้าปัญหานั้นไว้อีก
"อ่า.. เขินเหมือนกันแหะ" จีวอนว่าพร้อมหัวเราะอีกครั้ง "ความจริงพี่คิดว่านายเห็นมันแล้วจะเข้าใจ"
"ผมอ่านใจพี่ไม่ได้หรอกนะ ที่จะไม่รู้ว่าพี่หมายความว่ายังไงน่ะ ฮันบินรีบสวนกลับไปในทันที
"พี่ก็คิดว่าพี่ชัดเจนพอแล้วนะ แต่การกระทำคงไม่พอ พี่ไม่ถนัดพูดด้วยสิ" จีวอนว่าพร้อมหันมามองเขาอีกครั้งจัง แบบที่นายถืออยู่น่ะ พี่ก็มีนะ จีวอนว่าพร้อมชูมือตัวเองขึ้นมาอยู่ในระดับสายตาของเขา และในครั้งนี้มันทำให้เขาตะลึงเป็นครั้งที่สอง เพราะแหวนสลักคำว่า
HANBIN
เอาไว้
แล้วจีวอนก็ใส่แหวนที่มีชื่อเขาไว้..
ให้ตายเถอะฮันบินเหมือนจะระเบิดตัวเองออกยังไงก็ไม่รู้
"เข้าใจรึยังเด็กโง่" จีวอนว่าพร้อมยื่นมือข้างนั้นขึ้นมาขยี้หัวเขาเบาๆ แล้วเลื่อนมือมาประคองหน้าเขาไว้แทน
"พี่ควรจะพูดอะไรสักอย่างนะ" ฮันบินตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆที่ตัวเองสัมผัสได้
"ไม่เอาน่าฮันบิน พี่ก็เขินเป็นนะ" จีวอนว่าพร้อมเอื้อมมือมากุมมือเขาเอาไว้หลวมๆ แล้วจีวอนก็ทำสิ่งที่เขาตกใจคือการก้มลงมาหอมแก้มเขาอย่างเร็ว แล้วรีบผละออกไป
ไหนพี่จีวอนบอกว่าเขินไง ทำแบบนี้มันข้ามขั้นกันไปหน่อยไหม
นี่มันเป็นครั้งที่หนักที่สุดเลยนะที่พี่จีวอนทำให้เขาใจเต้นแบบรุนแรงแบบนี้
แล้วฮันบินจะทำอะไรได้นอกจากนิ่งค้างอยู่แบบนั้น ตะลึงจนจีวอนต้องเรียกเขาด้วยเสียงดังในระดับหนึ่ง
"แล้วพี่ก็มีอะไรจะบอกอีกอย่างนะฮันบิน.. " จีวอนว่าพร้อมเว้นจังหวะไปหน่อยนึง "ไม่รู้ว่าหมอนั่นเคยบอกนายรึเปล่า มินโฮน่ะพี่รู้จักเขานะ ลูกพี่ลูกน้องของพี่เอง"
ตะลึงเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้..
พี่มินโฮกับพี่จีวอนรู้จักกัน..
แล้วที่ฮันบินไปผล่ามพรรณนาถึงคุณป๋าเมื่อครั้งแรกเจอให้อีกคนฟัง ไหนจะครั้งอื่นๆอีกที่มีมินโฮมาอยู่ในวงสนทนาด้วย
นั่นทำให้ฮันบินรีบดึงมือจีวอนออกจากใบหน้าตัวเองอีกที แล้วตบลงไปบนหน้าผากของตัวเองเบาๆ
"ให้ตายเถอะพี่มินโฮ" แล้วฮันบินก็บ่นกับตัวเองเบาๆ นี่ถือเป็นความพินาศขนาดย่อมๆในใจเขาเลย "เขาบอกอะไรพี่บ้างเนี่ย"
"ทุกเรื่องเลยล่ะฮันบิน ตั้งแต่นายเจอพี่ครั้งแรก" แล้วฮันบินก็รู้สึกขายหน้าที่สุดในช่วงเวลานี้ จีวอนรู้มาตลอดแล้วก็ยังจะมาทำอะไรแบบนี้ใส่เขาอีก
ตกลงจีวอนจะเอายังไงกันแน่
"แค่นี้ก็เข้าใจแล้วใช่ไหม..
ความจริงน่ะพี่ยังไม่อยากบอกเราตอนนี้เลยพี่ก็คิดว่ามันเร็วไปหน่อย
แต่แม่พี่ก็มารบเร้าพี่ใหญ่ให้พานายไปหาให้ได้ เพราะสองแสบไปคุยไว้ใหญ่ว่าแฟนคุณป๋าน่ารักอย่างนั้นอย่างนี้
" จีวอนหยุดพูดพร้อมยิ้มให้เขาไปหน่อยนึง "ความจริงโซออนโซอึนก็เข้าใจผิดนะ
เพราะไม่ใช่แฟน แต่ตอนนี้กำลังจะเป็น"
"ใครจะไปเป็นแฟนพี่กัน" ฮันบินรีบสวนกลับไปด้วยความเขินอายทันที พร้อมตะวัดสายตาใส่จีวอนไปอีกที
"เราคิดเหมือนกันใช่ไหมฮันบิน" จีวอนว่าด้วยเสียงจริงจัง "แล้วก็อย่าถามด้วยว่ารู้ได้ยังไง บอกแล้วว่ามินโฮเล่าให้ฟังหมดแล้ว แล้วพี่ก็คิดเหมือนกันกับนายมาตั้งแต่แรกแล้วด้วย"
"เฮ้ แบบนี้มันมัดมือชกนะ " ฮันบินว่าพร้อมก้มหน้างุดเสสายตามองมือตัวเองไปเรื่อย
"เอ้าก็นายไม่ยอมตกลงเป็นแฟนพี่นี่" จีวอนรีบทำทางว่างอนใส่เขาเสียเต็มที่จนทำให้เขาหลุดเขาออกมาทันที
"อย่าทำแบบนั้นสิพี่จีวอนมันไม่เหมาะกับอายุพี่เลยนะ " ฮันบินว่าพร้อมมองจีวอนที่ทำท่าทางงอนๆเหมือนเด็กๆไม่มีผิดเพี้ยน หมดคราบคุณช่างภาพสุดเท่ หรือ นักธุรกิจคนเก่งไปหมดเลย
"ฮันบินนายกำลังบอกว่าพี่แก่เลยนะ" จีวอนบอกพร้อมทำท่าเหมือนจะงอนหนักขึ้นไปอีก
"หรือพี่ไม่แก่เลย จะสามสิบแล้วนะครับหันมาคุยกันดีๆเร็ว" ฮันบินพูดขึ้นพร้อมยื่นมือไปสะกิดอีกคน
แล้วจีวอนก็หันมาพร้อมจับมือเขาไว้ด้วย "เกิดมาจนจะสามสิบแล้วยังไงมีใครบอกว่าพี่แก่แล้วมันน่าน้อยใจเท่านายเลยนะเนี่ย"
"โถ่ ผมพูดเล่นน่าพี่ก็รู้"
"แต่พี่น้อยใจ นายต้องง้อพี่นะ" จีวอนว่าพร้อมพยักหน้าไปทางมือที่ฮันบินถือกล่องแหวนนั้นไว้อยู่
"แล้วจะให้ง้อยังไงครับ" ฮันบินพูดด้วยน้ำเสียงที่สดใสขึ้นแต่ก่อนพร้อมมองหน้าจีวอนเอาไว้
ทำเป็นเหมือนว่ามั่นใจที่จะโต้ตอบจีวอนกลับไป แต่ในใจเขานี่สั่นแบบที่ควบคุมไม่ได้ตั้งแต่ลงมาจากรถนั้นแล้ว
"เป็นแฟนพี่ไงรับรองบอกว่าพี่แก่ได้ตลอดเลยนะ "จีวอนว่าพร้อมยิ้มกว้างอีกครั้ง เจ้าตัวยิ้มพร้อมสอดประสานมือเข้ากับเขาอย่างแนบแน่นขึ้นไปอีก" เพราะเวลามีแฟนเด็กน่ะ โดนบอกว่าแก่ก็ต้องทำใจไง"
แล้วฮันบินก็คืนแหวนไปให้จีวอนถือไว้พร้อมทำหน้านิ่งใส่อีกคน
แต่ใจก็ยังคงเต้นแรงไม่เปลี่ยนไป
"ถ้างั้นพี่ก็เอามันคืนไปเถอะครับ" ฮันบินว่าพร้อมทำสีหน้าจริงจัง พร้อมมองจีวอนที่มีสีหน้าสลดไปชั่วครู่ก่อนที่จะยิ้มออกมาแทน " เพราะผมไม่ได้กำลังจะมีแฟนแก่สักหน่อย
แต่อายุเยอะกว่าแค่เจ็ดปีเอง"
ตอนนี้ฮันบินก็รู้แล้วล่ะว่าตัวเองไม่ได้ฝันกลางวันนะ เพราะตอนนี้มันตอนกลางคืน
◊ SQWEEZ
ความคิดเห็น