คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : สุสาน วิญญาณ ดอกไม้ ความรัก
วันนี้ฉันตื่นตั้งแต่ 7 โมง เร็วเป็นบ้า ปกติกว่าฉันจะตื่นก็ต้องรอราวๆ10 โมงนั่นแหละ แต่วันนี้ฉันรำคาญเสียงฟ้าที่ปลุกฉันตั้งแต่ 6 โมง ทนนอนฟังได้อีก 1 ชั่วโมง ความอดทนของฉันก็หมดลงต้องยอมตื่นตามคำเรียกของฟ้า บีมหัวเราะคิกเลย ก็ปกติบีมเคยปลุกฉันตื่นฉันซะที่ไหนล่ะ เช้านี้ดูจะเป็นเช้าที่แปลกกว่าเคยเพราะวันนี้ฉันต้องรีบออกจากบ้านตั้งแต่11 โมง เพื่อพาฟ้าและบีมไปยังสุสานแห่งหนึ่ง ที่ฝังร่างของฟ้าเอาไว้ ไม่รู้จะบอกว่าเป็นโชคดี ดีรึเปล่าที่บ้านของฟ้านับถือศาสนาคริสต์ ทำให้ร่างของเธอไม่ถูกเผาไปเสียก่อน ฟ้าพาฉันไปยังสุสานที่ฝังร่างของเธอเอาไว้ มีดอกไม้สดช่อหนึ่งวางเอาไว้
“แปลกจัง ทำไมมีดอกไม้สดมาวางไว้ล่ะ นี่มันยังไม่ครบรอบวันตายของฉันเลยนะ”ฟ้าว่าอย่างสงสัย แล้วความสงสัยก็ต้องกระจ่าง เมื่อร่างๆหนึ่งก้าวเดินเข้ามาด้วยชุดไปรเวท ร่างสูงโปร่งที่เดินด้วยท่วงท่าสบายๆแต่กลับดึงดูดสายตาของทุกคนได้ ฉันรู้แล้วว่าทำไมฟ้าถึงได้หลงรักรุ่นพี่คนนี้
“พี่ริว...”ฟ้าพึมพำออกมา ฉันเริ่มสงสัยนิดๆแล้วนะว่าทำไมคนบ้านนี้ถึงชื่อเล่นเป็นญี่ปุ่นกันทุกคนเลย ทั้งโช ทั้งริว ถ้ามีนัสสึเข้ามาอีกฉันก็จะไม่แปลกใจเลย โชวิ่งตามพี่ชายของเขาเข้ามา ฉันเพิ่งสังเกตว่าวันนี้โชเองก็แต่งชุดคล้ายๆพี่ชายของเขาเข้ามา พี่ริว... ฉันขอเรียกแบบนี้เลยแล้วกันนะหันไปกระซิบอะไรสักอย่างที่ฉันไม่รู้ ก่อนที๋โชจะวิ่งเข้ามาหาฉัน
“แก้ว นั่นพี่ริว แล้วเด็กคนนั้นล่ะ”โชถาม ฉันชี้มือไปที่ข้างๆตัวพี่ริว จะปล่อยให้พลาดได้ยังไงล่ะ รุ่นพี่สุดปลื้มมาอยู่ตรงหน้าทั้งที่ โชยิ้มให้แห้งๆให้พี่ชาย ไม่รู้ว่าพี่
ริวจะรู้รึยังว่าข้างๆตัวน่ะ มีวิญญาณกำลังคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง ฉันเรียกฟ้ากลับมา แล้วเดินไปหาพี่ริว
“สวัสดีค่ะพี่ริว คือวันนี้แก้วอยากเจอพี่มากเลย เพราะว่ามีคนๆหนึ่งเขาแอบชอบพี่มาก แต่ตอนนี้เขาเสียไปแล้ว แต่เขายังคิดถึงพี่และอยากคุยกับพี่ เดี๋ยวแก้วจะให้เขาสิงร่างแก้ว แล้วพี่ริวช่วยคุยกับเขาหน่อยนะคะ”ฉันพูดรัวๆแบบไม่เปิดโอกาสให้พี่ริวปฏิเสธ ก่อนจะทำจิตให้ว่าง เพื่อให้วิญญาณของฟ้าเข้ามาสิงร่างฉันได้ ถึงมันจะรู้สึกอึกอัดไปบ้างก็เถอะ ลองนึกดูสิคะ สมมุติว่าร่างคนเราเป็นเสื้อผ้า แล้ววิญญาณกลายเป็นผิวหนัง แล้วจะให้คนสองคนเข้าไปอยู่ในเสื้อผ้าชุดเดียว มันคงเบียดกันตายเลย แต่สุดท้ายฟ้าก็เข้าร่างฉันจนได้ ฉันยังมีสติและรับรู้ทุกอย่างได้นะคะ เพียงแต่ว่าฉันจะให้ฟ้าเป็นคนควบคุมร่างของฉันค่ะ
“เอ่อ... พี่ริว จำหนูได้มั๊ยค่ะ หนูเป็นรุ่นน้องพี่ตอนพี่อยู่ม.2น่ะค่ะ หนู... เอ่อ... อยากคุยกับพี่มานานแล้วค่ะ”ฟ้าพูด ฉันงึมงำๆเบาๆ แสบคอชะมัด ให้คนอื่นมาพูดแทนเนี่ย ฉันมองพี่ริวด้วยความรู้สึกของฟ้า ความรู้สึกของฟ้าดูจะตื่นเต้นแล้วก็ดีใจมากจริงๆ
“น้อง... ฟ้ารึเปล่าครับ”พี่ริวพูด ฉันรู้สึกร่างกายค่อยๆแปลกไป ทำไมกัน ทั้งๆที่ฉันก็ให้วิญญาณมากมายเข้าสิงตั้งหลายครั้งหลายครา แต่คราวนี้มันแปลกไป ฉันหันมองไปด้านหลัง เงาสีดำของใครสักคน ฉันคิดว่าเป็นคนเพราะวิญญาณไม่มีทางหลบสายตาฉันได้อยู่แล้ว ใครบางคนกำลังย่องเข้ามาอย่างเงียบเชียบ ราวกับสิงโตที่กำลังจะวิ่งเข้าไล่ล่าเหยื่อก็ไม่ปาน แต่ถ้าแบบนั้นก็แสดงว่าฉันเป็นเหยื่องั้นเหรอ แล้วใครกับที่เป็นสิงโตผู้ล่าตัวนั้นน่ะ ฉันรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อฟ้าค่อยๆขยับเข้ามาเบียดกับฉัน หากตอนนี้ฉันหันไปมองสายตาของฟ้าสักครั้งก็คงดี เพราะมันคงจะทำให้จุดจบของเรื่องไม่แย่เท่าเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปก็ได้
“แก้วๆ บีมเห็นเอ็มแอบอยู่หลังประตูตรงนั้น กำลังทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้”บีมลอยเข้ามาบอกอย่างรีบร้อน ฉันพยักหน้ารับแล้วบอกให้ฟ้ารีบออกจากร่างของฉัน แต่ปฏิกิริยาที่ตอบกลับมา ทำเอาฉันแทบบ้า
“ไม่!! ฉันจะไม่ออกจากร่างนี้อีกแล้ว ฉันรอเวลาที่จะได้พูดคุยกับพี่ริวมานานและฉันก็จะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไปง่ายๆหรอก เธอน่ะ... อยู่เฉยๆแล้วก็หลับลงไปซะ ต่อไปฉันจะยึดร่างนี้ไว้เป็นของตัวเอง”ฟ้าเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ สายตาที่เธอจ้องมองฉันดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ในตอนนี้เธอดูเหมือนงูร้ายที่มีพิษ มากกว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง ที่ฉันเจอเมื่อวาน บีมลอยเข้ามาจับแขนของฟ้าเพื่อจะลากให้ออกจากร่างของฉัน แต่มันก็ไร้ผล ฟ้าควบคุมร่างของฉันให้ผลักร่างของบีมออกไป ใจฉันนึกอยากจะไล่วิญญาณตัวนี้ให้ออกจากร่างไป ติดแต่ว่าในตอนนี้ผู้ที่ควบคุมร่างของฉันคือฟ้า ฉันเริ่มห่วงหน้าผะวงหลัง ไหนจะฟ้าไหนจะเอ็ม โชกับพี่ริวเริ่มมองร่างกายของฉันที่เกิดปฏิกิริยาแปลกๆขึ้นมา ฟ้าเริ่มบ้าคลั่งและพยายามผลักฉันให้เล็กลงดูเหมือนเธอจะทำให้ฉันหลุดออกจากร่างของตัวเอง บีมลอยเข้ามาและช่วยฉันอีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม เธอถูกผลักให้ล้มลง ฉันบอกเธอให้เธอไปตามเอ็มมา ถึงจะไม่อยากขอความช่วยเหลือ แต่ตอนนี้ฉันทำอะไรไม่ได้เลย
“สวัสดี ยินดีที่ได้รู้จัก”เอ็มเดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดี ฉันพยายามพูดกับเอ็มผ่านจิต เอ็มพยักหน้าว่ารับรู้ก่อนจะนั่งลงและเริ่มบริกรรมคาถาอะไรบางอย่างที่ฉันได้ยินไม่ชัด แต่ดูเหมือนมันจะเป็นคาถาไล่วิญญาณร้ายออกจากร่าง ฟ้าที่อยู่ในร่างฉันอาละวาดเดินเข้ามาใกล้เอ็ม แต่เพราะวงแหวนสีขาวที่ล้อมตัวเอ็มเอาไว้ทำให้ฟ้าเข้าไม่ถึง เวทย์วงแหวนเป็นสิ่งที่ผู้มีสัมผัสที่หกทุกคนจะมีติดตัวค่ะ เพื่อเอาไว้ป้องกันไม่ให้วิญญาณร้ายเข้าสิงร่าง แต่ของฉันเป็นกรณียกเว้น ฉันจะเก็บเวทย์วงแหวนเอาไว้ เพื่อที่จะให้บีมอยู่ข้างๆฉันได้ แต่มันก็ไม่จำเป็นสำหรับฉันที่ทำตัวเป็นที่พึ่งของวิญญาณอยู่แล้ว แต่คราวนี้คงต้องงดไว้สักเรื่องล่ะนะคะ วิญญาณของฟ้ากรีดร้องก่อนจะค่อยๆหลุดออกจากร่างฉัน เธออาละวาดอย่างหนัก และดูเหมือนจะพยายามเข้าสิงร่างของริว ฉันนั่งลงและล้วงเอาตุ๊กตาผ้าที่ฉันเก็บเอาไว้กับตัวโยนให้เอ็ม พลางร่ายคาถาที่เรียกว่า คาถาสะกดวิญญาณ
มันเป็นคาถาพื้นฐานสำหรับผู้ที่มีพลังติดต่อกับวิญญาณค่ะ ฉันพยายามบอกให้ริวต้านการเข้าร่างของฟ้าเอาไว้ให้เต็มที่ ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ แค่พยายามอย่าให้อะไรเข้าไปในร่างเราได้ อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าร่างกายเปรียบเสมือนเสื้อผ้าดังนั้นถ้าเราทำให้เสื้อผ้าเราแน่นซะก่อนก็จะไม่มีใครเข้ามาแทรกแซงได้ ฉันมองเอ็มซึ่งกำลังท่องคาถาชนิดเดียวกับฉัน ผิดแต่คาถาที่ฉันใช้เป็นคาถาที่ทำให้วิญญาณไปสู่สุขติ ส่วนคาถาที่เอ็มใช้เป็นการทำลายวิญญาณดวงนั้นอย่างถาวรให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสรรพสิ่ง และนั่นก็เป็นสิ่งที่ฉันไม่ต้องการเห็น และในที่สุดฉันก็ตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง ฟ้าถูกฉันดึงเข้าสู่ร่างของตุ๊กตาที่อยู่ในมือของเอ็ม ก่อนที่มันจะถูกเผาให้กลายเป็นเศษธุลีจากมนตราที่ฉันได้ร่ายใส่ตุ๊กตาเอาไว้ก่อนหน้านี้
“ตอนนี้ฟ้ากำลังจะไปรับผลกรรมที่เขาได้ก่อเอาไว้ ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงนะ”เอ็มมองฉันอย่างแค้นเคือง การเผาทำลายตุ๊กตาที่ใส่วิญญาณเอาไว้ ว่ากันว่าจะทำให้คาถาของผู้ที่ดึงวิญญาณลงสู่ตุ๊กตาเป็นผลสำเร็จและไม่มีใครมาแก้คาถาเหล่านั้นได้
“น่าเสียใจจริงๆนะ บีมเองก็ชอบเด็กคนนั้นอยู่เหมือนกัน”บีมพึมพำแล้วลอยมากอดไหล่ฉันเบาๆ
“นั่นสิ...”ฉันพูดแล้วค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆโช ทั้งๆที่อยากจะขอโทษ แต่ปากกลับพูดอะไรไม่ออก จะดูแย่ไปไหมที่ฉันจะมาขอโทษในตอนนี้ ทั้งๆที่ฉันเป็นคนลากเขาเข้ามาให้เจอกับเหตุการณ์ร้ายๆ สุดท้ายฉันทำได้แค่เพียงยิ้มให้เขาจางๆแล้วหันหลังเดินกลับมา ฉันนี้แย่จริงๆ...
“แก้ว...”เสียงของพี่ริวเรียกให้ฉันหันกลับไป
“ขอบใจนะ... ที่ทำให้พี่ได้คุยกับคนๆนั้นน่ะ”พี่ริวบอก ฉันมองแล้วยิ้มจางๆให้กับเขา ก่อนจะมองเลยไปยังที่ๆนายเอ็มนั่งอยู่ รอยยิ้มของหมอนั่นเหมือนกับกำลังจะบอกฉันว่า ‘ ฉันเตือนเธอแล้วนะ ’
เวลาที่เหลือของทั้งวัน ฉันใช้มันไปกับการอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง มันเป็นหนังสือที่ฉันอ่านซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้งไม่มีเบื่อ และหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่อยู่กับฉันมาก่อนที่ฉันจะความจำเสื่อม ฉันเลยคิดว่า บางที... หนังสือเล่มนี้อาจจะบอกอะไรกับฉันก็ได้ หนังสือที่อยู่ในมือของฉัน เป็นหนังสือที่ถูกแต่งขึ้นจากคนๆหนึ่ง ที่ฉันจำไม่ได้ แต่ที่ฉันรู้ก็เพราะในหนังสือมันมีชื่อของฉันอยู่ด้วยน่ะสิคะ ทุกๆครั้งที่ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้ บีมจะไม่อยู่ข้างๆฉัน ฉันเองก็ไม่รู้ว่าบีมหายไปไหน แต่เมื่อฉันถาม บีมก็จะตอบว่าไม่ได้ไปไหนทั้งนั้นจนฉันเลยสนใจไปเอง ฉันเปิดหนังสือขึ้นอ่าน หน้าปกหนังสือมีภาพพระอาทิตย์ที่กำลังสาดส่องลงมายังผิวน้ำ โดยมีชื่อเรื่องว่า... ความทรงจำแด่แก้ว...
ก้อนหินก้อนหนึ่ง อาศัยอยู่ในสวนสาธารณะ ทุกวันมันได้แต่เฝ้ามองดวงตะวันที่ส่องแสงลงมา รอบตัวมันมีแต่หิน ต้นหญ้า และสายน้ำ มันอิจฉาพระอาทิตย์ที่ได้รู้จักกับทุกคน อยู่มาวันหนึ่ง มันก็หมดความอดทน มันตะโกนคุยให้พระอาทิตย์ได้ยิน
“พระอาทิตย์ ข้าอิจฉาท่านจริงๆ ท่านได้รู้จักกับทุกสรรพสิ่ง ข้าอยากทำได้แบบท่านบ้าง ข้าควรจะทำอย่างไรดี”ก้อนหินตะโกนขึ้นไป ทุกสิ่งรอบๆตัวมันหันมอง ก่อนจะร้องเตือน
“เจ้าก้อนหินบ้า เจ้าไม่รู้หรือว่าพระอาทิตย์อยู่สูงส่งกว่าพวกเรามากนัก เขาเป็นผู้ให้แสงสว่างแก่โลก ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็สู้พระอาทิตย์ไม่ได้หรอก เขาอยู่สูงเกินกว่าที่เจ้าจะเอื้อมถึง”เสียงสายน้ำเตือน
“ข้าไม่สน พระอาทิตย์ ได้โปรดพาข้าขึ้นไปอยู่ด้านบนแบบท่านบ้าง ข้าอยากอยู่ในที่ๆสูงๆ”ก้อนหินร้องขอ
“ก้อนหิน... การอยู่ด้านบนน่ะไม่ได้ดีเสมอไปหรอกนะ”เสียงพระอาทิตย์พูดขึ้น ก้อนหินเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนที่พระอาทิตย์จะพูดต่อ
“เจ้าก็เห็นแล้วนี้ ข้างบนน่ะ ไม่มีเพื่อน ข้าอยู่ที่นี้คนเดียว ได้แต่มองพวกเจ้าอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่น เมื่อเจ้าได้โอกาสนั้นมาแล้ว เจ้าก็ควรจะรับมันเอาไว้ด้วยความยินดี”พระอาทิตย์พูด ก้อนหินไม่พูดอะไร แต่มันก็นิ่งลง เป็นการบอกว่ามันเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง
“งั้นข้าจะ...”
ฉันปิดหนังสือลง ในหนังสือมีเพียงแค่นี้ มันไม่มีวันจบ ฉันอ่านมันมาตลอดสี่ปี เผื่อว่าจะมีใครสักคนมาแต่งมันให้จบ บีมลอยมาอยู่ข้างๆฉัน แล้วชวนให้ฉันออกไปข้างนอก ก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้ออกไปผ่อนคลายเสียหน่อย วันนี้ทั้งวันทำเอาฉันเหนื่อยสุดๆ ฉันกับบีมเลือกที่จะไปสวนสาธารณะใกล้ๆบ้าน ฉันนั่งไกวชิงช้าเบาๆ พระอาทิตย์ยามอัสดงทำให้ฉันนึกถึงเรื่องราวของก้อนหินก้อนหนึ่ง ก้อนหินก้อนนั้นจะตอบว่าอะไรนะ แล้วมันจะทำอย่างไรต่อไป ฉันอยากรู้คำตอบของนิทานเรื่องนี้จริงๆ
“แก้ว... พรุ่งนี้แล้วสินะ วันที่เรามาอยู่กับแก้วครบ 4 ปีน่ะ”บีมกล่าวขึ้นมา ฉันมองหน้าบีม เธอกำลังทำหน้าเหงาๆ เหมือนกับกำลังนึกถึงเรื่องอะไรบางอย่าง
“บีม แก้วดีใจนะที่ได้เจอบีมน่ะ”ฉันคว้ามือของบีมมากุมเอาไว้ พวกเรานั่งอยู่ใต้ผืนฟ้าเดียวกัน ท้องฟ้าที่แต่งแต้มสีสันให้กับชีวิตที่ต้องดำเนินต่อไป แม้มันจะต่างจากคนอื่นๆ แต่ฉันก็จะต้องผ่านมันไปให้ได้
ฉันกับบีมกลับมาถึงบ้านราวๆเกือบ 2 ทุ่ม พ่อ แม่และขวัญนั่งรอฉันอยู่ที่โซฟา ฉันใจไม่ดีเลย นานแล้วที่ทุกๆคนจะมานั่งรวมตัวกันเพื่อรอฉัน เพราะเท่าที่ฉันจำได้ ครั้งล่าสุดก็ตอนที่ทุกคนรู้ว่าฉันความจำเสื่อม และฉันสามารถสัมผัสกับวิญญาณได้ หลังจากนั้นมา ฉันก็ไม่เคยเห็นทุกคนอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเลยสักครั้ง
“แก้ว... มานั่งนี่ซิ”พ่อของฉันเรียก ฉันเดินไปนั่งที่โซฟา โดยมาบีมเกาะหลังฉันอยู่ ครอบครัวของฉันไม่มีใครเห็นบีมหรอกค่ะ แต่ทุกคนรู้ว่าบีมอยู่ข้างๆฉันเสมอ
“หนูบีมอยู่ที่นี่ใช่ไหมจ๊ะ...”แม่ของฉันถามขึ้น ฉันพยักหน้าตอบ ก่อนที่แม่ของฉันจะพูดขึ้นอีกครั้ง
“หนูช่วยออกไปก่อนได้ไหม แม่มีเรื่องจะพูดกับหนูแก้วเขาน่ะ”ฉันหันไปไล่บีมตามคำสั่งของแม่ บีมลอยขึ้นไปบนบ้าน และฉันมั่นใจว่าเธอต้องไปคอยฉันอยู่ในห้องแน่ๆ ฉันมองเธอจนลับตาก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับทุกคน!!
ความคิดเห็น