ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สัมผัสที่หก

    ลำดับตอนที่ #9 : งานโรงเรียน

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 55


    เช้าวันจันทร์นี้ไม่มีการเข้าแถว แต่ให้นักเรียนไปจัดตกแต่งห้องที่เหลือให้เสร็จ ฉันเองก็มาโรงเรียนแต่เช้าเพื่อสำรวจความเรียบร้อยของห้องเรียน  ภาวนาให้วันนี้ไม่มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นกับฉัน หลังจากที่มีชีวิตสงบสุขอยู่เกือบสองอาทิตย์  ฉันเดินสำรวจปากกาเมจิกที่ทุกคนในห้องเอาไว้ใช้นำทางหากใครหาทางออกไม่ได้จริงๆ  วันนี้หัวหน้าห้องจะเป็นคนคอยมองทุกคนจากเก้าอี้สูง  เพราะกระจกมันสองเท่ากับหัวคนพอดี ไม่มีทางที่จะมองเห็นคนอื่นๆได้เลย 

    อ้าวแก้ว... มาเช้าจังเลยนะเสียงมินดังขึ้นด้านหลังฉัน  ตอนนี้บีมกำลังลองเข้าไปเล่นในเขาวงกตอยู่ทำให้เธอได้ยินแต่เสียงของมินเท่านั้น  ฉันมองมินแล้วพยักหน้าให้เธอแทนการสวัสดี

    บีมอยู่แถวนี้รึเปล่าเป็นคำพูดติดปากของทุกคนที๋ฉันรู้จักไปแล้ว เมื่อมาทักฉันก็จะต้องถามถึงบีมด้วย  ฉันชี้เข้าไปในกระจกทั้งหมด

    แก้ว... ออกไงอ่ะบีมตะโกนมาจากด้านใน ฉันยิ้มจางๆ แน่นอนว่ามินไม่มีทางได้ยินเสียงของบีม  ฉันขอตัวจากมินแล้วไปปีนเก้าอี้สูงดูเพื่อสำรวจว่าบีมอยู่ตรงไหน  ก่อนจะไต่เก้าอี้ลงมาแล้วเดินไปตามทางที่ฉันมาร์กเอาไว้ เพื่อไปให้ถึงตัวบีม แต่เมื่อฉันเจอบีมแล้ว เธอกลับทำให้ฉันประหลาดใจมากกว่า

    บีม... ในกระจกน่ะ ใช่เธอรึเปล่าฉันชี้เงาสะท้อนในกระจก ภาพสะท้อนนั้นเป็นเด็กผู้หญิงที่ตัวเล็กกว่าบีมและดูยังเด็กกว่าด้วย  เธอคนนั้นดูบางเบา เหมือนจะจางหายไปได้ทุกเวลา สิ่งเดียวที่ทำให้ฉันสงสัยคือ... ภาพในกระจกที่สะท้อนออกมา นั่นจะใช่ตัวตนในสมัยที่บีมยังมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่  เธอในกระจกหันมายิ้มให้กับทั้งฉันและบีมก่อนจะจางหายไป  นั่นทำให้บีมดูเศร้าซึมลงไปในทันที  ฉันจูงมือบีมให้เดินตามจุดที่ฉันมาร์กเอาไว้ตามทาง จนออกมาถึงข้างนอก

    คนในกระจกคือเธอเหรอบีมฉันถามหลังจากออกมาข้างนอกได้ โดยมีมินนั่งกินขนมอยู่ข้างๆ นั่งมองฉันคุยกับอากาศอย่างสบายใจ  ฉันกำลังคิดว่าฉันบ้าที่คบกับคนอย่างมินที่รู้ว่ามีวิญญาณอยู่ตรงหน้าแต่กลับกินขนมได้อย่างสบายใจ หรือมินที่บ้ามาดูฉันคุยกับอากาศเพราะเธอมองไม่เห็นวิญญาณกันแน่ ฉันชักไม่เข้าใจตัวเองแล้วสิ

    ไม่รู้... ฉันจำไม่ได้บีมบอกแล้วค่อยๆจางหายไป ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากคุยอะไรเท่าไร  ที่จริงถ้าฉันจะหาเธอ ฉันก็เรียกมาได้ แต่ถ้าบีมไม่อยากให้ฉันเจอ ฉันก็จะไม่หาเธอ  ปล่อยให้ไปทำใจหน่อยเดี๋ยวคงดีขึ้น

    รอไม่นานเท่าไร ทุกคนก็ค่อยๆทยอยกันมาพร้อมกับห้องที่จัดเสร็จเรียบร้อยพร้อมสำหรับการเข้าไปเล่นแล้ว ฉันปล่อยให้ทุกคนในห้องดูแลซุ้ม ส่วนฉันก็ไปเดินดูซุ้มอื่นๆ  จนเลิกไปถึงซุ้มของม.2/1

    ไอซ์ แฟนซี ยินดีต้อนรับค่า~”ฉันเดินเข้าไปดู ห้องนี้จัดได้อย่างลงตัว ไม่รู้ว่าใครคิดนะ แต่มันเป็นร้านขายน้ำแข็งไส มีนักเรียนแต่งชุดเป็นยีราฟ เป็นม้าลายบ้าง นึกว่าอยู่ในสวนสัตว์เลยนะเนี่ย  ฉันสั่งน้ำแข็งไสแล้วเอามานั่งกินระหว่างนั้นก็มองหาคนที่ฉันพอจะรู้จักบ้าง  ก่อนจะเห็นนายเต้กำลังยืนตอนรับลูกค้าอยู่  นายนั่นแต่งเป็นฮิปโปล่ะ น่าขำชะมัด แต่ระหว่างที่ฉันกินอยู่ก็มีน้ำส้มวางลงบนโต๊ะฉัน แน่นอนว่าฉันไม่ได้เป็นคนสั่ง  ในขณะที่ฉันกำลังจะหันไปปฏิเสธ ก็เจอคำพูดตอบกลับมาก่อนฉันจะพูดอะไรเสียอีก

    มีคนฝากมาให้ บอกว่าสำหรับคนโชคร้ายครับบอกแค่นั้นก่อนจะเดินกลับไป แน่นอนว่าฉันรู้ในทันทีว่าใครสั่งให้เอามาให้ คนที่เรียกฉันว่าคนโชคร้าย  มีอยู่แค่คนเดียวเท่านั่นแหละค่ะ... นายเต้ ฉันส่งค้อนลูกใหญ่ไปให้นายเต้ที่ยืนยิ้มรับอย่างยินดี  บ้าชะมัดเลย... ให้ตายสิ!

    ทั้งหมด 35 บาทค่ะฉันให้ใครคนหนึ่งที่อยู่ในชุดแฟนซีมาคิดเงิน ฉันหยิบแบงค์ยี่สิบสองใบส่งให้แล้วเดินออกมานอกร้าน  ไหนๆนายเต้ก็มีน้ำใจเลี้ยงน้ำส้มฉัน จ่ายเกินไม่กี่บาทคงไม่เป็นไรมั้ง ฉันเดินสำรวจไปเรื่อยๆ มีหลายซุ้มที่น่าสนุก  ฉันเดินผ่านซุ้มๆหนึ่งที่ทำเอาฉันต้องหยุดยืนดู

    เธอกำลังมีโชคนะ  อาจได้รับเคราะห์ทางน้ำ ระวังตัวด้วย  ถ้าเจอผู้หลักผู้ใหญ่ก็ให้ทำตัวนอบน้อมเอาไว้ แล้วจะได้รับโชคที่ไม่คาดฝันผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งนิ่งอยู่บนโต๊ะผ้าสีกำมะหยีสีแดงเลือดหมู  บรรยากาศในห้องมีสีทึบๆ ดูมีมนต์ขลังอย่างประหลาด รวมกับผู้ทำนายที่ใช้ผ้าคลุมหน้าไว้ทั้งหมด ชุดสีดำที่กลืนไปกับสีห้อง  ทำให้ดูลึกลับน่าค้นหา  ฉันมองผ่านฝูงคนที่กำลังรุมล้อมห้องนี้ หน้าห้องเขียนป้ายไว้ว่า ทำนายโชคชะตา ดวงวันนี้  การงาน การเงิน ความรักฉันหัวเราะฮึเบาๆ  เรื่องงมงายพวกนี้ ก็แค่ใช้การเดามั่วๆเท่านั้นเอง

    น้องแก้ว... เข้ามาสิครับฉันเผลอหันมองคนเรียกที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะ  ผ้าคลุมสีดำถูกปลดออกจากหน้า  ทำให้ฉันตกใจไม่ใช่น้อยเมื่อหลังผ้าคลุมนั่นเป็นคนที่ฉันรู้จักดี เคยเห็นหน้ามาครั้งนี้ก็ครั้งที่สี่แล้ว  ฉันเดินไปนั่งลงแล้วยกมือไหว้

    หวัดดีค่ะพี่อาร์ต  เพิ่งรู้นะคะว่าว่าที่หมอผีก็ดูดวงเป็นด้วยฉันหยอกก่อนจะยื่นมือให้กับพี่อาร์ตที่แบมือรออยู่  เขาหลับตาลงสักพัก  ก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วดันมือของฉันออกไป

    ไม่มีอดีตนี้หน่า  เธอความจำเสื่อมเหรอพี่อาร์ตทักในสิ่งที่ฉันแน่ใจว่าไม่เคยบอกให้พี่เขารู้  ฉันพยักหน้าเบาๆ  พี่อาร์ตยิ้มเผล่แล้วผายมือเชิญ ก่อนเดินออกไป พี่อาร์ตได้บอกฉันไว้ประโยคหนึ่ง

    เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเอง  ไม่ต้องเป็นห่วงนะเขาว่าอย่างนั้นแหละค่ะ  อะไรจะดีนะ  ฉันเดินออกไปเรื่อยๆ  โผล่หน้าไปชมรมบาสที่ทำเป็นบ้านผีสิง  พี่ริวดูท่าจะโดดงานห้องมาช่วงงานชมรมซะมากกว่านะเนี่ย  พี่ริวแต่งเป็นแฟรงค์เกนสไตล์  ค่อยเก็บเงินอยู่ที่หน้าทางเข้า  เกิดมาเพิ่งเคยเห็นแฟรงค์เกนสไตล์ดูดีขนาดนี้นะเนี่ย  ฉันเดินเข้าไปทักพี่เขาเล็กน้อย  ก่อนจะถูกดันหลังให้เข้าไปในบ้านผีสิง  นี่วันนี้ฉันถูกลากให้เข้าไปในงานของคนรู้จักเกือบหมดแล้วนะเนี่ย  แถมได้มาฟรีๆอีกต่างหาก  แต่ถ้าเขาเต็มใจให้ ทำไมฉันจะรับไว้ไม่ได้ล่ะ  ฉันเดินเข้าไปในบ้านผีสิงที่สร้างบรรยากาศให้ประสาทหลอนสุดๆ มีเสียงหมาหอน เสียงพระสวด เสียงกระจกแตกดังอยู่ตลอดเวลา  ระหว่างทางเดินก็มีผีโผล่มาหลอกอยู่ตามระยะ แต่จะทำอะไรกับคนที่เจอผีได้ทุกวี่ทุกวันอย่างฉันกันล่ะ ที่ฉันเดินผ่านมาเนี่ย เบสิกๆทั้งนั้น  เละกว่านี้ฉันก็เจอมาแล้ว 

    แฮ่!”ผีตัวหนึ่งโผล่มาจากบนเพดาน  ชักจะทำเหมือนขึ้นทุกทีแล้วนะ  ฉันเอามือปัดผีตัวนั้นออก แต่มือของฉันกลับปัดทะลุผ่านร่างของผีตัวนั้นได้ง่ายดาย ราวกับเป็นแค่อากาศ  ฉันมองคนอื่นๆที่เดินผ่านผีตัวนั้นไป เหมือนกับไม่เห็นอะไรอยู่ตรงนั้น  งั้นแสดงว่าฉันได้เจอกับวิญญาณอีกแล้วสิเนี่ย  ฉันเพ่งมองให้ดีๆ ก่อนจะรู้ว่าวิญญาณตรงหน้าคือใคร

    พี่นัทเองเหรอ  ตกใจหมดเลยฉันบ่นพึมพำ ก่อนจะมองไปรอบๆ ถ้าเจอพี่นัทแน่นอนว่ามันต้อมีใครอยู่ด้วยอีกแน่

    บีม!! ซัน!!”ฉันตะโกนดังลั่น แสดงว่าผีที่ฉันผ่านมาเมื่อกี้ มีทั้งซันทั้งบีมเลย มากันครบทีมจริงๆ   ฉันครางในลำคอเบา  ก่อนจะมองบีมที่ลอยมาในสภาพผีตัวเมื่อกี้เป๊ะเลย  ถึงว่าทำไมไม่มีใครกรี๊ดเลยสักคน  เธอเปลี่ยนร่างให้เป็นแบบเดิม  แล้วลอยมาเกาะคอฉัน

    น่ากลัวรึเปล่า  ซันแต่งให้ฉันแหละ  น่าเสียดายที่แก้วไม่ยอมกลัวเลย...บีมเข้ามาออดอ้อนฉันอยู่ข้างหู จักจี้นะเว้ย!  ฉันผลักบีมให้ออกห่างจากตัวฉัน  แล้วมองวิญญาณทั้งสามตัวที่ลอยอยู่รอบตัวฉัน  เอ่อ... นี้ฉันถูกผีบังใช่ไหมเนี่ย บังมิดเลยด้วย  ฉันจับผมมาปล่อยยาวถึงกลางหลังมามัดรวมไว้ด้วยหนังยางสีดำ  ก่อนจะออกมาด้านนอก  เดินระหว่างทางก็มีผีออกมาหลอกล่ะค่ะ แต่ฉันมีผีห้อมล้อมอยู่ตั้งสามตัว  ไม่เห็นจะต้องไปกลัวผีที่เป็นคนเลย  พอออกมาข้างนอก  บีม ซันและพี่นัทก็ขอตัวกลับเข้าไปหลอกคนในบ้านผีสิงอีกครั้ง แถมยังมีการโบกมืออำลาอีกแหน่ะ สุดๆเลยพวกนี้นี่...

    ฉันเดินไปเรื่อยๆ หาเกมที่น่าเล่น  แต่พอดูแล้วไม่มีอะไร ฉันก็เดินกลับไปที่ซุ้มห้องของฉัน  ที่ตอนนี้แน่นไปด้วยผู้คนที่กำลังเข้าไปเล่นเกม  มีบางคนออกไม่ได้ก็ยกมือให้ช่วย  แล้วมินก็จะเป็นคนไปพาออกมา  ไม่งั้นมีหวังได้หาทางออกทั้งวันน่ะสิ  ฉันโบกมือให้กับโชและมิน เพื่อให้ทั้งสองคนรับรู้ว่าฉันกลับมาแล้ว  โชที่กำลังเก็บเงินค่าเข้ายกมือตอบกลับ  ส่วนมินก็เดินมาเอาป้ายแขวนคอฉันไว้

    เอาไปเลย แล้วคอยดูคนที่ยกมือด้วยล่ะ ฉันไปหาเอ็มก่อนนะมินกระซิบประโยคหลังกับฉันแล้วออกไปลั่นล้าด้านนอก  เอาเข้าไปสิ  หลังจากที่ฉันรู้ความลับเธอแล้ว เธอก็ชอบมาคุยเรื่องเอ็มกับฉันตลอด  จะรู้บ้างไหมเนี่ยว่าเอ็มกับฉันน่ะ เป็นศัตรูกันนะ ถึงตอนนี้มันจะไม่ค่อยเหมือนแล้วก็เหอะ  ฉันมองตามหลังของมินออกไปแล้วหันไปมองโชที่แบมือสองข้างแบบชินชา  ฉันเลยหันมามองหน้าที่ของตัวเองดีกว่า  ในห้องตอนนี้มีทีมงานอยู่ราวๆ5-6คน  ทำหน้าที่คอยต้อนรับ เก็บเงิน และคอยช่วยเหลือคนที่หาทางออกไม่ได้  น็็

                ฉันทำงานของฉันไปเกือบครึ่งค่อนชั่วโมง  มินถึงกลับมาหาฉันอีกครั้งพร้อมใบหน้าเปี่ยมสุข เออ... ปล่อยเขาไปเถอะนะ  ฉันมองนาฬิกาที่ห้องก่อนจะเป่านกหวีด เพื่อบอกให้คนที่เล่นเกมอยู่รู้ว่าหมดเวลาเล่นเกมนี้แล้ว ผู้ช่วยเหลือที่ยืนรออยู่ด้านนอกวิ่งเข้าไปหาคนที่หลงอยู่ตามจุดต่างๆและพาออกมา  ก่อนจะเคลียร์พื้นที่ให้คนที่จะเล่นกลุ่มใหม่เข้าไป  ฉันปีนขึ้นไปบนเก้าอี้สูงที่ตอนแรกมีเพื่อนคนหนึ่งนั่งอยู่  แต่ตอนนี้เห็นว่าขอไปพักก่อน  ฉันเลยขึ้นมาแทน  เด็กชั้นประถมที่อยู่โรงเรียนรัตนวิทยาก็มาด้วย ฉันสังเกตจากตัวย่อที่ปักบนเสื้อนั่นแหละ  ฉันมองผ่านไปเรื่อยๆ ก่อนจะสะดุดกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ดูเธอห้าวๆเหมือนทอมยังไงไม่รู้ ฉันมองผ่านเธอไปรอบๆอีกครั้งและมองกลับมาที่เดิมเพื่อจะพบว่าเธอยังคงจ้องฉันไม่วางตา  ฉันยิ้มให้เธอจางๆ สงสัยหน้าฉันมีอะไรติดอยู่มั้ง  เธอคนนั้นเดินเข้ามาหาฉันก่อนจะชี้หน้าฉัน

                พี่แก้วใช่ป่ะ  จำซอลได้มั๊ย?ฉันมองหน้าเด็กคนนั้นก่อนจะพยายามนึกหน้าของเด็กคนนี้ แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก

                ไม่รู้สิ  พี่จำไม่ได้ฉันส่ายหน้าปฏิเสธ เด็กที่ชื่อซอลทำหน้าเสียดายนิดๆแล้วมองป้ายชื่อที่แขวนคอฉันอยู่  แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้ม

                ยังไงพี่ก็คือพี่แก้วนั่นแหละ ซอลจำชื่อจริงพี่ได้  ซอลเรียนอยู่รัตนวิทยาไง  ซอลเคยคุยกับพี่ตอนป.2 แล้วหลังจากนั้นซอลก็ไม่ได้เจอพี่อีกเลยซอลทำท่าจะพูดต่ออีกยาวแต่ก็มีเสียงเพื่อนๆของเธอเรียกไว้  เธอหันไปโบกมือให้แล้วหันมาบอกลากับฉัน

                ซอลไปก่อนนะพี่  ว่างๆจะแวะมาหาเธอบอกแล้วหันหลังวิ่งไปหากลุ่มเพื่อนๆที่รออยู่  ฉันมองตามหลังเธอไปแล้วก็หัวเราะเบาๆ  น่าแปลกที่คราวนี้ไม่มีภาพอะไรผุดขึ้นจากหัว  สงสัยว่าเด็กที่ชื่อซอลคงจะไม่ได้อยู่ในความทรงจำฉันล่ะมั้ง  ฉันนั่งอยู่ด้านบนประมาณสิบกว่ารอบก่อนจะเปลี่ยนให้มินขึ้นไปนั่งแทน  นายโชนี่รู้สึกจะขออู้งานออกไปเดินดูข้างนอกบ้างแล้ว  ฉันเดินวนรอบงานอีกครั้ง ก่อนจะเจอนายโชกำลังเล่นเกมช้อนปลาทองอย่างเมามันส์  ช้อนทีปลายังไม่ทันขึ้นกระดาษก็ขาด ฉันหัวเราะก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆ

                การช้อนปลาทองมันมีทริกรู้ไหมฉันบอกแล้วแย่งช้อนกระดาษไปถือไว้ แล้วช้อนปลาทองขึ้นมาใส่ขันได้หนึ่งตัว  โชมองหน้าฉันตาโต  ก่อนจะแกล้งทำเป็นก้มหัวคารวะ  ฉันเผลอหัวเราะดังลั่น

                ข้าน้อยขอคารวะท่านอาจารย์ โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถิดโชก้มหัวขอร้องพร้อมกับลงจากเก้าอี้ไปคุกเข่าที่พื้น เหมือนหนังจีนเด๊ะเลย  ฉันยื่นช้อนกระดาษให้แก่นายโช

                เอาสิ  แต่สอนครั้งเดียวนะ ถ้าศิษย์ทำไม่ได้ อาจารย์จะไม่สอนฉันแกล้งหยอก นายโชรีบลุกมาหยิบช้อนกระดาษแล้วฟังที่ฉันพูดอย่างตั้งอกตั้งใจ มันทำให้ฉันหลุดขำไปได้ตั้งหลายทีแหน่ะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×