คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : NUMBERTWO .
“รยอวุคตื่นขึ้นมากินข้าวได้แล้ว พี่ทำให้นายแล้วนะ” เสียงเคาะประตูของพี่ทงเฮทำให้ผมสดุ้งตื่น ผมค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงอาการมึนหัวจากการร้องไห้หนักเมื่อคืนทำให้ผมต้องล้มตัวลงไปนอนที่เตียงอีกครั้ง ผมเกลียดน้ำตามากๆ แต่ไม่รู้ทำไมผมต้องร้องไห้เมื่อนึกถึงเรื่องของเขาตลอดเวลา
“เดี๋ยวผมออกไปนะพี่ทงเฮ” ผมตะโกนบอกพี่ทงเฮ ผมนอนนึกถึงเรื่องราวของเมื่อคืน อย่างน้อยผมอยากให้เขาอยู่ที่ๆ นั้น ได้ฟังเพลงที่ผมแต่งและร้องเพื่อเขา ผมเดินออกไปเปิดประตูห้อง ได้กลิ่นหอมฉุย ผมเดินตามกลิ่นนั้นเข้าไปในห้องครัวที่มีภายในห้อง พี่ทงเฮยืนยิ้มร่าหันมาทางผม โดยมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญนั่งทานอาหารอยู่
“พี่ทึกกี้มาได้ไงเนี่ย !”
“พี่มาหว่านล้อมนาย แล้วจะมาทุกวันด้วย !”
“เฮ้ยพี่ !” งานเข้าแล้วไง ทำไมพี่ทึกกี้ถึงสนใจอะไรผมขนาดนี้ ทั้งๆที่พี่ทึกกี้ไม่เคยจะมาหาผมด้วยซ้ำเพราะงานยุ่ง แต่นี่จะมาหาทุกวัน เพราะอะไรกัน
“ไม่ต้องตกใจหรอกน่า นี่นายรู้อะไรไหม หลังจากที่นายร้องเพลงเมื่อคืนนะมีคนชอบนายมากขึ้นเป็นเท่าตัวเลยล่ะ มีคนเอาคลิปที่นายร้องเพลงไปลงเว็บ แล้วในการค้นหาประจำวันในอินเทอร์เน็ตชื่อนายยังติดเป็นอันดับหนึ่งอีก นายดังตั้งแต่ไม่เดบิวเลยนะ แล้วเรื่องนายพี่ก็เคยเอาไปเล่าให้เพื่อนที่เป็นเจ้าของค่ายฟังเขาก็สนใจขึ้นมาในทันที บังคับพี่ให้เอาตัวนายไปเซ็นสัญญาให้ได้เลยล่ะ” เกิดเรื่องใหญ่จริงๆซะแล้ว.. เมื่อผมได้ยินสิ่งที่พี่ทึกกี้เล่าให้ฟัง ผมก็ตรงดิ่งไปเปิดโน้ตบุ๊กคู่ใจ ผลการค้นหาชื่อผมเป็นที่หนึ่งจริงๆ แล้วเรื่องคลิปนี่อีก ทุกอย่างเป็นตามที่พี่ทึกกี้พูดทุกอย่าง
“อ่อแล้วอีกอย่างนะ” พี่ทึกกี้เดินไปเปิดทีวีที่หน้าจอมีประธานคิม ยองอุล หรือ ชื่อในวงการ ‘คังอิน’ นั่งแถลงข่าวเรื่องที่จะเอาผมมาเป็นเด็กในสังกัดให้ได้ ไม่ว่าจะวิธีการใดก็ตาม ผมจะทำยังไงดี ผมยังไม่พร้อมที่จะเดบิวในเวลานี้ แต่ถ้าผมปล่อยมันไป โอกาสนี้อาจจะไม่กลับมาอีกเลยก็ได้
“ใจเย็นๆ นะรยอวุค นายค่อยๆ คิดก็ได้ แต่พี่ว่านะ ถ้านายได้เดบิวเป็นนักร้องดัง นายจะได้ทำฝันให้เป็นจริงอย่างหนึ่ง แล้วอีกอย่างนายจะได้ตามหคนที่นายรอได้ด้วยไง แค่นี้นายก็ได้หลายต่อเลยนะ” สิ่งที่พี่ทงเฮพูดนั้นก็เป็นสิ่งที่ถูก แต่จะให้ตัดสินใจตอนนี้มันก็เร็วเกินไป..
“เอาล่ะอย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลย อาหารเย็นหมดแล้ว ดูซิพี่ทึกกี้กินแย่งนายจะหมดแล้ว”
“น้อยๆหน่อยนะทงเฮ พี่กินไปแค่นิดเดียวเอง !” หลังจากที่ถกเถียงเรื่องอาหากกับคนแก่ทั้งสอง (?) แล้ว ผมก็กลับเข้าห้องมานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยต่ออีกซักหน่อย อย่างที่พี่ทงเฮบอก ถ้าหากผมเลือกที่จะเดบิวผมจะได้ทำตามฝันของผม แถมยังอาจจะเป็นอีกทางหนึ่งที่ทำให้ผมได้พบกับคนที่ผมรอได้เร็วขึ้น แต่มันก็ตั้งห้าปีแล้วนี่น่า เขาจะจำผมได้หรือเปล่า แต่สิ่งที่ผมได้มาจากการเดบิวครั้งนี้มันก็มีค่ามากแล้วมันก็คงจะคุ้มค่าน่าดู พอลองมาคิดดูอีกที ก็มีแต่ได้ทั้งนั้นผมจะไปกลัวอะไร เอาล่ะ ผมตัดสินใจแล้วว่าผมจะเดบิว ผมหวังว่าสิ่งที่ผมคิดมันจะส่งบผมดีต่อตัวผมในอนาคต
“พี่ทึกกี้ ผมตัดสินใจได้แล้วครับว่าผมจะเดบิวกับทางค่าย”
“ห้ะ ?!? นายพูดเรื่องจริงใช่ไหมอุคกี้ !! พี่ดีใจที่สุดเลย ไอหมีบ้านั้นจะได้เลิกตามรังควาญพี่ซักที ทำตัวเป็นหมีตกมันไปได้ !”
“พี่ว่าไงนะ ? ไอหมีบ้าหรอ ???”
“รยอวุคนายคงไม่รู้อะไรซินะ พี่ทึกกี้น่ะความจริงแล้วแอบกุ๊กกิ๊กๆ กับท่านประธานค่ายสุดฮอทอยู่ล่ะ”
“เห๋? จริงหรอเนี่ย งั้นข่าวที่ออกมาเมื่อสองสามเดือนก่อนก็เป็นเรื่องจริงน่ะซิ”
“แอบซุบซิบอะไรกันน่ะ ! จะบอกไว้ก่อนเลยนะว่าพี่ไม่ได้ชอบไอหน้าหมีเลย ข่าวนั้นก็เรื่องโกหกทั้งเพ ไม่มีทางเป็นจริงได้หรอก” แต่ทำไมผมเห็นหน้าพี่ทึกกี้แดงๆยังไงก็ไม่รู้แหะ จะเป็นจริงอย่างเจ้าตัวว่าอย่างนั้นหรือ “พี่แน่ใจว่าใจพี่ไม่ได้บอกว่าไอหน้าหมีของพี่เนี่ยแหล่ะเจ้าของหัวใจ ?”
“คิมรยอวุค !! นายอย่ามารู้ดีหน่อยเลยน่า”
“พี่ทึกกี้ทำไมผมจะไม่รู้ล่ะ ผมดูออกน่า ถ้าชอบกันจริงๆ ก็ลองพูดกันดีดีดูซิครับ อย่าปล่อยเลยตามเลย เลยนะครับ แล้วพี่จะมาเสียใจทีหลังผมก็ไม่รู้ด้วยนะ”
“ใช่ๆ พี่คิดดูซิ ถ้าพี่คังอินไปสนผู้หญิงคนอื่นเข้านะ พี่น่ะจะหนักใจยิ่งกว่าเดิมรู้ไหม ทุกคนต่างก็รู้ๆ กันว่าประธานคังอินเจ้าชู้ตาไวมือไว ผมคิดว่านะคนที่จะทำให้หมีกลายเป็นแร็คคูนตัวน้อยๆ ได้มันก็มีแค่พี่คนเดียวนั้นแหล่ะ” ก็อย่างที่พี่ทงเฮว่านั้นแหล่ะ พี่ทึกกี้น่ะชอบ ประธานคังอินจริงๆ อย่างน้อยๆ ผมก็ไม่อยากให้พี่ลีทึกคิดช้าไปมากกว่านี้ แต่ก็ใช่ว่าจะให้ปุบปั๊บคบกันมันก็คงจะไม่ใช่ อย่างง่ายๆ ก็ควรจะคิดให้รอบคอบซะมากกว่า
“เอาน่า เรามาจบเรื่องนี้กันดีกว่า เอาเป็นว่ายิ่งได้ตัวนายเร็วเท่าไหร่ ก็เป็นผลดีต่อพี่มากขึ้นเท่านั้น นายรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด วันนี้เราจะเข้าบริษัทกัน”
“วันนี้เลยหรอพี่ทึกกี้ ! มันไม่เร็วไปหรือไงกัน”
“ไม่เร็วเลย เนี่ยมันช้าสุดๆ แล้ว มันจะบ่ายสองแล้วรีบเลย! นี่คือคำสั่งเด็ดขาดจากปาร์ค จองซูเชียวนะ ! ทงเฮนายก็ไปด้วย จะมันเข้าวงการมันทั้งสองคนนั้นแหล่ะ!!!”
“เฮ้ ! ผมเกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย เป็นบาร์เทนเดออร์ชงเหล้าผมก็พอเลี้ยงตัวเองได้นะ”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ไป - เดี๋ยว นี้ !!!”
“ครับ !!!” ผมกับพี่ทงเฮวิ่งกันจ้า ไม่เกินสิบนาทีทุกคนก็เตรียมพร้อมทุกอย่าง เมื่อเราลงไปถึงใต้ตึก ก็มีรถที่ทางค่ายส่งมารับพวกเรา จุดเริ่มตนในวันนี้ ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนหลายๆ อย่างในอนาคตข้างหน้าของผม
เมื่อผมมาถึงบริษัท เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อมีนักข่าวมาออกกันเต็มหน้าลาน วันนี้จะมาทำข่าวของนักร้องคนไหนกันนะ คนเยอะจริงๆ “พี่ทึกกี้ทำไมนักข่าวมากันเยอะแยะเลยล่ะ”
“จะอะไรซะอีกล่ะ พี่คิดว่าไอหน้าหมีมันจะต้องเปิดตัวนายวันนี้แน่ๆ”
“เปิดตัว ? พี่ผมยังไม่พร้อมถึงขนาดนั้นนะ”
“หมอนั้นเอาจริงแน่ เฮ้ยไอน้อง ขับไปหลังบริษัทด่วน !” หลังจากที่พี่ทึกกี้ออกคำสั่ง พี่คนขับรถก็ทำตามโดยการหันเลี้ยวไปทางด้านหลังโดยทันที แต่ก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเสียงรถเบรกกระแทกอย่างแรง
เอี๊ยด !!
“เฮ้ยไอน้องเกิดอะไรขึ้น ?”
“พวกนักข่าวมาดักรอข้างหลังเต็มเลยครับ จะทำยังไงกันดี”
“ขอฉันโทรหาไอหน้าหมีแปป”
Oh baby say goodbye ..
“เฮ้ ! ไอหน้าหมีแกทำอะไรไว้น่ะ !”
[อ้าวลีทึกเองหรอ ก็ฉันไม่อยากให้เด็กนายหลุดไปนี่น่า]
“เออน่าฉันรู้แล้ว ! แต่แกไม่น่าจะทำแบบนี้นะ น่าจะถามความพร้อมของอุคกี้ซะก่อน !”
[ก็ฉันไม่อยากรอแล้วนี่]
“แกมาเคลียพวกนักข่าวเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะส่งอุคกี้ไปค่ายอื่นแน่ !!!” เมื่อคนสวยยืนคำขาด มีหรือเขาจะไม่ยอม มีทางเดียวก็คือต้องให้นักข่าวกลับไปก่อนซินะ
“คุณลีช่วยให้นักข่าวกลับไปให้หมดที แล้วบอกว่าทางเราจะนัดแถลงข่าวเปิดตัวอีกทีอย่างยิ่งใหญ่”
“ได้ค่ะท่านประธาน” เสร็จไปอีกเรื่อง คราวนี้เขาก็ได้นักร้องคุณภาพดีอีกคนมาสร้างชื่อเสียงของค่ายแล้ว
หันกลับมาที่ลีทึก
“เรียบร้อยแล้ว อีกไม่นานนักข่าวก็จะไปกันหมด นายช่วยขับไปที่ห้าใกล้ๆ นี่ก่อนก็แล้วกัน”
“ครับ”
“พี่ทึกกี้เป็นไงบ้างครับ” ผมถามด้วยความเป็นห่วงสถานการณ์ของตัวเองสุดๆ แค่ได้ยินบทสนทนาเมื่อกี้แล้ว ก็รู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายที่คุยด้วยยอมอีกคนซะขนาดไหน เนี่ยแหล่ะน้าความรักมันทำให้ยอมได้ทุกอย่างจริงๆ แต่..บางทีก็อาจจะไม่ใช่ก็ได้มั้ง อย่างน้อยน่ะนะ..
“ก็ไม่อะไรมาก รอให้เจ้าบ้านั้นไล่นักข่าวออกไปให้หมด แล้วเราค่อยกลับเข้ามา ไปกินไอติมกันดีกว่า เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง !” แล้วหลังจากที่เราถอยทัพไปที่ห้างในระแวกบริษัท พี่ทึกกี้ก็เลี้ยงไอติมเราทุกคน พวกเรานั่งรอได้ซักครึ่งชั่วโมงก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของพี่ทึกกี้ดังขึ้น และก็ไม่ต้องสงสัยว่าใครโทรมา ประธานคังอินนั้นเอง เห็นว่าคุยเรื่องนักข่าวว่าไปกันหมดแล้วตามด้วยคำด่าอีกซักสองสามคำของพี่ทึกกี้แล้วก็วางไป
“พวกเราได้เวลากลับไปบริษัทกันแล้วล่ะ”
“นี่ที่พี่พูดว่าจะเอาผมไปเดบิวพร้อมรยอวุคนี่มันเรื่องจริงหรือไง”
“นายคิดว่าพี่เป็นคนพูดอะไรเรื่อยเบื่อยหรือไงห้ะ” เมื่อพี่ทงเฮได้ยินแค่นั้นแหล่ะ ก็ช้อคไปเลย ไม่นึกว่าพี่ทึกกี้จะจริงได้ถึงขนาดนี้
“พี่ ! คิดผิดคิดใหม่ได้นะ”
“เออไม่ผิดหรอก นายก็เต้นเก่งนิ ได้ข่าวว่าเคยอยู่วงสตรีดมาก่อนด้วย แล้วอีกอย่างนะ เสียงนายหวานออก ถ้าไปฝึกร้องเพลงอีกหน่อยคิดว่าคงมีสาวๆติดเยอะแยะ”
“พี่ทึกกี้ ผมไม่ได้เต้นมานานแล้วนะ ไม่เอาน่าพี่”
“ถ้านายเชื่อพี่นายจะรุ่งแน่ ที่ทำให้เนี่ยเพราะว่าเห็นเป็นน้องรักนะเว้ย ! พวกนายนี่”
“ครับๆ ผมยอมแล้ว” แล้วเราก็เดินทางมาถึงบริษัทโดยไร้วี่แววของนักข่าว ประธานคังอินเดินออกมาต้อนรับพวกเรา แล้วไม่วายพี่ทึกกี้ด่าให้อีกระลอกใหญ่
“สวัสดีทุกคนนะ ฉันคิม ยองอุล หรือประธานคังอินที่ทุกคนรู้จักนั้นแหล่ะ เอาล่ะยินดีตอนรับสู่ค่ายของฉันนะ ฉันยินดีมากที่พวกนายจะมาร่วมงานกับทางเรา”
“สวัสดีครับ ผมคิม รยอวุค”
“ผมลี ทงเฮครับ เป็นแค่ผู้ติดส่อยห้อยตาม โอ้ยๆ ครับๆ ผมจะมาเป็นเด็กฝึกหัดที่นี่ด้วย” พี่ทึกกี้ตีแขนพี่ทงเฮดังปาบใหญ่ จึงทำให้พี่ทงเฮเปลี่ยนคำพูดทันที พี่ทึกกี้โหดจริงๆ เฮ้อ..
“ลีทึก เด็กของนายแต่ละคนเนี่ยไม่ทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ มาๆ เข้ามานั่งคุยกันข้างในดีกว่านะ”
“ของมันแน่อยู่แล้ว สายตาของฉันน่ะไม่มีพลาดอยู่แล้ว”
“สายตาฉันก็ไม่พลาดที่จะเลือกนายมาเป็นคู่ชีวิตเหมือนกัน”
“แกว่าไงนะไอหน้าหมี !!!”
“ไปกันเถอะเด็กๆ” ว่าแล้วประธานคังอินก็ลากผมกับพี่ทงเฮเข้าไปข้างในทันที ความรู้สึกของผมตอนนี้รู้สึกปั่นป่วนไปหมด นี่ผมกำลังจะได้เดบิวจริงหรอ ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปแล้วซินะ..
หลังจากที่ประธานคังอินลากพวกเราเข้ามาข้างในแล้ว ก็ได้พาเข้าไปในห้องประชุมขนาดใหญ่ ระหว่างทางเดินผมเห็นศิลปินรุ่นพี่มากมาย เห็นเด็กฝึกหัดเดินเข้าห้องซ้อม ทุกคนดูขยันมาก เพราะอยากที่จะเดบิวเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียง เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นและได้ทำตามความฝันของตน
“เอาล่ะเราจะมาคุยเรื่องเซ็นสัญญากันนะ”
“เซ็นสัญญาเลยหรอครับ มันไม่เร็วไปหรอ ผมคิดว่าผม..”
“ไม่เลย นายน่ะมีพรสวรรค์มาก ดูจากผลงานที่แล้ว ๆ มา ถือว่านายมีผลงานที่ดีมาก ถ้าไม่รีบดันนายซะตั้งแต่ตอนนี้นะ แฟนคลับนายหดแน่ ๆ” ประธานคังอินพูดด้วยความมั่นใจมาก ยังไงก็ตามเวลานี้ รยอวุคจะต้องทำรายได้ให้เขาได้มากมายแน่ๆ
“แล้วสัญญาว่ายังไงบ้างครับ”
“นี่ไอหน้าหมี แกอย่ามาหลอกเซ็นสัญญาทาสให้กับเด็กของฉันนะ ไม่งั้นแกตายแน่ !” พี่ทึกกี้ลุกขึ้นมาโวยวายใหญ่ เหตุเพราะกลัวอีกฝ่ายจะโดนกดขี่
“ไม่หรอกน่า นายก็รู้ว่าเด็กค่ายนี้รักฉันกันขนาดไหน เนอะเลขาลี”
“ค่ะท่านประธาน”
“เออ ออ กันเข้าไป ว่ามาซิสัญญาของนายน่ะ”
“เราจะให้รยอวุคเซ็นสัญญากับทางเราเป็นเวลาห้าปี ส่วนเงินที่ได้จากการทำงานของนายเราจะแบ่งกัน 70/30 นายได้เจ็ดสิบ ค่ายได้สามสิบ ส่วนงานอัลบั้ม เราจะแบ่งกัน 60/40 นายได้หกสิบจากยอดขายอัลบั้มของนายทั้งหมด ยี่สิบเปอร์เซ็นเราจะเอาส่วนนี้ไปปรับปรุงและใช้จ่ายทุกอย่างเกี่ยวกับนายไม่ว่าจะเป็นการทำอัลบั้ม เสื้อผ้า ของจิปะถะต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับงาน ส่วนยี่สิบเปอร์เซ็นที่เหลือของทางค่าย เป็นไงล่ะข้อเสนอของเรา นายมีแต่ได้กับได้เลยนะ”
“นี่หวังว่านายจะไม่เปลี่ยนข้อเสนอแสนงามที่หลัง หรือไม่ก็ไม่ใช้อุคกี้ให้ทำงานหนังใกล้ตายล่ะ”
“ไม่มีทางหรอกน่า..ก็เล่นมีผู้จัดการส่วนตัวเข้าข่มขนาดนี้”
“งั้นก็ดี อย่ามาเล่นตุกติกอะไรก็แล้วกันนะ อุคกี้นายอ่านสัญญาให้ดี ๆ ล่ะ พี่ว่าข้องเสนอมันดีเกินไป”
“ครับผมจะอ่านให้ละเอียด” ผมอ่านสัญญาที่จะเซ็นอย่างละเอียด อย่างที่พี่ทึกกี้บอก ข้อเสนอของสัญญานั้นดีเกินไปสำหรับศิลปินหน้าใหม่อย่างผม แต่เท่าที่อ่านแล้วผมก็ไม่รู้ว่ามีอะไรน่ากลัว ถึงแม้ว่าใจของผมจะเต้นมากน้อยเพียงใด ผมพยักหน้าช้า ๆ เป็นเชิงตอบรับ ว่าผมจะเซ็นสัญญา ทางด้านประธานคังอินก็ดีใจมาก ส่วนพี่ทึกกี้ก็นั่งฮึดฮัดไม่รู้ว่าเป็นเพราะห่วงผมหรือไม่พอใจว่าประธานคังอินทำหน้าตาทะเล้นใส่กันแน่ แต่ที่แน่ ๆ คนที่นั่งหน้าเอ๋อนั้นก็คือ พี่ทงเฮ เพราะดูเหมือนพี่เขากำลังคิดว่าจะมาทำไมกัน
“เอาล่ะ จบเรื่องของรยอวุคแล้ว เราหันมาสนใจหนุ่มน้อยอีกคนดีกว่า” หนุ่มน้อยที่ว่าเมื่อได้ยินดังนั้นก็สดุ้ง นึกว่าจะรอดแล้วเชียว
“ครับ..เออว่าไงครับ”
“ทางเราจะฝึกนายให้ได้ภายในเวลาสามเดือนและเดบิวพร้อมฮยอกแจ เลขาลีไปตามตัวฮยอกแจมาทีซิ”
“ได้ค่ะ”
“ว่าอะไรนะครับ สามเดือน !?!”
“ฟังไม่ผิดหรอกน่า สามเดือนเราจะเทรนนายให้ได้ ได้ข่าวว่านายมีพื้นฐานอยู่แล้วคงไม่ใช่เรื่องอยากอะไรหรอก”
“แต่ผมไม่ได้อยากเดบิวเลย”
“ถ้าไม่อยากเดบิวก็ไม่ต้องมาเสนอหน้าซิไอคนขี้ขลาด” อยู่ ๆ ก็มีเสียงใสของคนที่มาใหม่กล่าวขึ้น เขาคือ ‘ลี ฮยอกแจ’ เด็กฝึกหัด ที่ฝึกที่นี่มาแล้วถึงห้าปี ก็ยังหาวงที่ลงตัวกับตนไม่ได้ ด้วยความที่หยิ่งในศักดิ์ศรีของตนมากไป และเป็นคนที่ปากเสียมากอีกคนหนึ่ง เด็กฝึกทุกคนต่างก็ไม่ชอบ ร่างบางคนนี้เลยซักนิด ทกคนเลยต่างออกห่าง นี่คือสาเหตุที่ทำให้ไม่ได้เดบิว
“ฮยอกแจนายพูดอะไรน่ะ นี่คู่ดูโอ้ของนายที่จะเดบิวพร้อมกับนายในอนาคตนะ”
“ผมไม่สนนะท่านประธาน ผมฝึกมาถึงห้าปี เด็กบางคนก็เดบิวกันไปหมดแล้ว แล้วผมล่ะท่านประธาน ความจริงผมควรจะได้ออกเดี่ยวด้วยซ้ำนะ”
“แต่นายได้แค่แร็พกับเต้น เสียงนายยังถึงขั้นออกเดี่ยวไม่ได้นะ ฉันเลยหาคนที่เหมาะสมมาให้นายไง และลี ทงเฮคนนี้ก็เหมาะกับนาย”
“แต่หมอนั้นไม่มีจิตคิดจะเดบิวด้วยซ้ำ จะเอามันมาทำไมล่ะ !”
“เออ..ท่านประธานครับ ผมจะเทรนครับ ผมจะทำให้ได้ภายในสามเดือน ผมจะทำให้หมอนั้นรู้ว่าไม่ควรทะนงตนมากเกินไป” ผมไม่เคยเห็นพี่ทงเฮจริงจังได้ถึงขนาดนี้มาก่อนคงเพราะผู้ชายคนตรงหน้านี้เป็นแน่ที่ทำให้พี่ทงเฮคิดจะเดบิว
“ดีมาก ! ฮยอกแจถ้านายอยากจะเดบิวจริง ๆ ก็ควรหันหน้าพูดกับทุกคน และก็ควรสนิทกับทงเฮให้มาก ๆ เพราะฉันเอาจริงแน่ เพราะนี่คือโอกาสสุดท้ายที่ฉันจะให้นายก่อนที่จะส่งตัวเป็นเด็กเทรนค่ายอื่น ซึ่งเดบิวยากกว่าค่ายของฉันเยอะ นายก็รู้” ผมเพิ่งเห็นประธานคังอินทำหน้าจริงจังเป็นครั้งแรกตั้งแต่คุยกันมา นั้นทำให้อีกฝ่ายหน้าเสียพอดู ถึงขั้นโวยวายขึ้นมา พี่ทึกกี้ได้แต่ทำหน้าเอือม
“ท่านประธาน !”
“มาถึงเรื่องของเรานะทงเฮ เราจะเทรนนายภายในเวลาสามเดือน ขอฝากฮยอกแจให้นายดูแลด้วย นี่สัญญาฝึกหัด นายต้องเซ็นก่อนเซ็นสัญญาจริง ข้อตกลงเฉพาะพวกนายสองคนนะทงเฮ ฉันจะให้เซ็นสัญญาฉบับเดียวกัน แบบเดียวกันกับรยอวุค แต่ของนายต้องหารสอง ตอนนี้ขอให้นายเซ็นสัญญานี่ก่อน”
“ครับ”
“ถือว่ายังคงเป็นสัญญาที่ดีอยู่นะทงเฮ ขอให้นายทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด เหยียบไอบ้าหน้าไก่นั้นให้หน้าแหกไปเลย ฉันเชื่อว่านายทำดีกว่ามาก” พี่ทึกกี้กระซิบกระซาบพลางตบไหล่ที่ทงเฮเบา ๆ ให้กำลังใจ บวกกับปลงกับตัวปัญหาตรงหน้า
และแล้วทั้งผมและพี่ทงเฮก็ได้เป็นศิลปินในค่ายของประธานคังอิน ผมต้องเริ่มมาฝึกซ้อมตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปกับพี่ทงเฮ แต่เราทั้งสองขออนุญาตทำงานพิเศษต่อไปจนกว่าจะได้เดบิว และสัญญาอีกข้อที่ผมขอขึ้นมาคือ ขอเดบิวพร้อมกับพี่ทงเฮ ซึ่งประธานคังอินก็เห็นว่าดี เพราะจะได้มีเวลาเตรียมตัว และปล่อยกระแสความดังของทางค่ายไปเลยกับการเดบิวของทั้งสาม ผมและพี่ทงเอจึงต้องใช้เวลาทั้งสามเดือนให้มีค่ามากที่สุด
“ดีใจด้วยนะกับทั้งสองคนเลย อีกสามเดือนพวกนายก็ได้เดบิวแล้ว รยอวุคขอให้นายอดทนนะเพราะการเดบิวเดี่ยวนั้นมันกดดันมาก ส่วนทงเฮถึงความกดดันจะน้อยกว่าแต่ความอดทนนายต้องมีมากกว่า เพราะการทำงานเป็นกลุ่มมันต้องมีกระทบกัน ยิ่งคนแบบนั้นนายยิ่งต้องทนเข้าใจไหม แล้วก็ต้องดัดนิสัยด้วย !” พี่ทึกกี้ได้สอนเรื่องราวต่าง ๆ ให้ผมกับพี่ทงเฮ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องก่อนเดบบิวหรือหลังเดบิว
“ครับแล้วพวกผมจะจำไว้ ขอบคุณพี่ทึกกี้มากนะครับ แล้วพวกผมจะไม่ลืมสิ่งที่พี่ให้พวกผมเลย”
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกน่า พี่อยากเห็นพวกนายได้ดี พี่เห็นพวกนายเป็นน้องชายนะที่น่ารักนะ”
แล้ววันนี้ผมก็เดินทางไปที่บาร์ทันที วันนี้คนเยอะมากกว่าเมื่อวาน คงเพราะคลิปนั้นซินะ แต่ไม่ว่ายังไงผมก็จะทันนี้ให้ดีที่สุด ทุกคนต่างอยากฟังเพลงนั้นอีกครั้งผมจึงร้องด้วยความรู้สึกเดิมที่มีให้คนที่ผมรอ ต่อไปอนาคตจะเปลี่ยนไปซักแค่ไหน ผมก็จะทำปัจจุบันให้ดีที่สุด และผมก็ยังจะรอต่อไปอย่างไม่สิ้นสุดเหมือนกัน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนนี้เป็นอะไรที่อึนมึนมากกกกกกก ก
เอามาลงให้ก่อนสอบต่อวัีนที่สอง ฮา !
น้องอุคกำลังจะได้เดบิวแล้ววววววววว ว พี่เฮก็เหมือนกัน
ตัวละครใหม่ออกมาเรื่อยๆ แต่พระเอกก็ยังไม่ออก -.,-
ตอนต่อไปอาจเป็นเรื่องของคังทึกไม่ก็เฮอึน ฮิ้วววว ว
ฝากฟิคเรื่องนี้ไว้ด้วยนะครับ !! ^^
ความคิดเห็น