คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ฮีโมฟีเลีย
ฉันหลับตาลงบนเตียงนุ่ม พี่ริวกับโชนอนอยู่ชั้นล่าง ส่วนมินก็นอนก็นอนอยู่กับขวัญ ‘ ฮีโมฟีเลีย โรคนี้ไม่มีทางรักษาให้หายได้ มันเป็นโรคทางพันธุกรรมที่จะแสดงอาการกับผู้ชายทุกคนที่มีแม่หรือพ่อเป็น สำหรับผู้หญิง เมื่อเธอแต่งงานไปแล้ว ลูกๆของเธอก็จะติดโรคนี้ด้วย เวลาเป็นแผลหรือมีเลือดไหล คนที่เป็นโรคนี้จะต้องฉีดยาที่เรียกว่าแฟคเตอร์ เพื่อทำให้เลือดหยุดไหล ’ ฉันนึกถึงข้อความที่พี่ริวบอกไว้เมื่อครู่ บนโต๊ะของฉันมีสมุดบันทึกที่กางไว้เอาไว้อยู่ ฉันมองมันและหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า เพราะตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว...
‘ วันจันทร์ 16-02-XX เวลา 23:30 น.
ขวัญเจอวิญญาณตอนเช้า ส่วนฉันโดนรุม เพราะนายเอ็มแท้ๆ ฉันกลายเป็นคนโชคร้ายสำหรับนายเต้ไปตั้งแต่เมื่อไรนะ ขวัญหายไป ตามหาแทบบ้า สุดท้ายก็ไปอยู่กับเอ็ม โชเป็นโรคฮีโมฟีเลียด้วย พี่ริวเพิ่งบอกวันนี้เอง ’
ฉันตื่นมาในเวลาราวๆ 6.30 น. เมื่อลงไปถึงข้างล่างก็เจอมินที่นั่งอยู่ข้างล่างรออยู่แล้ว เธอกำลังนั่งดื่มนมที่ซื้อมาจากเซเว่น เพราะอะไรฉันถึงรู้น่ะหรือคะ ก็ถุงที่เธฮใส่มามันปลิวมาติดขาฉันอยู่นี่ไง
“อ่อ... ขอโทษทีนะ พี่ริวกับโชกับไปเมื่อกี้ เห็นว่าจะไปเปลี่ยนชุดที่บ้าน ส่วนฉันเดี๋ยวจะยืมชุดนักเรียนของขวัญมาใส่แก้ขัดไปก่อน”มินบอก ฉันพยักหน้าก่อนจะเดินไปบนบ้านอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วเดินมาไล่ให้มินไปอาบต่อจากฉัน ส่วนขวัญเดี๋ยวตื่นแล้วค่อยอาบต่อก็ยังทัน
ฉันเดินเข้าไปในครัว เปิดขวดนมที่แช่อยู่ในตู้เย็นออกมานั่งกินรอทุกคน แต่ระหว่างนั้น ฉันกลับเหลือบไปเห็นกระเป๋าสตางค์สีฟ้าที่ตกอยู่บนพื้น ฉันเก็บขึ้นมาและเปิดดู ในนั้นมีบัตรนักเรียนของมินกับภาพของใครอีกคนพร้อมกับรูปหัวใจดวงโตๆ ฉันมองแล้วเดินขึ้นไปบนห้องหยิบภาพๆหนึ่งลงมา ฉันเปิดกระเป๋าสตางค์ของมินอีกครั้งก่อนจะสอดภาพนั้นเข้าไป แล้ววางมันลงบนโต๊ะ เมื่อมินลงมา เธอก็รีบเข้ามาหยิบกระเป๋าสตางค์ไปทันที ฉันแอบเห็นเธอหน้าแดงตอนที่เปิดกระเป๋าสตางค์สำรวจด้านในด้วยนะ กลัวฉันขโมยเงินรึไง
“แก้ว... เอ่อ... อย่าบอกใครนะ ขอร้องล่ะ”มินเอามือประกบกับดังแปะแล้วขอร้องฉัน ฉันพยักหน้าแล้วพูดขึ้นมาลอยๆ
“เพิ่งรู้นะว่าเธอก็เป็นแฟนคลับของนาย ‘ เอ็ม’ ด้วย ชอบเขาก็บอกไปซะสิ”ฉันพูดเอื่อยๆ แต่มันก็ทำให้มินหันมามองหน้าฉันทันที เธอทำเสียงจุ๊ๆเหมือนให้ฉันเงียบ ก่อนจะเปิดกระเป๋าสตางค์ดูรูปในนั้นอีกครั้ง ฉันนั่งรอขวัญอยู่ราวๆยี่สิบนาที เธอก็เดินลงมาข้างล่าง ก่อนที่พวกเราจะออกไปนั่งรถเมล์ เพื่อไปโรงเรียนเอกอนันตศึกษา
เมื่อมาถึงโรงเรียน ฉันก็แยกตัวไปซื้อขนมปังกับนมมานั่งที่ประจำ ไม่นานทุกคนก็ตามมาสมทบ น่าแปลกที่วันนี้พี่ริวเดินตามนายโชมาด้วย สงสัยกลัวโชจะไปทำซุ่มซ่ามที่ไหนล่ะมั้ง แต่ตัวการที่ทำแก้วแตกเมื่อวานมันก็คือฉันนี่หน่า เอาเถอะอย่าไปคิดมาก แต่ว่าวันนี้ฉันยังไม่เห็นเงาของบีมเลย ไม่รู้เธอหายไปไหน ซันก็ยังโผล่หน้ามาจากข้างบนเหมือนเดิม พี่นัทก็นั่งห้อยขาดูนักเรียนเดินเข้าโรงเรียน ไม่มีวิญญาณตนไหนที่บีมไปเกาะแกะอยู่ด้วยเลย แต่ไม่ทันคิดจบ ฉันก็เห็นวิญญาณของบีมลอยตามหลังใครมาสักคน
“อ้าว... คนโชคร้าย มาอยู่ตรงนี้ได้ไงเนี่ย”นายเต้ทักเสียงดังลั่นทำเอาทุกคนในบริเวณนั้นหันมอง ยกเว้นฉันไว้คนละกันนะ ฉันยังคงนั่งกินขนมปังและนมต่อไปโดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น ปล่อยให้พี่ริวนั่งคุยกับโช มินและขวัญต่อไป
“แล้วนายล่ะมาได้ไง”พี่ริวถาม สองคนนี้รู้จักกันด้วยเหรอเนี่ย แปลกใจจริงๆ และฉันก็เห็นใครอีกคนที่เดินตามหลังของนายเต้มา เอ็มเดินมานั่งข้างๆพี่ริว ที่จริงมันก็เหลือที่ว่างแค่ที่เดียวเท่านั้นแหละ บีมลอยมาเกาะคอฉัน เอาเข้าไป นับวันคอฉันจะกลายเป็นเก้าอี้เข้าไปทุกที และวันนี้นายเต้ก็กลายมาเป็นสมาชิกจำเป็นในกลุ่มนี้อีกคน ไม่แน่ใจว่าหมอนี้จะรู้ชื่อฉันรึยัง แต่เห็นว่ายังไม่มีใครเรียกชื่อฉันเลยสักคน
“เออ... พี่ริว เย็นนี้ผมไม่เข้าชมรมนะ พ่อให้ไปช่วยงานที่บริษัทอ่ะ”นายเต้ว่า พี่ริวหันไปมองหน้าแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพยักหน้าปลงๆ
“เออๆ ลูกประธานบริษัทนี้งานเยอะจริง แต่อย่าให้จับได้นะเว้ยว่าไปเที่ยวจีบสาวคนไหนน่ะ ไม่งั้นพี่ตัดออกจากทีมบาสโรงเรียนจริงๆด้วย”พี่ริวขู่ แต่จากที่ฉันฟัง นายเต้เนี่ย รู้สึกว่าจะเรียนเก่ง... อันนี้แน่นอนเพราะเรียนห้องคิง อารมณ์ดี... อันนี้เป๊ะ เพราะฉันเจอมาแล้ว บ้านรวย... มีพ่อเป็นประธานบริษัท คงจะไม่ใช่ย่อยๆ หล่อ... อันนี้ไม่แน่ใจ แต่อยู่ในระดับดูดีถึงดีมาก นี้มันครบสูตรผู้ชายเพอร์เฟ็คเลยนี้หว่า ฉันนั่งฟังทุกคนคุยกันไปเรื่อยๆ จนออดบอกเวลาเข้าแถวดังขึ้น ฉันเลยแยกจากทุกคนไป พี่ริวเดินไปที่แถวของชั้นม.4 นายเต้ เอ็มกับขวัญก็เดินไปที่แถวของ ม.2/1 มินและโชก็ไปประชุมคณะกรรมการนักเรียน เหลือแต่ฉันคนเดียวที่ต้องยืนอยู่ในแถวของม.2/3 ที่บีมไม่ยอมเข้าแถวกับฉัน มีเหตุผลหลักๆอยู่สองข้อค่ะ หนึ่งคือคนแน่น อึดอัด กับข้อที่สองคือ กลัวดำค่ะ เพราะแดดมันแรง ดังนั้นตอนนี้เธอเลยลอยไปนั่งบนดาดฟ้าโรงเรียนเป็นเพื่อนพี่นัทซะแล้ว ฉันมั่นใจว่าบนนั้นแดดแรงกว่าที่ๆฉันยืนเข้าแถวอยู่นะ เสียงเพลงชาติกับเสียงสวดมนต์ดังระงม ฟังแทบไม่ออก จากนั้นก็จะมีอาจารย์ขึ้นมากล่าวอะไรกับนักเรียนอีกสิบกว่านาที แต่วันนี้มาแปลกค่ะ ที่ๆต้องเป็นอาจารย์ยืนอยู่กลับมีรุ่นพี่คนหนึ่งมายืนแทน พี่คนนั้นเดินมาพร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่ง
“สวัสดีน้องๆ เพื่อนๆ และพี่ๆทุกคนนะครับ ผม... นายนนท์ เหล่าภัคดี ชื่อเล่นชื่ออาร์ตนะครับ เป็นประธานกิจกรรมปีนี้ เดี๋ยวผมจะประกาศรายชื่อ ขอให้คนที่มีรายชื่อต่อไปนี้มาพบผมหลังเข้าแถวเสร็จนะครับ”พี่อาร์ต จำได้ไหมคะ พี่ของนายเอ็มไงล่ะ พี่อาร์ตประกาศรายชื่อไปเรื่อยๆ ก่อนจะมาสะดุดหูของฉันที่ชื่อๆหนึ่ง
“ด.ญ.จิตใส เพรชมรกต ม.2/3...”แล้วพี่อาร์ตก็ประกาศต่อไปเรื่อยๆ แต่ฉันสิ ยืนเอ๋อไปตั้งแต่ได้ยินชื่อตัวเองแล้ว ทุกคนในแถวโผล่หัวมามองหน้าฉันเกือบทุกคน คงอยากจะมาถามแต่ไม่มีใครกล้าซะมากกว่า ก็นะ... ฉันมันเป็นที่รักของห้องนักนี่ ฉันรอพี่อาร์ตประกาศทุกเรื่องจนจบ จากนั้นก็เป็นเวลาแย่งชิงกันขึ้นตึก ส่วนฉันก็ต้องเดินขึ้นไปหาพี่อาร์ตอย่างไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“อ้าว! เธอ... เพื่อนนายเอ็มนี่ น้องแก้วใช่ไหม”พี่อาร์ตหันมาทักฉัน ฉันพยักหน้าน้อยๆให้รู้ว่าฉันตอบรับแล้ว พี่อาร์ตจึงเลิกให้ความสนใจกับฉันแล้วหันไปประกาศงานที่ทำให้ฉันต้องมานั่งรวมกลุ่มอยู่แบบนี้ นักเรียนในห้องฉันนอกจากฉันยังมีมินกับโชที่เป็นคณะกรรมการนักเรียนนั่งอยู่ด้วย ทำไมคนที่ฉันรู้จักถึงมีตำแหน่งกันจังนะ ส่วนฉันถ้าจะมีตำแหน่งล่ะก็... คงเป็นตำแหน่งคนที่เพื่อนกลัวที่สุดในห้องล่ะมั้ง
“ที่ผมเรียกทุกคนมารวมกันในวันนี้ เพราะจากการที่ผมและประธานได้หารือกันแล้ว พวกคุณทุกคนที่นั่งอยู่ในที่นี่ จะเป็นตัวแทนห้องในการจัดงานโรงเรียน เพราะพวกคุณคือคนที่คณะกรรมการนักเรียนของห้องได้เสนอชื่อมา และผมก็ขอฝากงานโรงเรียนในครั้งนี้ไว้กับพวกคุณด้วย เป็นที่รู้กันว่างานโรงเรียนของเราทุกๆปีจะเปิดให้คนนอกเข้ามาชมงานได้ ดังนั้นขอให้ทุกคนทำงานกันอย่างสุดฝีมือ ชื่อเสียงของโรงเรียนเราจะดีหรือไม่อยู่ที่พวกเราทุกคนช่วยกันดูแล จากนี้ไป พวกคุณมีสิทธิในการเบิกจ่ายเงินค่าจัดห้องของพวกคุณได้ที่คณะกรรมการนักเรียนในห้องของพวกคุณทุกคน ขอให้ทำงานนี้อย่างเต็มความสามารถ ใครมีคำถามจะถาม ถามได้เลยนะครับ ขอบคุณครับ...”พี่อาร์ตพูดยาวเหยียด แต่ก็ไปอย่างช้าๆ ไม่มีสะดุด ฉันยกมือขึ้นทันที
“ครับ น้องแก้วมีคำถามอะไรครับ”พี่อาร์ตหันมาถามฉัน
“พี่อาร์ต แก้วขอถอนตัวได้มั๊ยคะ แก้วคงทำหน้าที่นี้ไม่ได้”ฉันถามตรงๆ ใครจะอยากทำกัน หน้าที่นี้มันต้องอาศัยความร่วมมือจากคนทั้งห้อง แต่คนที่ไม่ชอบฉัน นอกจากมินกับโชแล้ว ก็ไม่มีชอบฉันสักคน ที่สำคัญหน้าที่นี้น่ะ มันเบ๊ชัดๆ!!
“น้องแก้วครับ พี่บอกแล้วไงครับว่าที่พี่กับประธานเลือกน้องน่ะ เพราะเพื่อนๆของน้องสองคนเป็นคนเสนอชื่อน้องขึ้นมาเองนะครับ ขนาดเพื่อนๆยังเชื่อว่าน้องทำได้ แล้วทำไมน้องถึงไม่เชื่อในตัวเองล่ะครับ เอาเป็นว่าพี่ขอแล้วกันนะครับ น้องแก้วอย่าถอนตัวเลยนะ”พี่อาร์ตว่า พูดกล่อมซะขนาดนี้ไม่ยอมเห็นทีจะไม่ไหว ฉันพยักหน้าอย่างจำทน ทำก็ทำ ทำไม่ดีอย่างมาว่าก็แล้วกัน...!
“เอาล่ะครับ ถ้าไม่มีใครมีคำถามแล้ว เชิญขึ้นห้องเรียนได้ครับ”พี่อาร์ตพูด ก่อนจะเดินกลับไปรวมกับประธานนักเรียน ฉัน มินและโชเดินขึ้นไปบนตึก
วันทั้งวันผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทุกอย่างเริ่มกลับเข้าที่เข้าทางเหมือนเดิม ฉันนั่งลงและฟุบลงกับโต๊ะ อ่านหนังสือบ้างกินขนมบ้างตามแต่โอกาส มีบีมมานั่งคุยเป็นเพื่อนกันหลับ เรียนเสร็จก็กลับบ้าน เขียนบันทึกแล้วก็นอน ตื่นเช้ามาอีกวันก็ไปโรงเรียน เจอกับทุกคน และเริ่มจัดงานให้กับห้อง โดยให้มินกับโชเบิกเงินมาเท่าที่จะได้และไปหาซื้อกระจกเงาเตรียมไว้หลายๆบาน ทุกอย่างเป็นไปตามกฏเกณฑ์ของมัน ไม่มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาในชีวิตฉันอีกหลายวัน ทุกๆอย่างเป็นไปเหมือนเดิม ที่ต่างก็คงจะมีแค่เวลาฉันนั่งในที่ประจำเมื่อไร จะต้องมีหน้าเดิมๆเข้ามาคอยกวน มิน โช เอ็ม ขวัญ ขาประจำที่ตอนนี้แย่งมุมสงบของฉันไปและทำให้มันกลายเป็นมุมที่หนวกหูที่สุด...
วันนี้ทางโรงเรียนยกเลิกการเรียนการสอนทั้งหมด ให้นักเรียนช่วยกันตกแต่งห้องเพื่องานในวันจันทร์ที่จะถึง ฉัน มินและโชช่วยกันแบกกระจกเงาไปที่ห้องแต่เช้า กลังจากเอาไปฝากไว้กับห้องกิจกรรมนักเรียนมาหลายวัน ทุกคนในห้อง แยกกันเป็นสามกลุ่ม กลุ่มแรก จัดตกแต่งห้องและทำป้ายชื่อเกม กลุ่มที่สองทำใบปลิวไปติดให้ทั่วโรงเรียนเพื่อโฆษณา กลุ่มที่สามจัดกระจกให้เข้าที่ ฉันนัดแนะกับทุกคน ก่อนจะแยกย้ายกันไปตามแต่ละหน้าที่ โดยที่ฉัน มินกับโช แยกไปคุมแต่ละสาย ของฉันคุมการจัดกระจก เพราะห้องเรียนไม่ใหญ่มากนัก การจะจัดให้เดินได้มันลำบาก โชคดีที่มินไปขอยืมเก้าอี้สูงจากสระว่ายน้ำมาให้ มันทำให้ฉันเห็นภาพในมุมสูงขึ้นเยอะเลยล่ะ ฉันเหลือบไปมองมินที่กำลังคุมเข้มการวาดภาพป้ายร้านของห้องอยู่ ส่วนโชก็คอยออกแบบใบปลิวที่จะใช้ โดยมีเพื่อนสี่ห้าคนล้อมวงช่วยกันออกแบบ ฉันเลิกสนใจคนอื่นก่อนจะหันมามองงานตรงหน้าของฉัน เพื่อนสิบกว่าคนกำลังพยายามวางกระจกให้เท่ากันตลอดแนวเพื่อให้มันสะท้อนไปมาได้อย่างเป็นระเบียบที่สุด
“เปิ้ล ขยับมาทางซ้ายหน่อยสิ”เสียงเพื่อนคนหนึ่งที่ถือกระจกคู่กับเปิ้ลบอก เธอหันกระจกให้มาทางซ้าย แต่ก็ถูกปฏิเสธ
“ไม่ใช่ ต้องขวาอีกหน่อย บอกให้ขวาทำไมถึงไปทางซ้ายล่ะ”เจ้าของเสียงเริ่มเสียงดังมากขึ้นเมื่อไม่ได้ดั่งใจ และดูเหมือนคนที่ถูกว่าก็ไม่ยอมแพ้ ทำหน้าบูดบึ้ง
“ถ้าอยากให้ได้ดั่งใจนัก งั้นก็มาจัดเองสิ”เปิ้ลว่า ก่อนจะทิ้งกระจกให้วางอยู่แบบนั้น แล้วเดินปึงปังออกไปจากห้อง ทิ้งให้อีกคนเจ็บใจเล่นแล้วเดินตามออกไปอีกคน เพื่อนสนิทของทั้งสองคนนั้นต่างวิ่งตามกันไปเป็นพรวน เหลือในห้องอยู่เพียงไม่กี่คน
“ก็บอกแล้ว... ว่าฉันคุมคนไม่เก่ง”ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วปีนลงจากเก้าอี้สูง เดินมาขยับกระจกเล็กน้อยให้เข้าที่เข้าทาง มีหลายคนมองมาที่ฉัน แต่ไม่ยักกะมีใครกล้ามาช่วย ฉันแบกกระจกคนเดียวและเอาไปไว้ตามจุดต่างๆที่มาร์กเอาไว้ตั้งแต่ต้น เวลาล่วงเลยไปถึงช่วงพักกลางวัน แต่ทุกคนที่วิ่งออกตามตอนแรก ไม่มีใครเลยที่จะกลับเข้ามาในห้อง ซึ่งฉันก็ไม่คิดจะไปตามพวกนั้นมาเท่าไร ถ้าไม่อยากช่วย ฉันทำคนเดียวก็ไม่เห็นจะเป็นไร
“แก้ว... ไปกินข้าวกันเหอะ เดี๋ยวจะเป็นลมไปซะก่อน”โชเข้ามาชวนฉัน แต่ฉันก็ส่ายหน้าปฏิเสธไป งานตรงนี้ยังเหลืออีกเยอะ ถ้าฉันต้องทำคนเดียว คงทำให้เสร็จทันตอนเย็นไม่ทันแน่
“มินกับโชไปเถอะ เดี๋ยวเราขอทำตรงนี้ก่อน”ฉันบอกแล้วชี้ไปที่บานกระจกซึ่งตั้งพิงๆกันเอาไว้อยู่
“อย่าหักโหมนักล่ะ กินเสร็จฉันจะซื้อขนมปังมาให้ แล้วเดี๋ยวจะมาช่วยนะ”มินพูดก่อนจะลากมือของโชให้เดินออกไป...
ความคิดเห็น