คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : แววตาสีเลือด
ตอน 7
แววตาสีเลือด
หลังจากการเรียนคาบแรกหมดไป คาบที่สองก็คือการฝึกการใช้ดาบ อาจารย์พิคเมียนเป็นผู้สอน โดยจะสอนที่โรงยิมของโรงเรียนแห่งนี้
“เอาล่ะ ดาบจะมีทั้งหมด 5 รูปแบบ หนึ่งคือดาบธรรมดา สองคือดาบที่เรียกลมได้ สามคือดาบที่เรียกสายน้ำได้ สี่ดาบที่เรียกได้ทั้งสองอย่าง และสุดท้ายดาบที่มองไม่เห็นหรือที่เรารู้จักกันในชื่อ ดาบไร้รูปร่างไร้ตัวตนนั้นแหละ”อาจารย์พิคเมียนอธิบาย
“แล้วดาบแบบไหนที่หาอยากที่สุดค่ะ”เสียงของผู้หญิงในหอดังขึ้น
“ก็ต้องดาบไร้รูปร่าง ไร้ตัวตนน่ะสิ”ครูพิคเมียนบอก
“แล้ววันนี้ครูก็จะให้ทุกคนลองหลับตาแล้วนึกภาพดาบในมโนสำนึกของตัวเอง ดาบทุกเล่มที่ออกมา แท้จริงแล้วมันเป็นดาบที่เรานึกขึ้นมาเองทั้งนั้น เพียงแค่เราไม่รู้ตัว”ครูพิคเลียนกล่าว เซนหันไปกระพริบตาให้เพื่อนๆอีก 4 คน เป็นอันรู้กัน คาบนี้ได้ป่วนอีกแล้ว
“จับคู่ 2 คน วันนี้ครูจะให้ประลองดาบในมโนสำนึกซะ ใครที่เรียกดาบออกมาได้เร็วที่สุด ก็คือผู้ชนะ หรือถ้าเรียกได้พร้อมกัน ผู้ที่ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บได้ก่อนเป็นผู้ชนะ”ครูพิคเลียนบอก แล้วเมื่อเหลือคนสุดท้ายที่เป็นเศษก็จะต้องไปคู่กับอาจารย์พิคเลียน ในคราวนี้เซนคู่กับอาเรส ชานัทคู่กับโอเทส และเดลคิลคู่กับอาจารย์พิคเลียน เมื่อครูพิคเลียนให้สัญญาณในการเริ่ม เดลคิลก็เรียกดาบออกมา ดาบของเดลคิลในมโนสำนึกคือดาบธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ แต่มันสามารถทำให้อาจารย์พิคเลียนบาดเจ็บได้ใน 1 นาที ชานัท โอเทส อาเรสและเซน ก็เอาแต่เล่นเพราะทั้ง 4 เรียกแต่ดาบห่วยๆที่ฟันโดนกันแล้วก็หักออกมาเรื่อยๆ
เป๊าะ! เป๊าะ!
“โอ๊ะ! หักอีกแล้ว”เซนพูดขำๆพร้อมเรียกดาบอีกเล่มออกมา
เป๊าะ! เป๊าะ!
“ฉันก็หักเหมือนกันล่ะ เอาใหม่นะ”ชานัทพูดแล้วเรียกดาบออกมาอีกเล่ม สลับกันไปเรื่อยๆจนทุกคนในหอเริ่มสู้กันเสร็จและทั้ง 4 เองก็เริ่มเบื่อกับการเล่นแบบนี้แล้ว
เป๊าะ! เป๊าะ! เป๊าะ! เป๊าะ!
ดาบทั้ง 4 เล่มหักลงพร้อมกัน ก่อนที่ทั้งหมดจะเรียกดาบใหม่ออกมาอีกครั้ง แต่ในคราวนี้ ดาบที่ทั้ง 4 ถือกลับเป็นดาบสวยงาม ที่เป็นเงามันวาว และคมกริบ นักเรียนในหอที่สู้กันเสร็จแล้วต่างหันมาให้ความสนใจกับทั้ง 4 ที่เริ่มต่อสู้กัน สลับกันรุกสลับกันรับ ไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำให้แก่ใคร วิถีดาบที่ถูกฟันลงไปแทบมองตามไม่ทันด้วยสายตาคนธรรมดา แต่ไม่ใช่ด้วยสายตาของทั้ง 4 เป็นแน่ เพียงแค่ 1 วิ ดาบในมือก็ถูกฟันและตั้งรับไม่รู้กี่สิบครั้งแล้ว
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!
เป็นอีกครั้งที่ทั้ง 4 ลงดาบของตนไปโดนอีกฝ่ายและก็โดนอีกฝ่านลงดาบใส่เช่นกัน ไร้รอยเลือด ไร้ร่องรอยการบาดเจ็บ มีเพียงแขนเสื้อเท่านั้นที่มีรอยขาดเป็นทางยาว ทุกคนในหอต่างมองกันตาค้าง ขนาดลงดาบไปเร็วขนาดนั้นยังหลบได้จนโดนแค่แขนเสื้อแล้วถ้าเป็นพวกเขาจะไม่ตายตั้งแต่ยังไม่เรียกดาบเลยเหรอไงกัน ทุกคนในหอต่างคิดไปในทางเดียวกันและมองทั้ง 5 อย่างแหยงๆ ใครกล้ามีเรื่องกัน 5 คนนี้ก็บ้าเต็มทน โดยเฉพาะเดลคิลที่สามารถล้มอาจารย์ผู้สอนได้ตั้งแต่ 1 นาทีแรก
“เก่งมากๆ สมแล้วที่เป็นหัวหน้าหอมังกร หอที่ได้ชื่อว่า โหดสุดๆ แต่ดูท่านักเรียนรุ่นนี้คงได้โหดกว่ารุ่นพี่รุ่นก่อนๆแน่”ครูพิคเลียนหัวเราะอย่างชอบใจ
“อืม... เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง งั้นเดี๋ยวลงไปที่สนามกันนะ”คริคเลียนบอกแล้วเดินไปรอข้างล่าง แม้จะบอกว่าเดิน แต่อาจารย์พิคเลียนก็ใช้เวลาเพียง 30 วินาทีในการลงจากชั้น 10 ไปที่สนาม
“ไปกันเถอะ”อาเรสหันมาบอกก่อนจะก้าวเดินลงกระได
“ชานัท นายว่าถ้าฉันกระโดดจากชั้นนี้ไปข้างล่างจะได้มั้ย”โอเทสถามเมื่อเดินอยู่ที่ชั้น 6
“ไม่ได้”ชานัทตอบเสียงเด็ดขาด
“งั้นถ้าฉันโดดได้ นายเลี้ยงข้าวฉันมื้อหนึ่ง”โอเทสพนัน
“เอาสิ ถ้านายกล้านะ”ไม่ทันที่ชานัทจะพูดจบ ร่างของโอเทสก็ล่อยละลิ้วลงไปยืนอยู่ด้านล่างอย่างสวยงาม
“สำเร็จ เลี้ยงข้าวฉันด้วย ตามสัญญา”โอเทสหัวเราะอย่างชอบใจ เขาจะบอกทำไมว่าเขาใช้น้ำค้างจากต้นหญ้าแถวนั้นให้รองรับเขาอยู่ทำให้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย
“ไอ้โอเทส”แต่มีหรือที่คนอย่างชานัทจะไม่รู้ เขารีบกระโดดตามลงไปในทันที และก็ไม่บาดเจ็บอะไรเลยเนื่องจากบังคับให้พื้นดินแถวนั้นยืดหยุ่นได้
“อ๊าก~ เซนช่วยฉันด้วย”โอเทสร้องลั่น อีกสามคนที่เหลือก็มองดูอย่างเหนื่อยใจ ทะเลาะกันได้ทุกวันให้ตายสิ แล้วหลังจากที่ทั้งหมดลงมาถึงชั้นล่างก็รีบวิ่งมาหาครูพิคเลียนทันที ในคราวนี้ ครูพิคเลียนบังคับให้นำดาบของตัวเองออกมาโชว์ และก็เป็นที่หนักใจอีกครั้งทั้ง 5 อีกครั้ง เนื่องจากดาบของทั้ง 5 คือดาบที่หายากที่สุด ดาบที่มองไม่เห็นดาบที่ใช้จิตใจในการสัมผัส
“ไหนล่ะดาบ เอาออกมาสิ”เมื่ออาจารย์พิคเลียนเดินดูจนครบและวนมาถึงทั้ง 5 ก็เอ่ยถาม
“เอ่อ... คือว่า...”โอเทสกล่าวอ้ำอึ้ง ผิดกับเดลคิลที่เรียกดาบธรรมดาที่สร้างจากมโนสำนึกขึ้นมาให้ดู แล้วทั้ง 4 คนที่เหลือก็รีบทำตามทันที จนเมื่ออาจารย์พิคเลียนเดินจากไปแล้ว เซนก็หันมายกนิ้วโป้งให้เดลคิล
“เจ๋งไปเลย ขอบใจว่ะเดลคิล”โอเทสทันไปกระซิบกระซาบกับเดลคิล
“เออ”เดลคิลตอบกลับก่อนจะหันไปฟังครูพิคเลียนพูดต่อ
“เซน”อาเรสหันมากระซิบเบาๆกับเซน
“รู้แล้วล่ะ เฉยไว้ก่อนแล้วกัน”เซนตอบกลับเสียงเบาพอกัน
“ในการใช้ดาบเพื่อการต่อสู้กับอีกฝ่าย การกะแรงต้องแม่นและรวดเร็ว เช่นถ้าอีกฝ่ายรุกมา 40% และรับ 60% เราก็ต้องใช้พลังสัก 35% รับและอีก 65% ที่เหลือใช้ในการรุก ยิ่งการมอง มองได้เร็วเท่าไรยิ่งได้เปรียบต่อฝ่ายเรามากขึ้นเท่านั้น ทุกคนอาจคิดว่าช่วงจังหวะการก้าวเทาหรืออื่นๆอาจไม่สำคัญให้การต่อสู้ แต่จริงๆแล้ว สิ่งพวกนี้ล่ะที่จำเป็นมากที่สุด เช่นจังหวะในการหลบหรือหลีก ถ้าเราใช้จังหวะในการก้าวขาไม่ถูกก็จะทำให้หลบได้ไม่พ้น และเมื่อต้องการรุก ถ้าเรากะจังหวะพลาดก็จะทำให้เราเป็นฝ่ายโดนรุกแทน”ครูพิคเลียนเองก็พูดไปเรื่อยๆ ส่วน 5 นด้าหลังก้เอาแต่สังเกตด้านหลังตัวเอง รังสีที่กระหายในรสเลือด แผ่กระจายจนทั้ง 5 ต่างก็สัมผัสได้ จนเมื่อออดหมดเวลาดังขึ้น
ออด~
“เอาล่ะ ไปเรียนคาบ 3 ที่ห้องได้แล้ว”อาจารย์พิคเลียนไล่ จนเมื่อทั้งสิบเดินลับสายตาไปแล้ว 5 คนที่เหลือก็หันไปมองครูพิคเลียนเล็กน้อยก่อนจะกันให้ไปอยู่ด้านหลัง
“นี้ หมดคาบแล้ว ทำไมพวกนายถึงยังไม่กลับอีก”อาจารย์พิคเลียนบอก
“อาจารย์เองก็รู้สึกได้ใช่ไหมล่ะครับ รังสีความกระหายเลือดนั้นน่ะ”อาเรสพูด ทำให้ผู้ที่ไล่ทุกคนเมื่อครู่สะอึกไปสักที
“โอเทส ชานัท ป้องกันอาจารย์ด้วย”เซนตะโกนส่งเมื่อรังสีนั้นค่อยๆขยายใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“หึหึ สวัสดีเจ้าสวะ”ปีศาจตนนั้นพูด มันคือปีศาจที่หน้าน่าเกลียดที่สุดเท่าที่ทั้ง 5 เคยเจอมา เพราะเชลนัทที่เป็นปีศาจเองก็หน้าตาดี เขี้ยวแหลมโค้งงอออกนอกปาก มันวาวและเงาจนสะท้อนภาพทั้ง 5 กลับมาได้
“ใช้ดาบหรือเวทย์”เซนถาม
“ดาบ เวลาแบบนี้ถ้าใช้เวทย์โรงเรียนนี้พังกันพอดี”อาเรสตอบกลับแบบขำๆ แล้วทั้ง 5 ก็เรียกดาบจริงของตนเองออกมา
“ดาบที่มองไม่เห็น”ครูพิคเลียบเพ้อมื่อไม่เห็นดาบที่ทั้ง 5เรียกออกมา
“พร้อมนะ”อาเรสถาม
“อืม”อีก 4 คนตอบรับพร้อมกัน ก่อนที่ เซน อาเรส เดลคิลจะวิ่งเข้าหาปีศาจ
“กลิ่นเลือดแบบนี้คงจะเก่งหน้าดูสินะ”ปีศาจตัวนั้นพูดก่อนจะใช้เล็บมือที่งอกยาวตวัดเข้าใส่ทั้ง 3
เคร้ง!
“โอ๊ะโอ๋ ขอโทษนะ”เซนพูด ช่วงจังหวะที่ปีศาจตัวนั้นตวัดเล็บแหลมเข้าใส่ เซนก็เรียกดาบในมโนสำนึกออกมาก่อนจะใช้เป็นตัวกัน แม้จะบอกว่าเป็นดาบในมโนสำนึก แต่มันก็เป็นดาบเนื้อดีที่สามารถฟันเหล็กกล้าให้ขาดออกจากกันได้ง่ายๆ
“ถ้าขยับมีดสั้นเล่มนี้จะหันคอแกให้ขาด”เซนพูดเสียงเย็น ไม่มีใครมองทันในจังหวะที่เซนเรียกดาบในมโนสำนึก ดาบที่มองไม่เห็นถูกเก็บไปและสิ่งที่กลับมาคือมีดสั้นที่เซนใช้ถนัดยิ่งกว่า
“ใครส่งแกมา”ไม่ใช่เสียงของอาจารย์พิคเลียน ไม่ใช่เสียงของทั้ง 5 แต่มันคือเสียงของปีศาจที่ชอบขึ้นมาป่วนบนโลกมนุษย์และปีศาจอีกหนึ่งตนที่ทุกคนไม่เคยเห็นหน้า
“ท่านเชลนัท ท่านเวสตา”ปีศาจตัวนั้นครางเสียงอ่อย
“ใครส่งแกมา”เชลนัทถามอีกครั้งแล้วคราวนี้ก็กดเสียงให้ต้ำลงกว่าเดิม โดยเฉพาะมีดสั้นในมือของเซนก็ยิ่งกดลึกเข้าไปในลำคอมากกว่าเดิม
“ท่าน... ท่านปาดาสครับ ท่านปาดาสส่งข้ามา”ปีศาจตัวนั้นละลักละลำพูดอย่างไม่เป็นภาษา
“อืม”เซนพยักหน้ารับเมื่อได้คำตอบก่อนที่มีดสั้นอันนั้นจะทำให้คอของปีศาจหลุดออกมา และระเหยกลายเป็นไอ
“นายชื่อเวสตางั้นหรือ”อาเรสหันไปถาม โอเทสกับชานัทก็เดินเข้าไปหาทุกคนแล้ว
“อาจารย์พิคเลียนครับ”ก่อนที่ครูพิคเลียนจะเดินต่อไป เดลคิลก็เรียกไว้และร่างเวทย์ลบความทรงจำให้แก่ครูพิคเลียน
“วันนี้ฉันมีเรียน แล้วเจอกันวันอื่นนะ”อาเรสพูดแล้วลากทุกคนไปที่ห้องเรียนในทันที
ในคาบที่ 3 ซึ่งเป็นคาบสุดท้ายของวันนี้ ทั้ง 5 เอาแต่นอนโดยไม่ได้ฟังเลยสักนิด แล้วไม่มีใครว่าด้วย ในช่วง 5 นาทีสุดท้ายของคาบประวัติศาสตร์ เซนเงยหน้าขึ้นมามองห้องเรียนแล้วฟุบหน้าลงไปอีก วันนี้เข้าโดนเล็บของเจ้านั้นมันกรีดเอาจนเป็นแผลเลยน่ะสิ แต่ว่าเขายังไม่ได้บอกใครหรอกนะ ทุกคนเห็นว่าเขาใช้ดาบกั้นก็จริง แต่ว่าปลายเล็กของมันก็กรีดมาโดนแถวๆข้อศอเขาอยู่ดี เป็นแบบนี้ประจำเลยล่ะ กันได้แต่กันไม่หมด เพราะเหตุนี้ พ่อของเขาจึงชอบบอกว่าฝีมือเขาอ่อนหัดอยู่เสมอ แม้พลังจะตื่นขึ้นมาแล้วก็เถอะ ตอนนี้ตรงแผลก็เริ่มชาขึ้นมาแล้ว ขนาดเอามือไปแตะตรงแผลยังไม่รู้สึกอะไรเลย
“เซนๆ หมดคาบแล้วนะ”หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเซนเมื่อเสียงออดหมดเวลาดังขึ้น
“หืม ขอบใจนะเฮร่า”เซนบอกแล้วหันไปปลุกคนอื่นต่อ โดยใช้มือซ้ายข้างที่ไม่ถนัดปลุก เพราะมันเป็นข้างที่ไม่เป็นแผล
“อาเรส โอเทส ชานัท เดลคิลตื่นได้แล้ว ไปกินข้าวกัน”เซนปลุกทั้ง 4
“หือ อืมๆ”โอเทสเงยหน้ามามองแล้วลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจ
“ตื่นแล้วๆ”อาเรสกัญชานัทลุกขึ้นมาพร้อมกัน ส่วนเดลคิลเองก้ลุกขึ้นมานานแล้ว
“ไปกินข้าวกันเถอะ”เซนบอกก่อนจะเดินนำไปที่โรงอาหาร
“ชานัท ตามสัญญา”โอเทสทวง
“เออๆ งั้นแกไปซื้อนะ”ชานัทบอก
“โอเทส ฝากซื้อให้ฉันจานหนึ่ง”เซนตะโกนบอกพร้อมโยนเงินไปให้
“เดี๋ยวซื้อให้”โอเทสตะโกนกลับมาแล้วเดินไปเข้าแถวซื้ออาหาร และสักพักก็เดินกลับมาพร้อมอาหาร 3 จาน เดลคิลกับอาเรสก็เดินตามมาทีหลังโดยในมือมีจานข้าว คนละจานพร้อมแก้วน้ำคนละ 2-3 ใบ
“กินเลยนะ”ชานัทบอกแล้วลงมือกิน
เคร้ง! เสียงช้อนของเซนตกกระทบกับจาน เซนหันมามองหน้ทุกคนแล้วยิ้มเจือนๆ ก่อนที่จะใช้มือที่สั่นของตนค่อยๆหยิบช้อนขึ้นมาใหม่
“วันนี้พวกนายจะไปไหนกันรึเปล่า”เซนถามแล้วเปลี่ยนมือจับช้อนเมื่อเห็นว่าไม่สามารถใช้มือขวาได้
“ไม่นะ หรืออาจจะไปป่าหลังโรงเรียนอีกก็ได้ ว่าจะปรุงยาพิษขึ้นมาอีกน่ะ คราวที่แล้วก็ใช้ไปแล้วด้วย”อาเรสตอบ โดยที่ยังมีสองคนที่ก้มหน้าก้มตากินแบบไม่สนใจใครอยู่
“อืม งั้นฉันขอกลับหอนะ ไม่อยากไปน่ะ”เซนตอบยิ้มๆ แล้วพยายามใช้มือข้างซ้ายตักข้าวขึ้นมากิน โชคดีที่ทุกคนต่างรีบกินอาหารในจาน จึงไม่มีใครสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติจากเซน
“เอิ๊ก~ อิ่มจัง”โอเทสที่กินเสร็จแล้วเงยหน้าขึ้นมาพูดพร้อมเรอ 1 ที
“อ้าว~ เซน ไม่กินเหรอ”โอเทสเอ่ยถามเซนที่วางช้อนแล้วแต่อาหารในจานยังคงพูนอยู่เหมือนเดิม
“ไม่เอาแล้วล่ะ ไม่หิว”เซนบอกแล้วใช้มือซ้ายยกจานข้าวไปเก็บ โอเทสมองตามอย่างงงๆแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
“เซน นายจะไม่ไปจริงๆเหรอ”ชานัทถามมาเรื่อยๆตั้งแต่โรงอาหารจนถึงห้องพัก เซนเองก็ปฎิเสธอยู่เรื่อยๆเช่นกัน
“ไม่เอา ไม่ไป ฉันอยากนอน”เซนบอกแล้วเปิดประตูห้องพักเข้าไป
“แน่ใจนะ”ชานัทยังคงถามอีกครั้ง
“แน่-ใจ”เซนย้ำทีละคำก่อนจะปิดประตูห้อง
ปัง!
ภายในห้องพัก เซนเดินไปที่เตียงก่อนจะล้มตัวลงนอนเหงื่อไหลซึมทั่วร่าง ใบหน้าซีดเซียว ก่อนที่เซนจะพยายยามเอ่ยปากเรียกภูตของตัวเอง
“รีช”เพียงไม่นาน มังกรตัวจิ๋วก็โผล่มาอยู่ตรงหน้า ไม่ต้องรอให้สั่งต่อ รีชรีบเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นมนุษย์และยกบาดแผลของเซนขึ้นมาดู
“ท่านเซเรีย แผลท่าน...”รีชกล่าวชะงักไว้แค่นั้นแต่เซนก็ค่อยๆพยักหน้าลงอย่างยากลำบาก
“ท่านเซเรีย ทำตามที่ข้าบอกนะ หลับตาลง ตั้งจิตให้แม่นยำ รีดพลังจากตัวของท่านออกมาให้ได้มากที่สุดนะ”เซนค่อยๆทำตามที่รีชบอกทีละขั้นตอน
“แค่กๆ”แล้วเซนก็ไอออกมาเป็นเลือดสีดำ แต่เมื่อมันออกมาได้ไม่มาก รีชก็ทำสีหน้าเครียดขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่ไหวแล้ว มีพิษในร่างกายมากเกินไป”รีชพึมพำกับตัวเองเบาๆ แล้วเรียกมังกรของโอเทส ชานัท อาเรส และเดลคิลมาหาตนเอง
“ท่านพี่มีอะไรรึเปล่า”เรชในร่างของมนุษย์ผู้ชายถาม
“ท่านเซเรีย โดนพิษจากเล็บของปีศาจ รีดพลังแล้วก็ยังช่วยได้ไม่มาก พวกนายต้องไปเรียกท่านเดลิล ท่านอาเรส ท่านโอเทส ท่านชานัท มาที่นี้โดยด่วน ไม่เช่นนั้นพลังของท่านเซเรียอาจจะต้านไว้ไม่อยู่”รีชส่ง แต่ก็ถูกเซนจับมือไว้ก่อน
“ไม่ต้อง... ไม่ต้องไป ฉันไม่เป็นไร”เซนเอ่ยเสียงแผ่วพลางพยายามยิ้มให้ดูเหมือนสบายมากที่สุด
“แต่ท่าน...”รีชพยายามจะเถียง
“ไม่ต้องไป แค่กๆ”เซนกล่าวคล้ายจะตะโกนแก็ไอเอาเลือดสีดำออกมาเสียก่อน
“ข้ารักษาเองได้”เซนเอ่ยแล้วพยายามรีดพลังออกมาจนหน้าซีดลงไปกว่าเดิม
“อั๊ก!”จนสุดท้ายเมื่อร่างกายทนรับพลังทั้งหมดไม่ไหว เซนก็กระอักเลือดสีดำออกมาเปื้อนผ้าปูที่นอนสีขาวแล้วล้มพับลงไปกับเตียง
“รีบไปเรียกทุกคนมาเร็ว”รีชหันไปบอกเพื่อนและน้องของตน ก่อนจะย้ายให้เซนไปนอนที่เตียงของอาเรส แล้วถอดเสื้อนอกออกทำให้เซนเปลือยด้านบน รอยสลักค่อยๆเปล่งแสงสีขาวและดำตรงจุดที่มีรอยสลักปีกสีดำและขาวเกิดขึ้น เซนเหงื่อออกท่วมตัว ริมฝีปากที่เคยเป็นสีแดงสดตอนนี้กลับแห้งผากและซีดเซียว
“ท่านเซเรีย”รีชกล่าวแล้วนำมือไปวางแทบบนหน้าอกของเซน เสียงหัวจที่เต้นแผ่วจนเกือบเหมือนจะหยุดเต้น ให้มังกรรัตติกาลในร่างของรีชต้องรีบถ่ายพลังสีดำของตัวเองให้แก่เซนโดยเร็วที่สุด
“ข้ารอท่านมากว่า 300 ปี ข้าไม่มีทางให้ท่านตายแน่ๆ”รีชเอ่ยไปพลาง ถ่ายพลังไปพลาง
ปัง! เสียงประตุถูกเปิดอย่างแรง ชายทั้ง 4 คนรีบกรูกันเข้ามาหาคนที่นอนอยู่บนเตียง ไม่เว้นแม้แต่เดลคิลที่ไม่ค่อยจะสนใจใครยังอดห่วงและวิ่งมาโดยเร็วมาโดยเร็วไม่ได้
“เซนเป็นอย่างไรบ้าง รีช”อาเรสถามด้วยความเป็นห่วง
“อาการแย่มาก พิษผสมไปกับเลือดในร่างกายแถมยังรีดพลังมากเกินจนร่างกายรับไม่ไหว ยิ่งทำให้พิษออกฤทธิ์ได้มากยิ่งขึ้น”รีชกล่าว
“เรช ออกมา”อาเรสเรียกมังกรตะวันของตนออกมา
“ไปเรียนเรื่องนี้ให้กษัตริย์กราเวลด้าทราบโดยด่วน รีช นายไปแจ้งข่าวให้กับอาจารย์ใหญ่ราเชลซะ”อาเรสสั่ง
“ครับ/ครับ”มังกรรัตติกาลกับมังกรตะวันับคำสั่งก่อนจะเปลี่ยนร่างให้เป็ฯมังกรและบินออกไปด้านนอกจากทางหน้าต่าง
“เซน”อาเรสรีบวิ่งเข้ามาหาเซนและให้มืออังหน้าผากของตนและเซน
“พลังธาตุแปรปวน และพิษก็วิ่งอยู่ในเส้นเลือดจนห้ามไม่ได้แล้ว”เดลคิลพูดเสียงเคร่งเครียดขึ้นมา
“ชานัทจับเซนให้ลุกขึ้นนั่ง เสร็จแล้วขึ้นมานั่งจับมือกันให้เป็นวงกลม”เดลิลสั่ง หลังจากทำทุกอย่างจนครบ อาเรสจับมือข้างขวาของเซนและเดลคิลเป็นคนจับมือข้างซ้ายของเซน ทั้งหมดค่อยๆถ่ายพลังของตัวเองให้แก่เซน จากนาทีเป็นชั่วโมง จากชั่วโมงเป็นวัน จากวันเป็นคืน จนกระทั่งผ่านไป 1 วัน เซนค่อยๆกระอักเอาเลือดทั้หมดที่เป็นพิษออกมา
“แค่กๆ อั๊ก!!!” แล้วเซนก็ปรือตาขึ้นมองทุกคน อาเรสเป็ฯคนแรกที่สังเกตเห็น เขากอดเซนอย่างดีใจ เดลคิลเองก็ยิ้มพลางยีหัวเซนจนฟู ชานัทกับโอเทสถึงกับร้องไห้ เซนมองหน้าทุกคนอย่างงงๆแต่ก็ค่อยๆยิ้มออกมา
“เซน นายทำบ้าอะไรของนาย รู้ตัวบ้างไหม”เดลคิลกล่าวว่า
“ขอโทษนะ แต่ฉันไม่อยาให้ทกคนเป็นห่วงน่ะ”เซนสารภาพหน้าจ๋อย
“แล้วแบบนี้ฉันไม่เป็นห่วงมากกว่ารึไง ถ้าบอกตั้งแต่แรก ก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้แล้ว”เดลคิลพูดอีก
“โอเทสกี่โมงแล้ว”เซนแกล้งไม่สนใจเดลคิลแล้วหันไปมองหน้าโอเทส
“บ่ายโมง วันอังคาร”โอเทสหันไปดูนาฬิกาแล้วบอก
“เฮ้ย นี้พวกนายดูแลฉัน 1 วันเต็มๆเลยเหรอ”เซนตะโกน
“ก็ใช่น่ะสิ”ทั้ง 4 ประสานเสียงพร้อมกัน ทำให้เซนหน้าจ๋อยลงไปยิ่งกว่าเดิม
“ผ่านแล้วก็ผ่านไป แต่คราวหน้าเอาแล้วนะ”อาเรสเอ่ย
“อืม”เซนตอบรับแล้วยิ้มให้
“ฮาๆ เอาเถอะ แต่ที่แน่ๆ พวกเราต้องให้เหตุผลกับอาจารย์ที่สอนในวันนี้ด้วย”ชานัทบอก
“เฮ้อ”แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ทั้งหมดต้องถอดหายใจอีกครั้ง
ในเย็นวันนั้นกษัตริย์กราเวลด้าก็เดินทางมาที่โรงเรียนแห่งกษัตริย์ เซนเองได้เจอกับกษัตริย์กราเวลด้าพ่อของตนเพียงไม่นานเพราะหลังจากนั้น กษัตริย์กราเวลด้าก็เข้าไปคุยกับอาจารย์ราเชล
“สวัสดีทุกคน”เสียง 4 เสียงดังขึ้นพร้อมกันจากด้านหลังของทั้ง 5
“ท่านพ่อ” 4 คนประสานเสีงพร้อมกัน จะเว้นเซนเอาไว้คนเดียวเพราะพ่อของเขาเดินทางมาถึงคนแรก
“กษัตริย์โรนัทดัส กษัตริย์เซโฟรเลท กษัตริย์ไลท์วิล กษัตริย์เวเนวเกรเทส ถวายบังคมพะย่ะค่ะ”เซนรีบทำความเคารพในทันที และคนอื่นๆก็ทำตามกันต่อไป
“ฮาๆ เอาเถอะ ว่าแต่กษัตริย์กราเวลด้าอยู่ที่ไหนล่ะ”กษัตริย์โรนัทดัสถาม
“เข้าไปในห้องประชุมกับอาจารย์ราเชลครับ”อาเรสตอบ
“ไปกันเถอะ”กษัตริย์เวเนวเกรเทสบอกก่อนจะเดินนำกษัตริย์ทุกคนออกไป
“อะไรของเขานะ”โอเทสส่ายพลางหยิบขนมมากิน
“ไปไหนต่อดีล่ะ”เซนถามหลังกินข้าวเย็นเสร็จ
“พอเลย ฉันขี้เกียจหาข้ออ้างให้แล้วนะ”ชานัทรีบเบรกทันที เขาคิดข้ออ้างอย่างง่ายๆว่า พวกเขาท้องเสียจึงไม่สามารถมาเรียนได้ และที่สำคัญอาจารย์ทุกท่านก็เชื่อเสียด้วยสิ
“เซน มากับฉันหน่อยสิ”โอเทสเดินเข้ามาหาเมื่อทั้ง 5 กลับมาถึงห้องพักแล้ว
“อ๊ะ... อืม”เซนหันไปดูแล้วเดินตามโอเทสไปที่ระเบียง
“มีอะไรเหรอ”เซนถาม
“เธอเป็นผู้หญิงจริงๆนะ”โอเทสถามอย่างไม่แน่ใจ
“ก็จริงน่ะสิ”เซนพูดขำๆ ทำไมโอเทสถึงไม่เชื่อว่าเราเป็นผู้หญิงล่ะ
“งั้นเอาหูมานี้หน่อยได้ไหม”โอเทสขอร้อง เซนมองหน้าโอเทสแบบงงๆ แต่ก็ยอมหันหูไปหาโอเทส
“คือว่า...”โอเทสเริ่มกระซิบ
“นายคิดว่าความรู้สึกนั้นเป็นรักแท้สินะ”หลังจากฟังจบเซนก็เอ่ยขึ้นมา
“ฉันคิดว่าแบบนั้นนะ แต่ก็ไม่เคยรักใครแบบนี้ก็เลยมาถามนาย”โอเทสตอบแล้วทำหน้านิ่ง
“งั้นนายคงต้องดูความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วยล่ะนะ สำหรับความรักของนาย ฉันว่าคงบอกตอนนี้ไม่ได้หรอก”เซนพูดนั้นก่อนจะเดินกลับไปให้ห้องแวเข้าสู่ห่วงนิทราเพื่อรอเช้าวันต่อไป โดยหารู้ไม่ว่ากำลังมีแววตาของปีศาจร้ายกำลังจับจ้องร่างของทั้ง 5 อยู่!!!
โอเทสที่ยังนอนไม่หลับเดินไปมาที่ระเบียงอย่างไม่เป็นสุข ถ้าความรู้สึกนั้นเป็นเรื่องจริงเขาคงต้องเสียใจอย่างมากแน่ เขาเหม่อมองท้องนภาที่กว้างไกลจนไม่เห็นสุดปลายขอบนภา พลางถอดหายใจเฮือกใหญ่
“กลุ้มอะไรอยู่รึ”เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง โอเทสหันไปมองก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา
“ชา...นัท”เสียงชายหนุ่มสั่นอย่างเบาๆ แต่ก็ไม่พ้นความสามารถในการฟังของชานัท
“นายไม่สบายหรือไง”ชานัทถามแล้วนำหน้าผากของตนไปแนบกับหน้าผากของอีกฝ่าย
“เฮ้ย! ออกไปนะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย”โอเทสร้องลั่นก่อนจะผลักชานัทออกอย่างแรงจนเซไปชนกับระเบียง
“นี้ มันเจ็บนะ ข้ารึอุตส่าห์เป็นห่วง กลัวจะเป็นหวัด เจ้ายิ่งร่างกายบอบบางอยู่”ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ในจิตใจของชานัทเริ่มเป็นห่วงคนตรงหน้าทั้งๆที่แต่ก่อนแกล้งกันจนได้รับบาดเจ็บแทบตาย เขาก็ยังสามารถหัวเราะร่าได้อยู่เลย
“ข้ามิได้ขอให้เจ้าเป็นห่วงข้า”โอเทสตอบแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น
“งั้นก็ขออภัยด้วย ที่ข้าไปยุ่งมิเข้าเรื่อง ทำให้ต้องทรงเคืองพระหทัย”ชานัทพูดด้วยเสียงแข็งกระด้าง และสรรพนามที่ใช้เรียกก็ถูกเปลี่ยนเป็นคำราชาศัพท์ทั้งหมด
“นายเป็นอะไรไปชานัท ใครทำให้นายเป็นแบบนี้”โอเทสถามด้วยความเป็นห่วง
“หามีไม่ ท่านเวลนิสเองก็ควรไปบรรทมได้แล้วนะพะย่ะค่ะ”ชานัทเรียกโอเทสแทนด้วยชื่อกลางแทนที่จะใช้ชื่อต้นที่มีแต่คนที่ได้รับอนุญาตให้เรียกเท่านั้น
“เจ้า... เป็นอะไรกันแน่”ไร้ซึ่งคำตอบของคำถามนี้ เพราะผู้ที่โอเทสต้องการให้ตอบได้เดินหันหลังเข้าไปในห้องเสียแล้ว
“ข้ามันช่างบ้าเสียจริงที่ไปอารมณ์เสียใส่เจ้า ข้าขอโทษ”ชานัทพูดในความมืดมิดก่อนจะหลับลงด้วยความอ่อนเพลีย
++++++++++
ในโลกนี้ มีรักหลากหลายแบบ
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นความรักแบบไหนเราก็ควรจริงใจกับมัน
555+
ขึ้นมาแบบเศร้าเลยครับ งงล่ะสิ โอเทสกระซิบอะไรกับเซน
ชานัทเริ่มแปลกแล้วเนอะว่ามั้ย...
เข้าเรื่องอีกนิ๊ส
เรื่องนี้มีชื่อว่า เซเรีย เจ้าหญิงแห่งรัตติกาล
อนิจา พึ่งรับรู้ว่าชื่อนิยายตัวเองไปคล้ายกับนิยายที่ได้ตีพิมพ์แล้ว
มันคือเรื่อง เซเรน ธิดาแห่งรัตติกาล
ผมเพิ่งได้รับรู้ก็วันนี้เอง เซเรียดูแล้วมัยช่างคล้ายกับเซเรนอย่างกับแกะ
แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าที่แต่งจบแล้ว
Dark_ Sniper
ความคิดเห็น