คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ทางเลือก 1
ให้หลังการปิดฉากสงครามศักดิ์สิทธิ์ เอเดน-เดมอส มากว่าห้าปีแล้ว แม้วันคืนจะหมุนเวียนผ่านไป เหล่าสหายในป้อมอัศวินยังคงความครึกครื้นอยู่เป็นนิจ หากแต่ตอนนี้ก็ใกล้เวลาที่จะนับถอยหลังการสอบครั้งสุดท้ายก่อนออกจากโรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์กเต็มที ห้องอาหารดาร์กอนยังคึกคักไม่ต่างจากเมื่อครั้งเข้ามาในโรงเรียนพระราชาใหม่ๆ
เฟรินกวาดสายตามองหาเพื่อนรักตัวแสบที่แอบอู้หนีลงมาก่อน ปล่อยให้เธอโดนอาจารย์แม่มดวิงกี้สวดอยู่คนเดียว ถึงตอนนี้จะเป็นปีสุดท้ายแล้วในเอดินเบิร์กแต่วิชาเวทมนตร์ ฝีมือคาถาของเธอมันก็ยังดูจะไม่พัฒนาขึ้นเลยสักนิด ผิดกับอีกคนที่นับวันยิ่งเก่งเอาๆ ไอ้พ่อมดจอมขมังเวทย์มาดน้ำแข็งแห่งคาโนวาลคนนั้นนั่นแหละ
“ไอ้คิล!” พอสอดส่ายสายตาไปมาก็ไปสะดุดเข้ากับรังสีอำมหิตของเด็กหนุ่มผู้อยู่ในวงล้อมของเด็กปีหนึ่ง
“เฟริน มาดูนี่สิ” นัยน์ตาสีม่วงเป็นประกายแบบที่เดาได้ไม่ยากว่าต้องมีอะไรสนุกๆอีกตามเคย
“โห....อะไรเนี่ย” นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่โตเป็นประกาย ฉวยเอาตะเกียงแก้วมาดูอย่างตื่นเต้นก่อนจะดึงเพื่อนรักให้ขยับมาใกล้แล้วกระซิบกระซาบเป็นการใหญ่
พลันนัยน์ตาสีม่วงก็เป็นประกายขบขัน มองไปทางเจ้าของตะเกียงวิเศษร่างจิ๋วที่ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าด้วยว่าไม่แน่ใจว่าตัวเองทำผิดอะไรหรือเปล่า
“ฉันสัมผัสได้ถึงอาถรรพ์ของเจ้าตะเกียงนี่ เพราะฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยของคนในป้อม ฉันจึงต้องขอยึดเอาไว้ก่อน” น้ำเสียงผู้คุมกฎคนสำคัญดังขึ้นอย่างทรงอำนาจ รุ่นน้องที่ถูกกล่าวหาว่าตะเกียงมีอาถรรพ์ลังเลเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่พอโดนรังสีอำมหิตข่มขู่เข้าก็เลยเลือกที่จะปิดปากเงียบ
“สลายตัวได้” จบคำเฟรินก็ลากคิลมาที่โต๊ะว่างมุมหนึ่งในโรงอาหาร
“ไม่เสียแรง ไม่เสียแรง ที่อุตส่าห์มีเพื่อนเป็นผู้คุมกฎทั้งที ไม่เสียแรงจริงๆ” เจ้าตัวดีว่าอย่างชอบอกชอบใจก่อนจะต้องสะดุ้งเฮือกตกใจจนแทบตกเก้าอี้เมื่อเสียงคุ้นเคยดังขึ้นข้างหลัง
“คะ คาโล หวัดดี”
“ไปก่อเรื่องอะไรอีก” คำทักแรกจากเจ้าชายผู้สงบเป็นนิจเรียกให้หัวขโมยตัวดียิ้มเจื่อนๆ ไพล่มือไปข้างหลังเอาตะเกียงแก้วเจ้าปัญหาส่งต่อให้คิล ก่อนจะก้าวเข้าไปประชิดคาโล
“นายน่ะคิดมากไปแล้วคาโล เห็นฉันชอบก่อเรื่องมากนักหรือไง” เจ้าตัวดียิ้มหวานเข้าใส่แบบที่ทำน้ำแข็งที่ต่อให้แข็งยังไงร้อยทั้งร้อยก็ต้องละลาย
“ไม่มีอะไรก็ดี” เจ้าของมาดเข้มเปรยเรียบๆแล้วหันไปหาต้นเสียงจากด้านหลัง
“คาโล ฉันมีเรื่องอยากปรึกษา” บรรยากาศอึกทึกของป้อมอัศวินเงียบไปถนัดเมื่อนางพญาแห่งปราสาทขุนนางเข้ามาสำแดงเดชตรึงสายตาของเหล่าผู้กล้าไว้เสียสนิท ร่างสมส่วนสวยสง่าเปี่ยมไปด้วยอำนาจทุกกระบวนการก้าวย่างฉวยเอาหัวหน้าป้อมอัศวินผู้หล่อเหลาให้เดินเคียงคู่ไปอีกทาง ขาดก็แต่ไม่มีเสียงโห่แซวอย่างที่ควรจะเป็น ด้วยหนึ่งยังเข็ดขยาดกับนัยน์ตาคู่คมของหัวหน้าป้อม สองยังนึกหวาดนางพญาที่เดินไปด้วยกัน และสามยังตื่นๆกับอาการที่ทำราวไม่ใส่ใจของเจ้าหญิงแห่งบารามอสที่ข่าววงในว่ากันว่ามีความสัมพันธ์อันแนบแน่นลึกซึ้งกับเจ้าชายแห่งคาโนวาล แบบนี้มันผิดวิสัยเกินไป หรือว่า......ข่าววงในที่ว่าของท่านเสนาธิการฝ่ายซ้ายมันจะเป็นข่าวโคมลอย
“แกว่า นางพญาหัวหน้าปราสาทขุนนางเค้ามีธุระอะไรกับไอ้คาโลมันวะ”
“รอมันกลับมา แกก็ถามมันเอาสิ” คิลตอบง่ายๆไม่ใส่ใจอะไรเมื่อของในมือมันน่าสนใจกว่าเรื่องที่ใครจะไปทำอะไรที่ไหน ยังไงนั่นตั้งเยอะ
“เฟริน แกว่าถ้าฉันลองถูตะเกียงดู........เฮ้ย!” คิลร้องเสียงหลงเมื่อไม่ทันขาดคำเขา แม่เพื่อนตัวดีก็ถูตะเกียงไปก่อนเรียบร้อยแล้ว ในวินาทีแห่งการรอคอย........รอคอย..........และรอคอย ที่เขาว่ากันว่าทะเลมักจะสงบก่อนเกิดลมมรสุมนี่ดูท่าว่าจะยังใช้ได้อยู่ทุกยุคทุกสมัย ท่ามกลางความสงบที่แสนเงียบเชียบ อึดใจเดียวเท่านั้นแรงระเบิดมหาศาลก็ระเบิดตูม!!!! เศษผงธุลีฝุ่นผงลอยฟุ้งกระจายไปทั่ว ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของรุ่นน้องในป้อม ก่อนจะตามมาด้วยคำพิฆาตจากหัวหน้าป้อมที่รีบบึ่งมาดูเหตุการณ์ ที่ตงิดๆใจอยู่แต่แรกแล้ว ภายใต้ผุยผงที่ก่อตัวขึ้น ร่างเจ้าหญิงคนสำคัญจากเดมอสกับเพื่อนรักนักฆ่าผู้คุมกฎคนสำคัญลงไปกองที่พื้นในสภาพย่ำแย่เอาการจากแรงระเบิด
“คิล เฟริน ให้ตายสิ” เสียงสบถพึมพำจากตัวหน้าป้อมเรียกสถานการณ์วุ่นวายให้สงบลงได้อีกครั้งก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งผ่าหมอกฝุ่นเข้าไปคว้าองค์หญิงหัวขโมยยอดยุ่งให้ออกมาจากภัยพิบัติ ส่วนคิลที่ตอนนี้พยุงตัวออกมาได้สำเร็จก็เดินออกมาดูผลงานที่ตนและเพื่อนรักช่วยกันสร้าง
โต๊ะอาหารในโรงอาหารดาร์กอนชำรุดเสียหายไปกว่าแถบ รุ่นน้องหลายคนได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์สยองขวัญ บ้างหัวแตก บ้างถลอก และบางคนก็แขนขาหักเนื่องจากหลบแรงกระแทกจากตะเกียงระเบิดซะล่วงจากเก้าอี้ ส่วนแขกกิตติมศักดิ์จากปราสาทขุนนางบัดนี้ยืนอึ้งสนิทกับความอลหม่านในป้อม
“โร ฝากนายจัดการทางนี้ แองเจลีน่า เธอช่วยรักษาคนเจ็บด้วย แล้วมาทิลด้าช่วยตามเรื่องให้ที” คาโลสั่งพวกพ้องที่กำลังตื่นตะหนกกับเหตุการณ์ที่เดาได้ไม่ยากว่าเป็นฝีมือของใคร โร เซวาเรส ขอทานหนุ่มที่บัดนี้ดำรงตำแหน่งเสนาธิการฝ่ายซ้ายของป้อม ยิ้มขำกับดวงหน้าเครียดๆของเจ้าชายที่ถูกคนในอ้อมแขนกล่อมประสาทซะยับ ส่วนแองเจลีน่าแม่มดสาวน้อยมากฤทธิ์ก็ถึงกับสบถพึมพำอย่างหัวเสีย แล้วสุดท้ายก็เจ้าแม่มาทิลด้าที่กุมขมับเครียดเหมือนลมจะใส่เสียให้ได้
“คือ คาโล ฉัน” เฟรินอึกอักๆด้วยไม่รู้จะเริ่มยังไง เมื่อคนที่ลากเธอออกมามันเงียบจนชวนอึดอัด คาโลปรายตามามองคนข้างตัวอย่างตำหนิ ดวงหน้าหวานก้มหลบวูบอย่างละอายก็ใครมันจะไปรู้ล่ะว่าไอ้ตะเกียงนั่นมันจะระเบิดขึ้นมาก็คิดว่ามันจะเป็นเหมือนตะเกียงของอาละดินนี่ ที่พอถูปุ๊บก็จะมียักษ์วิเศษออกมา กะว่าจะเอามาสู้กับผีคทาของมันสักหน่อย
“อยู่นิ่งๆ” คาโลดุเข้าให้ก่อนจะช่วยปัดฝุ่นบนเรือนผมสีน้ำตาลที่บัดนี้ยุ่งจนไม่เป็นทรง ส่วนบาดแผลถลอกปอกเปิกที่แขนกับขาก็ได้พ่อมดคนดุนี่ช่วยจัดการร่ายเวทย์รักษาให้ซะหายสนิท
“ฉันทำให้นายต้องลำบากอีกแล้ว” เสียงหวานทอดใส่
“ก็พูดแบบนี้ทุกที”
“นายก็อย่าดุฉันนักสิ” มือที่ปัดผมชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เจ้าของมือจะหลุบตาลงมาสบด้วย กระแสอ่อนโยนจากนัยน์ตาคู่สวยนั่นยิ่งทำให้รู้สึกผิดเข้าไปใหญ่
“ก็ทำอะไรไม่รู้จักคิด ถ้าเกิดมันมากกว่าแค่ระเบิดล่ะ นายจะทำยังไงเฟริน” แม้น้ำเสียงจะอ่อนลงบ้างแต่มันก็ยังคงดุอยู่ดี แต่ถึงต่อให้ดุกว่านี้มันก็ไม่ได้ทำให้คนอย่างเฟรินกลัวได้หรอกในเมื่อถ้อยคำเหล่านั้นมันแฝงไปด้วยความห่วงใยทั้งนั้นนี่
“โธ่........ถึงยังไงนายก็ต้องมากู้ระเบิดให้ฉันอยู่แล้ว” เฟรินยิ้มเอาใจ
“จะรอให้ฉันมาแก้ปัญหาให้ตลอดไปหรือไง” คำตอบที่ตัดรอยยิ้มของเฟรินให้หุบฉับ ก่อนที่เจ้าตัวจะถอนหายใจเบาๆแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นหญ้า
ไอแดดจางๆ กลิ่นดินอ่อนๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนทุกครั้ง แต่ใจตอนนี้มันกลับสงบลงไม่ได้เมื่อนึกถึงอนาคตในอีกไม่กี่วันข้างหน้า วันที่ต้องจากโรงเรียนพระราชาแห่งนี้ไป ไปเดินตามทางของตัวเอง พอถึงวันนั้นแล้วจะเป็นยังไงนะ.............. คาโลมันก็คงต้องรอวันประลองเพื่อขึ้นไปเป็นคิงให้คาโนวาล ส่วนคิลก็คงกลับไปทำงานให้ตระกูลอย่างเต็มตัว แล้วเธอล่ะจะไปที่ไหน ไปเป็นขโมยอย่างเก่าหรือจะไปเล่นเป็นเจ้าหญิงให้เดมอสอีกสักพัก
“นั่นสิ ฉันจะมารอให้นายมาคอยแก้ปัญหาให้ได้ยังไง” เสียงเปรยเรื่อยๆราวไม่ใส่ใจของหัวขโมยยอดยุ่งแห่งบารามอส เรียกนัยน์ตาคู่คมของคนข้างตัวให้หันมามอง แต่พอเห็นสายตาของเธอจับจ้องไปยังท้องฟ้าไกลลิบเบื้องหน้า สายลมบางเบาพัดเส้นผมยาวสลวยให้ทิ้งปลิวไปข้างหลัง แสงแดดอ่อนๆตกกระทบดวงหน้าหวานใสให้แลดูอ่อนโยน เจ้าชายคนเก่งแย้มรอยยิ้มบาง จากวันแรกที่เขารู้ว่าเธอคนนี้เป็นผู้หญิงมาจนถึงวันนี้ ก็ดูเจ้าหล่อนจะคุ้นเคยกับร่างกายของตัวเอง คุ้นเคยอารมณ์ของความเป็นผู้หญิงและทำตัวได้น่ารักสมเป็นหญิงขึ้นทุกวันๆ บางทีถ้าหล่อนยอมตกลงไปเที่ยวเล่นคาโนวาลบ้างก็คงจะดี
“อาทิตย์หน้าก็ใกล้สอบแล้ว นายอ่านหนังสือซะบ้างนะเฟริน”
“เฮอะๆ อย่ามาพูดเรื่องซีเรียสน่าคาโล” เจ้าตัวดีหัวเราะชวนปวดหัวเบือนนัยน์ตาคู่โตกลับมาสบด้วยพลางยิ้มแป้น
“ว่าแต่นายเหอะ เตรียมตัวพร้อมยัง”
“หืม”
“ปัดโธ่ แค่นี้ทำโง่ ก็ว่าที่คิงอย่างนายอ่ะ เตรียมพร้อมรึยังที่จะแบกมงกุฎหนักๆไว้บนหัว” น้ำเสียงสดใสของคนพยายามไม่คิดอะไรให้มากเรื่องกล่าวเย้าเบาๆ
“มันก็ไม่แน่ ว่าฉันจะได้เป็นคิง” เจ้าชายคนถ่อมตัวว่าเนิบๆ
“ถ้าเก่งระดับเทพอย่างนายไม่แน่ แล้วใครที่ไหนมันจะแน่ฮึคาโล” พอเห็นคนข้างตัวเริ่มไม่ต่อความ คนปากมากแพล่มเก่งก็ยิ้มอย่างชอบใจ
“นายอยากเป็นคิงไหมคาโล”
“ฉันอยากตอบแทนคาโนวาล”ถ้อยคำอาจหาญของเจ้าชายผู้องอาจไม่เกินความคิดของหัวขโมยตัวจ้อยไปสักเท่าไหร่ เฟรินยิ้มรับในคำตอบก่อนเปรยต่อ
“เกียรติยศแห่งเจ้าชาย ศักดิ์ศรีของคาโนวาล”
++++++++++++++++++++++++++++++
ความคิดเห็น