ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นิโอะ เพลงดาบแด่ผู้พิทักษ์

    ลำดับตอนที่ #16 : เพลงดาบที่12

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 139
      0
      4 เม.ย. 53

    เพลงดาบที่12

                หลังจากได้ตกใจกันไปครู่ใหญ่   คิโยทากะก็หัวเราะรวน  แล้วก็ตามมาด้วยรอยยิ้มของยูคิ   โยชิซึมองงงๆ แล้วก็พูดขึ้นอีกคน

                ข้าไม่ยอมนะ... ถ้าแบบนั้นข้าจะเดินทางไปกับพวกท่านด้วยโยชิซึกล่าว ส่งผลให้ยูคิต้องยิ้มมากขึ้นอีก  ซาสุเกะอมยิ้มน้อยๆ พลางมองไปที่ยูคิเพื่อให้คำตอบกับทุกคน

                ก็ได้ๆ  จะไปก็ไป แต่ถ้าตายพวกข้าไม่รับผิดชอบนะยูคิว่า

                เชิญเลย  เพราะข้าก็ไม่ได้หวังว่าจะมีชีวิตยืนยาวสักเท่าไรนักจูซังพูดพลางหัวเราะเบาๆ  ยูคิยิ้มแล้วพูดขึ้นมา

                ดูจากนิสัยท่านที่ชอบเอาตัวมายุ่งกับเรื่องคนอื่น ข้าก็พอจะรู้ประโยคนั้นเรียกเสียงหัวเราะจากคนอื่นได้ดี  จูโอดะหน้าแดงเล็กน้อยแล้วหัวเราะแห้งๆ

                เอ้า! พอแล้วๆ  ไปฝึกต่อไป๊คิโยทากะสั่ง  ผู้พิทักษ์ลุกขึ้นยืนเส้นยืนสายก่อนจะเดินไปที่หน้าบ้านที่เดิม และรอคอยคำสั่งที่จะให้ฝึกต่อไป

                จูซัง  โยชิซึ  มาสิ  มาฝึกด้วยกันคิโยทากะบอก  ก่อนจะจับตัวยูคิให้ยืนนิ่งกับที่  แดดในช่วงกลางวันนั้นส่องลงมาเกือบจะเผาไหม้  เหงื่อหยดชุ่มเสื้อผ้าของทุกคน  คำสั่งที่ทุกคนได้รับเหมือนๆกันหมด ยืนต่อไปจนกว่าจะบอกให้พัก ถ้าขยับแค่มิลเดียวจะต้องถูกทำโทษในห้องเหล็กสำหรับคนอื่นที่ยังไม่รู้ว่าห้องเหล็กคืออะไรก็ยังงงกันนิดหน่อย แต่สำหรับฮิเดะที่เจอมันมาตั้งแต่เด็กถึงกับเบ้ปากทันที  ก็ห้องเหล็กนั่นน่ะ  มันมีทุกอย่างที่เต็มไปด้วยเหล็กที่กำลังละลายน่ะสิ  ความร้อนขนาดหลอมเหลวเหล็กได้  คิดว่ามันจะร้อนขนาดไหนกัน  เขายังจำได้เลย แค่เขาเข้าไปยืนวันเดียวก็น้ำหนักลดไปเกือบ 5 กิโล

                ข้าไปนั่งรอในบ้าน แต่อย่าคิดว่าข้ามองไม่เห็นพวกเจ้าล่ะ  จูซัง ข้าเห็นเจ้ายุกยิกมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้วนะคิโยทากะตะโกน จนคนที่ถูกพาดพิงถึงต้องสะดุ้งเฮือกขึ้นมาทันที  ก็เขาว่า เขาแทบไม่ได้ขยับตัวเลยนะ แค่แขนมันแกว่งนิดเดียวเอง ขนาดตัวเขายังแทบไม่รู้สึกเลย 

                ฟุบะ  ไปกันเถอะว่าแล้วพยุงฟุบะเข้าไปในบ้าน  ก่อนจะหันกลับไปมองคนอื่นๆนอกบ้านด้วยสายตาเป็นห่วง

                แค่กๆฟุบะที่หน้าซีดมาตั้งแต่เมื่อครู่กระอักไอออกมายกใหญ่จนคิโยทากะต้องหยิบถังมารองเอาไว้  มองฟุบะที่มีเลือดออกแถวบริเวณมุมปาก เขารู้ดี ที่ตรงนั้นไม่มีแผล แต่มันเป็นเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากนั่นเอง

                ไหวรึเปล่า เมื่อครู่ข้าเองก็ลืมไปว่าเจ้าโดนแดดมากไม่ได้คิโยทากะกล่าวอย่างร้อนรน  พลางหาผ้ามาซับเลือดที่มุมปากออกจนหมด

                ไม่ต้องห่วงหรอก  แค่นี้ข้าสบายมาก อุ๊บ! แค่กๆๆฟุบะที่หน้าซีดเซียวหันมายิ้มให้คิโยทากะก่อนจะหันไปไออีกครั้ง  เลือดในคราวนี้มากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จนคิโยทากะอดเป็นห่วงไม่ได้

                คงเพราะข้าออกกำลังมากไปหน่อย  เดี๋ยวข้าก็หายแล้วล่ะ  เจ้าออกไปดูเด็กๆเถอะฟุบะบอกพลางผลักไสให้คิโยทากะออกห่างไปจากตัวเขา ก่อนจะพาตัวเองเดินลับหายเข้าไปในห้องพัก 

                แค่กๆๆ  แฮกๆๆเสียงไอปนเสียงหอบหายใจทำให้คนที่อยู่ด้านนอกอดเป็นห่วงไม่ได้  ทำไมสิ่งที่เจ้าแสดงออกมันช่างขัดกันภายในตัวเจ้าเสียเหลือเกิน  เสียงไอและเสียงหอบหายใจอย่างหนักหน่วงยังคงดังอย่างต่อเนื่อง  บางครั้งก็จะมีเสียงสะอื้นไห้ดังเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินบ้างเป็นครั้งคราว  คิโยทากะเลิกที่จะสนใจแล้วเดินออกไปลอบมองเด็กทุกคน  แล้วมองไปที่ไซโซอย่างอ่อนโยน พ่อเจ้าเป็นคนดีมาก  ข้าหวังว่าเขาจะมีชีวิตที่ยืนยาวนะนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนๆเริ่มมีน้ำใสๆคลออยู่รอบดวงตา  อย่าเป็นอะไรเลยนะฟุบะ ข้า... ขอร้อง  อยู่กับข้าไปนานๆ อย่างทิ้งข้าให้อยู่คนเดียวเหมือนแต่ก่อนเลยนะน้ำตาพลันไหลหยดลงที่พื้น  คิโยทากะพลิกตัวลงนั่งพิงกำแพง นิ้วเรียวยาวปาดน้ำตาออกช้าๆ  อาการของฟุบะนั้นไม่มีทางรักษาได้หาย  ถ้าโดนแดดมากเกินไปหรือออกกำลังมากเกินไป ก็จะเริ่มกระอักไอออกมาเป็นเลือด และทุกครั้งที่เป็นเช่นนี้  ฟุบะจะยังคงยิ้มให้ทุกคนเหมือนเดิม   ยิ้ม... อย่างมีความหวัง 

                อ้วก!  แหวะ!  แค่กๆๆเสียงที่ดังเล็ดลอดออกมาจากห้องด้านใน ถึงกับทำให้คิโยทากะต้องสะดุ้งสุดตัว  ถึงฟุบะจะไอขนาดไหน แต่ก็ไม่เคยอาเจียนสักครั้ง

                ฟุบะๆ  เปิดประตูนะ ฟุบะ ได้ยินข้าไหมคิโยทากะทุบประตูรัว  แต่คนด้านในก็ไม่มีท่าทีว่าจะเปิดประตูให้เลย    เสียงร้องไห้ดังเล็ดลอดออกมาเบาๆ มันเป็นเสียงร้องราวกับปีศาจที่กำลังเจ็บปวดกับโรคที่ตนเองเป็นอยู่  คิโยทากะทรุดตัวลงนั่งพิงประตู  ได้ยินเสียงคนด้านในเดินมานั่งพิงประตูเช่นกัน  เหมือนเพื่อนสองคนกำลังนั่งหันหลังชนกัน  เสียงคนด้านในที่ตั้งใจจะถามให้คนด้านอกได้ยิน

                คิโยทากะ เจ้า... ร้องไห้อยู่งั้นหรือ ไม่ต้องห่วงข้าหรอก  ข้าสบายดี  แค่ปวดหัวนิดหน่อย  เจ้าไม่ต้องร้องหรอกนะฟุบะกล่าว แม้แต่ในน้ำเสียงนั้นยังดูเหมือนสบายดี  เป็นเสียงที่ทำให้คนฟังสบายใจเป็นที่สุด  เสียงที่นุ่มและอ่อนโยนเช่นนี้  มีเพียงเจ้าคนเดียวที่ทำได้... ฟุบะ

                ฮึก! ข้า... ข้าไม่ได้ร้องนะ  แค่ฝุ่นเข้าตาก็เท่านั้นเองคิโยทากะกลั้นเสียงสะอื้นแล้วตอบกลับไป แต่ทำไมนะ... ทำไมในน้ำเสียงนั้นกลับปนไปด้วยความเศร้าที่ปิดไม่มิด  ทำไมมันถึงได้สั่นเหลือเกิน

                งั้นหรือ  ดีแล้วล่ะ  เดี๋ยวข้าจะตามออกไป  เจ้าช่วยไปดูเด็กๆสักครู่ได้ไหมฟุบะกล่าว  คิโยทากะพยักหน้ารัวถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่เห็นก็เถอะ

                ได้ๆ  งั้นเจ้ารีบตามข้าออกมานะคิโยทากะปาดน้ำตาลวกๆพลางยืนขึ้นเต็มความสูง  เดินหายไปนอกประตู  เพื่อปล่อยให้อีกฝ่ายได้อยู่คนเดียว

                ข้าขอโทษ แต่ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องร้องไห้ฟุบะก้มมองภาชนะที่เต็มไปด้วยเลือด  เลือด... ที่มองมาจากตัวของเขาเอง   
    -------------------------------------------40%-------------------------------------------------

    ฟุบะมองเงาตัวเองที่สะท้อนภายในกระจกเงา  ร่างกายที่ซูบผอมนี่  ใช่ตัวเขาแน่หรือ  ตัวเขาที่เคยแข็งแรง ในตอนนี้ บัดนี้กลับไม่เห็นวี่แววของคนๆนั้นเลย  ริมฝีปากซีดเซียว ถึงจะยิ้มได้ แต่ก็ไม่ได้มีความสุขเช่นเคย  แววตาเมื่อได้ตีดาบที่สวยงามขึ้นมา  แต่ในตอนนี้ แม้แต่แรงจะจับดาบยังแทบจะทนไม่ไหว   อ้อมกอดที่เคยอบอุ่น ในตอนนี้ แม้แต่โอบกอดตัวเองยังรู้สึกหนาวสั่น ไม่มีอีกแล้ว ฉายา นักตีดาบที่เลวร้ายที่สุด  แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังมีความสุขที่ได้อยู่กับความร้อนที่เขารัก  ได้อยู่ในโรงหลอมเหล็ก  มันเป็นความสุขสำหรับเขา  แต่ในตอนนี้แค่เพียงโดนแสงอาทิตย์เขายังเป็นถึงขนาดนี้  แล้วถ้าเขาไปอยู่ในโรงหลอมเหล็ก ชีวิตเขาคงจะต้องหายไปจากโลกนี้แน่ 

    เคร้ง!

    ดาบนิโอซามะถูกยังขึ้นมาลูบคลำ แต่ก็ตกลงไปอย่างง่ายดาย  แววตาเขาทอแสงอ่อนลง มองดวงตะวันที่เริ่มลับขอบฟ้า... ชีวิตข้า... จะยืนยาวแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหนกัน  เขาคิด  และแล้วเลือดสีแดงก็เริ่มไหลออกจากริมฝีปากอีกครั้ง  ไม่มีอาการใดๆบ่งบอก แต่ฟุบะก็พอจะรู้ตัวเอง  เขาพยายามพยุงตัวเองออกไปข้างนอกบ้าน ยอมออกไปตากแดดถึงแม้ว่าอาการจะทรุดลงไปเพียงใด  เพียงเพื่อมองหน้าคนที่เขารักเป็นครั้งสุดท้าย  ลูกคนกลางของตระกูล เด็กที่เหมือนหญิงสาวผู้เป็นที่รักของเขามากที่สุด  ประตูไม้เป็นที่พักพิงให้เขาได้เพียงแค่ในเวลานี้  ได้แต่แอบมองอีกฝ่ายด้านหลังประตูนี้  จะให้เห็นไม่ได้... จะให้เห็นสภาพของเขาในตอนนี้ไม่ได้   ดวงอาทิตย์เริ่มตกลับไปหลังภูเขาลูกใหญ่   แสงสีส้มที่ราวกับดวงอาทิตย์กำลังเศร้า  ไซโซจะสังเกตเห็นรึเปล่าว่ามีใครบางคนกำลังแอบมองเขา แอบมองลูกที่พวกเขารักที่สุด

    เอ้า! พอแล้วๆ  ไปกินข้าวได้แล้วคิโยทากะตะโกนในขณะที่เดินสวนกับไซโซนั้นเอง กระดาษแผ่นเล็กๆก็ได้ถูกสอดเข้าไปใต้ฝ่ามือบาง  ไซโซหันมามองอย่างสงสัย  แต่คิโยทากะก็ได้แต่ยิ้มอย่างเศร้าๆเท่านั้น นั่นเป็นความรู้สึกสุดท้ายที่คิโยทากะพยายามจะบอกไซโซ

    ได้โปรด... ดูแลฟุบะด้วย ข้อความในกระดาษนั้นสั้น... สั้นจนไซโซแทบจะไม่รู้ความหมายที่แท้จริงที่คิโยทากะพยายามจะสื่อออกมา  แต่แววตานั่น... ทำให้เขาปฏิเสธที่จะไม่ทำตามสิ่งที่คิโยทากะขอร้องไม่ได้

    เมื่อทุกคนมารวมตัวกันที่โต๊ะอาหาร  ไซโซมองฟุบะอย่างสงสัย ในขณะที่อีกฝ่ายได้แต่หลบตาและเคี้ยวอาหารอย่างเงียบๆ  มีเพียงโยชิซึและจูโอดะเท่านั้นที่คุยกันอย่างสนุกสนาน

    จริงหรือ งั้นพวกเราคงจะเคยพบกันบ้างสิ  ในเมื่อตอนที่เจ้าตกเหวตอนนั้น  ข้าเองก็กำลังร้องไห้อยู่ใต้โขดหินพอดี  ใช่ๆ พวกเราเคยเจอกัน ข้าจำเจ้าได้แล้วจูซังว่า พลางพยักหน้ารัว  โยชิซึทำหน้าครุ่นคิดแล้วตธโกนจนเศษอาหารหล่นออกจากปาก

    เออ!  ข้าจำเจ้าได้  เด็กที่กำลังร้องไห้เพราะสร้อยหายน่ะเหรอโยชิซึหัวเราะร่วน  คนที่ไม่น่ารู้จักกันได้  กลับเคยรู้จักกันในตอนเด็ก  แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น

    อุ๊บ! ข้าขอตัวฟุบะเอามืออุดปากก่อนจะถอยเก้าอี้ออกแล้ววิ่งเข้าไปในห้องทันที  คิโยทากะหันมามองไซโซที่กำลังมองตามคนๆนั้นอย่างเป็นห่วง พลางลอยยิ้มอย่างโล่งใจ อย่างน้อยสายสัมพันธ์พ่อลูกก็ไม่ได้ถูกตัดขาดจริงๆสินะ  เสียงรวบช้อนของไซโซเรียกให้ทุกคนหันมามอง

    ข้าจะไปซ้อมดาบ

    ตอนมืดแบบนี้น่ะหรือยูคิถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นหน้าของคนที่ถือได้ว่าเป็นน้องคนหนึ่งของเขาเศร้าลงอย่างเป็นได้ชัด

    ใช่! เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก  ดูแลคนอื่นด้วยไซโซพูดแล้วผลุนผลันวิ่งออกไปนอกบ้านทันที  ฮิเดะและซาสุเกะมองตามแผ่นหลังของไซโซออกไป  ถ้าพวกเขามองไม่ผิด สิ่งที่ไหลออกมาจากดวงตาคู่นั้น... น้ำตาใช่ไหม?

    ฮึก!”ในป่าลึกแล้วกว้างขวาง  ไซโซวิ่งเข้ามาเรื่อยๆจนลึกพอสมควร  ทำไม... ทำไมกัน  คนๆนั้นไม่เห็นเขาเป็นลุกแล้วใช่ไหม  ดาบเล่มยาวนาม เบี๊ยกโกะฟาดฟันใส่ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีของดาบ  เสียงร้ำไห้ที่ฟังดูโศกเศร้าราวกับเทพธิดากับลังจะตกลงจากสวรรค์  ตกลงมาสู่หุบเหวที่มีแต่ความตาย...

    ทำไม... ทั้งๆที่ข้าเริ่มจะเปิดใจยอมรับคนๆนี้แล้วแท้ๆ  ทำไม!!!!!!!”เสียงโหยหวนเชกเช่นเดียวกับสัตว์ร้ายที่กำลังคลุ้มคลั่ง   ทั้งๆที่เขาเปิดใจยอมรับได้แล้ว  แต่... ทำไมกัน...

    โธ่โว้ย!!!!!!!!!!!!”ดาบเบี๊ยกโกะฟาดลงไปตงหน้าจนต้นไม้ขาดเป็นสองท่อน  ช่างไม่เหมาะกับใบหน้าที่สวยราวกับหญิงสาวนั้นเลย    ใบหน้าที่ต้องมาเปรอะเปรื้อนคราบน้ำตาดูจะขัดกับผิวนวลเนียนนั่นเหลือเกิน

    การร้องไห้นั้นดูเหมือนจะกินเวลาไปเกือบ 2 ชั่วโมงเต็ม  ไซโซนั่งหอบหายใจอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่แห่งหนึ่ง   แสงสีขาวนวลพุ่งจากท้องฟ้าลงมาสู่ตรงหน้าของไซโซ  ร่างของหญิงสาวที่มีเค้าโครงเดียวกับไซโซโค้งตัวลงต้ำมามองหน้าของชายหนุ่ม

    ทะ... ท่านไซโซร่นกายถอยไปด้วยความหวาดกลัว  เป็นอีกคนหนึ่งที่เมื่อใดที่พบเจอ เขาจะต้องหนีไปให้ไกลที่สุด  คนที่เขาเรียกว่า... แม่

    แม่ขอโทษ ลูกรัก... เจ้าอย่ากลัวแม่เลย  แม่ไม่ตีเจ้าแล้วหญิงสาวก้มตัวลงลูบหัวไซโซอย่างแผ่วเบา  ปีกสีขาวสองข้างที่สยายอยู่บนแผ่นหลังของหญิงสาวทำให้ไซโซต้องเบือนหน้าหนี

    แม่... ตายไปแล้วล่ะ  ไซโซเอ๋ย... เจ้าอย่าได้กลัวแม่เลย ยกโทษให้แม่ด้วยหญิงสาวนั่งลงแล้วโอบกอดผู้เป็นลุกเอาไว้  ไซโซดิ้นอย่างรุนแรงเป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ   เพราะความหวาดกลัวที่ฝังลึกอยู่ในก้นบึงของจิตใจ  หญิงสาวลูบหัวผู้เป็นบุตรอย่างแผ่วเบา  ปากก็พร้ำบอกขอโทษผู้เป็นบุตรอยู่นานแสนนาน   สัมผัสที่อบอุ่นแบบนี้  นานเท่าใดแล้วนะ ที่ข้าไม่เคยได้รับเลย  ข้า... สมควรอยู่กับอ้อมกอดนี้ให้นานที่สุดใช่ไหมไซโซคิด  เหมือนอีกฝ่ายจะรับรู้ได้ จึงกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟัง

    หลับเถิดลูกเอ๋ย... เมื่อเจ้าตื่นขึ้นมา  เจ้าจะได้เลิกร้องไห้เสียทีหญิงสาวกล่อมชายหนุ่มเบาๆ  ความอบอุ่นกล่อมให้ชายหนุ่มหลับไปในที่สุด และประโยคสุดท้ายก่อนที่เขาจะหลับ หญิงสาวก้มตัวลงกระซิบเบาๆที่ข้างหู

    แม่ฝากดูแลฟุบะด้วย ดูแลเขาให้ดี  ลูกคือความหวังของแม่แล้วความรู้สึกทุกอย่างของเขาก็มืดลงไปในทันที  เมื่อเห็นว่าผู้เป็นบุตรของตนหลังไปแล้ว  หญิงสาวจึงอุ้มชายหนุ่มอย่างแผ่วเบา  นำไปวางลงที่เตียงนอนของเขาแล้วร่างๆนั้นก็ค่อยๆสลายไปตามสายลมที่พัดโชยมาเบาๆ  ราวกับกำลังจะบอกลาผู้เป็นบุตรของตน  เด็กชาย... ผู้ที่เป็นดังหัวใจของท่านทั้งสอง  มุราเซะ  ไซโซ...

     

    วันที่สี่ของระยะเวลา 5 เดือน

    แสงแดดส่องลงมาบนลำตัวของชายหนุ่ม เขาสะบัดหน้าเล็กน้อยก่อนจะปรือตาขึ้นมองไปรอบตัว  เมื่อคืน... เขาจำได้ว่าเขาวิ่งเข้าไปในป่าลึก แล้วทำไมวันนี้... การประมวลผลในสมองของเขากำลังทำงานอย่างหนัก  ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเพราะประโยคๆหนึ่งที่แล่นเข้ามาในหัว

     แม่ฝากดูแลฟุบะด้วย  ดูแลเขาให้ดี  ลูกคือความหวังของแม่

      แม่... ใช่แล้ว เมื่อคืน  ตอนนั้นแล้วเขาก็หลับไป  ผ้าห่มถูกสะบัดตกพื้น  คนที่ทำตกก็ไม่มีท่าทีจะก้มเก็บกลับวิ่งออกจากห้องไปด้านนอก  ทุกคนยังไม่มีใครตื่น  ยกเว้นเพียงคนเดียว  ไซโซแอบหลบอยู่ที่มุมเสามองฟุบะที่นั่งทอดอารมณ์อยู่เบื้องหน้าท้องนภา 

    ฟุบะ...ไซโซครางเบาๆ เมื่อเห็นฟุบะปาดเลือดออกจากปากและจมูก เดินเข้าไปใกล้ๆอย่างลืมตัว

    ไซโซ... เจ้าฟุบะหันมามองไซโซอย่างตกใจพลางหันหน้าหนีในทันที  มือทั้งสองข้างก็รีบปาดเลือดออก แต่ยิ่งปาดออกมันก็ยิ่งไหลมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีท่าทีว่าจะหยุดไหล

    พอได้แล้วไซโซกระชากไหล่ของฟุบะให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับตนพลางปาดเลือดที่เปรอะที่แก้มเบาๆ  เหนื่อยไหมครับ  เจ็บรึเปล่าครับ  เลือดออกขนาดนี้น่ากลัวจังเลยครับไซโซทำตัวเหมือนเด็กๆอีกครั้งก่อนจะโผเข้าหาไออุ่นจากผู้เป็นพ่อ ขอโทษ... ขอโทษครับ... พ่อ...ถึงปลายเสียงจะแผ่วเบาแต่ก็ทำให้อีกฝ่ายยิ้มขึ้นมาได้

    ไม่หรอก  เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษอะไรทั้งสิ้นฟุบะดันตัวลูกชายออกแล้วพูด  แววตานั่น... แววตาที่เต็มเปี่ยมไปความรัก ทำไมเขาถึงไม่สังเกตนะ  อ้อมกอดนี้  รอให้เขาเข้ามาหาอยู่นานแล้ว 

    เมื่อ... เมื่อคืน ผมเจอแม่ด้วย  แม่... สวยมากไซโซเล่าเบาๆให้ฟังถึงเหตุการณ์ทั้งหมด

    แดดแรงแล้ว  รีบเข้าบ้านเถอะครับ มา... ข้าจะช่วยพยุงไซโซค่อยๆพยุงฟุบะเข้าไปในบ้าน  สวนทางกับคิโยทากะที่กำลังเดินออกมาพอดี

    ยินดีด้วย ฟุบะคิโยทากะยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ยินดีที่สุดในรอบปี  หรือตั้งแต่ที่ฟุบะเริ่มจะเป็นโรคนี้

    ค่อยๆนั่งนะครับ... พ่อไซโซพยุงคนเจ็บให้นั่งบนเก้าอี้ช้าๆ  ยูคิและคนอื่นๆเดินมานั่งที่เก้าอี้ยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นไซโซกำลังดูแลบิดาอย่างเอาเป็นเอาตายทดแทนเวลาสิบกว่าปีที่ขาดหายไป 

    ฟุบะ  งั้นวันนี้พวกเราลงไปที่ห้องใต้ดินเถอะคิโยทากะว่า  ซาสุเกะพยักหน้าตกลงพร้อมๆกับคนอื่น แต่ก็ดันมีเสียงที่ไม่ต้องการดังขึ้นมา

    คิโยะเป็นคนดีหรือเนี่ย นึกว่าเป็นคนไม่ดีมาตั้งนานฮิเดะนั่นเองที่พูดจาราวกับไม่อยากมีชีวิตอยู่  ในวันนี้คงจะเป็นวันที่ทุกคนมีความสุขที่สุด  เมื่อมีเสียงหัวเราะของคนหลายๆคนดังขึ้นท่ามกลางห้องใหญ่ๆ  เสียงหัวเราะแห่งความสุขที่พวกเขาได้พบเจอ  ถึงจะเป็นเวลาสั้นๆก็ตามที

    เอ้า! แรงๆหน่อย  จูโอดะ  โยชิซึ  พวกเจ้าไปพักเถอะคิโยทากะตะโกน  จูซังและโยชิซึโค้งตัวแล้วเดินออกนอกห้องใต้ดิน เสียงประตูเหล็กดังครืดๆ ไปตามช่องที่ใช้เลือนปิดประตู  ฟุบะถึงจะเข้ามาร่วมฝึกสอนไม่ได้ แต่ก็คอยแนะนำการใช้ดาบบ่อยๆ  จนคิโยทากะอดปรามบ้างบางครั้งไม่ได้

    เจ้าน่ะนั่งเฉยๆได้แล้ว ไม่ต้องช่วยสอนหรอกหน่า

    ช่างข้าเถอะหน่าและคำตอบที่ได้กลับมาก็จะเป็นเช่นนี้ตลอด  เสียงดาบดังเคร้งๆๆเป็นจังหวะ  คิโยทากะมองอย่างพึงพอใจ  แค่การฝึกสามวันทุกคนก็รุดหน้าไปเร็วมาก  ถึงซาสุเกะจะไม่มีสายเลือดแต่การฝึกเช่นนี้ก็ไม่เกี่ยวกับสายเลือดแม้แต่น้อย  เกี่ยวแค่เพียงความพยายามเท่านั้น  คิโยทากะสั่งให้ทุกคนหยุด  แล้วเดินไปหยิบกระดาษบางๆมาแผ่นหนึ่ง  เป็นกระดาษที่มีประโยค 4 ประโยคเท่านั้น  เป็นของสำหรับ 4 ผู้พิทักษ์  กระดาษแผ่นนั้นเขียนเอาไว้เพียง

    ...มังกรที่หลับใหลจงฟื้นคืน ใช้พลังเพื่อปกป้อง....

    ...สายเลือดนั้นยอมรับให้ได้แล้วเจ้าจะเห็นทุกอย่าง...

    ...ความพยายามคือสิ่งสำคัญอย่ายอมแพ้แม้จะสิ้นแรง

    เครื่องจักรสังหารจงหลับใหลและตื่นในยามควร...

    มาซามูเนะ ฝากสิ่งนี้ไว้ให้กับพวกเจ้าคิโยทากะกล่าว  ยูคิสะดุ้งกับชื่อที่ได้ยิน  ขนาดท่านอยู่บนนั้น ยังเหลือสิ่งสำคัญไว้ให้พวกข้าอีกนะ...  ขอบคุณท่านมาก... ท่านมาซามูเนะ

    เอ่อ... ข้าไม่เข้าใจซาสุเกะยื่นกระดาษคืนให้คิโยทากะ  อีกฝ่ายยิ้มน้อยๆแล้วฉีกกระดาษแผ่นนั้นออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย  ทุกคนมองตามอย่างตกใจไม่ยกเว้นแม้แต่ยูคิ

    ท่าน... ทำอะไรน่ะไซโซตวัดค้อนคิโยทากะ  คิโยทากะหัวเราะในความน่ารักของลูกศิษย์ตัวน้อยทั้ง 4 แล้วเอ่ยขึ้น สิ่งสุดท้ายที่มาซามูเนะฝากข้าเอาไว้น่ะสิ  รับมือ!”คิโยทากะปากระดาษขึ้นไปบนฟ้าแล้วชักดาบพุ่งเข้าใส่ทั้งสี่  ในขณะที่ฮิเดะตวัดดาบเข้ามากันไว้ได้อย่างทันท่วงที  เสียงเคร้งๆๆ ดังไปอย่างสบายๆ ไม่ได้หนักแน่นแต่ก็ไม่ได้นุ่มนวลอ่อนโยน หากพลาดพลั้งสิ่งที่เหลืออยู่ก็คือ... ความตาย!!!!

    เสียงหอบเบาๆของคิโยทากะทำให้คนอื่นๆยิ้มกริ่ม  ตวัดดาบเข้าหาคิโยทากะไม่หยุดพัก  แสงสะท้อนจากคมดาบทำให้ทั้งห้าต้องหรี่ตาลงเพื่อมองหน้าอีกฝ่ายให้ชัดเจนยิ่งขึ้น  และเสียงฟันดาบก็ยิ่งดังขึ้น  ดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆต่อไปและต่อๆไป จนเมื่อใกล้มืดแล้วนั้นแหละ  เสียงฟันดาบจึงได้หายไป เหลือแค่เพียงคน 5 คนที่นอนหมดแรงอยู่บนพื้นเท่านั้น...

    -----------------------------------100%------------------------------------------
    กรอบแบบฟอร์มด้านล่าง ไม่ต้องมีสาระฮะ ย้ำ! ไม่ต้องมีสาระ
    แบบฟอร์ม...
    1.ชื่ออะไรเอ่ย?.................
    2.เข้ามาอ่านได้ยังไง?.......................
    3.ชอบตัวละครตัวไหนเอ่ย?............................
    4.มีประโยคที่ชอบในเรื่องนี้รึเปล่า?................
    5.คิดว่าฟุบะจะตายรึเปล่า?...............
    6.จูซังคือใคร?........................(1.สายลับ  2.นักเดินทาง  3.ใครก็ไม่รู้~)
    7.อยากพิมอะไรก็พิมมาเหอะ จะด่าจะว่าก็ตามสบาย(ถ้าชมจะดีกว่านะ)........................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×