ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เซเรีย เจ้าหญิงแห่งรัตติกาล

    ลำดับตอนที่ #16 : กงล้อแห่งโชคชะตา

    • อัปเดตล่าสุด 23 ม.ค. 53


    ตอน13

    กงล้อแห่งโชคชะตา              

              เดลคิลหลับตาลงอย่างเหนื่อยใจ  ความเย็นชาของเขาถูกหลอมละลายไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ตั้งแต่เมื่อไรที่เขาเริ่มยิ้ม ตั้งแต่เมื่อไรที่เขาเริ่มหัวเราะ ตั้งแต่เมื่อไรที่เขาเริ่มจะคิดถึงพวกพ้อง  ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ...

    ไง เดลคิล  ออกแรงมากเกินไปรึเปล่าอาเรสเดินมาตบไหล่เบาๆ

    ก๊อกๆ  เสียงเคาะประตูดังขึ้น เซนที่อยู่ใกล้มาที่สุดเดินไปเปิด

    เซนใช่ไหมชายคนหนึ่งที่อยู่ในชุดสีดำ เขาเอ่ยถามเซนด้วยความเย็นชา

    อืมเซนพยักหน้ารับก่อนจะอ้าประตูให้กว้างเพื่อให้แขกที่ยืนรอเข้ามาด้านใน

    ใครเหรอเซนโอเทสถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

    ฉันมีเรื่องจะคุยกับพวกนายเขาพูด

    เรื่องอะไรอาเรสถามบ้าง

    สายเลือดของเทพและปีศาจ   เลือดที่หมุนเวียนอยู่ในร่างกายของพวกนายนั้นแหละชายลึกลับบอก

    นายชื่ออะไรเซนเค้นฟันถาม

    ไปเจอกันที่นอกเมือง ที่นั้นจะสะดวกกว่าชายหนุ่มลึกลับว่าแล้วเดินออกจากห้องไปเอง

    เรื่องมันชักจะแปลกขึ้นทุกๆทีแล้วนะชานัทบอกแล้วเอาเสื้อตัวโปรดของตนเองมาสวม

    ไปกันเลยเถอะเซนตัดสินใจก่อนจะคว้าเอาเสื้อสีดำมาใส่แล้ววิ่งออกไปนอกห้อง

    ตามไปด้วยแล้วกันเซนตะโกนเข้ามาบอกก่อนจะออกวิ่งไปยังนอกเมือง

     

                    ภายนอกเมืองเป็นทุ่งหญ้าโล่งๆที่มองไปได้ไกลหลายสิบเมตร   ชายลึกลับยืนรออยู่ตรงกลางของบริเวณนั้น   เซนเดินไปหยุดตรงหน้าก่อนจะถาม

    นายเป็นใครกันแน่

    คาน่อน  ไอซ์เดย์เขาตอบ

    นายรู้เรื่องพวกเราได้ยังไงเซนก้มหน้าถาม

    พวกนายคือสายเลือดเทพและปีศาจ  และฉันเอง ก็คือมนุษย์ที่มีสายเลือดเทพและปีศาจด้วย แต่ฉันคือปีศาจที่หมายถึงการทำลายล้าง  ผิดกับพวกนาย ปีศาจแห่งการกำจัดความชั่ว พวกเรา... เป็นศัตรูกันคาน่อนบอก

    แล้ว... ทำไม

    นาย ไม่สิ  เธอถึงยังอยู่เฉยได้ ทั้งๆที่ท้ายที่สุด โชคชะตาต้องบังคับให้พวกเธอฆ่าฉันคาน่อนว่า

    รู้อะไรรึเปล่า พวกฉันไม่อยากฆ่าใครถ้าไม่จะเป็นเสียงชานัทดังขึ้น

    โชคชะตานั้นเหรอ... พวกเราอยู่เหนือพวกมันมาตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะนายหรือพวกเราโอเทสบอกก่อนจะเดินเข้ามาสมทบ

    บางครั้ง  พวกฉันก็ต้องฝืนโชคชะตาเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการอาเรสเดินเข้ามาสมทบอีกคนหนึ่ง

    แล้วพวกนายจะได้รู้ ไม่ว่าใครหน้าไหน  เทพหรือซาตาน ขาวหรือดำ ก็ไม่มีใครฝืนโชคชะตาได้หรอกคาน่อนกล่าวแล้วหันหลังเริ่มเดินออกไป

    อีกไม่นานหรอก  พวกเราต้องได้เจอกันอีกแน่ แต่เป็นในฐานะศัตรูของกันและกันนะเขาหันมาบอกก่อนจะกลับตัวเดินจากไป

    ตกลงแล้ว พวกเราจะฝืนโชคชะตาไม่ได้จริงๆงั้นหรือเซนว่าก่อนจะล้มตัวลงไปนอนบนพื้นหญ้า

    ไม่หรอก ถ้าพวกเราช่วยกัน ไม่ว่ายังไงพวกเราก็จะต้องสู้กับโชคชะตาได้เดลคิลบอก

    ความมืดมนที่ไร้หนทางแห่งความสว่าง  มองไปทางใดก็เจอแต่ความตาย  พวกเราจะทำใจยอมรับมันได้ง่ายๆแบบนั้นเหรอเซนถามพลางหลับตาลงแล้วถอนหายใจ

    ไม่หรอก  พวกเราจะไม่ฆ่าใครแน่ๆ  แม้มันจะเป็นโชคชะตา แต่พวกเราก็สัญญากันแล้วนี้ พวกเราจะ...  ฝืนชะตากันไม่ใช่หรือไงอาเรสว่าก่อนจะมองไปที่หน้าทุกๆคน

    สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ไม่มีอยู่ในโลกนี้หรอก เชื่อเถอะอาเรสยิ้ม ยิ้มให้แก่ความมืดมนที่กำลังคลืบคลานเข้ามาหาพวกเขาเรื่อยๆ   ความตายกำลังเริ่มคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย   ปีศาจแห่งความืดกับปีศาจแห่งแสงสว่าง  หนทางที่พวกเขาต้องเลือก  มีไม่มากเท่าที่เห็นหรอกนะ เมื่อถึงเวลานั้น ใครล่ะที่จะยอมแพ้ก่อน  ยอมแพ้ต่อชะตาที่ไม่อาจพลิกผันได้

     

                    วันที่ 10 ที่พวกเขากลับมายังโลกมนุษย์  ดูเหมือนจะเป็น 10วันที่สงบที่สุดเท่าที่พวกเขาเพิ่งได้พบหลังจากเข้ามาอยู่ในโรงเรียนแห่งกษัตริย์แห่งนี้   เรื่องราวต่างๆเหมือนพึ่งเกิดไปเมื่อวาน ไหนจะคาน่อน ไหนจะปาดาส  ไหนจะอามีนน์  และอีกหลายๆคนที่ทำให้พวกเขาต้องปวดหัวไปตามๆกัน  หลังจากที่พวกเขจานั่งว่างๆ ทั้งหมดก็มานั่งไล่เรื่องราวที่เกิดและพวกเขาจะเป็นต้องแก้ไข

    คาน่อนคงเป็นหมากตัวสุดท้ายที่ปีศาจส่งมาให้แก่พวกเราโอเทสบอก

    ไม่หรอก  เทพต่างหากที่ส่งมา  ปีศาจน่ะ ไม่มีทางส่งคนดีแบบนั้นมาแน่ๆเซนบอก

    นายรู้ได้ยังไงชานัทถาม เซนยิ้มแล้วชี้ไปที่ดวงตาตนเอง

    แววตาไงล่ะเซนยิ้มเยาะก่อนจะหยิบมีดสั้นของตนขึ้นมาเล่น

    นานเท่าไรแล้วนะ ที่มีดนี้ไม่เคยถูกฉันใช้เลยเซนพูดกับตัวเองก่อนจะดึงมันออกจากปลอก

    แต่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่เดือน กี่ปี มีดเล่นนี้ก็ไม่เคยเก่าเลยสักนิด   มันยังคงคมอยู่อย่างนั้น  เหมือนกับจิตใจของฉันที่มันเตรียมพร้อมที่จะต้องเสียสละตัวเองเมื่อถึงเวลายังไงล่ะเซนพูดให้เป็นปริศนาเพื่อให้เพื่อนๆถามต่อ

    นายหมายความว่ายังไงกันแน่โอเทสชะโงกหน้ามาถาม

    พวกเรา... คือหมากตัวสุดท้ายที่จำเป็นต้องกำจัดออกจากกระดานอาเรสกล่าวเสริม

    ตกลงมันเป็นยังไงกันแน่  พวกเราคือใครกันแน่ชานัทเริ่มโวยวาย

    อีกไม่นาน เรื่องราวจะกระจ่าง  ตอนนี้นายก็ทำตัวให้เหมือนเดินไปก่อนแล้วกันเซนบอกแล้วหันไปมองเดลคิลที่กำลังสำรวจกล่องที่อามีนน์ให้มาก่อนจากกัน

    ถึงเวลาที่เราจะต้องเปิดกล่องนั้นแล้วล่ะเดลคิลบอกก่อนจะลงมารวมกลุ่มกับทุกคน กล่องนั้นถูกโยนลงมาให้เซนรับ

    กล่องนี้  คือสิ่งที่กุมโชคชะตาพวกเราเอาไว้ สิ่งที่สุดท้ายพวกเราจะต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้เซนบอกแล้วอ้ากล่องนั้นออกอย่างง่ายดาย

    ทำไมถึงเปิดง่ายจัง  เมื่อตอนนั้นยังเปิดไม่ได้อยู่เลยชานัทถามอย่างสงสัย

    เพราะมันถึงเวลาที่ความลับทั้งหมดจะถูกเปิดเผยน่ะสิเซนยิ้มแล้วหยิบกระดาษออกมา

    ของนายชานัทเซนบอกก่อนจะส่งกระดาษแผ่นนั้นให้แก่ชานัท

    อันนี้ของนายโอเทสเซนยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้แก่โอเทส

    ส่วนแผ่นนี้ของพวกเราสามคน หมากตัวที่สำคัญและต้องสละตัวเองในตอนสุดท้าย  คิงไงล่ะเซนกล่าวพลางเหลือบตามองกระดาษในมือ

    ไม่จริงเซนหันไปมองโอเทสที่หน้าซีดเผือกแล้วทิ้งกระดาษลงสู่พื้น ชานัทเองก็ไม่ต่างกันเท่าไรนัก 

    พวกนายอยากอ่านบ้างรึเปล่าเซนหันมาถาม

    อ่านแล้วได้อะไร  ความจริงงั้นเหรอ  ไม่ใช่แน่นอน  เพราะความจริงทั้งหมด พวกเราเองก็รู้อยู่แก่ใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นมาอยู่แล้วอาเรสก้มหน้านิ่งแล้วหัวเราะเบาๆออกมา

    หึหึ   บางครั้ง  โชคชะตามันก็ไม่ได้เลวร้ายไปซะหมดหรอกนะเขาว่าพลางลุกขึ้นไปช่วยพยุงโอเทสกกับชานัทไปนั่งบนเก้าอี้

    ไง  ถอนตัวตอนนี้ยังทันนะ  ความจริงของชีวิตเราก็อยู่ในกระดาษที่พวกนายอ่านนั้นแหละเดลคิลบอก

    ไม่ว่ายังไง... ไม่ว่ายังไงน่ะนะ  ฉันก็จะไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตาที่ถูกกำหนดมาแบบนี้เด็ดขาดโอเทสก้มหน้าตะโกน  หยดน้ำเล็กๆตกลงสู่พื้นห้อง  เสียงที่สะท้อนเข้าไปยังจิตใจของผู้ที่ได้ฟัง  เสียงตะโกนที่คล้ายจะร้องหาความยุติธรรมในความไม่อยุติธรรม มันก็เหมือนกับการเรียกหาแสงสว่างในความมืดที่ไร้ทางออกยังไงล่ะ

    นายล่ะชานัทอาเรสหันไปถาม

    ถึงสุดท้าย เรื่องจะไม่จบแบบมีความสุขเท่าไร แต่การที่ฉันได้เจอกับพวกนาย มันก็เป็นความสุขที่หาอะไรเทียบไม่ได้แล้วล่ะ  แล้วแบบนี้ฉันจะยอมทิ้งความสุข แม้อีกน้อยนิดไปจมอยู่กับความทุกข์ตลอดกาลงั้นเหรอ ไม่มีทางซะล่ะชานัทบอกก่อนจะฉีกกระดาษออกเป็นชิ้นๆ

    ไม่ว่าเรื่องจะดำเนินไปยังไง  เมื่อถึงเวลาเสียสละ  ฉันเองก็พร้อมเสมออาเรสบอกก่อนจะมองหน้าเดลคิลและเซน  คำตอบที่ได้คือการพยักหน้า  แววตาที่ไม่ต้องเอ่ยคำใด  ความคิดก็ถูกสื่อออกไปจนหมดสิ้น

    แควก!กระดาษในมืออาเรสถูกฉีกจนนับไม่ถ้วน  แม้จะยังไม่มีใครอ่าน แต่ก็คงไม่มีใครอยากอ่านนักหรอก ถ้าเรื่องที่จะดำเนินต่อไปต้องถึงจุดสิ้นสุด

    พวกเราต้องหากุญแจทั้งสองดอกนั้น เพื่อทำลายมันซะเซนพูด ตอนนี้เขากลายเป็นผู้นำกลุ่มไปเสียแล้ว  ผู้นำที่พร้อมจะพาทุกคนไปสู่ความเป็นจริงในโลกที่โหดร้ายยิ่งนัก

    อาทิตย์หน้าพวกเราจะขึ้นปี 2  แล้ว แต่ว่าพวกเราคงจะอยู่ได้ไม่ถึงตอนนั้นโอเทสพูดเศร้าๆ

    ช่างมันเถอะหน่า  ยังไงพวกเราก็ร่วมหัวจมท้ายกันมายันตอนนี้แล้ว  จะจบแบบเลวร้ายหน่อยก็คงไม่เสียหายนักหรอก จริงไหมชานัทที่ดูจะปรับอารมณ์ได้เร็วกว่าทุกคนยิ้มเป็นกำลังใจแล้วลุกขึ้น

    เหลือเวลาไม่นาน พวกเราไปเที่ยวกันให้สบายใจเถอะนะชานัทว่า

    แล้วจะไปเที่ยวไหนดีล่ะเซนพูดบ้างแล้วลุกขึ้นมายืน

    ไปในเมืองเหอะ อยากไปดูของในเมืองใจจะขาดแล้วโอเทสบอกก่อนจะลุกขึ้น

    ไปเถอะเดลคิล อาเรสชานัทเรียก  ทั้งสองคนหันมองหน้ากันแล้วยิ้มจางๆ  แม้เรื่องจะถึงจุดจบ  แต่ทั้งหมดก็ยังไม่มีใครเสียใจ  ดีจังเลยนะทุกคน...

     

              รานอฟกับเพื่อนๆที่นั่งอยู่ในห้อง ต่างคนต่างทำธุระของตน   แต่จู่ๆฟาเรลก็ตะโกนขึ้นมา ทำเอาเพื่อนๆที่เหลือสะดุ้งตกใจไปตามๆกัน

    อะไรวะลานีคูสหันไปถาม

    เกิดเรื่องใหญ่แล้วฟาเรลบอกแล้วถลาตัวลงมานั่งจับกลุ่มที่พื้น

    เราลืมเรื่องอะไรไปรึเปล่าตอนถ่ายพลังให้กับพวกนั้นน่ะฟาเรลว่า

    เรื่องอะไรล่ะลานีคูสถาม

    ราชาปีศาจ ถึงตอนนี้พวกเรายังไม่เคยเห็นเลยสักครั้งฟาเรลบอก

    ทำไมล่ะไซครอสที่นั่งต่อไพ่อยู่ทักขึ้นมา

    ราชาปีศาจอยู่ที่ไหน แล้วทำไมพวกนั้นถึงไปโลกปีศาจแล้วกลับมาทั้งๆที่ไม่เป็นอะไรเลย ถ้าไม่ใช่ว่าพวกนั้นคือราชาปีศาจซะเองฟาเรลพูด

    แล้วพวกเราดันไปถ่ายพลังใส่เจ้าพวกนั้นเลฟินพูดต่อ

    บรรลัยแล้วไงไซครอสตบหน้าผากตัวเอง

    แบบนี้เรื่องจบไม่สวยแน่รานอฟบอกพลางเดินวนรอบห้อง

    แกรู้ได้ไงลานีคูสหันไปถามฟาเรล

    ก็ลองคิดดู ตั้งแต่ที่เรื่องเกิดมาสิ  ทุกอย่างมันลงตัวไปหมด  ตั้งแต่ไอ้คำทำนายบ้าๆนั้นแล้ว  มันจะเป็นไปได้ยังไง  ในเมื่อตอนคราวของพวกเรา  คำทำนายพวกนั้นยังไม่เคยมีสักหน่อยฟาเรลพูด

    เอาไงต่อดีล่ะไซครอสถาม

    ปล่อยให้มันดำเนินต่อไปอย่างสิ่งที่มันควรเป็นเถอะ  ให้ปริศนายังคงเป็นปริศนาสำหรับพวกเราต่อไป  พวกเราน่ะ... ไม่ใช่สายเลือดเทพอีกต่อไปแล้วนะ  ตอนนี้เราคือมนุษย์ธรรมดาๆ  ที่จะเตรียมเข้าปี 6 และออกไปปกครองประชาชน  เรื่องพวกนั้นน่ะ ปล่อยให้สายเลือดเทพเขาจัดการกันเองเถอะลานีคูสตัดบทแล้วลุกขึ้น

    ไปเครียดแล้วช่วยอะไรได้ล่ะ จริงไหมลานีคูสยิ้มอีกครั้ง  เพื่อนๆที่เหลือเอาแต่ทำหน้าตะลึงเนื่องจากพึ่งเคยเห็นลานีคูสยิ้มเป็นครั้งแรก

    เอา! จะตะลึงทำไมล่ะลานีคูสตะคอกจนเพื่อนๆต้องหลบหน้าทันที  น่ากลัวเป็นบ้าเลยเพื่อนๆที่เหลือคิดพร้อมกัน

     

                    ณ ตลาดภายในเมือง

                    เซนเดินเที่ยวไปเรื่อยเปื่อย  แวะดูมีดร้านโน่นร้านนี้ไปตลอดรายทาง   เดลคิลก็แวะไปดูถุงมือหนังที่นานๆจะมีขายสักร้านหนึ่ง                  

    โอ๊ย/เฮ้ยเซนที่ดูของตลอดทางจนทำให้ไม่ทันมองทางชนเข้ากับใครคนหนึ่ง

    เจ้าหญิงผู้ที่เดินมาชนเซนพึมพำขึ้นมา เซนเงยหน้าไปมองแล้วต้องอุทานแผ่วเบา

    ปาดาสเดลคิลที่บังเอิญได้ยินเข้าก็เงยหน้าไปมองอีกฝ่ายทันที

    นายทำไมถึง... มาที่นี้หลังจากที่ลุกขึ้นจากพื้นได้แล้วเซนก็หันมาถามปาดาส

    ไปนั่งที่ร้านอาหารตรงนั้นดีกว่าปาดาสว่แล้วเดินนำไปนั่งในร้าน

    ผมจะเริ่มเล่าตั้งแต่ที่เจ้าหญิงหนีออกมา

    เซน เรียกฉันว่าเซนเซนแย้งขึ้น

    ครับ  หลังจากที่เซนหนีออกมา  ลาบอนกับกีเอลก็มาหาข้าพอดี   ข้าถูกซักอยู่ไม่นานก็โดนจับได้ว่าท่านทำให้ข้ากลับเป็นมนุษย์เหมือนเดิม  พวกมันจะจับข้าไปขัง  แต่ข้าที่อยู่กับพวกมันมานาน นานพอจะรู้จุดอ่อนจุดใหญ่ของพวกมัน  ข้าฆ่าพวกมันแล้วใช้วงแหวนแห่งเวทย์หนีมายังโลกมนุษย์  ตอนนี้พวกข้าถึงคราล่มสลายแล้ว  แต่ความมืดที่แท้จริงก็ยังไม่ปรากฏออกมา   เจ้านายของความมืด  มันจะส่งความเลวร้ายตามมาอีกเรื่อยๆจนกว่ามันจะได้ครองทั้งสองโลก  เมื่อเทียบกับแล้ว ปีศาจอย่างพวกข้าก็เป็นเพียงเบี้ยคอยรับใช้คิงเท่านั้นเอง   และผู้ที่จะฆ่าคิงได้  ก็มีเพียงแค่พวกท่าน ผู้ซึ่งมีทั้งสายเลือดเทพและปีศาจ  อีกอย่างนะครับ  กองทัพที่ข้าเคยบอกท่านเซนไป ถึงพวกข้าจะล่มสลาย  แต่กองทัพพวกนั้นยังคงอยู่  จะมีผู้ดูแลกองทัพพวกนั้นต่อไป  ท่านคงต้องระวังตัวให้มากยิ่งขึ้นปาดาสกล่าวเป็นเวลาเดียวกับที่อาหารที่ส่งให้มาถึงพอดี

    แล้วพวกปีศาจรู้เรื่องกุญแจทั้งสองดอกรึเปล่าโอเทสถาม

    หมายถึงกุญแจแห่งการทำลายกับกุญแจแห่งการสร้างงั้นหรือครับ  เรื่องนั้นปีศาจทุกตัวรู้หมดแล้วล่ะครับ  แม้แต่ปีศาจชั้นนหางแถวอย่างพวกข้ายังรู้เลยปาดาสตอบ

    งั้นหรืออาเรสพึมพำรับคำ

    นายรู้จักคาน่อน ไอซ์เดย์ รึเปล่าชานัทถาม

    ไม่ครับ  ยังไงซะ ผมก็ขอตัวก่อน  ถ้ามีเรื่องอะไรก็ไปหาผมได้ ผมอาศัยอยู่ถัดจากร้านนี้ไปสองซอย ลาก่อนนะครับปาดาสว่าแล้วลุกขึ้น

    ป้าเก็บเงินด้วยครับปาดาสบอกแล้วว่าเงินลงบนโต๊ะ ก่อนจะหันคราวนี้ให้ผมเลี้ยงนะครับพูดจบแล้วเดินออกจากร้านไป

       

                    คาน่อน  ไอซ์เดย์ ผู้ที่เรียกได้ว่าเป็นปีศาจ  เขามองไปรอบๆตัวเขา สถานที่ๆเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย เขาเห็นจนชินตา  และอีกไม่นานเขาก็คงต้องกลายเป็นหนึ่งในศพหลายศพนี้ โชคชะตาที่พระเจ้าเป็นผู้กำหนด  เขาเคยคิดจะสู้  เขาไม่อยากถูกฆ่าแต่ใครจะรู้ เขาสู้  สู้ทุกวิถีทางที่จะทำให้ตัวเองมีชีวิตอยู่โดยไม่มีใครตาย   แต่สุดท้ายที่เขาได้พบ คือความจริงที่ไม่มีใครหลีกหนีได้แม้แต่พระเจ้าผู้ที่ขีดเขียนโชคชะตาพวกนี้ขึ้นมา

    พวกนายจะฝืนชะตาพวกนี้ไปได้แค่ไหนกันเชียว   ไม่ใช่เพราะโชคชะตางั้นเหรอ ที่ทำให้เรื่องราวทั้งหมดดำเนินมาจนถึงจุดนี้ได้น่ะเขาเอ่ยอย่างจำนนต่อเรื่องราวทั้งหมด

    ความจริง มักจะทำให้พวกเราทั้งหมดต้องเจ็บปวด  หมากกระดานหนึ่งที่ถูกเดินโดยพระเจ้าและปีศาจ จะมีทางไหนบ้างที่หมากอย่างพวกเราจะไม่ถูกทำลายเขาพูดพลางเงยหน้ามองดูท้องฟ้ายามเย็น

    นี้มันครั้งที่เท่าไรแล้วนะ ที่ฉันมองพระอาทิตย์ตกอีกครั้งหนึ่ง  สีที่ชวนเศร้าใจแบบนี้ ฉันไม่อยากเห็นมันเลยจริงๆคาน่อนว่าแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน บางครั้งฉันก็อยากหลับแล้วไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลย  จะได้ไม่ต้องพบกับความจริงที่แสนโหดร้ายยังไงล่ะเขาคิด

     

                    ภายในห้องพักตึกมังกร  โอเทสเริ่มจะชินชากับวามเฉยๆของชานัทที่ต้งแต่เริ่มคบกัน ชานัทยังไม่เคยทำอะไรให้กับเขาเลย  ก็นะ... ตอนนี้เขาอยู่นร่างเด็กผู้ชายนี้หน่า  แต่ทันใดนั้นความคิดอันสุดแสนจะบ้าบอก็เกิดขึ้น โอเทสฉุดเซนไปยังระเบียงทันที

    เบาๆโอเทส  มีอะไรเนี่ยเซนเกือบจะสะดุดขอบระเบียงถ้าโอเทสไม่รั้งเอาไว้ซะก่อน

    ฉันมีเรื่องจะให้ช่วยหน่อยน่ะโอเทสว่าแล้วคุยแผนการบางอย่างให้เซนฟังโดยไม่ทันสังเกตว่ามีอีกคนที่ยืนฟังอยู่ที่ริมประตูระเบียงหลังจากที่คุยจบ  โอเทสกับเซนก็เดินกลับเข้ามาในห้องโดยผู้ที่ไปแอบฟังก็ได้แต่ยิ้มอยู่ในใจ

    เล่นแบบนี้ใช่ไหมโอเทส  ฉันจะทำให้แผนนายพังให้ดู แต่จะว่าไป โอเทสก็คู่เรานี้หว่า เราจะแกล้งทำไม  เอาหน่า! แกล้งนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอกโอเทสคิดได้ดังนั้นจึงเดินไปกระซิบแผนการในหัวให้อาเรสกับเดลคิลฟังและช่วยทำตามแผน

    เอ่อ... เซนมากับฉันหน่อยสิโอเทสเริ่มแผนแรก ก่อนที่เซนจะพยักหน้าไปตามบทแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปสองคน

    ...เวลาผ่านไปสักพักเซนออกมากับโอเทสในร่างเด็กผู้หญิงโดยใช้ชุดแบบเดียวกับที่เคยใส่ตอนที่ไปเมืองเฮลฟ์เวยาน่า  ชานัทแทบจะลืมแผนการทั้งหมดหลังจากเห็นชุดที่โอเทสใส่  เขารู้ว่าโอเทสจะใส่ชุดแบบนี้แต่ไม่รู้ว่ามันจะเปิดถึงขนาดนี้นี่หน่า  อาเรสกระพริบตาให้กับชานัทก่อนที่แผนทางฝ่ายชานัทจะเริ่มบ้าง

    เอ่อ...  อาเรส  ฉันว่าห้องเรามันร้อนเนอะชานัทว่าแล้วถอดเสื้อออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อแข็งแรงที่ผ่านการฝึกฝนมานาน  ผิวสีน้ำผิวทำเอาโอเทสถึงกับหน้าแดงลืมแผนการไปเกือบหมดจนเซนต้องสะกิดเรียก

    อ๊ะ...  นี้เซน  เราไปเดินตลาดกันดีกว่านะ  ฉันอยู่ในห้องมันเบื่อๆ   อีกอย่างวันนี้ที่ตลาดจะมีการแสดงด้วย คนคงไปเยอะน่าดูโอเทสร้องบอกแล้วหันไปมองปฏิกิริยาของอีกฝ่ายมองตรงๆแบบนี้เสร็จเราชานัทยิ้มอยู่ในใจแล้วหันไปกระพริบตาให้เดลคิลเริ่มแผนสอง

    ชานัท  จะว่าไปเห็นพี่ไซครอสบอกว่ามีงานที่หอประชุมใหญ่เจ้าหญิงหลายคนเสด็จมาด้วย เราจะลงไปหาหน่อยดีไหมเดลคิลถาม

    จริงเหรอ  ชานัทไปเถอะนะอาเรสเริ่มต่อโอเทสเริ่มมองหน้าชานัทตรงขึ้น ดูซิ จะเลือกไปกับเราหรือจะไปหาเจ้าหญิง โอเทสคิดพลางถอดชุดที่ใส่อยู่ให้น้อยชิ้นลงไปอีก  ทางฝ่ายชานัทเมื่อเห็นแบบนั้นก็เริ่มลังเลใจ   แต่สุดท้ายก็หันไปพยักหน้าให้เดลคิลกับอาเรสอย่างสุดทน   โอเทสที่เห็นแบบนั้นก็สะบัดหน้าเดินหนีออกไปจากห้อง  เดือนร้อนเซนต้องตามไป

    เล่นแรงไปรึเปล่าเนี่ยเราชานัทพึมพำก่อนจะได้รับสายตาที่เป็นคำตอบมาว่า ยังไม่รู้ตัวอีกเรอะจากสองคนภายในห้อง

     

    เฮ้อ~  เซน ฉันจะทำยังไงดีเนี่ยโอเทสมานั่งบ่นให้เซนฟังที่สวนของโรงเรียน

    เอาหน่า  ก็นายเริ่มคิดแผนนี้เองนี้  ฉันว่าชานัทก็คงไม่ได้เบื่อนายหรอกเซนปลอบ

    นับวันฉันยิ่งเหมือนผู้หญิง นายว่าไหมเซนโอเทสบ่นเกี่ยวกับตัวเอง

    อ๊ะ...โอเทสร้องเบาๆเมื่อตัวเองโดนกอดจากด้านหลัง

    ไม่หรอก  นายยังเป็นนายในสายตาฉันชานัทนั้นเองที่เดินเข้ามา

    คราวหน้าฉันไม่อนุญาตให้นายใส่ชุดแบบนี้อีกนะ  ยั่วน้ำลายฉันดีชะมัดชานัทว่าก่อนจะถอดสูทของตัวเองออกมาคลุมตัวโอเทสไว้

    บ้าสิโอเทสก้มหน้าอายก่อนจะว่าชานัทแก้เขิน

    เถอะหน่า  เรื่องงานโรงเรียนน่ะฉันล้อเล่น  พอดีฉันได้ยินนายว่าแผนกับเซนน่ะสิ  อีกอย่างนะถึงฉันจะไม่แสดงออกแต่ฉันก็รักนายเสมอนะชานัทยิ้มแล้วจูงมือโอเทสกลับห้อง

    เหลือเราเป็นส่วนเกินสิเนี่ยเซนกุมหัวตัวเองเล่นๆแล้วลุกตามคู่นั้นกลับไปยังห้องพัก

     

                    กุญแจแห่งการสร้าง  อยู่ไม่ไกลจากทั้ง 5 มากนัก  เพราะสถานที่เก็บอยู่ภายในห้องของอาจารย์ใหญ่ราเชล  เพียงแต่แม้แต่ตัวอาจารย์ราเชลเอาก็ยังไม่รู้วิธีการเปิดกล่องที่ใช้เก็บกุญแจดอกนี้

    ถึงเวลาแล้วสินะ  ที่กุญแจดอกนี้จะถูกนำไปใช้อาจารย์ราเชลเอ่ยกับตนเองแล้วยกกล่องนั้นเดินไปยังตึกหอพักมังกรทันที 

     

                    ก๊อกๆ

                    เสียงเคาะประตูหน้าห้องพักของหัวหน้าชั้นปี 1 หอใต้ดังขึ้น   โอเทสเดินไปเปิดประตูก่อนจะเชิญให้ผู้ที่ยืนอยู่เข้ามาในห้อง

    รีช  เรช  เบล  กาเรน  ซีนิสเซนพูดทันทีที่เห็นภูตของเพื่อนๆและตัวเองเดินเข้ามาในห้องด้วยร่างของมนุษย์

    พวกนายเป็นมังกรนี้หน่าอาเรสถาม

    ก็เป็นมังกรแล้วทุกคนเรียกพวกเราออกมารึเปล่าล่ะครับรีชเถียง

    เปล่าหรอก  ก็จะให้เรียกอะไรล่ะชานัทแย้ง

    เอาเถอะครับ  ตอนนี้ผมแค่มาส่งข่าวแล้วจะมาอยู่กับทุกคนในร่างของมนุษย์นี้ล่ะเรชพูดบ้าง

    ข่าวอะไรโอเทสถาม

    กุญแจแห่งการทำลาย  อยู่ที่เมืองกราเวลด้าค่ะเบลพูด

    ห๊า! กราเวลด้า เมืองของฉันเนี่ยนะเซนร้องลั่น

    ค่ะ  กราเวลด้าเมืองของท่านเซนนั้นแหละค่ะซีนิสย้ำเข้าไปอีก

    แล้วจะทำยังไงต่อไปล่ะอาเรสหันมาถามความเห็น

    คิดว่าไงล่ะเซนยักคิ้วส่งให้กับทุกคนก่อนจะหัวเราะพร้อมกัน

    จะออกเดินทางเมื่อไรเดลคิลว่า

    ตอนไหนดีล่ะ  ช่วยคิดหน่อยสิ เพราะว่าฉันเองก็อยากกลับไปเยี่ยมบ้านเร็วๆซะด้วยเซนเล่นคำพูดก่อนจะทำท่านึกอะไรออก

    ก็ตอนนี้ไงล่ะเซนหัวเราะอยู่คนเดียวปล่อยให้คนอื่นทำหน้างง

    ฮาๆๆ  ขอโทษๆ เราจะเดินทางกันเดี๋ยวนี้เซนบอกก่อนจะร่ายเวทย์เดินทาง 

    ก๊อกๆ  เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง  เมื่อไรเสียงตอบรับอาจารย์ราเชลก็เดินเข้ามายังห้องของทั้ง 5 อย่างถือวิสาสะ  เขาเดินดูรอบๆห้องก่อนจะพูดอย่างเสียดาย

    อ้าว! ไปซะแล้ว  แบบนี้กล่องนี้คงต้องเก็บไว้ก่อนใช่ไหมเนี่ยอาจารย์กล่าวกับตัวเองแล้วเดินออกนอกห้องไป...

     

                    ณ เมืองกราเวลด้า

                    ทุกคนที่มาถึงต่างช่วยกันตะโกนเรียกหากษัตริย์กราเวลด้า เนื่องจากปราสาทที่ใหญ่โตทำให้การตามหาใครสักคนเป็นสิ่งที่ยากยิ่ง

    ท่านพ่อ~”เซนตะโกนลั่นปราสาทก่อนที่จะมีทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างถือสิทธิ์

    พวกเจ้าเป็นใคร บังอาจมาทำเสียงดังรบกวนข้าทหารนายนั้นกล่าวอย่างโอ้อวด  เซนมองหน้าแล้วถึงได้รู้ว่าเป็นทหารที่มาใหม่หลังจากที่เธอเข้าไปเรียนในโรงเรียนแล้ว  แบบนี้ต้องสั่งสอนเสียให้เข็ด

    แล้วท่านพี่จะทำอะไรข้าได้  ในเมื่อข้าจะตะโกนเสียอย่างเซนยังคงลอยหน้าลอยตาตอบ

    ข้าจะฆ่าเจ้าน่ะสิว่าแล้วก็ชักดาบข้างเอวขึ้นมาพาดบ่าตนเองเอาไว้

    โธ่! พี่ชายก็ มันอันตรายน่าเซนว่าแล้วหันไปยักคิ้วให้เพื่อนๆ

    ทหาร!”ทุกคนพากันส่งเสียงเรียกจนทหารที่ยืนอยู่ถึงกับชักดาบมาจะฟาดฟันกันให้ตายไปเลยทีเดียว

    เจ้าหญิงเซเรียโชคยังเข้าข้างทหารตาต่ำที่บังอาจไปมีเรื่องกับเจ้าหญิงผู้เก่งกาจ  อาเรสเดินมาประกบข้างๆเซนก่อนจะชูมือข้างขวาของเซนขึ้นมาปรากฏมีดสั้นเงาวับจำนวน 2-3 เล่นที่พร้อมจะปลิดชีพคนที่เข้ามาใกล้ได้ทุกเมื่อ

    มันไม่มีค่าพอให้เจ้าฆ่าหรอกน่าอาเรสบอกก่อนที่เซนจะสะบัดมือกลับแล้วเก็บมีดใส่กระเป๋า  ทหารที่วิ่งเข้ามาเกือบถึงตัวเซนยืนตัวซีด ปากสั่น  ก้มลงกราบเท้าเซนทั้งทีที่ทหารรุ่นพี่บอกความจริงให้ฟัง

    ข้า... ข้าขอโทษ อย่าประหารข้าเลยนะ  เจ้าหญิงเซเรีย ได้โปรดทหารคนนั้นน้ำตา

    ไหลนองหน้ากราบเดท้าของเซนซ้ำแล้วซ้ำอีก

    เอาไปขังคุกซะเสียงทรงอำนาจที่ทุกคนต้องเกรงดังขึ้นจากด้านหลังของทหารผู้นั้น เซนเงยหน้ามองก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดอย่างดีใจ

    ท่านพ่อ~”เซนเดินเข้าไปควงแขนมองทหารคนนั้นที่ถูกลากไปขังในคุกของปราสาท

    มาทำไม ฮึ! เรากษัตริย์กราเวลด้าบีบจมูกเซนอย่างมันเขี้ยว

    ข้ากับเพื่อนๆขอมาอยู่กับท่านพ่อสักเดือนหนึ่งนะครับเซนว่า  กษัตริย์กราเวลด้าได้แต่มองหน้าลูกและเพื่อนๆของลูก ก่อนจะพยักหน้าอย่างจำใจ

    เย้! ขอบคุณครับท่านพ่อเซนพูดแล้วลากเพื่อนๆเข้าไปในปราสาทของตน...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×