ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เซเรีย เจ้าหญิงแห่งรัตติกาล

    ลำดับตอนที่ #9 : นั้นมันเรื่องของเจ้า... โอเทส

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ย. 52


    ตอน 8

    นั้นมันเรื่องของเจ้า... โอเทส

                    หลังจากที่ชานัทตื่นมาก็พบว่าที่นอนข้างๆตนไร้ซึ่งคนที่เคยนอนอยู่   แสงแดดสาดเข้ามาจากทางระเบียงทำให้เขาสังเกตเห็นเงาคนๆหนึ่งที่กำลังมองไปที่ท้องฟ้าอย่างไร้จุดหมายปลายทาง  เขาค่อยๆย่องเข้าไปที่ด้านหลัง  แต่ยังไม่ทันถึงตัว ร่างๆนั้นก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน

    เซนเหรอ  เดี๋ยวฉันตามไปอาบน้ำทีหลัง นายไปอาบก่อนได้เลยนะโอเทสพูดขึ้นมา

    ...ชานัทเงียบไปก่อนจะค่อยๆก้าวเท้ากลับเข้ามายังห้องนอนและล้มตัวลงบนเตียง

    ชานัท  ตื่นได้แล้วโว้ย!!”เซนตะโกนเรียกดังลั่นก่อนจะถีบชานัทจนตกเตียง

    อืมชานัทรับคำเสียงอ่อยๆแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ  พลังสายตาก็เหลือบไปเห็นแผ่นหลังที่นั่งอยู่นอกระเบียงกำลังสั่นอย่างเบาๆ  ใจหนึ่งบอกให้เขาเดินเข้าไปหา   แต่อีกใจก็ยังกลัวว่าจะถูกไล่ออกมา   ชานัทยังยืนนิ่งอยู่กับที่จนเซนต้องเรียกสติอีกครั้ง

    ชานัท  ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เซนเอ่ย  ชานัทจึงรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำ และเปิดฝักบัวเพื่อให้สายน้ำมันชะล้างสิ่งที่ค้างใจของเขาออกไป

    นายเป็นอะไรไปชานัท  นายเป็นอะไรชานัทเอาแต่ถามตัวเองซ้ำๆแต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบอะไรได้เลย ชานัทปิดน้ำก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวของตัวเองและเดินออกจากห้องน้ำ

    เซน  ฉันเสร็จแล้วนะแปลก...  ธรรมดาโอเทสต้องเข้ามาป่วนเขาอยู่ตลอดเวลา  สิ่งที่ขาดหายไปทำให้ชานัทดูซึมไปถนัดตา  ไม่ว่าใครจะเอ่ยอะไรออกมาสิ่งพวกนั้นเขาก็ไม่ได้ยินแม้แต่น้อย

    ไปเรียนกันเดลคิลเรียกแล้วเดินนำไปที่ประตู  โดยเซนเดินนำ  ตามด้วยเดลคิล  อาเรส  โอเทสและชานัทรั้งท้าย  ชานัทได้แต่มองแผ่นหลังของู้ที่อยู่ด้านหน้าอย่างเงียบๆ  เมื่อคืนเขาพูดอะไรออกไป  นั้นคืออะไร  เขาเป็ฯอะไรก็ไม่รู้  อาการที่แปลกประหลาดเกินขึ้นในใจของชานัทอย่างช้าๆ  แม้จะไม่มากแต่ก็ทำให้ชานัทหวั่นไหวได้พอดู

    ชานัท

    ชานัทโว้ยเซนตะโกนกรอกใส่หูชานัทที่นั่งซึม

    อ๊ะ...  มีอะไรชานัทสะดุ้งและหันไปเอ่ยตอบทันที

    ถามว่าจะกินอะไร  เหม่ออะไรเนี่ยเซนถามอย่างหาเรื่อง  แต่ชานัทกลับนึกว่าถ้าโอเทสเป็นผู้พูดกับตนแบบนี้คงสนุกดีไม่น้อย

    กินอะไรเซนย้ำอีกครั้ง

    เอา...  ไม่เอาดีกว่าชานัทเปลี่ยนใจกะทันหันเมื่อหันไปเห็นคนที่นั่งข้างๆทำหน้าซึม

    เดี๋ยวฉันไปที่ห้องเรียนก่อนนะโอเทสที่นั่งเงียบพูดขึ้นมาก่อนจะลุกจากโต๊ะอาหารและเดินออกไป

    งั้นฉันไปด้วยนะชานัทกล่าวแล้วเดินตามโอเทสไป

    นี้มันเรื่องอะไร  มีใครบอกให้ฉันหายสงสัยได้บ้างอาเรสพูด  เซนมองหน้าคนที่เหลือบนโต๊ะก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ได้ฟังมาจากโอเทส

     

              ภายในห้องเรียน เนื่องจากชานัทและโอเทสมาเร็วกว่าทุกคนจึงทำให้ห้องเรียนนั้นว่างปราศจากผู้คน  โอเทสเดินจ้ำไปที่หลังห้องและเลือกนั่งโต๊ะริมสุด  ชานัทเดินไปนั่งข้างๆก่อนจะจับไหล่ของโอเทสให้หันมาเผชิญหน้ากับตน

    โอเทส  ฉันขอโทษนะชานัทกล่าวเบาๆ

    หามิได้องค์ชาย  ข้าคงมิสามารถกริ้วองค์ชายได้  และได้โปรดนำพระหัตถ์ขององค์ชายออกจากไหล่ของข้าด้วยโอเทสพูดแล้วเบือนหน้าของตนไปทางอื่น

    ขออภัยชานัทพูดแล้วชักมือกลับ

    หากองค์ชายเวนิสไม่ได้โกรธอันใดหม่อมฉัน  ได้โปรดทรงหันมาพูดคุยกับหม่อมฉันเหมือนดังแต่ก่อนได้ไหมพะย่ะค่ะชานัทพูด

    ทรงถามตนเองก่อนเถิด องค์ชายเวเฟรท  ท่านเองนั้นแหละที่เปลี่ยนไป  ข้าเองก็มิอาจเอื้อมไปเคืองหทัยกับองค์ชายแห่งเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตอนนี้ได้หรอกพะย่ะค่ะโอเทสเอ่ยแล้วลุกเดินไปนั่งอีกฟากหนึ่งขอห้องปล่อยให้ชานัทนั่งอยู่ที่เดิม

    ออด~

    เสียงออดบอกเวลาเริ่มเรียนดังขึ้น  เซน  อาเรสและเดลคิลเดินเข้ามาในห้องและก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นโอเทสนั่งอยู่ฟากหนึ่งของห้องซึ่งตรงข้ามกับชานัทโดยสิ้นเชิง

    ไม่ไหวแล้วโว้ย!!~”อาเรสที่นั่งทนกับความกดดันรอบข้างอยู่นานตะโกนขึ้นมากลางห้องจนทำให้เพื่อนๆจนถึงอาจารย์พิคเลียนที่กำลังสอนเรื่องการใช้ดาบอยู่

    มีอะไรหรือ  อาเรสอาจารย์พิคเลียนถามอย่างใจเย็น

    ขออนุญาตนะครับอาจารย์ไม่ต้องรอฟังคำตอบอาเรสลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินไปลากคอเสื้อของโอเทสไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็จับคอเสื้อของชานัทเอาไว้ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

    ใครก็ได้บอกครูที  นี้มันเรื่องอะไรกันอาจารย์พิคเลียนถามขึ้นมาอย่างงงๆแล้วมองหน้า 2 คนที่นั่งอยู่หลังห้อง  คำตอบที่ได้คือการถอดหายใจอย่างแรงของเซนกับการยักไหล่แบบไม่รู้ไม่ชี้ของเดลคิล 

    เอาล่ะ  งั้นคาบนี้ครูปล่อยเลยแล้วกัน   เดี๋ยวครูต้องไปหาอาจารย์ซีกราทีต่อด้วยอาจารย์พิคเลียนพูดแค่นั้นก่อนจะเดินออกไป  เซนก้มมองนาฬิกาก่อนจะพบว่าเหลือเวลาในการสอนอีกประมาณชั่วโมงกว่าๆ  โคตรมีความรับผิดชอบเลย  นั้นเป็นสิ่งแรกที่เซนคิด...

    ไปไหนต่อดีเซนหันไปถาม

    ไม่รู้สิเป็นคำตอบที่ไม่ต้องการการถามซ้ำ  เซนนั่งนิ่งไปพักใหญ่ก่อนจะถอดหายใจอย่างแรง

    ระวังจมูกจะหลุดเอานะเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นมาจากด้านหน้า  ผู้ที่เอ่ยประโยคนี้จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่  คีน่า  ผู้ที่เคยดูถูกเซนเอาไว้ตั้งแต่ก่อนการสอบ ณ สวนของโรงเรียนแห่งกษัตริย์  เป็นครั้งแรกที่เซนเห็นว่าเขาอยากกลายเป็นผู้หญิงแล้วเดินไปตบปากเสียๆนั้นจริงๆ  ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้เขาอยู่ในร่างของเซนล่ะก็นะ  น่าดูเชียวล่ะ

    ไปกันเถอะเซนลุกขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องไปเพียงคนเดียว  เดลคิลนั่งจมอยู่ในห้วงความคิดตัวเองพักใหญ่ๆ  ก่อนจะลุกขึ้นเสมือนคนไร้จิตวิญญาณไปที่ห้องอาหาร

                    ทางด้านอาเรสเองก็ลากโอเทสกับชานัทไปที่สวนหลังโรงเรียนที่ๆพวกเขาพบกันครั้งแรกก่อนจะผลักทั้งสองให้ไปนั่งกองอยู่ที่พื้น

    มีอะไรก็รีบๆพูดกันซะ  ฉันรำคาญอาเรสกล่าว

    ไม่มีโอเทสพูดแล้วทำท่าจะลุกขึ้นเดินไปที่อื่น

    อย่าทำตัวเป็นเดลคิล2 ได้มั้ย  มีอะไรๆก็พูดกันซะที  โธ่โว้ย!!”อาเรสกล่าวอย่างหมดความอดทน

    ไม่มีไงเล่า!!  นายจะถามเอาอะไร อาเรสชานัทเป็ฯฝ่ายตะโกนขึ้นบ้างก่อนจะลุกขึ้นเดินไปอีกทาง  โอเทสเองก็นั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อน   สายตาที่เงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าสีครามดูสงบจนน่ากลัว  โอเทสที่เคยเฮฮามีเรื่องทะเลาะกับชานัทไปวันๆได้หายไปแล้ว   อาเรสยืนมองอยู่ตรงนั้นก่อนที่จะได้ทันรู้ตัว  โอเทสก็หันมายิ้มให้เขาอย่างเบาบางก่อนจะเอ่ยประโยคที่แสนจะแผ่วเบาขัดกับสีหน้าโดยสิ้นเชิง

    ลาก่อนนะโอเทสเอ่ยอย่างแผ่วเบาพลางก้าวเท้าที่ไม่มั่นคงออกไปอย่างช้าๆก่อนจะลับสายตาของอาเรสไปในที่สุด

    อะไรกันอีกวะเนี่ย   เพิ่งเจอกันไม่นานเองนะ  มันจะจากอะไรกันเร็วขนาดนั้นอาเรสพึมพำกับตัวเองเบาๆ

    จากเพื่อการเริ่มต้นไงล่ะเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของอาเรส 

    เชลนัทงั้นรึ   อ่อ... ไม่สิพี่เวสตาอาเรสเปลี่ยนชื่อเรียกเมื่อเห็ฯร่างของผู้ที่มาใหม่อย่างเต็มตา

    ขอบใจที่ยังจำกันได้เวสตาบอกแล้วนั่งลงข้างๆอาเรส

    พี่มาที่นี้ทำไม หรือมาเพราะเรื่องนั้น...อาเรสเอ่ย

    อืม  เรื่องนั้นแหละ   ตอนนี้แม้แต่โลกปีศาจเองก็เริ่มเลวร้ายลงไปทุกทีเวสตากล่าวพลางหมุนลูกไฟในมือเล่นไปมา

    รู้อะไรไหม  ความลับเกี่ยวกับสายเลือดพิเศษของโอเทสกับเซเรียน่ะเวสตาเอ่ย

    มีอะไรเหรอพี่อาเรสถาม

    ไม่หรอก   แต่อีกไม่นานก็คงรู้ล่ะมั้ง   แล้วนี้เปิดเทอมมาได้กี่วันแล้วล่ะเวสตาพูด

    ไม่กี่วันเอง   นี้พี่เวสตา  พี่คิดว่าพวกเราคือราชาปีศาจหรือว่าผู้กำจัดราชาปีศาจนั้นจริงๆน่ะหรืออาเรสถามอย่างไม่แน่ใจ

    ไม่รู้สิ   แต่ในคำทำนายมันตรงกับพวกนายทุกอย่างเลยเวสตาตอบ

    ถ้าผมจะบอกอะไรพี่สักอย่างพี่จะฟังไหม

    อืม  อะไรล่ะเวสตาหันมานั่งมองอาเรสอย่างนิ่งๆ

    คำทำนายพวกนั้น  ผมเป็นคนเขียนมันขึ้นมาเอง  ถ้าผมบอกแบบนี้พี่จะเชื่อผมไหมอาเรสถาม

    นาย... พูดจริงเวสตาเค้นเสียงถามอย่างยากเย็น

    ใช่...  ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง  ผมเขียนมันขึ้นมาเอง   เขียนขึ้นมาเพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างอาเรสเอ่ยเบาๆ

    เปลี่ยนแปลงโชคชะตา  แต่นายคงรู้สินะ  โชคชะตาไม่ได้เปลี่ยนแปลงกันง่ายๆเวสตาพูด

    ใช่...  โชคชะตาไม่ได้เปลี่ยนกันง่ายๆ  แต่ผมก็จะลองดู  แล้วสุดท้ายพวกผมก็จะได้รู้ว่าพวกผมจะสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตานั้นได้หรือไม่!!”อาเรสเอ่ยเสียงหนักแน่นฟังดูทรงพลังอย่างแปลกประหลาด

    เจ้าทำได้  ข้าเชื่อเช่นนั้น  ความสามารถในการหยั่งรู้อนาคตเป็นสิ่งที่มีแต่ตระกูลเซเฟย์ลิคัส  เท่านั้นที่ทำได้  ยังไงพวกนายก็ไปคุยกันเอาเองเถอะนะว่าจะอยู่หรือไปเวสตากล่าวก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในพายุลูกย่อมๆที่ถูกสร้างขึ้นมาในชั่วพริบตา

    เดลคิล  พวกเราเจอศึกหนักซะแล้วล่ะอาเรสพูดเบาๆก่อนจะเดินกลับไปที่หอพัก   ห้องเรียนไม่ต้องเข้ามันแล้ว  โดดบ่อยจนอาจารย์บางคนยังจำหน้าไม่ได้เลย  

    เสียงสายลมที่พัดโชย   แววตาที่ทอดมองออกไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย  จากขาวเป็นดำ  จากแสงสว่างเป็นมืดมน  จากดีเป็นเลว  จากจริงเป็นลวง    ภาพมายาที่ถูกสร้างสรรค์อย่างสวยงามนั้นคือสิ่งที่กำลังกัดกินจิตใจมนุษย์ให้เลวทรามต่ำช้าลงเรื่อยๆไปเสียงใครคนหนึ่งดังมาจากด้านหลังของอาเรส  ทางซ้ายมือเซนกำลังเดินเข้ามาหาอาเรส  ทางขวาเดลคิลเองก็เดินเข้ามาเหมือนกัน

    เท่าที่ดูแล้ว  พวกนายคงมีเรื่องปวดหัวอยู่สินะรุ่นพี่ฟาเรลเอ่ยขึ้นจากด้านหลังของอาเรสและก็ยังมีรุ่นพี่เลฟิน รุ่นพี่รานอฟ  รุ่นพี่ไซครอสเดินตามมาด้วย

    มากด้วยล่ะครับเซนที่เดินมาถึงตอบแทน  ตอนนี้ทั้ง 3 อยู่กันพร้อมหน้าโดยที่มีรุ่นพี่ 4 คนยืนล้อมรอบ

    และเรื่องที่พวกนายกำลังนึกอยู่มันคงไปตรงกับเรื่องของรอยสลักแปลกๆพวกนั้นด้วยสินะไซครอสถามคำถามที่ทำเอาเด็กปี 1 สามคนที่ยืนอยู่ภายในวงล้อมสะดุ้งสุดตัว

    พี่รู้ด้วยเหรอเดลคิลที่ยังคงตีสีหน้าเดิมไว้ได้เอ่ยถาม

    อืม  ก็ทำไมจะไม่รู้ล่ะ  ก็พวกพี่น่ะรุ่นแรกนะเลฟินบอก

    รุ่นแรก?เซนทำหน้าสงสัย

    อย่าโง่เอาเวลาแบบนี้สิ  ก็หมายถึงพวกนายน่ะ  รุ่นสอง  รุ่นแรกก็ยืนอยู่ตรงหน้าพวกนายนี้ล่ะรานอฟอธิบายพร้อมหันไปมองหน้าเพื่อนในกลุ่ม

    หมายถึงเรื่องแบบนี้เคยเกิดมาแล้วครั้งหนึ่งเซนเดาสุ่ม

    เริ่มฉลาดขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง   แต่ตอนนี้น่ะ  ชานัทกับโอเทสกำลังมีปัญหาอยู่ไม่ใช่หรือไงฟาเรลเอ่ย

    อืม  ปัญหาส่วนตัวน่ะ  อย่ายื่นมือเข้าไปสอดเชียวล่ะเซนกำชับ

    ว่าแต่ตอนพวกนายจบปี6 ไปเมื่อคราวที่แล้ว  พวกเราเพิ่งเข้าปี 1 เองสินะ  ใช่ไหมเลฟินไซครอสหันไปถามเพื่อนร่วมวง

    อืม   ใช่เลยล่ะเลฟินพยักหน้ารับก่อนจะหันไปฉุดมือเพื่อนของตนอีกคนเข้ามาร่วงวงด้วย

    อ่อ...  ลืมแนะนำ นี้ลานีคูส  ธาตุสายฟ้าที่เคยเป็นราชาปีศาจหรือก็คือรุ่นแรกคนที่5 “ไซครอสหันไปดึงตัวเพื่อนคนหนึ่งออกมาจากด้านหลังของตน

    เดลคิล   ฉันมีเรื่องจะคุยด้วยอาเรสหันไปพูดกับเดลคิลก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นพร้อมกับเดลคิล

    มีเรื่องอะไรเดลคิลถามเสียงเรียบ

    เรื่องนั้น...  เริ่มขึ้นแล้วอาเรสพูดเพียงแค่นั้นแล้วสีหน้าของทั้งสองก็ดูแย่ลงตามลำดับ

    ไม่ไหวหรอกนะ   แค่พวกเราสามคนน่ะเดลคิลกล่าวประโยคที่ยาวที่สุดออกมา

    แต่ถ้า5คนล่ะอาเรสถามอย่างมีเล่ห์นัย

    ยังไงเดลคิลถามแล้วรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากก็เกิดขึ้น  นัตย์ตาสีเขียวส่องประกายอย่างสนุกสนานดั่งปีศาจที่กระหายเลือดของศัตรู!!

     

                    ในทางที่โอเทสกำลังเดินไป  มันไปตรงกับป่าด้านหลังโรงเรียนที่ทั้งหมดเคยไปตามหาภูต  โอเทสเงยหน้ามองท้องฟ้าที่แสงแดดกำลังสะท้อนลงสู่ผืนน้ำ  นัตย์ตาสีฟ้าวาวโรชน์ก่อนริบฝีปากเล็กๆจะยิ้มเยาะและหัวเราะออกมาดังๆ  หัวเราะเยาะตนเอง  หัวเราะแก่โชคชะตาที่ทำร้ายเขาถึงเพียงนี้  แค่คนๆเดียวกลับทำให้เขาต้องเสียใจจนแทบบ้า  เพียงพูดแค่ประโยคเดียวหัวใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะ 

    หึ...   จริงด้วยสินะโอเทสกล่าวกับตนเองก่อนจะโดดลงไปในสายน้ำที่เชียวกราด   โอเทสหลับตาโดยไม่อยากรับรู้อะไรอีก  ร่างของชายหนุ่มจมดิ่งลงไปในน้ำลึก  แต่เมื่อโอเทสค่อยๆลืมตาขึ้น  เขากลับแปลกใจเมื่อตนเองไม่เป็นอะไรเลยซ้ำยังหายใจในน้ำได้อย่างสบาย    เขาค่อยๆแหวกว่ายลงในน้ำที่ลึกกว่าเดิมจนถึงพื้นน้ำ  เขาค่อยๆก้าวเท้าลงอย่างแผ่วเบาๆแล้วมองไปรอบๆ  ปลาหลากหลายสีสันเป็นร้อยๆตัวกำลังแหววว่ายอยู่รอบตัวเขา   บางตัวก็ว่ายมางับนิ้วเขาเบาๆ  โอเทสหัวเราะนิดๆกแล้วลูบหัวปลาบางตัวที่ว่ายผ่านหน้าเขาไป

    เจ้าคือโอเทสสินะเสียงหญิงชราดังมาจากด้านหลังของชายหนุ่มเขาหันไปมองแล้วก็พบกับหญิงแก่ๆ  ที่เดินอยู่ในน้ำได้เช่นเขา  เป็นครั้งแรกที่โอเทสสังเกตเห็นถึงกระท่อมเล็กๆที่ตั้งอยู่ด้านหลังของเขา

    ครับโอเทสรับคำอย่างงงงวย

    จงฟังข้า...  ปีศาจแห่งสายน้ำ  ผู้ปกป้องมนุษย์แลปีศาจ ผู้กล้าที่จำต้องเสียสละ   จงก้าวเดินต่อไป  จงก้าวสู่แสงสว่างและความมืดมิด   เสียงดังกังวานที่ดังก้องอยู่ในหู   จงอย่าได้เลือกเส้นทางที่ถูกนำพาแต่จงเลือกเส้นทางที่เจ้าเป็นผู้เลือกเอง  เลือกด้วยจิตใจหาใช่คำเอ่ย  เส้นทางที่เจ้าต้องการ  เส้นทางนั้นเจ้าได้เลือกไว้แล้วทันทีที่หญิงชราเอ่ยจบ   ร่างของโอเทสก็ค่อยๆลอยขึ้นเหนือผิวน้ำเขาหลับตานิ่ง   ในสมองกำลังนึกถึงเรื่องที่ได้ฟังเมื่อครู่   นัตย์ตาสีฟ้าดูอ่อนแสงลงก่อนจะขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างแผ่วเบา

    ขอบคุณครับ...  คุณยายโอเทสกล่าวแล้วว่ายน้ำเข้าสู่ฝั่ง ก่อนจะเด็ดใบไม้ออกมาจากต้นแล้วเริ่มเป่าเป็ฯเพลงอย่างแผ่วเบา  สายลมที่โชยพัดพาเสียงเพลงให้ไปถึงที่ๆชานัทยืนอยู่  เสียงเพลงที่แฝงไปด้วยสุขและเศร้าฟังดูผ่อนคลาย   จิตใจที่หม่นหมองค่อยๆดูเหมือนจะมีความสว่างเข้ามาทีละนิดๆ  โดยไม่รู้ตัวริมฝีปากของชานัทก็เผยอยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ   แล้วเดินตามเสียงเพลงนั้นไปอย่างช้าๆ   ภาพตรงหน้าชายหนุ่มคือหญิงสาวร่างเล็กที่กำลังเป่าใบไม้อยู่  ผมสีฟ้าอ่อนๆที่ยาวถึงกลางหลังพัดออกไปตามแรงลม  นัตย์ตาสีฟ้าที่กลมโตหันมามองชานัทเบาๆ  เสียงเพลงค่อยๆแผ่วลงไปก่อนที่ร่างเล็กนั้นจะหันมายิ้มให้ชานัทอย่างดีใจ  ร่างเล็กๆในชุดกระโปรงสีขาวดูสดใสเหมือนเด็กๆ   ชานัทเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วเอ่ยเรียกเสียงแผ่ว

    โอเทสแม้จะรู้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่  แต่ก็ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงเอ่ยปากเรียกชื่อเพื่อนของตนออกไป  เด็กสาวตรงหน้ายิ้มก่อนจะพยักหน้า

    อืม  ฉันเองโอเทส  นายโกรธฉันรึเปล่าชานัทโอเทสในร่างของหญิงสาวเอ่ยเสียงหวาน

    นาย... เป็นผู้หญิงชานัทยังคงพูดอย่างเหม่อลอย

    ไม่รู้สิ   ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมโอเทสตอบรับแล้วยิ้มกว้าง

    แต่ก็ช่างมันเถอะนะ   มีเรียนคาบบ่ายไม่ใช่เหรอ  ฉันไปเรียนก่อนนะโอเทสยิ้มก่อนจะเดินฮัมเพลงเบาๆกลับไปยังตึกเรียน

     

                    ภายในห้องเรียนคาบประวัติศาสตร์  อาจารย์ซีกราทีกำลังสอนเกี่ยวกับเรื่องของโลกมนุษย์และโลกปีศาจ   โอเทสในร่างเด็กผู้หญิงที่ใส่ชุดกระโปรงสีขาวบอกกับทุกคนในห้องว่าตนชื่อโอลิน  เป็นน้องของโอเทส และในต่อนี้โอเทสถูกเรียกตัวกลับด่วน   ผู้ที่จะรู้ความลับนี้ก็มีเพียง  เซน  อาเรส  เดลคิลและชานัท

    เมื่อนานมาแล้ว  มีกษัตริย์ 5 คนได้ทำสัญญากันขึ้นมาฉบับหนึ่งข้อตกลงในนั้นคือบุตรของตนที่เกิดมา  ทั้งหมดจะกลายเป็นผู้ปราบปีศาจ  แม้จะเป็นการทำสัญญาเล่นๆ  แต่เรื่องนั้นก็เป็นเรื่องจริงขึ้นมา  ไม่เคยมีใครรู้ว่ากษัตริย์ที่ทำสัญญาไว้ด้วยกันคือใคร  แต่สัญญาฉบับนั้นได้ตกไปอยู่ในมือของอาจารย์ราเชล   ตามประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นมา  ผู้เป็นผู้ปราบปีศาจเกิดขึ้นมาแล้วทั้งหมด 2 รุ่น  โดยวนเวียนสลับกันไปมา  จนกว่าจะส่งมอบหน้าที่ให้แก่คนที่ถูกคัดเลือกในครั้งต่อไปอาจารย์ซีกราทีพูดพลางสอดส่ายสายตามองไปรอบๆห้อง

    ชานัท!!!”เสียงดังราวฟ้าผ่าดังขึ้นจากหน้าห้อง  ชานัทที่ฟุบตัวลงบนโต๊ะด้วยความอ่อนเพลีย  สะดุ้งขึ้นสุดตัวก่อนจะยิ้มแห้งๆส่งไปให้แก่ผู้ที่เรียนชื่อตน

    ชานัท  เธอคงรู้เรื่องพวกนี้ดีแล้วสินะ  งั้นครูขอสั่งให้เธอไปทำรายงานเกี่ยวกับเรื่องที่ครูกำลังสอนมาทั้งหมด 80 หน้า  ส่งพรุ่งนี้เช้าเสียงประกาศิตดังขึ้น  ชานัทมองเพื่อนๆหน้าเบ้ก่อนจะรับคำเสียงอ่อย

    ครับ

    งั้นต่อนะ   จนถึงปัจจุบันนี้  ก็ยังไม่เคยมีใครเห็นหน้าผู้ปราบปีศาจ  และเรื่องที่เกิดขึ้นมาก็ทำให้สิ่งวิเศษขึ้นมา 4 ชนิด  ทั้งหมดเป็นอาวุธของผู้ปราบปีศาจ  ได้แก่มีดสั้น  ดาบ  ง้าวและธนู

    อาจารย์คะคีน่ายกมือขึ้นสูง

    มีอะไรคีน่าอาจารย์ผู้สอนถาม

    แล้วอาวุธของผู้ปราบปีศาจคนที่ 5 ล่ะคะ

    มือเปล่า  ผู้ปราบปีศาจคนที่ 5 ต่อสู้ด้วยมือเปล่าครูซีกราทีกล่าวแล้วก้มลงมองหนังสือในมือ

    หมดคำถามแล้วใช่ไหมอาจารย์ซีกราทีถาม  คีน่าพยักหน้าเล็กๆก่อนจะก้มลงไปจดอะไรยุกยิกในเศษกระดาษ

    ฮาๆๆเสียงหัวเราะครื้นเครงดังขึ้นจากในห้อง  อาจารย์ซีกราทีที่กำลังก้มมองหนังสือในมือเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็พบกับคีน่าที่กำลังหัวเราะอยู่กับเพื่อนๆโดยในมือถือกระดาษที่ถูกเขียนด้วยปากกาสีแดงว่า ยัยบ้า พรอมภาพประกอบคือภาพนใส่แว่นหน้าเตอะกำลังทำหน้าจะร้องไห้

    คีน่า!!!!!”อาจารย์ซีกราทีตะเบ็งเสียงลั่นทำให้คีน่ายกกระดาษลงแทบไม่ทัน

    ไปยืนหน้าห้องแล้วยกกระดาษแผ่นนั้นไว้จนกว่าจะหมดชั่วโมงอาจารย์คีน่าสั่งก่อนจะชี้ไปที่ระเบียงนอกห้อง

    ค่ะคีน่ารับคำเบาๆแล้วเดินคอตกออกไปนอกห้องแต่ก็ยังไม่วายหันมาแลบลิ้นใส่อาจารย์ซีกราทีก่อนออกไป

    ในการต่อสู้ครั้งนั้น  มนุษย์เป็นฝ่ายชนะและได้ทำสัญญาสบงศึกเอาไว้จนกว่าผู้ปราบปีศาจคนใหม่จะเกิดขึ้นเสียงยานคางของอาจารย์ซีกราทีกำลังนำพาสติอันน้อยนิดของชานัทที่พยายามจะถ่างตาเอาไว้หมดลง  ชายหนุ่มฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะอีกครั้ง  และคราวนี้โอเทสก็ย้ายที่นั่งจากข้างๆชานัทไปนั่งด้านหน้าของชานัทเพื่อปิดปังผู้ที่หลับอยู่เอาไว้   โอเทสยิ้มเล็กๆเมื่อหันไปมองผู้ที่หลับอยู่เบื้องหลังแล้วหันไปตั้งใจเรียนมากขึ้นพร้อมกับเชกเลอร์จุดที่สำคัญๆเอาไว้ด้วย จนกระทั่งออดบอกเวลาว่าหมดคาบดังขึ้น   ชานัทก็ลุกขึ้นจากการฟุบหลับ  โดยที่โอเทสไม่ทันรู้ตัว  ภาพหญิงสาวผมสีฟ้ากำลังตั้งหน้าตั้งตาจดและจำสิ่งที่อาจารย์สอนอย่างเอาเป็นเอาตายการกระทำทุกอย่างได้อยู่ภายในสายตาของเขา    แล้วสักพักอาจารย์ซีกราทีก็เดินจากไป   โอเทสลุกขึ้นจากโต๊ะก่อนจะหันมาชวนทุกคนกลับห้อง

    เฮ้!  กลับห้องกันเถอะโอเทสหรือโอลินตะโกนเรียก  เซนมองรอบๆก่อนจะชู่ว์ปากอย่างรวดเร็ว

    โอเทส  ตอนนี้นายเป็นผู้หญิงนะ  เรียบร้อยหน่อยสิเซนกระซิบบอก

    ขอโทษที  ไม่ชินน่ะโอลินยิ้มแห้งก่อนจะเดินออกจากห้องไปก่อน

    เซนเสียงเรียกจากด้านหลังของเซนดังขึ้น  เขาหันไปมองเดลคิลที่นานๆจะส่งเสียงให้ได้ยินสักที

    มีอะไรเหรอ

    อีก 3 วัน  พวกเราจะเดินทางไปยังโลกปีศาจเดลคิลบอกเสียงเรียบแต่ผู้ที่ได้ยินกลับตัวแข็งขึ้นมาในทันที

    ไปทำไมชานัทหันมาถาม เนื่องจากได้ยินประโยคเมื่อครู่

    เดี๋ยวพวกนายก็จะรู้เอง  ส่วนเรื่องการเรียนเดี๋ยวกลับมาค่อยเร่งอ่านหนังสือแล้วกันนะอาเรสเดินแทรกเข้ามาพูด

    อืมเซนพยักหน้าช้า

    งั้นเดี๋ยวฉันไปบอกโอเทสก่อนนะอาเรสพูดแล้วเดินออกจากห้องตามโอเทสไป

    เหลือแค่พวกเรา 3 คน  งั้นกลับห้องกันเถอะเซนพูดก่อนที่ทั้งหมดจะเดินออกจากห้องเรียน

    อ้าว!  รุ่นพี่ฟาเรลชานัททัก

    เดี๋ยวพวกพี่ไปหาที่ห้องนะเฟเรลพูดเสียงเบาๆให้ได้ยินกัน 4 คนแล้วเดินออกไปอีกทางหนึ่ง

    กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!”เสียงกรี๊ดจากด้านหอมังกรของพวกเขาดังขึ้นมา  ก่อนจะตามมาด้วยเสียงคำรามของปีศาจร้าย

    โฮก!!!!!!!!!!!!!!!!!!”ไม่ต้องรอให้ใครเรียกทั้ง 3 ต่างพุ่งตัวไปยังจุดที่มีเสียงร้องในทันที  

    โอเทสชานัทครางเมื่อเห็นโอเทสกำลังใช้พลังน้ำของตนสาดไปที่ร่างของปีศาจธาตุดินตัวนั้น  และก็พบว่าไม่สามารถหยุดยั้งอะไรได้เลย  มีแต่จะเพิ่มความโกรธให้มันเท่านั้น   ร่างปีศาจขยายใหญ่ขึ้นดวงตาสีดำที่ไม่มีแววตาเหมือนมนุษย์หันมามองโอเทสในร่างของหญิงสาวก่อนจะวิ่งเข้ามาหา   ด้านหลังของโอเทสนั้นมีร่างของหญิงสาวในชุดนักเรียนหอโลมานั่งอยู่   โอเทสหอบแฮก  ระยะทางระหว่างที่ปีศาจตัวนั้นวิ่งเข้ามาโอเทสหลบได้อย่างสบาย  แต่ปัญหาคือ  ถ้าโอเทสหลบหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านหลังคงต้องได้รับบาดเจ็บไปเต็มๆแน่   เปลวเพลิงสีแดงของอาเรสก็ทำอะไรมันไม่ได้  มีแต่จะรั้งให้ขนาดของปีศาจนั้นใหญ่ขึ้นเสียมากกว่า

    โอเทส  หลบไปซะเดลคิลตะโกนใส่ก่อนจะใช้พลังลมของตนพาร่างของหญิงสาวที่ได้รับบาดเจ็บออกมาจากตรงนั้น  เมื่อได้โอกาส  โอเทสก็หยิบง้าวของตนออกมาจากด้านหลัง  ก่อนจะใช้มันวาดออกไปเป็นวงกว้าง   กันระยะที่ปีศาจตนนั้นจะเข้าถึงพวกตนได้

    คู่ต่อสู้ของแกน่ะ  ฉันต่างหากเล่า!!!”ชานัทตะโกนก่อนจะเรียกธนูของตนมาไว้ในมือ   ในเมื่อธาตุอื่นทำอะไรมันไม่ได้  งั้นก็ต้องใช้ดินสู้กับดินเท่านั้นแหละ

    ปฐพีพิพากษาชานัทกล่าวแล้วยิงธนูลงไปยังพื้นดิน   รอยร้าวของพื้นดินแยกออกจากกันทำให้ปีศาจตัวนั้นตกลงไปในรอยแยกนั้นก่อนที่แผ่นดินทั้งสองซีกจะกลับมาติดกันเหมือนเดิมอีกครั้ง

    แฮกๆชานัทล้มตัวลงนอนบนพื้น   เนื่องจากการเค้นพลังของตัวเองมากเกินไป

    ขอบคุณนะเสียงหญิงสาวที่มาจากหอโลมาดังขึ้น  ชานัทเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ

    ไม่เป็นไรหรอก    คราวหน้าก็ระวังตัวหน่อยนะชานัทเอ่ยพลางลุกขึ้นไปดูอาการของคนธาตุน้ำ

    ไหวรึเปล่า  โอลินชานัทถาม

    อืม  ก็พอไหวโอเทสตอบแล้วลุกขึ้นปัดกระโปรงไปมา

    ใส่กระโปรงมันน่าเบื่อแบบนี้นี้เองโอเทสบ่นเบาๆให้ได้ยินเพียงสองคน

    กลับได้แล้ว  เธอเองก็ด้วย  อย่ามาที่หอใต้บ่อยนักล่ะ  ถ้าไม่มีธุระจริงๆน่ะเซนตะโกนเรียก

    อืมหญิงสาวรับคำก่อนที่จะเดินหายไปทางหอตะวันตก

    โอเทส  หลับตาสิเซนสั่ง

    ห๊ะ...  ทำไมล่ะโอเทสถาม

    เถอะหน่าเซนบอกปัดๆก่อนที่โอเทสจะหลับตาลง  แสงเรืองรองจากฝ่ามือของเซน  ค่อยๆโอบล้อมร่างของโอเทสเอาไว้   และเมื่อแสงนั้นหายไปโอเทสในร่างเด็กผู้ชายก็กลับมา   นัตย์ตาสีฟ้ขี้เล่นถูกส่งให้กับเพื่อนๆในกลุ่ม

    ทำได้ไงเนี่ยเซนโอเทสถามอย่างมหัศจรรย์ใจ

    มันเป็ฯถาสำหรับเปลี่ยนร่างให้กลายเป็นร่างเดิมน่ะเวลาไม่ได้ถอดต่างหูฉันก็ใช้คาถานี้   เสียอย่างเดียวคือใช้พลังมากไปหน่อยเซนยิ้มแห้งๆส่งให้กับโอเทส

    แล้วคาถามันว่ายังไงเหรอโอเทสถามแทบจะทันที

    ภาษาปีศาจนายฟังรู้เรื่องเหรอเซนถามอย่างไม่แน่ใจ

    ลองดูก็ไม่เสียหายนี้โอเทสพูด

    คาถาก็คือ  เตรลาดัส  ทรานเวซิส  เฮลฟ์ไพรคูรีสเซนบอกอย่างช้าๆ

    อืม  เตรลาดัส  ทรานเวซิส  เฮลฟ์ไพรคูรีสโอเทสไล่ทวนคำ

    ถูกต้องเลย   งั้นทีนี้กลับหอได้แล้วสินะเซนถาม

    กลับเลยสิโอเทสบอกแล้วฮัมเพลงอย่างมีความสุข

    นายเคยฟังเพลงนี้รึเปล่า  ชานัทโอเทสหันมาถาม

    เพลงอะไรเหรอชานัทถามอย่างงงๆ

    แสงสว่างในความมืดมิดโอเทสตอบพร้อมยิ้มนิ้ยๆก่อนจะหยิบใบไม้แถวนั้นมาเป่าให้เป็นท่วงทำนองของเพลง แสงสว่างในความมืดมิดเสียงเพลงที่บรรเลงออกมาจากใจทำให้คนที่ได้ฟังสื่อเข้าใจถึงอารมณ์ของคนเล่นเพลงนี้ได้เป็นอย่างดี  เพลงถูกบรรเลงอย่างแผ่วเบาฟังดูโศกเศร้าแต่สักพักก็กลับรู้สึกเหมือนความโศกเศร้าพวกนั้นได้ถูกชะล้างออกจากจิตใจจนหมดสิ้น   สุขและเศร้าเคล้าคลอกันไปในเพลงๆเดียวกัน   แสงสว่างที่ถูกจุดขึ้นในความมืดมิด  แสงสว่างที่จะส่องให้เห็นทางแม้รอบข้างจะไม่มีใคร  ก้าวเดินออกไปจากที่ตรงนั้น   จนเจอกับทางออกที่ต้องการ     เพลงแสงสว่างในความมืดมิด ถูกบรรเลงจนจบ  ท่วงทำนองที่ได้ฟังทำให้อีก 4 คนที่เหลือหลุดออกจากภวังค์ของตนเอง  และเริ่มก้าวเดินออกไปพร้อมกัน   ก้าวไปสู่ทางออกที่ทุกคนค้นหา!!!!


    ++++++++++++++++

    หวัดดีครับ

    ห่างหายไปนาน

    เปิดเทอมแล้วรักษาสุขภาพด้วยนะครับ

    อาการหนาวได้ 2 วันก็หายหนาวแล้ว

    งั้นเจอกันตอนหน้านะครับ

    อ่อๆ...  ลืมไปนิดนึง

    อ่านแล้วอย่าลืมเม้นนะครับทุกคน

    บาย  (@_____@)/


    Dark_ Sniper


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×