คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : งานเต้นรำ
ตอน 5
งานเต้นรำ
ช่วงเวลาอีก 4 วันที่เหลือผ่านไปอย่างรวดเร็ว การรับน้องของทุกหอเสร็จสิ้น เริ่มจากหอตะวันตก ที่นักเรียนหอใต้ไปป่วนจนเตียงที่ห้องพยาบาลเต็มและลามมาถึงหอประชุมกลางที่ต้องลำเลียงผู้บาดเจ็บจากหอตะวันตกมาไว้เนื่องจากพื้นที่ไม่พอ การรับน้องของหอเหนือ นักเรียนหอใต้ต่างลงมติอย่างเอกฉันท์ว่าโหดที่สุดแต่น้อยกว่าหอใต้หน่อยหนึ่ง รุ่นพี่หอเหนือหลายคนบาดเจ็บจนไม่สามารถรับน้องกลุ่มอื่นได้อีก และขนานนามนักเรียนหอใต้ปีนี้ว่า ‘เหล่าลูกหลานปีศาจ’ หลังจากนั้นก็เป็นช่วงของหอตะวันออกที่อยากลองดี สุดท้ายก็ไปนอนหยอดน้ำเกลืออยู่ที่ห้องพยาบาลเป็นทิวแถว ดีที่นักเรียนหอใต้ปีนี้ยังพอมีความปราณีคนที่ต้องไปงานในช่วงเย็นไม่มีใครบาดเจ็บสักคนเดียว เป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าพวกนักเรียนหอใต้ปีนี้รู้ได้อย่างไรว่าใครที่จะไปงานหรือไม่ไปงาน
“ฉันไปก่อนนะ อาจกลับดึก ไม่ต้องรอก็ได้”เซนหันไปพูดกับเพื่อนในกลุ่มองตน
“ไปเลย ฉันจะนอน ง่วงห้ามปลุกด้วยนะ”เป็นอันรู้กันว่าถ้าชานัทกล่าวแบบนี้เมื่อไรหมายถึงห้ามปลุกเด็ดขาด ถ้ายังไม่อยากเจอชานัทในโหมดโหด
“อืมๆ งั้นไปแล้วนะ”เซนพูดอีกครั้งก่อนจะเดินออกมานอกห้อง
“บาย”โอเทสหันมาพูดก่อนล้มตัวลงนอนบเตียง
ภายในห้องของรุ่นพี่ปี 4 เซนกำลังลองชุดราตรีหลากหลายชุดที่รานอฟไปหามาให้ ไซครอส ฟาเรล เลฟินและรุ่นพี่ทิมคริส ก็อยู่ด้วย แต่ว่ารานอฟก็ได้ไล่ทิมคริสให้ไปรอด้านนอกแล้วด้วยเหตุนี้ทั้งห้องเลยเหลือแค่ เซเรีย รานอฟ ไซครอส เลฟิน และฟาเรล
“ชุดนี้ดีไหม”ไซครอสเอ่ยแล้วหยิบชุดราตรีสีขาวขึ้นมาให้ดู
“ไม่ๆ ชุดนี้ดีกว่านะ”ฟาเรลเถียงพร้อมหยิบชุดราตรีสีน้ำตาลอ่อนที่ผ่าหลังขึ้นมา
“มันโป๊ไป เอาชุดนี้ดีกว่า”รานอฟบอกแล้วหยิบชุราตรีสีชมพูอ่อนๆที่แขนยาวมาถึงข้อมือและประโปรงก็ปิดมิดจนถึงข้อขา
“ไม่เอานะพี่ ถ้าให้ใส่ชุดนี้ ฉันไม่ไปจริงๆด้วย”เซเรียแย้งขึ้นมา เลฟินที่นั่งฟังทั้ง 4 คนเถียงกันมานานก็ตะโกนขัดขึ้นมา
“หยุด!! เซเรียไปเปลี่ยนเป็นชุดนี้”เลฟินตะโกนอย่างเหลืออดพร้อมหยิบชุดราตรีเกาะอกสีดำมีลูกไม้ประดับตรงชายกระโปรงส่งให้
“ค่ะ”เซเรียรับคำอ่อยๆ อย่าทำให้เลฟินโกรธเป็นดีที่สุด ขนาดรานอฟที่ไดฉายาว่าปีศาจ เมื่อเจอเลฟินตอนโกรธยังจ๋อยเลย เซเรียเดินไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำสักพักก็ค่อยๆเดินออกมา รุ่นพี่ทุกคนอ้าปากค้าง จนหน้าของเซเรียเริ่มแดงขึ้นมาหน่อยๆ
“สวยสุดยอด”รานอฟเพ้อออกมาเบาๆก่อนจะได้สติแล้วหันไปมองคนอื่นๆที่กำลังมองเซเรียอย่างตะลึง
“เซเรียไปแต่งหน้าเถอะ อยู่บนโต๊ะโน้นแหละ”รานอฟหันไปชี้ที่โต๊ะตัวหนึ่งที่มีอุปกรณ์แต่งหน้าครบครัน
“อืม งานจัดกี่โมงเหรอพี่”เซเรียหันไปถาม
“อีก 20 นาที”รานอฟหันไปมองนาฬิกาที่แขวนไว้ข้างกำแพงแล้วหันมาตอบ
“เหลือเฟือเลย เวลา”เซเรียเอ่อยด้วยน้ำเสียงเนืองๆก่อนจะเริ่มลงมือแต่งหน้าอย่างบรรจง
“เอาสวยๆนะ เดี๋ยวพี่จะขายหน้าเอา”รานอฟพูดอย่างล้อๆ น้องเขาน่ะไม่ต้องแต่งก็สวยอยู่แล้ว
“พี่รานอฟนะ ฉันโกรธแล้วด้วย ไปหาคนอื่นเลย ฉํนจะกลับไปนอนแล้ว เหนื่อยก็เหนื่อยยังต้องมาช่วยอีก”เซเรียพูดอย่างงอนๆ เดือนร้อนรานอฟต้องรีบง้อก็ที่คู่ควงของเขาจะไม่ยอมไปริงๆ
“โอ๋~ พี่ขอโทษหายงอนนะ เดี๋ยวพี่ไม่มีคู่จะแย่เอา”รานอฟกล่าวด้วยเสียงล้อเลียน เซเรียทำหน้างอนิดๆแต่ก็ยอมหันมาคุยด้วย
“แล้วพี่ไซครอส พี่ฟาเรลกับพี่เลฟินมีคู่แล้วเหรอค่ะ”เซเรียถาม
“ครับ มีแล้วก็น้องผู้หญิงปีนี้นั้นแหละ ส่วนทิมคริสก็ไปหาน้องตัวเองที่อยู่ปี 2 น่ะ”รานอฟตอบ หลังจากนั้นทั้ง 2 ก็เงียบไป เซเรียแต่งหน้าทำผมจนเสร็จก่อนจะเหลือบไปมองนาฬิกา
“อีก 5 นาที งานจะเริ่มแล้ว ไปกันเถอะค่ะพี่”เซเรียหันไปเรียกรานอฟก่อนจะพากันเดินไปที่หอประชุมกลาง รุ่นพี่ที่จบแล้วทุกคนต่างทยอยกันเข้ามาในหอประชุมทุกคนอยู่ในชุดที่ทรงสง่าและผ้าคลุมสีเงินเหลื่อมทองหมายถึงการจบการศึกษาจากโรงเรียนแห่งกษัตริย์โรงเรียนที่ได้รับการยอมรับจากกษัตริย์ทุกเมืองว่าเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุด
“ผมในฐานะที่เป็นตัวแทนจากนักเรียนโรงเรียนแห่งกษัตริย์และเป็นรุ่นน้องของรุ่นพี่ทุกคนที่จบในปีนี้ ขอแสดง
ความยินดีแก่รุ่นพี่ทุกคนขอให้เป็นกษัตริย์ที่ดีแก่ประชาชน ประชาชนทุกคนในเมืองของรุ่นพี่ต่างหวังในตัวรุ่นพี่ทั้งนั้น อย่าลืมปรัชญาของพวกเรา”ฟาเรลที่เป็นตัวแทนของประธานหอทั้งหมดกล่าว และประโยคสุดท้าย ทุกคนในหอประชุมต่างกล่าวขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ประชาชนคือหัวใจของพวกเรา!!!!!!!!!!!!!!”เสียงทั้งหมดดังกระหึ่มไปทั่วหอประชุม รุ่นพี่หลายคนถึงกับน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อายใคร
“เอาล่ะๆในฐานะที่ครูเป็นครูใหญ่ของโรงเรียนแห่งกษัตริย์ก็อยากจะบอกแก่ทุกคนว่าขอให้ทุกคนอย่าลืมบทเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้เคยสอนล่ะนะ ไม่ว่าจะเป็นบทเรียนในห้องเรียนหรือนอกห้องเรียนก็ต่าง จงรู้เอาไว้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดในโรงเรียนแห่งนี้ มันคือบทเรียนที่ต้องจำเอาไว้จนวันตาย”อาจารย์ราเชลพูดขึ้นมากลางหอประชุม
“เฮ้!!!!!!!”เสียงดังกระหึ่มทั่วทั้งหอประชุม ทุกคนต่างยกแก้วในมือขึ้นมาเพื่อฉลองให้แก่รุ่นพี่ทุกคน
“พี่รานอฟ งานนี้จะจบกี่โมงเหรอ”เซเรียหันไปถามรานอฟ
“อีก 3 ชั่วโมง แต่จะกลับก่อนก็ไม่เป็นไรนะ”รานอฟกล่าวพร้อมเดินแยกไปหาไซครอสที่ยืนอยู่อีกทาง
“ไปด้านนอกรับลมเล่นดีกว่า”เซเรียวางแก้วเครื่องดื่มลงก่อนจะเดินออกไปที่ด้านนอกงาน
“หึหึ โอกาสที่ดี ถ้าไม่คว้าไว้ก็แย่แล้ว”เสียงจากความมืดดังขึ้นมาในโสตประสาทการได้ยินของเซเรีย
“เสียงอะไร ใครพูดกัน”เซเรียเหลียวมองรอบๆ ไม่มีใครอยู่ ณ ที่นั้นเลย แล้วเสียงของอะไรกัน ที่ดังขึ้นมาในสมองของเธอ
“ทางนี้ท่าน ด้านหลังของท่านไงล่ะ”เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้งจากด้านหลังของเซเรีย เธอมองอย่างระแวงไปรอบๆก่อนจะหยิบมีดสั้นสีเงินแวววาวขึ้นมาถึงเอาไว้
“ออกมานะ ฉันบอกให้ออกมา”เซเรียเริ่มส่งเสียงให้ดังขึ้น
ฟุบ! เสียงลมจากด้านซ้ายที่เหมือนถูกอะไรบางอย่างวิ่งผ่าน เธอหันไปมองแต่ก็พบกับความว่างเปล่า
“สวัสดี หึหึหึ”เสียงนั้นดังขึ้นที่ข้างหูของเซเรีย เธอหันไปมองด้วยความเร็ว และคราวนี้เธอก็ได้พบกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีเขี้ยวยาวงอกออกมาจากปาก
“เจ้าเป็นใคร”เซเรียถาม ในน้ำเสียงไร้ซึ่งความหวั่นเกรงใดใด แต่กลับฟังดูหนักแน่นและทรงพลัง
“ข้าก็เป็นลูกน้องของท่านไงเล่า ฝ่าบาท”คนๆนั้นเอ่ย
“เจ้าเป็นปีศาจงั้นรึ”เซเรียถามออกไปอีกครั้ง
“ใช่ ข้าเป็นปีศาจ ปีศาจสายเลือดบริสุทธิ์ปีศาจที่เป็นข้ารับใช้ของท่านไปจนกว่าข้าจะสิ้นลมหายใจ”ปีศาจตนนั้นกล่าวก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาแววตาสีเพลิงลุกโชนเหมือนกับได้เห็นอนาคตของเหล่าปีศาจทั้งหลาย
“แต่ว่าข้าเป็นมนุษย์ มิใช่ปีศาจ เจ้าคงเลือกผิดแล้ว”เซเรียเอ่ยแล้วตั้งท่าจะเดินกลับ
“แต่ท่านก็มีสายเลือดของปีศาจอยู่ในตัวอีกครึ่งหนึ่งมิใช่หรือ อย่าบอกนะว่าท่านลืมไปแล้วน่ะ”ปีศาจตนนั้นยิ้มเยาะก่อนที่ค่อยๆจางหายไป
“ชิ! น่าเบื่อ”เซเรียบ่นเบาๆ ก่อนจะปิ๊งไอเดียบางอย่างจึงเรียกชุดๆหนึ่งออกมาและเดินกลับไปเปลี่ยนในห้องน้ำแถวๆนั้น
ภายในหอประชุมที่หรูหรา เจ้าชายและเจ้าหญิงจากเมืองต่างๆที่มาแสดงความยินดีให้นักเรียนของโรงเรียนแห่งกษัตริย์ อีกไม่นานคนทั้งหมดในที่นี้ก็จะกลายเป็นกษัตริย์ที่ต้องดูแลทุกข์สุขประชาชน
“ข้าเป็นตัวแทนของกษัตริย์กราเวลด้ามาแสดงความยินดีให้แก่ท่าน ขอให้ท่านดูแลคนในเมืองของท่านให้มีแต่ความสุขตลอดไป”เซนที่แอบสวมแหวนและเปลี่ยนชุดเป็นชุดเจ้าชายของเมืองกราเวลด้า ก็ใช่ว่าเขาจะไม่มีชุดเจ้าชายเก็บไว้นี้ ในเมื่อต้องเปลี่ยนเป็นเจ้าชายอยู่บ่อยๆ เขาก็เลยสั่งให้ช่างประจำวังตัดชุดเจ้าชายเอาไว้ให้เวลาออกงานเสียเลย
“ข้าขอบคุณกษัตริย์กราเวลด้ามาก ที่ให้เกียรติข้าให้ท่านมาแสดงความยินดีในการจบการศึกษาของข้า”องค์ชายจากเมืองซิสโดมินิกกล่าวอย่างเป็นทางการ ก่อนที่เซนจะโค้งตัวขอแยกออกมาจากตรงนั้น
“เฮ้ย... ยัยเจ้าหญิงจากเมืองดารามาด้วยเหรอเนี่ย”เซนรีบหลบออกมาจากตรงจุดที่เคยยืนอย่างเร่งด่วนเมื่อหันไปเจ้าเจ้าหญิงคนหนึ่งที่อยู่ในชุดราตรีประโปรงฟูฟ่อง ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มอย่างสดสวยดูงดงามราวกับนางฟ้าที่จุติลงมายังโลกมนุษย์ก็ไม่ปาน แต่สิ่งที่ทำให้เซนไปอยากพบเจอเจ้าหญิงจากเมืองดารามากที่สุดก็คือ....
“อ๊ะ... เซน เซนก็มางานนี้ด้วยเหรอค่ะ เอลย่าไม่คิดเลยนะว่ากษัตริย์กราเวลด้าจะให้ท่านมางานแบบนี้ด้วย”เจ้าหญิงจากเมืองดาราวิ่งเข้ามาเกาะแขนเซนอย่างออกหน้าออกตา ก็เหตุนี้ไงล่ะที่เซนไม่อยากเจอ... ก็เจ้าหญิงเอลย่าน่ะ ติดเขามากๆเลยทีเดียว เรียกได้ว่าถ้าสามารถพากลับเมืองได้ก็คงพาเขากลับไปด้วยแล้ว
“เจ้าหญิงเอลย่า กรุณาวางตัวให้เหมาะสมด้วยครับ คุณเป็นถึงเจ้าหญิงไม่ใช่สามัญชนธรรมดากรุณาคิดถึงเรื่องนี้ด้วยนะครับ”เซนค่อยๆแกะแขนที่ติดหนึบอยู่กับแขนของเขาออก
“เซน ไปเต้นรำกันเถอะนะ”เอลย่าชวน ไม่ทันที่เซนจะได้เอ่ยปากปฏิเสธเอลย่าก็ลากเขาออกไปตรงจุดที่ถูกจัดเอาไว้ใช้เต้นรำ ทำนองเพลงถูกเล่นอย่างช้าๆเซนที่จำใจจะเต้นรำก็ค่อยๆก้าวเท้าออกไปตามทำนองของเพลง เป็นเวลานานก็ที่ทั้งสองจะรู้ตัวว่า ส่วนที่ถูกจัดเอาไว้เต้นรำไม่เหลือคนเต้นอีกแล้ว มีเพียงแค่เขากับเอลย่าเท่านั้นที่ยังเต้นรำกันอยู่ ดูจากรอบๆสายตาทั่วทุกสารทิศกำลังจับจ้องมาที่เขาทั้งสองอย่างไม่ต้องสงสัย เสียงเพลงที่ถูกบรรเลงด้วยเปียโนชั้นดีดังแผ่วลงๆเรื่อยๆจนจบในที่สุด ทั้งสองโค้งตัวให้รอบๆก่อนจะรีบเดินออกมาจากตรงนั้น
“แปะๆๆๆๆๆๆ”เสียงตบมือดังเกรียวกราวตามมาจากด้านหลัง
“เฮ้อ!”เซนถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เอลย่ามองหน้าเซนอย่างงงๆแล้วลากเซนให้ออกจากงาน
“เซเรีย เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมทำหน้าเหนื่อยๆเหมือนปลาอึไม่ออกงั้นแหละ”และความลับอีกอย่างที่เอลย่ารู้คือ เซนเป็นคนเดียวกับเซเรีย
“เลิกเปรียบเทียมเถอะ ขอร้องแล้วก็เธอเองไม่ใช่เหรอที่ลากฉันออกไปเต้นรำน่ะ ฉันไม่ได้เต้นรำท่าผู้ชายเก่งขนาดนั้นซะหน่อย”เซนพูดด้วยเสียงธรรมดา เขาและเอลย่าสนิทถึงขนาดเล่นหัวกันได้แล้ว เพียงแต่ต่อหน้าเขาจะต้องคอยเตือนให้เอลย่าทำตัวให้สมกับตำแหน่งเจ้าหญิง ลองไปอยู่กันแค่สองคนสิ มารยง มารยาทไม่เคยมีหรอก กับทั้งสองคนนี้น่ะ
“หน่า... เซนน่ะเก่งอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้เซนก็ทำออกบ่อยไม่ใช่เหรอ”เอลย่าร้องหัวเราะแบบน่ารักๆ ที่คนอื่นๆมาดูคงเหมือนรอยยิ้มของนางฟ้า แต่สำหรับเซนมันคือรอยยิ้มของซาตานชัดๆ
“ก็โดนเธอลากไปน่ะสิ ถึงได้ทำ ว่าแต่... ทำไมถึงมาอยู่โรงเรียนนี้ล่ะ”เซนถามด้วยความสงสัย
“ก็มาแสดงความยินดีแทนท่านพ่อและฉันก็เป็นนักเรียนโรงเรียนนี้ ปีนี้ หอตะวันออก ครบไหม”เมื่อเอลย่าตอบจบสิ่งที่เซนทำได้คือ... อึ้ง อึ้งและอึ้ง โฮ~นี้ชีวิตเขาจะไม่ได้พบกับความสงบสุขอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย
“ชัดเจน แจ่มแจ๋ว ตรงประเด็นเป๊ะ”เซนตอบด้วยอาการของคนใกล้ล้ม
“เฮ้ๆ เป็นอะไรไปเนี่ย เข้างานดีกว่านะ”เอลย่าพูดก่อนจะพยุงเซนให้เดินเข้างาน
ภายในงานที่กำลังสนุกครื้นเครง แต่หากในห้องนอนของเซนและของเพื่อนๆกลับกำลังเจอปัญหาอย่างหนัก เมื่อมีปีศาจบุกเข้ามาหาถึงในห้องและปัญหาคือ มันดันเป็นปีศาจที่เข้าใจอะไรยากๆเสียด้วยสิ
“อย่าไปปลุกมันเชียวนะ”โอเทสร้องห้ามเมื่อเห็นปีศาจตัวนั้นตั้งท่าจะปลุกชานัทที่กำลังหลับอย่างสบายบนเตียงนุ่มๆของมันเอง
“ทำไมล่ะ ผมจะปลุกฝ่าบาท ผมไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย”ปีสาจตัวนั้นพูดก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปใกล้ๆตัวชานัท
“ข้าเตือนเจ้าแล้วนะ”โอเทสพูดแล้วหลับตาอย่างเสียวๆไม่อยากลุ้นว่าเจ้าปีศาจตัวนี้จะได้อะไรแถมมาจากการปลุกคนตื่นยากอย่างชานัท
“ฝ่าบาท ตื่นได้แล้วครับ”ปีศาจตัวนั้นค่อยๆเขย่าตัวชานัทช้าๆ
“อือ... อย่ามายุ่ง ง่วง”ชานัทละเมอพร้อมเอามือปัดไปมาจนโดนเข้าที่แก้มของปีศาจตัวนั้นเต็มๆ
เพี๊ยะ! เสียงฝ่ามือของชานัทที่กระแทกลงไปเต็มๆใบหน้าข้างซ้ายของปีศาจจนเกิดเป็นรอยปื้นแดงๆ
“ออกมาเถอะหน่า ไม่เจ็บหรือไง”เดลคิลพูดแล้วถอยห่าง ถึงจะเก่งแต่ก็ไม่อยากเจอลูกหลงนะครับ
“เจ็บครับ แต่ยังไงผมก็จะปลุกฝ่าบาท”ปีศาจตนนั้นตอบแล้วเขย่าตัวชานัทให้แรงขึ้น
“ตื่นเถอะฝ่าบาท ผมมีเรื่องจะคุยกับฝ่าบาทนะ”ปีศาจตนนั้นเอ่ย
“อืม... บอกว่าอย่ายุ่งไงเล่า!!” พลั้วะ!!!! เสียงหมัดลุ้นๆของชานัทตรงเข้ากระแทกกับหน้าของปีศาจ มันกระเด็นลงไปนอนอยู่ที่พื้นก่อนจะค่อยๆพยุงตัวขึ้น ใบหน้าด้านที่ถูกชานัทชกเข้าไปบวมเป๋งขึ้นมาได้โดยง่าย เลือดค่อยๆไหลออกจากปาก แล้วปีศาจตัวนั้นค่อยๆคายอะไรบางอย่างออกจากปาก
“ฟะ...ฟัน ฮือ~ ฟันผม หันไปตั้ง 3 ซี่แหนะ”มันร้องโอดครวญเหมือนจะเป็นจะตาย โดยที่อีก 3 คนที่เหลือได้แต่มองหน้ากันอย่างปลงๆก่อนนึกในใจ ‘เตือนแล้วนะ ดันไม่เชื่อกันเอง’
“เตือนแล้วก็ดันไม่เชื่อ ไปๆ ไปนั่งรอที่โต๊ะ เดี๋ยวจะทำแผลให้”อาเรสเดินมาไล่ก่อนจะเดินไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลที่ตู้ยา
“อู๊ย~ ซี๊ด~ เบาๆสิฝ่าบาท ข้าเจ็บนะ”ปีศาจตัวนั้นร้องแล้วเอามือกุมแก้มไว้เบาๆ
“เรียกชื่อธรรมดาก็ไม่มีใครว่าหรอกนะ เรียกแต่ฝ่าบาทๆ แล้วจะรู้มั้ยว่าเรียกฝ่าบาทคนไหน”โอเทสพูด
“ครับฝ่าบาท เอ๊ย... ท่านโอเทส แหะๆ อู๊ย~ ซี๊ด~ ท่านอาเรสทำเบาๆหน่อยสิครับ”อาเรสที่ได้ยินแบบนั้นก็แกล้งกดลงไปอีกจนปีศาจตัวนั้นร้องโอดครวญ
“โอ๊ยๆ เจ็บครับ เจ็บบบบบบบบ~”ปีศาจตัวนั้นร้อง ทั้งสามลอบมองหน้าแล้วยิ้ม
“นายเป็นปีศาจจริงเหรอเนี่ย ทำไมนายเอ่อ... ดูไม่เหมือนเลยล่ะ”โอเทสลองถาม
“นานๆจะได้มาโลกมนุษย์ซะที ท่านโอเทสจะให้ผมทำตัวเคร่งครึมเหมือนตอนอยู่โลกปีศาจทำไมล่ะครับ ปีศาจอย่างพวกผมก็ต้องผ่อนคลายกันบ้างสิ”ปีศาจตัวนั้นพูด
“เอาเถอะๆ แล้วมาทำไมล่ะเนี่ย ที่โลกมนุษย์น่ะ”เดลคิลตัดบทแล้วถามให้เข้าเรื่อง
“มาดูแลพวกฝ่าบาทนั้นแหละครับ”ปีศาจหนุ่มพูดแล้วยิ้มกว้าง
“ดูแล? ดูแลทำไม พวกฉันไม่ได้พิการนะ”โอเทสถาม
“ก็พลังของพวกฝ่าบาทยังฟื้นไม่เต็มที่ อาจเกิดการแทรกซ้อนของพลังธาตุใดธาตุหนึ่ง และมันจะทำให้ธาตุในตัวของพวกฝ่าบาทแปรปรวนถ้าดูแลไม่ดีหรือไม่ได้ธาตุอื่นๆเข้าไปช่วยเสริม พวกฝ่าบาทก็อาจตายได้เลยครับ”ปีศาจที่นั่งอยู่ด้านหน้าพูด
“แล้วนายชื่ออะไรเหรอ”อาเรสพูดก่อนจะหันไปเก็บอุปกรณ์ทำแผล
“ผมชื่อเชลนัทครับ”ปีศาจตัวนั้นพูดแล้วหันไปมองหน้าชานัทผู้ที่ทำให้ฟันของเขาหักไป 3 ซี่
“อืม... งั้นกลับไปเถอะ ตอนนี้ยังไม่มีอะไร แล้วคราวหน้าก็มาเที่ยวที่โลกมนุษย์บ่อยๆก็ได้ แวะมาหาพวกฉันก็ได้ ยินดีต้อนรับเสมอ”โอเทพูดอย่างติดตลก
“ครับๆ มาแน่ๆยังไงก็ต้องมาหาพวกฝ่าบาทอยู่แล้ว”เชลนัทเอ่ยก่อนที่จะค่อยๆระเหยกลายเป็นไอ
“ปีศาจอะไร ตลกเป็นบ้า”อาเรสพูดขำพร้อมเดินไปนอนต่อ
“ราตรีสวัสดิ์”เดลคิลกล่าวในความมืดก่อนหลับตาลง
“โอ๊ย!~”เสียงของสตรีหนึ่งดังขึ้นเมื่อมีร่างอีกร่างหนึ่งเดินชนตนจนเซล้ม
“ขอโทษครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นมาพยุงอีกฝ่ายในทันที
“ไม่ต้องมายุ่ง ดูสิกระโปรงฉันเลอะหมด”หญิงสาวร้องท้วงเมื่อเห็นกระโปรงของตนเลอะเครื่องดื่มของอีกฝ่าย
“ขอโทษครับ ผมเจ้าชายรานอฟ เอ็กซ์ตร้า ไอเกลซิส แห่ง เฮลฟ์เวยาน่า ครับ”รานอฟโค้งตัวขอโทษเล็กๆ
“ฉันเจ้าหญิงฟาเซล เรสด้า บรานิส แห่งไซโคเนส”หญิงสาวพูดพร้อมโค้งให้อีกฝ่ายอย่างสวยงาม
“ผมของอภัยที่ไม่ทันได้มอง เจ้าหญิงฟาเซลอย่าได้เคืองพระทัยเลยนะครับ”รานอฟกล่าวก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กๆให้แก่หญิงสาว
“แล้วไม่ทราบว่าคู่ของท่านอยู่ที่ไหนหรือครับ ถ้าไม่มีผมอยู่เป็นเพื่อนได้ไหมครับ”รานอฟลองเอ่ยปากถาม
“ก็เอาสิ เสด็จพ่อคงไปคุยกับคนอื่นอยู่”หญิงสาวตอบ
“ผมรู้ข่าวมาว่าตอนนี้บ้านเมืองไซโคเนสกำลังมีศึกภายในอยู่สินะครับ”รานอฟเอ่ยถึงเรื่องการเมือง
“อืม ฝ่ายสอดแนมของเฮลฟ์เวยาน่าทำงานได้ดีนะ ถึงได้มารู้ข่าวของประเทศฉันได้น่ะ”ฟาเซลเอ่ยด้วยน้ำเสียงสูงๆ เหมือนการประชดประชัน
“ฮ่าๆ ผมขออภัย เชิญไปเต้นรำกับผมสักเพลงนะครับ”รานอฟย่อตัวพร้อมเอ่ยปากชวน
“อืม”ฟาเซลเอ่ยรับพร้อมเดินนำไปที่ฟลอร์เต้นรำ
เสียงเปียโนและไวโอลิน พร้อมเครื่องดนตรีชนิดต่างๆที่มีคุณภาพชั้นเลิศค่อยๆบรรเลงเพลงอย่างช้าๆ รานอฟโค้งตัวให้ฟาเซลก่อนจะรับมือของฟาเซลที่นำมาวางไว้บนมือของตนพร้อมกับเริ่มก้าวเท้าตามจังหวะที่ถูกบรรเลงออกมา
“ท่านเรียนที่โรงเรียนนี้รึเปล่าครับ”รานอฟถาม
“อยู่ปี3หอโลมา”ฟาเซลตอบ
“ผมอยู่ปี4 หอมังกรครับ”รานอฟบอก
“ได้ข่าวว่าปี1หอมังกรคราวนี้แสบใช่เล่นนะ ทำรุ่นพี่ไปห้องพยาบาลกันเกือบหมด”
“ฮ่าๆๆๆ ก็จริงนะครับ”รานอฟตอบอย่างอารมณ์ดี
“นายอารมณ์ดีจังนะ”
“ก็ไม่รู้จะเครียดไปทำไมนี้ครับ เจ้าหญิงเองก็ยิ้มบ้างนะครับ ทำหน้าเครียดแล้วไม่สวยนะครับ”รานอฟพูดอำทำให้ฟาเซลเริ่มอมยิ้มออกมา
“สวยจริงๆด้วย เจ้าหญิงน่าจะยิ้มบ่อยๆ เพราะรอยยิ้มของเจ้าหญิงทำให้ประชาชนทุกคนสุขใจนะครับ”
“ฮะๆ ไปตรงอื่นกันเถอะ”ฟาเซลเอ่ย เป็นจังหวังเดียวกับที่เพลงกำลังจะจบ
“ครับ”รานอฟตอบรับและจับมือกันเดินออกไปที่นอกงาน
“อ๊ะ... สวยจัง”ฟาเซลชี้ให้ดูภูตตัวเล็กๆตัวหนึ่งที่เรืองแสงในที่มืด
“อ๋อ... ไรพิชน่ะเหรอ สวยมากๆเลลยล่ะ แสงสีส้มที่กระพิบอยู่นั้น่ะ”รานอฟพูดแล้วเอื้อมมือไปจับตัวไรพีชเข้ามาไว้ในอุ้งมือ
“เฮ้! ปล่อยมันสิ”ฟาเซลร้องท้วง ถึงเธอจะบอกว่ามันสวย แต่เธอก็ไม่อยากให้ใครจับมันหรอกนะ
“อ่ะๆ ปล่อยก็ได้”รานอฟพูดแล้วแบบมือออก ไรพีชค่อยๆบินไปเกาะที่ไหล่ของฟาเซลสักพักและบินจากไป
“ไปไหนกันดีล่ะ”รานอฟถาม
“หุบเขาหลังโรงเรียน”ฟาเซลเสนอขึ้นมา
“เอาสิ อิสคิวราส ไปรโคเทว”รานอฟท่องคาถาก่อนที่ทั้งสองจะหายไปจากที่ตรงนั้น
ในด้านของเซนกับเอลย่า ทั้งสองกำลังเดินชมดวงจันทร์แถวๆหน้าประตูโรงเรียน โดยที่เอลย่านั้นขี่หลังของเซเรียในร่างของเด็กผู้ชาย
“เออ ว่าจะถาม ตอนนี้ประเทศดารากำลังเจอเหตุการณ์ฝนแล้งอยู่ไม่ใช่เหรอ”เซนกล่าวถาม
“อืม ท่านพ่อกำลังคิดจะเอาน้ำในคลังของกษัตริย์แจกให้ประชาชนน่ะ”เอลย่าตอบก่อนจะพิงหลังของเซน
“เซน นายคิดจะหมั้นกับฉันไหม”เอลย่าถามขึ้นมาตรงๆ
“เอลย่า เธอคิดอะไรอยู่น่ะ ฉันเป็นผู้หญิงนะ”เซนหัวเราะเบาๆก่อนจะตอบ
“แต่นายในร่างของเซน ฉันหลงรักร่างของเซน เธอได้ยินรึเปล่า ฉันชอบเซน ฉันรักเซน เซเรีย ขอร้องล่ะ หมั้นกับฉันเถอะนะ เธอก็อยู่ในร่างของเด็กผู้ชายมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ”เอลย่ากล่าวอย่างรวดเร็ว เซนหยุดยืนอยู่กับที่เมื่อรู้สึกถึงอะไรที่เปียกชื้นตรงหลังของตน
“เอลย่า เธอร้องไห้เหรอ เอลย่าฉัน... ขอโทษ แต่ฉันไม่สามารถยอมเป็นเซนให้เธอได้จริงๆ”เซนเอ่ยได้แค่นั้นเอลย่าก็กระโดดลงจากหลังวิ่งหายไปอีกทาง
“เฮ้อ! ขอโทษ เอลย่าฉันขอโทษ อย่าโกรธหรือเกลียดฉันเลยนะ”เซนเงยหน้าพูดกับดวงจันทร์บนท้องฟ้า
“จิตใจฉันยังเป็นผู้หญิง เธอรับได้เหรอ ถ้าฉันไปรักกับคนอื่นที่เป็นผู้ชาย ฉันยังร้องไห้ได้ ฉันยังเสียใจเป็น ฉันยัง ฮึก... มีน้ำตาอยู่”จู่ๆน้ำในดวงตาของเซนก็ทะลักออกมา น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยไล่ลงถึงปลายคางก่อนจะหยดลงบนพื้น เซนถอดแหวนที่นิ้วออกแล้วเก็บมันลงในกระเป๋ากางเกง
“ฉันก็รักเธอเอลย่า ฮึก... แต่ฉัน... รักเธอแบบเพื่อน”เซนเอามือปาดน้ำตาเบาๆ เซเรียเป็นคนที่อ่อนโยนมาก อ่อนโยนจนเห็นใครร้องไห้น้ำตาก็จะไหลตามแม้ไม่ใช่เรื่องของตนเอง ดังนั้นการที่เธอเปลี่ยนเป็นเซนก็จะทำให้จิตใจของเธอเข้มแข็งขึ้นมาได้ในระดับหนึ่ง แม้จะไม่มากแต่ก็ยังดีกว่าในร่างของเซเรีย
“ฉันสับสนไปหมดแล้ว ฉันไม่รู้ว่าร่างไหนคือร่างที่แท้จริงของตัวเอง เซนหรือเซเรีย ฉันหลอกตัวเองเรื่อยๆ ตอนนี้ฉันเป็นใครกันแน่ ฉันเป็นเซเรีย เจ้าหญิงของเมืองกราเวลด้า หรือเซน เจ้าชายผู้เก่งกาจแห่งเมืองกราเวลด้า เธอรับมันได้... จริงๆเหรอ”เซเรียพูดได้แค่นั้นก่อนจะฟุบลงไปบนพื้นหญ้า คราบน้ำตายังคงติดอยู่ที่แก้มจางๆ และไม่มีใครมาเดินที่แถวๆหน้าประตูโรงเรียนอีกเลยจนถึงรุ่งเช้า
ร่างของเด็กสาวในชุดเจ้าชายของเมืองกราเวลด้านอนฟุบหน้าอยู่ตรงสนามหญ้าหน้าโรงเรียน วันนี้ยังเป็นวันหยุดในนักเรียน เพราะเมื่อคืนบางคนก็ออกจากงานตอนตี 3 และยังไม่มีเวลานอน ดังนั้นโรงเรียนจึงยังหยุดเรียน เด็กสาวค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาและพบว่าร่างกายมีรอยสลักแปลกๆขึ้นอยู่เต็มตัว และทุกจุดก็มีรูปปีกของนางฟ้าและซาตานพันกันไว้อยู่ เธอเดินโซซัดโซเซกลับไปที่ห้องของตน ก่อนจะล้มตัวลงลงบนเตียงริมหน้าต่าง
“โอ๊ย~ ร้อน”หลังจากนอนไปได้สักพักร่างกายของเซเรียก็เริ่มร้อนขึ้นมาเรื่อยๆจนแทบจนระเบิด คนที่เหลือที่ตื่นแล้วก็รีบวิ่งเข้ามาดูเซเรียในทันที
“ร้อนๆ โอ๊ย~”เสียนงของเซเรียดังลั่นหอมังกรทั้งหอ อาเรสลองจับที่หน้าผากดูก็ชักมือกลับแทบไม่ทัน นี้มันร้อนกว่าถูกเผาอีกนะ
“โอ๊ย~ ร้อนจังเลย”ปลายเสียงค่อยๆแผ่วลงแล้วเงียบหายไป ร่างกายที่ร้อนรุ่มก็ค่อยๆเย็นลง อาเรสที่ทำท่าจะเปลี่ยนชุดให้ก็เดินกลับเตียงตัวเองแทบไม่ทันเพราะนึกขึ้นได้ว่าคราวนี้เซนยังอยู่ในร่างของเด็กผู้หญิง และเขาก็ยังไม่อยากเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นด้วยสิ
“เฮ้ย!”เสียงชานัทร้องตะโกนลั่นก่อนจะฉีกเสื้อของตัวเองขาดออกจากกัน
“ดูนี้สิ”แล้วชานัทก็ชี้ให้เพื่อนๆดูรอยสลักรูปปีกเทวดาและซาตานอยู่เต็มตัวไปหมด โดยที่ปีกทั้งสองก็ยังพันกันเอาไว้อีกด้วย
“รอยอะไรน่ะ”เดลคิลถาม
“นายลองดูที่ตัวนายสิ ฉันเห็นนายก็เป็นนะ”ชานัทแย้ง อาเรส เดลคิลและโอเทสรีบถอดเสื้อของตัวเองออกดูและก็พบว่ามันเป็นจริงๆอย่างที่ชานัทพูดไม่มีผิดเพี้ยน
“มันเป็นอะไรของมันนะ”อาเรสพึมพำเบาๆ
“พลังของพวกฝ่าบาทใกล้จะแข็งแกร่งขึ้นไงครับ”เสียงที่5ดังขึ้นจากทางหน้าต่าง เชลนัทใช้ความพยายามอย่างสูงที่จะพาร่างของตัวเองเข้ามาจากหน้าต่าง
“เฮ้ย!”ทั้ง4ร้องขึ้นมาอย่างตกใจ
“ท่านเซเรียหลับไปแล้วหรือครับ”เชลนัทถาม
“อืม แล้วฟันนายดีขึ้นรึยัง”โอเทสถาม
“ฟันอะไรเหรอ?”ชานัทถาม
“ก็ฟันที่ท่านชานัทชกผมจนหักยังไงครับ”เชลนัทเอ่ยแล้วอ้าปากให้ดู
“แหะๆ ขอโทษนะ แต่ฉันจำไม่ได้เลย”ชานัทกล่าวยิ้มๆ
“ไม่เป็นไรครับ นี้ก็ดีขึ้นมาหน่อยแล้วครับ”เชลนัทเอ่ย
“แล้วรอยสลักนี้มันคืออะไรเหรอ”อาเรสถามแล้วชี้ให้ดูรอยสลักบนร่างกาย
“ไม่ทราบสิครับ เกิดมา 1800 ปี ผมก็เพิ่งเคยเห็นนี้ล่ะครับ”ปีศาจตัวนั้ตอบแล้วเดินเข้าไปหาเซเรียที่เตียงริมหน้าต่าง
“เอ๋! ทำไมท่านเซเรียมีพลังความมืดมากที่สุดล่ะเนี้ย แปลกจังแต่ก็ดีนะ”เชลนัทกล่าวแล้วยิ้มออกมาอย่างชั่งร้าย
“ขอแทรกนิดนึง ไอ้รอยยิ้มแบบนั้นน่ะ ระวังจะโดนเตะไม่รู้ตัวนะ”ชานัทพูด
“แหะๆ ขอโทษครับ ลืมตัว”เชลนัทยิ้มแห้งๆ
“ไปหาเอลย่าที่อยู่หอตะวันออกปี 1 สิ”เดลคิลที่นั่งเงียบๆพูดขึ้นและส่งสายตาคมๆไปให้ปีศาจเชลนัท
“อืม งั้นเดี๋ยวฉันกับชานัทไปตามให้”โอเทสพูดแล้วลากชานัทออกจากห้องไป
“เอาล่ะ”เดลคิลวางหนังสือในมือลง ไอความน่ากลัวถูกแผ่กระจายออกจากร่างกายของ 2 คนและ 1 ปีศาจที่เหลืออยู่ในห้อง
“นายมาที่นี้ทำไม ท่านแม่ไม่อนุญาตไม่ใช่เหรอ”อาเรสเริ่มถาม
“ท่านอาเรสคงเข้าใจอะไรผิดนะครับ ก็ราชินีนั้นแหละ ที่ส่งผมมา”เชลนัทพูดอย่างเย้ยหยัน
“อิสคริวเทสซ์”เดลคิลกล่าวแล้วหันไปมองปีศาจตนเดียวที่ยืนอยู่ในห้อง
“อ๊ากกกกกกกกก!~”เสียงเชลนัทร้องโอดครวญ
“อีก 3 นาที ถ้าแกยังไม่ออกจากห้องนี้ แกจะเหลือแต่ชื่อในโลกปีศาจ”เดลคิลพูดเสียงเย็น
“พารากาเดลรัส”เสียงปีศาจดังขึ้นก่อนที่ร่างที่ยืนอยู่ตรงนั้นจะหายไป
“อาเรส ฉันพาเอลย่ามาแล้ว”เสียงจากหน้าประตูห้องดังขึ้น ทันทีที่ประตูห้องถูกปิดลงไอความน่ากลัวก็หายไปในทันที
“เซน เซนเป็นอะไรน่ะ”เอลย่ารีบวิ่งเข้าไปหาเซเรียที่นอนอยู่บนเตียงทันที
“ไม่รู้สิ เพิ่งกลับมาเมื่อเช้านี้เอง และก็ไม่รู้ร้องไห้เรื่องอะไร ไม่เชื่อก็ดูที่หน้าเซเรียสิ ยังมีคราบน้ำตาติดอยู่เลย”โอเทสบอกและชี้ให้ดูใบหน้าหวานที่ยังติดคราบน้ำตาเป็นรอยจางๆอยู่
“เอลย่า... ขอโทษนะ ขอโทษ... ขอโทษจริงๆ”เซเรียละเมอขึ้นมาก่อนจะมีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาสวยทั้งๆที่ยังคงหลับตาอยู่
“ฉันรักเธอไม่ได้ ขอโทษนะ ฉันเสียใจ... จริงๆ”เซเรียเพ้อออกมาแล้วฟุบหลับลงไปอีก
“ฮึก... ขอโทษ ฉันผิดเอง ฮึก... เธอไม่ผิดเลยเซเรีย เธอไม่ผิดเลย... สักนิด”เอลย่าร้องไห้ออกมา
“มานี้สิ”ชานัทเดินเข้ามาหาก่อนจะพาเอลย่าเดินไปที่ระเบียง
“เซเรีย เธอเป็นแบบนี้เพราะฉัน เพราะฉันชอบเซนเพราะฉันบอกรักเธอในร่างเซน ฉันผิดเอง”เอลย่ากล่าวออกมา
“ไม่หรอก เธอไม่ผิดเลย ไม่มีใครผิดเลย”ชานัทกอดปลอบ
“ไม่มีใครผิดเลย เชื่อฉันสิ”ชานัทพูด
“ฮือๆ... ขอโทษ... ฉันขอโทษ”เอลย่ายังคงร้องไห้อย่างหนักแล้วซบหน้าลงที่ไหล่กว้างของชานัท
“หยุดร้องเถอะนะ เซนไม่เป็นอะไรหรอก”
“ฮึก... ฮือๆ~”น้ำตายังคงไหลไม่หยุดเอลย่ากอดเอวชานัทไว้แน่นไม่เหลือคราบเจ้าหญิงแสนสวยแห่งเมืองดาราอีกเลย
“ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะ”ชานัทปลอบพร้อมโอบกอดไหล่เล็กๆที่กำลังสั่นอย่างรุนแรงเพราะการร้องไห้เอาไว้
“ขอบคุณนะ ขอบคุณที่ช่วยปลอบฉันนะ”เอลย่าเงยหน้าขึ้นมาพูดและกอดชานัทแน่น
“อืม”ชานัทพยักหน้ารับแล้วลูบหัวเอลย่าอย่างอ่อนโยน
“อะแฮ่มๆ จีบกันติดรึยัง”โอเทสตะโกนมาจากในห้อง ทั้งสองผละออกจากกัน เอลย่าหน้าแดงขึ้นมาเหมือนคนมีไข้แล้วค่อยๆเดินกลับเข้าไปในห้อง
“เซนเริ่มดีขึ้นมาแล้วล่ะ บ่ายนี้คงตื่น”เดลคิลบอก
“อืม~”เซนร้องครางออกมาแล้วอมยิ้มน้อยๆ
“ขอบใจนะ ที่ไม่โกรธฉันน่ะ”เอลย่าเดินเข้าไปใกล้ๆเตียงแล้วจับมือเซนเอาไว้
“พวกนายออกไปก่อน ฉันจะเปลี่ยนชุดให้เซน”เอลย่าไล่
“โอเค”แล้วทั้ง4ก็เดินออกไปนอกห้อง เอลย่าเริ่มเปลี่ยนชุดให้เซนและวางแหวนวงที่อยู่ในกางเกงไว้ที่หน้าโต๊ะกระจก เอลย่าเปลี่ยนชุดเซเรียให้เป็นชุดกระโปรงสีขาว ใบหน้าซีดเซียวเหมือนคนป่วยและชุดสีขาวดูเหมือนนางฟ้าที่จุติลงมาจากสวรรค์ที่ยังคงหลับใหลอยู่
“เธอสวยจริงๆ สวยกว่าฉันอีกนะ เซเรีย”เอลย่าพูดก่อนจะห่มผ้าให้เซเรีย
แอด~
“เสร็จรึยัง”เสียงจากหน้าประตูดังขึ้น
“อืม เสร็จแล้วล่ะ”เอลย่าร้องตอบ
“ผมไปส่งนะ”ชานัทเสนอตัว เอลย่าพยักหน้าเล็กๆก่อนจะเดินนำไปที่ประตูห้อง
“แค่ไปส่งนะโว้ย”โอเทสร้องแซวตามหลัง
“เออๆ”ชานัทตะโกนตอบกลับมา แล้วเสียงประตูห้องที่ถูกปิดลงก็ดังขึ้น
+++++++++100%++++++++++++
อัพครบ100% แล้วนะครับ
ตอนนี้เศร้าซึ้งปนฮาครับ
มีคู่ออกมาหลายคู่เลยครับตอนนี้
รานอฟกำลังจะได้แฟนแล้ว เหอะๆ
ไปงานโคนันมาครับ
ได้ที่ 5 แหนะ เซ็งเลย
แล้วจะอัพนิยายให้บ่อยๆนะครับ
บาย...
Dark_ Sniper
ความคิดเห็น