ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นิโอะ เพลงดาบแด่ผู้พิทักษ์

    ลำดับตอนที่ #8 : เพลงดาบที่5

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 113
      0
      20 มี.ค. 53

     

    เพลงดาบที่5

                การเดินทางไปปราสาทโอซาก้านั้น  ถ้าเดินทางปรกติก็ใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือน  แต่ว่ามันมีทางลัดน่ะสิ  ทางลัดที่ไปถึงปราสาทโอซาก้าได้ในเวลาเพียง 2 เดือน  แต่ทางลัดน้นน่ะ  เป็นทางของสัตว์ป่านะ  ทางที่ต้องลุยขวากหนามไปเอง  ไม่มีคนมาถางหญ้าเปิดทางให้หรอกนะ

                โธ่! ไปทางปรกติก็ได้นี้หน่า  จะรีบไปไหนล่ะไซโซออดอ้อน

                ไปทางลัดน่ะ ดีสุด  เร็วกว่าด้วย  หรือเจ้าไม่กล้า บอกมาเถอะหน่า  เจ้ามันขี้ขลาด แบร่ๆ เจ้าขี้ขลาดซาสุเกะว่าแล้วแลบลิ้นล้อเลียน  ไซโซทำหน้าบึ้งก่อนจะพูดขึ้นว่า

    ก็ได้ ไปทางลัดก็ได้  แต่ระวังสัตว์ป่าให้ดีล่ะ  พวกเสือมันชอบใช้ทางนี้เดินตอนกลางคืนซะด้วยไซโซบอก  อ๊ะ! จริงเหรอ  งั้นไปทางปรกติก็ได้นะยูคิซาสุเกะรีบเปลี่ยนท่าที

    อ้าว! ไปทางลัดสิ หรือเจ้ากลัว  เจ้าขี้ขลาด  ฮาๆๆโดนย้อนกลับบ้าง  ซาสุเกะกัดฟันอย่างเจ็บใจ  ก่อนที่ยูคิจะมาสบงศึกครั้งนี้ให้

    เอาเถอะๆ  ไปทางลัดแล้วกัน  เดินทางให้เร็วขึ้นหน่อย จะได้มีเวลาพักได้นานขึ้นยูคิบอกแล้วหันไปมองหน้าริริน

    ริริน... เจ้ามาเพื่อนำทางในป่านี้ไม่ใช่หรือยูคิหันไปยิ้มแล้วถามคำถามกับริริน  นางยิ้มกลับแล้วตอบคำตอบให้ได้ยินอย่างชัดเจน

    สมกับเป็นท่าน... ซานารุ  ยูคิ  ข้ามาเพื่อนำทางให้ท่านในป่านี้จริงๆ  ที่จริงแล้วป่านี้ข้าเคยมาอาศัยอยู่พักหนึ่งจนรู้จักป่านี้ครบทุกแห่งแล้วริรินว่า

    แล้วพวกเราจะไม่แวะที่ไหนเลยรึฮิเดะถามพลางมองกล่องยาของตน ตอนนี้ข้าอยากแวะซื้อยาล้างแผลกับผ้าพันแผลเสียหน่อย  ตอนนี้เหลืออีกไม่มากแล้วด้วยฮิเดะบอกแล้วทำหน้าเสียดาบ จนริรินต้องกล่าวออกมาด้วยความจำนน 

    งั้นวันนี้ไปหาซื้อของที่ต้องการกันให้ครบแล้วกัน  ตอนเย็นมาเจอกันที่หน้าทางเข้า  จะมีหินก้อนใหญ่วางอยู่ 3 ก้อน  ด้านหลังเป็นป้ายชื่อของป่านะ  ป่าฮิโระชิโยะ  อย่าจำผิดล่ะ  แยกย้ายกันไปได้นางกล่าวก่อนจะเดินกลับไปทางตลาด  และทุกคนก็แยกย้ายกันไปซื้อของใช้ตามที่ที่ต้องการ

    เอ๋! ร้านขายยา  อยู่ไหนน้า~”ฮิเดะเดินไปพลางบ่นกับตัวเองไปพลาง

    ขอโทษนะพี่สาว  ไม่ทราบว่าร้านขายยาไปทางไหนหรือฮิเดะเลิกที่จะเดินดุ่มๆไปเรื่อยๆหยุดถามหญิงสาวนางหนึ่ง

    อ๋อ  เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายก็ถึงแล้วล่ะหญิงสาวว่าก่อนจะหันกลับไปเลือกซื้อของต่อ  ฮิเดะโงหัวขอบคุณแล้วเดินไปตามทางที่หญิงสาวบอก  ไม่นานนักเขาก็มาถึงหน้าร้านขายยาตามที่ต้องการ  เจ้าของร้านเป็นคนแก่ๆคนหนึ่ง  ฮิเดะเดินเข้าไปในร้านก่อนจะพูดขึ้น

    ข้าขอซื้อยาล้างแผลกับผ้าพันแผลหน่อยสิฮิเดะกล่าว  เจ้าของร้านเดินหันกลับไปหยิบสิ่งของที่ฮิเดะต้องการก่อนจะนำมาวางให้ตรงหน้าของคนที่ขอซื้อ

    ทั้งหมด 50 เยนชายแก่พูด  ฮิเดะหยิบเงินส่งให้พลางเอาของที่ตนเองซื้อเข้าไปในกล่องอุปกรณ์ทำแผลที่พกไว้ติดตัวตลอด

    ขอบใจมาก  คราวหน้าถ้ามาอีกจะแวะมาซื้อใหม่นะฮิเดะกล่าวก่อนจะเดินออกจากร้านมาอย่างสบายใจ  เหลือเวลาอีก 5 ชั่วโมงก่อนจะถึงเวลานัด  ยังพอมีเวลาให้ไปเที่ยวได้อย่างสบายๆ   เขาเดินเข้ามาในซอยที่ลึกกว่าเดิม  และวกวนไปมา  จนกระทั่งไร้เงาของผู้คน  ตรงหน้าของเขาเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครรับรู้  หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ถูกเผาไหม้ในสงครามเมื่อ 15 ปีก่อน  ตอนนี้รกร้างผู้คน  และที่แห่งนี้ก็ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือจากใครเลย  ไม่มีแม้กระทั่งดอกไม้สักดอกที่จะเอามาเยี่ยมร่างที่อยู่ที่นี้   ฮิเดะเดินเข้าไปเรื่อยๆจนถึงซากของบ้านหลังหนึ่งที่เขาเคยอาศัย

    ท่านพ่อ  ท่านแม่ฮิเดะกล่าว ไม่มีแม้แต่น้ำตาที่จะไหลออกมาจากดวงตาที่ว่างเปล่า  ไม่มีแม้กระทั่งความรู้สึกเคียดแค้น  มีแต่ความคิดถึงเพียงอย่างเดียว จะว่าไปนี้คงเป็นข้อดีของเขาที่ไม่เคยคิดแค้นใครเลย ถึงแม้จะเป็นคนที่ฆ่าพ่อแม่เขาก็ตามที

    ช่วงเวลาที่เหลือ ข้าได้ปล่อยให้มันล่องลอยไปกับอดีตที่แสนเจ็บปวด  น้ำตาที่เคยไหลบัดนี้มันเหือดแห้ง ยูคิเป็นคนแรกที่เข้ามาหาข้าแล้วชวนให้ข้าไปอยู่ด้วย  สาเหตุที่หมู่บ้านข้าโดนทำลายนั้น ข้ามารู้ที่หลังว่าหมู่บ้านของข้าเป็นหมู่บ้านนักดาบที่มีฝีมือสูง  แต่ไม่ยอมทำงานให้ใครเลยถูกกำจัด  สายเลือดนักดาบในตัวข้ามันไหลเวียนอยู่อย่างนี้มานาน   และไม่มีทางจะเป็นสายเลือดอื่นไปได้   บางที ข้านั้นก็คิดว่าคนที่มีสายเลือดธรรมดาอย่างซาสุเกะยังน่าอิจฉาเสียมากกว่า   ตอนเด็กในตอนที่หมู่บ้านยังไม่ถูกทำลาย ข้าที่มีพ่อแม่ก็เหมือนไม่มี  ทุกครั้งที่ทำผิดไม่เคยมีเลยที่จะปลอบใจ มีแต่การดุด่า  จับข้าไปขังบ้าง ทำร้ายกันบ้าง แต่นั้นก็ทำให้ข้ามีจิตใจที่ไม่เคยรู้สึกอะไร  จะบอกว่าด้านชาต่อความเจ็บปวดก็คงไม่ผิดนัก  ดังนั้นต่อให้ข้าเห็นใครถูกฆ่าต่อหน้า ข้าก็เห็นว่ามันเป็นเพียงการฆ่ามดสักตัวสองตัวเท่านั้น  การเป็น 4 ผู้พิทักษ์ไม่ได้ยากอย่างที่คิด  ข้าเริ่มมีความสุขที่ได้อยู่กับคนอื่นๆ   รอยแผลที่ต้นคอ  สัญลักษณ์ของปีศาจข้าได้มันมาเมื่อปีศาจพวกนั้นให้ข้าไปฆ่าคนและข้าก็ทำด้วยความเต็มใจ มันคือการฆ่ามดเท่านั้น ข้าคิดแบบนั้นเสมอ  แต่เมื่อกาลเวลาผ่านพ้นไป  ยูคิเข้ามาในชีวิตข้าและพาข้าออกจากวังวนที่มีแต่การฆ่าฟัน  เลือดที่เจิ่งนองนั้น  ในตอนนี้ข้ากลับรู้สึกเกลียดตนเองนัก  ข้าฆ่าคนไปทำไมตั้งมากมาย  4 ผู้พิทักษ์นั้นได้ทำหน้าที่ให้ข้าเห็นอย่างหนึ่ง  พวกเขาพิทักษ์ข้าจากการฆ่าฟันที่เต็มไปด้วยเลือดเนื้อของผู้คนนับพันนับหมื่นคน  พวกเขาทำให้ข้าได้มาเป็นข้าอย่างทุกวันนี้  ทำให้ข้าได้เป็น  โทคุรุ  ฮิเดะ   คนนี้  ช่วงเวลาที่เหม่อไปนาน  ข้าไม่รู้เลยว่ามีคนๆหนึ่งมายืนอยู่ข้างๆข้า   เขากุมมือข้าเอาไว้  ในตอนนี้ข้ารู้แล้วล่ะว่าทำไมทุกคนถึงได้ชอบคนๆนี้นัก  เพราะเขาให้ความจริงใจแก่ทุกคนและเขาก็คอยให้ความฝันแก่ข้า  ความอบอุ่นของคนๆนี้ ทำให้ข้าอยากอยู่กับเขาตลอดไป... ท่านยูคิ

    หมดเวลาแล้วล่ะ ฮิเดะ  ไปกันเถอะยูคิยิ้ม  เขาเดินมาหาฮิเดะอยู่พักใหญ่แล้วเพื่อรอให้ฮิเดะหันกลับมามองเขา 

    อืม   แล้วคนอื่นๆล่ะฮิเดะถาม

    คงไปรอพวกเราที่ทางเข้าแล้วล่ะยูคิว่าก่อนจะเดินนำไปที่ทางเข้าของป่าฮิโระชิโยะ  จะว่าไปอะไรมันดลใจกันล่ะ  ให้เขาเดินมาที่หมู่บ้านของนักดาบแห่งนี้ ทั้งๆที่มันถูกลืมเลือนไปเกือบจะ 20 ปีแล้ว

     

    ทางด้านไซโซเมื่อแยกตัวกับคนอื่นก็วกกลับมาที่ป่าฮิโระชิโยะอีกครั้ง  จิตสัมผัสที่เขารู้สึกเมื่อครู่มันพุ่งตรงมายังเขาคนเดียว 

    ออกมาซะ  นินจาที่อยู่ตรงนั้นน่ะเพราะมีสายเลือดนินจาอยู่ด้วยจึงสามารถล่วงรู้วิถีการต่อสู้ของนินจาได้โดยง่าย

    หึหึ  ฮาๆๆ  สมกับเป็นท่าน  มุราเสะ  ไซโซ  ท่านแม่ของท่านคงจะภูมิใจนินจาที่ยังอยู่ในเงาของต้นไม้ที่เริ่มผลิใบหัวเราะขึ้น

    นั้นไม่ใช่แม่ข้า  ข้าไม่มีพ่อแม่ ข้ามีแค่ยูคิเท่านั้นไซโซกรีดร้อง

    ยังไง  เจ้าก็ปฏิเสธสายเลือดไม่ได้หรอก  สู้ๆยอมรับไปเลยดีกว่า  ว่าท่านแม่ของท่านเป็นนินจาที่เลวร้ายที่สุดในญี่ปุ่นและท่านพ่อของท่านก็เป็นนักดาบที่มีชื่อเสียงในทางลบอย่างมาก  ท่านน่ะมีแต่สายเลือดที่ชั่วร้ายไหลเวียนอยู่ในร่างกายยังไงล่ะนินจาคนนั้นกล่าว   ไซโซกรีดร้องเสียงดังไพ่ที่เป็นอาวุธลับถูกปาออกไปอย่างไร้ทิศทางต้องการแค่เพียงให้คนๆนั้นหยุดพูดถึงเรื่องในอดีต

    ไม่นะ!  หยุดพูดเดี๋ยวนี้น้าาาาาาาา!!!~”ไซโซกรีดร้องอย่างรุนแรง ก่อนจะรู้สึกถึงลมที่ไม่รุนแรงเท่าไรพัดมาโดนหัวเขาพร้อมกับเสียงกระซิบจากสายลม

    อย่าโดนกับดักทางจิตใจของมันสิ  เจ้าน่ะต้องมีสติตลอดเวลา  ไม่ใช่คอยพึ่งแต่ข้า  เจ้าต้องช่วยเหลือตัวเองในเวลาที่ข้าไม่อยู่นะ เสียงแผ่วเบาเหมือนกับเสียงของยูคิเวลาที่สั่งสอนเขา 

    หึหึ  ในที่สุด... ในที่สุดก็มาซะที   เพื่อนที่แท้จริงของข้า ในที่สุดก็มาซะทีไซโซก้มหน้าพูดก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้น แววตาราวกับสัตว์ร้ายที่หิวโหยพร้อมจะล่าเหยื่อทุกชนิดที่เข้ามาในเขตแดนของมัน  ทำให้คนที่ซ่อนตัวอยู่ในเงาของต้นไม้ถึงกับขนลุกชัน

    หมดเวลาของคนชั่วช้าอย่างเจ้าแล้วล่ะไพ่ใบเดียวในมือของไซโซปลิดชีวิตของอีกฝ่ายได้แทบจะทันที   เสียแต่ว่าอีกฝ่ายดันเป็นนินจาเช่นกัน  ดังนั้นการหลบอาวุธของนินจาก็เป็นกลยุทธ์ที่นินจาทุกคนได้ร่ำเรียนมาเหมือนๆกัน

    ชิ! หนีไปได้อีกแล้วรึไซโซจิ๊ปากอย่างเสียดาย  เหลือเวลาอีก 3 ชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัด  เขาแอบหลบไปที่หลังก้อนหิน  นั่งเล่นนอนเล่นอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะหมดเวลา

    ไซโซ ตื่นได้แล้ว  ถึงเวลานัดแล้วนะซาสุเกะกระซิบเรียก  ไซโซขยี้ตาก่อนจะหันมองรอบๆตัว ทุกคนอยู่ในสภาพเตรียมพร้อมเดินทาง  ริรินแบกสัมภาระขึ้นบ่าก่อนจะโยนสัมภาระของไซโซมาให้เจ้าตัว

    หมดเวลาแล้ว คืนนี้พวกเราจะพักกันในป่า  ดังนั้นรีบไปก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดินดีกว่านะริรินพูดพลางสะบัดผมยาวของตัวเองไปไว้ด้านหลัง  ชุดกิโมโนไม่ใช่ปัญหาสำหรับนาง   เนื่องจากชุดนี้ถูกทำให้กว้างพอที่จะก้าวขายาวๆ ได้โดยไม่ติดขัดกับอะไร

    งั้นเหรอ   อ๊ะ! รอด้วยสิยูคิพยักหน้าก่อนจะรู้สึกว่าตัวเองเหม่อนานเกินไปทุกคนก็เดินหน้าไปไกลเสียแล้ว

    เฮ้ๆ  รอข้าด้วยสิเสียงจากด้านหลังดังขึ้นมา  ยูคิหอบแฮกอยู่ข้างๆซาสุเกะ  ก็กว่าจะวิ่งตามเจ้าพวกนี้ได้ทำเอาเขาเหนื่อยแทบตาย แต่เมื่อเดินไปได้สักพัก  ทุกคนก็ทำหน้าประมาณว่าเอ๋! อะไรเนี่ยกันถ้วนหน้า  เมื่อหนทางที่จะไปต่อนั้นเป็นมหาสมุทรกว้างที่มองยังไงๆก็ไม่เห็นแผ่นดินอีกฟากหนึ่ง

    ริรินแล้วจะไปยังไงต่อไซโซหันไปถาม  ริรินเบ้ปากก่อนจะบอกสิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องตะลึงค้างไปอีกรอบ

    ก็ไปทางเรือน่ะสิ  แผ่นดินอีกฟากน่ะ อยู่โน่น~”ริรินว่าแล้วชี้มือไปข้างหน้าที่มองเห็นแต่มหาสมุทร  ท้องฟ้าในตอนนี้ก็มืดแล้ว  คงจะไม่มีเรือลำไหนผ่าน  ยูคิจึงตัดสินใจให้พักที่นี้ รอเพื่อให้เรือที่จะไปป่าอีกฟากหนึ่งให้พาพวกเขาไปยังที่หมาย 

    ในป่านี้มีสัตว์รึเปล่าน่ะ โคฟุคุฮิเดะถาม

    สัตว์เหรอ  มีสิ  เสือ  ช้าง  แล้วก็ทานูกิ  ทั้งป่าก็มีแค่นี้ล่ะ  แต่มีเยอะนะ  โดยเฉพาะทานูกิน่ะโคฟุคุบอกก่อนจะนอนลงที่พื้นดินไม่กลัวสกปรกสักนิด

    เฮ้ๆ  แล้วให้ข้ามานอนกับเสือเนี้ยนะ  ไม่เอาด้วยหรอกซาสุเกะกล่าวแล้วทำท่าจะเดินกลับออกไปนอกป่าเพื่อหาที่พัก

    จะออกก็ออกไปนะ  แต่ว่าตอนนี้ข้าว่าคงจะเริ่มมีเสือออกมาหากินแล้วล่ะริรินพูด  ก่อนจะมองซาสุเกะที่ล้มตัวลงนอนกับพื้นอย่างหัวเสียแล้วพึมพำกับตัวเองเบาๆ หนอย! อย่าให้ถึงทีข้าบ้างแล้วกันนะริริน ผู้ที่ถูกพาดพิงหัวเราะคิกก่อนจะพลิกตัวไปนอนอีกด้าน  ฮิเดะเดินหากิ่งไม้ที่พอจะเอามาทำเป็นฟืนได้แล้วเอามาสีกันเพื่อให้ติดไฟ  กิ่งไม้ถูกส่งเข้าไปเรื่อยๆจนเกิดเป็นกองไฟขนาดใหญ่

    ครอก~ ฟี้~”เสียงกรนของเพื่อนๆดังขึ้น  กองไฟยังคงถูกใส่ฟืนเพิ่มเข้าไปเรื่อยๆ  ใบหน้านิ่งๆอันเป็นเอกลักษณ์ของคนๆหนึ่งในกลุ่ม  ทำหน้าเบ้แล้วปากิ่งไม้เล็กๆไปยังคนที่กำลังกรน  แต่นั้นก็ไม่ได้ระคายเคืองผิวของคนที่นอนหลับฝันดีอยู่แต่อย่างใด

    โอ๊ย!”ฮิเดะร้องก่อนจะก้มมองนิ้วของตัวเองที่ถูกกิ่งไม้บาด  เลือดไหลชุ่มนิ้วของเขา จนมองไม่เห็นผิวเนื้อ  นิ้วที่เป็นแผลถูกเอาไปแนบไว้ใกล้ริมฝีปากก่อนที่ลิ้นจะเลียเลือดออกจนหมด  เขารีดเลือดออกจากนิ้วจนไม่ไหลอีก  ก่อนจะปาดเลือดที่เลอะอยู่บนริมฝีปาก  เขากระตุกยิ้มเย็นก่อนที่ใบหน้านั้นจะกลับเป็นใบหน้าที่ไร้อารมณ์เช่นเคย  กิ่งไม้ถูกสุ่มลงไปในกองเพลิงอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง จนกว่าจะถึงรุ่งเช้าที่ทุกคนรอคอย

    ตื่นโว้ย ตื่นได้แล้วฮิเดะโวยเสียงดังลั่นแต่เช้าเมื่อเห็นเรือลำหนึ่งเข้ามาใกล้

    หืม  อะไรน่ะ  เรือ!!!”ซาสุเกะครางฮึมฮัมก่อนจะทำตาโตเมื่อเห็นเรือลำใหญ่ลอยมาในหมอกข้างตัวเรือสลักชื่อของเรือลำนั้นเอาไว้  ยูคิยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆริมน้ำเพื่อพูดคุยกับกัปตันเรือลำนั้น

    เฮ้! ท่านน่ะ  คนที่บังคับเรืออยู่น่ะยูคิตะโกนเรียกกัปตันเรือหันมามองก่อนที่จะชี้ไปที่จัวเองอย่างไม่แน่ใจ

    ใช่ ท่านนั้นแหละ  ข้าต้องการไปที่เมืองเอโดะ  ท่านผ่านป่าฮิโระชิโยะหรือเปล่ายูคิป้องปากตะโกนถามแล้วอีกฝ่ายก็พยักหน้าให้คำตอบที่พึงพอใจสำหรับทุกคน  

    ข้าขอติดเรือไปด้วยได้ไหม  ข้าต้องการไปป่าฮิโระชิโยะเพียงครู่ที่ยูคิเห็นกัปตันเรือทำหน้างงแต่ก็ยอมพยักหน้าให้  ไม่นานหัวเรือก็เบนกลับมาทางที่ทุกคนยืนคอยอยู่  บันไดลิงถูกปล่อยลงจากลำเรือ  ทุกคนทยอยกันปีนขึ้นไปบนนั้นก่อนจะผงะตกใจกับหญิงสาวมามายในชุดกาลาสีเรือที่มาคอยต้อนรับ

    ยินดีต้อนรับสู่เรือโพไซดอนเจ้าค่ะหญิงสาวพูดพร้อมเพรียงกัน  กัปกันที่เป็นชายแก่อายุประมาณห้าสิบกว่าๆเดินเข้ามาทักทายก่อนจะหันไปว่าพวกหญิงสาวเหล่านั้น

    พวกเจ้ามีงานต้องทำมิใช่รึ  จะมาเสนอหน้าทำไมกัน  ท้องเรือน่ะ ใครเป็นคนดูแลชายแก่ถาม  หญิงคนหนึ่งเดินออกจากวงแล้วเอ่ย

    ข้าเองเจ้าค่ะนางว่าพลางทำตาเศร้าๆ

    ลงไปทำงานได้แล้ว ถ้าเกิดเรือรั่วขึ้นมา  เจ้านั้นแหละจะต้องรับผิดชอบ  คนอื่นๆก็ด้วย ถ้าพวกเจ้ายังมาเสนอหน้าบ่อยๆ ข้าจะไล่พวกเจ้ากลับบ้านเกิดให้หมดเลยเสียงบ่นเสียดายดังขึ้นระงมก่อนที่ทุกคนจะทยอยกันหายไป  

    อ่อ... ข้าลืมแนะนำตัวไปเลย ข้ามาชื่อว่าแจ็ก  แลนด์เดอร์  เป็นชาวสกอตแลนด์ ยินดีที่ได้รู้จักสำเนียงออกอังกฤษเล็กน้อยทำให้ทุกคนเชื่ออย่างสนิทใจว่ากัปตันเรือคนนี้เป็นชาวสกอตแลนด์จริงๆ

    ข้ามีนามว่ายูคิ ยินดีที่ได้รู้จัก ส่วนนั้น ริริน  ซาสุเกะ  ฮิเดะ และไซโซยูคิเป็นตัวแทนทุกคนกล่าวแนะนำตัว  ก่อนที่ทั้งหมดจะได้พูดคุยถึงที่มาที่ไปและเหตุใดถึงได้มาอยู่ที่ป่าแห่งนี้  อีกสิ่งหนึ่งที่ยูคิและพวกได้ค้นพบคือกัปตันแจ็ก เป็นคนที่หูไม่ดีสุดๆ ถ้าไม่พูดเสียงดังแล้วล่ะก็... จะไม่ค่อยได้ยินอะไรเลย

    อ๊ะ...  ดูท่าข้าจะคุยเพลินไปเสียแล้ว ยังไงข้าขอตัวไปบังคับเรือกก่อนจะครับ   เชิญพวกท่านตามสบายแจ็กว่า ก่อนจะเดินไปที่หัวเรือ เพื่อบังคับพวงมาลัยให้เรือไปในทิศทางที่ต้องการ 

    ในช่วงเช้าแบบนี้ หมอกเป็นอุปสรรคที่สำคัญที่สุดในการบังคับทิศทางของเรือ  แจ็กหรี่ตาเพื่อทำให้มองไปด้านหน้าได้ไกลขึ้น  ก่อนจะหักพวงมาลัยเป็นมุมเก้าสิบองศาเพื่อเลี้ยวไปทางขวา   เสียงโครมครามดังจากใต้ท้องเรือก่อนที่เสียงโวยวายของหญิงสาวหลายคนจะดังระงม  กัปตันแจ็กหัวเราะแล้วหันกลับไปบังคับเรือต่อ

    มีบางคราวที่เจอหินโสโครกขนาดใหญ่แต่แจ็กก็สามารถบังคับเรือให้หลบมันไปได้พ้น   ริรินที่นั่งเรือมาบ่อยครั้งไม่มีปัญหาการเมาเรือสำหรับนาง แต่บุรุษอีก 4 คนที่เพิ่งจะเคยนั่งเรือเป็นครั้งแรกต่างเกาะกราบเรือเพื่ออาเจียนเอาของเสียออกมาจนเกลี้ยงท้อง 

    ริรินหัวเราะร่าที่เห็นสภาพของ 4 ผู้พิทักษ์ในตอนนี้ แทบไม่ต่างอะไรกับคนข้างถนนเลยแม้แต่น้อย จะมีดีก็แค่ไซโซที่ยังไม่เป็นอะไรมาก  แต่สำหรับซาสุเกะแล้ว  เขาเป็นคนเดียวที่อาเจียนบ่อยครั้งมาที่สุด  ฮิเดะนั้นเนื่องจากพกยาติดตัวไว้ตลอดและคงจะเห็นประโยชน์กันในวันนี้  เขากินยาก่อนจะนอนหลับเพื่อเรียกสติที่หายไปเมื่อครู่ในกลับมาเหมือนเดิม   ยูคินั้นไม่ต้องพูดถึงอาเจียนมากที่สุดรองจากซาสุเกะเลยทีเดียว  เป็นครั้งแรกที่ทุกคนเห็นยูคิในสภาพร่อแร่เต็มที่   การเมาเรือมันทำให้สภาพของคนดีดีกลายเป็นคนข้างถนนได้เชียวน่ะหรือ  คำถามที่ริรินเคยถามตนเองอยู่ในใจ  ในวันนี้นางได้ประจักษ์ถึงคำตอบนั้นแล้ว

           แสงแดดเริ่มขึ้นตรงกับหัวพอดี  เมฆหมอกก็จากหายไปจนหมดแล้ว  หญิงสาวหลายสิบคนที่ทำงานเสร็จก็ทยอยกันขึ้นมาพูดคุยกับทั้ง 5 อยู่เรื่อยๆ  โดยเฉพาะกับริรินที่เป็นหญิงสาวด้วยกัน ต่างคุยกัยถูกคอเป็นพิเศษ 

    นี้เป็นแผลที่โดยฟัน  ลึกไปถึงหน้าท้องเลยล่ะริรินว่าก่อนจะเปิดหน้าอกให้ดูรอยแผลที่โดนฟันยาวไปจนถึงหน้าท้อง  หญิงสาวคนอื่นๆมุงเข้ามาดูก่อนจะส่งเสียงอื้ออึง

    มีอีกนะ  ที่หลังน่ะ เป็นรอยถูกมีดสั้นแทงล่ะ  มิดด้ามเลยนะนางกล่าวแล้วเปิดแผลให้ดูอีก  รอยแผลทั่วทั้งตัวยิ่งทำให้คนอื่นๆส่งเสียงมากขึ้นอีก  จนกัปตันของเรือต้องเดินเข้ามาดูเอง

    เฮ้ย! เจ้ารีบใส่เสื้อเดี๋ยวนี้เลยนะกัปตันบอก   ริรินทำหน้างงก่อนจะเอ่ยถามออกไป

    ทำไมล่ะนางถามอย่างไม่เข้าใจ

    ก็เจ้าพวกนี้น่ะสิ...กัปตันพูดอ้าปากพะงาบๆ

    พวกนี้ก็เป็นผู้หญิง แล้วทำไมล่ะค่ะริรินถามก่อนจะดึงเสื้อขึ้นมาใส่  กัปตันทำหน้าเสียก่อนพูขึ้นกลางวงทำให้ริรินตะลึงไปนาน

    ที่ไหนเล่า! พวกเนี้ย เป็นผู้ชายทั้งนั้นเลยกัปตันบอก

    ...เป็นผู้ชายทั้งนั้นเลย...

    ....ผู้ชายทั้งนั้นเลย...

    ...ผู้ชายทั้งนั้น...

    ...ผู้ชาย...

    ผู้ชาย!!!! ไม่จริ๊งงงงงงงงงงงง!!!!!”

    เพลงดาบที่5

            การเดินทางไปปราสาทโอซาก้านั้น  ถ้าเดินทางปรกติก็ใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือน  แต่ว่ามันมีทางลัดน่ะสิ  ทางลัดที่ไปถึงปราสาทโอซาก้าได้ในเวลาเพียง 2 เดือน  แต่ทางลัดน้นน่ะ  เป็นทางของสัตว์ป่านะ  ทางที่ต้องลุยขวากหนามไปเอง  ไม่มีคนมาถางหญ้าเปิดทางให้หรอกนะ

       โธ่! ไปทางปรกติก็ได้นี้หน่า  จะรีบไปไหนล่ะไซโซออดอ้อน

       ไปทางลัดน่ะ ดีสุด  เร็วกว่าด้วย  หรือเจ้าไม่กล้า บอกมาเถอะหน่า  เจ้ามันขี้ขลาด แบร่ๆ เจ้าขี้ขลาดซาสุเกะว่าแล้วแลบลิ้นล้อเลียน  ไซโซทำหน้าบึ้งก่อนจะพูดขึ้นว่า

    ก็ได้ ไปทางลัดก็ได้  แต่ระวังสัตว์ป่าให้ดีล่ะ  พวกเสือมันชอบใช้ทางนี้เดินตอนกลางคืนซะด้วยไซโซบอก  อ๊ะ! จริงเหรอ  งั้นไปทางปรกติก็ได้นะยูคิซาสุเกะรีบเปลี่ยนท่าที

    อ้าว! ไปทางลัดสิ หรือเจ้ากลัว  เจ้าขี้ขลาด  ฮาๆๆโดนย้อนกลับบ้าง  ซาสุเกะกัดฟันอย่างเจ็บใจ  ก่อนที่ยูคิจะมาสบงศึกครั้งนี้ให้

    เอาเถอะๆ  ไปทางลัดแล้วกัน  เดินทางให้เร็วขึ้นหน่อย จะได้มีเวลาพักได้นานขึ้นยูคิบอกแล้วหันไปมองหน้าริริน

    ริริน... เจ้ามาเพื่อนำทางในป่านี้ไม่ใช่หรือยูคิหันไปยิ้มแล้วถามคำถามกับริริน  นางยิ้มกลับแล้วตอบคำตอบให้ได้ยินอย่างชัดเจน

    สมกับเป็นท่าน... ซานารุ  ยูคิ  ข้ามาเพื่อนำทางให้ท่านในป่านี้จริงๆ  ที่จริงแล้วป่านี้ข้าเคยมาอาศัยอยู่พักหนึ่งจนรู้จักป่านี้ครบทุกแห่งแล้วริรินว่า

    แล้วพวกเราจะไม่แวะที่ไหนเลยรึฮิเดะถามพลางมองกล่องยาของตน ตอนนี้ข้าอยากแวะซื้อยาล้างแผลกับผ้าพันแผลเสียหน่อย  ตอนนี้เหลืออีกไม่มากแล้วด้วยฮิเดะบอกแล้วทำหน้าเสียดาบ จนริรินต้องกล่าวออกมาด้วยความจำนน  

    งั้นวันนี้ไปหาซื้อของที่ต้องการกันให้ครบแล้วกัน  ตอนเย็นมาเจอกันที่หน้าทางเข้า  จะมีหินก้อนใหญ่วางอยู่ 3 ก้อน  ด้านหลังเป็นป้ายชื่อของป่านะ  ป่าฮิโระชิโยะ  อย่าจำผิดล่ะ  แยกย้ายกันไปได้นางกล่าวก่อนจะเดินกลับไปทางตลาด  และทุกคนก็แยกย้ายกันไปซื้อของใช้ตามที่ที่ต้องการ

    เอ๋! ร้านขายยา  อยู่ไหนน้า~”ฮิเดะเดินไปพลางบ่นกับตัวเองไปพลาง

    ขอโทษนะพี่สาว  ไม่ทราบว่าร้านขายยาไปทางไหนหรือฮิเดะเลิกที่จะเดินดุ่มๆไปเรื่อยๆหยุดถามหญิงสาวนางหนึ่ง

    อ๋อ  เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายก็ถึงแล้วล่ะหญิงสาวว่าก่อนจะหันกลับไปเลือกซื้อของต่อ  ฮิเดะโงหัวขอบคุณแล้วเดินไปตามทางที่หญิงสาวบอก  ไม่นานนักเขาก็มาถึงหน้าร้านขายยาตามที่ต้องการ  เจ้าของร้านเป็นคนแก่ๆคนหนึ่ง  ฮิเดะเดินเข้าไปในร้านก่อนจะพูดขึ้น

    ข้าขอซื้อยาล้างแผลกับผ้าพันแผลหน่อยสิฮิเดะกล่าว  เจ้าของร้านเดินหันกลับไปหยิบสิ่งของที่ฮิเดะต้องการก่อนจะนำมาวางให้ตรงหน้าของคนที่ขอซื้อ

    ทั้งหมด 50 เยนชายแก่พูด  ฮิเดะหยิบเงินส่งให้พลางเอาของที่ตนเองซื้อเข้าไปในกล่องอุปกรณ์ทำแผลที่พกไว้ติดตัวตลอด

    ขอบใจมาก  คราวหน้าถ้ามาอีกจะแวะมาซื้อใหม่นะฮิเดะกล่าวก่อนจะเดินออกจากร้านมาอย่างสบายใจ  เหลือเวลาอีก 5 ชั่วโมงก่อนจะถึงเวลานัด  ยังพอมีเวลาให้ไปเที่ยวได้อย่างสบายๆ   เขาเดินเข้ามาในซอยที่ลึกกว่าเดิม  และวกวนไปมา  จนกระทั่งไร้เงาของผู้คน  ตรงหน้าของเขาเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครรับรู้  หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ถูกเผาไหม้ในสงครามเมื่อ 15 ปีก่อน  ตอนนี้รกร้างผู้คน  และที่แห่งนี้ก็ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือจากใครเลย  ไม่มีแม้กระทั่งดอกไม้สักดอกที่จะเอามาเยี่ยมร่างที่อยู่ที่นี้   ฮิเดะเดินเข้าไปเรื่อยๆจนถึงซากของบ้านหลังหนึ่งที่เขาเคยอาศัย

    ท่านพ่อ  ท่านแม่ฮิเดะกล่าว ไม่มีแม้แต่น้ำตาที่จะไหลออกมาจากดวงตาที่ว่างเปล่า  ไม่มีแม้กระทั่งความรู้สึกเคียดแค้น  มีแต่ความคิดถึงเพียงอย่างเดียว จะว่าไปนี้คงเป็นข้อดีของเขาที่ไม่เคยคิดแค้นใครเลย ถึงแม้จะเป็นคนที่ฆ่าพ่อแม่เขาก็ตามที

    ช่วงเวลาที่เหลือ ข้าได้ปล่อยให้มันล่องลอยไปกับอดีตที่แสนเจ็บปวด  น้ำตาที่เคยไหลบัดนี้มันเหือดแห้ง ยูคิเป็นคนแรกที่เข้ามาหาข้าแล้วชวนให้ข้าไปอยู่ด้วย  สาเหตุที่หมู่บ้านข้าโดนทำลายนั้น ข้ามารู้ที่หลังว่าหมู่บ้านของข้าเป็นหมู่บ้านนักดาบที่มีฝีมือสูง  แต่ไม่ยอมทำงานให้ใครเลยถูกกำจัด  สายเลือดนักดาบในตัวข้ามันไหลเวียนอยู่อย่างนี้มานาน   และไม่มีทางจะเป็นสายเลือดอื่นไปได้   บางที ข้านั้นก็คิดว่าคนที่มีสายเลือดธรรมดาอย่างซาสุเกะยังน่าอิจฉาเสียมากกว่า   ตอนเด็กในตอนที่หมู่บ้านยังไม่ถูกทำลาย ข้าที่มีพ่อแม่ก็เหมือนไม่มี  ทุกครั้งที่ทำผิดไม่เคยมีเลยที่จะปลอบใจ มีแต่การดุด่า  จับข้าไปขังบ้าง ทำร้ายกันบ้าง แต่นั้นก็ทำให้ข้ามีจิตใจที่ไม่เคยรู้สึกอะไร  จะบอกว่าด้านชาต่อความเจ็บปวดก็คงไม่ผิดนัก  ดังนั้นต่อให้ข้าเห็นใครถูกฆ่าต่อหน้า ข้าก็เห็นว่ามันเป็นเพียงการฆ่ามดสักตัวสองตัวเท่านั้น  การเป็น 4 ผู้พิทักษ์ไม่ได้ยากอย่างที่คิด  ข้าเริ่มมีความสุขที่ได้อยู่กับคนอื่นๆ   รอยแผลที่ต้นคอ  สัญลักษณ์ของปีศาจข้าได้มันมาเมื่อปีศาจพวกนั้นให้ข้าไปฆ่าคนและข้าก็ทำด้วยความเต็มใจ มันคือการฆ่ามดเท่านั้น ข้าคิดแบบนั้นเสมอ  แต่เมื่อกาลเวลาผ่านพ้นไป  ยูคิเข้ามาในชีวิตข้าและพาข้าออกจากวังวนที่มีแต่การฆ่าฟัน  เลือดที่เจิ่งนองนั้น  ในตอนนี้ข้ากลับรู้สึกเกลียดตนเองนัก  ข้าฆ่าคนไปทำไมตั้งมากมาย  4 ผู้พิทักษ์นั้นได้ทำหน้าที่ให้ข้าเห็นอย่างหนึ่ง  พวกเขาพิทักษ์ข้าจากการฆ่าฟันที่เต็มไปด้วยเลือดเนื้อของผู้คนนับพันนับหมื่นคน  พวกเขาทำให้ข้าได้มาเป็นข้าอย่างทุกวันนี้  ทำให้ข้าได้เป็น  โทคุรุ  ฮิเดะ   คนนี้  ช่วงเวลาที่เหม่อไปนาน  ข้าไม่รู้เลยว่ามีคนๆหนึ่งมายืนอยู่ข้างๆข้า   เขากุมมือข้าเอาไว้  ในตอนนี้ข้ารู้แล้วล่ะว่าทำไมทุกคนถึงได้ชอบคนๆนี้นัก  เพราะเขาให้ความจริงใจแก่ทุกคนและเขาก็คอยให้ความฝันแก่ข้า  ความอบอุ่นของคนๆนี้ ทำให้ข้าอยากอยู่กับเขาตลอดไป... ท่านยูคิ

    หมดเวลาแล้วล่ะ ฮิเดะ  ไปกันเถอะยูคิยิ้ม  เขาเดินมาหาฮิเดะอยู่พักใหญ่แล้วเพื่อรอให้ฮิเดะหันกลับมามองเขา  

    อืม   แล้วคนอื่นๆล่ะฮิเดะถาม

    คงไปรอพวกเราที่ทางเข้าแล้วล่ะยูคิว่าก่อนจะเดินนำไปที่ทางเข้าของป่าฮิโระชิโยะ  จะว่าไปอะไรมันดลใจกันล่ะ  ให้เขาเดินมาที่หมู่บ้านของนักดาบแห่งนี้ ทั้งๆที่มันถูกลืมเลือนไปเกือบจะ 20 ปีแล้ว

     

    ทางด้านไซโซเมื่อแยกตัวกับคนอื่นก็วกกลับมาที่ป่าฮิโระชิโยะอีกครั้ง  จิตสัมผัสที่เขารู้สึกเมื่อครู่มันพุ่งตรงมายังเขาคนเดียว  

    ออกมาซะ  นินจาที่อยู่ตรงนั้นน่ะเพราะมีสายเลือดนินจาอยู่ด้วยจึงสามารถล่วงรู้วิถีการต่อสู้ของนินจาได้โดยง่าย

    หึหึ  ฮาๆๆ  สมกับเป็นท่าน  มาราเสะ  ไซโซ  ท่านแม่ของท่านคงจะภูมิใจนินจาที่ยังอยู่ในเงาของต้นไม้ที่เริ่มผลิใบหัวเราะขึ้น

    นั้นไม่ใช่แม่ข้า  ข้าไม่มีพ่อแม่ ข้ามีแค่ยูคิเท่านั้นไซโซกรีดร้อง

    ยังไง  เจ้าก็ปฏิเสธสายเลือดไม่ได้หรอก  สู้ๆยอมรับไปเลยดีกว่า  ว่าท่านแม่ของท่านเป็นนินจาที่เลวร้ายที่สุดในญี่ปุ่นและท่านพ่อของท่านก็เป็นนักดาบที่มีชื่อเสียงในทางลบอย่างมาก  ท่านน่ะมีแต่สายเลือดที่ชั่วร้ายไหลเวียนอยู่ในร่างกายยังไงล่ะนินจาคนนั้นกล่าว   ไซโซกรีดร้องเสียงดังไพ่ที่เป็นอาวุธลับถูกปาออกไปอย่างไร้ทิศทางต้องการแค่เพียงให้คนๆนั้นหยุดพูดถึงเรื่องในอดีต

    ไม่นะ!  หยุดพูดเดี๋ยวนี้น้าาาาาาาา!!!~”ไซโซกรีดร้องอย่างรุนแรง ก่อนจะรู้สึกถึงลมที่ไม่รุนแรงเท่าไรพัดมาโดนหัวเขาพร้อมกับเสียงกระซิบจากสายลม

    อย่าโดนกับดักทางจิตใจของมันสิ  เจ้าน่ะต้องมีสติตลอดเวลา  ไม่ใช่คอยพึ่งแต่ข้า  เจ้าต้องช่วยเหลือตัวเองในเวลาที่ข้าไม่อยู่นะ เสียงแผ่วเบาเหมือนกับเสียงของยูคิเวลาที่สั่งสอนเขา  

    หึหึ  ในที่สุด... ในที่สุดก็มาซะที   เพื่อนที่แท้จริงของข้า ในที่สุดก็มาซะทีไซโซก้มหน้าพูดก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้น แววตาราวกับสัตว์ร้ายที่หิวโหยพร้อมจะล่าเหยื่อทุกชนิดที่เข้ามาในเขตแดนของมัน  ทำให้คนที่ซ่อนตัวอยู่ในเงาของต้นไม้ถึงกับขนลุกชัน

    หมดเวลาของคนชั่วช้าอย่างเจ้าแล้วล่ะไพ่ใบเดียวในมือของไซโซปลิดชีวิตของอีกฝ่ายได้แทบจะทันที   เสียแต่ว่าอีกฝ่ายดันเป็นนินจาเช่นกัน  ดังนั้นการหลบอาวุธของนินจาก็เป็นกลยุทธ์ที่นินจาทุกคนได้ร่ำเรียนมาเหมือนๆกัน

    ชิ! หนีไปได้อีกแล้วรึไซโซจิ๊ปากอย่างเสียดาย  เหลือเวลาอีก 3 ชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัด  เขาแอบหลบไปที่หลังก้อนหิน  นั่งเล่นนอนเล่นอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะหมดเวลา

    ไซโซ ตื่นได้แล้ว  ถึงเวลานัดแล้วนะซาสุเกะกระซิบเรียก  ไซโซขยี้ตาก่อนจะหันมองรอบๆตัว ทุกคนอยู่ในสภาพเตรียมพร้อมเดินทาง  ริรินแบกสัมภาระขึ้นบ่าก่อนจะโยนสัมภาระของไซโซมาให้เจ้าตัว

    หมดเวลาแล้ว คืนนี้พวกเราจะพักกันในป่า  ดังนั้นรีบไปก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดินดีกว่านะริรินพูดพลางสะบัดผมยาวของตัวเองไปไว้ด้านหลัง  ชุดกิโมโนไม่ใช่ปัญหาสำหรับนาง   เนื่องจากชุดนี้ถูกทำให้กว้างพอที่จะก้าวขายาวๆ ได้โดยไม่ติดขัดกับอะไร

    งั้นเหรอ   อ๊ะ! รอด้วยสิยูคิพยักหน้าก่อนจะรู้สึกว่าตัวเองเหม่อนานเกินไปทุกคนก็เดินหน้าไปไกลเสียแล้ว

    เฮ้ๆ  รอข้าด้วยสิเสียงจากด้านหลังดังขึ้นมา  ยูคิหอบแฮกอยู่ข้างๆซาสุเกะ  ก็กว่าจะวิ่งตามเจ้าพวกนี้ได้ทำเอาเขาเหนื่อยแทบตาย แต่เมื่อเดินไปได้สักพัก  ทุกคนก็ทำหน้าประมาณว่าเอ๋! อะไรเนี่ยกันถ้วนหน้า  เมื่อหนทางที่จะไปต่อนั้นเป็นมหาสมุทรกว้างที่มองยังไงๆก็ไม่เห็นแผ่นดินอีกฟากหนึ่ง

    ริรินแล้วจะไปยังไงต่อไซโซหันไปถาม  ริรินเบ้ปากก่อนจะบอกสิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องตะลึงค้างไปอีกรอบ

    ก็ไปทางเรือน่ะสิ  แผ่นดินอีกฟากน่ะ อยู่โน่น~”ริรินว่าแล้วชี้มือไปข้างหน้าที่มองเห็นแต่มหาสมุทร  ท้องฟ้าในตอนนี้ก็มืดแล้ว  คงจะไม่มีเรือลำไหนผ่าน  ยูคิจึงตัดสินใจให้พักที่นี้ รอเพื่อให้เรือที่จะไปป่าอีกฟากหนึ่งให้พาพวกเขาไปยังที่หมาย  

    ในป่านี้มีสัตว์รึเปล่าน่ะ โคฟุคุฮิเดะถาม

    สัตว์เหรอ  มีสิ  เสือ  ช้าง  แล้วก็ทานูกิ  ทั้งป่าก็มีแค่นี้ล่ะ  แต่มีเยอะนะ  โดยเฉพาะทานูกิน่ะโคฟุคุบอกก่อนจะนอนลงที่พื้นดินไม่กลัวสกปรกสักนิด

    เฮ้ๆ  แล้วให้ข้ามานอนกับเสือเนี้ยนะ  ไม่เอาด้วยหรอกซาสุเกะกล่าวแล้วทำท่าจะเดินกลับออกไปนอกป่าเพื่อหาที่พัก

    จะออกก็ออกไปนะ  แต่ว่าตอนนี้ข้าว่าคงจะเริ่มมีเสือออกมาหากินแล้วล่ะริรินพูด  ก่อนจะมองซาสุเกะที่ล้มตัวลงนอนกับพื้นอย่างหัวเสียแล้วพึมพำกับตัวเองเบาๆ หนอย! อย่าให้ถึงทีข้าบ้างแล้วกันนะริริน ผู้ที่ถูกพาดพิงหัวเราะคิกก่อนจะพลิกตัวไปนอนอีกด้าน  ฮิเดะเดินหากิ่งไม้ที่พอจะเอามาทำเป็นฟืนได้แล้วเอามาสีกันเพื่อให้ติดไฟ  กิ่งไม้ถูกส่งเข้าไปเรื่อยๆจนเกิดเป็นกองไฟขนาดใหญ่

    ครอก~ ฟี้~”เสียงกรนของเพื่อนๆดังขึ้น  กองไฟยังคงถูกใส่ฟืนเพิ่มเข้าไปเรื่อยๆ  ใบหน้านิ่งๆอันเป็นเอกลักษณ์ของคนๆหนึ่งในกลุ่ม  ทำหน้าเบ้แล้วปากิ่งไม้เล็กๆไปยังคนที่กำลังกรน  แต่นั้นก็ไม่ได้ระคายเคืองผิวของคนที่นอนหลับฝันดีอยู่แต่อย่างใด

    โอ๊ย!”ฮิเดะร้องก่อนจะก้มมองนิ้วของตัวเองที่ถูกกิ่งไม้บาด  เลือดไหลชุ่มนิ้วของเขา จนมองไม่เห็นผิวเนื้อ  นิ้วที่เป็นแผลถูกเอาไปแนบไว้ใกล้ริมฝีปากก่อนที่ลิ้นจะเลียเลือดออกจนหมด  เขารีดเลือดออกจากนิ้วจนไม่ไหลอีก  ก่อนจะปาดเลือดที่เลอะอยู่บนริมฝีปาก  เขากระตุกยิ้มเย็นก่อนที่ใบหน้านั้นจะกลับเป็นใบหน้าที่ไร้อารมณ์เช่นเคย  กิ่งไม้ถูกสุ่มลงไปในกองเพลิงอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง จนกว่าจะถึงรุ่งเช้าที่ทุกคนรอคอย

    ตื่นโว้ย ตื่นได้แล้วฮิเดะโวยเสียงดังลั่นแต่เช้าเมื่อเห็นเรือลำหนึ่งเข้ามาใกล้

    หืม  อะไรน่ะ  เรือ!!!”ซาสุเกะครางฮึมฮัมก่อนจะทำตาโตเมื่อเห็นเรือลำใหญ่ลอยมาในหมอกข้างตัวเรือสลักชื่อของเรือลำนั้นเอาไว้  ยูคิยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆริมน้ำเพื่อพูดคุยกับกัปตันเรือลำนั้น

    เฮ้! ท่านน่ะ  คนที่บังคับเรืออยู่น่ะยูคิตะโกนเรียกกัปตันเรือหันมามองก่อนที่จะชี้ไปที่จัวเองอย่างไม่แน่ใจ

    ใช่ ท่านนั้นแหละ  ข้าต้องการไปที่เมืองเอโดะ  ท่านผ่านป่าฮิโระชิโยะหรือเปล่ายูคิป้องปากตะโกนถามแล้วอีกฝ่ายก็พยักหน้าให้คำตอบที่พึงพอใจสำหรับทุกคน   

    ข้าขอติดเรือไปด้วยได้ไหม  ข้าต้องการไปป่าฮิโระชิโยะเพียงครู่ที่ยูคิเห็นกัปตันเรือทำหน้างงแต่ก็ยอมพยักหน้าให้  ไม่นานหัวเรือก็เบนกลับมาทางที่ทุกคนยืนคอยอยู่  บันไดลิงถูกปล่อยลงจากลำเรือ  ทุกคนทยอยกันปีนขึ้นไปบนนั้นก่อนจะผงะตกใจกับหญิงสาวมามายในชุดกาลาสีเรือที่มาคอยต้อนรับ

    ยินดีต้อนรับสู่เรือโพไซดอนเจ้าค่ะหญิงสาวพูดพร้อมเพรียงกัน  กัปกันที่เป็นชายแก่อายุประมาณห้าสิบกว่าๆเดินเข้ามาทักทายก่อนจะหันไปว่าพวกหญิงสาวเหล่านั้น

    พวกเจ้ามีงานต้องทำมิใช่รึ  จะมาเสนอหน้าทำไมกัน  ท้องเรือน่ะ ใครเป็นคนดูแลชายแก่ถาม  หญิงคนหนึ่งเดินออกจากวงแล้วเอ่ย

    ข้าเองเจ้าค่ะนางว่าพลางทำตาเศร้าๆ

    ลงไปทำงานได้แล้ว ถ้าเกิดเรือรั่วขึ้นมา  เจ้านั้นแหละจะต้องรับผิดชอบ  คนอื่นๆก็ด้วย ถ้าพวกเจ้ายังมาเสนอหน้าบ่อยๆ ข้าจะไล่พวกเจ้ากลับบ้านเกิดให้หมดเลยเสียงบ่นเสียดายดังขึ้นระงมก่อนที่ทุกคนจะทยอยกันหายไป   

    อ่อ... ข้าลืมแนะนำตัวไปเลย ข้ามาชื่อว่าแจ็ก  แลนด์เดอร์  เป็นชาวสกอตแลนด์ ยินดีที่ได้รู้จักสำเนียงออกอังกฤษเล็กน้อยทำให้ทุกคนเชื่ออย่างสนิทใจว่ากัปตันเรือคนนี้เป็นชาวสกอตแลนด์จริงๆ

    ข้ามีนามว่ายูคิ ยินดีที่ได้รู้จัก ส่วนนั้น ริริน  ซาสุเกะ  ฮิเดะ และไซโซยูคิเป็นตัวแทนทุกคนกล่าวแนะนำตัว  ก่อนที่ทั้งหมดจะได้พูดคุยถึงที่มาที่ไปและเหตุใดถึงได้มาอยู่ที่ป่าแห่งนี้  อีกสิ่งหนึ่งที่ยูคิและพวกได้ค้นพบคือกัปตันแจ็ก เป็นคนที่หูไม่ดีสุดๆ ถ้าไม่พูดเสียงดังแล้วล่ะก็... จะไม่ค่อยได้ยินอะไรเลย

    อ๊ะ...  ดูท่าข้าจะคุยเพลินไปเสียแล้ว ยังไงข้าขอตัวไปบังคับเรือกก่อนจะครับ   เชิญพวกท่านตามสบายแจ็กว่า ก่อนจะเดินไปที่หัวเรือ เพื่อบังคับพวงมาลัยให้เรือไปในทิศทางที่ต้องการ  

    ในช่วงเช้าแบบนี้ หมอกเป็นอุปสรรคที่สำคัญที่สุดในการบังคับทิศทางของเรือ  แจ็กหรี่ตาเพื่อทำให้มองไปด้านหน้าได้ไกลขึ้น  ก่อนจะหักพวงมาลัยเป็นมุมเก้าสิบองศาเพื่อเลี้ยวไปทางขวา   เสียงโครมครามดังจากใต้ท้องเรือก่อนที่เสียงโวยวายของหญิงสาวหลายคนจะดังระงม  กัปตันแจ็กหัวเราะแล้วหันกลับไปบังคับเรือต่อ

    มีบางคราวที่เจอหินโสโครกขนาดใหญ่แต่แจ็กก็สามารถบังคับเรือให้หลบมันไปได้พ้น   ริรินที่นั่งเรือมาบ่อยครั้งไม่มีปัญหาการเมาเรือสำหรับนาง แต่บุรุษอีก 4 คนที่เพิ่งจะเคยนั่งเรือเป็นครั้งแรกต่างเกาะกราบเรือเพื่ออาเจียนเอาของเสียออกมาจนเกลี้ยงท้อง  

    ริรินหัวเราะร่าที่เห็นสภาพของ 4 ผู้พิทักษ์ในตอนนี้ แทบไม่ต่างอะไรกับคนข้างถนนเลยแม้แต่น้อย จะมีดีก็แค่ไซโซที่ยังไม่เป็นอะไรมาก  แต่สำหรับซาสุเกะแล้ว  เขาเป็นคนเดียวที่อาเจียนบ่อยครั้งมาที่สุด  ฮิเดะนั้นเนื่องจากพกยาติดตัวไว้ตลอดและคงจะเห็นประโยชน์กันในวันนี้  เขากินยาก่อนจะนอนหลับเพื่อเรียกสติที่หายไปเมื่อครู่ในกลับมาเหมือนเดิม   ยูคินั้นไม่ต้องพูดถึงอาเจียนมากที่สุดรองจากซาสุเกะเลยทีเดียว  เป็นครั้งแรกที่ทุกคนเห็นยูคิในสภาพร่อแร่เต็มที่   การเมาเรือมันทำให้สภาพของคนดีดีกลายเป็นคนข้างถนนได้เชียวน่ะหรือ  คำถามที่ริรินเคยถามตนเองอยู่ในใจ  ในวันนี้นางได้ประจักษ์ถึงคำตอบนั้นแล้ว

           แสงแดดเริ่มขึ้นตรงกับหัวพอดี  เมฆหมอกก็จากหายไปจนหมดแล้ว  หญิงสาวหลายสิบคนที่ทำงานเสร็จก็ทยอยกันขึ้นมาพูดคุยกับทั้ง 5 อยู่เรื่อยๆ  โดยเฉพาะกับริรินที่เป็นหญิงสาวด้วยกัน ต่างคุยกัยถูกคอเป็นพิเศษ  

    นี้เป็นแผลที่โดยฟัน  ลึกไปถึงหน้าท้องเลยล่ะริรินว่าก่อนจะเปิดหน้าอกให้ดูรอยแผลที่โดนฟันยาวไปจนถึงหน้าท้อง  หญิงสาวคนอื่นๆมุงเข้ามาดูก่อนจะส่งเสียงอื้ออึง

    มีอีกนะ  ที่หลังน่ะ เป็นรอยถูกมีดสั้นแทงล่ะ  มิดด้ามเลยนะนางกล่าวแล้วเปิดแผลให้ดูอีก  รอยแผลทั่วทั้งตัวยิ่งทำให้คนอื่นๆส่งเสียงมากขึ้นอีก  จนกัปตันของเรือต้องเดินเข้ามาดูเอง

    เฮ้ย! เจ้ารีบใส่เสื้อเดี๋ยวนี้เลยนะกัปตันบอก   ริรินทำหน้างงก่อนจะเอ่ยถามออกไป

    ทำไมล่ะนางถามอย่างไม่เข้าใจ

    ก็เจ้าพวกนี้น่ะสิ...กัปตันพูดอ้าปากพะงาบๆ

    พวกนี้ก็เป็นผู้หญิง แล้วทำไมล่ะค่ะริรินถามก่อนจะดึงเสื้อขึ้นมาใส่  กัปตันทำหน้าเสียก่อนพูขึ้นกลางวงทำให้ริรินตะลึงไปนาน

    ที่ไหนเล่า! พวกเนี้ย เป็นผู้ชายทั้งนั้นเลยกัปตันบอก

    ...เป็นผู้ชายทั้งนั้นเลย...

    ....ผู้ชายทั้งนั้นเลย...

    ...ผู้ชายทั้งนั้น...

    ...ผู้ชาย...

    ผู้ชาย!!!! ไม่จริ๊งงงงงงงงงงงง!!!!!”

     

    เพลงดาบที่5

            การเดินทางไปปราสาทโอซาก้านั้น  ถ้าเดินทางปรกติก็ใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือน  แต่ว่ามันมีทางลัดน่ะสิ  ทางลัดที่ไปถึงปราสาทโอซาก้าได้ในเวลาเพียง 2 เดือน  แต่ทางลัดน้นน่ะ  เป็นทางของสัตว์ป่านะ  ทางที่ต้องลุยขวากหนามไปเอง  ไม่มีคนมาถางหญ้าเปิดทางให้หรอกนะ

       โธ่! ไปทางปรกติก็ได้นี้หน่า  จะรีบไปไหนล่ะไซโซออดอ้อน

       ไปทางลัดน่ะ ดีสุด  เร็วกว่าด้วย  หรือเจ้าไม่กล้า บอกมาเถอะหน่า  เจ้ามันขี้ขลาด แบร่ๆ เจ้าขี้ขลาดซาสุเกะว่าแล้วแลบลิ้นล้อเลียน  ไซโซทำหน้าบึ้งก่อนจะพูดขึ้นว่า

    ก็ได้ ไปทางลัดก็ได้  แต่ระวังสัตว์ป่าให้ดีล่ะ  พวกเสือมันชอบใช้ทางนี้เดินตอนกลางคืนซะด้วยไซโซบอก  อ๊ะ! จริงเหรอ  งั้นไปทางปรกติก็ได้นะยูคิซาสุเกะรีบเปลี่ยนท่าที

    อ้าว! ไปทางลัดสิ หรือเจ้ากลัว  เจ้าขี้ขลาด  ฮาๆๆโดนย้อนกลับบ้าง  ซาสุเกะกัดฟันอย่างเจ็บใจ  ก่อนที่ยูคิจะมาสบงศึกครั้งนี้ให้

    เอาเถอะๆ  ไปทางลัดแล้วกัน  เดินทางให้เร็วขึ้นหน่อย จะได้มีเวลาพักได้นานขึ้นยูคิบอกแล้วหันไปมองหน้าริริน

    ริริน... เจ้ามาเพื่อนำทางในป่านี้ไม่ใช่หรือยูคิหันไปยิ้มแล้วถามคำถามกับริริน  นางยิ้มกลับแล้วตอบคำตอบให้ได้ยินอย่างชัดเจน

    สมกับเป็นท่าน... ซานารุ  ยูคิ  ข้ามาเพื่อนำทางให้ท่านในป่านี้จริงๆ  ที่จริงแล้วป่านี้ข้าเคยมาอาศัยอยู่พักหนึ่งจนรู้จักป่านี้ครบทุกแห่งแล้วริรินว่า

    แล้วพวกเราจะไม่แวะที่ไหนเลยรึฮิเดะถามพลางมองกล่องยาของตน ตอนนี้ข้าอยากแวะซื้อยาล้างแผลกับผ้าพันแผลเสียหน่อย  ตอนนี้เหลืออีกไม่มากแล้วด้วยฮิเดะบอกแล้วทำหน้าเสียดาบ จนริรินต้องกล่าวออกมาด้วยความจำนน  

    งั้นวันนี้ไปหาซื้อของที่ต้องการกันให้ครบแล้วกัน  ตอนเย็นมาเจอกันที่หน้าทางเข้า  จะมีหินก้อนใหญ่วางอยู่ 3 ก้อน  ด้านหลังเป็นป้ายชื่อของป่านะ  ป่าฮิโระชิโยะ  อย่าจำผิดล่ะ  แยกย้ายกันไปได้นางกล่าวก่อนจะเดินกลับไปทางตลาด  และทุกคนก็แยกย้ายกันไปซื้อของใช้ตามที่ที่ต้องการ

    เอ๋! ร้านขายยา  อยู่ไหนน้า~”ฮิเดะเดินไปพลางบ่นกับตัวเองไปพลาง

    ขอโทษนะพี่สาว  ไม่ทราบว่าร้านขายยาไปทางไหนหรือฮิเดะเลิกที่จะเดินดุ่มๆไปเรื่อยๆหยุดถามหญิงสาวนางหนึ่ง

    อ๋อ  เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายก็ถึงแล้วล่ะหญิงสาวว่าก่อนจะหันกลับไปเลือกซื้อของต่อ  ฮิเดะโงหัวขอบคุณแล้วเดินไปตามทางที่หญิงสาวบอก  ไม่นานนักเขาก็มาถึงหน้าร้านขายยาตามที่ต้องการ  เจ้าของร้านเป็นคนแก่ๆคนหนึ่ง  ฮิเดะเดินเข้าไปในร้านก่อนจะพูดขึ้น

    ข้าขอซื้อยาล้างแผลกับผ้าพันแผลหน่อยสิฮิเดะกล่าว  เจ้าของร้านเดินหันกลับไปหยิบสิ่งของที่ฮิเดะต้องการก่อนจะนำมาวางให้ตรงหน้าของคนที่ขอซื้อ

    ทั้งหมด 50 เยนชายแก่พูด  ฮิเดะหยิบเงินส่งให้พลางเอาของที่ตนเองซื้อเข้าไปในกล่องอุปกรณ์ทำแผลที่พกไว้ติดตัวตลอด

    ขอบใจมาก  คราวหน้าถ้ามาอีกจะแวะมาซื้อใหม่นะฮิเดะกล่าวก่อนจะเดินออกจากร้านมาอย่างสบายใจ  เหลือเวลาอีก 5 ชั่วโมงก่อนจะถึงเวลานัด  ยังพอมีเวลาให้ไปเที่ยวได้อย่างสบายๆ   เขาเดินเข้ามาในซอยที่ลึกกว่าเดิม  และวกวนไปมา  จนกระทั่งไร้เงาของผู้คน  ตรงหน้าของเขาเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครรับรู้  หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ถูกเผาไหม้ในสงครามเมื่อ 15 ปีก่อน  ตอนนี้รกร้างผู้คน  และที่แห่งนี้ก็ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือจากใครเลย  ไม่มีแม้กระทั่งดอกไม้สักดอกที่จะเอามาเยี่ยมร่างที่อยู่ที่นี้   ฮิเดะเดินเข้าไปเรื่อยๆจนถึงซากของบ้านหลังหนึ่งที่เขาเคยอาศัย

    ท่านพ่อ  ท่านแม่ฮิเดะกล่าว ไม่มีแม้แต่น้ำตาที่จะไหลออกมาจากดวงตาที่ว่างเปล่า  ไม่มีแม้กระทั่งความรู้สึกเคียดแค้น  มีแต่ความคิดถึงเพียงอย่างเดียว จะว่าไปนี้คงเป็นข้อดีของเขาที่ไม่เคยคิดแค้นใครเลย ถึงแม้จะเป็นคนที่ฆ่าพ่อแม่เขาก็ตามที

    ช่วงเวลาที่เหลือ ข้าได้ปล่อยให้มันล่องลอยไปกับอดีตที่แสนเจ็บปวด  น้ำตาที่เคยไหลบัดนี้มันเหือดแห้ง ยูคิเป็นคนแรกที่เข้ามาหาข้าแล้วชวนให้ข้าไปอยู่ด้วย  สาเหตุที่หมู่บ้านข้าโดนทำลายนั้น ข้ามารู้ที่หลังว่าหมู่บ้านของข้าเป็นหมู่บ้านนักดาบที่มีฝีมือสูง  แต่ไม่ยอมทำงานให้ใครเลยถูกกำจัด  สายเลือดนักดาบในตัวข้ามันไหลเวียนอยู่อย่างนี้มานาน   และไม่มีทางจะเป็นสายเลือดอื่นไปได้   บางที ข้านั้นก็คิดว่าคนที่มีสายเลือดธรรมดาอย่างซาสุเกะยังน่าอิจฉาเสียมากกว่า   ตอนเด็กในตอนที่หมู่บ้านยังไม่ถูกทำลาย ข้าที่มีพ่อแม่ก็เหมือนไม่มี  ทุกครั้งที่ทำผิดไม่เคยมีเลยที่จะปลอบใจ มีแต่การดุด่า  จับข้าไปขังบ้าง ทำร้ายกันบ้าง แต่นั้นก็ทำให้ข้ามีจิตใจที่ไม่เคยรู้สึกอะไร  จะบอกว่าด้านชาต่อความเจ็บปวดก็คงไม่ผิดนัก  ดังนั้นต่อให้ข้าเห็นใครถูกฆ่าต่อหน้า ข้าก็เห็นว่ามันเป็นเพียงการฆ่ามดสักตัวสองตัวเท่านั้น  การเป็น 4 ผู้พิทักษ์ไม่ได้ยากอย่างที่คิด  ข้าเริ่มมีความสุขที่ได้อยู่กับคนอื่นๆ   รอยแผลที่ต้นคอ  สัญลักษณ์ของปีศาจข้าได้มันมาเมื่อปีศาจพวกนั้นให้ข้าไปฆ่าคนและข้าก็ทำด้วยความเต็มใจ มันคือการฆ่ามดเท่านั้น ข้าคิดแบบนั้นเสมอ  แต่เมื่อกาลเวลาผ่านพ้นไป  ยูคิเข้ามาในชีวิตข้าและพาข้าออกจากวังวนที่มีแต่การฆ่าฟัน  เลือดที่เจิ่งนองนั้น  ในตอนนี้ข้ากลับรู้สึกเกลียดตนเองนัก  ข้าฆ่าคนไปทำไมตั้งมากมาย  4 ผู้พิทักษ์นั้นได้ทำหน้าที่ให้ข้าเห็นอย่างหนึ่ง  พวกเขาพิทักษ์ข้าจากการฆ่าฟันที่เต็มไปด้วยเลือดเนื้อของผู้คนนับพันนับหมื่นคน  พวกเขาทำให้ข้าได้มาเป็นข้าอย่างทุกวันนี้  ทำให้ข้าได้เป็น  โทคุรุ  ฮิเดะ   คนนี้  ช่วงเวลาที่เหม่อไปนาน  ข้าไม่รู้เลยว่ามีคนๆหนึ่งมายืนอยู่ข้างๆข้า   เขากุมมือข้าเอาไว้  ในตอนนี้ข้ารู้แล้วล่ะว่าทำไมทุกคนถึงได้ชอบคนๆนี้นัก  เพราะเขาให้ความจริงใจแก่ทุกคนและเขาก็คอยให้ความฝันแก่ข้า  ความอบอุ่นของคนๆนี้ ทำให้ข้าอยากอยู่กับเขาตลอดไป... ท่านยูคิ

    หมดเวลาแล้วล่ะ ฮิเดะ  ไปกันเถอะยูคิยิ้ม  เขาเดินมาหาฮิเดะอยู่พักใหญ่แล้วเพื่อรอให้ฮิเดะหันกลับมามองเขา  

    อืม   แล้วคนอื่นๆล่ะฮิเดะถาม

    คงไปรอพวกเราที่ทางเข้าแล้วล่ะยูคิว่าก่อนจะเดินนำไปที่ทางเข้าของป่าฮิโระชิโยะ  จะว่าไปอะไรมันดลใจกันล่ะ  ให้เขาเดินมาที่หมู่บ้านของนักดาบแห่งนี้ ทั้งๆที่มันถูกลืมเลือนไปเกือบจะ 20 ปีแล้ว

     

    ทางด้านไซโซเมื่อแยกตัวกับคนอื่นก็วกกลับมาที่ป่าฮิโระชิโยะอีกครั้ง  จิตสัมผัสที่เขารู้สึกเมื่อครู่มันพุ่งตรงมายังเขาคนเดียว  

    ออกมาซะ  นินจาที่อยู่ตรงนั้นน่ะเพราะมีสายเลือดนินจาอยู่ด้วยจึงสามารถล่วงรู้วิถีการต่อสู้ของนินจาได้โดยง่าย

    หึหึ  ฮาๆๆ  สมกับเป็นท่าน  มาราเสะ  ไซโซ  ท่านแม่ของท่านคงจะภูมิใจนินจาที่ยังอยู่ในเงาของต้นไม้ที่เริ่มผลิใบหัวเราะขึ้น

    นั้นไม่ใช่แม่ข้า  ข้าไม่มีพ่อแม่ ข้ามีแค่ยูคิเท่านั้นไซโซกรีดร้อง

    ยังไง  เจ้าก็ปฏิเสธสายเลือดไม่ได้หรอก  สู้ๆยอมรับไปเลยดีกว่า  ว่าท่านแม่ของท่านเป็นนินจาที่เลวร้ายที่สุดในญี่ปุ่นและท่านพ่อของท่านก็เป็นนักดาบที่มีชื่อเสียงในทางลบอย่างมาก  ท่านน่ะมีแต่สายเลือดที่ชั่วร้ายไหลเวียนอยู่ในร่างกายยังไงล่ะนินจาคนนั้นกล่าว   ไซโซกรีดร้องเสียงดังไพ่ที่เป็นอาวุธลับถูกปาออกไปอย่างไร้ทิศทางต้องการแค่เพียงให้คนๆนั้นหยุดพูดถึงเรื่องในอดีต

    ไม่นะ!  หยุดพูดเดี๋ยวนี้น้าาาาาาาา!!!~”ไซโซกรีดร้องอย่างรุนแรง ก่อนจะรู้สึกถึงลมที่ไม่รุนแรงเท่าไรพัดมาโดนหัวเขาพร้อมกับเสียงกระซิบจากสายลม

    อย่าโดนกับดักทางจิตใจของมันสิ  เจ้าน่ะต้องมีสติตลอดเวลา  ไม่ใช่คอยพึ่งแต่ข้า  เจ้าต้องช่วยเหลือตัวเองในเวลาที่ข้าไม่อยู่นะ เสียงแผ่วเบาเหมือนกับเสียงของยูคิเวลาที่สั่งสอนเขา  

    หึหึ  ในที่สุด... ในที่สุดก็มาซะที   เพื่อนที่แท้จริงของข้า ในที่สุดก็มาซะทีไซโซก้มหน้าพูดก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้น แววตาราวกับสัตว์ร้ายที่หิวโหยพร้อมจะล่าเหยื่อทุกชนิดที่เข้ามาในเขตแดนของมัน  ทำให้คนที่ซ่อนตัวอยู่ในเงาของต้นไม้ถึงกับขนลุกชัน

    หมดเวลาของคนชั่วช้าอย่างเจ้าแล้วล่ะไพ่ใบเดียวในมือของไซโซปลิดชีวิตของอีกฝ่ายได้แทบจะทันที   เสียแต่ว่าอีกฝ่ายดันเป็นนินจาเช่นกัน  ดังนั้นการหลบอาวุธของนินจาก็เป็นกลยุทธ์ที่นินจาทุกคนได้ร่ำเรียนมาเหมือนๆกัน

    ชิ! หนีไปได้อีกแล้วรึไซโซจิ๊ปากอย่างเสียดาย  เหลือเวลาอีก 3 ชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัด  เขาแอบหลบไปที่หลังก้อนหิน  นั่งเล่นนอนเล่นอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะหมดเวลา

    ไซโซ ตื่นได้แล้ว  ถึงเวลานัดแล้วนะซาสุเกะกระซิบเรียก  ไซโซขยี้ตาก่อนจะหันมองรอบๆตัว ทุกคนอยู่ในสภาพเตรียมพร้อมเดินทาง  ริรินแบกสัมภาระขึ้นบ่าก่อนจะโยนสัมภาระของไซโซมาให้เจ้าตัว

    หมดเวลาแล้ว คืนนี้พวกเราจะพักกันในป่า  ดังนั้นรีบไปก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดินดีกว่านะริรินพูดพลางสะบัดผมยาวของตัวเองไปไว้ด้านหลัง  ชุดกิโมโนไม่ใช่ปัญหาสำหรับนาง   เนื่องจากชุดนี้ถูกทำให้กว้างพอที่จะก้าวขายาวๆ ได้โดยไม่ติดขัดกับอะไร

    งั้นเหรอ   อ๊ะ! รอด้วยสิยูคิพยักหน้าก่อนจะรู้สึกว่าตัวเองเหม่อนานเกินไปทุกคนก็เดินหน้าไปไกลเสียแล้ว

    เฮ้ๆ  รอข้าด้วยสิเสียงจากด้านหลังดังขึ้นมา  ยูคิหอบแฮกอยู่ข้างๆซาสุเกะ  ก็กว่าจะวิ่งตามเจ้าพวกนี้ได้ทำเอาเขาเหนื่อยแทบตาย แต่เมื่อเดินไปได้สักพัก  ทุกคนก็ทำหน้าประมาณว่าเอ๋! อะไรเนี่ยกันถ้วนหน้า  เมื่อหนทางที่จะไปต่อนั้นเป็นมหาสมุทรกว้างที่มองยังไงๆก็ไม่เห็นแผ่นดินอีกฟากหนึ่ง

    ริรินแล้วจะไปยังไงต่อไซโซหันไปถาม  ริรินเบ้ปากก่อนจะบอกสิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องตะลึงค้างไปอีกรอบ

    ก็ไปทางเรือน่ะสิ  แผ่นดินอีกฟากน่ะ อยู่โน่น~”ริรินว่าแล้วชี้มือไปข้างหน้าที่มองเห็นแต่มหาสมุทร  ท้องฟ้าในตอนนี้ก็มืดแล้ว  คงจะไม่มีเรือลำไหนผ่าน  ยูคิจึงตัดสินใจให้พักที่นี้ รอเพื่อให้เรือที่จะไปป่าอีกฟากหนึ่งให้พาพวกเขาไปยังที่หมาย  

    ในป่านี้มีสัตว์รึเปล่าน่ะ โคฟุคุฮิเดะถาม

    สัตว์เหรอ  มีสิ  เสือ  ช้าง  แล้วก็ทานูกิ  ทั้งป่าก็มีแค่นี้ล่ะ  แต่มีเยอะนะ  โดยเฉพาะทานูกิน่ะโคฟุคุบอกก่อนจะนอนลงที่พื้นดินไม่กลัวสกปรกสักนิด

    เฮ้ๆ  แล้วให้ข้ามานอนกับเสือเนี้ยนะ  ไม่เอาด้วยหรอกซาสุเกะกล่าวแล้วทำท่าจะเดินกลับออกไปนอกป่าเพื่อหาที่พัก

    จะออกก็ออกไปนะ  แต่ว่าตอนนี้ข้าว่าคงจะเริ่มมีเสือออกมาหากินแล้วล่ะริรินพูด  ก่อนจะมองซาสุเกะที่ล้มตัวลงนอนกับพื้นอย่างหัวเสียแล้วพึมพำกับตัวเองเบาๆ หนอย! อย่าให้ถึงทีข้าบ้างแล้วกันนะริริน ผู้ที่ถูกพาดพิงหัวเราะคิกก่อนจะพลิกตัวไปนอนอีกด้าน  ฮิเดะเดินหากิ่งไม้ที่พอจะเอามาทำเป็นฟืนได้แล้วเอามาสีกันเพื่อให้ติดไฟ  กิ่งไม้ถูกส่งเข้าไปเรื่อยๆจนเกิดเป็นกองไฟขนาดใหญ่

    ครอก~ ฟี้~”เสียงกรนของเพื่อนๆดังขึ้น  กองไฟยังคงถูกใส่ฟืนเพิ่มเข้าไปเรื่อยๆ  ใบหน้านิ่งๆอันเป็นเอกลักษณ์ของคนๆหนึ่งในกลุ่ม  ทำหน้าเบ้แล้วปากิ่งไม้เล็กๆไปยังคนที่กำลังกรน  แต่นั้นก็ไม่ได้ระคายเคืองผิวของคนที่นอนหลับฝันดีอยู่แต่อย่างใด

    โอ๊ย!”ฮิเดะร้องก่อนจะก้มมองนิ้วของตัวเองที่ถูกกิ่งไม้บาด  เลือดไหลชุ่มนิ้วของเขา จนมองไม่เห็นผิวเนื้อ  นิ้วที่เป็นแผลถูกเอาไปแนบไว้ใกล้ริมฝีปากก่อนที่ลิ้นจะเลียเลือดออกจนหมด  เขารีดเลือดออกจากนิ้วจนไม่ไหลอีก  ก่อนจะปาดเลือดที่เลอะอยู่บนริมฝีปาก  เขากระตุกยิ้มเย็นก่อนที่ใบหน้านั้นจะกลับเป็นใบหน้าที่ไร้อารมณ์เช่นเคย  กิ่งไม้ถูกสุ่มลงไปในกองเพลิงอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง จนกว่าจะถึงรุ่งเช้าที่ทุกคนรอคอย

    ตื่นโว้ย ตื่นได้แล้วฮิเดะโวยเสียงดังลั่นแต่เช้าเมื่อเห็นเรือลำหนึ่งเข้ามาใกล้

    หืม  อะไรน่ะ  เรือ!!!”ซาสุเกะครางฮึมฮัมก่อนจะทำตาโตเมื่อเห็นเรือลำใหญ่ลอยมาในหมอกข้างตัวเรือสลักชื่อของเรือลำนั้นเอาไว้  ยูคิยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆริมน้ำเพื่อพูดคุยกับกัปตันเรือลำนั้น

    เฮ้! ท่านน่ะ  คนที่บังคับเรืออยู่น่ะยูคิตะโกนเรียกกัปตันเรือหันมามองก่อนที่จะชี้ไปที่จัวเองอย่างไม่แน่ใจ

    ใช่ ท่านนั้นแหละ  ข้าต้องการไปที่เมืองเอโดะ  ท่านผ่านป่าฮิโระชิโยะหรือเปล่ายูคิป้องปากตะโกนถามแล้วอีกฝ่ายก็พยักหน้าให้คำตอบที่พึงพอใจสำหรับทุกคน   

    ข้าขอติดเรือไปด้วยได้ไหม  ข้าต้องการไปป่าฮิโระชิโยะเพียงครู่ที่ยูคิเห็นกัปตันเรือทำหน้างงแต่ก็ยอมพยักหน้าให้  ไม่นานหัวเรือก็เบนกลับมาทางที่ทุกคนยืนคอยอยู่  บันไดลิงถูกปล่อยลงจากลำเรือ  ทุกคนทยอยกันปีนขึ้นไปบนนั้นก่อนจะผงะตกใจกับหญิงสาวมามายในชุดกาลาสีเรือที่มาคอยต้อนรับ

    ยินดีต้อนรับสู่เรือโพไซดอนเจ้าค่ะหญิงสาวพูดพร้อมเพรียงกัน  กัปกันที่เป็นชายแก่อายุประมาณห้าสิบกว่าๆเดินเข้ามาทักทายก่อนจะหันไปว่าพวกหญิงสาวเหล่านั้น

    พวกเจ้ามีงานต้องทำมิใช่รึ  จะมาเสนอหน้าทำไมกัน  ท้องเรือน่ะ ใครเป็นคนดูแลชายแก่ถาม  หญิงคนหนึ่งเดินออกจากวงแล้วเอ่ย

    ข้าเองเจ้าค่ะนางว่าพลางทำตาเศร้าๆ

    ลงไปทำงานได้แล้ว ถ้าเกิดเรือรั่วขึ้นมา  เจ้านั้นแหละจะต้องรับผิดชอบ  คนอื่นๆก็ด้วย ถ้าพวกเจ้ายังมาเสนอหน้าบ่อยๆ ข้าจะไล่พวกเจ้ากลับบ้านเกิดให้หมดเลยเสียงบ่นเสียดายดังขึ้นระงมก่อนที่ทุกคนจะทยอยกันหายไป   

    อ่อ... ข้าลืมแนะนำตัวไปเลย ข้ามาชื่อว่าแจ็ก  แลนด์เดอร์  เป็นชาวสกอตแลนด์ ยินดีที่ได้รู้จักสำเนียงออกอังกฤษเล็กน้อยทำให้ทุกคนเชื่ออย่างสนิทใจว่ากัปตันเรือคนนี้เป็นชาวสกอตแลนด์จริงๆ

    ข้ามีนามว่ายูคิ ยินดีที่ได้รู้จัก ส่วนนั้น ริริน  ซาสุเกะ  ฮิเดะ และไซโซยูคิเป็นตัวแทนทุกคนกล่าวแนะนำตัว  ก่อนที่ทั้งหมดจะได้พูดคุยถึงที่มาที่ไปและเหตุใดถึงได้มาอยู่ที่ป่าแห่งนี้  อีกสิ่งหนึ่งที่ยูคิและพวกได้ค้นพบคือกัปตันแจ็ก เป็นคนที่หูไม่ดีสุดๆ ถ้าไม่พูดเสียงดังแล้วล่ะก็... จะไม่ค่อยได้ยินอะไรเลย

    อ๊ะ...  ดูท่าข้าจะคุยเพลินไปเสียแล้ว ยังไงข้าขอตัวไปบังคับเรือกก่อนจะครับ   เชิญพวกท่านตามสบายแจ็กว่า ก่อนจะเดินไปที่หัวเรือ เพื่อบังคับพวงมาลัยให้เรือไปในทิศทางที่ต้องการ  

    ในช่วงเช้าแบบนี้ หมอกเป็นอุปสรรคที่สำคัญที่สุดในการบังคับทิศทางของเรือ  แจ็กหรี่ตาเพื่อทำให้มองไปด้านหน้าได้ไกลขึ้น  ก่อนจะหักพวงมาลัยเป็นมุมเก้าสิบองศาเพื่อเลี้ยวไปทางขวา   เสียงโครมครามดังจากใต้ท้องเรือก่อนที่เสียงโวยวายของหญิงสาวหลายคนจะดังระงม  กัปตันแจ็กหัวเราะแล้วหันกลับไปบังคับเรือต่อ

    มีบางคราวที่เจอหินโสโครกขนาดใหญ่แต่แจ็กก็สามารถบังคับเรือให้หลบมันไปได้พ้น   ริรินที่นั่งเรือมาบ่อยครั้งไม่มีปัญหาการเมาเรือสำหรับนาง แต่บุรุษอีก 4 คนที่เพิ่งจะเคยนั่งเรือเป็นครั้งแรกต่างเกาะกราบเรือเพื่ออาเจียนเอาของเสียออกมาจนเกลี้ยงท้อง  

    ริรินหัวเราะร่าที่เห็นสภาพของ 4 ผู้พิทักษ์ในตอนนี้ แทบไม่ต่างอะไรกับคนข้างถนนเลยแม้แต่น้อย จะมีดีก็แค่ไซโซที่ยังไม่เป็นอะไรมาก  แต่สำหรับซาสุเกะแล้ว  เขาเป็นคนเดียวที่อาเจียนบ่อยครั้งมาที่สุด  ฮิเดะนั้นเนื่องจากพกยาติดตัวไว้ตลอดและคงจะเห็นประโยชน์กันในวันนี้  เขากินยาก่อนจะนอนหลับเพื่อเรียกสติที่หายไปเมื่อครู่ในกลับมาเหมือนเดิม   ยูคินั้นไม่ต้องพูดถึงอาเจียนมากที่สุดรองจากซาสุเกะเลยทีเดียว  เป็นครั้งแรกที่ทุกคนเห็นยูคิในสภาพร่อแร่เต็มที่   การเมาเรือมันทำให้สภาพของคนดีดีกลายเป็นคนข้างถนนได้เชียวน่ะหรือ  คำถามที่ริรินเคยถามตนเองอยู่ในใจ  ในวันนี้นางได้ประจักษ์ถึงคำตอบนั้นแล้ว

           แสงแดดเริ่มขึ้นตรงกับหัวพอดี  เมฆหมอกก็จากหายไปจนหมดแล้ว  หญิงสาวหลายสิบคนที่ทำงานเสร็จก็ทยอยกันขึ้นมาพูดคุยกับทั้ง 5 อยู่เรื่อยๆ  โดยเฉพาะกับริรินที่เป็นหญิงสาวด้วยกัน ต่างคุยกัยถูกคอเป็นพิเศษ  

    นี้เป็นแผลที่โดยฟัน  ลึกไปถึงหน้าท้องเลยล่ะริรินว่าก่อนจะเปิดหน้าอกให้ดูรอยแผลที่โดนฟันยาวไปจนถึงหน้าท้อง  หญิงสาวคนอื่นๆมุงเข้ามาดูก่อนจะส่งเสียงอื้ออึง

    มีอีกนะ  ที่หลังน่ะ เป็นรอยถูกมีดสั้นแทงล่ะ  มิดด้ามเลยนะนางกล่าวแล้วเปิดแผลให้ดูอีก  รอยแผลทั่วทั้งตัวยิ่งทำให้คนอื่นๆส่งเสียงมากขึ้นอีก  จนกัปตันของเรือต้องเดินเข้ามาดูเอง

    เฮ้ย! เจ้ารีบใส่เสื้อเดี๋ยวนี้เลยนะกัปตันบอก   ริรินทำหน้างงก่อนจะเอ่ยถามออกไป

    ทำไมล่ะนางถามอย่างไม่เข้าใจ

    ก็เจ้าพวกนี้น่ะสิ...กัปตันพูดอ้าปากพะงาบๆ

    พวกนี้ก็เป็นผู้หญิง แล้วทำไมล่ะค่ะริรินถามก่อนจะดึงเสื้อขึ้นมาใส่  กัปตันทำหน้าเสียก่อนพูขึ้นกลางวงทำให้ริรินตะลึงไปนาน

    ที่ไหนเล่า! พวกเนี้ย เป็นผู้ชายทั้งนั้นเลยกัปตันบอก

    ...เป็นผู้ชายทั้งนั้นเลย...

    ....ผู้ชายทั้งนั้นเลย...

    ...ผู้ชายทั้งนั้น...

    ...ผู้ชาย...

    ผู้ชาย!!!! ไม่จริ๊งงงงงงงงงงงง!!!!!”

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×