คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : ตอนสุดท้ายของผู้พิทักษ์
ตอน14
ตอนสุดท้ายของผู้พิทักษ์
มืดมน... ท้อแท้... สิ้นหวัง... หมดแรง... การต่อสู้ที่ไม่มีวันชนะ โชคชะตาที่ถูกกำหนด ได้โปรดปล่อยข้าที ปล่อยข้าจากปราสาทมืดๆนี้ที ได้โปรด... ช่วยข้าที
สายลมพัดผ่านคล้ายจะหมดแรง เสียงร้ำไห้ดังโหยหวนบาดจิต เสียงแหบพร้าร้องเรียกให้ช่วยเหลือ มือกุมของสิ่งหนึ่งไว้แน่น ดั่งคล้ายจะคอยเวลามอบของสิ่งนั้นให้แก่ผู้ที่มาช่วย มืออีกข้างตะเกียดตะกายที่กำแพงสูงเหมือนกับอยากจะออกไปสู่โลกภายนอก
“ได้โปรด ช่วยข้าที”เสียงแหบพร้าดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เซนกับเพื่อนๆเอาหูแนบกำแพงก่อนจะพบว่าเสียงที่เรียกนั้นดังผ่านกำแพงใหญ่ออกมา
“ใคร เจ้าเป็นใคร”เซนตะโกนถาม จากนั้นไม่นานเสียงนั้นก็ตอบกลับมา
“ช่วยข้า ได้โปรด อย่าสนเลยว่าข้าคือใคร เพราะข้านั้นไร้ตัวตน แต่ได้โปรด ปล่อยข้าออกไปที”เสียงนั้นร้องเรียกอีกครั้ง
“เอาไงดี”เซนหันไปถามเพื่อนๆ ก่อนที่จต้องหันกลับมาเมื่อไม่ได้รับคำตอบ เซนเลือกที่จะทำใจแข็งแล้วเดินเลยผ่านไปปล่อยให้เสียงนั้นยังคงร้องดังต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน
“รอก่อนแล้วกัน ในเมื่อนี้คือปราสาทของข้า ข้าจะช่วยเจ้าแน่นอน เพียงแต่ยังมิใช่ในเวลาเช่นนี้”เซนพึมพำกับตนเองพลางก้าวให้เร็วขึ้นอีก
“เซน พวกเราจะเอายังไงต่อ”โอเทสวิ่งตามมาถาม
“หากุญแจแห่งการทำลาย”เซนตอบเสียงนิ่งๆ เป็นเวลาเดียวกับที่ทุกคนเดินตามมาถึง
เพี๊ยะ! เสียงตบเบาๆดังกังวานในทางเดินโล่งซึ่งค่อนข้างเงียบ ใบหน้าของงเซนหันไปตามแรงตบนั้น เลือดซึมออกจากมุมปากเล็กน้อย แต่ก็ให้เจ็บเอาเรื่อง
“แก!”เซนหันไปกระชากคอเสื้อของเดลคิลขึ้นมาง้างหมัดขึ้นจะสวนกลับ
“ชกสิ”เสียงเย็นๆบอกพลางหลับตารอ
“หึย!”เซนพ่นลมออกจากจมูกก่อนจะดันเดลคิลให้ล้มลง
“แกตบหน้าฉันทำไม”เซนถาม
“เชื่อเถอะ ถ้าแกเป็นผู้ชายจริงๆ แกจะไม่ได้รับแค่การตบหน้าแน่”เดลคิลว่าพลางหันไปมองอาเรสอย่างรู้กัน ใช่... ถ้าเซนเป็นผู้ชายอย่างอาเรส เดลคิลคงจะชกเพื่อเตือนสติให้แรงกว่านี้
“แล้วแกทำทำไม”เซนย้ำถาม
“เตือนสติเล็กๆน้อยๆ”เดลคิลว่าพลางเดินหนีทิ้งปริศนาไว้ให้แก่เซน
“ทำแบบนี้ดีแล้วเหรอ”อาเรสที่วิ่งตามมาขนาบข้างถาม
“ดีแล้วล่ะ เพราะบางที โชคชะตาก็ไม่ได้ทำให้พวกเราได้พบกัน”เดลคิลพูดให้เป็นปริศนา
“อะไร ฉันไม่เข้าใจ”อาเรสทำให้งง
“ความจริง... บางครั้งก็อาจไม่จริงเสมอไป”เดลคิลกล่าวเป็นเล่ห์นัยแล้วเดินจากไป
“ช่วยข้าที ได้โปรด”เสียงเธอที่เขาได้ยินจากกำแพงดังขึ้นอีกครั้ง อาเรสเหลียวมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบใครเลยและเขาคิดว่าเสียงนั้นคงดังมาได้ไม่ถึงจุดนี้แน่ และก่อนหน้าที่เขาจะทันได้คิดอะไรต่อ อาการปวดหัวอย่างรุนแรงก็เล่นงานเขาอย่างหนัก
“โอ๊ย!”สองมือที่กุมขมับออกแรงนวดในทันที เขาพยุงตัวเองให้ไปพิงต้นไม้ที่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก ก่อนจะล้มตัวลงไปยังที่แห่งนั้น มือที่กุมศีรษะอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัดและความมืดมิดก็มาพรากความรู้สึกของเขาไป...
แสงสว่างรอบทิศทำให้อาเรสต้องลืมตาขึ้นมอง ทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม ละอองเกสรลอยว่อนไปทั่ว เขามองไปรอบๆก่อนจะไปสะดุดตาที่หญิงสาวในชุดขาวที่ยืนอยู่สุดปลายขอบนภา
“แม่นาง”อาเรสส่งเสียงเรียก เธอหันมายิ้มให้อาเรส ยิ้มเศร้าๆที่เหมือนกับการโหยหาอะไรบางอย่าง บางอย่างที่ขาดหายไป อาเรสวิ่งไปยังทางๆที่หญิงสาวยืนอยู่ แต่ยิ่งเดินก็ยิ่งรู้สึกเหมือนเธอห่างไกลไปเรื่อยๆ
“รอก่อน รอข้าก่อน”ด้วยความที่ไม่ทันระวัง ทำให้อาเรสสะดุดกิ่งไม้แถวนั้นล้ม เขาหลับตาแน่นแต่เมื่อลืมตาขึ้น รอบตัวของเขาก็เต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาด ท้องฟ้าสีแดงก่ำคล้ายจะมีเปลวเพลิงโหมอยู่ทุกขณะ
“พาองค์ชายอาเรสหนีไป อารักษ์ขาสายเลือดเทพและปีศาจเอาไว้ให้ได้”เสียงทหารร้องบอกต่อกัน ทารกที่ร้องไห้จ้าด้วยความกลัว อาเรสมองตามทารกนั้นไปจนกระทั่งทหารนายนั้นวิ่งเข้ามายังป่าลึกที่สุดจนคิดว่าไม่มีคนตามมาแล้ว
“ช่วย... ข้า... ด้วย”เสียงเด็กชายตัวเล็กๆที่เดินออกมาจากในป่าลึกทั่วตัวมีแต่รอยบาดแผล แววตาที่คล้ายสัตว์ป่าอ่อนแรงร้องขอความช่วยเหลือ ทหารนายนั้นตอนแรกก็ตื่นตระหนกป้องกันทารกในอ้อมอกไว้ยิ่งชีพ แต่สักพักก็วิ่งเข้ามาหาเด็กชายคนนั้น
“เจ้า... เจ้าชื่ออะไร”ทหารวิ่งเข้ามาเขย่าตัวเด็กชายถาม
“ปะ... ปาดาส”เด็กชายกล่าวด้วยเสียงอ่อนแรง
“เจ้ามากับข้า”ทหารคนนั้นฉุดลากเด็กชายพร้อมกับทารกในอ้อมอกที่เคารพและยอมพลีชีพตนได้ในทันทีถ้ามีคนคิดจะทำลายคนในอ้อมอก ทันทีที่ถึงบ้านเก่าๆที่ผุพังได้ตามกาลเวลา
“เจ้า... เจ้ามาจากไหน”ทหารนายนั้นถาม
“ไม่... ไม่รู้”เด็กชายตอบ
“แล้วถ้าข้าหาที่อยู่ให้กับเจ้าได้ล่ะ”
“หา... ทำไม”ปาดาสว่าพลางถดกายถอยหนีทันทีที่ทหารคนนั้นเข้ามาใกล้ สัญชาตญาณการป้องกันตัวทำให้เด็กชายคนนั้นหยิบท่อนไม้แถวนั้นมาเป็นที่ป้องกันตัว แต่ถึงกระนั้นแววตาที่เหมือนดังสัตว์ป่าที่ไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งใดก็ไม่เคยจางหาย
“จากนี้ไป เจ้าคือองค์ชายอาเรส ลูกชายของกษัตริย์โรนัทดัส จำเอาไว้”ทหาคนนั้นกล่าวก่อนจะถอยกลับไปดูแลเด็กทารกคนนั้นต่อ จากนั้นวันรุ่งขึ้น ทหารนายนั้นก็พาเด็กชายพร้อมกับทารกไปหากษัตริย์โรนัทดัสและฝากฝังเด็กชายที่ชื่อปาดาสที่ตอนนี้คือองค์ชายอาเรสไว้กับกษัตริย์โรนัทดัสก่อนจะจากมา ภาพต่างๆยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ องค์ชายอาเรสที่ได้รับการฝึกฝนการเป็นทหาร รอยยิ้มสดใสต่างจากเมื่อคราวที่หนีออกมาจากป่านั้นมากนัก ภาพสุดท้ายที่ทำเอาเลือดในกายของอาเรสแทบไม่ต่างจากน้ำแข็ง ก็คือภาพที่องค์ชายอาเรสตัวจริงที่ขณะนี้ชื่อว่าปาดาส ได้เดินเที่ยวอยู่ในท่องตลาดทั่วไปไม่ต่างจากสามัญชน ปาดาสคนนั้น คนที่เคยเป็นปีศาจและกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง เขารู้จักดี ปาดาสคนนั้น... คือองค์ชายอาเรสที่แท้จริง ส่วนเขา... คือเด็กชายที่ชื่อว่าปาดาสที่หนีออกมาจากป่าแห่งนั้น
“อ๊าก!~”อาเรสร้องลั่นและสะดุ้งขึ้นสุดตัว เหงื่อไหลโทรมกาย ภาพพวกนั้นยังไม่จางหายไปไหน แล้วอีกจะอดีตต่างๆที่เลือนหายไปตามกาลเวลา แต่ ณ เวลานี้มันได้ถูกเปิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งเสียแล้ว
“อดีตของท่านช่างน่าเจ็บปวดยิ่งนัก”เสียงหญิงสาวที่อาเรสได้เจอในตอนแรกกล่าว
“เจ้า... เจ้าเป็นใคร”อาเรสถาม
“ผู้ควบคุมชะตาของทุกคน ไม่ว่าจะมนุษย์หรือเทพ”หญิงสาวตอบ
“พระเจ้างั้นหรือ”
“พระเจ้า... ฮาๆๆ ท่านพูดอะไร ข้าน่ะเหนือกว่าพระเจ้า และเหนือกว่าคนทั้งปวง”หญิงสาวบอกก่อนที่สายลมอ่อนๆจะทำให้สติของอาเรสหายไปอีกครั้ง
นี่ๆ เคยได้ยินเรื่องของป่าอมนุษย์รึเปล่า เขาว่ากันว่าคนที่อาศัยอยู่ในป่านั้นน่ะ ไม่มีใครเป็นมนุษย์สักคน พวกมันฆ่ากันเองโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น โดยเฉพาะเด็กๆ พวกมันหน้าตาเหมือนเด็กมนุษย์มากเลยล่ะ เด็กหลายคนหลงกลพวกมันกลายเป็นอาหารให้พวกมันเยอะแยะแล้ว ป่านั้นน่ะอันตรายนะ อมนุษย์ไม่มีคำว่าปราณีหรอก ระวังนะ พวกมันมักจะน่ากลัวกว่าที่คิดเสมอ
“แฮกๆ”เสียงหอบหายใจดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่ไหวแล้ว”เขาล้มลงก่อนที่ปลายดาบแหลมคมจะเงื้อขึ้นสูงและพุ่งลงมา
ฉึก!
“ระวังหน่อยสิ คาน่อน”เสียงชายหนุ่มรุ่นเดียวกับคาน่อนดังขึ้น เขากระชากมีดออกจากหน้าอกก่อนจะปาทิ้งอย่างไม่ไยดี
“อะไรอีกล่ะ ดาริน”คาน่อนหันไปถามอย่างไม่สบอารมณ์
“เจ้าชายน่ะ เขาไม่ฆ่าคนที่ไม่สู้หรอกนะ”ดารินว่า
“เจ้าชาย... เหอะ มันก็แค่ชื่อเก่าๆ”คาน่อนพ่นลมออกจากจมูก
“ในเมื่อตอนนี้มันกลายเป็นของคนอื่นไปแล้วนี้”เขาพูดต่อ
“โชคชะตาคงบังคับให้ฉันอยู่ในป่านี้จนวันตายแน่ๆ”คาน่อนกล่าวซ้ำพลางเอามือลูบใบหน้า
“แต่ยังไงฉันก็จะต้องฆ่าพวกมันให้ได้”
“สมที่เป็นนาย คาน่อน ตอนนี้ไซโซกำลังเดินทางจากส่วนที่ลึกสุดของป่านี้มาหาพวกเรา เหล่า 3 จันทรา จะกลับมารวมตัวกันอีกแล้วล่ะ”ดารินเอ่ย
“อ๊ะ อ่า~”เสียงของเหยื่อที่นอนอยู่ใต้เท้าของดารินร้องของความช่วยเหลือ
ฉึก! มีดอีกเล่นในมือของดารินปักที่กลางหัวของเหยื่อคนนั้น ปลิดชีพได้ในทันที ดารินมองเหยื่อที่ตายอย่างรู้สึกสมเพช ก่อนจะหันหลังไปนั่งที่ขอนไม้
“สายเลือดของพวกนาย อีกไม่นานก็จะเป็นของพวกนายเหมือนเดิม”ดารินว่า
“ฉันรู้ เพราะสายเลือดเทพและปีศาจน่ะ จะไม่ปรากฏต่อผู้ที่ไม่ใช่สายเลือด ถึงสายเลือดเจ้าพวกนั้นจะเหมือนแค่ไหน แต่พวกมันก็ไม่ใช่อยู่ดี”
“ไง พวกนาย มานั่งทำบ้าอะไรที่ทางออกของป่านี้ล่ะ”ไซโซที่เดินมาจากด้านหลังทักขึ้น
“แกก็รู้มิใช่รึ”ดารินว่าพลางยิ้ม
“อืม แต่ก่อนหน้านั้น มาดื่มกันหน่อยไหมล่ะ”ไซโซบอกพลางโยนถ้วยที่รินน้ำจากน้ำตกที่อยู่ลึกที่สุดในป่า ถ้าดื่มไปจะทำให้เกิดอาการมึนเมา ใบหน้าแดงๆยิ้มตอบให้ดารินไปพร้อมกัน
“ไม่”คาน่อนบอกเสียงแข็งแล้วเทน้ำในถ้วยนั้นทิ้งไปหมด
“เฮ้! ของดีจะตาย ไม่เอาก็ไม่เห็นต้องทิ้งเลยนี่”ไซโซพูดพลางหันไปถามอีกคน
“นายล่ะ ดาริน...?”
“ไม่เอาล่ะ ของพรรค์นั้น มีแต่นายเท่านั้นแหละที่ชอบ”ดารินว่า
“อะไรกัน ใครๆเขาก็ชอบ”ไซโซบอกพลางรินใส่ถ้วยของตนเอง
“3 จันทรา มารวมกันแบบนี้...”ไซโซพูดพลางสอดส่ายสายตาไปหาอีกสองคนที่เหลือ
“ไม่คิดจะหาอะไรสนุกๆทำบ้างหรือไง”ไซโซกล่าวต่อก่อนที่ทั้ง 3 จะมองหน้ากันอย่างรู้ใจ
“แต่ก่อนหน้านั้น ฉันขอไปทำงานของตัวเองให้เสร็จก่อนนะ”คาน่อนบอกพลางกรีดแขนตัวเองจนเลือดสีเทาไหลลงสู่พื้น
“ด้วยเลือดสีเทาพวกนี้ ฉันสาบานต่อมันไว้ว่าฉันต้องฆ่าคนที่แย่งทุกอย่างของฉันไปให้ได้”
“งั้นหรือ แล้วต้องการพรรคพวกด้วยรึเปล่าล่ะ”ดารินถาม คาน่อนเพียงแค่หันมายักคิ้วเพียงครั้งเดียวก่อนจะเดินออกมาจากแห่งนั้นโดยมาอีกสองคนประกบข้าง
ใต้ต้นไม้ในปราสาทกราเวลด้า อาเรสพยุงร่างตัวเองเอาไว้ก่อนจะเดินกลับไปยังห้องพัก มือกำแน่น ริมฝีปากกัดกันเอาไว้เมื่อเจ้าตัวกำลังครุ่นคิดเรื่องอะไรบางอย่าง
“ข้าน่ะเหนือกว่าพระเจ้า และเหนือกว่าคนทั้งปวง”คำพูดที่หญิงสาวเอ่ยก่อนจะจากมาดังก้องในหัวพร้อมๆกับเรื่องที่เขาได้เห็น ปาดาสเป็นอีกคนที่เขาต้องตามหา
“เรช”อาเรสพึมพำ แล้วชายหนุ่มในชุดขาวก็ปรากฏกายข้างๆเจ้านายของมัน
“ครับ”
“นายรู้รึเปล่าว่าฉันเป็นใคร”อาเรสถามแบบนิ่งๆ
“ก็ท่านอาเรสยังไงล่ะครับ”เรชตอบ
“ไม่ใช่ อาเรสไม่ใช่ฉัน งานสุดท้ายที่ฉันจะให้นายทำและนี้จะเป็นงานที่นายคงจะลำบากสักหน่อย”อาเรสว่าก่อนจะพูดต่อ “ตามหาอาเรสตัวจริงซะ แล้วจงเป็นภูตให้กับคนที่นายค้นเจอ” อาเรสว่าพลางเดินจากไป เรชมองตามหลังเจ้านายคนเก่าไปเงียบๆ จะว่าไปคำสั่งสุดท้ายที่เขาได้รับมาก็คือให้ตามหาคนที่ชื่ออาเรสเท่านั้น แต่ไม่ได้กำกับอะไรเอาไว้ให้อีกเลย
“ลาก่อน นายข้า”เรชกล่าวก่อนที่ร่างกายจะเลือนหายไป
“เดลคิล นายรู้ความจริงใช่ไหม”เสียงชายคนหนึ่งที่มายืนดักรอด้านหน้าของเดลคิลพูดขึ้น
“คาน่อน”เดลคิลพึมพำก่อนจะมองไปข้างๆตัวของคาน่อนที่มีชายสองคนยืนอยู่
“ว่าไง นายรู้ความจริงใช่ไหม”เดลคิลไม่เห็นหนทางที่จะปฏิเสธได้จึงพยักหน้ารับ
“แล้วนายจะทำยังไงต่อ”คาน่อนถาม
“ลองถามสายลมที่พัดรอบตัวเจ้าดูสิ พวกมันตอบว่าอย่างไร”เดลคิลว่าแล้วเดินหนี คาน่อนยืนอยู่สักพักก่อนจะส่ายหน้าอย่างระอาใจ
“กลับกันเถอะ”คาน่อนบอก
“อ้าว แล้ว...”
“ไม่ต้องห่วงหรอก โชคชะตากำลังดำเนินต่อไปตามกฏเกณฑ์ของมันแล้ว”คาน่อนพูดก่อนจะเร่นกายแฝงไปในความสว่าง ที่ลึกลับ...
ช่วยข้าที... ได้โปรด... เจ็บ... ทรมาร... แสงสว่างที่โหยหา ช่วยทีนะ ช่วยข้าด้วย แล้วข้าจะตอบแทนทุกอย่างแก่เจ้า
ตึง! ตึง! โครม! เสียงเหมือนคนที่กำลังทำลายกำแพงอะไรสักอย่างและก็ทำสำเร็จเสียด้วย อาเรสวิ่งเข้าไปด้านในที่โปร่งแสงจากด้านนอกส่องให้เห็นหญิงสาวที่อยู่ภายใน แม้จะดูอ่อนแรง แต่เขาก็จำได้อย่างแน่ชัด คนๆนี้คือหญิงสาวคนเดียวกับที่เขาเจอในฝัน
“รอก่อนนะ”อาเรสบอกแล้วอุ้มหญิงสาวออกมา เธอยื่นอะไรบางอย่างให้กับอาเรสก่อนที่แขนเล็กๆนั้นจะตกลงสู่ข้างลำตัว อาเรสรีบวิ่งกลับไปยังห้อง และใช้เวลาไม่นานในกาถ่ายพลังของตนเพื่อช่วยหญิงสาวที่จะเป็นคำตอบสุดท้ายที่เหลืออยู่ในโลกนี้
“อาเรส”โอเทสกับชานัทรีบวิ่งเข้ามาหา ด้านหลังตามมาด้วยเดลคิลและเซน กษัตริย์กราเวลด้าเองก็มาด้วย
“กำแพงของปราสาทถูกทำ... ลาย”ปลายเสียงของโอเทสแผ่วลงเมื่อเห็นร่างของหญิงสาว
“เธอ... ทำลายกำแพงนั้น”กษัตริย์กราเวลด้าที่เห็นเช่นนั้นกล่าวขึ้น ก่อนจะเดินไปข้างเตียง
“เธอคนนี้คือผู้ที่คุมชะตาทุกอย่าง และกุมความลับของพวกเจ้าเอาไว้”
“ความลับนั้นคือ...”กษัตริย์กราเวลด้าทำท่าจะพูดต่อแต่ถูกแทรกด้วยเสียงของอาเรส
“พวกข้าเป็นตัวแทนของสายเลือดเทพและปีศาจ อมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในป่าลึก ทั้งข้า เจ้า โอเทส ชานัท และเซเรีย”อาเรสชิงพูดขึ้นก่อน
“ใช่แล้วล่ะ”เสียงแผ่วๆของหญิงสาวที่ลืมตาขึ้นบอก
“ต่างหูนั้น... ของข้า”นางกล่าวแล้วหันไปทางเซน
“ถอดออกเถอะ”กษัตริย์กราเวลด้าบอก ก่อนจะรับต่างหูจากเซเรียส่งไปให้แก่หญิงสาวบนเตียง
“ข้ารู้ พวกเจ้าคงจะลำบากใจ แต่ว่าข้าและเพื่อนๆได้ทำเรื่องลาออกจากโรงเรียนแห่งกษัตริย์ไว้ให้แก่พวกเจ้าแล้ว สายเลือดของอมนุษย์จะเรียนพร้อมกับมนุษย์ได้เช่นไร”กษัตริย์กราเวลด้าบอก ทุกคนต่างซึมเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
“เมื่อไรที่พวกเจ้าพร้อม ข้าจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง”กษัตริย์กราเวลด้าบอกก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
“เรียกภูตออกมาเถอะ”เซเรียว่าพลางเรียกรีชออกมา
“แล้วเรชล่ะ”โอเทสถาม
“ข้าปล่อยมันไปแล้ว ให้มันได้พบกับเจ้านายที่แท้จริง”อาเรสว่าแล้วทำหน้าเศร้า
“พวกเราโดนหลอกมาตั้งแต่ต้น ในทุกๆเรื่อง มิติมายาภาพช่างสร้างได้สมบูรณ์แบบยิ่ง”เดลคิลบอก
“ลาก่อนภูตทั้งหลาย จงตามหานายที่แท้จริงของพวกเจ้าให้เจอนะ”เซเรียว่า ก่อนที่แสงสีดำจะลอยออกไปทางหน้าต่างตามด้วยแสงอื่นๆอีก 3 สี
“เอาล่ะ น่าจะลุกได้แล้วนะครับ”โอเทสหันไปบอกกับหญิงสาว
“ขอบคุณนะ”หญิงสาวว่าก่อนจะยันตัวพิงหัวเตียง
“ที่จริง... พวกนายคืออมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในป่าลึก สำหรับเจ้า... อาเรส ข้าได้เผยอดีตของเจ้าให้รู้แล้ว และหวังว่าเจ้าคงยังจำได้ คำพูดสุดท้ายที่ข้ากล่าวเอาไว้”หญิงสาวบอก “ข้าเหนือกว่าพระเจ้าและเหนือกว่าคนทั้งปวง”
“เอาล่ะ แล้วข้าจะมาหาพวกเจ้าใหม่ ปล่อยทุกอย่างให้เป็นตามโชคชะตาซะ ถ้าไม่เช่นนั้นโลกนี้จะถึงกาลวิบัติจริงๆ สายเลือดปลอมแปลงเช่นพวกเจ้า ไม่สมควรมีชีวิตอยู่”หญิงสาวบอกก่อนที่ร่างนั้นจะจางหายไปต่อหน้าทุกคน
“ข้าไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะ ลาก่อนนะถ้าพวกเราเป็นเพื่อนกันจริงๆคงได้ไปเจอกันที่โลกหน้าหรือไม่ก็แถวๆแม่น้ำแห่งความตาย”เดลคิลบอกแล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้อง
“ไปเถอะพวกเรา โชคะตามันบังคับไม่ได้จริงๆด้วย”อาเรสบอกลาแล้วเดินตามเดลคิลออกไปอีกคน คนอื่นๆยิ้มให้กันแล้วกระจายไปตามทางของตน ไปเพื่อให้โชคชาตานั้นเป็นจริงขึ้นมา
“ปาดาส”อาเรสส่งเสียงเรียก ปาดาสหันหน้ามาก่อนจะยิ้มให้ อะไรกันคนที่เคยเป็นปีศาจ ในตอนนี้กลับดูใสซื่อบริสุทิ์ซะจริง อาเรสคิด ก่อนจะเรียกให้ไปที่นอกเมืองด้วยกัน
“นายรู้รึเปล่าว่านายคือใคร”อาเรสเริ่ม
“ฮะๆ ถามอะไร ข้าก็คือปาดาสไง”
“ไม่ใช้ เจ้าคือข้า ส่วนข้าคือเจ้า”
“ยังไง ข้าไม่เข้าใจ”ปาดาสส่ายหน้า
“เจ้าคือองค์ชายอาเรส ส่วนข้าคือปาดาส อมนุษย์ที่อยู่ในป่าลึก และตอนนี้ข้าควรจะคืนมันให้เจ้าได้แล้ว”ดาบยาวถูกส่งมาจากอีกฝ่าย
“เอาไปสิ ครั้งสุดท้ายมาสู้กับข้า ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าก็ต้องตาย”ปาดาสแลบลิ้นเหมือนล้อเล่นก่อนจะตวัดดาบเข้าใส่ แรงดันจนทำให้พื้นแถวนั้นทรุดลงไป อาเรสดันดาบขึ้นแล้วพักหายใจ
“ทำไม...”อาเรสครางก่อนจะเข้าใจว่าทำไมพลังของเขาถึงสู้พลังของอาเรสไม่ได้ ก็เพราะเขาไม่ใช่สายเลือดที่แท้จริงยังไงล่ะ เลือดสีแดงไหลซึมออกมาตามริมฝีปาก หน้าอกหายใจหอบเครือ ดาบเล่มยาวแทงทะลุท้อง รอยยิ้มนั้นที่ถูกปลดปล่อย อาเรสยิ้มเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะล้มลงไป เลือดไหลอาบทั่วผืนแผ่นดิน ปาดาสหอบแล้วถอยหลังออกมา
“ลาก่อนนะ ปาดาส”องค์ชายอาเรสองค์ใหม่บอกก่อนที่เสียงหนึ่งจะเรียกครั้งสนใจจากเขาไป
“กรี๊ซ”
“เจ้า...?”องค์ชายอาเรสชี้หน้าของเรชทันทีที่เห็น
“ข้าชื่อว่าเรช นับจากนี้ไป ข้าจะเป็นภูตประจำตัวของท่าน”เรชว่าแล้วหันไปมองร่างที่ไร้วิญญาณที่เคยเป็นเจ้านายของมัน ‘ข้าทำตามคำสั่งแล้วนะขอรับ’
“งั้นหรือ”องค์ชายอาเรสคราง แล้วเดินจากไป ทิ้งร่างของอีกฝ่ายเอาไว้ที่นั้น ตำนานที่เคยมีชีวิต บัดนี้ตำนานนั้นกำลังจะจบลงและตำนานใหม่จะเริ่มขึ้น ลาก่อน... ผู้พิทักษ์คนที่1 ขอให้เจ้าหลับให้สบาย สายเลือดที่แท้จริงนั้นได้รับช่วงต่อจากเจ้าแล้ว ลาก่อน... อาเรส ลาก่อน... ปาดาส ลาก่อน... อมนุษย์
ที่ลานโล่งกว้าง สายลมเอื้อย่างจากบรรยากาศที่กำลังกดดันอยู่นั้น เดลคิลยืนมองท้องฟ้าเป็นครั้งสุดท้าย คาน่อนนั้นก็กุมดาบไว้แน่น รอยยิ้มจากเดลคิลเผยออกมา
“ข้าน่ะ ไม่เคยได้ยิ้มเลย”เดลคิลพูด
“เพราะไหล่ของข้า มันแบกความหวังเอาไว้ ตั้งแต่จำความได้”
“ขอบใจนะคาน่อน และจำเอาไว้... การเป็นกษัตริย์ที่ดีน่ะ จงมีชีวิตเพื่อคนอื่น อย่าได้มีชีวิตเพื่อตนเอง ขอให้เจ้าเป็นกษัตริย์ที่ดี”เดลิลพูดเรื่อยๆ แขนขวาขึ้นแนบอกตามแนวเฉียง โค้งตัวลงต่ำ
“ข้าหมดหน้าที่ของผู้พิทักษ์แล้ว ข้าคงต้องจากไปจากโลกนี้เสียที”เดลคิลว่าก่อนจะเดินไปใกล้คาน่อน
“ดาบนั้น แทงข้าซะเถอะ นั้นเป็นดาบที่ข้าใช้มาแต่เด็ก มันเป็นดาบที่มีความทรงจำของข้ามากมายนัก ให้มันตายไปพร้อมๆกับข้า นี้จะเป็นคำขอเดียวของข้า องครักษ์ของท่าน”เดลคิลบอก
“ถึงเจ้าไม่บอกข้าก็จะทำ เจ้าแย่งทุกอย่างไปจากข้า”คาน่อนพูดเสียงสั่นยกดาบขึ้นแล้วแทงไปที่อกของเดลคิลจนมิด
“ขอบใจนะ องครักษ์ของข้า ลาก่อน”รอยยิ้มที่ซีดเผือก เผยขึ้น ขอให้ท่านดูแลประเทศให้ดีที่สุด และก็... ลาก่อนองค์ชายเดลคิล จากนี้ไปคนที่ชื่อคาน่อนจะจางหายไป เหลือเพียงองค์ชายเดลคิลคนใหม่เท่านั้น ผู้พิทักษ์คนที่ 2 ลาก่อนนะ จงมีความสุขตลอดไป ต่อหน้าผู้คนนั้น หมื่นนับแสนคน ขอให้เจ้าโชคดี
โอเทส ท่านคือตัวแทนของข้า ไซโซ ในตอนนี้ข้าได้กลับมาแล้ว ถึงเวลาท่านจะได้พักผ่อนแล้วล่ะ ยอมรับต่อโชคชะตาซะเถอะ
“ลาก่อนนะ ไซโซ”ดาบเดียวที่ทะลุถึงหัวใจดับชีวิตของคนๆหนึ่ง รอยยิ้มยังคงอยู่บนใบหน้าเหมือนสมัยที่ยังมีลมหายใจ ลาก่อนนะ ผู้พิทักษ์คนที่ 3 บุรุษและสตรี ขอท่านจงมีความสุข อย่ากลัวไปเลย เพราะเพื่อนๆของท่านก็จะคอยท่านอยู่ที่โลกหน้า จงไปด้วยความรู้สึกที่ดี ท่านคือผู้เสียสละ ลาก่อนนะ... ไซโซ จากนี้ไปจะมีเพียงองค์ชายโอเทสคนใหม่ ลาก่อน...
เอาล่ะ หมดเวลาของชีวิตแล้ว ดวงไฟนั้นได้ดับไปแล้วล่ะ ชานัท ไมต้องกลัวนะ ทุกคนไปรอเจ้าแล้วล่ะ ดาบของเจ้า มันจะตามเจ้าไปทุกที่ จะจากไปอย่างสงบสุขเถอะนะชานัท ไม่ต้องห่วงหรอก องค์ชายที่แท้จริงได้กลับมาแล้ว ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ผู้พิทักษ์คนที่ 4
“ขอบคุณเจ้ามากนะ ชานัท”องค์ชายชานัทองค์ใหม่พูด ชื่อที่แท้จริงของชานัทคือดาริน อมนุษย์ในป่าลึกเช่นกัน หมดแล้วล่ะ ผู้พิทักษ์ทั้งหมดต้องสูญหาย เพื่อที่องค์กษัตริย์ทั้งหมดจะได้ยิ่งใหญ่เหนือยิ่งๆขึ้นไป
เซเรีย หมดหน้าที่ของเจ้าแล้วนะ กลับมาได้แล้ว การเฝ้าดูของเจ้าไม่จำเป็นอีกแล้ว ผู้พิทักษ์ทั้งหมดได้สูญหายไปแล้ว สรวงสวรรค์ยังคงรอเจ้าอยู่ องค์หญิงเซเรีย ท่านพ่อของท่านรออยู่ กลับขึ้นมายังสวรรค์เถิด
“แต่ความลับนั้น...”เซเรียตั้งท่าจะแย้งเสียงจากเบื้องบน
ไม่จำเป็นหรอก ในเมื่อทุกอย่างได้จบแล้ว ทุกอย่างก็ไม่จำเป็น จงปล่อยความลับไว้แบบนั้นล่ะ ให้เรื่องราวมันดำเนินต่อไปตามโชคชะตา ถือซะว่าเจ้าไม่ได้ทำให้เกิดขึ้น ทุกอย่างเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น เอาล่ะ กลับมาได้แล้ว
ร่างของเซเรียค่อยๆกลายเป็นผง ลอยขึ้นไปยังเบื้องบน ชื่อที่จริงของนางคือ องค์หญิงเซเรีย องค์หญิงบนสรวงสวรรค์ ผู้ที่ทำให้เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้น มีแค่เธอเท่านั้น ที่ไม่ใช่ผู้พิทักษ์ ความลับทุกอย่าง จงให้มันเป็นความลับต่อไป ให้โลกดำเนินต่อไป ให้มันจงสูญสลายไปตามกาลเวลา หมดเวลาของพวกเจ้าแล้ว ผู้พิทักษ์เอย... ลาก่อน เรื่องราวที่ดำเนินมาทั้งหมด ขอให้มันจบเพียงเท่านี้ เริ่มต้นชีวิตใหม่ เริ่มกับความจริงที่ถูกเปิดเผยทั้งหมด ลาก่อนเซเรีย ลาก่อนโอเทส ลาก่อนชานัท ลาก่อนอาเรส ลาก่อนเดลคิล ลาก่อน... ทุกคน...
จบบริบูรณ์
ความคิดเห็น