ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SHINee - SF] Sweet flower [JongKey,,HoOn]

    ลำดับตอนที่ #2 : [SF] Sweet flower Part 1

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ค. 53


    Title : Sweet flower

    Author : sakuragimji

    Pairing : Jonghyun x Key ,, Minho x Onew ft.Taemin

    …Part l…












    “สวัสดีค่ะ Sweet Flower ยินดีต้อนรับค่ะ”



    เสียงใสเอ่ยทักทายพร้อมรอยยิ้มหวาน ประโยคถัดไปที่กำลังจะออกจากเรียวปากบางต้องหยุดลงทันที เมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาในร้านเป็นใคร แถมเจ้าตัวยังเอานิ้วชี้แตะที่ปากเป็นสัญญาณบอกให้เงียบ เด็กสาวยิ้มจนตาหยีให้คนที่ก้าวเข้ามาในร้าน นิ้วเรียวชี้ไปทางตู้กระจกที่มีร่างบอบบางในเสื้อเชิ้ตสีขาวผ้ากันเปื้อนสีชมพูสดกำลังก้มๆเงยๆและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับดอกไม้แสนสวย ร่างโปร่งค่อยๆสาวเท้าเข้าไปหาพยายามลงฝีเท้าให้เบาที่สุด...



    “เหวอ~~!”



    *ฟอด*



    “จงฮยอน!”



    เสียงแหบหวานร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อถูกโอบกอดจากทางด้านหลังจนเสียหลักลงไปนั่งจุ้มปุ๊กบนพื้นโดยมีอีกคนลงไปนั่งเป็นเพื่อน เสียงที่ตามมาคือเสียงที่คนฉวยโอกาสประทุษร้ายแก้มใสๆ และจบลงด้วยเสียงร้องเรียกคนที่กระทำการอุกอาจขณะกลางวันแสกๆ



    “คร้าบบบบบ~”รับคำด้วยน้ำเสียงทะเล้น ยิ้มระรื่น แถมมือที่โอบเอวบางเอาไวก็ยังคงสภาพเดิมอยู่อย่างนั้น ไม่มีความคิดที่จะปล่อย มิหนำซ้ำยังกอดแน่นเข้าไปอีก ร่างบางดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดนั้น



    “นี่ปล่อยซะทีสิ~”หน้ามุ่ยหันไปตวัดค้อนใส่



    “ปล่อยก็ได้~”



    *ฟอด*



    “นี่!...” ..........#@&^%*........



    คิบอมไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาว่าแฟนหนุ่มจอมฉวยโอกาสได้แม้แต่คำเดียว โมโหก็โมโหเขินก็เขิน เพราะมองไปที่เคาน์เตอร์หน้าร้านก็เห็นแทยอนยืนเอามือปิดตาอยู่ แต่ดวงตาสุกใสนั่นก็มองผ่านง่ามนิ้วที่แยกห่างกันซะจนไม่รู้ว่าจะยกมือขึ้นมาปิดทำไม แล้วก็เป็นโชคดีของคิบอมที่ไม่มีลูกค้าอยู่ในร้าน ไม่อย่างนั้นคงได้อายจนต้องแทรกพื้นร้านหนี ร่างบางผลักอกคนหน้าไม่อายออกอย่างแรง ลุกหนีไปอีกทาง เพื่อซ่อนใบหน้าที่ร้อนเห่อและอมชมพูจนเกินพอดี



    “หอมจังเลย~”ยิ้มหน้าระรื่น...



    “มาทำไมเนี่ย”ถามเสียงขุ่น ความจริงก็แค่กลบเกลื่อนความเขินเท่านั้นเอง ทั้งที่คิดถึงคนหน้าเป็นไม่น้อย เพราะไม่ได้เจอกันหลายวัน



    “หูยยยยย~ แฟนใครเนี่ย สวยแต่ใจร้ายที่สุดในโลกเลย ถามมาได้ไงเนี่ย หัวใจจงฮยอนเจ็บปวด~”มันคงจะเจ็บปวดจริงๆ ถ้าหากคนพูดไม่ได้ทำตาวิบวับ ฉีกยิ้มไปจนถึงหู เสียงโอดครวญไม่ได้ฟังดูน่าสงสารกลับเพิ่มความหมั่นไส้เข้าไปอีก ที่สำคัญ....



    คิม จงฮยอน!!!!!!! กวนประสาทที่สุดในโลก



    “ใจร้ายก็กลับไปซะสิ”



    คนถูกกล่าวร้ายสะบัดหน้าหนี เดินไปที่ตู้ดอกไม้อีกตู้นึง แทยอนอมยิ้มกับท่าทางของคู่รักที่น่ารักที่สุดในโลกเท่าที่เคยเจอมาเลยก็ว่าได้ พี่จงฮยอนขี้แกล้ง พี่คิบอมก็ขี้งอนและขี้เขินที่สุดในโลก แต่เดี๋ยวสักพักพี่จงฮยอนก็จะทำให้พี่คิบอมยิ้มและหัวเราะออกมาได้ แถมยังมาโชว์หวานให้ได้อิจฉาเล่นบ่อยๆ



    จงฮยอนอมยิ้มกับท่าทางของคนในชุดผ้ากันเปื้อนสีชมพู ร่างโปร่งยืนกอดอกพิงผนังร้าน ฮัมเพลงเบาๆอย่างสบายอารมณ์ สายตาก็จับจ้องไปยังคนรักที่ทำไม่รู้ไม่ชี้ถึงความมีตัวตนของเขา แต่ถ้าสังเกตดูดีๆแล้วมือขาวๆบางๆนั่น หยิบจับดอกไม้ด้วยความประหม่า ถ้าให้เดาตอนนี้หน้าหวานๆต้องแดงเหมือนสตอเบอร์รี่...น่ากิน~…



    “คิบอมครับ...ไปด้วยกันแปบนึงสิ”เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบข้างหู แต่ยังไม่ทันตอบรับอะไรด้วยซ้ำ คนชวนก็หันไปบอกแทยอนที่หน้าร้านแล้วฉวยข้อมือบางไปทางหลังร้านทันที



    “อะไรเล่า! ทำงานอยู่นะ”คิบอมขืนตัวออกอย่างมีแง่งอน ใบหน้ายังคงความงอง้ำได้สม่ำเสมอ



    “ใจร้ายจริงๆด้วย ไม่เจอกันตั้งหลายวันนะคีย์ ยังเห็นงานดีกว่าผมอีกเหรอเนี่ย”ออดอ้อนได้น่าหมั่นไส้ แถมมือไม้อยู่ไม่สุก เอื้อมไปโอบเอวคนตัวเล็กเอาไว้ก่อนจะดันร่างให้ชิดกับผนังร้านจนหมดทางหนี มือเรียวผลักหน้าของคนจ้องฉวยโอกาสออก พลางเบือนหน้าหลบจมูกคมที่กำลังจะแตะแก้มใสๆของตัวเองอยู่แล้ว



    “นี่...ปล่อยก่อนสิ...”ห้ามเสียเบาแถมแก้มยังแดงอีกต่างหาก



    “ไม่ปล่อย~คิดถึงจัง...คิบอมอ่า~”กระซิบเสียงแผ่วด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วชวนใจสั่น ดวงตาเรียวหันกลับมาสบตาคมของอีกฝ่ายอย่างไม่ได้ตั้งใจ แววตาของคนรักที่ออดอ้อนอ่อนหวานแสดงถึงความปรารถนาบางอย่างจนปิดไม่มิด ทำให้หน้าใสขึ้นสีขึ้นอีก



    “เดี๋ยวใครมาเห็นนะ”ก้มหน้าพูดอุบอิบเลยไม่ทันเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย



    “ไม่มีใครเข้ามาหรอก แทยอนจัดการได้”หัวเราะเสียงพลิ้วอยู่ข้างๆหู ก่อนจะทำให้คนในอ้อมกอดสะดุ้งด้วยการขบใบหูบางเบาๆ



    “ฮื่อ...นี่...”



    จงฮยอนจัดการปิดปากคนที่กำลังจะต่อว่าด้วยริมฝีปากอุ่นของตัวเอง ขืนต่อเวลาให้คิบอมได้อิดออดอีกหน่อย เวลาที่เขาจะได้อยู่ด้วยกันมันก็จะลดลง...คิดถึงใจจะขาด...และทุกความรู้สึกที่จงฮยอนได้ส่งผ่านไปถึงอีกคนด้วยสัมผัสที่อ่อนโยนจนร่างบางสะท้านอยู่ในอ้อมกอด มือเรียวกำสาบเสื้อของอีกฝ่ายไว้แน่น และหอบหายใจระรัวเมื่อฝ่ายที่รุกรานถอนริมฝีปากออก กำปั้นเล็กๆถูกส่งออกไปทันทีที่กลางอก



    อั้ก!



    “ใครอนุญาตหะ?”



    “คิบอมไง”



    “ตอนไหน ยังไม่ได้พูดเลยนะ”



    “ไม่พูดแปลว่าตกลงไง”ยิ้มจนเห็นฟันครบสามสิบสองซี่ เห็นแล้วคีย์ก็โกรธไม่ลง ถอนใจพรืดออกมาก่อนจะยิ้มขำ จงฮยอนได้ทีจึงกอดร่างบางเอาไว้ คิบอมซบหน้าลงบนไหล่หนา ไม่มีคำพูดใดๆ มีเพียงกระแสความอบอุ่นที่เติมเต็มความคิดถึงให้กันและกัน



    “แค่สี่ห้าวัน มีน้ำมีนวลขึ้นนะ”ไม่พูดเปล่ามือซุกซนเลื่อนไปจับก้นของคนรักแล้วบีบเบาๆ



    “คิม จงฮยอน! ไอ้คนลามก!~”คนถูกด่าหัวเราะร่วนแล้วร่างทั้งร่างเซถลาไปชนกับกำแพงอีกฝั่ง ซึ่งความจริงแล้วคิบอมไม่ได้ออกแรงผลักมากขนาดนั้น แต่อีกคนแกล้งสำออยไปงั้นเอง



    “เจ็บนะ..คนสวยใจร้าย”



    “จะใจร้ายมากกว่านี้ถ้ายังเล่นบ้าๆแบบนี้” หึ่ย...ทั้งที่ใจอ่อนแล้วเชียว ทั้งที่คิดถึงมากขนาดนี้และคงยอมตามใจอีกสักหน่อย แต่คิม จงฮยอนก็กวนประสาททะลึ่งตึงตังใส่ให้ได้โมโหอีกรอบ



    “โธ่~~ ที่รักครับ ล้อเล่นเองนะ ไม่โกรธ ไม่งอนนะ..นะ...น๊า~”



    ...สุดท้ายแล้วก็ใจอ่อนให้คนๆนี้...



    “กินอะไรมาหรือยัง...”ไม่รู้จะโกรธไปอีกทำไมเสียดายเวลาที่อยู่ด้วยกัน เมื่อจงฮยอนก็งานยุ่งเสียจนไม่ค่อยมีเวลาได้เจอกัน



    “ยังเลย~” ทำหน้าตาหน้าสงสารเหมือนแมวน้อยแสนออดอ้อน



    “งั้นไปรอข้างในนะ จะหาอะไรไปให้กิน” เมื่อร่างของคนรักหายเข้าไปด้านในของร้านแล้ว รอยยิ้มที่มีค่อยๆหายไป



    “เด็กไม่ดีแอบดูคนอื่น”เสียงแหบหวานพูดขึ้น โดยไม่หันไปมองคนที่ยืนอยู่ตรงมุมที่เสาบังพอดี และคงยืนมานานแล้วด้วย



    “ผู้ใหญ่ชอบทำอะไรประเจิดประเจ้อต่างหากเล่า~”



    “สงสัยอี แทมิน จะติดนิสัยคิมจงฮยอนมากเกินไปละมั้งเนี่ย”



    “พี่ช้าไปนะ ถ้าไม่ใช่ผม จะได้จู๋จี๋กับพี่จงฮยอนจนจบมั้ยเนี่ย”



    “เพราะรู้ว่าเป็นนายน่ะสิ ไปดูร้านได้แล้ว ร้านนายเองนะแทมิน”



    “คร้าบบบบ อย่าลืมเอาอาหารไปเลี้ยงเป็ดล่ะ ท่าทางจะหิวโซเลย” คิบอมเริ่มคิดจริงจังกับเรื่องที่อี แทมินอาจจะเป็นพี่น้องกับคิม จงฮยอนก็เป็นได้ อะไรมันจะกวนประสาทได้เหมือนกันขนาดนี้ เพราะอะไรนะเหรอ ก็เวลาที่พูดคำว่าอาหารทำไมจะต้องใช้สายตาเจ้าชู้แบบนั้นมากมาที่ตัวเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยเนี่ย!?





    -------------------------





    ....ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงไม่ได้เบาะแสเกี่ยวกับการหายตัวไปอย่างลึกลับของนักธุกิจชื่อดังสองคน ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้สัณนิษฐานสาเหตุการหายตัวเอาไว้หลายประเด็น แต่ประเด็นสำคัญที่มีน้ำหนักคือเรื่องของการขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจและเรื่องชู้สาว จนกระทั่งเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา กลับมีการค้นพบหลักฐานสำคัญที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปอย่างลึกลับในครั้งนี้ ทั้งสองคนมีส่วนพัวพันเกี่ยวกับการค้าของเถื่อนและค้ามนุษย์ โดยอาศัยธุรกิจการส่งออกบังหน้า ในขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังขยายการสอบสวนออกไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้องคนอื่นๆ เพื่อหาเบาะแสและหลักฐานเพิ่มเติม....




    เสียงการรายงานข่าวภาคเที่ยงยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ท่ามกลางบรยากาศสบายๆของร้านดอกไม้เล็กๆ หลังจากที่อิ่มท้องแล้ว จงฮยอนซึ่งไม่มีอะไรจะทำก็นั่งเอ้เต้อยู่ตรงมุมร้าน สายตาจับจ้องไปที่คนรักของตัวเองตลอดเวลา มองคิบอมยิ้ม หัวเราะ แล้วบางทีก็หันมาตวัดค้อนใส่ เมื่อคนหน้าหล่อจ้องมองมากจนเกินพอดี หลังจากที่ออกต่างจังหวัดทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อจะได้ทำงานให้เสร็จไวๆแล้วกลับมาหาคนหน้าหวาน




    เขากับคิบอมคบกันมาได้เกือบปีแล้ว...การพบกันของเขาสองคนมันช่างเรียบง่าย มีสายลมฝนฤดูใบไม่ผลิที่พัดเบาๆพาใบไม้ปลิวไหวไปในอากาศเป็นแม่สื่อ พอรู้ตัวอีกทีสายตาของเขาสองคนก็ประสานกันและไม่อาจถอนสายตาไปจากกันและกันได้ มันเริ่มต้นเงียบๆความรักของเขาสองคน และค่อยๆถักทอเป็นความรักแสนหวาน เมื่อคิบอมขยันทำตัวหวานใส่ หวานๆซ่าๆอบอุ่นหัวใจ และเป็นภาพชินตาของคนที่เป็นลูกค้าประจำของที่นี่ที่จะเห็นหนุ่มหน้าหล่อมานั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ในร้านทั้งที่ไม่มีหน้าที่อะไรเลย แต่ถ้าเกิดหนุ่มคนนั้นหายหน้าหายตาไปก็เป็นเพราะว่าต้องออกไปทำงานต่างจังหวัด




    เสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งหน้าร้านเรียกความสนใจจากคนในร้านได้เป็นอย่างดี ร่างสองร่างที่คุ้นตาเดินเข้ามาในร้าน



    “พาคนมาส่งครับ”น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้น ในขณะที่มือยังจับมือของใครอีกคนที่หน้าซีดๆเอาไว้



    “เกิดอะไรขึ้นกับจินกิ?”เป็นคิบอมที่ถลาเข้ามาหาด้วยคามตกใจ



    เจ้าของชื่อจินกิทำหน้าแหยๆ เงยหน้ามองใบหน้านิ่งๆของคนตัวสูงที่ยืนข้างๆ มินโฮกลอกตาไปมาก่อนจะเป็นคนตอบให้



    “รถเฉี่ยวนะ”



    “ห๊ะ!!!?”ตกใจกันทั้งร้าน



    “เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ พี่จินกิ”แทยอนถามอย่างห่วงใย เด็กสาวถลาออกมาจากเคาน์เตอร์อีกคน



    “ไม่เป็นไร ไม่ต้องตกใจกันขนาดนั้นก็ได้ สบายดี”จินกิยิ้มจางๆให้ มินโฮส่ายหัวไปมา ก็คงจะเป็นหรอกนะ ในเมื่อเขาเข้าไปฉุดตัวเอาไว้ได้ทันแล้วก็กลายเป็นเบาะรองรับคนตัวอวบเอาไว้ทั้งตัว



    “จะไม่ให้ตกใจยังไงไหวฮะ ก็พี่เล่นมีแผลมาฝากพวกเราวันละแผล แล้วทำไมวันนี้รอดมาได้ยังไงฮะ”แทมินถาม ทั้งที่คาดเดาคำตอบเอาไว้ในใจอยู่แล้ว เป็นอีกครั้งที่จินกิต้องหันไปมองมินโฮที่คอยยืนข้างๆ แล้วก็ต้อสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเจอสายตาดุมองกลับมา



    “พอดีมินโฮเขามาช่วยเอาไว้ทัน”บอกเสียงอ่อย ทุกคนได้แต่ทำหน้าเอือมระอา ถ้าไม่ได้มินโฮคนข้างห้อง ชีวิตของอี จินกิจะรอดมาถึงทุกวันนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้



    ครั้งแรกที่จินกิ กับมินโฮเจอกันก็เพราะว่าจินกิ เดินไปเตะข้าวของของมินโฮที่วางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบหน้าห้อง เพื่อรอขนเข้าห้อง พื้นที่ทางเดินยังเหลืออีกมากให้คนได้เดินผ่านไปมาได้อย่างสะดวก แต่คงไม่ใช่กับอี จินกิ ที่โครมเดียวข้าวของทุกอย่างก็กระจัดกระจายเต็มทางเดินของที่พัก แถมเจ้าตัวยังจะเอะอะโวยวายเอากับมินโฮที่ยืนมองข้าวของตัวเองด้วยความอึ้งปนทึ่ง ว่าวางของเกะกะทางเดิน คนตัวสูงหงุดหงิดมากปิดประตูกระแทกใส่หน้าโดยไม่สนใจข้าวของที่อยู่หน้าห้องแม้แต่น้อย พอเปิดประตูมาอีกที ของทุกอย่างวางกันเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนเดิม...



    การพบกันครั้งที่สองมินโฮที่กำลังหอบข้าวของเต็มสองไม้สองมือเพื่อนขึ้นห้องโดยใช้บันไดกลาง เนื่องจากลิฟต์ปิดใช้บริการชั่วคราว อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงชั้นที่พักแล้ว อยู่ๆก็มีก้อนขาวๆกลมๆกลิ้งหลุนๆมาจากไหนไม่รู้ตรงเข้าหาตัวเองตามสัญชาตญาณมินโฮปล่อยของในมือทิ้งแล้วคว้าก้อนขาวๆนั้นไว้แล้วกลิ้งลงไปด้วยกันจนถึงบันไดขั้นสุดท้าย...เจ็บร้าวไปทั้งตัว...เป็นเหตุให้มินโฮต้องเข้าเฝือกแขนที่หักไปเป็นเดือน รวมทั้งสะโพกเคล็ดขยับตัวไปไหนไม่ค่อยได้ ขณะที่ต้นเหตุอวบๆนิ่มๆอย่างจินกิเป็นแค่แผลฟกช้ำ ด้วยความรู้สึกผิดและเป็นบุญคุณใหญ่หลวงอี จินกิเลยเสนอตัวไปคอยดูแลมินโฮตลอดเวลาที่มินโฮยังไม่หายดี



    และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของมินโฮและจินกิ...แบบแปลกๆ... ไม่ใช่เพื่อน...ไม่ใช่คนรัก แต่มินโฮจะคอยอยู่ใกล้อี จินกิเสมอเมื่อเกิดเรื่อง ความห่วงใยถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยและดวงตาดุๆคู่นั้น แม้บางทีจะดูเอือมระอากับอาการโก๊ะแตก เปิ่นเป๋อเกินบรรยายและซังเทอย่างไม่น่าให้อภัย แต่มินโฮก็ไม่เคยไปไหน



    “ซี๊ด~~อูยยย”เสียงหวานๆครางขึ้นเมื่อขยับขา



    “ไหนว่าไม่เป็นไรไง...เจ็บตรงไหน”น้ำเสียงดุทำเอาจินกิหงอห่อไหล่เล็กๆแล้วมองหน้าคนดุอย่างกล้าๆกลัวๆ



    “ก็เมื่อกี้มันยังไม่เจ็บนี่...สงสัยจะชา แต่ตอนนี้มันเจ็บแล้วอ่ะ มินโฮ~”น้ำเสียงออดอ้อนนั่นทำเอาหลายคนขนลุก ไม่ค่อยได้เห็นจินกิมุมนี้บ่อยๆนัก แต่มันก็...น่ารักดี



    “พาจินกิ ไปนั่งตรงนั้นก่อนดีกว่มินโฮ”หนุ่มหน้าหวานชี้ไปทางที่จงฮยอนนั่งอยู่ มินโฮค่อยๆประคองคนที่เพิ่งรู้ตัวว่าเจ็บไปนั่งตรงที่ว่าง



    “เดี๋ยวผมไปเอากล่องพยาบาลมาให้นะ”แทมินพูดยิ้มๆ พร้อมกับส่ายหัวระอา



    “เจ็บอ่ะ~”



    “อย่าบ่น อยากไม่ระวังเอง”มินโฮดุ พลางผงกหัวเป็นการทักทายจงฮยอนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว อีกฝ่ายจึงทำแบบเดียวกันพร้อมส่งยิ้มบางๆไปให้



    “เป็นอะไรอีกเหรอวันนี้”จงฮยอนกระซิบถามคนรักของตัวเอง



    “รถเฉี่ยวน่ะ”คำตอบที่ทำให้จงฮยอนเลิกคิ้วสูงขึ้น แต่ไม่ใช่ด้วยความตกใจ แต่เป็นเพราะความทึ่งในการสร้างบาดแผลให้กับตัวเองของคนที่กำลังน้ำตาปริ่มบ่นว่าเจ็บกับมินโฮอยู่ คนตัวสูงเลยเอามือลูบผมนิ่มเพื่อปลอบ




    หลังจากทำแผลที่ถลอกบริเวณหัวเข่าให้จินกิเรียบร้อยแล้ว มินโฮก็ขอตัวไปทำงาน ทิ้งอี จินกิที่อยู่ในสภาพชำรุดให้เป็นภาระของคนที่ร้านต่อไป ไม่รู้จะเรียกความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้ว่าอะไรดี...แต่ความรู้สึกที่มีต่อกัน มีแต่อี จินกิ กับ ชเว มินโฮเท่านั้นที่รู้กันสองคน จินกิมีชีวิตและทำงานในช่วงกลางวันขณะที่ชีวิตของมินโฮส่วนใหญ่คือช่วงเวลากลางคืนเป็นนักดนตรีประจำผับ ไม่รู้ด้วยความติสท์สูงหรือใบหน้าหล่อๆแต่ไม่ค่อยรับแขกทำให้ต้องเปลี่ยนสถานที่ทำงานอยู่บ่อยครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นมินโฮก็ยังมีเวลามาคอยดูแลจินกิได้เสมอ อย่างน้อยก็ต้องมาส่งจินกิที่ร้านทุกวัน ต่อให้เพิ่งเลิกงานยังไม่ได้นอนสักนิดก็ตาม



    “นี่...นายไม่คิดจะเปลี่ยนความสัมพันธ์กับมินโฮหรือไง”คิบอมอาศัยจังหวะปลอดลูกค้าและจงฮยอนที่คอยหาเศษหาเลยกับตัวเองกระซิบถามคนที่ง่วนกับการตัดก้านดอกไม้ จินกิยิ้มบางๆก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ



    “เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วอยู่แล้วนี่...”



    “บางทีมินโฮก็ดูลึกลับนะ...เข้าใจยาก หน้าก็ไม่ค่อยยิ้ม...แต่เวลาอยู่กับนายมันเหมือนกับว่าเขาหลุดออกมาจากอีกโลกนึงเลย”



    จินกิทำท่านึกตามก่อนจะยิ้มออกมาอีกครั้ง...มันก็จริงอย่างที่คิบอมบอก...เหมือนมีแค่เขาที่ได้เห็นมินโฮในทุกมุมมอง ทุกตัวตน...แต่เขาก็ไม่หวังจะให้ความสัมพันธ์มันพัฒนาไปมากกว่านี้...บางทีเขาก็กลัวความเปลี่ยนแปลง...กลัวอะไรบางอย่างในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง...



    “คิบอมอ่า~~” เสียงร้องเรียกที่ไดยินมาแต่ไกล ทำเอาเจ้าของชื่อถอนหายใจพรืดออกมา จินกิถึงกับหลุดขำคิก



    “ไม่ได้เจอกันหลายวัน คืนนี้นายไม่ได้กลับห้องแน่ คิบอมอ่า~~”ล้อเลียนได้เหมือนมาก แถมยังมีแซวอีกต่างหาก ถึงจะโมโหแต่ความเขินอายมันก็มีมากกว่าเกินจะต่อปากต่อคำกับเต้าหูอวบๆ คิบอมเลยเดินหนีเอาเสียดื้อๆ




    “จินกิ...คิบอมไม่ได้อยู่นี่เหรอ?”คนถูกถามยิ้มจนตาเหลือขีดเดียว ก่อนจะชี้ไปยังประตูหลังร้านที่คนหน้าหวานเพิ่งเดินหนีเข้าไป....เตรียมตัวรับศึกหนักได้เลย!




    ---------------------------------




    มือเรียวค่อยๆไล้ไปตามโครงหน้าคมคายของคนที่นอนหลับสนิท ลมหายใจอุ่นที่รินรดบริเวณหน้าผากของตัวเองทำให้รู้สึกจั๊กจี้จนต้องเขยิบตัวให้เลื่อนต่ำลงอีกหน่อยแล้วซุกหน้าลงบนแผงอกเปล่าเปลือย จูบเบาๆลงบนอกข้างซ้ายที่มีก้อนเนื้ออุ่นเต้นเป็นจังหวะข้างใน แขนเรียวโอบเอวคนรักเอาไว้ คนที่หลับอยู่โอบกระชับตอบโดยอัตโนมัติ กดจูบลงบนเรือนผมนุ่มหอมได้อย่างพอดิบพอดี ทุกอย่างเป็นไปโดยความคุ้นชิน



    “จงฮยอนอ่า~”เสียงแหบหวานลองเรียกคนที่หลับดู



    “จงฮยอนอ่า~~”ไม่เรียกเปล่าปลายนิ้วเล็กไล้ไปตามแผงอกเบาๆ บางครั้งก็ย้ำน้ำหนักลงไปแรงจนบุ๋มลงไป จนได้รับเสียงครางอืออาในลำคอ



    “จงฮยอน~~”



    “คร้าบบบบ”ดวงตาคมค่อยๆปรือขึ้นมา รับคำเสียงงัวเงีย ใบหน้าหวานแหงนเงยขึ้น



    “นอนไม่หลับ~”อ้อนทั้งเสียงและสายตา จงฮยอนยิ้มให้บางๆ



    “ให้กล่อมมั้ย”กระซิบเสียงพร่าข้างหู



    “ลองดู”จงฮยอนพลิกร่างเล็กให้ลงไปนอนราบบนเตียงอีกครั้งนึง ก่อนจะเริ่มกล่อมคนขี้อ้อนและช่างยั่วให้หลับใหลไปในอ้อมกอดของตัวเอง




    ---------------------------------------





    ร่างโปร่งใต้ผ้าห่มผืนหนาขยับกายหนีแสงแดดที่ส่องผ่านผ้าม่านสีขาวบางอย่างเกียจคร้าน เปลือกตาขยับยุกยิกขณะที่มือก็ควานหาร่างที่นอนกอดมาทั้งคืน แต่พบเพียงความว่างเปล่าที่เย็นเฉียบบ่งบอกว่าร่างนั้นได้จากไปนานแล้ว จงฮยอนลืมตามองเพดาน ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นและมองไปรอบๆห้อง



    “คิบอม....คิบอมอ่า~”



    ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา จงฮยอนสะบัดหัวไปมาขับไล่ความมึนงงตวัดผ้าห่มออกจากตัว เพื่อนั่งอยู่ตรงขอบเตียงสักพัก ก่อนจะลุกไปหยิบกางเกงนอนผ้าฝ้ายที่ถูกกองอยู่ปลายเตียงมาสวมปกปิดร่างกายเปล่าเปลือยของตัวเอง ร่างโปรงเดินออกจากห้องนอนไปยังห้องครัว ตาคมเหลือบเห็นอาหารเช้าตั้งอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับกระดาษโน้ตแผ่นเล็ก




    ...ไม่อยากกวนคนหลับ อาหารเช้ากินให้หมดนะ วันนี้จะไปธุระให้แทมิน แล้วจะโทรหา...

    ...คิบอม....





    “คิบอมใจร้ายย”จงฮยอนครางออกออกมา ข้อความในกระดาษธรรมดานั่นคงไม่มีอะไรมาก จงฮยอนคงจะไม่รู้สึกเหมือนอยากฟัดเจ้าของข้อความ หากไม่เห็นประโยคสุดท้าย




    ปล.เจอหน้าอย่าลืมกอดแน่นๆเหมือนเมื่อคืนนะ คิก~*



    แบบนี้เขาก็ยิ่งคิดถึงนะสิ จะทำงานรู้เรื่องได้ยังไงกัน !



    แต่สุดท้ายแล้วจงฮยอนก็ข่มใจให้สงบลงได้ จัดการอาบน้ำแต่งตัวและอาหารเช้าที่คนรักเตรียมเอาไว้ให้ แล้วเริ่มทำงานที่คั่งค้างเอาไว้
    ชั้นวางหนังสือธรรมดาเคลื่อนตัวแยกออกจากกันเผยให้เห็นประตูลับที่ซ่อนเอาไว้เบื้องหลัง ก่อนจะเคลื่อนปิดเมื่อเจ้าของห้องเดินเข้าไปเรียบร้อยแล้ว ไฟในห้องลับเปิดอัตโนมัติ ในห้องเต็มไปด้วยอุปกรณ์สื่อสารทันสมัย จงฮยอนกดเปิดเลปท็อปสีขาวบางเฉียบวางอยู่ตรงกลางโต๊ะ จัดการต่ออินเตอร์เน็ต ก่อนจะหันกดปุ่มรับฝากเสียงอัตโนมัติเพื่อเช็คข้อความที่ฝากไว้ระหว่างที่เขาไม่อยู่ สายตาคมกวาดไล่ไปตามอีเมลเฉพาะ เพื่อหาสิ่งที่ตัวเองต้องการ




    ติ้ง….



    เสียงสัญญาณระบบวีดิโอคอนเฟอร์เรนซ์ดังขึ้น เมื่อหนากดรับ ภาพของผู้ติดต่อปรากฏที่หน้าจอ



    “สวัสดีจงฮยอน คุณสบายดีใช่มั้ย”



    “ครับท่าน”ชายหนุ่มเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพพลางก้มหัวให้เล็กน้อยเพื่อทักทาย



    “ได้เรื่องอะไรมั่ง”



    “จากหลักฐานที่พบแล้วก็พูดคุยกับสายที่ท่านบอก คนร้ายน่าจะเป็นคนเดียวกับที่เรากำลังตามหาอยู่ครับ น่าแปลกที่ครั้งนี้คนร้ายลงมือนอกพื้นที่ มันคงต้องมีอะไรสักอย่างที่พิเศษไปจากเหยื่อรายอื่นๆ”



    “นั่นคือสิ่งที่คุณต้องไปทำการบ้านเพิ่มเกี่ยวกับคดีนี้ แต่ตอนนี้ผมมีสายคนใหม่ที่ให้ข้อมูลเราได้มากกว่าเดิมจะแนะนำให้คุณรู้จัก ผมจะส่งข้อมูลไปให้ทางอีเมลนะ”



    “ครับท่าน”



    “มีคดีใหม่อีกแล้ว คุณเห็นข่าวหรือยัง”



    “เรื่องการหายตัวไปของนักธุรกิจใหญ่สองคนนั่นเหรอครับ”



    “ใช่ คุณคิดว่าไง”



    “สิ่งที่ได้มาสุดท้ายคงเป็นแค่ร่างที่ไร้วิญญาณครับ”



    “ได้รับเมลหรือยัง?”จงฮยอนเหลือบมองซองจดหมายที่กระพริบที่มุมจอ



    “ได้แล้วครับ”



    “คุณลองดูก่อนก็แล้วกันนะ เดี๋ยวผมไปชงชาแปบนึง” จงฮยอนเลิกคิ้วมองในในจอภาพก่อนจะยิ้มบางๆ



    ตำรวจนอกเครื่องแบบ ตั้งใจอ่านข้อมูลที่เพิ่งได้มาใหม่ รวมทั้งประวัติและรูปของสายที่ให้ข้อมูล พลางประมวลผล และวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ในคดีต่างๆที่ผ่านมา ร่างโปร่งเดินไปค้นหาเอกสารจากคดีเก่าจากแฟ้มที่เรียงรายอยู่บนชั้น ก่อนจะมานั่งที่เดิม พลางหยิบแว่นตามาสวม



    “ว่าไง...”คนในจอเอ่ยทัก เมื่อเห็นว่าลูกน้องคนโปรดกำลังตั้งอกตั้งใจ อ่านเอกสารอะไร โดยลืมสนใจเขาที่นั่งดื่มชาจนจะหมดถ้วยอยู่แล้ว



    “ผมกำลังรวบรวมข้อมูลอะไรบางอย่างอยู่ครับ ว่าแต่สายคนนี้...เราจะไว้ใจได้เหรอครับ ดูจากประวัติแล้ว....”



    “คุณถึงต้องไปพบกับสายคนนี้ด้วยตัวเองไง...จงฮยอน”เจ้าของชื่อเลิกคิ้วขึ้นพลางชี้นิ้วไปที่ตัวเอง แต่ก่อนที่จะได้คุยอะไรไปมากกว่านี้ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น



    “เอ่อ...ขอโทษครับท่าน พอดีแฟนผมโทรมาครับ...”จงฮยอนเอ่ยอย่างเกรงใจ ท่านอธิบดีเลยโบกมือไล่ให้ไปรับโทรศัพท์ แล้วตัวเองก็ลุกไปชงชาอีกถ้วย...



    "คร้าบบบบ ที่รัก”



    "มัวไปคุยกับสาวที่ไหน ทำไมถึงรับช้าหะ”เสียงเข้มมาเลย



    “เปล่าคุย ไม่มี๊ไม่มี ทำงานอยู่นะครับ โทรศัพท์มันอยู่ไกล”พยายามทำเสียงน่ารักที่สุดเท่าที่จะทำได้



    “งานอะไรอีก เพิ่งกลับมาไม่ใช่เหรอ ทำไมสำนักพิมพ์ไม่ให้พักบ้างล่ะ”



    “กำลังเลือกรูปลงนิตยสารครับผม รูปที่เพิ่งไปถ่ายมาไง แล้วคิบอมทำอะไรอยู่ครับ”



    “คุยโทรศัพท์กับเป็ดอยู่”



    “คิบอมอ่า~”ได้ยินเสียงหัวเราะคิกมาจากปลายสาย จงฮยอนอยากจะให้เจ้าตัวมาอยู่ตรงหน้าเหลือเกินจะได้จัดการได้สะดวกๆหน่อย



    “วันนี้มีธุระต้องไปทำ ไม่ได้ไปที่ร้านนะ แล้วคืนนี้คงไปเจอไม่ได้ด้วย จงฮยอน~อย่าโกรธกันน๊า~”



    "ทำเสียงแบบนั้นใครจะไปกล้าโกรธละครับ แล้วคืนนี้จะไปไหนล่ะ”



    “มีนัดกับเพื่อนเก่า ไปสังสรรค์กันตามประสาคนไม่ได้เจอกันมานาน”



    “ไปด้วยได้มั้ยครับ”



    "งานนี้โสด ห้ามพกแฟนไปด้วย โอเค๊”



    “ใจร้าวววว~”



    “เอากาวทาซะ หรือไม่ก็โยนทิ้งไป”



    "คิบอมอ่า~”ได้ยินเสียงหัวเราะคิกมาจากปลายสายอีกแล้ว



    “พรุ่งนี้เจอกันนะจงฮยอน ไปทำงานต่อเถอะ”



    “ครับผม เจอกันพรุ่งนี้จะกอดให้แน่นๆเลยครับ”ตอบกลับเสียงกรุ้มกริ่มกลับไปปลายสายกดตัดสายฉับ จงฮยอนหัวเราะอารมณ์ดีออกมาแล้วเดินกลับเข้าห้องหลังชั้นหนังสืออีกครั้ง



    “อารมณ์ดีเชียวนะ แล้วนี่คิดว่าจะไปพบกับสายคนนั้นเมื่อไหร่ดี”จงฮยอนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะให้คำตอบ



    “คืนเลยดีกว่าครับ ผมกลัวว่าถ้าช้าไปก้าวนึง เราอาจจะเสียเขาไป”



    “อืมก็ดี....แล้วคุณเห็นข้อมูลหน้าสุดท้ายหรือยังในนั้นมีชื่อของคนที่เป็นคนลงมืออยู่ด้วย”คิ้วเข้มเลิกสูงขึ้น แล้วหยิบกระดาษที่ปริ้นออกมาก่อนหน้านี้ขึ้นมาอ่านอีกรอบ ร่างโปร่งพึมพำออกมาเบาๆ




    “คีย์....อนยู....”










    TO BE CONTINUE

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×