คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : น้ำตา อดีต ความทรงจำ
ฉันล้มตัวลงนอนก่อนจะถอนหายใจหนักๆ อีกแล้ว... ทุกๆครั้งที่ฉันถูกเรียกตัวไปคุย พ่อและแม่จะพูดถึงเรื่องของบีมและเรื่องสัมผัสที่หกของฉันเสมอ
‘ ไปหาพ่อหมอเถอะนะแก้ว ให้พ่อหมอเขาปัดเป่าความโชคร้ายออกจากตัวแก้วเถอะนะ ที่นี่เขาดังมากเลยนะแก้ว เชื่อแม่ แก้วไปเถอะนะ ’
คำพูดของแม่ฉันดังก้องอยู่ในหัว สี่ปีแล้ว แม่ก็ยังไม่ละความพยายามที่จะหาสำนักหมอผีดังๆ มาไล่วิญญาณที่รายล้อมรอบตัวฉัน แน่นอนว่านั่นหมายถึงบีมด้วย แม้ไม่ใช่ครั้งแรกแต่ฉันก็รู้สึกแย่ทุกครั้ง และฉันก็คิดว่าครั้งนี้มันก็ไม่ต่างกัน
ก๊อกๆ
“พี่แก้ว ขอขวัญคุยอะไรด้วยหน่อยสิ”น้องของฉันเดินเข้ามายนอยู่หน้าประตู ฉันผุดลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะตอบกลับไป
“ปิดประตูแล้วเข้ามาสิ”ฉันว่า ขวัญปิดประตูตามที่ฉันสั่งก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งตรงหน้าฉัน แล้วส่งภาพๆหนึ่งมาให้ฉันดู มันเป็นภาพของฉันที่มีวิญญาณของฟ้าสิงอยู่ในร่าง ภาพนี้ถ่ายที่หลุมศพของฟ้า ฉันรู้โดยอัตโนมัติว่าใครเป็นคนถ่ายภาพนี้... นายอรรถพันธ์
“นี่มันภาพอะไรกันแน่คะ แล้วพี่ไปที่สุสานทำไม ไหนพี่บอกว่าพี่จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วไง”ขวัญพูด ฉันนั่งนิ่งพูดอะไรไม่ออก ภาพของฟ้าที่ถ่ายออกมามันเป็นภาพของวิญญาณร้าย ภาพของจิตใจที่ดำมืด ถ้าฉันได้เห็นภาพนี้เร็วกว่านี้ก็คงจะดี...
“แก้วขอโทษนะ แต่แก้วจำเป็นต้องไปจริงๆ”ฉันขอโทษขวัญ ก่อนจะจุดไฟเผาภาพๆนั้นทิ้งไป
“พี่แก้ว!! พี่จุดไฟเผาทำไม เอาคืนมานะ!”ขวัญเข้ามาแย่งภาพในมือของฉันไป ก่อนจะเป่าไฟให้ดับลง ภาพที่ถูกเผาไปแล้วครึ่งหนึ่งทำให้ภาพนั้นดูน่ากลัวกว่าเก่าเมื่อมีรอยสีดำแต้มขึ้นมาเป็นจุดๆ ขวัญลุกขึ้นแล้วดันเก้าอี้เก็บเข้าที่ ก่อนจะเดินไปที่ประตู เธอหันมายิ้มแบบมีเล่ห์นัยกับฉัน ก่อนจะเปิดประตูแล้วเดินจากไป บีมที่เพิ่งลอยเข้ามาหาฉัน ทำไมเมื่อกี้... บีมหายไปไหนมา ฉันครุ่นคิดเรื่องมากมายจนหัวแทบแตก ก่อนที่อยู่ดีดี ฉันก็รู้สึกว่าห้องของฉันมันหมุนเหวี่ยงจนฉันแทบยืนอยู่กับที่ไม่ได้ อาการปวดหัวพุ่งจี๊ดขึ้นมาจนหัวฉันแทบระเบิด และอีกอาการหนึ่งคือฉันรู้สึกอยากอาเจียนในเวลานั้น ใช่ค่ะ... ถ้าใครที่เป็นโรคนี้จะรู้เหมือนกัน มันเป็นอาการของโรคไมเกรนค่ะ ฉันรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำ เอาของทุกอย่างที่ไม่ต้องการออกมาให้หมด ก่อนจะเดินมาล้มตัวลงบนเตียง มือข้างขวาควานหาลิ้นชักข้างเตียง ฉันเปิดมันออกแล้วหยิบยาแผงหนึ่งขึ้นมา บิดมันออกแล้วกลืนลงไป พลางคว้าขวดน้ำข้างเตียงมาดื่มตามไปด้วย ฉันรู้สึกอยากอาเจียนอีกรอบ คงเป็นผลข้างเคียงจากตัวยาที่ฉันใช้ Cafergot เป็นยาที่ฉันใช้ในตอนนี้ค่ะ มันจะมีผลข้างเคียงเช่นทำให้รู้สึกอยากอาเจียน หรือมือเท้าเย็น เพราะยาตัวนี้นอกจากจะส่งผลกับเส้นเลือดที่สมองแล้ว มันยังมีผลกับเส้นเลือดบริเวณอื่นๆด้วย
“บีม... แก้วปวดหัว”ฉันพึมพำเบาๆ บีมลอยมานั่งข้างๆฉันก่อนจะเอามือลูบหัวฉันเบาๆ มันทำให้อาการปวดหัวของฉันทุเลาลงอย่างไม่น่าเชื่อ
“บีม... อยู่ข้างๆแก้ว อย่าห่างแก้วไปไหนอีกนะ”ฉันพึมพำ ก่อนจะหลับตาลง ความอบอุ่นจากฝ่ามือของบีม ถึงจะเป็นสัมผัสของวิญญาณ แต่ฉันกลับรู้สึกดีอย่างมาก มันอบอุ่นเหมือนกับพระอาทิตย์ มันทำให้ฉันอยากลืมทุกสิ่งทุกอย่าง และคืนนี้ก็เป็นคืนที่ฉันฝันดีที่สุด...
เสียงเคาะประตูในตอนเช้าปลุกฉันขึ้นจากนิทรา มันดังไม่มาก แต่มันก็ดังมากพอที่จะทำให้ฉันลุกไปเปิดประตูด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีเท่าควร
“จะเคาะให้ประตูพังหรือไงหา!!”ฉันถามด้วยอารมณ์บูดๆ ขวัญมองหน้าฉัน ก่อนจะไล่ฉันไปอาบน้ำ แปรงฟันให้เรียบร้อย
“แต่งตัวดีดีล่ะ วันนี้จะไปข้างนอก”ขวัญตะโกนบอกตอนที่ฉันยังอยู่ในห้องน้ำ ฉันก็รับฟังแต่โดยดี ฉันเลือกใส่เสื้อยืดสบายๆสกินคำว่า ‘ แม่ฮ่องสอน ’ ที่คำเดียวกินพื้นที่เสื้อไปจนเกือบหมด กับกางเกงยีนส์ขายาวและรองเท้าผ้าใบ เป็นอันเสร็จเรียบร้อยสำหรับชุดไปเที่ยวของฉัน
“เราจะไปไหนกัน”ฉันถามขึ้น เมื่อเข้ามานั่งในรถและรถได้เคลื่อนตัวออกไปแล้ว บีมเองก็นั่งอยู่บนตักฉัน แต่ไม่มีใครสักคนให้คำตอบฉันได้ ตอนนี้เองที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองน่าจะเอะใจให้เร็วกว่านี้ ฉันนั่งรถไปสักพัก ข้างทางเริ่มมืดลงเพราะต้นไม่สูงใหญ่และบังแสงอาทิตย์เอาไว้จนเกือบหมด ทันทีที่รถจอดสนิทลงหน้าบ้านแห่งหนึ่ง ฉันก็โวยลั่น
“แม่!! แก้วบอกแล้วไงว่าแก้วจะไม่มาน่ะ”ฉันว่าแล้วเปิดประตูรถลง ตั้งใจจะเดินออกไปให้ห่างที่แห่งนี้ให้มากที่สุด แต่แล้วก็เหมือนฟ้ากลั่นแกล้งให้ฉันต้องเจอกับคนที่ไม่อยากเจอด้วยมากที่สุด
“ไง! แค่นี้ถึงกับต้องหนีเลยหรือไง”นายอรรถพันธ์ เหล่าภัคดีหรือที่ทุกคนรู้จักกันในชื่อของเอ็ม เขาทำให้ฉันต้องหันกลับไปมอง รอบๆตัวของเขามีวิญญาณรายล้อมอยู่ไม่ห่างและฉันมั่นใจว่ามันมีมากกว่า 5 เสียด้วยสิ
“ฉันจะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับนาย”ฉันสะบัดหน้าใส่ ก่อนที่เสียงกรีดร้องของบีมจะเรียกให้ฉันหันกลับไป ดวงวิญญาณรอบๆตัวของเอ็มกำลังรุมเข้าจับตัวบีมเอาไว้และดูเหมือนพวกเขาจะพยายามทำให้บีมรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งกับพวกเขา ฉันหันกลับไปและจ้องมองวิญญาณพวกนั้นจนพวกเขาค่อยๆถอยร่นกลับไป บีมรีบลอยมาหลบหลังฉันทันที เอ็มหัวเราะเบาๆ ก่อนจะชูตุ๊กตาตัวหนึ่งขึ้นมา...
“ถ้าไม่อยากให้วิญญาณของเพื่อนเธอต้องมาอยู่ในตุ๊กตานี่ล่ะก็... รีบกลับไปหาพ่อแม่เธอซะ”เอ็มขู่ ฉันมองสลับระหว่างบีมกับตุ๊กตาอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะยอมเดินกลับไปยังทางเดิมที่ฉันเดินออกมา เอ็มเก็บตุ๊กตาเข้ากระเป๋ากางเกง พลางเดินตามหลังฉันมาติดๆ บีมลอยมาอยู่ข้างๆฉัน แล้วฉันกับบีมก็เผลอสบตากัน ในแววตาของบีม ฉันเห็นปัญหาอะไรบางอย่างที่กำลังจะตามมา
ในบ้านทรงไทยหลังหนึ่ง ฉันคิดว่าทุกๆคนคงเคยดูหลังผีมาบ้างแล้ว และฉันก็มั่นใจได้ว่า บ้านหลังนี้มันเหมือนกับในหนังเป๊ะ ไม่รู้ว่าหนังลอกบ้านหลังนี้มา หรือบ้านหลังนี้ไปลอกแบบในหนังมากันแน่ ต่างกันอย่างเดียวตรงที่คนที่นั่งตรงหน้าฉันไม่ใช่ชายแก่ๆในชุดผู้ทรงศีลพร้อมกับสร้อยลูกประคำที่ฉันไม่รู้ว่าจะใส่เอาไว้ให้หนักคอทำไม แต่คนตรงหน้าฉันเป็นชายวัยกลางคนที่ดูจะเป็นคนใจดีและมีอารมณ์ขันสุดๆ แถมชุดที่ใส่ก็เป็นเสื้อยืดกางเกงยีน แบบที่กำลังฮิตสุตๆด้วยสิ
“ไอ้เอ็ม เดี๋ยวแกไปตามพี่อาร์ตด้วย บอกให้เขาไปฝึกคาถาเรียกผีได้แล้ว”คนตรงหน้าฉันหันไปสั่งนายเอ็มที่นั่งอยู่ด้านหลังของฉัน และนี่เป็นความประหลาดใจอย่างที่สองของฉัน ที่เพิ่งจะรู้ว่าบ้านของนายอรรถพันธ์มันเป็นหมอผีกันทั้งตระกูล ฉันไม่แปลกใจเท่าไรเลยที่นายเอ็มจะเก่งกาจเรื่องคาถาต่างๆขนาดนี่ ที่หมอนี่มีมากกว่าคนอื่นๆก็คงจะเป็นสัมผัสที่หก ที่ได้มาโดยบังเอิญล่ะมั้ง
“ครับพ่อ”เอ็มตอบรับแล้วลุกขึ้น เดินอ้อมฉันและทุกคนขึ้นไปบนกระไดไม้เก่าๆ หลังจากนั้น พ่อของเอ็มก็หันมามองที่ฉัน รอบๆบริเวณที่พวกเรานั่งอยู่ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา นอกจากเสียงลมหายใจของคนตรงหน้าฉันเท่านั้น
“หนูน่ะ มีวิญญาณอยู่ข้างตัวตลอดเวลาเลยรู้ไหม”พ่อของเอ็มทักขึ้น ฉันตกใจเล็กน้อยกับคำทักของคนๆนี้ ฉันหันไปมองหน้าบีมแล้วพยักหน้าลงช้าๆ
“รู้ค่ะ เขาเป็นเพื่อนของหนู”ฉันตอบตามความจริง แววตาของพ่อหมอไหววูบ มันแทบจะไม่มีใครสังเกตเห็นนอกจากคนที่กำลังจ้องตากับเขาอยู่ซึ่งก็คือฉันนั่นเอง เสียงลงกระไดดังๆของคนสองคน เรียกสติของพ่อ แม่และขวัญให้กลับมา แม่ของฉันคลานเข้ามาอยู่ด้านหน้าฉัน
“คือแบบนี้ค่ะพ่อหมอ ลูกของฉันมันมีสัมผัสที่หกน่ะค่ะ แล้วลูกสาวฉันก็บอกให้ลองมาหาพ่อของเพื่อนเขา ซึ่งก็คือพ่อหมอนี่ล่ะค่ะ ฉันอยากให้ไอ้อาการมองเห็นวิญญาณของลูกฉันหายไปจะได้ไหมคะ”แม่ของฉันพูดร่ายยาว ฉันหันไปมองคนต้นเรื่องที่กำลังจ้องมองมาที่ฉัน พ่อหมอมองมาที่ฉันอย่างหนักใจ
“ผมเองก็อยากทำให้นะ แต่ว่าเด็กที่อยู่กับลูกของคุณน่ะ เขาน่าสงสารมากเลยนะ อีกอย่างลูกของคุณเองก็เป็นเพื่อนกับเขา มันไม่เห็นมีอะไรแย่นี่หน่า วิญญาณตนนั้นก็ไม่ได้สร้างความรำคาญใจให้กับลูกของคุณเลยนะ”พ่อของเอ็มพูดกับแม่ของฉันเหมือนกำลังพูดอยู่กับผู้ปกครองของเด็กอีกคนหนึ่ง ฉันไม่รู้จะทำอะไรนอกจากหันไปมองหน้าบีม จะว่าไปช่วงนี้ฉันเองก็เลิกที่จะพูดกับบีมต่อหน้าคนอื่นเมื่อไรนะ
“บีม... เราออกไปข้างนอก... ขวัญ!!!”ฉันตั้งใจจะลองหันไปชวนบีมออกไปข้างนอก แต่ภาพที่ฉันเห็นถัดจากร่างโปร่งใสของบีมแล้ว คือภาพของขวัญที่ดวงตาเหลือกถลน และมีอาการเกร็งชักกระตุกเป็นระยะ พ่อของเอ็มวิ่งเข้าไปดูอาการของขวัญทันที ส่วนฉันได้แต่กั้นพ่อกับแม่ไม่ให้วิ่งเข้าไป เพราะนี่มันเป็นอาการที่ฉันและอีกหลายๆคนเรียกกันว่า... ผีเข้า!!!
“พ่อ!!”เอ็มและพี่ผู้ชายอีกคนที่ฉันเดาว่าเป็นพี่อาร์ตวิ่งขึ้นมาบนเรือน สภาพในตอนนี้ดูวุ่นวายสุดๆ แม่ของฉันเป็นลมล้มพับไปแล้วร้อนให้เอ็มต้องรีบไปหายาดมให้ พ่อของฉันก็ทำท่าจะวิ่งเข้าไปหาขวัญที่ตอนนี้ดิ้นพล่านไปมา สักพักทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่ ขวัญนั่งนิ่งแต่ฉันรู้ว่าวิญญาณตนนั้นก็ยังไม่ออกจากร่างของน้องสาวฉัน พ่อของเอ็มพูดอะไรบางอย่างแล้วหันมามองที่ฉัน ถอนหายใจหนักๆแล้วลุกขึ้นมาทางฉัน
“หนู... มีคนอยากคุยด้วยน่ะ”พ่อของเอ็มเดินมาบอกฉัน ก่อนจะหันไปมองน้องสาวของฉัน เป็นสัญญาณให้ฉันเดินไปหาเธอ ฉันลุกขึ้นแล้วเดินไปหาขวัญแก้วช้าๆ แววตาของเธอดูยินดีมากเมื่อฉันไปยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนที่เธอซึ่งสิงอยู่ในร่างของขวัญจะรีบพูดขึ้นมา
“แก้ว!! แก้วใช่มั๊ย เราเบนไง จำได้รึเปล่า ที่เราอยู่ห้องเดียวกันตอนป.4ไง จำได้มั๊ย ก่อนที่แก้วจะย้ายโรงเรียนไปไง”เบนในร่างของขวัญพูดด้วยแววตาที่เปล่งประกาย ฉันพยายามรื้อฟื้นความทรงจำเมื่อตอนป.4 แต่ในความทรงจำของฉัน มันมีแต่สีขาว เพราะความจำฉันหายไปตั้งแต่ตอนป.4นั่นแหละ ถ้าเป็นป.5หรือป.6 ฉันเองก็ยังจำได้อยู่
“ขอโทษนะ แต่ฉันจำไม่ได้ ฉันความจำเสื่อมน่ะ”ฉันยิ้มเศร้าๆ เบนมองมาที่ฉันอย่างไม่เชื่อ ก่อนจะลุกขึ้นอาละวาดอีกครั้ง พี่อาร์ตและเอ็มรีบฉุดให้ขวัญนั่งลงกับเก้าอี้นิ่งๆ ฉันจับแขนของขวัญเบาๆ แน่นอนว่าคนที่รู้สึกคือเบน
“เบน... ใจเย็นๆนะ แล้วค่อยๆเล่าให้ฉันฟัง”ช่วงเวลานี้เองที่ฉันเหลือบไปมองพ่อและแม่ของฉัน ทั้งสองคนหน้าซีดเหมือนไม่อยากให้ฉันได้ยินเรื่องที่เบนกำลังจะเล่า ฉันละความสนใจจากทั้งสองแล้วหันกลับมาหาเบน เธอนั่งหอบหายใจก่อนจะพูดชื่อโรงเรียนหนึ่งขึ้นมา
“รัตนวิทยา...? ชื่อโรงเรียนงั้นเหรอ”ฉันถาม เบนพยักหน้าก่อนจะสะดุ้งสุดตัว และทำท่าจะลุกขึ้นอีกครั้ง ทำให้เอ็มและพี่อาร์ตเตรียมพุ่งตัวมาฉุดร่างของขวัญเอาไว้
“หมดเวลาของฉันแล้ว แต่ฉันจะพยายามหาโอกาสแวะมาเล่าทุกอย่างให้เธอฟังอีกนะ”เบนพูดให้ได้ยินทั่วกัน ก่อนที่ร่างของขวัญจะร่วงพับลงมา เอ็มที่ตั้งท่ารออยู่แล้วรีบพุ่งตัวมาพยุงร่างของขวัญเอาไว้ในทันที พ่อและแม่ของฉันก็รีบวิ่งมาดูร่างของขวัญที่ใบหน้าค่อยๆแดงขึ้น บีมลอยมาจูงมือฉันเบาๆ บอกเป็นนัยว่าฉันควรออกจากที่ตรงนี้เสียก่อน ฉันลุกขึ้นมา และหลบออกมาด้านนอกโดยไม่มีใครทักท้วงเพราะทุกคนกำลังรุมล้อมเป็นห่วงเป็นใยร่างของขวัญแก้วอยู่
“คิดว่าไง...”เอ็มเดินตามฉันออกมา ฉันหันไปมองก่อนจะมองบีมที่รีบลอยมาหลบด้านหลังของฉัน เอ็มหัวเราะแล้วส่ายหน้าบอกว่าจะไม่ทำอะไรแล้ว บีมจึงค่อยๆลอยออกมายืนข้างฉัน เอ็มเปลี่ยนท่าทีจากคนอารมณ์ดีดีมาเป็นเคร่งขรึมจนฉันรู้สึกได้และเมื่อรู้สึกตัวอีกที ร่างกายของฉันก็ขยับถอยหลังออกห่างจากตัวของเอ็มเสียแล้ว...
ความคิดเห็น