คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : โรงพยาบาล วิญญาณ ความตาย
ฉันถอยหลังให้ห่างจากที่เดิมประมาณ 5-6 ก้าว เอ็มเหมือนจะเพิ่งรู้สึกตัว สายตาของเขากลับมาเป็นปกติแต่ถึงยังไงฉันก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี เพราะถ้าเทียบกันแล้ว พลังของเอ็มนั้นมันมีมากกว่าพลังที่ฉันมีเสียอีก ถ้าเอ็มคิดจะฆ่าฉันล่ะก็... มันคงไม่ยากเลยสักนิด แต่เขาก็ไม่เคยทำร้ายฉันนอกเสียจากจะมาคอยรบกวนในเรื่องที่ทำให้ฉันต้องคอยเกี่ยวข้องกับวิญญาณ เอ็มเคยบอกฉันว่า ถ้าฉันไม่มีสัมผัสที่หก เขาก็จะไม่ยุ่งกับฉัน แต่ตอนนี้มันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะฉันยังมีวิญญาณของบีมคอยติดตามอยู่
“ตกลงจะทำยังไงต่อไป”เอ็มถามย้ำอีกครั้ง
“ไม่รู้สิ ฉันคิดว่าพรุ่งนี้เย็น ฉันจะลองไปที่โรงเรียนนั้นดู”เป็นเวลาเดียวกับที่แม่ของฉันเดินมาตาม ฉันเดินเลี่ยงเอ็มไปขึ้นรถ ขวัญที่ยืนรอฉันอยู่ที่รถ มองหน้าฉันซีดๆ เหมือนกลัวอะไรบางอย่าง ฉันปล่อยให้มันผ่านไปก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งรอบนรถ ฉันหลับตาลงในทันทีที่รถเริ่มเคลื่อนตัวออก และลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปนานพอสมควร ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง ร่างคุ้นๆของคนๆหนึ่งทำให้ฉันรีบบอกให้พ่อจอดรถในทันที
“พ่อคะ จอดรถหน่อยสิ”ฉันบอก พ่อมองฉันงงๆแต่ก็ค่อยๆเลี้ยวรถมาจอดข้างทางให้ ฉันเปิดประตูรถลงมา ก่อนจะโผล่หน้าเข้าไปบอกทุกคน
“เดี๋ยวแก้วกลับเองนะคะ อาจจะดึกหน่อยนะ”ฉันพูดเร็วๆแล้วปิดประตูรถทันที สายตาฉันมองไปยังอีกฟากของถนน ร่างของคนๆนั้นเดินเลี้ยวเข้าไปในโรงพยาบาล ฉันรีบเดินตามเข้าไปติดๆ จนถึงหน้าห้องๆหนึ่ง ฉันรีบเดินไปดูป้ายชื่อหน้าห้อง
นายชาญวุฒิ เอกองอาจ นามสกุลเดียวกันกับคนที่ฉันเดินตามเข้ามาทำให้ฉันพอจะเข้าใจลางๆ ฉันคิดว่าบางคนคงพอจำได้นะคะ นามสกุลเอกองอาจ ใช่ค่ะ... คนที่ฉันเดินตามเข้ามาก็คือนายไตรภพ หรือว่าโชนั่นเอง ฉันมองลอดผ่านกระจกเข้าไป กลิ่นโรงพยาบาลเป็นอะไรที่ฉันเกลียดมากๆ ก็ตอนอายุ 10 ขวบ ฉันต้องนอนโรงพยาบาลเกือบอาทิตย์ มันทำให้ฉันรู้สึกเกลียดโรงพยาบาลมาตั้งแต่ตอนนั้น
“น้องแก้วเหรอครับ”เสียงทักมาจากด้านหลัง ฉันหันไปมอง ถ้าฉันจำไม่ผิด คนๆนี้คือพี่ริว ที่ฉันเพิ่งเจอไปเมื่อวานเพราะเรื่องของฟ้า
“ค่ะ พี่ริวมาทำอะไรที่โรงพยาบาลเหรอคะ”ฉันทัก พี่ริวยิ้มแล้วชี้ไปในห้อง
“พี่มาเยี่ยมพ่อน่ะครับ แล้วน้องแก้วล่ะ อย่าบอกนะว่ามาเยี่ยมพ่อพี่เหมือนกัน”พี่ริวพูดขำๆ ก่อนจะเดินนำฉันเข้าไปในห้องพัก แล้วดึงมือฉันให้ตามเข้าไปด้วย ฉันมองหน้าพ่อของพี่ริวและนายโชที่กำลังหลับสนิท โชมองหน้าฉันอย่างสงสัย แต่ก็ทำท่าจุ๊ปากไม่ให้ฉันพูดอะไรเสียงดัง ฉันมองคนที่นอนอยู่บนเตียงจัดว่าเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่งเลยทีเดียว แต่ใบหน้าซีดเซียวก็พอบอกได้ว่าคนๆนี้เป็นคนป่วยอยู่ โชเดินมาลากฉันออกไปคุยที่ระเบียงทางเดินของโรงพยาบาล
“เธอเองเหรอ ที่ตามฉันมาตั้งแต่หน้าโรงพยาบาล”โชเริ่มเปิดประเด็น พลางจ้องหน้าฉัน แบบกำลังจับผิดคนๆหนึ่ง
“อืม”ฉันตอบรับไป ไม่รู้จะปฏิเสธทำไม ในเมื่อฉันไม่ได้ทำอะไรผิด แค่แอบตามคนรู้จักนี่มันผิดมากมายรึไงนะ โชถอนหายใจหนักแล้วก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่พี่ริวเดินออกมาจากห้องพัก โชแยกตัวไปคุยกับพี่ริว ฉันยืนรออยู่ที่เดิน ทั้งสองคนคุยกันเสียงไม่ดังมาก แต่มันก็พอจะดังมาให้ฉันได้ยินบ้างเป็นบางคำ ที่ฉันพอจะจับใจความได้บ้างก็มีคำว่า เลือดยังไม่ยอมหยุดไหล กับแฟคเตอร์เท่านั้น นอกนั้นฉันก็ได้ยินแบบไม่ค่อยชัดเท่าไร แต่จะว่าไป... บีมหายไปไหนแล้วนะ ฉันหันไปมองรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นวิญญาณตนไหนสักตน ฉันวิ่งลงไปแต่ละชั้น แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่รูปร่างวิญญาณเลย จนกระทั่งถึงชั้นสุดท้าย ซึ่งมันเป็นห้องเก็บศพ กลิ่นฟอร์มาลินลอยโชยมา ฉันมองไปรอบๆห้อง แน่นอนว่าฉันไม่มีทางเดินเข้าไปเด็ดขาด แล้วฉันก็ได้พบกับวิญญาณที่ฉันตามหาอยู่ เมื่อบีมหันมาเห็นฉันก็ลอยเข้ามาใกล้ๆฉัน พลางทำหน้าเศร้า
“เป็นอะไรไป หืม...”ฉันถามด้วยความเป็นห่วง บีมโผเข้ากอดฉัน ก่อนที่จะมีเสียงร้องไห้ดังแผ่วๆ ฉันค่อยๆจับมือบีมแล้วพากันเดินออกมานอกโรงพยาบาล เดินไปเรื่อยๆแบบไม่รู้จุดหมาย บีมใช้อีกมือปาดน้ำตาแบบลวกๆก่อนจะลากฉันให้เข้าไปในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ฉันค่อยๆนั่งลงบนชิงช้า โยกมันไปเบาๆพร้อมๆกับบีมที่นั่งอยู่บนชิงช้าตัวข้างๆกัน ถ้าใครผ่านไปมา คงจะสังเกตุเห็นเด็กสาวคนหนึ่งที่นั่งไกวชิงช้าแล้วมองไปยังชิงช้าตัวข้างๆที่ไกวได้เองทั้งๆที่ไม่ลมพัด
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
ฉันคว้าโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง มองเบอร์ที่เมมเอาไว้เมื่อไม่นานมานี้ ก่อนจะกดรับแล้วคุยอะไรบางอย่างอยู่ราวๆนาทีกว่าๆ
“บีม... ไปโรงพยาบาลกันเถอะ”ฉันบอก บีมลอยมายืนข้างๆฉัน ก่อนที่พวกเราจะพากันเดินย้อนกลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง และในครั้งนี้ ฉันมั่นใจว่าบีมจะไม่หายไปไหนแน่นอน ทันทีที่ฉันเดินมาถึงหน้าห้อง โชก็วิ่งเข้ามาหาฉันทันที
“แก้ว เธอมองเห็นวิญญาณใช่ไหม เธอช่วยติดต่อกับวิญญาณของพ่อฉันให้ที นะ... ได้โปรด”โชวิ่งมากระชากไหล่ฉันแล้วเขย่าไปมา จนฉันรู้สึกเจ็บระบบไปหมด พี่ริวเดินเข้ามาก่อนจะกระชากตัวโชออก จับไหล่ฉันแล้วพูดเบาๆ
“หลังจากที่น้องออกไปแล้ว พ่อของพี่ก็ช็อค ตอนนี้เข้าห้อง ICU อยู่ อาการน่าเป็นห่วงมาก พี่อยากให้น้องมาอยู่ด้วย เพราะน้องสามารถติดต่อกับวิญญาณได้ อย่างน้อยถ้ามีเหตุฉุกเฉินขึ้นมาน้องอาจจะพอช่วยพี่ได้”พี่ริวใช้คำว่าเหตุฉุกเฉินแทนคำว่า เสียชีวิต ฉันไม่ค่อยเข้าใจอะไรเท่าไร แต่ก็มองพี่ริวกับนายโช ที่ตอนนี้หน้าซีดเผือก โชค่อยๆเดินมาหาพี่ริว
“พี่ริว ช่วยโทรบอกแม่ให้ทีนะ เดี๋ยวยัยนี่ ผมจะอยู่เป็นเพื่อนเอง”โชบอกก่อนที่พี่ริวจะพยักหน้าแล้วเดินออกไปที่สวนของโรงพยาบาล บีมที่ลอยหายไปตอนไหนไม่รู้ ลอยกลับมาหาฉันดูแววตาที่ดูสั่นๆ ฉันบีบมือของบีมเอาไว้ ก่อนที่บีมจะพึมพำเอามาแบบไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร
“แก้ว... ฉันกลัว... ในห้องนั้นมีคนชุดสีเขียวยืนออกันอยู่เต็มเลย แถมยังมีอุปกรณ์เยอะแยะเลย คนที่นอนอยู่ก็มีเลือดเปรอะไปหมด ทำยังไงเลือดก็ไม่หยุดไหล ฉันกลัวแก้ว... ฉันเคยเป็นแบบนั้นมาแล้ว ฉันกลัวที่จะต้องเห็นอีกครั้ง...แก้ว”บีมพูดสั่นๆ แล้วภาพอะไรบางอย่างในหัวของฉันก็วิ่งผ่านไปมา ภาพของฉันที่นอนอยู่บนเตียง ภาพของฉันที่มีเลือดเปรอะไปหมด และภาพของฉันที่ดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ ทุกภาพ เป็นภาพที่ฉันจำไม่ได้
“ไม่!!! โอ๊ย!!!”ฉันร้องอย่างสุดเสียงก่อนที่ทุกอย่างจะดำมืดไปหมด ความรู้สึกสุดท้ายคือแรงบีบที่มือ ที่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่น มันเป็นมือของใครกันนะ...
ฉันฟื้นขึ้นมาในห้องสีขาว ที่ข้อมือมีสายน้ำเกลือห้อยระโยงระยาง ข้างๆเตียงของฉัน โชกำลังฟุบหน้าหลับ ฉันมองใบหน้าของเขาที่ยังเปื้อนคราบน้ำตาอยู่ และมันดูเหมือนว่าจะมากกว่าตอนแรกที่ฉันเห็น โชขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะลืมตาขึ้นมองฉัน เขายิ้มแล้วจับไหล่ฉันก่อนจะกอดฉันเบาๆ
“เธอฟื้นแล้ว ฉันดีใจจริงๆ กลัวเธอจะเป็นเหมือน... พ่อฉันซะอีก”โชทำหน้าเศร้าลง ฉันสะดุดใจกับคำว่าพ่อของเขา ถ้าฉันฟื้น ก็แปลว่าพ่อของโช..
“ฉันเสียใจด้วยนะ”โชส่ายหน้า เหมือนจะบอกว่าไม่เป็นไร ก่อนที่ประตูห้องพักของฉันจะเปิดออก พี่ริวเดินเข้ามาพร้อมใครอีกคนหนึ่ง โชเดินเข้าไปกอดมินเอาไว้แน่น ฝ่ามือของมินลูบหลังของโชเบาๆ ก่อนที่ทั้งสองคนจะพากันออกไปข้างนอก เหลือแค่ฉันกับพี่ริวที่ยังคงตกอยู่ในความเงียบทั้งคู่.
“พี่ดีใจนะ ที่เห็นแก้วฟื้นขึ้นมา”เป็นพี่ชุนที่พูดขึ้นมาก่อน ฉันยิ้มให้พี่ริวเล็กน้อย แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อกี้ฉันคิดอะไรขึ้นมา ทำไมมันถึงทำให้ฉันปวดหัวได้มากขนาดนั้น ฉันแบมือตัวเองดู ฉันจำอะไรเมื่อครู่ไม่ได้เลย บีมลอยผ่านประตูเข้ามา ก่อนจะพุ่งตัวเข้าหาฉัน เมื่อเห็นฉันฟื้นขึ้นมา น้ำตาของบีมไหลออกมาอีกครั้ง ฉันได้แต่หัวเราะแล้วก็เช็ดน้ำตาให้บีมเบาๆ พลางบอกในใจว่าฉันไม่เป็นอะไรแล้ว สักพักประตูก็ถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้ง โชกับมินเดินเข้ามา ขอบตาแดงๆแต่ไร้ซึ่งหยดน้ำตาของโชทำให้รู้ว่ามินคงปลอบให้โชหายร้องไห้ได้แล้ว
“เดี๋ยวพี่ไปเคลียร์ค่าใช้จ่ายก่อนนะ ส่วนเรา ถ้าจะพักต่ออีกคืนก็บอกหมอเขาเอาเองแล้วกัน”พี่ริวหันไปพูดกับโชก่อนที่ประโยคถัดมาจะกล่าวกับฉัน ฉันพยักหน้า และเมื่อพี่ริวเดินออกไป ฉันก็พาตัวเองลุกขึ้นมา หยิบแก้วน้ำและเทน้ำส่งให้กับมินและโช ทั้งสองคนเงยหน้ามองฉันที่ยิ้มจางๆก่อนจะรับแก้วน้ำไปคนละใบ...
หลังจากนั้นฉันก็ขอแพทย์กลับบ้านเลย ฉันบอกลาทุกคนและเดินมาขึ้นรถแท็กซี่หน้าโรงพยาบาล ในตอนนี้เป็นเวลาเกือบๆจะ 5 โมงเย็นแล้ว ฉันใช้เวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมงจนกลับถึงบ้าน ในตอนนี้บ้านของฉันก็ยังคงเงียบเหมือนเดิม ฉันถอดรองเท้าแล้วเดินขึ้นไปบนบ้าน บ้านเงียบๆแบบนี้ คงจะไม่มีใครอยู่แน่ๆ ฉันเดินไปที่โต๊ะอ่านหนังสือของฉัน หยิบไดอารี่เล็มเล็กๆขึ้นมากางหน้าล่าสุดเอาไว้ก่อนจะหยิบปากกามาเขียนบันทึกของวันนี้ลงไป
‘ วันอาทิตย์ 15-02-xx เวลา 17 :45 น.
วันนี้แม่พาไปหาพ่อของเอ็ม ขวัญโดนผีเข้าชื่อเบน เขาบอกว่าเป็นเพื่อนของฉันตอนป.4 อยู่โรงเรียนรัตนวิทยา แอบตามโชเข้าไปในโรงพยาบาล พ่อของโชกับพี่ริวเสียแล้ว แถมเรายังสลบต้องนอนที่โรงพยาบาลอีก ’
ฉันวางปากกาลงแล้วลุกขึ้นจากโต๊ะ บิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะคว้าสมุดไดอารี่เก็บลงลิ้นชัก โยนปากกาไว้หลังกองหนังสือ ฉันมองไปรอบๆ บีมหลังไปแล้วบนเตียงของฉัน รอยยิ้มจางๆเผยขึ้นมาจากริมฝีปากบาง ก่อนจะเดินไปล้มตัวนอนลงข้างๆกับใครอีกคนที่นอนอยู่แล้ว วันนี้เหนื่อยเหลือเกิน ทุกอย่างมันประดังประเดเข้ามาจนแทบหมดแรง คิดได้แค่นั้น แล้วฉันก็พล็อยหลับลงไป
เช้าวันจันทร์เป็นวันแรกของสัปดาห์ที่ฉันต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปยังโรงเรียน สถานที่ที่ฉันแสนจะเบื่อหน่าย และฉันก็ใช้เวลาเพียง 30 นาทีเดินทางจากบ้านเพื่อไปยังโรงเรียน ฟ้ายังคงมืดอยู่ ฉันเดินไปโรงอาหารซื้อนมและขนมปังหนึ่งชิ้น เพื่อเอาไปกินในที่ประจำของฉัน มันเป็นมุมเงียบๆที่ไม่ค่อยมีคนผ่าน ด้านหลังของศาลพระภูมิโรงเรียน หลอดไฟที่ส่องแสงสว่างจ้าถูกปิดลงทีละดวงเมื่อแสงอาทิตย์เริ่มขึ้น ฉันนั่งพิงประตูของหอประชุมเล็กๆที่ไม่ค่อยจะมีอาจารย์มาใช้สักเท่าไร เพราะช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงสอบ ดังนั้น ศาลพระภูมิด้านหน้าฉันจึงไม่ค่อยมีคนมากราบไหว้เท่าไรนัก ฉันนั่งเงยหน้ามองขึ้นไปบนตึก เด็กคนนั้น ฉันเห็นเธออยู่แทบทุกวัน เธอเสียเพราะโรคๆหนึ่ง แต่จิตใจเธอยังคงวนเวียนอยู่ในห้องเรียนที่เธอชอบ
“หวัดดีแก้ว”เสียงโชดังขึ้นมา ฉันหันไปมอง โชวางกระเป๋าลงหน้าของเขาซีดเซียว ดูเหมือนจะยังเศร้าไม่หาย ฉันพยักหน้ารับแล้วก้มลงกินอาหารที่ยังคงถือค้างเอาไว้ ดูเหมือนว่าบีมจะขึ้นไปเล่นกับเด็กบนตึกซะแล้ว ตอนนี้ฉันก็นั่งอยู่คนเดียว โชเดินมานั่งตรงข้ามกับฉัน
“เดี๋ยวผมมานะ”โชว่าก่อนจะเดินหายไป ฉันมองกระเป๋าของโช เขารู้ได้ไงว่าฉันนั่งอยู่ที่นี่ จะว่าถามจากขวัญก็ไม่น่าใช่ เพราะขวัญแยกกับฉันตั้งแต่เข้ามาในโรงเรียนแล้ว สักพักหนึ่ง โชก็เดินเข้ามาพร้อมกับใครอีกคนที่ฉันรู้จักดี ขวัญเดินเหม่อลอยเข้ามานั่งข้างฉัน
“พี่แก้ว... ขวัญกลัว”ขวัญโผเข้ากอดฉัน ฉันลูบหลังของขวัญเบาๆแล้วหันไปส่งสายตาถามโชถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โชส่ายหน้าแล้วเดินมานั่งตรงข้ามกับฉัน ขวัญยังคงร้องไห้ไม่เลิก ฉันได้แต่ลูบหลังและปลอบใจ ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่ามันคือเรื่องอะไร
“เมื่อกี้ฉันว่าจะเดินไปซื้อข้าว แต่เห็นคนที่เคยเดินมาหาเธอตอนวันศุกร์กำลังร้องไห้อยู่ ฉันคิดว่าเธอน่าจะรู้จัก ก็เลยพามาที่นี่”โชว่า...
ความคิดเห็น