คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : โรงเรียน น้ำตา และเธอ
ฉันกอดขวัญได้สักพัก เธอก็ดันตัวฉันออกแล้วเอามือปาดน้ำตาลวกๆ ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟัง เหตุมันมีอยู่ว่า ตอนที่เดินเข้ามาในโรงเรียนขวัญเห็นเพื่อนของเธอโบกมือให้เธอที่หอประชุมด้านหลังโรงเรียน เธอเลยแยกกับฉันเพื่อไปหาเพื่อนเธอ แต่พอขวัญไปถึงก็ไม่เห็นใคร ขวัญก็เลยลองมองขึ้นไปบนป้ายโรงเรียน แล้วเธอก็เห็นเด็กคนหนึ่งยิ้มให้เธอก่อนจะตกลงมา ร่างของเด็กคนนั้นก็หล่นมาอยู่ข้างๆตัวขวัญก่อนที่ร่างของเด็กคนนั้นจะหันหน้ามายิ้มให้ แล้วขวัญก็เบลอๆ จำได้แค่ว่าตัวเองเดินแบบไม่รู้สึกตัวมานั่งร้องไห้อยู่ที่โรงอาหาร ก่อนที่นายโชจะไปเจอเข้าแล้วพามาหาฉัน
“บีม...”ฉันเงยหน้ามองบีมที่มานั่งจ้องหน้าฉันอยู่แล้วพักใหญ่ บีมมองฉันแล้วหันไปมองขวัญ ก่อนจะจูงมือฉัน
“รู้หรอกหน่าว่าเป็นห่วง ฉันจะไปเป็นเพื่อนนะ ไม่ต้องกลัวหรอก”บีมว่า ฉันลุกขึ้นแล้วหันไปโบกมือให้กับโชแล้วพูดแบบไม่มีเสียงให้โชช่วยดูแลขวัญด้วย เดี๋ยวฉันจะกลับมา แล้วฉันก็หันหลังเดินไปยังใต้ตึกที่ขวัญเคยยืน แหงนหน้ามองป้ายโรงเรียน แน่นอนว่ามีวิญญาณตนหนึ่งกำลังนั่งห้อยขามองเด็กนักเรียนกำลังเดินผ่านไปผ่านมา ฉันเดินขึ้นตึกเพื่อขึ้นไปดาดฟ้า เสียงเปิดประตูดาดฟ้าของฉันทำให้วิญญาณตนนั้นหันมอง เธอเป็นวิญญาณที่สวมชุดม.ปลาย โรงเรียนฉันนี้ผีเยอะจริงๆ ให้ตาย... ดูเหมือนวิญญาณพี่สาวม.ปลายคนนั้นจะรู้แล้วว่าฉันมองเห็นและติดต่อกับวิญญาณได้ ก็ฉันกับบีมเล่นจับมือกันขนาดนี้ ไม่รู้ก็แปลกล่ะ
“เธอชื่ออะไร”วิญญาณสาว ม.ปลาย ถาม ก่อนที่เธอจะก้มมองชื่อที่ปักอยู่ตรงหน้าอกของฉัน ฉันมองสำรวจเธอแล้วก็ได้พบว่าเธอเป็นคนที่สวยเอาการ ถ้าไม่ติดว่าเธอเป็นวิญญาณ ตอนมีชีวิตเธอคงจะดังน่าดู
“แก้ว ฉันชื่อแก้ว”ฉันตอบ โชคดีที่ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ถึงจะมีเด็กนักเรียนมาบ้าง แต่ก็ยังไม่เยอะเท่าไรนัก
“พี่มาหลอกน้องฉันทำไม”ฉันถาม ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักเบาๆ พี่สาววิญญาณยิ้มขำๆ ก่อนจะตอบ
“ก็มันสนุกนี่หน่า พี่ไม่ได้อยากไปเกิดสักหน่อย พี่อยากอยู่ดูแลโรงเรียนนี้ แล้วพี่เห็นเด็กคนนั้นเดินเข้าโรงเรียนแบบเบื่อๆ พี่ก็เลยอยากทำให้เขาสนุกขึ้นมานิดหน่อย แต่เอาเถอะ ต่อไปพี่จะไม่แกล้งใครแล้ว ถ้าน้องสัญญาว่าจะขึ้นมาคุยกับพี่บ้าง ตกลงมั๊ย”วิญญาณตนนั้นว่า ฉันมองบีมแล้วก็พยักหน้า
“ก็ได้พี่ ว่าแต่พี่ชื่ออะไร ฉันยังไม่รู้จักเลย”ฉันพูด พี่วิญญาณมองไปที่ประตูดาดฟ้า แล้วหันมายิ้มให้ฉัน
“พี่ชื่อนัท พี่ไปก่อนนะ เพื่อนน้องมาตามแล้ว อย่าลืมสัญญาล่ะ”พี่นัทลอยหนีไป ฉันกำลังจะบอกอยู่แล้วว่าไม่มีใครมองเห็นตัวพี่หรอก ก็พี่เป็นวิญญาณ แต่พอฉันหันไปมองที่ประตูดาดฟ้าก็พอเข้าใจเหตุผลของพี่สาววิญญาณตนเมื่อกี้ขึ้นมา ก็คนที่เดินขึ้นมา ไม่ใช่ทั้งขวัญ ไม่ใช่ทั้งโช แต่เป็นนาย... เอ็ม
“อ่อ... ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะ ฉันแค่จะมาตามเธอให้ไปหาขวัญ คนอื่นๆก็มาแล้ว ตอนนี้อยู่ที่เดียวกันนั่นล่ะ”เอ็มพูดแล้วเดินหันหลังกลับไป ฉันเดินตามเอ็มลงไปจนถึงที่เดิม แล้วมันก็ทำให้ฉันเห็นคนอื่นๆที่มานั่งรวมกัน มีทั้งขวัญ เอ็ม โช มิน ที่กำลังนั่งคุยกันอยู่เพลินๆ โชหันมาเห็นและขยับที่ให้ฉันนั่งใกล้ๆขวัญ แล้วฉันจะทำอะไรได้นอกจากเดินไปนั่งและทำตัวเงียบๆฟังพวกเขาคุยกัน ตอนนี้ฉันชักไม่แน่ใจตัวเองแล้วว่าฉันทำอะไรไม่ได้หรือว่า... ไม่ยอมที่จะทำอะไรกันแน่ ฉันนั่งฟังพวกเขาคุยกันสักพัก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องที่พ่อของโชเสียซะมากกว่า เห็นว่าจะสวดแค่สามวันแล้วเผาเลย แถมนายนั่นยังชวนให้เพื่อนๆไปงานสวดเสียด้วยสิ ในห้วงเวลานั่นฉันกลับคิดว่าไม่ควรให้คนพวกนี้เข้ามาอยู่ในโลกของฉัน ฉันควรปล่อยให้พวกเขาอยู่กับเพื่อนๆที่เป็นมนุษย์ปกติ ที่ไม่ใช่คนอย่างฉัน คนที่มองเห็นวิญญาณได้ ฉันทำท่าจะลุกขึ้นแต่ภาพบางอย่างก็ทำให้ฉันต้องกุมศีรษะแน่น
“โอ๊ย!! เจ็บ... โอ๊ย~!”ฉันร้องคราง ภาพห้องเรียน สระน้ำ เด็กนักเรียนมากมายที่จ้องมองฉัน อะไร... ภาพอะไรกัน ที่ฉันเห็นมันคืออะไร นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันคิดก่อนที่ความอบอุ่นจะโอบกอดฉันไว้ ดวงตาที่หรี่ปรือของฉันพยายามจ้องมองคนที่เข้ามาโอบกอดฉันเอาไว้ แต่สุดท้ายแล้ว ฉันก็ไม่เห็นใครเลยนอกจากบีมที่คอยกุมมือฉันอยู่ตลอดเวลา ฉันหลับตาลงอีกครั้งก่อนจะตั้งสติ รวบรวมความคิดใหม่แล้วค่อยๆลืมตามองทุกคน ตอนนี้อาการฉันดีขึ้นแล้ว ฉันมองไปที่ดวงตาของทุกคน สายตานั่น... ที่ฉันไม่เคยได้รับ มันดูอบอุ่น... จนน่ากลัว กลัวว่าสักวันฉันจะฉุดให้พวกเขาลงมาเป็นแบบเดียวกับฉัน
“ขอตัวนะ”โชคดีที่เสียงออดเข้าแถวดังขึ้น ฉันผุดลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปที่สนามทันที แสงแดดที่เจิดจ้าทำให้ฉันนึกถึงนิทานที่ฉันอ่านไม่จบ มันจะมีความหมายอะไรกับฉันรึเปล่านะ...
ฉันยืนเข้าเคารพธงชาติปกติ เด็กนักเรียนในแถวคุยกันตลอดเวลา มันก็ไม่แปลกหรอกค่ะ ในเมื่อแดดมันร้อนแล้วอาจารย์ก็เอาแต่พล่ามอะไรไม่รู้ เด็กๆก็ควรหาอะไรทำบ้างเพื่อไม่ให้ง่วงหลับไปซะก่อน แต่ที่แน่ๆฉันคนหนึ่งล่ะค่ะ ที่ยืนเงียบเพราะไม่รู้จะคุยกับใคร โชกับมินเป็นกรรมการนักเรียนค่ะ ไม่จำเป็นต้องมาเข้าแถว แต่ได้อภิสิทธิ์ให้ไปประชุมงานที่ห้องกรรมการนักเรียน ดังนั้นตอนนี้ฉันก็ต้องยืนเป็นตัวประหลาดในแถวที่ไม่มีใครเท่านั้นล่ะค่ะ จะว่าไปมันก็ชินแล้ว ฉันเป็นแบบนี้มาตั้งนาน ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย แล้วการพูดที่ยืดยาวของอาจารย์ก็ผ่านไป นักเรียนต่างพากันแย่งวิ่งขึ้นบันไดเพื่อหลบความร้อน มันช่างดูเหมือนขบวนแห่อะไรสักอย่างจริงๆ...
“เฮ้! ทุกคนอีกสองอาทิตย์ จะเป็นงานโรงเรียนแล้วนะ ห้องของพวกเราจะจัดอะไร ใครอยากเสนอเขียนใส่กระดาษที่อยู่กับโชได้เลยนะ”เสียงมินตะโกนจากหน้าห้องมาถึงหลังห้อง ไม่น่าเชื่อว่ามันจะดังได้จริงๆทั้งๆที่ในห้องก็ยังมีเด็กนักเรียนคุยกัน
โชเดินแจกกระดาษให้คนที่ยกมืออยากเขียน ที่จริงหน้าที่นี้ควรเป็นของหัวหน้าห้องมากกว่าใช่ไหมล่ะคะ แต่สำหรับโรงเรียนนี้ไม่ใช่ค่ะ หัวหน้ามีหน้าที่ติดต่องานจากอาจารย์เท่านั้น ส่วนงานจากกรรมการนักเรียน กรรมการห้องจะเป็นคนจัดการค่ะ โชเดินวนมาเรื่อยๆจนถึงที่นั่งของฉัน กระดาษสองแผ่นถูกวางไว้ตรงหน้าพร้อมปากกาเมจิกหนึ่งแท่ง ฉันว่า ฉันไม่ได้ยกมือนะ แต่ฉันก็หยิบกระดาษขึ้นมาดูทั้งสองใบ ใบหนึ่งว่างเปล่าค่ะ ส่วนอีกใบมีตัวอักษรเขียนไว้ว่า ‘ ลองเสนอดูสิ เพื่อนอาจจะชอบก็ได้นะ ’
ชอบ... เพื่อน... สองคำนี้ นานแล้วที่ไม่เคยมีใครมาพูดกับฉันนอกจากบีม รู้สึกดีชะมัด กระดาษสีน้ำตาลที่บ่งบอกว่ามันคือกระดาษรีไซเคิลแน่ๆ กับปากกาเมจิกสีชมพูแปร๋น ฉันหันไปมองคนที่คอยไล่เก็บกระดาษกลับมา โชหันมายักคิ้วกวนๆให้ฉัน ฉันก้มหน้าแอบยิ้มให้โต๊ะ โต๊ะของฉันอยู่หลังห้องสุด และที่ข้างๆฉันไม่มีใครนั่งอยู่หรอกคะ มีแต่บีมนั่นแหละที่คอยนั่งแทน ฉันมองโชที่เดินกลับมาเก็บคนใกล้ถึงตัวฉัน มันทำให้ฉันตัดสินใจอะไรบางอย่างได้และเขียนมันลงไป
“อ่ะ เอาไป”ฉันส่งกระดาษแผ่นนั้นไปให้โช นายนั่นมองกระดาษที่ฉันเขียนแล้วหันมาเลิกคิ้วใส่ฉัน
“เจ๋งนี้หว่า”โชหัวเราะแล้วเดินไปที่หน้าห้อง ส่งกระดาษให้หัวหน้ากับมินช่วยกันแยก แล้วมินก็เงยหน้ามาประกาศที่ละอย่างโดยมีนายโชคอยเขียนให้บนกระดาน มีตั้งแต่เบสิกๆ ไปจนถึงสิ่งที่แปลกประหลาดสุดๆ เช่น ร้านปาโป่ง โยนห่วง ตักบอล สาวน้อยตกน้ำ ยิงเป้า เอ่อ... แน่ใจนะว่านี้งานโรงเรียนไม่ใช่งานวัด จนถึงอันสุดท้ายที่มีคนเสนอเพียงคนเดียว โชหันมามองที่ฉันแล้วยิ้มน้อยๆ ก่อนจะประกาศ
“แผ่นสุดท้ายนะ เกมเขาวงกตกระจกเงา”เสียงฮือฮาดังขึ้นตอนที่โชประกาศแผ่นสุดท้าย ตอนนี้มีรายชื่องานอยู่บนกระดาษแล้วประมาณสิบกว่าชื่อ และมินก็ได้ใช้วิธีให้เพื่อนๆเลือกอีกครั้ง ว่าจะเอาเกมอะไร สุดท้ายเกมเข้าวงกตกระจกเงาก็เอาคะแนนเสียงไปเกือบหมด ฉันมองบนกระดานแล้วแอบยิ้มคนเดียว บีมเองก็หัวเราะเสียดังลั่น แต่แน่นอนว่าไม่มีใครได้ยินนอกจากฉัน...
“งั้นเราให้เจ้าของเกมมาอธิบายกติกาก่อนดีกว่า แก้ว ออกมาสิ”มินตะโกนเรียก ฉันเงยหน้ามองด้วยใบหน้านิ่งๆ ก็... ฉันควรทำหน้าแบบไหน ยิ้มเหรอ พวกเขาจะว่าฉันน่ากลัวรึเปล่านะ ตลอดทางที่ฉันเดินไปหน้าห้องมีแต่คนหลีกทางแหวกออกซะกว้าง เหมือนกับฉันเป็นสิ่งอันตรายที่ไม่น่าเข้าใกล้ ฉันจะออกมาทำไมนะ ในเมื่อมีแต่คนกลัวฉัน ให้ฉันอยู่หลังห้องแบบเดิมก็ดีแล้ว ให้อยู่ในที่ๆไม่ค่อยมีใครรู้จัก ฉันเดินไปยืนหน้าห้อง คนที่เป็นหัวหน้ารีบเดินเข้าไปนั่งที่ทันที แม้แต่คนที่เป็นที่พึ่งลูกน้องยังเป็นขนาดนี้แล้วคนในห้องจะมีใครกล้าคบกับฉันบ้างล่ะเนี่ย ฉันเดินไปหน้าห้องแล้วอธิบายกฎของเกม มันเป็นเกมง่ายๆ เพียงแค่ใช้กระจกเงาทำเป็นกำแพงเพื่อให้สะท้อนกับกระจกเงาอีกด้าน คนเล่นจะงงทางเดินจนหลงแค่นั้นเอง ฉันอธิบายจนจบ แล้วมองสีหน้าของทุกคนในห้อง ถึงจะสนใจเกมของฉันก็เถอะ แต่หน้าซีดๆที่บ่งบอกว่ากลัวฉัน มันหมายความว่ายังไง...?
“ฉันขอตัวนะโช มิน”ฉันหันไปบอกทั้งสองคนแล้วเดินออกนอกห้อง พอแล้ว ไม่สนใจแล้ว... จะอะไรก็ช่าง ฉันเป็นของฉันแบบนี้ดีแล้ว ให้ฉันอยู่เงียบๆแบบนี้ ฉันพอใจแล้ว ฉันก้าวพรวดๆมาจนถึงโรงยิมส์ของโรงเรียน โชคดีที่วันนี้ไม่มีวิญญาณมากวนจิตใจฉัน บีมเองก็ไม่ได้เดินตามมาเหมือนกัน ไม่รู้หายไปไหน ฉันเดินไปที่กลางสนามลูกบาสกลมๆกลิ้งมาอยู่ตรงเท้าของฉัน ยังไงคาบแรกก็ว่างอยู่แล้ว ขอเล่นบาสหน่อยแล้วกัน ฉันก้มลงหยิบมันขึ้นมาจ้องไปที่แป้นที่อยู่ห่างกันเกือบครึ่งสนาม ก่อนจะส่งลูกออกจากมือ
ตึง! สวบ!!
ลูกบาสสีส้มกระแทกแป้นก่อนจะกระเด้งกลับมาลงห่วงพอดี เสียงสวบดังขึ้นแล้วดังตามมาด้วยเสียงตึงๆๆ เป็นเสียงลูกบาสที่กระทบกับพื้นของโรงยิมส์ ฉันเดินไปเก็บลูกบาสที่กระดอนไปอยู่ข้างๆสนาม ก่อนจะได้ยินเสียงร้องเท้านักเรียนกระทบกับพื้นดังขึ้นข้างๆตัว ฉันเงยหน้าขึ้นมองทั้งๆที่มือยังคงถือลูกบาสค้างเอาไว้อยู่ เด็กผู้หญิงประมาณสี่ห้าคนกำลังยืนล้อมฉันเอาไว้ ดูท่าทางแล้วฉันคิดว่าพวกเธอคงไม่ได้มาดีสักเท่าไรนัก
ตึง!!
ร่างของฉันกระเด็นไปชนกำแพงของโรงยิมส์ ใครสักคนในกลุ่มของเด็กผู้หญิงเดินมาผลักหน้าอกฉันในขณะที่อีกคนกระชากผมของฉันเอาไว้ เจ็บชะมัดเลย แถมยังปากแตกอีก แสบจริงๆ
“จำไว้ อย่า-ยุ่ง-กับ-เอ็ม-อีก”เสียงเน้นๆของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นข้างหูฉันก่อนที่ฝ่ามือหนึ่งจะประเคนเข้าที่แก้ม ตอนนี้หน้าของฉันคงแดงไปหมดแล้วมั้งเนี่ย ยัยพวกนั้นเตะฉันอีกคนละทีก่อนจะเดินออกไป ฉันค่อยๆพยุงตัวให้ลุกขึ้นพิงกำแพงจนสำเร็จ หลังมือปาดริมฝีปาก เพราะนายแท้ๆเลยเอ็ม ที่ทำให้ฉันต้องเจ็บตัว ทั้งๆที่แต่ก่อนฉันก็อยู่คนเดียวดีอยู่แล้ว นายไม่น่าเข้ามายุ่งเลย ฉันหอบหายใจแรงๆ ตอนนี้ฉันรู้สึกยังไงนะ เจ็บ... แน่นอนอยู่แล้ว แต่ความรู้สึกแปลกๆที่มันเข้ามาพร้อมกับความเจ็บล่ะ มันคืออะไร
“บีม... เธออยู่ไหน”ฉันเอื้อมมือไปข้างหน้า ไขว้คว้าแต่อากาศที่ว่างเปล่า ใครก็ได้ จะเป็นวิญญาณหรืออะไรก็ได้ ได้โปรดมาอยู่กับฉันที บีม... ได้ยินไหม เธอหายไปไหน ฉันรอเธออยู่นะ... บีม ก่อนสติที่เหลือของฉันจะขาดหายไป ความอบอุ่นของมือใครสักคนก็จับมือของฉันเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นใคร แต่ฉันอยากขอบคุณเขาเหลือเกิน...
ฉันลืมตามาในห้องสีขาว ที่หน้าห้องมีอาจารย์พยาบาลนั่งอยู่ เขามองมาที่ฉันเมื่อฉันฟื้น เธอเข้ามาถามอาการของฉันนิดหน่อยซึ่งฉันก็โมเมไปว่ามีการเข้าใจผิดกันแล้วฉันก็จำหน้าคนที่ทำฉันไม่ได้ ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไรแต่ก็ยอมพยักหน้าอย่างจำใจ ก่อนจะสั่งให้ฉันนอนพักต่ออีกสักพักแล้วค่อยกลับไปเรียน
“ขอบคุณค่ะอาจารย์”ฉันหันไปบอกก่อนที่ประตูห้องพยาบาลจะเปิดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับใครอีกคนที่ฉันไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้...
ความคิดเห็น