ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : [SF] Sweet flower END
Title : Sweet flower
Author : sakuragimji
Pairing : Jonghyun x Key ,, Minho x Onew ft.Taemin
---Part lll ---
“รู้รึยังว่าไอ้พวกที่มาคอยจับตามองเราเป็นใคร”จินกิเอ่ยถามเสียงเครียด
“รู้แล้วฮะ พวกตำรวจนอกเครื่องแบบ”
แทมินตอบด้วยน้ำเสียงไม่ต่างกัน ตอนแรกเขาคิดว่าจะเป็นพวกมือปืนกระจอกที่อยากลองของเท่านั้น แต่ถ้าการที่ตำรวจมาด้อมๆมองๆแถวหน้าร้านแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องดี และมันเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้ทั้งสามคนดูเคร่งเครียด โดยเฉพาะคิบอมที่นั่งนิ่งไม่พูดอะไรเลย เพราะมีหลายเรื่องที่รบกวนใจ
“คิบอม มีอะไรหรือเปล่า?”
“แทยอนปลอดภัยดีใช่มั้ย?”แทนที่จะตอบคำถาม กลายเป็นคนตั้งคำถามเสียเอง บางเรื่องเขายังไม่อยากบอกใคร...
“อ่อ...ฮะ ปลอดภัยดี ผมให้ซูยองคอยประกบตัว”
“อืม...เราควรจะรับงานให้น้อยลง ทำตัวเงียบๆเอาไว้ดีกว่า ตอนนี้รู้สึกว่ามีคนหลายกลุ่มกำลังเคลื่อนไหวใกล้ตัวพวกเรา”
“ฉันเห็นด้วย”จินกิพูด แทมินได้แต่พยักหน้าตาม เพราะเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างกำลังคลืบคลานเข้ามาใกล้ตัวพวกเขามากจนเกินไป...เขาคงต้องทำอะไรสักอย่าง...
“แต่ยังไงซะ งานที่ผมรับมาแล้วพี่ก็คงต้องทำยกเลิกไม่ได้”คิบอมเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามและออกจะแปลกใจอยู่สักหน่อย
“แทมิน นายรับงานติดกันเกินไปแล้วนะ”
“มันจำเป็นฮะ ผมก็ไมได้อยากทำ แต่พี่ก็รู้บางทีเราก็ตัดสินใจเองไม่ได้ คำสั่งต้องเป็นคำสั่ง”คิบอมและจินกิถอนใจออกมาแทบจะพร้อมกัน...
“คราวนี้เขาเลือกใคร”
“อนยู....”
-------------------------
จงฮยอนอาจจะผ่านอะไรมามากในชีวิตของการเป็นตำรวจ แต่เรื่องที่ตัวเองเพิ่งรับรู้มา มันมากเกินกว่าจะทำใจยอมรับไหว แค่เรื่องของแทมินก็ทำเขาช๊อคจนพูดอะไรไม่ออก แล้วไหนจะภาพวงจรปิดที่คิบอมเข้ามาให้ห้องนี้และค้นหาอะไรบางอย่าง ซึ่งเขาคิดว่าคงได้อะไรไปไม่มากก็น้อย ที่สำคัญคงรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร
เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าคิบอมอาจจะรู้เห็นในสิ่งที่แทมินทำ มันโหดร้ายเกินไปกับคนที่เขารัก แต่เพราะอาชีพที่เขาเป็น มันทำให้เขาต้องสันนิษฐานและสงสัยในตัวคนรักของตัวเอง และเขาก็หาคำตอบที่เมื่อคืนนี้เขาหลับเป็นตายได้แล้วว่าคงเป็นฝีมือของคนที่เขานอนกอดแน่ๆ เพราะว่าไว้ใจและไม่เคยคิดว่าคิบอมจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ เขาจึงตัดความสงสัยทิ้งไปจนสิ้น...สุดท้ายแล้วคนใกล้ตัวเป็นคนที่เขาไม่ควรจะมองข้ามไปเลยจริงๆ
น่าตลกสิ้นดี ที่เขาต้องมานั่งหาข้อมูลแฟนของตัวเอง ทั้งที่คบกันมาเกือบปี ความสัมพันธ์ลึกซึ้งไปไกลถึงขั้นนั้น แต่มานั่งนึกๆดูเขากลับรู้จักอีกฝ่ายน้อยมาก ภูมิหลังครอบครัว ประวัติส่วนตัว และอะไรอีกหลายๆอย่างที่ทำให้เขาต้องมานั่งกุมขมับอยู่แบบนี้
ติ้ง...สัญญาณจากวีดิโอคอนเฟอร์เรนซ์ดังขึ้น
“ว่าไง ทำไมสีหน้าไม่ค่อยดีเลย”ผู้บังคับบัญชาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ผมกำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ครับ เครียดนิดหน่อย”
“อ่อ อย่าหักโหมเกินไปล่ะ พักผ่อนบ้าง”
“ครับท่าน”
“เรื่องสายเมื่อคืนนี้ น่าเสียดายจริงๆ เราช้าไปก้าวนึง คงต้องสืบหากันใหม่ ว่าแต่ทางคุณได้อะไรเพิ่มขึ้นมั้ย?”ใบหน้าคมภายใต้กรอบแว่นมีแววครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเลือนหายไป
“ยังไม่ได้อะไรเลยครับ คดีนี้ยิ่งสืบก็ยิ่งมืดแปดด้าน พอเราจะสาวถึงตัว ก็ต้องมีอันต้องชวดทุกทีไป เราช้ากว่ามันไปก้าวนึงตลอดเลย”
“นั่นสินะ ถ้ามีอะไรคืบหน้าแจ้งผมด่วนเลยนะ แล้วอย่าไปงุบงิบทำอะไรโดยไม่บอกผมล่ะ มันอันตราย ผมไม่อยากเสียตำรวจฝีมือดีอย่างคุณไป”
“ครับท่าน...เอ่อ...ท่านครับ...”
“หือ? มีอะไร?”
“ท่านพอจะมีข้อมูลเกี่ยวกับ คีย์และอนยูบ้างมั้ยครับ ผมอยากรู้ชื่อและประวัติของสองคนนี่”เพราะหน้าที่และความรับผิดชอบ เขาควรเลือกทำในสิ่งที่ควรทำ
“อืม...ผมให้คนสืบให้อยู่นะ แต่ไม่ใช่ชื่อจริง มันค่อนข้างยากที่ตามหาข้อมูล คนพวกนี้ปกปิดตัวเองได้เก่งจนเราคาดไม่ถึง”
ใช่! คิม จงฮยอนรู้ดี มือปืน นักฆ่า ปิดบังตัวเองได้ดีกว่าอะไร แต่มันคงไม่ยากเกินไปสำหรับการตามหาใครสักคนหนึ่งที่มีตัวตนจริงๆบนโลกนี้ เมื่ออาศัยพวกเดียวกันไม่ได้ เห็นทีคงต้องพึ่งพาพวกคนในมุมมืดเสียแล้ว
“ครับ...ผมจะรอนะครับ”
เพราะคิม จงฮยอนใจร้อนเกินไป คำรอนั่นไม่ได้ความว่าเขาจะนั่งรอข้อมูลอยู่เฉยๆ เรื่องบางเรื่องที่รู้แล้ว บางครั้งก็ยังไม่สมควรจะพูดออกไป เรื่องของแทมิน คิบอม และคงต้องรวมไปถึงจินกิด้วย ยังคงต้องเป็นความลับจนกว่าเขาจะหาข้อมูลยืนยันที่แท้จริงได้...แต่เมื่อเวลานั้นมาถึง...เขาจะเป็นคนจับคิบอมด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ...และถ้าหากว่าคิบอมรู้แล้วว่าเขาเป็นตำรวจและตัวเองก็มีความผิดแบบนั้นจะปล่อยให้เขายังมีชีวิตอยู่ต่อไปแบบนี้หรือ...
บางทีคิบอมก็อาจจะต้องเลือกเหมือนเขา...ความรักกับหน้าที่...
---------------------------
ร่างสูงยืนทอดอารมณ์เหม่อมองแสงไฟที่สะท้อนเงาอยู่ในแม่น้ำ สายลมหนาวพัดผ่านเบาๆ แต่ร่างสูงก็ไม่มีทีท่าจะสะทกสะท้าน
“ผู้กองครับ...เราควรจะทำอะไรสักอย่างได้แล้วนะครับ...”คนพูดเกิดอาการฮึดฮัดขึ้นมา เมื่อเห็นว่าคนที่ตนพูดด้วยไม่มีปฏิกริยาอะไรตอบกลับมา
“ผู้กอง...”
“รอคำสั่งฉันก็พอ อย่าทำอะไรที่ฉันไม่ได้สั่ง”เอ่ยเสียงเรียบและเด็ดขาด
“ผมขออนุญาตถามได้มั้ยครับ ว่าผู้กองรออะไรอยู่ ทั้งที่เรารู้แล้วว่ามันเป็นใคร”
“เราจะจัดการกับพวกเขาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ เขาเป็นแค่คนที่รับคำสั่งมา แต่ผมต้องการอะไรที่ลึกว่านั้น”
“แล้วผมต้องทำยังไงบ้างครับ...”
“อยู่เฉยๆ รอคำสั่งฉัน แค่นั้นพอ”
คำว่ารอ มันสร้างความไม่พอใจให้กับตำรวจหนุ่มที่อยากมีผลงานเข้าตาผู้ใหญ่ แต่จะทำอย่างไรได้ เมื่อเป็นลูกน้องก็ต้องเชื่อฟังคำสั่ง แล้วเก็บความไม่พอใจเอาไว้
“กลับไปได้แล้ว ถ้าไม่จำเป็นอย่ามาเจอฉันอีก เดี๋ยวคนอื่นจะจับได้ อ้อ..แล้วก็ไม่ต้องไปเฝ้าที่หน้าร้านดอกไม้อีก คิดว่าพวกเขาไม่รู้หรือไงว่าคุณสองคนไปด้อมๆมองๆหน้าร้าน”
นายตำรวจชั้นผู้น้อยก้มหน้ารับคำสั่งก่อนจะหายไปกับความมืด มินโฮถอนสายตาจากแสงไฟเบื้องหันไปมองคนที่เดินจากไป...
บางทีเหตุผลที่บอกกับลูกน้องไปมันก็เป็นเพียงข้ออ้างที่ยืดเวลาให้กับใครบางคน ที่มีอิทธิพลเหนือหน้าที่ที่เขาควรจะทำ
ใครคนนั้นที่เขาเคยหงุดหงิดรำคาญและคิดว่าไม่น่าจะมีคนประเภทนี้อยู่ในโลกได้เลย และยิ่งเมื่อได้รู้ความจริง เขายิ่งแทบจะไม่เชื่อเลยว่า คนๆนั้นกับใครอีกคนที่เขากำลังตามหาจะกลายมาเป็นคนๆเดียวกัน
...อี จินกิ กับ นักฆ่าอนยู...
เขารู้เพราะความบังเอิญ มันเป็นเหมือนตลกร้าย เมื่อเขาพบบางอย่างในห้องของจินกิที่บังเอิญว่าตกอยู่ในที่เกิดเหตุในวันที่เขาออกสืบคดี
เขาเฝ้าสังเกตจนรู้แน่ชัด แต่ก็ยังไม่ลงมือทำอะไรสักอย่างได้แต่ปล่อยให้จินกิ ฆ่าคนไปคนแล้วคนเล่า...มาถึงตรงนี้ ก็เหมือนว่าเขาเองก็มีส่วนรู้เห็นกับการตายของใครต่อหลายคนที่ถูกคิบอมหรือคีย์และจินกิฆ่า...
ยิ่งใกล้ชิดเขาก็ยิ่งรู้ว่าคนเหล่านี้ไม่ได้มีจิตใจเหี้ยมโหด ที่เป็นเพราะเส้นทางที่เดินมันทำให้พวกเขาย้อนกลับไปไม่ได้ จะออกจากเส้นทางที่เดินอยู่คงไม่ได้เช่นเดียวกัน
หากใครรู้คงหัวเราะเยาะเขาเสียจนไม่มีชิ้นดี ชเว มินโฮแห่งกองสืบสวนกลางที่ถูกเรียกตัวมาทำงานอย่างลับๆ จะเห็นอกเห็นใจฆาตกรที่ฆ่าคน แต่บางทีเขาก็สะใจไม่น้อยกับคนที่ถูกสังหาร เพราะจากคดีทั้งหมดที่ผ่านมา คนตายไม่ใช่คนดีเลยสักคน...มีแต่พวกโกงกิน มีนอกมีใน และพวกมีอิทธิพลในตลาดมืด จนเขาอดสงสัยไม่ได้ว่า....ใครที่เป็นผู้จ้างวาน...และนั่นก็คือเหตุผลหลักที่ยังปล่อยให้จินกิยังคงทำผิดต่อไปเรื่อยๆ เพื่อสืบหาคนที่อยู่เบื้องหลัง
----------------------------
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วที่คิบอมยืนมองคอนโดมิเนียนหรูของคนรัก จงฮยอนกำลังสืบคดีของเขาอยู่และรู้ชื่อคีย์และอนยูจากสายที่เขาเก็บไปเมื่อคืนก่อน แต่จะรู้หรือไม่ว่าเขากับคีย์เป็นคนๆเดียวกัน ถ้ารู้จงฮยอนจะตัดสินใจอย่างไร จะเลือกหน้าที่...หรือความรัก....
และก็เป็นคำถามที่เขาต้องย้อนถามตัวเองเช่นเดียวกัน...จะทำอย่างไรต่อไปดี
ในที่สุดคิบอมก็มายืนอยู่หน้าห้อง ทั้งที่มีคีย์การ์ดอยู่ในมือแต่ร่างบางก็ยังจดๆจ้องๆ ผิดวิสัย ดวงตาเรียวหลับลงก่อนจะเปิดขึ้นเหมือนตัดสินใจได้ มือบางจับการ์ดรูดและรอให้ประตูห้องเปิดแล้วก้าวเข้าไปด้านใน
เจ้าของห้องที่กำลังเดินผ่านห้องนั่งเล่นสบตากับผู้มาเยือนนิ่งไปชั่ววินาที ก่อนจะยิ้มให้เหมือนที่ผ่านมา
“นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”ร่างโปร่งเดินเข้าไปสวมกอดคนรักเอาไว้ แต่เป็นอ้อมกอดที่คนถูกกอดนึกรู้ว่ามันไม่เหมือนเดิม...
...รู้แล้วสินะ...
“ทำไมไม่โทรไปหาบ้าง ถ้าเกิดว่าไม่มาหา จะคิดถึงกันบ้างมั้ย”หน้าหวานงอง้ำ ทุบไหล่คนที่กอดตัวเองเอาไว้เบาๆ
“ก็รู้ไง ว่ายังไงคิบอมก็ต้องมา”ยิ้มทะเล้นก่อนจะจูงมือคนรักไปนั่งที่โซฟา รอยยิ้มที่บังคับตัวเองให้ยิ้ม...เพราะไม่อยากให้อีกคนผิดสังเกต
“ดื่มอะไรมั้ย?”
“ไม่ล่ะ...ทำให้มั้ย?”คิบอมอาสาทำให้ เมื่อเห็นจงฮยอนก้มๆเงยๆหาอะไรสักอย่างในตู้เย็น ก่อนจะหันมายิ้มแหยๆ เมื่อถูกถาม
“จะทำอะไรล่ะ หิวเหรอ?”
“ก็นิดหน่อยอ่ะ ทำอะไรก็ได้ง่ายๆ คิบอมจะได้ไม่เหนื่อย”
คิบอมยิ้มบางๆไปให้ ทำไมรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอได้มากขนาดนี้ ขอบตามันร้อนๆ หัวใจเหมือนถูกบีบ ทั้งที่ทุกอย่างดูเหมือนเดิม ทั้งเขาและจงฮยอนพยายามทำตัวเหมือนปกติ แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงช่องว่าง...
“ไปนั่งรอก่อนก็ได้นะ”พูดโดยไม่มองหน้า มือยังคงหยิบจับของในตู้เย็น โดยมีสายตาของอีกคนจับจ้องตลอดเวลา
“คิบอม...”
เจ้าของชื่อหันมาเป็นจังหวะเดียวกันกับที่อะไรบางอย่างลอยมาตรงหน้า ด้วยสัญชาตญาณมือบางเอื้อมไปรับมันไว้ได้อย่างทันท่วงที ต่างคนต่างนิ่งกันไป คิบอมมองของที่อยู่ในมือ ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่โยน จากความตกใจกลายเป็นคำถามทันที
“ทำอะไร?...”
“เอ่อ...”จงฮยอนได้แต่อ้ำอึ้ง เพราะที่ทำไปตัวเองก็ยังไม่ทันได้คิดด้วยซ้ำ รู้สึกเสียใจแต่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
คิบอมก้มลงมองมีดในมืออีกครั้ง...จงฮยอนกำลังพิสูจน์เขาใช่มั้ย...
มือบางกำมีดในมือแน่น แต่หัวใจมันถูกบีบแน่นยิ่งกว่ามีดในมือเสียอีก...เจ็บ...จนพูดไม่ออก
อยากจะถามกลับไปเหลือเกินว่า...ได้อะไรมั้ย ได้คำตอบในสิ่งที่ค้นหาอยู่หรือยัง แน่ใจหรือยังว่าเขาเป็นใคร แต่เคยคิดหรือเปล่า ว่าถ้าหากเขาไม่ใช่...คีย์...เป็นแค่ คิม คิบอมคนธรรมดา เขาจะเป็นยังไงจะได้รับบาดเจ็บบ้างหรือเปล่า...จงฮยอนคิดถึงจุดนี้บ้างมั้ย?
คิบอมสาวเท้าเข้าไปหาจงฮยอนอย่างช้าๆ ดวงตาเรียวรีจ้องอีกฝ่ายไม่กระพริบ ในมือยังคงถือมีดเล่มเดิม
“คิบอม...”คิบอมยิ้มบางๆให้แต่ในใจไหวสั่น ง่ายนิดเดียวหากเขาจะทำอะไรลงไป ถ้าไม่ติดอยู่ที่คำๆเดียว...รัก...
“มันอันตรายนะ ถ้ารับไม่ทันคงแย่....”มีดถูกวางลงบนอ่างล้างจานอย่างเบามือ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
“คิบอม...”แรงกอดรัดจากด้านหลังทำให้คิบอมต้องหยุดอยู่กับที่
“ขอโทษ...ขอโทษ...”น้ำตาหยดแรกร่วงกระทบแก้มใส หยดต่อไปตามมาเป็นสาย ร่างบางสั่นน้อยๆ จงฮยอนพลิกตัวคนรักกลับมากอดเอาไว้แนบอก
“ผมขอโทษ คิบอม...ขอโทษนะ”
ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบที่แสนอึดอัด แม้ทั้งคู่จะนั่งข้างๆกัน มือยังคงเกาะกุมกันไว้ แต่รู้สึกเหมือนกับว่าอยู่ห่างไกลเสียจนเอื้อมถึง ไม่มีคำพูดใดๆหลุดลอดออกมา เก็บงำทุกสิ่งที่อยู่ในใจเอาไว้ ทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร...
หวาดหวั่นกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ขลาดเขลาเกินกว่าจะเผชิญหน้ากับกับความจริงที่หนีไม่พ้น...และอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเหมือนสายใยบางๆให้คนทั้งคู่ไม่กล้าทำอะไรอย่างที่ควรจะทำนั่นก็คือ...ความรักและผูกพัน...
ศีรษะทุยอิงแอบลงบนไหล่กว้างของคนรัก ดวงตารีหลับพริ้มอย่างต้องการพักพิงใจ จงฮยอนปล่อยมือที่เกาะกุมไปเป็นโอบกอดร่างเล็กเอาไว้ กดจูบลงบนเรือนผมนิ่งของคนรัก
“จงฮยอน~”น้ำเสียงอ้อนๆ ทำให้เจ้าของชื่ออมยิ้ม
“ครับ...”
“ฉันจะกลับแล้วนะ”
“หืม?...ไม่ค้างด้วยกันล่ะ”
“...........”
เขายังทำอย่างนั้นได้ใช่มั้ย....อยากให้คนๆนี้กอดเขาเอาไว้ แต่ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว...แต่เพราะคำว่ารักคำเดียวที่ทำให้เขายังต้องอยู่ตรงนี้ หากเขาพูดหรือทำอะไรผิดไปสักนิด ความสัมพันธ์ที่มีมันคงจะจบลง...อย่างไม่มีวันหวนคืน...
“คิบอมอยู่ด้วยกันนะ”กอดคนตัวเล็กให้แน่นขึ้น ริมฝีปากจูบไล่จูบไปตามแนวไรผม เปลือกตาบางและพวงแก้มใส ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากอิ่มเนิ่นนาน
จะเป็นอะไรมั้ยถ้าหากจะทิ้งทุกอย่างเอาไว้เบื้องหลัง แล้วอยู่กับคนในอ้อมกอด คนที่เขารัก จะเป็นไปได้มั้ยที่เขาจะลืมทุกอย่างที่รู้มา เพื่อเลือกจะอยู่และรักกับคนๆนี้ คนที่เขาค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าเป็นใคร...แต่เขาก็จะแกล้งลืมมันไป จะขอจำไว้อย่างเดียวว่าคนๆนี้คือคิมคิบอม คนรักของคิมจงฮยอน
--------------------------------
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำงานคนเดียว แต่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย เหมือนถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา อีกอย่างเป้าหมายที่เขาเฝ้าติดตามตามข้อมูลที่ได้รับมายังไม่ปรากฏกายให้เห็น รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ จินกิสำรวจอาวุธคู่กายอีกครั้ง แสงจันทร์ที่สาดส่องทำให้จินกิรู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลย ...ฟ้าเปิด... มองเห็นทุกอย่างได้ง่ายเกินไป...
สายลมหนาวมาเยือน จินกิถอนหายใจออกมา รู้สึกไม่ชอบมาพากล เหยื่อของเขาไม่ได้ผ่านมาทางนี้ในเวลาเดิมเหมือนทุกที เสียงเหยียบกิ่งไม้แห้งที่ดังแว่วมาตามลม ทำให้จินกิขยับตัวออกจากที่ซ่อนอย่างช้าๆ มือกระชับปืนเอาไว้มั่น...ท่าทางงานนี้จะเจอแขกไม่ได้รับเชิญและงานที่รับชิ้นนี้กลิ่นไม่ค่อยดี
เพราะความที่ไม่อยากปะทะกับใครโดยไม่จำเป็นนักฆ่าหนุ่มจึงแฝงกายไปกับความมืด อาศัยจังหวะที่พระจันทร์ถูกเมฆหนาบดบัง แต่อีกฝ่ายกลับไม่คิดแบบเดียวกัน เสียงฝีเท้ายังคงกระชั้นติดและใกล้มาก เขาคงต้องทำอะไรสักอย่าง
“หายไปไหนวะ!”
ชายหนุ่มสบถออกมาอย่างหัวเสีย อีกนิดเดียวเท่านั้นเขาก็จะสามารถปลิดชีวิตของนักฆ่าที่พลิกแผ่นดินตามหา ความจริงเขามีโอกาสมานานแล้ว แต่ก็โดนห้ามเอาไว้อยู่เรื่อย ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าหัวหน้าเขาคิดยังไงกับนักฆ่าคนนี้ เพราะใกล้ชิดและผูกพัน จึงทำใจที่จะจัดการลำบาก แต่ไม่ใช่กับเขา พวกเดนสังคมสมควรถูกกำจัด และคนอย่างชเว มินโฮก็ไม่ควรได้รับความไว้วางใจให้ทำงานใหญ่ ตำรวจที่มีใจให้ฆาตกร...มันยังควรได้รับการนับหน้าถือตาอยู่หรือไง
“ฉันอยู่นี่!”ปลายกระบอกปืนเย็นเฉียบสัมผัสเบาๆที่ท้ายทอย เสียงที่เอ่ยขึ้นทำเอาเสียวสันหลัง ตำรวจหนุ่มชะงักค้างไปทันที ทำไมถึงไม่รู้สึกตัวเลย ว่าคนๆนี้เข้าใกล้เขาได้ถึงขนาดนี้
“แกเป็นใคร? พวกอยากลองของ หรือว่าตำรวจปลายแถวที่อยากได้หน้าหะ?”จินกิตบปืนลงบนหัวของอีกฝ่ายไม่เบานัก คนที่เพลี่ยงพลั้งขบกรามแน่นด้วยความโกรธ
“ไงใบ้แดกรึไง...แต่ถามแกไปก็เท่านั้น เก็บคำตอบไปตอบยมบาลดีกว่านะ หึหึ”เสียงหัวเราะเหี้ยมหากใครได้ยินก็ขนลุกด้วยความกลัว
กริ๊ก...
“ลาก่อนนะ...”
ปัง!
“อ๊ะ.....”จินกิร้องออกมาพร้อมกับอาวุธคู่กายที่เคลื่อนออกจากเป้าหมายก่อนจะรู้สึกชาไปทั้งแขน
“มึงเสร็จกูแน่”
นายตำรวจหนุ่มได้ที เล็งปืนไปที่นักฆ่าหนุ่ม จินกิใช้ขาเตะด้วยความเร็วจนอีกฝ่ายเสียหลักปืนหลุดออกจากมือ พอจะยิงซ้ำก็มีกระสุนที่หาที่มาไม่ได้ยิงมาทางตัวเอง ไม่ได้โดน แต่ก็ทำให้จินกิชะงักมือที่กำลังเหนี่ยวไกยิงเอาไว้ได้ ก่อนจะตัดสินใจหนีหายไปกับความมืด
เสียงปืนดังมาจากด้านที่เขาวิ่งหนีมาสองถึงสามนัดก่อนจะเงียบลงไป ไม่มีเสียงคนตามมา แต่สองเท้าก็ยังวิ่งกึ่งเดินไปตามทางเรื่อยๆ มือล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมา
“ไม่ต้องมา แยกกัน...”กรอกเสียงลงไปก่อนจะกดตัดสาย
“อ๊ะ!!...”
สายตาคู่นั้นที่มองมาสะกดให้อีกคนนิ่งแข็งกลายเป็นหิน และไม่ทันตั้งตัวได้ จินกิก็ถูกอีกฝ่ายลากถูลู่ถูกังไปตามถนนจนถึงรถยนตร์ที่จอดเอาไว้ไม่ไกลนัก
ไม่มีใครเอ่ยอะไรจนกระทั่งประตูห้องของจินกิปิดลง สองคนยืนคว้างอยู่กลางห้อง มินโฮเหลือบมองเลือดที่ไหลซึมออกมาที่ปลายนิ้วของอีกฝ่าย
“ทำแผลก่อนดีกว่า”ร่างสูงเดินไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลในลิ้นชักด้วยความคุ้นชิน
กริ๊ก...
“ถ้าจะยิงจริงๆ จินกิคงไม่รอมาจนถึงตอนนี้หรอกใช่มั้ย”มินโฮพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน ราวกับว่าปืนที่จ่ออยู่ที่ขมับของตัวเองเป็นของเด็กเล่น ร่างสูงหันมาพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ก่อนที่มันจะเลือนหายไป เพราะน้ำตาของอีกคนไหลอาบแก้มเงียบๆ
“จินกิ...”ปลายนิ้วไล่กรีดน้ำตาให้แผ่วเบา แต่ดูเหมือนจะยิ่งทำให้อีกคนสะอื้นออกมา ไม่รู้ว่าปืนที่ถืออยู่ถูกปลดออกไปตอนไหน จินกิปล่อยให้มินโฮกอดอยู่อย่างนั้น ส่วนตัวเองทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากร้องไห้ให้กับอะไรบางอย่างที่ตัวเองยังไม่รู้
“เจ็บมากหรือเปล่า แผลมันถากๆนะ แต่ถ้าดูแลไม่ดีมันอาจจะอักเสบแล้วเป็นหนอง”
“.....”
“เดี๋ยวกินยาแก้ปวดกับแก้อักเสบกันไว้ดีกว่านะ”
“นายเป็นใครกันแน่”ประโยคแรกของจินกิทำให้มินโฮชะงักไป
“เป็นอะไรก็ได้แล้วแต่จะคิด”
“อย่ามาเล่นลิ้น มินโฮ”
ไม่มีวี่แววของอนยูจอมเป๋อและซุ่มซ่ามแม้แต่น้อย มินโฮถอนใจออกมา พลางเก็บอุปกรณ์ทำแผลลงกล่อง ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอีกต่อไป บางทีการบอกความจริงคงเป็นทางที่ดีที่สุด และกล่อมจินกิให้หันมาร่วมมือหาผู้บงการที่แท้จริงมันอาจจะดีกว่า
“ชเว มินโฮ กองสืบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”
“แผลนี่นายเป็นคนยิงใช่มั้ย?”พยายามข่มน้ำเสียงให้ปกติที่สุด คำตอบที่ได้รับ มันทำให้จินกิตกใจยิ่งกว่าการฆ่าคนตายครั้งแรกเสียอีก
“อืม...เพราะจินกิจะยิงผู้ชายคนนั้น...เขาเป็นลูกน้องผม...อย่าทำอะไรเขาเลย”
“รู้มาตั้งแต่แรกแล้วใช่มั้ย ว่าฉันเป็นใคร”
“เปล่า แต่ก็รู้มานานแล้ว...ตอนที่ได้เข้าห้องจินกิครั้งแรกนั่นแหล่ะ”
เจ้าของห้องครุ่นคิดถึงวันที่มินโฮเข้ามาในห้องตัวเองครั้งแรก...แต่ก็นึกไม่ออกเลยว่าตัวเองไปแสดงพิรุธหรือพลาดอะไรตรงไหนให้มินโฮรู้ว่าเขาเป็นใคร...แต่สิ่งที่น่าแปลกใจมากกนั้น...
“แล้วทำไม ถึงไม่ทำอะไรฉัน”คำตอบที่ได้รับกลับมามีเพียงรอยยิ้มบางๆบนใบหน้าหล่อ
“ไม่รู้สิ...อาจเป็นเพราะแววตาคู่นี้...มันไม่ได้เหี้ยมโหด อาจจะเป็นเพราะมือนุ่มๆคู่นี้ที่คอยจัดช่อดอกไม้ อาจจะเป็นเพราะตรงนี้ของจินกิ ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ควรจะเป็น”มือหนาทาบลงไปบนอกข้างซ้ายของคนถาม
“แต่มือคู่นี้มันเปื้อนเลือดคนมามากล้างยังไงก็ไม่หมด...และหัวใจดวงนี้มันก็ซ่อนอะไรไว้มากมาย ไม่มีใครรู้หรอกว่าจริงๆแล้วข้างในเป็นยังไง”มินโฮคุกเข่าลงตรงหน้า โอบกอดจินกิเอาไว้หลวมๆ
“ไม่ว่าจะซ่อนอะไรเอาไว้มากมายแค่ไหน แต่สำหรับผม จินกิยังเป็นจินกิที่ผมรู้จักอยู่ดี ซุ่มซ่าม เอ๋อๆ ป้ำๆเป๋อๆ แล้วก็...น่ารัก”
“มินโฮนายมันบ้า...”ถึงจะว่าอีกฝ่ายไปอย่างนั้นแต่วงแขนก็โอบกระชับร่างสูงเอาไว้แน่น ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอีกครั้ง ไม่เข้าใจว่าความรู้สึกที่มีมันคืออะไร...รู้แต่เพียงว่าไม่อยากสูญเสียอ้อมกอดนี้ไป
-------------------------
“ผมว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ”คนอายุน้อยที่สุดเอ่ยขึ้น
“แทมิน นายรับงานใครมา ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้”หลังจากที่ได้ฟังเหตุการณ์บางส่วนจากจินกิ ซึ่งแน่นอนว่าบางส่วนได้รับการบิดเบือนไป แต่คิบอมดูหัวเสียมาก เมื่อรู้ว่าจินกิบาดเจ็บและนึกโกรธคนที่รับงานอย่างแทมินที่ไม่ตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัด
“แต่ปกติแล้วผมรับงานจากคนนี้และไม่เคยมีปัญหา”เอ่ยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“งานนี้ต้องมีใครเล่นตลกกับเรา”
“พวกพี่ก็ใช้ชีวิตปกติต่อไปนะฮะ เรื่องนี้เดี๋ยวผมจะจัดการเอง บางทีคงต้องไปพบคนๆนั้นด้วยตัวเองอีกสักครั้ง”
หลังจากแยกย้ายกันไปแล้ว แทมินออกไปทำธุระ ส่วนจินกิและคิบอมเองก็มีเรื่องที่ต้องทำ วันนี้ร้านดอกไม้ปิด ทุกคนจึงมีเวลาสะสางสิ่งที่ยังค้างคาใจ
----------------------------
“จงฮยอนคุณกำลังทำอะไรอยู่หรือเปล่าตอนนี้”คนจากในจอคอมพิวเตอร์เอ่ยถามมา
“ก็กำลังสืบคดีเดิมนั่นแหล่ะครับ”
“มีอะไรคืบหน้าหรือยัง”
“ถ้าหมายถึงหลักฐานผมยังไม่ได้อะไรครับ แต่จากข้อมูลที่รวบรวมได้ มันมีจุดที่เรามองข้ามไปในตอนแรก หากดูจากเหยื่อที่ถูกฆ่าไป แต่ละคนล้วนแต่ไม่ใช่คนดี หลังจากคนพวกนี้ตายไปเรื่องเน่าๆที่ถูกซ่อนเอาไว้ก็ถูกขุดคุ้ยสาวไส้ออกมา อีกอย่างผมรู้สึกว่า นักฆ่าทำงานได้ง่ายและสะดวกเกินไป เหมือนกับว่ามีใครคอยหนุนหลัง หรือไม่ก็ผู้บงการอยู่เบื้องหลังจะต้องมีอิทธิพลมาก รวมไปถึงรู้เบื้องหลังเบื้องลึกของคนที่ตายไปด้วย”ท่านอธิบดีฟังและคิดตาม สิ่งที่ลูกน้องรายงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเองก็เห็นด้วย
“แล้วทีนี้คุณจะทำยังไงต่อไป”
“ผมจะสืบว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือใคร ผมจะหาตัวการใหญ่ให้ได้ นักฆ่าสองคนนั่นเป็นเหมือนหมากตัวนึงของคนๆนั้น”
“แสดงว่าคุณก็ต้องรู้แล้วสิว่าใครเป็นนักฆ่าสองคนนั้น”
“ผมยังไม่แน่ใจครับ แต่อีกไม่นานผมคงตามหาพวกเขาเจอ”จงฮยอนไมได้พูดความจริงออกไป ทั้งที่แน่ใจยิ่งกว่าแน่ว่าสองคนที่ตามหาคือใคร
“ผมรู้สึกว่าคุณมีอะไรปิดบังผมอยู่นะ คุณทำอะไรไว้แต่ไม่ได้บอกผมหรือเปล่า จงฮยอน”ท่านอธิบดีหรี่ตามองลูกน้อง
“ไม่มีครับ ผมรายงานท่านทุกอย่าง”นายตำรวจหนุ่มสบตากับคนในจอภาพเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“งั้นก็แล้วไป อย่าทำอะไรนอกเหนือคำสั่ง เพราะคุณอาจจะเป็นอันตรายได้”ประโยคสุดท้ายไม่แน่ใจว่าพูดด้วยความเป็นห่วงหรือด้วยความรู้สึกอื่นกันแน่ แล้วภาพก็หายไปจากจอ จงฮยอนถอนใจเอนตัวลงพิงกับพนักเก้าอี้
มีทางออกมากมายรออยู่เบื้องหน้าให้เขาได้เลือกเดิน...แต่เขาไม่อยากเดินทางไหนเลย ขอหยุดยืนอยู่กับที่แบบนี้ได้หรือเปล่านะ...รู้สึกเหนื่อยล้าเกินกว่าจะเดินไหว
ความอยากรู้อยากเห็นของคนบางครั้งก็นำมาสู่ความสูญเสีย...
จินกิปล่อยให้กระดาษในมือร่วงหล่นลงบนพื้น เพราะไม้รู้ว่ามินโฮพูดความจริงกับตัวเองมากน้อยแค่ไหน เขาจึงต้องมานั่งค้นหาขู้อมูลเอาเอง และสิ่งที่รู้มามันยืนยันคำพูดของมินโฮได้ดีว่าเป็นใครมาจากไหน และตอนนี้กำลังสืบคดีของเขาอยู่ กระดาษที่ปลิวอยู่ตามพื้นถูกใครบางคนหยิบขึ้นมาดวงตาเรียวกวาดมองเนื้อหาข้างใน
“จินกิ....”
“คิบอม!”
“เราคงมีเรื่องต้องคุยกัน”
ทั้งที่คิดว่าเรื่องที่ตัวเองเจอมามันแย่แล้ว พอได้ฟังจากเพื่อนรักจินกินยิ่งรู้สึกสงสารอีกคนขึ้นมาจับใจ เขากับมินโฮความสัมพันธ์ไมได้ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างเหมือนกับคิบอมและจงฮยอนยังรู้สึกเจ็บปวดขนาดนี้ แล้วคิบอมล่ะจะเจ็บปวดมากแค่ไหน คนรักที่เดินอยู่บนละเส้นทางกัน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็ต้องใช้ชีวิตเหมือนเดิม ทำตัวปกติเหมือนคู่รักทั่วไป มันทรมานและปวดร้าวแค่ไหน
“เราจะทำยังไงต่อไปดี...”จินกิพึมพำออกมา ความรักทำให้เขาอ่อนแอจนน่ารังเกียจ ความอ่อนแอที่นักฆ่าอย่างเขาไม่ควรมี
“ทำทุกวันให้ดีที่สุด...เพราะไม่รู้ว่าเราจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหน”
---------------------------
เป็นอีกครั้งที่แทมินเรียกตัวด่วน ทุกคนจึงต้องมารวมตัวกัน แต่สีหน้าของแทมินดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จนคิบอมสังหรณ์ใจแปลกๆ
“มีอะไรแทมิน”
“ผมขอโทษที่ผิดคำพูด...”น้ำเสียงไม่สู้ดีนัก
“มีงานเข้ามาเหรอแทมิน”จินกิเอ่ยถามพลางขยับตัวเข้ามาใกล้มากขึ้น คนอายุน้อยสุดพยักหน้ารับ ก่อนจะยื่นซองเอกสารในมือให้ทั้งสองคน คิบอมเปิดซองที่ประทับตราดอกไลแลคออก ขณะที่จินกิเปิดซองที่ประทับตราดอกไฮยาซินธ์เพื่อดูข้างใน
“หมายความว่าไง? แทมิน...นี่มัน...”คิบอมถาม มองหน้าแทมินสลับกับสิ่งที่อยู่ในมือ
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแทมิน!...คนนี้....คือคนที่พี่ต้องไปจัดการเหรอ?”จินกิแทบจะหมดแรงยืน
“ใช่ครับ....เขาสองคนเป็นตำรวจ...พวกพี่รู้หรือเปล่า?”แทมินมองพี่ทั้งสองคนที่เหมือนอยู่ในอาการช็อคจนพูดไม่ออก
“คิม จงฮยอนกับ ชเว มินโฮเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบที่สืบคดีของเราอยู่ และเบื้องบนต้องการกำจัดเขาทั้งสองคน ก่อนที่พวกเขาจะใช้พวกพี่เป็นสะพานเชื่อมไปหาเจ้านายใหญ่ของเรา...พี่มีเวลาแค่สองวัน...”
“คิบอม!”จินกิเรียกเพื่อนรักเสียงหลงเมื่อคิบอมเดินจ้ำออกไป
“พี่คีย์!...พี่อย่าลืมนะว่าพี่เป็นใคร ถึงมันจะดูใจร้ายที่บอกให้พี่ไปฆ่าแฟนตัวเอง แต่เส้นทางที่เราเลือกเดิน พี่ก็รู้ว่าทางออกทางเดียวที่มีมันคืออะไร...มันมีแค่ความตายเท่านั้นที่รออยู่ข้างหน้า...แต่คนที่ตายจะเป็นพี่หรือเขาก็เท่านั้น”
ใช่ มีแค่ความตายเท่านั้น...เขารู้ดี...
“พี่สัญญากับผมแล้วนะ ว่าจะอยู่ข้างๆตลอดไป พี่อย่าลืมสัญญาล่ะ พี่จินกิด้วย”แทมินเอาคำสัญญามาผูกมัดเอาไว้...อาจจะดูเห็นแก่ตัวและเหมือนคนไร้หัวใจ แต่สักวันพี่ทั้งสองคนจะต้องขอบคุณเขา
-----------------------------------
หน้าที่กับความรัก....เขาจะเลือกทำสิ่งไหนดี...แล้วคำสัญญาที่เคยให้ไว้ เขาควรจะรักษามันเอาไว้ใช่มั้ย...เขารู้ดีพอๆกับที่คิบอมรู้ หากไม่ทำตามจะมีจุดจบเช่นไร เบื้องบนคงไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ แทมินและแทยอนจะตกที่นั่งลำบากไปด้วย ในเมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้วก็ต้องช่วยกันพายให้ตลอดรอดฝั่ง...แต่จะให้เขาลั่นไกเพื่อปลิดชีวิตคนๆหนึ่ง ที่คอยดูแลและห่วงใยเขามาตลอด มันยากลำบากเกินไป แต่ก่อนที่เขาจะคิดตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับมินโฮดี เขาควรจะจัดการกับคนๆนี้เสียก่อน คนที่กล้ามาลองของกับเขา
“หึ...มาจนได้นะ นึกว่าจะกลัวหัวหดไม่กล้าเปิดเผยตัว”
“คนอย่างฉันไม่เคยกลัวอะไร โดยเฉพาะตำรวจที่ดีแต่ปาก”จินกิย้อนกลับไป นึกเกลียดขี้หน้าขึ้นมาจับใจ อยากรู้นักถ้าคราวที่แล้วมินโฮไม่มาช่วยไว้ มันยังจะมาหน้ามายืนส่งเสียงให้รำคาญอย่างนี้หรือเปล่า
“มีอะไรก็ว่ามา ฉันมีเวลาให้ไม่มากนัก”
“ไม่ต้องรีบร้อนอยากจะไปตายขนาดนั้นก็ได้ ยังไงซะวันนี้แกก็คงไม่รอด”ตำรวจหนุ่มเอ่ยด้วยความถือดี จินกิระเบิดเสียงหัวเราะสะใจออกมา
“มั่นใจจริงนะ เรียกนักฆ่าเพื่อมาฆ่า บ้าหรือดีกันแน่ ไม่ใช่สิ บ้าหรือว่าโง่กันแน่วะ”จินกิเน้นคำสุดท้ายด้วยความตั้งใจ ปืนในมือจ่อมาที่จินกิทันที แต่นักฆ่าหนุ่มก็ไม่ได้เกิดอาการกลัวแต่อย่างใด
“ปืนน่ะเล็งแล้วก็ยิงสิ ถือเอาไว้นานๆมันเมื่อยนะ”ยียวนกลับไป และมันก็ได้ผลเมื่ออีกคนลั่นไกทันที แต่จินกิก็หลบได้ทัน เพราะอารมณ์ของอีกคนไม่มั่นคงทำไรๆก็คงไม่ได้ดี เป็นโอกาสที่เขาจะใช้จังหวะนี้จัดการให้จบๆเรื่องไปสักที
ปัง !
ร่างของตำรวจหนุ่มทรุดลงกับพื้นดิน จินกิสาวเท้าเข้าไปใกล้ ไม่ปล่อยโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตอบโต้
ปัง !
ปัง !
จินกิทอดสายตามองร่างที่ชุ่มเลือดนอนแน่นิ่งไม่ไหวติงด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้อยากฆ่าคนพร่ำเพรื่อ แต่ถ้าคนๆนั้นนำอันตรายมาสู่พวกเขาก็ไม่ควรจะเก็บเอาไว้
“ผมเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าทำอะไรเขา”เสียงทุ้มดังมาจากทางด้านหลัง พร้อมกับร่างสูงที่เดินออกมา เหมือนจะมาช้าเกินไป...
“ถ้าเขาอยู่ๆเฉยๆ ฉันจะไปทำอะไรได้ รนหาที่เอง”
“จินกิเป็นคนแบบนี้หรือไง”
“ฉันเป็นแบบนี้มานานแล้วมินโฮ แต่นายเลือกที่จะมองข้ามมันเอง อย่างที่ฉันเคยบอกข้างในใจฉันมันมีอะไรมากมายที่คนอื่นไม่รู้ สิ่งที่นายรู้อาจจะเป็นแค่เพียงสิ่งที่ฉันอยากให้เห็นเท่านั้น”จินกิหันไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย
“ทั้งหมดที่ผ่านมาเป็นแค่ละครอย่างนั้นเหรอ”
“แล้วแต่จะคิด...ถ้าคิดแบบไหนแล้วสบายใจก็เชิญนายคิดต่อไป”
“จินกิ...จะเป็นไปได้มั้ย ถ้าจะเลิกฆ่าคนแล้วกลับมายืนข้างๆกัน”
“ถ้าฉันทำได้ฉันทำไปนานแล้วมินโฮ คิดว่าสนุกหรือไงที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้”
“จะต้องฆ่าคนต่อไปอีกสักกี่คน จะยอมเป็นหมากตัวหนึ่งที่เขาใช้งานเสร็จก็รอวันกำจัดทิ้งหรือจินกิ สักวันนายคงไม่ต่างอะไรต่างคนที่นายฆ่า”
“หึ...ผ่านคืนนี้ไปฉันคงไม่ได้ฆ่าใครอีกแล้วล่ะมินโฮ...”จินกิหลบสายตา เสมองไปทางอื่น
“เพราะคงจะฆ่าผมเป็นคนสุดท้ายตามคำสั่งใช่มั้ย?”จินกิหันกลับมามองแทบจะทันทีที่จบประโยค มินโฮกำลังยิ้มให้เขา รอยยิ้มที่ทำหัวใจคนมองเจ็บ
....มินโฮรู้....
“ยังไงผมก็ทำให้จินกิ มาอยู่ข้างๆผมไม่ได้ใช่มั้ย...เรามาลองเสี่ยงกันมั้ย”
“จะทำอะไรมินโฮ”ปลายกระบอกปืนของมินโฮจ่อมาที่หน้าของจินกิพอดี
“เราต่างกันคนต่างไม่มีทางเลือก หน้าที่มันคงต้องมาก่อนสินะ ใครไวกว่าก็ถือว่าโชคดี ยกปืนขึ้นมา”
ร่างสูงสั่ง สายตาไม่ละไปจากใบหน้าของอีกฝ่าย จินกิยกปืนขึ้นเล็งไปทางมินโฮเช่นเดียวกัน...ทุกอย่างมันกำลังจะจบลง จบในแบบที่เขาไม่อยากให้เป็น...เขาไม่รู้หรอกว่าจะไวไปกว่ามินโฮหรือไม่...แต่ถ้าหากเป็นเขาที่เป็นฝ่ายจากไปก็คงจะดีไม่น้อย...แล้วมินโฮก็เริ่มนับ
“...1...”
“......”จะทำยังไงดี...
“...2...”
“......”มันต้องจบแบบนี้จริงๆใช่มั้ย
“...3...”
ปัง !
ปัง !
จินกิหันไปมองด้านหลังตัวเอง ร่างคนที่เขายิงทิ้งเอาไว้ทรุดฮวบลงกับพื้นลมหายใจสุดท้ายที่เขาเคยเหลือไว้ให้หมดลงพร้อมกับกระสุนปืนของใครอีกคน พอหันกลับมาร่างสูงของมินโฮก็ค่อยๆล้มลง
“มินโฮ!!”
นักฆ่าหนุ่มวิ่งถลาเข้าไปหา ประคองร่างของอีกคนเอาไว้ มินโฮยังคงยิ้มให้....
“จินกิ...อากาศเย็นๆ อย่าลืมใส่ถุงมือนะรู้มั้ย....เวลาข้ามถนนก็ระวังรถด้วยนะ...มะ...ไม่มี...ผมแล้วดูแลตัวเองดีๆนะ”
หยดน้ำตามากมายไหลลงมาเงียบๆ ไม่มีการฟูมฟาย ไร้เสียงสะอื้น แต่แววตาเต็มไปด้วยความปวดร้าว....
...ทุกอย่างมันจบลงแล้ว...
-------------------------------
ดวงตาเรียวทอดมองตัวเองในกระจกเงา คำถามที่เฝ้าถามตัวเองอยู่หลายครั้ง และคำตอบที่ได้รับกลับมาก็เหมือนเดิมว่าตัวเองเป็นใคร
ปลายนิ้วเรียวสัมผัสบริเวณคอที่มีรอยแดงตัดกับผิวสีขาวจัดของตัวเองอย่างแผ่วเบา...ร่องรอยของจงฮยอน...ความรักที่ตราตรึงลงบนตัวเขา...แล้วจะให้เขาตัดสินใจทำอย่างไรดี...
พอก้าวเท้าออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นว่าจงฮยอนแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยนั่งรออยู่ที่ปลายเตียง คิบอมหยิบเสื้อผ้าในตู้ออกมาใส่อย่างเชื่องช้า...ใช้เวลาเพื่อใคร่ครวญบางอย่าง
“แฟนใครเนี่ย หอมจังเลย”กดจมูกลงบนแก้มใส
“รอยมันจางแล้ว แบบนี้ต้องทำให้ชัดขึ้น”กดจูบลงบนซอกคอขาว คิบอมยืนนิ่งให้คนรักทำตามอำเภอใจ ไม่บ่ายเบี่ยง ไม่ว่ากล่าวเหมือนที่ผ่านมา เมื่ออีกฝ่ายชอบทะลึ่งตึงตังใส่
“จงฮยอน...”
“ครับ...”
“อยากจูบ...ได้มั้ย?”คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง ไม่บ่อยครั้งที่จะได้ยินคำพูดทำนองนี้ จงฮยอนยิ้มหวานให้ แล้วพลิกตัวคนรักให้หันหน้ามาหา ใบหน้าคมก้มต่ำลงจนปลายจมูกชนกัน ก่อนที่ริมฝีปากจะทาบทับลงไป จุมพิตที่อ่อนหวานแต่แฝงไปด้วยความเศร้า จงฮยอนถอนริมฝีปากออกช้าๆสองมือประคองใบหน้าหวานเอาไว้
“มีอะไรหรือเปล่าคิบอม?”...เพราะเขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติและจูบเมื่อกี้มันเหมือนกับ...
จูบลา...
รอยยิ้มของอีกคนที่ยิ้มมาให้ทำให้คิบอมยิ้มไม่ออก วัตถุมีคมเลื่อนออกมาจากแขนเสื้อมือบางกำมันเอาไว้แน่น
“ไม่สบายหรือป...ปะ...อ๊ะ..อึก...”คำพูดขาดห้วงไป จงฮยอนก้มลงมองที่ท้องของตัวเอง เลือดสีสดกำลังไหลซึมเสื้อสีขาวที่สวมใส่อยู่ มือขาวชักมีดออกก่อนจะกดซ้ำลงไปอีกแผล ใบหน้าคมเงยขึ้นมองคนรักของตัวเอง ดวงตาคู่รีกำลังทอดมองตัวเองด้วยความเฉยชา
รอยยิ้มบางๆปรากฏบนใบหน้าคม สองแขนโอบกอดคนรักเอาไว้แน่น ทำให้มีดยิ่งถูกกดลึกลงไปอีก
“จะกอดคิบอมให้แน่นๆเลยนะ จะกอดให้หายใจไม่ออกเลย...”ร่างโปร่งทรุดลงกับพื้นพาเอาร่างบางของคิบอมทรุดตามลงไปด้วย
“......”มือบางเริ่มสั่น จนจงฮยอนสัมผัสได้
เขาจะไม่ทำถามว่าเพราะอะไรคิบอมถึงได้ทำแบบนี้ คนเราย่อมมีเหตุผลในการกระทำของตัวเอง...เขาจะไม่โกรธคนที่เขารักเพราะรู้ว่าคิบอมเองก็เจ็บปวดแม้จะไม่แสดงออกมา เขาจะไม่โทษใครหากนี่คือสิ่งที่ชะตาลิขิตเอาไว้
แต่สิ่งที่เขาเสียใจคือจะไม่มีโอกาสได้อยู่ข้างๆคนที่เขารักอีกต่อไปแล้ว...จะไม่ได้โอบกอดร่างนุ่มนิ่มนี้อีกแล้ว จะไม่ได้จูบริมฝีปากอิ่มอีกแล้ว จะไม่ได้เห็นใบหน้าหวานงอง้ำยามที่เขากวนประสาท
...จะไม่ได้บอกรักคนๆนี้อีกต่อไป...
“อย่ากลัวไปเลยที่รัก...ถึงผมจะไม่ได้อยู่ข้างๆ แต่ก็ใช่ความรักของผมจะหายไปไหน...รักนะครับคนดี” กดจูบเบาๆลงบนเรือนผม ดวงตาคมค่อยๆหลับลง รู้สึกถึงความเปียกชื้นที่ไหล่ของตัวเอง วงแขนแกร่งยังคงโอบกอดคนรักเอาไว้อย่างนั้น ปลอบโยน...จนลมหายใจสุดท้ายมาถึง
-------------------------
แดดอ่อนๆยามเช้าสาดส่องกระจกใส่ของร้านขายดอกไม้ตรงหัวมุมถนนที่เริ่มมีผู้คนดินให้เห็นหนาตา ร้านดอกไม้ขนาดกลางที่ตกแต่งด้วยสีชมพูอ่อนหวาน รอบร้านตกแต่งด้วยรั้วไม้สีน้ำตาลอ่อนดอกอีสเตอร์หลากสีถูกปลูกเอาไว้หลังรั้วไม้ ทำให้ร้านดูอบอุ่นอ่อนหวาน
ประตูกระจกใสของร้านมีป้ายแขวนเอาว่า ‘OPEN’ เหนือบานประตูคือชื่อร้านที่คนในย่านอับกูจองรู้จักดี
~*Sweet Flower*~
“สวัสดีครับ Sweet Flower ยินดีต้อนรับครับ”หนุ่มน้อยหน้าหวานเอ่ยทักทายผู้มาเยือน ชายหนุ่มในชุดลำลองเสื้อโปโลสีฟ้ากางเกงผ้าสีครีม เดินมายังเคาน์เตอร์
“สวัสดีครับ...ผมขอสั่งดอกไม้สักช่อขอเป็นไลแลคกับไฮยาซินธ์ได้มั้ยครับ”แทมินยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เห็นทีคงไม่ได้ครับ ร้านเราไม่มีดอกไม้สองอย่างนี่อีกแล้วครับ”
“ว้า...น่าเสียดายจริงๆ สองดอกนี่สวยนะครับ”
“ผมชนะแล้ว คุณควรทำตามข้อตกลงของเรานะ ปล่อยพวกเราไป”แทมินเอ่ยน้ำเสียงเครียด
“หึหึ...ผมก็ไมได้ว่าอะไรนี่ ก็แค่ถามถึงเท่านั้น พวกเขาสบายดีใช่มั้ย?”
“คุณคิดว่าเขาจะมีความสุขมั้ยละครับ ที่ฆ่าคนรักของตัวเอง”ย้อนถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ
แทมินเองใช่ว่าจะไม่เจ็บปวดที่ต้องทำแบบนี้ เขาเองไม่รู้ว่าทำผิดหรือถูกที่ร้องขออิสรภาพให้กับคิบอมและจินกิ แต่ก็ต้องแลกด้วยชีวิตของจงฮยอนและมินโฮ การอยู่แบบคนที่ไร้หัวใจแบบนี้มันคงทรมานหลายเท่านัก แต่มันย่อมดีกว่าที่จะต้องฆ่าคนไปเรื่อยๆ
“แทมิน เด็กน้อย...จะโกรธฉันทำไมกัน ฉันก็เสียใจที่เสียลูกน้องฝีมือดีไปสองคน...ตั้งแต่ที่เราตกลงกันไว้ตอนแรก เธอเองก็น่าจะทำใจเอาไว้แล้วนะ ว่าจะต้องสูญเสีย...แต่คิดไปคิดมา เธอไม่ได้เสียอะไรเลย คิบอมกับจินกิยังอยู่กับเธอ แต่ฉันเสียตำรวจเก่งๆไปถึงสองคน แถมยังต้องเสียนักฆ่าที่คอยเก็บพวกขยะสังคมไปอีก...ลูกน้องผมมันไม่ใจเด็ด เหมือนพี่ชายสองคนของเธอเลยนะแทมิน...”แทมินนึกเกลียดรอยยิ้มมุมปากแบบนี้เข้าไส้ คนอย่างนี้นะเหรอที่จะรู้สึกเสียใจกับใครเขาเป็น
“แล้ววันนี้คุณมาทำไมครับ ท่านอธิบดีจองซู”
“แวะมาเยี่ยมเยียน ตามประสาคนรู้จักน่ะ...ฉันไปดีกว่า มีนัดกับซิน”
แทมินมองตามจนลับตา เด็กหนุ่มกำลังคิดถึงอนาคตในวันข้างหน้า บางทีเขาควรจะขายที่นี่ทิ้งแล้วไปเริ่มต้นใหม่ที่ไหนสักแห่ง พาพี่ชายและน้องสาวต่างสายเลือดไปเริ่มชีวิตใหม่ รักษาบาดแผลและลบอดีตที่เลวร้ายทิ้งไป
--------------------------
มีคนเคยกล่าวไว้ว่า นักฆ่า ไร้หัวใจ...มันคงจะจริงเพราะสำหรับคิบอมและจินกิแล้ว
หัวใจของพวกเขาได้ตายไปพร้อมลมหายใจสุดท้ายของคนรัก...
คนที่จากไป แต่ยังทิ้งรอยห่วงใยเอาไว้ ทิ้งความทรงจำดีๆให้จดจำ...
คำว่ารัก...ที่ไม่เคยได้ยิน และคงไม่มีวันได้ยิน...
คำว่ารัก...ที่ไม่เคยพูด...และไม่รู้ว่าจะไปพูดตอนไหนกับใครอีกแล้ว
คำว่ารักและความทรงจำดีๆเหล่านั้นมันกลายเป็นสิ่งที่ทำร้ายเขาอยู่ทุกคืนวัน...
เจ็บปวดเจียนตาย...เมื่อมินโฮช่วยชีวิตเขาไว้ แต่เขากลับเป็นคนพรากลมหายใจของมินโฮไป ก่อนที่จะพบมินโฮเขาไม่รู้ว่าใช้ชีวิตมาได้ยังไง แต่พอมินโฮจากไปเขาไม่รู้เลยว่าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ต่อไปยังไงดี
เวลามันย้อนกลับไปไม่ได้ แต่เขาก็ไม่อยากให้เวลาเดินหน้าต่อไป เพื่อให้เขามีชีวิตอยู่ท่ามกลางความทรงจำที่แสนเจ็บปวด นี่คงเป็นบทลงโทษของคนเลวอย่างเขา อยู่แบบตายทั้งเป็น...
จินกิทิ้งตัวลงนอนบนหาดทรายกว้าง ปล่อยให้น้ำทะเลซัดสาดหวังว่ามันจะชะล้างความเจ็บปวดในใจไปได้...แต่มันก็คงเป็นเพียงความหวังที่ไม่เคยได้สมหวัง...เพราะน้ำตาของเขาไม่เคยหยุดไหลเลยแม้แต่นาทีเดียว...
รัก...รัก...รัก... ชเว มินโฮ ได้ยินมันมั่งมั้ย หรือแค่สะท้อนอยู่ในใจของเขาเท่านั้น
ร่างบางที่ปล่อยมือจากทุกอย่าง หันหลังให้กับอดีต เหม่อมองออกไปที่ท้องทะเลกว้าง แสงอาทิต์ยามเย็นสะท้อนผิวน้ำระยิบระยับ...มันคงจะดีกว่านี้หากมีใครอีกคนเคียงข้าง...แต่ใครคนนั้นได้จากไปไกลแสนไกล ด้วยมือของเขาเอง...
ถึงผมจะไม่ได้อยู่ข้างๆ แต่ก็ใช่ความรักของผมจะหายไปไหน...รักนะครับคนดี
เขายังเป็นคนดีของจงฮยอนอยู่อย่างนั้นเหรอ...ในเวลาแบบนั้นทำไมถึงได้บอกรักเขาพร้อมกับรอยยิ้ม ทั้งที่เขาเสียใจจนแทบบ้า
คำว่ารักที่ได้ยินเสมอ...กลับเป็นคำที่ทำร้ายเขาได้เจ็บปวด อิสรภาพที่ได้รับ จะมีประโยชน์อะไร เมื่อต้องอยู่อย่างคนไร้หัวใจ หลับตาลงครั้งใด เขาก็เห็นแต่จงฮยอนกับเลือดสีแดงฉาน อ้อมกอดที่กอดเขาเอาไว้จนนาทีสุดท้าย คิดถึงอ้อมกอดนั้น คิบอมปล่อยให้หยดน้ำอุ่นไหลอาบแก้ม ร้องไห้...ให้กับความโง่เขลาของตัวเอง ร้องไห้กับความใจร้ายของตัวเอง...ร้องไห้ให้กับคนที่จากไป แต่เสียน้ำตาไปมากมายแค่ไหนจงฮยอนก็คงไม่คืนย้อนมา
ต่อจากนี้ไปเขาจะฟังคำว่ารักได้จากที่ไหนอีก...ใครจะคอยจับมือเขาเอาไว้...ใครจะคอยโอบกอดเขา
ไม่มีอีกแล้วคนๆนั้น...จากไปแล้ว....
แต่ความรักของจงฮยอนจะโอบล้อมอยู่ข้างๆเขาตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ซึ่งไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน...
รัก...รัก...รัก...คิม จงฮยอน คนที่รักสุดหัวใจ...
...สำหรับนักฆ่าคำว่า ‘รัก’ คงเป็นคำต้องห้าม...
...แต่ใครเล่าจะห้ามความรักได้...
---END---
Author : sakuragimji
Pairing : Jonghyun x Key ,, Minho x Onew ft.Taemin
---Part lll ---
“รู้รึยังว่าไอ้พวกที่มาคอยจับตามองเราเป็นใคร”จินกิเอ่ยถามเสียงเครียด
“รู้แล้วฮะ พวกตำรวจนอกเครื่องแบบ”
แทมินตอบด้วยน้ำเสียงไม่ต่างกัน ตอนแรกเขาคิดว่าจะเป็นพวกมือปืนกระจอกที่อยากลองของเท่านั้น แต่ถ้าการที่ตำรวจมาด้อมๆมองๆแถวหน้าร้านแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องดี และมันเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้ทั้งสามคนดูเคร่งเครียด โดยเฉพาะคิบอมที่นั่งนิ่งไม่พูดอะไรเลย เพราะมีหลายเรื่องที่รบกวนใจ
“คิบอม มีอะไรหรือเปล่า?”
“แทยอนปลอดภัยดีใช่มั้ย?”แทนที่จะตอบคำถาม กลายเป็นคนตั้งคำถามเสียเอง บางเรื่องเขายังไม่อยากบอกใคร...
“อ่อ...ฮะ ปลอดภัยดี ผมให้ซูยองคอยประกบตัว”
“อืม...เราควรจะรับงานให้น้อยลง ทำตัวเงียบๆเอาไว้ดีกว่า ตอนนี้รู้สึกว่ามีคนหลายกลุ่มกำลังเคลื่อนไหวใกล้ตัวพวกเรา”
“ฉันเห็นด้วย”จินกิพูด แทมินได้แต่พยักหน้าตาม เพราะเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างกำลังคลืบคลานเข้ามาใกล้ตัวพวกเขามากจนเกินไป...เขาคงต้องทำอะไรสักอย่าง...
“แต่ยังไงซะ งานที่ผมรับมาแล้วพี่ก็คงต้องทำยกเลิกไม่ได้”คิบอมเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามและออกจะแปลกใจอยู่สักหน่อย
“แทมิน นายรับงานติดกันเกินไปแล้วนะ”
“มันจำเป็นฮะ ผมก็ไมได้อยากทำ แต่พี่ก็รู้บางทีเราก็ตัดสินใจเองไม่ได้ คำสั่งต้องเป็นคำสั่ง”คิบอมและจินกิถอนใจออกมาแทบจะพร้อมกัน...
“คราวนี้เขาเลือกใคร”
“อนยู....”
-------------------------
จงฮยอนอาจจะผ่านอะไรมามากในชีวิตของการเป็นตำรวจ แต่เรื่องที่ตัวเองเพิ่งรับรู้มา มันมากเกินกว่าจะทำใจยอมรับไหว แค่เรื่องของแทมินก็ทำเขาช๊อคจนพูดอะไรไม่ออก แล้วไหนจะภาพวงจรปิดที่คิบอมเข้ามาให้ห้องนี้และค้นหาอะไรบางอย่าง ซึ่งเขาคิดว่าคงได้อะไรไปไม่มากก็น้อย ที่สำคัญคงรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร
เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าคิบอมอาจจะรู้เห็นในสิ่งที่แทมินทำ มันโหดร้ายเกินไปกับคนที่เขารัก แต่เพราะอาชีพที่เขาเป็น มันทำให้เขาต้องสันนิษฐานและสงสัยในตัวคนรักของตัวเอง และเขาก็หาคำตอบที่เมื่อคืนนี้เขาหลับเป็นตายได้แล้วว่าคงเป็นฝีมือของคนที่เขานอนกอดแน่ๆ เพราะว่าไว้ใจและไม่เคยคิดว่าคิบอมจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ เขาจึงตัดความสงสัยทิ้งไปจนสิ้น...สุดท้ายแล้วคนใกล้ตัวเป็นคนที่เขาไม่ควรจะมองข้ามไปเลยจริงๆ
น่าตลกสิ้นดี ที่เขาต้องมานั่งหาข้อมูลแฟนของตัวเอง ทั้งที่คบกันมาเกือบปี ความสัมพันธ์ลึกซึ้งไปไกลถึงขั้นนั้น แต่มานั่งนึกๆดูเขากลับรู้จักอีกฝ่ายน้อยมาก ภูมิหลังครอบครัว ประวัติส่วนตัว และอะไรอีกหลายๆอย่างที่ทำให้เขาต้องมานั่งกุมขมับอยู่แบบนี้
ติ้ง...สัญญาณจากวีดิโอคอนเฟอร์เรนซ์ดังขึ้น
“ว่าไง ทำไมสีหน้าไม่ค่อยดีเลย”ผู้บังคับบัญชาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ผมกำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ครับ เครียดนิดหน่อย”
“อ่อ อย่าหักโหมเกินไปล่ะ พักผ่อนบ้าง”
“ครับท่าน”
“เรื่องสายเมื่อคืนนี้ น่าเสียดายจริงๆ เราช้าไปก้าวนึง คงต้องสืบหากันใหม่ ว่าแต่ทางคุณได้อะไรเพิ่มขึ้นมั้ย?”ใบหน้าคมภายใต้กรอบแว่นมีแววครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเลือนหายไป
“ยังไม่ได้อะไรเลยครับ คดีนี้ยิ่งสืบก็ยิ่งมืดแปดด้าน พอเราจะสาวถึงตัว ก็ต้องมีอันต้องชวดทุกทีไป เราช้ากว่ามันไปก้าวนึงตลอดเลย”
“นั่นสินะ ถ้ามีอะไรคืบหน้าแจ้งผมด่วนเลยนะ แล้วอย่าไปงุบงิบทำอะไรโดยไม่บอกผมล่ะ มันอันตราย ผมไม่อยากเสียตำรวจฝีมือดีอย่างคุณไป”
“ครับท่าน...เอ่อ...ท่านครับ...”
“หือ? มีอะไร?”
“ท่านพอจะมีข้อมูลเกี่ยวกับ คีย์และอนยูบ้างมั้ยครับ ผมอยากรู้ชื่อและประวัติของสองคนนี่”เพราะหน้าที่และความรับผิดชอบ เขาควรเลือกทำในสิ่งที่ควรทำ
“อืม...ผมให้คนสืบให้อยู่นะ แต่ไม่ใช่ชื่อจริง มันค่อนข้างยากที่ตามหาข้อมูล คนพวกนี้ปกปิดตัวเองได้เก่งจนเราคาดไม่ถึง”
ใช่! คิม จงฮยอนรู้ดี มือปืน นักฆ่า ปิดบังตัวเองได้ดีกว่าอะไร แต่มันคงไม่ยากเกินไปสำหรับการตามหาใครสักคนหนึ่งที่มีตัวตนจริงๆบนโลกนี้ เมื่ออาศัยพวกเดียวกันไม่ได้ เห็นทีคงต้องพึ่งพาพวกคนในมุมมืดเสียแล้ว
“ครับ...ผมจะรอนะครับ”
เพราะคิม จงฮยอนใจร้อนเกินไป คำรอนั่นไม่ได้ความว่าเขาจะนั่งรอข้อมูลอยู่เฉยๆ เรื่องบางเรื่องที่รู้แล้ว บางครั้งก็ยังไม่สมควรจะพูดออกไป เรื่องของแทมิน คิบอม และคงต้องรวมไปถึงจินกิด้วย ยังคงต้องเป็นความลับจนกว่าเขาจะหาข้อมูลยืนยันที่แท้จริงได้...แต่เมื่อเวลานั้นมาถึง...เขาจะเป็นคนจับคิบอมด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ...และถ้าหากว่าคิบอมรู้แล้วว่าเขาเป็นตำรวจและตัวเองก็มีความผิดแบบนั้นจะปล่อยให้เขายังมีชีวิตอยู่ต่อไปแบบนี้หรือ...
บางทีคิบอมก็อาจจะต้องเลือกเหมือนเขา...ความรักกับหน้าที่...
---------------------------
ร่างสูงยืนทอดอารมณ์เหม่อมองแสงไฟที่สะท้อนเงาอยู่ในแม่น้ำ สายลมหนาวพัดผ่านเบาๆ แต่ร่างสูงก็ไม่มีทีท่าจะสะทกสะท้าน
“ผู้กองครับ...เราควรจะทำอะไรสักอย่างได้แล้วนะครับ...”คนพูดเกิดอาการฮึดฮัดขึ้นมา เมื่อเห็นว่าคนที่ตนพูดด้วยไม่มีปฏิกริยาอะไรตอบกลับมา
“ผู้กอง...”
“รอคำสั่งฉันก็พอ อย่าทำอะไรที่ฉันไม่ได้สั่ง”เอ่ยเสียงเรียบและเด็ดขาด
“ผมขออนุญาตถามได้มั้ยครับ ว่าผู้กองรออะไรอยู่ ทั้งที่เรารู้แล้วว่ามันเป็นใคร”
“เราจะจัดการกับพวกเขาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ เขาเป็นแค่คนที่รับคำสั่งมา แต่ผมต้องการอะไรที่ลึกว่านั้น”
“แล้วผมต้องทำยังไงบ้างครับ...”
“อยู่เฉยๆ รอคำสั่งฉัน แค่นั้นพอ”
คำว่ารอ มันสร้างความไม่พอใจให้กับตำรวจหนุ่มที่อยากมีผลงานเข้าตาผู้ใหญ่ แต่จะทำอย่างไรได้ เมื่อเป็นลูกน้องก็ต้องเชื่อฟังคำสั่ง แล้วเก็บความไม่พอใจเอาไว้
“กลับไปได้แล้ว ถ้าไม่จำเป็นอย่ามาเจอฉันอีก เดี๋ยวคนอื่นจะจับได้ อ้อ..แล้วก็ไม่ต้องไปเฝ้าที่หน้าร้านดอกไม้อีก คิดว่าพวกเขาไม่รู้หรือไงว่าคุณสองคนไปด้อมๆมองๆหน้าร้าน”
นายตำรวจชั้นผู้น้อยก้มหน้ารับคำสั่งก่อนจะหายไปกับความมืด มินโฮถอนสายตาจากแสงไฟเบื้องหันไปมองคนที่เดินจากไป...
บางทีเหตุผลที่บอกกับลูกน้องไปมันก็เป็นเพียงข้ออ้างที่ยืดเวลาให้กับใครบางคน ที่มีอิทธิพลเหนือหน้าที่ที่เขาควรจะทำ
ใครคนนั้นที่เขาเคยหงุดหงิดรำคาญและคิดว่าไม่น่าจะมีคนประเภทนี้อยู่ในโลกได้เลย และยิ่งเมื่อได้รู้ความจริง เขายิ่งแทบจะไม่เชื่อเลยว่า คนๆนั้นกับใครอีกคนที่เขากำลังตามหาจะกลายมาเป็นคนๆเดียวกัน
...อี จินกิ กับ นักฆ่าอนยู...
เขารู้เพราะความบังเอิญ มันเป็นเหมือนตลกร้าย เมื่อเขาพบบางอย่างในห้องของจินกิที่บังเอิญว่าตกอยู่ในที่เกิดเหตุในวันที่เขาออกสืบคดี
เขาเฝ้าสังเกตจนรู้แน่ชัด แต่ก็ยังไม่ลงมือทำอะไรสักอย่างได้แต่ปล่อยให้จินกิ ฆ่าคนไปคนแล้วคนเล่า...มาถึงตรงนี้ ก็เหมือนว่าเขาเองก็มีส่วนรู้เห็นกับการตายของใครต่อหลายคนที่ถูกคิบอมหรือคีย์และจินกิฆ่า...
ยิ่งใกล้ชิดเขาก็ยิ่งรู้ว่าคนเหล่านี้ไม่ได้มีจิตใจเหี้ยมโหด ที่เป็นเพราะเส้นทางที่เดินมันทำให้พวกเขาย้อนกลับไปไม่ได้ จะออกจากเส้นทางที่เดินอยู่คงไม่ได้เช่นเดียวกัน
หากใครรู้คงหัวเราะเยาะเขาเสียจนไม่มีชิ้นดี ชเว มินโฮแห่งกองสืบสวนกลางที่ถูกเรียกตัวมาทำงานอย่างลับๆ จะเห็นอกเห็นใจฆาตกรที่ฆ่าคน แต่บางทีเขาก็สะใจไม่น้อยกับคนที่ถูกสังหาร เพราะจากคดีทั้งหมดที่ผ่านมา คนตายไม่ใช่คนดีเลยสักคน...มีแต่พวกโกงกิน มีนอกมีใน และพวกมีอิทธิพลในตลาดมืด จนเขาอดสงสัยไม่ได้ว่า....ใครที่เป็นผู้จ้างวาน...และนั่นก็คือเหตุผลหลักที่ยังปล่อยให้จินกิยังคงทำผิดต่อไปเรื่อยๆ เพื่อสืบหาคนที่อยู่เบื้องหลัง
----------------------------
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วที่คิบอมยืนมองคอนโดมิเนียนหรูของคนรัก จงฮยอนกำลังสืบคดีของเขาอยู่และรู้ชื่อคีย์และอนยูจากสายที่เขาเก็บไปเมื่อคืนก่อน แต่จะรู้หรือไม่ว่าเขากับคีย์เป็นคนๆเดียวกัน ถ้ารู้จงฮยอนจะตัดสินใจอย่างไร จะเลือกหน้าที่...หรือความรัก....
และก็เป็นคำถามที่เขาต้องย้อนถามตัวเองเช่นเดียวกัน...จะทำอย่างไรต่อไปดี
ในที่สุดคิบอมก็มายืนอยู่หน้าห้อง ทั้งที่มีคีย์การ์ดอยู่ในมือแต่ร่างบางก็ยังจดๆจ้องๆ ผิดวิสัย ดวงตาเรียวหลับลงก่อนจะเปิดขึ้นเหมือนตัดสินใจได้ มือบางจับการ์ดรูดและรอให้ประตูห้องเปิดแล้วก้าวเข้าไปด้านใน
เจ้าของห้องที่กำลังเดินผ่านห้องนั่งเล่นสบตากับผู้มาเยือนนิ่งไปชั่ววินาที ก่อนจะยิ้มให้เหมือนที่ผ่านมา
“นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”ร่างโปร่งเดินเข้าไปสวมกอดคนรักเอาไว้ แต่เป็นอ้อมกอดที่คนถูกกอดนึกรู้ว่ามันไม่เหมือนเดิม...
...รู้แล้วสินะ...
“ทำไมไม่โทรไปหาบ้าง ถ้าเกิดว่าไม่มาหา จะคิดถึงกันบ้างมั้ย”หน้าหวานงอง้ำ ทุบไหล่คนที่กอดตัวเองเอาไว้เบาๆ
“ก็รู้ไง ว่ายังไงคิบอมก็ต้องมา”ยิ้มทะเล้นก่อนจะจูงมือคนรักไปนั่งที่โซฟา รอยยิ้มที่บังคับตัวเองให้ยิ้ม...เพราะไม่อยากให้อีกคนผิดสังเกต
“ดื่มอะไรมั้ย?”
“ไม่ล่ะ...ทำให้มั้ย?”คิบอมอาสาทำให้ เมื่อเห็นจงฮยอนก้มๆเงยๆหาอะไรสักอย่างในตู้เย็น ก่อนจะหันมายิ้มแหยๆ เมื่อถูกถาม
“จะทำอะไรล่ะ หิวเหรอ?”
“ก็นิดหน่อยอ่ะ ทำอะไรก็ได้ง่ายๆ คิบอมจะได้ไม่เหนื่อย”
คิบอมยิ้มบางๆไปให้ ทำไมรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอได้มากขนาดนี้ ขอบตามันร้อนๆ หัวใจเหมือนถูกบีบ ทั้งที่ทุกอย่างดูเหมือนเดิม ทั้งเขาและจงฮยอนพยายามทำตัวเหมือนปกติ แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงช่องว่าง...
“ไปนั่งรอก่อนก็ได้นะ”พูดโดยไม่มองหน้า มือยังคงหยิบจับของในตู้เย็น โดยมีสายตาของอีกคนจับจ้องตลอดเวลา
“คิบอม...”
เจ้าของชื่อหันมาเป็นจังหวะเดียวกันกับที่อะไรบางอย่างลอยมาตรงหน้า ด้วยสัญชาตญาณมือบางเอื้อมไปรับมันไว้ได้อย่างทันท่วงที ต่างคนต่างนิ่งกันไป คิบอมมองของที่อยู่ในมือ ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่โยน จากความตกใจกลายเป็นคำถามทันที
“ทำอะไร?...”
“เอ่อ...”จงฮยอนได้แต่อ้ำอึ้ง เพราะที่ทำไปตัวเองก็ยังไม่ทันได้คิดด้วยซ้ำ รู้สึกเสียใจแต่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
คิบอมก้มลงมองมีดในมืออีกครั้ง...จงฮยอนกำลังพิสูจน์เขาใช่มั้ย...
มือบางกำมีดในมือแน่น แต่หัวใจมันถูกบีบแน่นยิ่งกว่ามีดในมือเสียอีก...เจ็บ...จนพูดไม่ออก
อยากจะถามกลับไปเหลือเกินว่า...ได้อะไรมั้ย ได้คำตอบในสิ่งที่ค้นหาอยู่หรือยัง แน่ใจหรือยังว่าเขาเป็นใคร แต่เคยคิดหรือเปล่า ว่าถ้าหากเขาไม่ใช่...คีย์...เป็นแค่ คิม คิบอมคนธรรมดา เขาจะเป็นยังไงจะได้รับบาดเจ็บบ้างหรือเปล่า...จงฮยอนคิดถึงจุดนี้บ้างมั้ย?
คิบอมสาวเท้าเข้าไปหาจงฮยอนอย่างช้าๆ ดวงตาเรียวรีจ้องอีกฝ่ายไม่กระพริบ ในมือยังคงถือมีดเล่มเดิม
“คิบอม...”คิบอมยิ้มบางๆให้แต่ในใจไหวสั่น ง่ายนิดเดียวหากเขาจะทำอะไรลงไป ถ้าไม่ติดอยู่ที่คำๆเดียว...รัก...
“มันอันตรายนะ ถ้ารับไม่ทันคงแย่....”มีดถูกวางลงบนอ่างล้างจานอย่างเบามือ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
“คิบอม...”แรงกอดรัดจากด้านหลังทำให้คิบอมต้องหยุดอยู่กับที่
“ขอโทษ...ขอโทษ...”น้ำตาหยดแรกร่วงกระทบแก้มใส หยดต่อไปตามมาเป็นสาย ร่างบางสั่นน้อยๆ จงฮยอนพลิกตัวคนรักกลับมากอดเอาไว้แนบอก
“ผมขอโทษ คิบอม...ขอโทษนะ”
ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบที่แสนอึดอัด แม้ทั้งคู่จะนั่งข้างๆกัน มือยังคงเกาะกุมกันไว้ แต่รู้สึกเหมือนกับว่าอยู่ห่างไกลเสียจนเอื้อมถึง ไม่มีคำพูดใดๆหลุดลอดออกมา เก็บงำทุกสิ่งที่อยู่ในใจเอาไว้ ทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร...
หวาดหวั่นกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ขลาดเขลาเกินกว่าจะเผชิญหน้ากับกับความจริงที่หนีไม่พ้น...และอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเหมือนสายใยบางๆให้คนทั้งคู่ไม่กล้าทำอะไรอย่างที่ควรจะทำนั่นก็คือ...ความรักและผูกพัน...
ศีรษะทุยอิงแอบลงบนไหล่กว้างของคนรัก ดวงตารีหลับพริ้มอย่างต้องการพักพิงใจ จงฮยอนปล่อยมือที่เกาะกุมไปเป็นโอบกอดร่างเล็กเอาไว้ กดจูบลงบนเรือนผมนิ่งของคนรัก
“จงฮยอน~”น้ำเสียงอ้อนๆ ทำให้เจ้าของชื่ออมยิ้ม
“ครับ...”
“ฉันจะกลับแล้วนะ”
“หืม?...ไม่ค้างด้วยกันล่ะ”
“...........”
เขายังทำอย่างนั้นได้ใช่มั้ย....อยากให้คนๆนี้กอดเขาเอาไว้ แต่ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว...แต่เพราะคำว่ารักคำเดียวที่ทำให้เขายังต้องอยู่ตรงนี้ หากเขาพูดหรือทำอะไรผิดไปสักนิด ความสัมพันธ์ที่มีมันคงจะจบลง...อย่างไม่มีวันหวนคืน...
“คิบอมอยู่ด้วยกันนะ”กอดคนตัวเล็กให้แน่นขึ้น ริมฝีปากจูบไล่จูบไปตามแนวไรผม เปลือกตาบางและพวงแก้มใส ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากอิ่มเนิ่นนาน
จะเป็นอะไรมั้ยถ้าหากจะทิ้งทุกอย่างเอาไว้เบื้องหลัง แล้วอยู่กับคนในอ้อมกอด คนที่เขารัก จะเป็นไปได้มั้ยที่เขาจะลืมทุกอย่างที่รู้มา เพื่อเลือกจะอยู่และรักกับคนๆนี้ คนที่เขาค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าเป็นใคร...แต่เขาก็จะแกล้งลืมมันไป จะขอจำไว้อย่างเดียวว่าคนๆนี้คือคิมคิบอม คนรักของคิมจงฮยอน
--------------------------------
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำงานคนเดียว แต่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย เหมือนถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา อีกอย่างเป้าหมายที่เขาเฝ้าติดตามตามข้อมูลที่ได้รับมายังไม่ปรากฏกายให้เห็น รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ จินกิสำรวจอาวุธคู่กายอีกครั้ง แสงจันทร์ที่สาดส่องทำให้จินกิรู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลย ...ฟ้าเปิด... มองเห็นทุกอย่างได้ง่ายเกินไป...
สายลมหนาวมาเยือน จินกิถอนหายใจออกมา รู้สึกไม่ชอบมาพากล เหยื่อของเขาไม่ได้ผ่านมาทางนี้ในเวลาเดิมเหมือนทุกที เสียงเหยียบกิ่งไม้แห้งที่ดังแว่วมาตามลม ทำให้จินกิขยับตัวออกจากที่ซ่อนอย่างช้าๆ มือกระชับปืนเอาไว้มั่น...ท่าทางงานนี้จะเจอแขกไม่ได้รับเชิญและงานที่รับชิ้นนี้กลิ่นไม่ค่อยดี
เพราะความที่ไม่อยากปะทะกับใครโดยไม่จำเป็นนักฆ่าหนุ่มจึงแฝงกายไปกับความมืด อาศัยจังหวะที่พระจันทร์ถูกเมฆหนาบดบัง แต่อีกฝ่ายกลับไม่คิดแบบเดียวกัน เสียงฝีเท้ายังคงกระชั้นติดและใกล้มาก เขาคงต้องทำอะไรสักอย่าง
“หายไปไหนวะ!”
ชายหนุ่มสบถออกมาอย่างหัวเสีย อีกนิดเดียวเท่านั้นเขาก็จะสามารถปลิดชีวิตของนักฆ่าที่พลิกแผ่นดินตามหา ความจริงเขามีโอกาสมานานแล้ว แต่ก็โดนห้ามเอาไว้อยู่เรื่อย ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าหัวหน้าเขาคิดยังไงกับนักฆ่าคนนี้ เพราะใกล้ชิดและผูกพัน จึงทำใจที่จะจัดการลำบาก แต่ไม่ใช่กับเขา พวกเดนสังคมสมควรถูกกำจัด และคนอย่างชเว มินโฮก็ไม่ควรได้รับความไว้วางใจให้ทำงานใหญ่ ตำรวจที่มีใจให้ฆาตกร...มันยังควรได้รับการนับหน้าถือตาอยู่หรือไง
“ฉันอยู่นี่!”ปลายกระบอกปืนเย็นเฉียบสัมผัสเบาๆที่ท้ายทอย เสียงที่เอ่ยขึ้นทำเอาเสียวสันหลัง ตำรวจหนุ่มชะงักค้างไปทันที ทำไมถึงไม่รู้สึกตัวเลย ว่าคนๆนี้เข้าใกล้เขาได้ถึงขนาดนี้
“แกเป็นใคร? พวกอยากลองของ หรือว่าตำรวจปลายแถวที่อยากได้หน้าหะ?”จินกิตบปืนลงบนหัวของอีกฝ่ายไม่เบานัก คนที่เพลี่ยงพลั้งขบกรามแน่นด้วยความโกรธ
“ไงใบ้แดกรึไง...แต่ถามแกไปก็เท่านั้น เก็บคำตอบไปตอบยมบาลดีกว่านะ หึหึ”เสียงหัวเราะเหี้ยมหากใครได้ยินก็ขนลุกด้วยความกลัว
กริ๊ก...
“ลาก่อนนะ...”
ปัง!
“อ๊ะ.....”จินกิร้องออกมาพร้อมกับอาวุธคู่กายที่เคลื่อนออกจากเป้าหมายก่อนจะรู้สึกชาไปทั้งแขน
“มึงเสร็จกูแน่”
นายตำรวจหนุ่มได้ที เล็งปืนไปที่นักฆ่าหนุ่ม จินกิใช้ขาเตะด้วยความเร็วจนอีกฝ่ายเสียหลักปืนหลุดออกจากมือ พอจะยิงซ้ำก็มีกระสุนที่หาที่มาไม่ได้ยิงมาทางตัวเอง ไม่ได้โดน แต่ก็ทำให้จินกิชะงักมือที่กำลังเหนี่ยวไกยิงเอาไว้ได้ ก่อนจะตัดสินใจหนีหายไปกับความมืด
เสียงปืนดังมาจากด้านที่เขาวิ่งหนีมาสองถึงสามนัดก่อนจะเงียบลงไป ไม่มีเสียงคนตามมา แต่สองเท้าก็ยังวิ่งกึ่งเดินไปตามทางเรื่อยๆ มือล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมา
“ไม่ต้องมา แยกกัน...”กรอกเสียงลงไปก่อนจะกดตัดสาย
“อ๊ะ!!...”
สายตาคู่นั้นที่มองมาสะกดให้อีกคนนิ่งแข็งกลายเป็นหิน และไม่ทันตั้งตัวได้ จินกิก็ถูกอีกฝ่ายลากถูลู่ถูกังไปตามถนนจนถึงรถยนตร์ที่จอดเอาไว้ไม่ไกลนัก
ไม่มีใครเอ่ยอะไรจนกระทั่งประตูห้องของจินกิปิดลง สองคนยืนคว้างอยู่กลางห้อง มินโฮเหลือบมองเลือดที่ไหลซึมออกมาที่ปลายนิ้วของอีกฝ่าย
“ทำแผลก่อนดีกว่า”ร่างสูงเดินไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลในลิ้นชักด้วยความคุ้นชิน
กริ๊ก...
“ถ้าจะยิงจริงๆ จินกิคงไม่รอมาจนถึงตอนนี้หรอกใช่มั้ย”มินโฮพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน ราวกับว่าปืนที่จ่ออยู่ที่ขมับของตัวเองเป็นของเด็กเล่น ร่างสูงหันมาพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ก่อนที่มันจะเลือนหายไป เพราะน้ำตาของอีกคนไหลอาบแก้มเงียบๆ
“จินกิ...”ปลายนิ้วไล่กรีดน้ำตาให้แผ่วเบา แต่ดูเหมือนจะยิ่งทำให้อีกคนสะอื้นออกมา ไม่รู้ว่าปืนที่ถืออยู่ถูกปลดออกไปตอนไหน จินกิปล่อยให้มินโฮกอดอยู่อย่างนั้น ส่วนตัวเองทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากร้องไห้ให้กับอะไรบางอย่างที่ตัวเองยังไม่รู้
“เจ็บมากหรือเปล่า แผลมันถากๆนะ แต่ถ้าดูแลไม่ดีมันอาจจะอักเสบแล้วเป็นหนอง”
“.....”
“เดี๋ยวกินยาแก้ปวดกับแก้อักเสบกันไว้ดีกว่านะ”
“นายเป็นใครกันแน่”ประโยคแรกของจินกิทำให้มินโฮชะงักไป
“เป็นอะไรก็ได้แล้วแต่จะคิด”
“อย่ามาเล่นลิ้น มินโฮ”
ไม่มีวี่แววของอนยูจอมเป๋อและซุ่มซ่ามแม้แต่น้อย มินโฮถอนใจออกมา พลางเก็บอุปกรณ์ทำแผลลงกล่อง ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอีกต่อไป บางทีการบอกความจริงคงเป็นทางที่ดีที่สุด และกล่อมจินกิให้หันมาร่วมมือหาผู้บงการที่แท้จริงมันอาจจะดีกว่า
“ชเว มินโฮ กองสืบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”
“แผลนี่นายเป็นคนยิงใช่มั้ย?”พยายามข่มน้ำเสียงให้ปกติที่สุด คำตอบที่ได้รับ มันทำให้จินกิตกใจยิ่งกว่าการฆ่าคนตายครั้งแรกเสียอีก
“อืม...เพราะจินกิจะยิงผู้ชายคนนั้น...เขาเป็นลูกน้องผม...อย่าทำอะไรเขาเลย”
“รู้มาตั้งแต่แรกแล้วใช่มั้ย ว่าฉันเป็นใคร”
“เปล่า แต่ก็รู้มานานแล้ว...ตอนที่ได้เข้าห้องจินกิครั้งแรกนั่นแหล่ะ”
เจ้าของห้องครุ่นคิดถึงวันที่มินโฮเข้ามาในห้องตัวเองครั้งแรก...แต่ก็นึกไม่ออกเลยว่าตัวเองไปแสดงพิรุธหรือพลาดอะไรตรงไหนให้มินโฮรู้ว่าเขาเป็นใคร...แต่สิ่งที่น่าแปลกใจมากกนั้น...
“แล้วทำไม ถึงไม่ทำอะไรฉัน”คำตอบที่ได้รับกลับมามีเพียงรอยยิ้มบางๆบนใบหน้าหล่อ
“ไม่รู้สิ...อาจเป็นเพราะแววตาคู่นี้...มันไม่ได้เหี้ยมโหด อาจจะเป็นเพราะมือนุ่มๆคู่นี้ที่คอยจัดช่อดอกไม้ อาจจะเป็นเพราะตรงนี้ของจินกิ ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ควรจะเป็น”มือหนาทาบลงไปบนอกข้างซ้ายของคนถาม
“แต่มือคู่นี้มันเปื้อนเลือดคนมามากล้างยังไงก็ไม่หมด...และหัวใจดวงนี้มันก็ซ่อนอะไรไว้มากมาย ไม่มีใครรู้หรอกว่าจริงๆแล้วข้างในเป็นยังไง”มินโฮคุกเข่าลงตรงหน้า โอบกอดจินกิเอาไว้หลวมๆ
“ไม่ว่าจะซ่อนอะไรเอาไว้มากมายแค่ไหน แต่สำหรับผม จินกิยังเป็นจินกิที่ผมรู้จักอยู่ดี ซุ่มซ่าม เอ๋อๆ ป้ำๆเป๋อๆ แล้วก็...น่ารัก”
“มินโฮนายมันบ้า...”ถึงจะว่าอีกฝ่ายไปอย่างนั้นแต่วงแขนก็โอบกระชับร่างสูงเอาไว้แน่น ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอีกครั้ง ไม่เข้าใจว่าความรู้สึกที่มีมันคืออะไร...รู้แต่เพียงว่าไม่อยากสูญเสียอ้อมกอดนี้ไป
-------------------------
“ผมว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ”คนอายุน้อยที่สุดเอ่ยขึ้น
“แทมิน นายรับงานใครมา ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้”หลังจากที่ได้ฟังเหตุการณ์บางส่วนจากจินกิ ซึ่งแน่นอนว่าบางส่วนได้รับการบิดเบือนไป แต่คิบอมดูหัวเสียมาก เมื่อรู้ว่าจินกิบาดเจ็บและนึกโกรธคนที่รับงานอย่างแทมินที่ไม่ตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัด
“แต่ปกติแล้วผมรับงานจากคนนี้และไม่เคยมีปัญหา”เอ่ยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“งานนี้ต้องมีใครเล่นตลกกับเรา”
“พวกพี่ก็ใช้ชีวิตปกติต่อไปนะฮะ เรื่องนี้เดี๋ยวผมจะจัดการเอง บางทีคงต้องไปพบคนๆนั้นด้วยตัวเองอีกสักครั้ง”
หลังจากแยกย้ายกันไปแล้ว แทมินออกไปทำธุระ ส่วนจินกิและคิบอมเองก็มีเรื่องที่ต้องทำ วันนี้ร้านดอกไม้ปิด ทุกคนจึงมีเวลาสะสางสิ่งที่ยังค้างคาใจ
----------------------------
“จงฮยอนคุณกำลังทำอะไรอยู่หรือเปล่าตอนนี้”คนจากในจอคอมพิวเตอร์เอ่ยถามมา
“ก็กำลังสืบคดีเดิมนั่นแหล่ะครับ”
“มีอะไรคืบหน้าหรือยัง”
“ถ้าหมายถึงหลักฐานผมยังไม่ได้อะไรครับ แต่จากข้อมูลที่รวบรวมได้ มันมีจุดที่เรามองข้ามไปในตอนแรก หากดูจากเหยื่อที่ถูกฆ่าไป แต่ละคนล้วนแต่ไม่ใช่คนดี หลังจากคนพวกนี้ตายไปเรื่องเน่าๆที่ถูกซ่อนเอาไว้ก็ถูกขุดคุ้ยสาวไส้ออกมา อีกอย่างผมรู้สึกว่า นักฆ่าทำงานได้ง่ายและสะดวกเกินไป เหมือนกับว่ามีใครคอยหนุนหลัง หรือไม่ก็ผู้บงการอยู่เบื้องหลังจะต้องมีอิทธิพลมาก รวมไปถึงรู้เบื้องหลังเบื้องลึกของคนที่ตายไปด้วย”ท่านอธิบดีฟังและคิดตาม สิ่งที่ลูกน้องรายงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเองก็เห็นด้วย
“แล้วทีนี้คุณจะทำยังไงต่อไป”
“ผมจะสืบว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือใคร ผมจะหาตัวการใหญ่ให้ได้ นักฆ่าสองคนนั่นเป็นเหมือนหมากตัวนึงของคนๆนั้น”
“แสดงว่าคุณก็ต้องรู้แล้วสิว่าใครเป็นนักฆ่าสองคนนั้น”
“ผมยังไม่แน่ใจครับ แต่อีกไม่นานผมคงตามหาพวกเขาเจอ”จงฮยอนไมได้พูดความจริงออกไป ทั้งที่แน่ใจยิ่งกว่าแน่ว่าสองคนที่ตามหาคือใคร
“ผมรู้สึกว่าคุณมีอะไรปิดบังผมอยู่นะ คุณทำอะไรไว้แต่ไม่ได้บอกผมหรือเปล่า จงฮยอน”ท่านอธิบดีหรี่ตามองลูกน้อง
“ไม่มีครับ ผมรายงานท่านทุกอย่าง”นายตำรวจหนุ่มสบตากับคนในจอภาพเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“งั้นก็แล้วไป อย่าทำอะไรนอกเหนือคำสั่ง เพราะคุณอาจจะเป็นอันตรายได้”ประโยคสุดท้ายไม่แน่ใจว่าพูดด้วยความเป็นห่วงหรือด้วยความรู้สึกอื่นกันแน่ แล้วภาพก็หายไปจากจอ จงฮยอนถอนใจเอนตัวลงพิงกับพนักเก้าอี้
มีทางออกมากมายรออยู่เบื้องหน้าให้เขาได้เลือกเดิน...แต่เขาไม่อยากเดินทางไหนเลย ขอหยุดยืนอยู่กับที่แบบนี้ได้หรือเปล่านะ...รู้สึกเหนื่อยล้าเกินกว่าจะเดินไหว
ความอยากรู้อยากเห็นของคนบางครั้งก็นำมาสู่ความสูญเสีย...
จินกิปล่อยให้กระดาษในมือร่วงหล่นลงบนพื้น เพราะไม้รู้ว่ามินโฮพูดความจริงกับตัวเองมากน้อยแค่ไหน เขาจึงต้องมานั่งค้นหาขู้อมูลเอาเอง และสิ่งที่รู้มามันยืนยันคำพูดของมินโฮได้ดีว่าเป็นใครมาจากไหน และตอนนี้กำลังสืบคดีของเขาอยู่ กระดาษที่ปลิวอยู่ตามพื้นถูกใครบางคนหยิบขึ้นมาดวงตาเรียวกวาดมองเนื้อหาข้างใน
“จินกิ....”
“คิบอม!”
“เราคงมีเรื่องต้องคุยกัน”
ทั้งที่คิดว่าเรื่องที่ตัวเองเจอมามันแย่แล้ว พอได้ฟังจากเพื่อนรักจินกินยิ่งรู้สึกสงสารอีกคนขึ้นมาจับใจ เขากับมินโฮความสัมพันธ์ไมได้ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างเหมือนกับคิบอมและจงฮยอนยังรู้สึกเจ็บปวดขนาดนี้ แล้วคิบอมล่ะจะเจ็บปวดมากแค่ไหน คนรักที่เดินอยู่บนละเส้นทางกัน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็ต้องใช้ชีวิตเหมือนเดิม ทำตัวปกติเหมือนคู่รักทั่วไป มันทรมานและปวดร้าวแค่ไหน
“เราจะทำยังไงต่อไปดี...”จินกิพึมพำออกมา ความรักทำให้เขาอ่อนแอจนน่ารังเกียจ ความอ่อนแอที่นักฆ่าอย่างเขาไม่ควรมี
“ทำทุกวันให้ดีที่สุด...เพราะไม่รู้ว่าเราจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหน”
---------------------------
เป็นอีกครั้งที่แทมินเรียกตัวด่วน ทุกคนจึงต้องมารวมตัวกัน แต่สีหน้าของแทมินดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จนคิบอมสังหรณ์ใจแปลกๆ
“มีอะไรแทมิน”
“ผมขอโทษที่ผิดคำพูด...”น้ำเสียงไม่สู้ดีนัก
“มีงานเข้ามาเหรอแทมิน”จินกิเอ่ยถามพลางขยับตัวเข้ามาใกล้มากขึ้น คนอายุน้อยสุดพยักหน้ารับ ก่อนจะยื่นซองเอกสารในมือให้ทั้งสองคน คิบอมเปิดซองที่ประทับตราดอกไลแลคออก ขณะที่จินกิเปิดซองที่ประทับตราดอกไฮยาซินธ์เพื่อดูข้างใน
“หมายความว่าไง? แทมิน...นี่มัน...”คิบอมถาม มองหน้าแทมินสลับกับสิ่งที่อยู่ในมือ
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแทมิน!...คนนี้....คือคนที่พี่ต้องไปจัดการเหรอ?”จินกิแทบจะหมดแรงยืน
“ใช่ครับ....เขาสองคนเป็นตำรวจ...พวกพี่รู้หรือเปล่า?”แทมินมองพี่ทั้งสองคนที่เหมือนอยู่ในอาการช็อคจนพูดไม่ออก
“คิม จงฮยอนกับ ชเว มินโฮเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบที่สืบคดีของเราอยู่ และเบื้องบนต้องการกำจัดเขาทั้งสองคน ก่อนที่พวกเขาจะใช้พวกพี่เป็นสะพานเชื่อมไปหาเจ้านายใหญ่ของเรา...พี่มีเวลาแค่สองวัน...”
“คิบอม!”จินกิเรียกเพื่อนรักเสียงหลงเมื่อคิบอมเดินจ้ำออกไป
“พี่คีย์!...พี่อย่าลืมนะว่าพี่เป็นใคร ถึงมันจะดูใจร้ายที่บอกให้พี่ไปฆ่าแฟนตัวเอง แต่เส้นทางที่เราเลือกเดิน พี่ก็รู้ว่าทางออกทางเดียวที่มีมันคืออะไร...มันมีแค่ความตายเท่านั้นที่รออยู่ข้างหน้า...แต่คนที่ตายจะเป็นพี่หรือเขาก็เท่านั้น”
ใช่ มีแค่ความตายเท่านั้น...เขารู้ดี...
“พี่สัญญากับผมแล้วนะ ว่าจะอยู่ข้างๆตลอดไป พี่อย่าลืมสัญญาล่ะ พี่จินกิด้วย”แทมินเอาคำสัญญามาผูกมัดเอาไว้...อาจจะดูเห็นแก่ตัวและเหมือนคนไร้หัวใจ แต่สักวันพี่ทั้งสองคนจะต้องขอบคุณเขา
-----------------------------------
หน้าที่กับความรัก....เขาจะเลือกทำสิ่งไหนดี...แล้วคำสัญญาที่เคยให้ไว้ เขาควรจะรักษามันเอาไว้ใช่มั้ย...เขารู้ดีพอๆกับที่คิบอมรู้ หากไม่ทำตามจะมีจุดจบเช่นไร เบื้องบนคงไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ แทมินและแทยอนจะตกที่นั่งลำบากไปด้วย ในเมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้วก็ต้องช่วยกันพายให้ตลอดรอดฝั่ง...แต่จะให้เขาลั่นไกเพื่อปลิดชีวิตคนๆหนึ่ง ที่คอยดูแลและห่วงใยเขามาตลอด มันยากลำบากเกินไป แต่ก่อนที่เขาจะคิดตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับมินโฮดี เขาควรจะจัดการกับคนๆนี้เสียก่อน คนที่กล้ามาลองของกับเขา
“หึ...มาจนได้นะ นึกว่าจะกลัวหัวหดไม่กล้าเปิดเผยตัว”
“คนอย่างฉันไม่เคยกลัวอะไร โดยเฉพาะตำรวจที่ดีแต่ปาก”จินกิย้อนกลับไป นึกเกลียดขี้หน้าขึ้นมาจับใจ อยากรู้นักถ้าคราวที่แล้วมินโฮไม่มาช่วยไว้ มันยังจะมาหน้ามายืนส่งเสียงให้รำคาญอย่างนี้หรือเปล่า
“มีอะไรก็ว่ามา ฉันมีเวลาให้ไม่มากนัก”
“ไม่ต้องรีบร้อนอยากจะไปตายขนาดนั้นก็ได้ ยังไงซะวันนี้แกก็คงไม่รอด”ตำรวจหนุ่มเอ่ยด้วยความถือดี จินกิระเบิดเสียงหัวเราะสะใจออกมา
“มั่นใจจริงนะ เรียกนักฆ่าเพื่อมาฆ่า บ้าหรือดีกันแน่ ไม่ใช่สิ บ้าหรือว่าโง่กันแน่วะ”จินกิเน้นคำสุดท้ายด้วยความตั้งใจ ปืนในมือจ่อมาที่จินกิทันที แต่นักฆ่าหนุ่มก็ไม่ได้เกิดอาการกลัวแต่อย่างใด
“ปืนน่ะเล็งแล้วก็ยิงสิ ถือเอาไว้นานๆมันเมื่อยนะ”ยียวนกลับไป และมันก็ได้ผลเมื่ออีกคนลั่นไกทันที แต่จินกิก็หลบได้ทัน เพราะอารมณ์ของอีกคนไม่มั่นคงทำไรๆก็คงไม่ได้ดี เป็นโอกาสที่เขาจะใช้จังหวะนี้จัดการให้จบๆเรื่องไปสักที
ปัง !
ร่างของตำรวจหนุ่มทรุดลงกับพื้นดิน จินกิสาวเท้าเข้าไปใกล้ ไม่ปล่อยโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตอบโต้
ปัง !
ปัง !
จินกิทอดสายตามองร่างที่ชุ่มเลือดนอนแน่นิ่งไม่ไหวติงด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้อยากฆ่าคนพร่ำเพรื่อ แต่ถ้าคนๆนั้นนำอันตรายมาสู่พวกเขาก็ไม่ควรจะเก็บเอาไว้
“ผมเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าทำอะไรเขา”เสียงทุ้มดังมาจากทางด้านหลัง พร้อมกับร่างสูงที่เดินออกมา เหมือนจะมาช้าเกินไป...
“ถ้าเขาอยู่ๆเฉยๆ ฉันจะไปทำอะไรได้ รนหาที่เอง”
“จินกิเป็นคนแบบนี้หรือไง”
“ฉันเป็นแบบนี้มานานแล้วมินโฮ แต่นายเลือกที่จะมองข้ามมันเอง อย่างที่ฉันเคยบอกข้างในใจฉันมันมีอะไรมากมายที่คนอื่นไม่รู้ สิ่งที่นายรู้อาจจะเป็นแค่เพียงสิ่งที่ฉันอยากให้เห็นเท่านั้น”จินกิหันไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย
“ทั้งหมดที่ผ่านมาเป็นแค่ละครอย่างนั้นเหรอ”
“แล้วแต่จะคิด...ถ้าคิดแบบไหนแล้วสบายใจก็เชิญนายคิดต่อไป”
“จินกิ...จะเป็นไปได้มั้ย ถ้าจะเลิกฆ่าคนแล้วกลับมายืนข้างๆกัน”
“ถ้าฉันทำได้ฉันทำไปนานแล้วมินโฮ คิดว่าสนุกหรือไงที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้”
“จะต้องฆ่าคนต่อไปอีกสักกี่คน จะยอมเป็นหมากตัวหนึ่งที่เขาใช้งานเสร็จก็รอวันกำจัดทิ้งหรือจินกิ สักวันนายคงไม่ต่างอะไรต่างคนที่นายฆ่า”
“หึ...ผ่านคืนนี้ไปฉันคงไม่ได้ฆ่าใครอีกแล้วล่ะมินโฮ...”จินกิหลบสายตา เสมองไปทางอื่น
“เพราะคงจะฆ่าผมเป็นคนสุดท้ายตามคำสั่งใช่มั้ย?”จินกิหันกลับมามองแทบจะทันทีที่จบประโยค มินโฮกำลังยิ้มให้เขา รอยยิ้มที่ทำหัวใจคนมองเจ็บ
....มินโฮรู้....
“ยังไงผมก็ทำให้จินกิ มาอยู่ข้างๆผมไม่ได้ใช่มั้ย...เรามาลองเสี่ยงกันมั้ย”
“จะทำอะไรมินโฮ”ปลายกระบอกปืนของมินโฮจ่อมาที่หน้าของจินกิพอดี
“เราต่างกันคนต่างไม่มีทางเลือก หน้าที่มันคงต้องมาก่อนสินะ ใครไวกว่าก็ถือว่าโชคดี ยกปืนขึ้นมา”
ร่างสูงสั่ง สายตาไม่ละไปจากใบหน้าของอีกฝ่าย จินกิยกปืนขึ้นเล็งไปทางมินโฮเช่นเดียวกัน...ทุกอย่างมันกำลังจะจบลง จบในแบบที่เขาไม่อยากให้เป็น...เขาไม่รู้หรอกว่าจะไวไปกว่ามินโฮหรือไม่...แต่ถ้าหากเป็นเขาที่เป็นฝ่ายจากไปก็คงจะดีไม่น้อย...แล้วมินโฮก็เริ่มนับ
“...1...”
“......”จะทำยังไงดี...
“...2...”
“......”มันต้องจบแบบนี้จริงๆใช่มั้ย
“...3...”
ปัง !
ปัง !
จินกิหันไปมองด้านหลังตัวเอง ร่างคนที่เขายิงทิ้งเอาไว้ทรุดฮวบลงกับพื้นลมหายใจสุดท้ายที่เขาเคยเหลือไว้ให้หมดลงพร้อมกับกระสุนปืนของใครอีกคน พอหันกลับมาร่างสูงของมินโฮก็ค่อยๆล้มลง
“มินโฮ!!”
นักฆ่าหนุ่มวิ่งถลาเข้าไปหา ประคองร่างของอีกคนเอาไว้ มินโฮยังคงยิ้มให้....
“จินกิ...อากาศเย็นๆ อย่าลืมใส่ถุงมือนะรู้มั้ย....เวลาข้ามถนนก็ระวังรถด้วยนะ...มะ...ไม่มี...ผมแล้วดูแลตัวเองดีๆนะ”
หยดน้ำตามากมายไหลลงมาเงียบๆ ไม่มีการฟูมฟาย ไร้เสียงสะอื้น แต่แววตาเต็มไปด้วยความปวดร้าว....
...ทุกอย่างมันจบลงแล้ว...
-------------------------------
ดวงตาเรียวทอดมองตัวเองในกระจกเงา คำถามที่เฝ้าถามตัวเองอยู่หลายครั้ง และคำตอบที่ได้รับกลับมาก็เหมือนเดิมว่าตัวเองเป็นใคร
ปลายนิ้วเรียวสัมผัสบริเวณคอที่มีรอยแดงตัดกับผิวสีขาวจัดของตัวเองอย่างแผ่วเบา...ร่องรอยของจงฮยอน...ความรักที่ตราตรึงลงบนตัวเขา...แล้วจะให้เขาตัดสินใจทำอย่างไรดี...
พอก้าวเท้าออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นว่าจงฮยอนแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยนั่งรออยู่ที่ปลายเตียง คิบอมหยิบเสื้อผ้าในตู้ออกมาใส่อย่างเชื่องช้า...ใช้เวลาเพื่อใคร่ครวญบางอย่าง
“แฟนใครเนี่ย หอมจังเลย”กดจมูกลงบนแก้มใส
“รอยมันจางแล้ว แบบนี้ต้องทำให้ชัดขึ้น”กดจูบลงบนซอกคอขาว คิบอมยืนนิ่งให้คนรักทำตามอำเภอใจ ไม่บ่ายเบี่ยง ไม่ว่ากล่าวเหมือนที่ผ่านมา เมื่ออีกฝ่ายชอบทะลึ่งตึงตังใส่
“จงฮยอน...”
“ครับ...”
“อยากจูบ...ได้มั้ย?”คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง ไม่บ่อยครั้งที่จะได้ยินคำพูดทำนองนี้ จงฮยอนยิ้มหวานให้ แล้วพลิกตัวคนรักให้หันหน้ามาหา ใบหน้าคมก้มต่ำลงจนปลายจมูกชนกัน ก่อนที่ริมฝีปากจะทาบทับลงไป จุมพิตที่อ่อนหวานแต่แฝงไปด้วยความเศร้า จงฮยอนถอนริมฝีปากออกช้าๆสองมือประคองใบหน้าหวานเอาไว้
“มีอะไรหรือเปล่าคิบอม?”...เพราะเขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติและจูบเมื่อกี้มันเหมือนกับ...
จูบลา...
รอยยิ้มของอีกคนที่ยิ้มมาให้ทำให้คิบอมยิ้มไม่ออก วัตถุมีคมเลื่อนออกมาจากแขนเสื้อมือบางกำมันเอาไว้แน่น
“ไม่สบายหรือป...ปะ...อ๊ะ..อึก...”คำพูดขาดห้วงไป จงฮยอนก้มลงมองที่ท้องของตัวเอง เลือดสีสดกำลังไหลซึมเสื้อสีขาวที่สวมใส่อยู่ มือขาวชักมีดออกก่อนจะกดซ้ำลงไปอีกแผล ใบหน้าคมเงยขึ้นมองคนรักของตัวเอง ดวงตาคู่รีกำลังทอดมองตัวเองด้วยความเฉยชา
รอยยิ้มบางๆปรากฏบนใบหน้าคม สองแขนโอบกอดคนรักเอาไว้แน่น ทำให้มีดยิ่งถูกกดลึกลงไปอีก
“จะกอดคิบอมให้แน่นๆเลยนะ จะกอดให้หายใจไม่ออกเลย...”ร่างโปร่งทรุดลงกับพื้นพาเอาร่างบางของคิบอมทรุดตามลงไปด้วย
“......”มือบางเริ่มสั่น จนจงฮยอนสัมผัสได้
เขาจะไม่ทำถามว่าเพราะอะไรคิบอมถึงได้ทำแบบนี้ คนเราย่อมมีเหตุผลในการกระทำของตัวเอง...เขาจะไม่โกรธคนที่เขารักเพราะรู้ว่าคิบอมเองก็เจ็บปวดแม้จะไม่แสดงออกมา เขาจะไม่โทษใครหากนี่คือสิ่งที่ชะตาลิขิตเอาไว้
แต่สิ่งที่เขาเสียใจคือจะไม่มีโอกาสได้อยู่ข้างๆคนที่เขารักอีกต่อไปแล้ว...จะไม่ได้โอบกอดร่างนุ่มนิ่มนี้อีกแล้ว จะไม่ได้จูบริมฝีปากอิ่มอีกแล้ว จะไม่ได้เห็นใบหน้าหวานงอง้ำยามที่เขากวนประสาท
...จะไม่ได้บอกรักคนๆนี้อีกต่อไป...
“อย่ากลัวไปเลยที่รัก...ถึงผมจะไม่ได้อยู่ข้างๆ แต่ก็ใช่ความรักของผมจะหายไปไหน...รักนะครับคนดี” กดจูบเบาๆลงบนเรือนผม ดวงตาคมค่อยๆหลับลง รู้สึกถึงความเปียกชื้นที่ไหล่ของตัวเอง วงแขนแกร่งยังคงโอบกอดคนรักเอาไว้อย่างนั้น ปลอบโยน...จนลมหายใจสุดท้ายมาถึง
-------------------------
แดดอ่อนๆยามเช้าสาดส่องกระจกใส่ของร้านขายดอกไม้ตรงหัวมุมถนนที่เริ่มมีผู้คนดินให้เห็นหนาตา ร้านดอกไม้ขนาดกลางที่ตกแต่งด้วยสีชมพูอ่อนหวาน รอบร้านตกแต่งด้วยรั้วไม้สีน้ำตาลอ่อนดอกอีสเตอร์หลากสีถูกปลูกเอาไว้หลังรั้วไม้ ทำให้ร้านดูอบอุ่นอ่อนหวาน
ประตูกระจกใสของร้านมีป้ายแขวนเอาว่า ‘OPEN’ เหนือบานประตูคือชื่อร้านที่คนในย่านอับกูจองรู้จักดี
~*Sweet Flower*~
“สวัสดีครับ Sweet Flower ยินดีต้อนรับครับ”หนุ่มน้อยหน้าหวานเอ่ยทักทายผู้มาเยือน ชายหนุ่มในชุดลำลองเสื้อโปโลสีฟ้ากางเกงผ้าสีครีม เดินมายังเคาน์เตอร์
“สวัสดีครับ...ผมขอสั่งดอกไม้สักช่อขอเป็นไลแลคกับไฮยาซินธ์ได้มั้ยครับ”แทมินยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เห็นทีคงไม่ได้ครับ ร้านเราไม่มีดอกไม้สองอย่างนี่อีกแล้วครับ”
“ว้า...น่าเสียดายจริงๆ สองดอกนี่สวยนะครับ”
“ผมชนะแล้ว คุณควรทำตามข้อตกลงของเรานะ ปล่อยพวกเราไป”แทมินเอ่ยน้ำเสียงเครียด
“หึหึ...ผมก็ไมได้ว่าอะไรนี่ ก็แค่ถามถึงเท่านั้น พวกเขาสบายดีใช่มั้ย?”
“คุณคิดว่าเขาจะมีความสุขมั้ยละครับ ที่ฆ่าคนรักของตัวเอง”ย้อนถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ
แทมินเองใช่ว่าจะไม่เจ็บปวดที่ต้องทำแบบนี้ เขาเองไม่รู้ว่าทำผิดหรือถูกที่ร้องขออิสรภาพให้กับคิบอมและจินกิ แต่ก็ต้องแลกด้วยชีวิตของจงฮยอนและมินโฮ การอยู่แบบคนที่ไร้หัวใจแบบนี้มันคงทรมานหลายเท่านัก แต่มันย่อมดีกว่าที่จะต้องฆ่าคนไปเรื่อยๆ
“แทมิน เด็กน้อย...จะโกรธฉันทำไมกัน ฉันก็เสียใจที่เสียลูกน้องฝีมือดีไปสองคน...ตั้งแต่ที่เราตกลงกันไว้ตอนแรก เธอเองก็น่าจะทำใจเอาไว้แล้วนะ ว่าจะต้องสูญเสีย...แต่คิดไปคิดมา เธอไม่ได้เสียอะไรเลย คิบอมกับจินกิยังอยู่กับเธอ แต่ฉันเสียตำรวจเก่งๆไปถึงสองคน แถมยังต้องเสียนักฆ่าที่คอยเก็บพวกขยะสังคมไปอีก...ลูกน้องผมมันไม่ใจเด็ด เหมือนพี่ชายสองคนของเธอเลยนะแทมิน...”แทมินนึกเกลียดรอยยิ้มมุมปากแบบนี้เข้าไส้ คนอย่างนี้นะเหรอที่จะรู้สึกเสียใจกับใครเขาเป็น
“แล้ววันนี้คุณมาทำไมครับ ท่านอธิบดีจองซู”
“แวะมาเยี่ยมเยียน ตามประสาคนรู้จักน่ะ...ฉันไปดีกว่า มีนัดกับซิน”
แทมินมองตามจนลับตา เด็กหนุ่มกำลังคิดถึงอนาคตในวันข้างหน้า บางทีเขาควรจะขายที่นี่ทิ้งแล้วไปเริ่มต้นใหม่ที่ไหนสักแห่ง พาพี่ชายและน้องสาวต่างสายเลือดไปเริ่มชีวิตใหม่ รักษาบาดแผลและลบอดีตที่เลวร้ายทิ้งไป
--------------------------
มีคนเคยกล่าวไว้ว่า นักฆ่า ไร้หัวใจ...มันคงจะจริงเพราะสำหรับคิบอมและจินกิแล้ว
หัวใจของพวกเขาได้ตายไปพร้อมลมหายใจสุดท้ายของคนรัก...
คนที่จากไป แต่ยังทิ้งรอยห่วงใยเอาไว้ ทิ้งความทรงจำดีๆให้จดจำ...
คำว่ารัก...ที่ไม่เคยได้ยิน และคงไม่มีวันได้ยิน...
คำว่ารัก...ที่ไม่เคยพูด...และไม่รู้ว่าจะไปพูดตอนไหนกับใครอีกแล้ว
คำว่ารักและความทรงจำดีๆเหล่านั้นมันกลายเป็นสิ่งที่ทำร้ายเขาอยู่ทุกคืนวัน...
เจ็บปวดเจียนตาย...เมื่อมินโฮช่วยชีวิตเขาไว้ แต่เขากลับเป็นคนพรากลมหายใจของมินโฮไป ก่อนที่จะพบมินโฮเขาไม่รู้ว่าใช้ชีวิตมาได้ยังไง แต่พอมินโฮจากไปเขาไม่รู้เลยว่าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ต่อไปยังไงดี
เวลามันย้อนกลับไปไม่ได้ แต่เขาก็ไม่อยากให้เวลาเดินหน้าต่อไป เพื่อให้เขามีชีวิตอยู่ท่ามกลางความทรงจำที่แสนเจ็บปวด นี่คงเป็นบทลงโทษของคนเลวอย่างเขา อยู่แบบตายทั้งเป็น...
จินกิทิ้งตัวลงนอนบนหาดทรายกว้าง ปล่อยให้น้ำทะเลซัดสาดหวังว่ามันจะชะล้างความเจ็บปวดในใจไปได้...แต่มันก็คงเป็นเพียงความหวังที่ไม่เคยได้สมหวัง...เพราะน้ำตาของเขาไม่เคยหยุดไหลเลยแม้แต่นาทีเดียว...
รัก...รัก...รัก... ชเว มินโฮ ได้ยินมันมั่งมั้ย หรือแค่สะท้อนอยู่ในใจของเขาเท่านั้น
ร่างบางที่ปล่อยมือจากทุกอย่าง หันหลังให้กับอดีต เหม่อมองออกไปที่ท้องทะเลกว้าง แสงอาทิต์ยามเย็นสะท้อนผิวน้ำระยิบระยับ...มันคงจะดีกว่านี้หากมีใครอีกคนเคียงข้าง...แต่ใครคนนั้นได้จากไปไกลแสนไกล ด้วยมือของเขาเอง...
ถึงผมจะไม่ได้อยู่ข้างๆ แต่ก็ใช่ความรักของผมจะหายไปไหน...รักนะครับคนดี
เขายังเป็นคนดีของจงฮยอนอยู่อย่างนั้นเหรอ...ในเวลาแบบนั้นทำไมถึงได้บอกรักเขาพร้อมกับรอยยิ้ม ทั้งที่เขาเสียใจจนแทบบ้า
คำว่ารักที่ได้ยินเสมอ...กลับเป็นคำที่ทำร้ายเขาได้เจ็บปวด อิสรภาพที่ได้รับ จะมีประโยชน์อะไร เมื่อต้องอยู่อย่างคนไร้หัวใจ หลับตาลงครั้งใด เขาก็เห็นแต่จงฮยอนกับเลือดสีแดงฉาน อ้อมกอดที่กอดเขาเอาไว้จนนาทีสุดท้าย คิดถึงอ้อมกอดนั้น คิบอมปล่อยให้หยดน้ำอุ่นไหลอาบแก้ม ร้องไห้...ให้กับความโง่เขลาของตัวเอง ร้องไห้กับความใจร้ายของตัวเอง...ร้องไห้ให้กับคนที่จากไป แต่เสียน้ำตาไปมากมายแค่ไหนจงฮยอนก็คงไม่คืนย้อนมา
ต่อจากนี้ไปเขาจะฟังคำว่ารักได้จากที่ไหนอีก...ใครจะคอยจับมือเขาเอาไว้...ใครจะคอยโอบกอดเขา
ไม่มีอีกแล้วคนๆนั้น...จากไปแล้ว....
แต่ความรักของจงฮยอนจะโอบล้อมอยู่ข้างๆเขาตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ซึ่งไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน...
รัก...รัก...รัก...คิม จงฮยอน คนที่รักสุดหัวใจ...
...สำหรับนักฆ่าคำว่า ‘รัก’ คงเป็นคำต้องห้าม...
...แต่ใครเล่าจะห้ามความรักได้...
---END---
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น