คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : งานโรงเรียน
เช้าวันจันทร์นี้ไม่มีการเข้าแถว แต่ให้นักเรียนไปจัดตกแต่งห้องที่เหลือให้เสร็จ ฉันเองก็มาโรงเรียนแต่เช้าเพื่อสำรวจความเรียบร้อยของห้องเรียน ภาวนาให้วันนี้ไม่มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นกับฉัน หลังจากที่มีชีวิตสงบสุขอยู่เกือบสองอาทิตย์ ฉันเดินสำรวจปากกาเมจิกที่ทุกคนในห้องเอาไว้ใช้นำทางหากใครหาทางออกไม่ได้จริงๆ วันนี้หัวหน้าห้องจะเป็นคนคอยมองทุกคนจากเก้าอี้สูง เพราะกระจกมันสองเท่ากับหัวคนพอดี ไม่มีทางที่จะมองเห็นคนอื่นๆได้เลย
“อ้าวแก้ว... มาเช้าจังเลยนะ”เสียงมินดังขึ้นด้านหลังฉัน ตอนนี้บีมกำลังลองเข้าไปเล่นในเขาวงกตอยู่ทำให้เธอได้ยินแต่เสียงของมินเท่านั้น ฉันมองมินแล้วพยักหน้าให้เธอแทนการสวัสดี
“บีมอยู่แถวนี้รึเปล่า”เป็นคำพูดติดปากของทุกคนที๋ฉันรู้จักไปแล้ว เมื่อมาทักฉันก็จะต้องถามถึงบีมด้วย ฉันชี้เข้าไปในกระจกทั้งหมด
“แก้ว... ออกไงอ่ะ”บีมตะโกนมาจากด้านใน ฉันยิ้มจางๆ แน่นอนว่ามินไม่มีทางได้ยินเสียงของบีม ฉันขอตัวจากมินแล้วไปปีนเก้าอี้สูงดูเพื่อสำรวจว่าบีมอยู่ตรงไหน ก่อนจะไต่เก้าอี้ลงมาแล้วเดินไปตามทางที่ฉันมาร์กเอาไว้ เพื่อไปให้ถึงตัวบีม แต่เมื่อฉันเจอบีมแล้ว เธอกลับทำให้ฉันประหลาดใจมากกว่า
“บีม... ในกระจกน่ะ ใช่เธอรึเปล่า”ฉันชี้เงาสะท้อนในกระจก ภาพสะท้อนนั้นเป็นเด็กผู้หญิงที่ตัวเล็กกว่าบีมและดูยังเด็กกว่าด้วย เธอคนนั้นดูบางเบา เหมือนจะจางหายไปได้ทุกเวลา สิ่งเดียวที่ทำให้ฉันสงสัยคือ... ภาพในกระจกที่สะท้อนออกมา นั่นจะใช่ตัวตนในสมัยที่บีมยังมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่ เธอในกระจกหันมายิ้มให้กับทั้งฉันและบีมก่อนจะจางหายไป นั่นทำให้บีมดูเศร้าซึมลงไปในทันที ฉันจูงมือบีมให้เดินตามจุดที่ฉันมาร์กเอาไว้ตามทาง จนออกมาถึงข้างนอก
“คนในกระจกคือเธอเหรอบีม”ฉันถามหลังจากออกมาข้างนอกได้ โดยมีมินนั่งกินขนมอยู่ข้างๆ นั่งมองฉันคุยกับอากาศอย่างสบายใจ ฉันกำลังคิดว่าฉันบ้าที่คบกับคนอย่างมินที่รู้ว่ามีวิญญาณอยู่ตรงหน้าแต่กลับกินขนมได้อย่างสบายใจ หรือมินที่บ้ามาดูฉันคุยกับอากาศเพราะเธอมองไม่เห็นวิญญาณกันแน่ ฉันชักไม่เข้าใจตัวเองแล้วสิ
“ไม่รู้... ฉันจำไม่ได้”บีมบอกแล้วค่อยๆจางหายไป ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากคุยอะไรเท่าไร ที่จริงถ้าฉันจะหาเธอ ฉันก็เรียกมาได้ แต่ถ้าบีมไม่อยากให้ฉันเจอ ฉันก็จะไม่หาเธอ ปล่อยให้ไปทำใจหน่อยเดี๋ยวคงดีขึ้น
รอไม่นานเท่าไร ทุกคนก็ค่อยๆทยอยกันมาพร้อมกับห้องที่จัดเสร็จเรียบร้อยพร้อมสำหรับการเข้าไปเล่นแล้ว ฉันปล่อยให้ทุกคนในห้องดูแลซุ้ม ส่วนฉันก็ไปเดินดูซุ้มอื่นๆ จนเลิกไปถึงซุ้มของม.2/1
“ไอซ์ แฟนซี ยินดีต้อนรับค่า~”ฉันเดินเข้าไปดู ห้องนี้จัดได้อย่างลงตัว ไม่รู้ว่าใครคิดนะ แต่มันเป็นร้านขายน้ำแข็งไส มีนักเรียนแต่งชุดเป็นยีราฟ เป็นม้าลายบ้าง นึกว่าอยู่ในสวนสัตว์เลยนะเนี่ย ฉันสั่งน้ำแข็งไสแล้วเอามานั่งกินระหว่างนั้นก็มองหาคนที่ฉันพอจะรู้จักบ้าง ก่อนจะเห็นนายเต้กำลังยืนตอนรับลูกค้าอยู่ นายนั่นแต่งเป็นฮิปโปล่ะ น่าขำชะมัด แต่ระหว่างที่ฉันกินอยู่ก็มีน้ำส้มวางลงบนโต๊ะฉัน แน่นอนว่าฉันไม่ได้เป็นคนสั่ง ในขณะที่ฉันกำลังจะหันไปปฏิเสธ ก็เจอคำพูดตอบกลับมาก่อนฉันจะพูดอะไรเสียอีก
“มีคนฝากมาให้ บอกว่าสำหรับคนโชคร้ายครับ”บอกแค่นั้นก่อนจะเดินกลับไป แน่นอนว่าฉันรู้ในทันทีว่าใครสั่งให้เอามาให้ คนที่เรียกฉันว่าคนโชคร้าย มีอยู่แค่คนเดียวเท่านั่นแหละค่ะ... นายเต้ ฉันส่งค้อนลูกใหญ่ไปให้นายเต้ที่ยืนยิ้มรับอย่างยินดี บ้าชะมัดเลย... ให้ตายสิ!
“ทั้งหมด 35 บาทค่ะ”ฉันให้ใครคนหนึ่งที่อยู่ในชุดแฟนซีมาคิดเงิน ฉันหยิบแบงค์ยี่สิบสองใบส่งให้แล้วเดินออกมานอกร้าน ไหนๆนายเต้ก็มีน้ำใจเลี้ยงน้ำส้มฉัน จ่ายเกินไม่กี่บาทคงไม่เป็นไรมั้ง ฉันเดินสำรวจไปเรื่อยๆ มีหลายซุ้มที่น่าสนุก ฉันเดินผ่านซุ้มๆหนึ่งที่ทำเอาฉันต้องหยุดยืนดู
“เธอกำลังมีโชคนะ อาจได้รับเคราะห์ทางน้ำ ระวังตัวด้วย ถ้าเจอผู้หลักผู้ใหญ่ก็ให้ทำตัวนอบน้อมเอาไว้ แล้วจะได้รับโชคที่ไม่คาดฝัน”ผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งนิ่งอยู่บนโต๊ะผ้าสีกำมะหยีสีแดงเลือดหมู บรรยากาศในห้องมีสีทึบๆ ดูมีมนต์ขลังอย่างประหลาด รวมกับผู้ทำนายที่ใช้ผ้าคลุมหน้าไว้ทั้งหมด ชุดสีดำที่กลืนไปกับสีห้อง ทำให้ดูลึกลับน่าค้นหา ฉันมองผ่านฝูงคนที่กำลังรุมล้อมห้องนี้ หน้าห้องเขียนป้ายไว้ว่า ‘ ทำนายโชคชะตา ดวงวันนี้ การงาน การเงิน ความรัก ’ ฉันหัวเราะฮึเบาๆ เรื่องงมงายพวกนี้ ก็แค่ใช้การเดามั่วๆเท่านั้นเอง
“น้องแก้ว... เข้ามาสิครับ”ฉันเผลอหันมองคนเรียกที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะ ผ้าคลุมสีดำถูกปลดออกจากหน้า ทำให้ฉันตกใจไม่ใช่น้อยเมื่อหลังผ้าคลุมนั่นเป็นคนที่ฉันรู้จักดี เคยเห็นหน้ามาครั้งนี้ก็ครั้งที่สี่แล้ว ฉันเดินไปนั่งลงแล้วยกมือไหว้
“หวัดดีค่ะพี่อาร์ต เพิ่งรู้นะคะว่าว่าที่หมอผีก็ดูดวงเป็นด้วย”ฉันหยอกก่อนจะยื่นมือให้กับพี่อาร์ตที่แบมือรออยู่ เขาหลับตาลงสักพัก ก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วดันมือของฉันออกไป
“ไม่มีอดีตนี้หน่า เธอความจำเสื่อมเหรอ”พี่อาร์ตทักในสิ่งที่ฉันแน่ใจว่าไม่เคยบอกให้พี่เขารู้ ฉันพยักหน้าเบาๆ พี่อาร์ตยิ้มเผล่แล้วผายมือเชิญ ก่อนเดินออกไป พี่อาร์ตได้บอกฉันไว้ประโยคหนึ่ง
“เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเอง ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”เขาว่าอย่างนั้นแหละค่ะ อะไรจะดีนะ ฉันเดินออกไปเรื่อยๆ โผล่หน้าไปชมรมบาสที่ทำเป็นบ้านผีสิง พี่ริวดูท่าจะโดดงานห้องมาช่วงงานชมรมซะมากกว่านะเนี่ย พี่ริวแต่งเป็นแฟรงค์เกนสไตล์ ค่อยเก็บเงินอยู่ที่หน้าทางเข้า เกิดมาเพิ่งเคยเห็นแฟรงค์เกนสไตล์ดูดีขนาดนี้นะเนี่ย ฉันเดินเข้าไปทักพี่เขาเล็กน้อย ก่อนจะถูกดันหลังให้เข้าไปในบ้านผีสิง นี่วันนี้ฉันถูกลากให้เข้าไปในงานของคนรู้จักเกือบหมดแล้วนะเนี่ย แถมได้มาฟรีๆอีกต่างหาก แต่ถ้าเขาเต็มใจให้ ทำไมฉันจะรับไว้ไม่ได้ล่ะ ฉันเดินเข้าไปในบ้านผีสิงที่สร้างบรรยากาศให้ประสาทหลอนสุดๆ มีเสียงหมาหอน เสียงพระสวด เสียงกระจกแตกดังอยู่ตลอดเวลา ระหว่างทางเดินก็มีผีโผล่มาหลอกอยู่ตามระยะ แต่จะทำอะไรกับคนที่เจอผีได้ทุกวี่ทุกวันอย่างฉันกันล่ะ ที่ฉันเดินผ่านมาเนี่ย เบสิกๆทั้งนั้น เละกว่านี้ฉันก็เจอมาแล้ว
“แฮ่!”ผีตัวหนึ่งโผล่มาจากบนเพดาน ชักจะทำเหมือนขึ้นทุกทีแล้วนะ ฉันเอามือปัดผีตัวนั้นออก แต่มือของฉันกลับปัดทะลุผ่านร่างของผีตัวนั้นได้ง่ายดาย ราวกับเป็นแค่อากาศ ฉันมองคนอื่นๆที่เดินผ่านผีตัวนั้นไป เหมือนกับไม่เห็นอะไรอยู่ตรงนั้น งั้นแสดงว่าฉันได้เจอกับวิญญาณอีกแล้วสิเนี่ย ฉันเพ่งมองให้ดีๆ ก่อนจะรู้ว่าวิญญาณตรงหน้าคือใคร
“พี่นัทเองเหรอ ตกใจหมดเลย”ฉันบ่นพึมพำ ก่อนจะมองไปรอบๆ ถ้าเจอพี่นัทแน่นอนว่ามันต้อมีใครอยู่ด้วยอีกแน่
“บีม!! ซัน!!”ฉันตะโกนดังลั่น แสดงว่าผีที่ฉันผ่านมาเมื่อกี้ มีทั้งซันทั้งบีมเลย มากันครบทีมจริงๆ ฉันครางในลำคอเบา ก่อนจะมองบีมที่ลอยมาในสภาพผีตัวเมื่อกี้เป๊ะเลย ถึงว่าทำไมไม่มีใครกรี๊ดเลยสักคน เธอเปลี่ยนร่างให้เป็นแบบเดิม แล้วลอยมาเกาะคอฉัน
“น่ากลัวรึเปล่า ซันแต่งให้ฉันแหละ น่าเสียดายที่แก้วไม่ยอมกลัวเลย...”บีมเข้ามาออดอ้อนฉันอยู่ข้างหู จักจี้นะเว้ย! ฉันผลักบีมให้ออกห่างจากตัวฉัน แล้วมองวิญญาณทั้งสามตัวที่ลอยอยู่รอบตัวฉัน เอ่อ... นี้ฉันถูกผีบังใช่ไหมเนี่ย บังมิดเลยด้วย ฉันจับผมมาปล่อยยาวถึงกลางหลังมามัดรวมไว้ด้วยหนังยางสีดำ ก่อนจะออกมาด้านนอก เดินระหว่างทางก็มีผีออกมาหลอกล่ะค่ะ แต่ฉันมีผีห้อมล้อมอยู่ตั้งสามตัว ไม่เห็นจะต้องไปกลัวผีที่เป็นคนเลย พอออกมาข้างนอก บีม ซันและพี่นัทก็ขอตัวกลับเข้าไปหลอกคนในบ้านผีสิงอีกครั้ง แถมยังมีการโบกมืออำลาอีกแหน่ะ สุดๆเลยพวกนี้นี่...
ฉันเดินไปเรื่อยๆ หาเกมที่น่าเล่น แต่พอดูแล้วไม่มีอะไร ฉันก็เดินกลับไปที่ซุ้มห้องของฉัน ที่ตอนนี้แน่นไปด้วยผู้คนที่กำลังเข้าไปเล่นเกม มีบางคนออกไม่ได้ก็ยกมือให้ช่วย แล้วมินก็จะเป็นคนไปพาออกมา ไม่งั้นมีหวังได้หาทางออกทั้งวันน่ะสิ ฉันโบกมือให้กับโชและมิน เพื่อให้ทั้งสองคนรับรู้ว่าฉันกลับมาแล้ว โชที่กำลังเก็บเงินค่าเข้ายกมือตอบกลับ ส่วนมินก็เดินมาเอาป้ายแขวนคอฉันไว้
“เอาไปเลย แล้วคอยดูคนที่ยกมือด้วยล่ะ ฉันไปหาเอ็มก่อนนะ”มินกระซิบประโยคหลังกับฉันแล้วออกไปลั่นล้าด้านนอก เอาเข้าไปสิ หลังจากที่ฉันรู้ความลับเธอแล้ว เธอก็ชอบมาคุยเรื่องเอ็มกับฉันตลอด จะรู้บ้างไหมเนี่ยว่าเอ็มกับฉันน่ะ เป็นศัตรูกันนะ ถึงตอนนี้มันจะไม่ค่อยเหมือนแล้วก็เหอะ ฉันมองตามหลังของมินออกไปแล้วหันไปมองโชที่แบมือสองข้างแบบชินชา ฉันเลยหันมามองหน้าที่ของตัวเองดีกว่า ในห้องตอนนี้มีทีมงานอยู่ราวๆ5-6คน ทำหน้าที่คอยต้อนรับ เก็บเงิน และคอยช่วยเหลือคนที่หาทางออกไม่ได้
ฉันทำงานของฉันไปเกือบครึ่งค่อนชั่วโมง มินถึงกลับมาหาฉันอีกครั้งพร้อมใบหน้าเปี่ยมสุข เออ... ปล่อยเขาไปเถอะนะ ฉันมองนาฬิกาที่ห้องก่อนจะเป่านกหวีด เพื่อบอกให้คนที่เล่นเกมอยู่รู้ว่าหมดเวลาเล่นเกมนี้แล้ว ผู้ช่วยเหลือที่ยืนรออยู่ด้านนอกวิ่งเข้าไปหาคนที่หลงอยู่ตามจุดต่างๆและพาออกมา ก่อนจะเคลียร์พื้นที่ให้คนที่จะเล่นกลุ่มใหม่เข้าไป ฉันปีนขึ้นไปบนเก้าอี้สูงที่ตอนแรกมีเพื่อนคนหนึ่งนั่งอยู่ แต่ตอนนี้เห็นว่าขอไปพักก่อน ฉันเลยขึ้นมาแทน เด็กชั้นประถมที่อยู่โรงเรียนรัตนวิทยาก็มาด้วย ฉันสังเกตจากตัวย่อที่ปักบนเสื้อนั่นแหละ ฉันมองผ่านไปเรื่อยๆ ก่อนจะสะดุดกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ดูเธอห้าวๆเหมือนทอมยังไงไม่รู้ ฉันมองผ่านเธอไปรอบๆอีกครั้งและมองกลับมาที่เดิมเพื่อจะพบว่าเธอยังคงจ้องฉันไม่วางตา ฉันยิ้มให้เธอจางๆ สงสัยหน้าฉันมีอะไรติดอยู่มั้ง เธอคนนั้นเดินเข้ามาหาฉันก่อนจะชี้หน้าฉัน
“พี่แก้วใช่ป่ะ จำซอลได้มั๊ย?”ฉันมองหน้าเด็กคนนั้นก่อนจะพยายามนึกหน้าของเด็กคนนี้ แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก
“ไม่รู้สิ พี่จำไม่ได้”ฉันส่ายหน้าปฏิเสธ เด็กที่ชื่อซอลทำหน้าเสียดายนิดๆแล้วมองป้ายชื่อที่แขวนคอฉันอยู่ แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้ม
“ยังไงพี่ก็คือพี่แก้วนั่นแหละ ซอลจำชื่อจริงพี่ได้ ซอลเรียนอยู่รัตนวิทยาไง ซอลเคยคุยกับพี่ตอนป.2 แล้วหลังจากนั้นซอลก็ไม่ได้เจอพี่อีกเลย”ซอลทำท่าจะพูดต่ออีกยาวแต่ก็มีเสียงเพื่อนๆของเธอเรียกไว้ เธอหันไปโบกมือให้แล้วหันมาบอกลากับฉัน
“ซอลไปก่อนนะพี่ ว่างๆจะแวะมาหา”เธอบอกแล้วหันหลังวิ่งไปหากลุ่มเพื่อนๆที่รออยู่ ฉันมองตามหลังเธอไปแล้วก็หัวเราะเบาๆ น่าแปลกที่คราวนี้ไม่มีภาพอะไรผุดขึ้นจากหัว สงสัยว่าเด็กที่ชื่อซอลคงจะไม่ได้อยู่ในความทรงจำฉันล่ะมั้ง ฉันนั่งอยู่ด้านบนประมาณสิบกว่ารอบก่อนจะเปลี่ยนให้มินขึ้นไปนั่งแทน นายโชนี่รู้สึกจะขออู้งานออกไปเดินดูข้างนอกบ้างแล้ว ฉันเดินวนรอบงานอีกครั้ง ก่อนจะเจอนายโชกำลังเล่นเกมช้อนปลาทองอย่างเมามันส์ ช้อนทีปลายังไม่ทันขึ้นกระดาษก็ขาด ฉันหัวเราะก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆ
“การช้อนปลาทองมันมีทริกรู้ไหม”ฉันบอกแล้วแย่งช้อนกระดาษไปถือไว้ แล้วช้อนปลาทองขึ้นมาใส่ขันได้หนึ่งตัว โชมองหน้าฉันตาโต ก่อนจะแกล้งทำเป็นก้มหัวคารวะ ฉันเผลอหัวเราะดังลั่น
“ข้าน้อยขอคารวะท่านอาจารย์ โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถิด”โชก้มหัวขอร้องพร้อมกับลงจากเก้าอี้ไปคุกเข่าที่พื้น เหมือนหนังจีนเด๊ะเลย ฉันยื่นช้อนกระดาษให้แก่นายโช
“เอาสิ แต่สอนครั้งเดียวนะ ถ้าศิษย์ทำไม่ได้ อาจารย์จะไม่สอน”ฉันแกล้งหยอก นายโชรีบลุกมาหยิบช้อนกระดาษแล้วฟังที่ฉันพูดอย่างตั้งอกตั้งใจ มันทำให้ฉันหลุดขำไปได้ตั้งหลายทีแหน่ะ
ความคิดเห็น