คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : หายไปไหน...
ฉันวิ่งสำรวจรอบบ้านพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อของขวัญไปด้วย เมื่อแน่ใจแล้วว่าขวัญไม่ได้อยู่ในบ้านฉันก็รีบหยิบกระเป๋าเงินและโทรศัพท์วิ่งออกไปข้างนอกทันที โชคยังดีระหว่างที่ฉันกำลังวิ่งอยู่ มีรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างวิ่งผ่านมาพอดีฉันเลยโบกแล้วให้เขาไปส่งที่โรงเรียน
ตึง!!
ฉันเปิดประตูห้องม.2/1ด้วยแรงที่ไม่ได้เบาเลยสักนิด สายตาฉันมองสำรวจรอบห้องว่ามีใครหลงเหลืออยู่หรือไม่ และฉันก็พบกับความว่างเปล่า นาฬิกาที่ผนังบอกเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว ฉันเริ่มร้อนรนอีกครั้ง หยิบโทรศัทพ์โทรเข้าเครื่องของขวัญ และมันก็มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้น ฉันเดินไปตามเสียงก่อนจะพบโทรศัพท์ของขวัญวางไว้ใต้โต๊ะ แต่ไม่มีกระเป๋านักเรียนหรือสิ่งอื่นๆหลงเหลืออยู่เลย ฉันคว้าเอาโทรศัพท์ของขวัญมาเก็บไว้เองและวิ่งออกไปนอกโรงเรียน พยายามสำรวจรอบๆโรงเรียนว่ามีที่ไหนที่ขวัญจะชอบไปบ้าง แต่ทุกๆที่ที่ฉันไปกลับไร้วี่แววคนที่ฉันกำลังตามหา
“แก้ว! มีอะไรเหรอ”เสียงบีมดังขึ้นใกล้ๆกับตัวฉัน บีมนั่งอยู่บนเสาไฟฟ้า ขึ้นไปทำไมเนี่ย...
“ขวัญหายไป ปกติเวลานี้ขวัญต้องกลับถึงบ้านแล้ว”ฉันบอกด้วยน้ำเสียงร้อนรน แล้ววิ่งไปที่สวนสาธารณะแถวบ้าน แต่ก็ไม่มีแม้แต่เงาของขวัญเลยสักนิด ฉันนั่งลงบนชิงช้า หอบหายใจหนักเพราะความเหนื่อย
“มีอะไรให้พวกเราช่วยรึเปล่าแก้ว”เสียงมินดังขึ้นด้านหลังฉัน เธอเดินมาพร้อมกับโช ดูจากชุดที่ทั้งสองคนใส่แล้ว คงจะเพิ่งกลับมาจากงานศพแน่ๆ ฉันเงยหน้าขึ้นมองแล้วพูดสิ่งที่ต้องการเบาๆ
“ขวัญหายไป ฉันลองไปตามหาทุกๆที่ที่คิดว่าขวัญจะไปแล้ว”ฉันบอก มินทำหน้าตกใจเล็กน้อยหลังจากฟังจบ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันต้องให้ความสนใจกับมัน
“แล้วบ้านเพื่อนๆในห้องของขวัญล่ะ ได้ไปหาบ้างรึยัง เผื่อว่าขวัญอาจจะไปบ้านใครสักคนก็ได้นะ”มินว่า ฉันรีบลุกขึ้นยืนในทันที จริงด้วย... ฉันลืมไปซะสนิทเลย บ้านเพื่อนๆ นั่นล่ะที่ๆฉันยังไม่ได้ลองหา ฉันแยกกับมินและโช ให้ทั้งสองคนลองไปหาที่บ้านเพื่อนกลุ่มหนึ่ง ส่วนฉันกับบีมก็ไปอีกกลุ่มหนึ่ง เพราะฉันไม่รู้ว่าใครเป็นเพื่อนสนิทของขวัญบ้าง ดังนั้นฉันเลยต้องไปที่บ้านเพื่อนของขวัญราวๆ 7-8 หลัง เห็นจะได้ แต่ทุกๆบ้านที่ฉันลองไป กลับไม่มีวี่แววว่าขวัญจะอยู่ที่นั่นเลย และหลังตรงหน้าก็เป็นหลังสุดท้าย ฉันเดินเข้าไปกดกริ่ง สักพักก็มีหญิงวัยกลางคนมาเปิดประตูให้ ดูท่าว่าจะเป็นแม่ของเพื่อนขวัญนะ ฉันลองถามว่ามีเด็กนักเรียนโรงเรียนเอกอนันตศึกษามาที่บ้านหลังนี้บ้างรึเปล่า แต่คำตอบที่ได้คือการส่ายหน้า ฉันกล่าวขอบคุณและเดินมานั่งพักที่สวนสาธารณะแห่งเดิม ความหวังตอนนี้คือให้ทางด้านมินกับโชเจอตัวของขวัญ ฉันมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง สองทุ่มครึ่งแล้ว... อีกไม่นานพ่อกับแม่ก็จะกลับมาถึงบ้าน แต่ขวัญยังไม่กลับมาเลย ฉันมองมินกับโชที่วิ่งมาจากหน้าสวนสารธารณะ เบื้องหลังของทั้งสองคนไม่มีใครตามมา...
“ไม่เจอเลย มีบ้านหลังไหนที่พวกเรายังไม่ได้ไปบ้างรึเปล่า”มินถาม เธอดูท่าจะเป็นห่วงขวัญมากกว่าฉันซะอีกนะ
“มีเพื่อนของขวัญคนไหนที่เธอคิดว่าขวัญน่าจะรู้จักบ้านของคนๆนั้นบ้าง”โชถาม มันทำให้ฉันนึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมา คนที่ขวัญรู้จักบ้านงั้นเหรอ ถ้าที่ฉันรู้ก็มีอยู่หลังเดียวและเป็นหลังที่ยังไม่มีใครไปสำรวจ
“บ้านของเอ็ม...”ทันทีที่คำตอบหลุดจากปากฉันมินก็ลากทั้งฉันและโชขึ้นแท็กซี่ไปในทันที ทำเอาฉันลากบีมขึ้นไปด้วยแทบไม่ทัน ใช้เวลาเกือบสิบห้านาที ก่อนที่พวกเราทั้งหมดจะมายืนอยู่ที่หน้าบ้านของนายเอ็ม
“พี่อาร์ตสวัสดีค่ะ”ฉันยกมือไหว์พี่ชายของนายเอ็ม โดยมีโชกับมินไหว้ตาม พี่อาร์ตที่กำลังกวาดพื้นหน้าบ้านอยู่เงยหน้าขึ้นมองฉัน และทำท่าคิดเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมา
“อ๋อ... เพื่อนนายเอ็มนี่เอง เอ็มอยู่บนบ้านน่ะ เห็นว่าวันนี้พาเพื่อนมาด้วย หน้าคล้ายๆน้องสาวของเธอเลยนะ”พี่อาร์ตว่า นั่นทำให้ฉันมั่นใจเต็มร้อยเลยว่าขวัญต้องอยู่กับนายเอ็มแน่ๆ ฉันกล่าวขอบคุณพี่อาร์ตก่อนจะเดินขึ้นไปบนบ้าน พ่อของนายเอ็มกำลังนั่งสมาธิอยู่ และฉันก็ไม่อยากกวนเขาเท่าไรนัก
“เอ็มกับเพื่อนเขาอยู่ข้างบน ขึ้นไปสิ...”แต่ดูเหมือนว่าพ่อของเอ็มจะไม่รู้สึกเป็นการรบกวนเท่าไร เขาพูดออกมาทั้งบๆที่หลับตา ฉันพาทุกคนอ้อมไปขึ้นกระไดด้านหลัง มันเป็นกระไดไม้ ถ้าลงเท้าแรงมันจะมีเสียงดังมากๆ ฉันพยายามย่องให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ และในที่สุดฉันก็พาตัวเองขึ้นมาชั้นบนได้สำเร็จโดยไม่ทำอะไรให้เกิดเสียงดังเลยแม้แต่น้อย
“ขวัญ...”ฉันเรียกขวัญด้วยน้ำเสียงที่ดังเล็กน้อย เมื่อเห็นเธอนั่งพิงไหล่ของเอ็มอยู่ เอ็มเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะทำหน้าตกใจเล็กน้อย ฉันเดินไปหาขวัญก่อนจะฉุดตัวเธอขึ้นมา ขวัญมองหน้าฉันอย่างงงๆ ก่อนที่ฝ่ามือฉันจะปะทะเข้ากับแก้มของเธอ
เพี๊ยะ!!
“พี่แก้ว!! พี่แก้วตบขวัญทำไม”เธอหันมาถามด้วยน้ำตานองหน้า แต่อารมณ์ตอนนี้ของฉันจะไม่มีการเห็นใจใดๆทั้งสิ้น
“ขวัญดูหน้าแก้วนะ แก้วไม่สบาย เจ็บขนาดนี้ แต่เพราะขวัญทำให้แก้วต้องออกมาตามหา ตอนนี้มันกี่โมงกี่ยามแล้ว โทรศัพท์ก็ไม่เอากลับมา แก้วตามหาขวัญแทบตายเลยรู้ไหม แก้วไปบ้านเพื่อนของขวัญทุกคนเพื่อตามหาขวัญ แต่ขวัญกลับมาอยู่กับนายเอ็ม ขวัญไม่เคยเหลวไหลขนาดนี้นะ ในฐานะพี่ แก้วขอบอกเลยนะว่าที่ขวัญทำมันไม่ถูกต้องเลยสักนิด”ฉันพูดรัวออกไปโดยไม่สนใจริมฝีปากที่ยังบวมเจ่อหรือร่างกายที่บอบช้ำเลยสักนิด
ทันทีที่ฉันพูดจบเสียงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้นมา ฉันมองหน้าขวัญแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ชื่อที่ขึ้นมา เขียนไว้ว่า ‘ พ่อ ’ ฉันมองหน้าขวัญอีกครั้งและเดินหลบไปคุยโทรศัพท์ห่างจากคนอื่นๆ
“ค่ะพ่อ... ขวัญอยู่กับแก้วค่ะ แค่ออกมาหาอะไรกิน เดี๋ยวจะกลับแล้วค่ะ.. บายค่ะพ่อ”ฉันวางโทรศัพท์แล้วหันไปหาทุกคนอีกครั้ง ขวัญมองหน้าฉันแบบสำนึกผิด แต่อารมณ์นี้ฉันไม่อยากจะปลอบใจใครเลยสักนิด
“เอ็ม... ตลอดมาฉันกลัวนายมาตลอด จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังกลัวอยู่ แต่ครั้งนี้ฉันยอมไม่ได้จริงๆ ฉันไม่ห้ามถ้านายจะคุยกับน้องฉัน แต่ถ้าจะพาน้องฉันมา อย่างน้อยก็ควรบอกให้ฉันรู้ หรือไม่ก็ให้ขวัญโทรมาบอก” ฉันหันไปพูดกับเอ็ม “ส่วนขวัญ... แก้วบอกพ่อว่าออกมาหาอะไรกินกับขวัญข้างนอก นี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่แก้วจะยอมโกหกแบบนี้ แก้วรออยู่ข้างนอก จะกลับเมื่อไรก็ตามออกไปแล้วกัน”
ฉันดึงมือมินให้ตามออกมาพร้อมๆกับฉัน เธอเดินมาตามแรงฉุดที่ไม่มากเท่าไรนัก ฉันปล่อยมือมินเมื่อออกมาด้านนอก
“ตบไปแล้วมิน ฉันตบขวัญไปแล้ว... ขวัญคงเสียใจมากแน่ๆ มินช่วยปลอบเขาให้ฉันทีนะ ขวัญคงไม่อยากเห็นหน้าฉันตอนนี้หรอก”ฉันพูด มินตบไหล่ฉันเบาๆก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน ฉันมองดวงจันทร์ที่ลอยเด่นบนท้องฟ้า แต่มันพร่ามัวเหลือเกิน หยดน้ำใสๆไหลรินออกจากดวงตาฉัน ร้องไห้งั้นหรือ... ฉันกำลังร้องไห้...
“ไงเรา... ได้ข่าวว่าเห็นวิญญาณเหรอ”พี่อาร์ตเดินมานั่งข้างๆ ฉันปาดน้ำตาทิ้งไปก่อนจะหันมามองหน้าของพี่อาร์ตอีกครั้งหนึ่ง
“ร้องไปเถอะ พี่ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรกัน แต่ถ้าไม่สบายใจก็ร้องออกมา จนกว่าจะไม่อยากร้องอีกนั่นล่ะ”ฉันหัวเราะกับประโยคที่พี่อาร์ตพูดเบาๆ ฉันอยากร้องต่อนะ แต่ฉันไม่กล้าร้องต่อหน้าคนอื่น น้ำตามันไม่ยอมไหลออกมาอีกเลย พี่อาร์ตนั่งมองพระจันทร์ไปพร้อมๆกับฉัน แต่หน้าของบีมก็โผล่มาบังทุกอย่างหมด
“แก้ว... มองพระจันทร์เสร็จแล้วก็กลับได้เองเลยนะ คนอื่นเขาไปกันหมดแล้ว”บีมบอก ทำเอาฉันสะดุ้งโหย่งมองไปรอบๆทันที ตอนนี้ทุกคนออกมายืนออกันอยู่หน้าบ้านแล้ว ขวัญดูเหมือนจะยังไม่กล้าสบตาฉันเท่าไร ส่วนพี่อาร์ตก็ลากนายเอ็มให้ออกไปห่างๆฉัน
“กลับกันเถอะแก้ว”โชเดินเข้ามาบอกฉัน พวกเราทุกคนเดินออกไปหน้าปากซอยเพื่อเรียกรถแท็กซี่กลับบ้าน ไม่นานพวกเราทั้งหมดก็มายืนอยู่หน้าบ้านของฉันโดยมีพ่อและแม่นั่งคอยอยู่ในบ้านแล้ว ฉันปลีกตัวออกมาและขึ้นมาอยู่บนห้อง นาฬิกาบอกเวลาสามทุ่มครึ่ง นานเป็นบ้าเลยวันนี้ เหนื่อยจริงๆแล้วนะเนี่ย ฉันรีบอาบน้ำและลงมาด้านล่างอีกครั้ง ทุกๆคนยังไม่มีใครกลับไปเลยสักคนเดียว ที่จริงก็แค่สองคนคือมินกับโชนั่นแหละ ฉันมองทั้งสองคนที่ยังนั่งอยู่ข้างๆขวัญก่อนจะเลี่ยงเดินเข้ามาในครัว
“แก้ว...”เสียงที่ดังมาจากด้านหลังทำให้จิตใจที่ไม่ค่อยปกติเท่าไรนักของฉันสั่งให้แก้วเปล่าที่อยู่ในมือหล่นลงพื้น โชรีบเดินเข้ามาช่วยฉันเก็บทันที
“มะ... ไม่เป็นไร นายมีอะไรรึเปล่า”ฉันถามแล้วก้มเก็บเศษแก้วที่ตกบนพื้น โชเงยหน้าขึ้นมาบอกฉัน ว่าเขากับมินจะพักที่บ้านฉันคืนนี้ โดยที่ตัวเขาจะนอนที่โซฟาข้างล่างให้มินไปนอนกับขวัญที่ห้อง ฉันพยักหน้าตอบรับก่อนจะหยิบเศษแก้วและลุกเอาไปทิ้งขยะ แล้วหันหลังกลับเพื่อเดินไปที่ห้องนั่งเล่น
“โอ๊ย!!”เสียงของโชดังขึ้น เรียกให้ฉันหันไปมอง เศษแก้วขนาดใหญ่ที่ฉันไม่ทันสังเกตเห็น ตอนนี้มันแทงเท้าไปในขาของโชเต็มๆ ส่งผลให้เลือดสีแดงนั่นไหลออกมาไม่หยุด ฉันรีบหยิบผ้าและนำมันไปซับเลือดทันที แต่ไม่ว่าอย่างไร เลือดนั้นก็ไม่ยอมหยุดไหลเลยสักนิดซ้ำยังไหลออกมาเรื่อยๆอย่างไม่ปรากฏทีท่าว่าจะหยุดแต่อย่างใด
“เลือดไม่หยุดไหลหรอก พยุงฉันไปที่โซฟาที”โชว่า ฉันรีบทำตามที่เขาบอกทันที เมื่อไปถึงมินทำหน้าตกใจอย่างหนัก และขวัญเองก็หน้าซีดเมื่อเห็นหยดเลือดที่ไหลเป็นทาง
“มิน โทรหาพี่ริวให้ที ให้เขาเอา ‘ ยา ’ มาให้ฉันหน่อย”โชหันไปบอก มินควักโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเสื้อของโชแล้วต่อสายไปยังพี่ชายของเขาทันที ส่วนตัวเขาเองก็วุ่นกับการเอาเศษแก้วออกจากขาและใช้ผ้าซับเลือดที่ไม่มีทางหยุดไหลนั่นไปเรื่อยๆ โชคดีที่บ้านของฉันและโชอยู่ไม่ห่างจากกันมากนัก พี่ชายของเขาจึงมาถึงบ้านฉันภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที นั่นหมายถึงว่าเขาบิดรถมอเตอร์ไซค์มาแบบ 120กม./ชม. นะ
“อ่ะโช... นี่ยา รีบฉีดเถอะก่อนที่เลือดจะไหลหมดตัว หน้านายซีดหมดแล้ว”พี่ริวส่งยาหลอดหนึ่งให้กับโช ก่อนที่เขาจะรับมาและฉีดเข้าไปในร่างกายของตัวเอง ไม่นานเลือดที่ไหลมาตลอดก็ค่อยๆหยุดไหลไป พี่ริวเดินไปนั่งข้างๆตัวของโชก่อนจะสำรวจบาดแผล
“ไปทำอีท่าไหนเข้าล่ะเนี่ย ถึงได้มีแผล ถ้าพี่มาไม่ทันนายเลือดไหลหมดตัวแน่ รู้ไหม”พี่ริวพูดแล้วลงมือทำแผลให้กับน้องชายของตนเอง จนเมื่อเรียบร้อยแล้วนั่นแหละ เขาถึงได้หันมาหาทุกคน
“ไง... พี่จำเราได้นะ เคยเจอกันที่สุสานใช่ไหม”พี่ริวหันมาทักฉัน ฉันพยักหน้าแล้วยิ้มให้น้อยๆ ส่วนขวัญก็เดินไปเอาน้ำมาให้พี่ชายของโช กับมินดูเหมือนพี่ริวจะสนิทด้วยเป็นพิเศษเพราะถึงขนาดเล่นหัวกันได้แล้ว
“พี่ริว... โชเป็นอะไรเหรอคะ ทำไมเลือดถึงไหลไม่หยุดเลย”ขวัญเดินมาถามเมื่อพวกเราทุกคนนั่งล้อมวงกันแล้ว พี่ริวมองหน้าคนถามเล็กน้อยแล้วขยับตัวให้นั่งสบายกว่าเดิม ทำให้พวกเราทุกคนต้องขยับตามไปด้วย พี่ริวโน้มตัวมาข้างหน้าก่อนจะเริ่มเล่า
“รู้จักโรคฮีโมฟีเลียไหม...” ทุกคนส่ายหน้า พี่ริวจึงเริ่มเล่าต่อ “โรคฮีโมฟีเลีย เรียกภาษาชาวบ้านๆก็คือโรคเลือดไหลไม่หยุดนั่นแหละ ถ้ามีแผลที่ส่วนไหนของร่างกายจนกว่าจะได้รับ ‘ ยา ’ เลือดจะไม่หยุดไหลเลย”พี่ริวพูดเกริ่น ทำให้พวกเราทุกคนโน้มตัวลงไปตั้งใจฟังมากขึ้น...
ความคิดเห็น