คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : กงล้อแห่งโชคชะตา
ตอน13
กงล้อแห่งโชคชะตา
เดลคิลหลับตาลงอย่างเหนื่อยใจ ความเย็นชาของเขาถูกหลอมละลายไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ตั้งแต่เมื่อไรที่เขาเริ่มยิ้ม ตั้งแต่เมื่อไรที่เขาเริ่มหัวเราะ ตั้งแต่เมื่อไรที่เขาเริ่มจะคิดถึงพวกพ้อง ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ...
“ไง เดลคิล ออกแรงมากเกินไปรึเปล่า”อาเรสเดินมาตบไหล่เบาๆ
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น เซนที่อยู่ใกล้มาที่สุดเดินไปเปิด
“เซนใช่ไหม”ชายคนหนึ่งที่อยู่ในชุดสีดำ เขาเอ่ยถามเซนด้วยความเย็นชา
“อืม”เซนพยักหน้ารับก่อนจะอ้าประตูให้กว้างเพื่อให้แขกที่ยืนรอเข้ามาด้านใน
“ใครเหรอเซน”โอเทสถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับพวกนาย”เขาพูด
“เรื่องอะไร”อาเรสถามบ้าง
“สายเลือดของเทพและปีศาจ เลือดที่หมุนเวียนอยู่ในร่างกายของพวกนายนั้นแหละ”ชายลึกลับบอก
“นายชื่ออะไร”เซนเค้นฟันถาม
“ไปเจอกันที่นอกเมือง ที่นั้นจะสะดวกกว่า”ชายหนุ่มลึกลับว่าแล้วเดินออกจากห้องไปเอง
“เรื่องมันชักจะแปลกขึ้นทุกๆทีแล้วนะ”ชานัทบอกแล้วเอาเสื้อตัวโปรดของตนเองมาสวม
“ไปกันเลยเถอะ”เซนตัดสินใจก่อนจะคว้าเอาเสื้อสีดำมาใส่แล้ววิ่งออกไปนอกห้อง
“ตามไปด้วยแล้วกัน”เซนตะโกนเข้ามาบอกก่อนจะออกวิ่งไปยังนอกเมือง
ภายนอกเมืองเป็นทุ่งหญ้าโล่งๆที่มองไปได้ไกลหลายสิบเมตร ชายลึกลับยืนรออยู่ตรงกลางของบริเวณนั้น เซนเดินไปหยุดตรงหน้าก่อนจะถาม
“นายเป็นใครกันแน่”
“คาน่อน ไอซ์เดย์”เขาตอบ
“นายรู้เรื่องพวกเราได้ยังไง”เซนก้มหน้าถาม
“พวกนายคือสายเลือดเทพและปีศาจ และฉันเอง ก็คือมนุษย์ที่มีสายเลือดเทพและปีศาจด้วย แต่ฉันคือปีศาจที่หมายถึงการทำลายล้าง ผิดกับพวกนาย ปีศาจแห่งการกำจัดความชั่ว พวกเรา... เป็นศัตรูกัน”คาน่อนบอก
“แล้ว... ทำไม”
“นาย ไม่สิ เธอถึงยังอยู่เฉยได้ ทั้งๆที่ท้ายที่สุด โชคชะตาต้องบังคับให้พวกเธอฆ่าฉัน”คาน่อนว่า
“รู้อะไรรึเปล่า พวกฉันไม่อยากฆ่าใครถ้าไม่จะเป็น”เสียงชานัทดังขึ้น
“โชคชะตานั้นเหรอ... พวกเราอยู่เหนือพวกมันมาตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะนายหรือพวกเรา”โอเทสบอกก่อนจะเดินเข้ามาสมทบ
“บางครั้ง พวกฉันก็ต้องฝืนโชคชะตาเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ”อาเรสเดินเข้ามาสมทบอีกคนหนึ่ง
“แล้วพวกนายจะได้รู้ ไม่ว่าใครหน้าไหน เทพหรือซาตาน ขาวหรือดำ ก็ไม่มีใครฝืนโชคชะตาได้หรอก”คาน่อนกล่าวแล้วหันหลังเริ่มเดินออกไป
“อีกไม่นานหรอก พวกเราต้องได้เจอกันอีกแน่ แต่เป็นในฐานะศัตรูของกันและกันนะ”เขาหันมาบอกก่อนจะกลับตัวเดินจากไป
“ตกลงแล้ว พวกเราจะฝืนโชคชะตาไม่ได้จริงๆงั้นหรือ”เซนว่าก่อนจะล้มตัวลงไปนอนบนพื้นหญ้า
“ไม่หรอก ถ้าพวกเราช่วยกัน ไม่ว่ายังไงพวกเราก็จะต้องสู้กับโชคชะตาได้”เดลคิลบอก
“ความมืดมนที่ไร้หนทางแห่งความสว่าง มองไปทางใดก็เจอแต่ความตาย พวกเราจะทำใจยอมรับมันได้ง่ายๆแบบนั้นเหรอ”เซนถามพลางหลับตาลงแล้วถอนหายใจ
“ไม่หรอก พวกเราจะไม่ฆ่าใครแน่ๆ แม้มันจะเป็นโชคชะตา แต่พวกเราก็สัญญากันแล้วนี้ พวกเราจะ... ฝืนชะตากันไม่ใช่หรือไง”อาเรสว่าก่อนจะมองไปที่หน้าทุกๆคน
“สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ไม่มีอยู่ในโลกนี้หรอก เชื่อเถอะ”อาเรสยิ้ม ยิ้มให้แก่ความมืดมนที่กำลังคลืบคลานเข้ามาหาพวกเขาเรื่อยๆ ความตายกำลังเริ่มคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ปีศาจแห่งความืดกับปีศาจแห่งแสงสว่าง หนทางที่พวกเขาต้องเลือก มีไม่มากเท่าที่เห็นหรอกนะ เมื่อถึงเวลานั้น ใครล่ะที่จะยอมแพ้ก่อน ยอมแพ้ต่อชะตาที่ไม่อาจพลิกผันได้
วันที่ 10 ที่พวกเขากลับมายังโลกมนุษย์ ดูเหมือนจะเป็น 10วันที่สงบที่สุดเท่าที่พวกเขาเพิ่งได้พบหลังจากเข้ามาอยู่ในโรงเรียนแห่งกษัตริย์แห่งนี้ เรื่องราวต่างๆเหมือนพึ่งเกิดไปเมื่อวาน ไหนจะคาน่อน ไหนจะปาดาส ไหนจะอามีนน์ และอีกหลายๆคนที่ทำให้พวกเขาต้องปวดหัวไปตามๆกัน หลังจากที่พวกเขจานั่งว่างๆ ทั้งหมดก็มานั่งไล่เรื่องราวที่เกิดและพวกเขาจะเป็นต้องแก้ไข
“คาน่อนคงเป็นหมากตัวสุดท้ายที่ปีศาจส่งมาให้แก่พวกเรา”โอเทสบอก
“ไม่หรอก เทพต่างหากที่ส่งมา ปีศาจน่ะ ไม่มีทางส่งคนดีแบบนั้นมาแน่ๆ”เซนบอก
“นายรู้ได้ยังไง”ชานัทถาม เซนยิ้มแล้วชี้ไปที่ดวงตาตนเอง
“แววตาไงล่ะ”เซนยิ้มเยาะก่อนจะหยิบมีดสั้นของตนขึ้นมาเล่น
“นานเท่าไรแล้วนะ ที่มีดนี้ไม่เคยถูกฉันใช้เลย”เซนพูดกับตัวเองก่อนจะดึงมันออกจากปลอก
“แต่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่เดือน กี่ปี มีดเล่นนี้ก็ไม่เคยเก่าเลยสักนิด มันยังคงคมอยู่อย่างนั้น เหมือนกับจิตใจของฉันที่มันเตรียมพร้อมที่จะต้องเสียสละตัวเองเมื่อถึงเวลายังไงล่ะ”เซนพูดให้เป็นปริศนาเพื่อให้เพื่อนๆถามต่อ
“นายหมายความว่ายังไงกันแน่”โอเทสชะโงกหน้ามาถาม
“พวกเรา... คือหมากตัวสุดท้ายที่จำเป็นต้องกำจัดออกจากกระดาน”อาเรสกล่าวเสริม
“ตกลงมันเป็นยังไงกันแน่ พวกเราคือใครกันแน่”ชานัทเริ่มโวยวาย
“อีกไม่นาน เรื่องราวจะกระจ่าง ตอนนี้นายก็ทำตัวให้เหมือนเดินไปก่อนแล้วกัน”เซนบอกแล้วหันไปมองเดลคิลที่กำลังสำรวจกล่องที่อามีนน์ให้มาก่อนจากกัน
“ถึงเวลาที่เราจะต้องเปิดกล่องนั้นแล้วล่ะ”เดลคิลบอกก่อนจะลงมารวมกลุ่มกับทุกคน กล่องนั้นถูกโยนลงมาให้เซนรับ
“กล่องนี้ คือสิ่งที่กุมโชคชะตาพวกเราเอาไว้ สิ่งที่สุดท้ายพวกเราจะต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้”เซนบอกแล้วอ้ากล่องนั้นออกอย่างง่ายดาย
“ทำไมถึงเปิดง่ายจัง เมื่อตอนนั้นยังเปิดไม่ได้อยู่เลย”ชานัทถามอย่างสงสัย
“เพราะมันถึงเวลาที่ความลับทั้งหมดจะถูกเปิดเผยน่ะสิ”เซนยิ้มแล้วหยิบกระดาษออกมา
“ของนายชานัท”เซนบอกก่อนจะส่งกระดาษแผ่นนั้นให้แก่ชานัท
“อันนี้ของนายโอเทส”เซนยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้แก่โอเทส
“ส่วนแผ่นนี้ของพวกเราสามคน หมากตัวที่สำคัญและต้องสละตัวเองในตอนสุดท้าย คิงไงล่ะ”เซนกล่าวพลางเหลือบตามองกระดาษในมือ
“ไม่จริง”เซนหันไปมองโอเทสที่หน้าซีดเผือกแล้วทิ้งกระดาษลงสู่พื้น ชานัทเองก็ไม่ต่างกันเท่าไรนัก
“พวกนายอยากอ่านบ้างรึเปล่า”เซนหันมาถาม
“อ่านแล้วได้อะไร ความจริงงั้นเหรอ ไม่ใช่แน่นอน เพราะความจริงทั้งหมด พวกเราเองก็รู้อยู่แก่ใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นมาอยู่แล้ว”อาเรสก้มหน้านิ่งแล้วหัวเราะเบาๆออกมา
“หึหึ บางครั้ง โชคชะตามันก็ไม่ได้เลวร้ายไปซะหมดหรอกนะ”เขาว่าพลางลุกขึ้นไปช่วยพยุงโอเทสกกับชานัทไปนั่งบนเก้าอี้
“ไง ถอนตัวตอนนี้ยังทันนะ ความจริงของชีวิตเราก็อยู่ในกระดาษที่พวกนายอ่านนั้นแหละ”เดลคิลบอก
“ไม่ว่ายังไง... ไม่ว่ายังไงน่ะนะ ฉันก็จะไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตาที่ถูกกำหนดมาแบบนี้เด็ดขาด”โอเทสก้มหน้าตะโกน หยดน้ำเล็กๆตกลงสู่พื้นห้อง เสียงที่สะท้อนเข้าไปยังจิตใจของผู้ที่ได้ฟัง เสียงตะโกนที่คล้ายจะร้องหาความยุติธรรมในความไม่อยุติธรรม มันก็เหมือนกับการเรียกหาแสงสว่างในความมืดที่ไร้ทางออกยังไงล่ะ
“นายล่ะชานัท”อาเรสหันไปถาม
“ถึงสุดท้าย เรื่องจะไม่จบแบบมีความสุขเท่าไร แต่การที่ฉันได้เจอกับพวกนาย มันก็เป็นความสุขที่หาอะไรเทียบไม่ได้แล้วล่ะ แล้วแบบนี้ฉันจะยอมทิ้งความสุข แม้อีกน้อยนิดไปจมอยู่กับความทุกข์ตลอดกาลงั้นเหรอ ไม่มีทางซะล่ะ”ชานัทบอกก่อนจะฉีกกระดาษออกเป็นชิ้นๆ
“ไม่ว่าเรื่องจะดำเนินไปยังไง เมื่อถึงเวลาเสียสละ ฉันเองก็พร้อมเสมอ”อาเรสบอกก่อนจะมองหน้าเดลคิลและเซน คำตอบที่ได้คือการพยักหน้า แววตาที่ไม่ต้องเอ่ยคำใด ความคิดก็ถูกสื่อออกไปจนหมดสิ้น
แควก!กระดาษในมืออาเรสถูกฉีกจนนับไม่ถ้วน แม้จะยังไม่มีใครอ่าน แต่ก็คงไม่มีใครอยากอ่านนักหรอก ถ้าเรื่องที่จะดำเนินต่อไปต้องถึงจุดสิ้นสุด
“พวกเราต้องหากุญแจทั้งสองดอกนั้น เพื่อทำลายมันซะ”เซนพูด ตอนนี้เขากลายเป็นผู้นำกลุ่มไปเสียแล้ว ผู้นำที่พร้อมจะพาทุกคนไปสู่ความเป็นจริงในโลกที่โหดร้ายยิ่งนัก
“อาทิตย์หน้าพวกเราจะขึ้นปี 2 แล้ว แต่ว่าพวกเราคงจะอยู่ได้ไม่ถึงตอนนั้น”โอเทสพูดเศร้าๆ
“ช่างมันเถอะหน่า ยังไงพวกเราก็ร่วมหัวจมท้ายกันมายันตอนนี้แล้ว จะจบแบบเลวร้ายหน่อยก็คงไม่เสียหายนักหรอก จริงไหม”ชานัทที่ดูจะปรับอารมณ์ได้เร็วกว่าทุกคนยิ้มเป็นกำลังใจแล้วลุกขึ้น
“เหลือเวลาไม่นาน พวกเราไปเที่ยวกันให้สบายใจเถอะนะ”ชานัทว่า
“แล้วจะไปเที่ยวไหนดีล่ะ”เซนพูดบ้างแล้วลุกขึ้นมายืน
“ไปในเมืองเหอะ อยากไปดูของในเมืองใจจะขาดแล้ว”โอเทสบอกก่อนจะลุกขึ้น
“ไปเถอะเดลคิล อาเรส”ชานัทเรียก ทั้งสองคนหันมองหน้ากันแล้วยิ้มจางๆ แม้เรื่องจะถึงจุดจบ แต่ทั้งหมดก็ยังไม่มีใครเสียใจ ดีจังเลยนะทุกคน...
รานอฟกับเพื่อนๆที่นั่งอยู่ในห้อง ต่างคนต่างทำธุระของตน แต่จู่ๆฟาเรลก็ตะโกนขึ้นมา ทำเอาเพื่อนๆที่เหลือสะดุ้งตกใจไปตามๆกัน
“อะไรวะ”ลานีคูสหันไปถาม
“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”ฟาเรลบอกแล้วถลาตัวลงมานั่งจับกลุ่มที่พื้น
“เราลืมเรื่องอะไรไปรึเปล่าตอนถ่ายพลังให้กับพวกนั้นน่ะ”ฟาเรลว่า
“เรื่องอะไรล่ะ”ลานีคูสถาม
“ราชาปีศาจ ถึงตอนนี้พวกเรายังไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง”ฟาเรลบอก
“ทำไมล่ะ”ไซครอสที่นั่งต่อไพ่อยู่ทักขึ้นมา
“ราชาปีศาจอยู่ที่ไหน แล้วทำไมพวกนั้นถึงไปโลกปีศาจแล้วกลับมาทั้งๆที่ไม่เป็นอะไรเลย ถ้าไม่ใช่ว่าพวกนั้นคือราชาปีศาจซะเอง”ฟาเรลพูด
“แล้วพวกเราดันไปถ่ายพลังใส่เจ้าพวกนั้น”เลฟินพูดต่อ
“บรรลัยแล้วไง”ไซครอสตบหน้าผากตัวเอง
“แบบนี้เรื่องจบไม่สวยแน่”รานอฟบอกพลางเดินวนรอบห้อง
“แกรู้ได้ไง”ลานีคูสหันไปถามฟาเรล
“ก็ลองคิดดู ตั้งแต่ที่เรื่องเกิดมาสิ ทุกอย่างมันลงตัวไปหมด ตั้งแต่ไอ้คำทำนายบ้าๆนั้นแล้ว มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อตอนคราวของพวกเรา คำทำนายพวกนั้นยังไม่เคยมีสักหน่อย”ฟาเรลพูด
“เอาไงต่อดีล่ะ”ไซครอสถาม
“ปล่อยให้มันดำเนินต่อไปอย่างสิ่งที่มันควรเป็นเถอะ ให้ปริศนายังคงเป็นปริศนาสำหรับพวกเราต่อไป พวกเราน่ะ... ไม่ใช่สายเลือดเทพอีกต่อไปแล้วนะ ตอนนี้เราคือมนุษย์ธรรมดาๆ ที่จะเตรียมเข้าปี 6 และออกไปปกครองประชาชน เรื่องพวกนั้นน่ะ ปล่อยให้สายเลือดเทพเขาจัดการกันเองเถอะ”ลานีคูสตัดบทแล้วลุกขึ้น
“ไปเครียดแล้วช่วยอะไรได้ล่ะ จริงไหม”ลานีคูสยิ้มอีกครั้ง เพื่อนๆที่เหลือเอาแต่ทำหน้าตะลึงเนื่องจากพึ่งเคยเห็นลานีคูสยิ้มเป็นครั้งแรก
“เอา! จะตะลึงทำไมล่ะ”ลานีคูสตะคอกจนเพื่อนๆต้องหลบหน้าทันที ‘น่ากลัวเป็นบ้าเลย’ เพื่อนๆที่เหลือคิดพร้อมกัน
ณ ตลาดภายในเมือง
เซนเดินเที่ยวไปเรื่อยเปื่อย แวะดูมีดร้านโน่นร้านนี้ไปตลอดรายทาง เดลคิลก็แวะไปดูถุงมือหนังที่นานๆจะมีขายสักร้านหนึ่ง
“โอ๊ย/เฮ้ย”เซนที่ดูของตลอดทางจนทำให้ไม่ทันมองทางชนเข้ากับใครคนหนึ่ง
“เจ้าหญิง”ผู้ที่เดินมาชนเซนพึมพำขึ้นมา เซนเงยหน้าไปมองแล้วต้องอุทานแผ่วเบา
“ปาดาส”เดลคิลที่บังเอิญได้ยินเข้าก็เงยหน้าไปมองอีกฝ่ายทันที
“นายทำไมถึง... มาที่นี้”หลังจากที่ลุกขึ้นจากพื้นได้แล้วเซนก็หันมาถามปาดาส
“ไปนั่งที่ร้านอาหารตรงนั้นดีกว่า”ปาดาสว่แล้วเดินนำไปนั่งในร้าน
“ผมจะเริ่มเล่าตั้งแต่ที่เจ้าหญิงหนีออกมา”
“เซน เรียกฉันว่าเซน”เซนแย้งขึ้น
“ครับ หลังจากที่เซนหนีออกมา ลาบอนกับกีเอลก็มาหาข้าพอดี ข้าถูกซักอยู่ไม่นานก็โดนจับได้ว่าท่านทำให้ข้ากลับเป็นมนุษย์เหมือนเดิม พวกมันจะจับข้าไปขัง แต่ข้าที่อยู่กับพวกมันมานาน นานพอจะรู้จุดอ่อนจุดใหญ่ของพวกมัน ข้าฆ่าพวกมันแล้วใช้วงแหวนแห่งเวทย์หนีมายังโลกมนุษย์ ตอนนี้พวกข้าถึงคราล่มสลายแล้ว แต่ความมืดที่แท้จริงก็ยังไม่ปรากฏออกมา เจ้านายของความมืด มันจะส่งความเลวร้ายตามมาอีกเรื่อยๆจนกว่ามันจะได้ครองทั้งสองโลก เมื่อเทียบกับแล้ว ปีศาจอย่างพวกข้าก็เป็นเพียงเบี้ยคอยรับใช้คิงเท่านั้นเอง และผู้ที่จะฆ่าคิงได้ ก็มีเพียงแค่พวกท่าน ผู้ซึ่งมีทั้งสายเลือดเทพและปีศาจ อีกอย่างนะครับ กองทัพที่ข้าเคยบอกท่านเซนไป ถึงพวกข้าจะล่มสลาย แต่กองทัพพวกนั้นยังคงอยู่ จะมีผู้ดูแลกองทัพพวกนั้นต่อไป ท่านคงต้องระวังตัวให้มากยิ่งขึ้น”ปาดาสกล่าวเป็นเวลาเดียวกับที่อาหารที่ส่งให้มาถึงพอดี
“แล้วพวกปีศาจรู้เรื่องกุญแจทั้งสองดอกรึเปล่า”โอเทสถาม
“หมายถึงกุญแจแห่งการทำลายกับกุญแจแห่งการสร้างงั้นหรือครับ เรื่องนั้นปีศาจทุกตัวรู้หมดแล้วล่ะครับ แม้แต่ปีศาจชั้นนหางแถวอย่างพวกข้ายังรู้เลย”ปาดาสตอบ
“งั้นหรือ”อาเรสพึมพำรับคำ
“นายรู้จักคาน่อน ไอซ์เดย์ รึเปล่า”ชานัทถาม
“ไม่ครับ ยังไงซะ ผมก็ขอตัวก่อน ถ้ามีเรื่องอะไรก็ไปหาผมได้ ผมอาศัยอยู่ถัดจากร้านนี้ไปสองซอย ลาก่อนนะครับ”ปาดาสว่าแล้วลุกขึ้น
“ป้าเก็บเงินด้วยครับ”ปาดาสบอกแล้วว่าเงินลงบนโต๊ะ ก่อนจะหัน“คราวนี้ให้ผมเลี้ยงนะครับ”พูดจบแล้วเดินออกจากร้านไป
คาน่อน ไอซ์เดย์ ผู้ที่เรียกได้ว่าเป็นปีศาจ เขามองไปรอบๆตัวเขา สถานที่ๆเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย เขาเห็นจนชินตา และอีกไม่นานเขาก็คงต้องกลายเป็นหนึ่งในศพหลายศพนี้ โชคชะตาที่พระเจ้าเป็นผู้กำหนด เขาเคยคิดจะสู้ เขาไม่อยากถูกฆ่าแต่ใครจะรู้ เขาสู้ สู้ทุกวิถีทางที่จะทำให้ตัวเองมีชีวิตอยู่โดยไม่มีใครตาย แต่สุดท้ายที่เขาได้พบ คือความจริงที่ไม่มีใครหลีกหนีได้แม้แต่พระเจ้าผู้ที่ขีดเขียนโชคชะตาพวกนี้ขึ้นมา
“พวกนายจะฝืนชะตาพวกนี้ไปได้แค่ไหนกันเชียว ไม่ใช่เพราะโชคชะตางั้นเหรอ ที่ทำให้เรื่องราวทั้งหมดดำเนินมาจนถึงจุดนี้ได้น่ะ”เขาเอ่ยอย่างจำนนต่อเรื่องราวทั้งหมด
“ความจริง มักจะทำให้พวกเราทั้งหมดต้องเจ็บปวด หมากกระดานหนึ่งที่ถูกเดินโดยพระเจ้าและปีศาจ จะมีทางไหนบ้างที่หมากอย่างพวกเราจะไม่ถูกทำลาย”เขาพูดพลางเงยหน้ามองดูท้องฟ้ายามเย็น
“นี้มันครั้งที่เท่าไรแล้วนะ ที่ฉันมองพระอาทิตย์ตกอีกครั้งหนึ่ง สีที่ชวนเศร้าใจแบบนี้ ฉันไม่อยากเห็นมันเลยจริงๆ”คาน่อนว่าแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน ‘บางครั้งฉันก็อยากหลับแล้วไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลย จะได้ไม่ต้องพบกับความจริงที่แสนโหดร้ายยังไงล่ะ’ เขาคิด
ภายในห้องพักตึกมังกร โอเทสเริ่มจะชินชากับวามเฉยๆของชานัทที่ต้งแต่เริ่มคบกัน ชานัทยังไม่เคยทำอะไรให้กับเขาเลย ก็นะ... ตอนนี้เขาอยู่นร่างเด็กผู้ชายนี้หน่า แต่ทันใดนั้นความคิดอันสุดแสนจะบ้าบอก็เกิดขึ้น โอเทสฉุดเซนไปยังระเบียงทันที
“เบาๆโอเทส มีอะไรเนี่ย”เซนเกือบจะสะดุดขอบระเบียงถ้าโอเทสไม่รั้งเอาไว้ซะก่อน
“ฉันมีเรื่องจะให้ช่วยหน่อยน่ะ”โอเทสว่าแล้วคุยแผนการบางอย่างให้เซนฟังโดยไม่ทันสังเกตว่ามีอีกคนที่ยืนฟังอยู่ที่ริมประตูระเบียงหลังจากที่คุยจบ โอเทสกับเซนก็เดินกลับเข้ามาในห้องโดยผู้ที่ไปแอบฟังก็ได้แต่ยิ้มอยู่ในใจ
‘เล่นแบบนี้ใช่ไหมโอเทส ฉันจะทำให้แผนนายพังให้ดู แต่จะว่าไป โอเทสก็คู่เรานี้หว่า เราจะแกล้งทำไม เอาหน่า! แกล้งนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก’ โอเทสคิดได้ดังนั้นจึงเดินไปกระซิบแผนการในหัวให้อาเรสกับเดลคิลฟังและช่วยทำตามแผน
“เอ่อ... เซนมากับฉันหน่อยสิ”โอเทสเริ่มแผนแรก ก่อนที่เซนจะพยักหน้าไปตามบทแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปสองคน
“...”เวลาผ่านไปสักพักเซนออกมากับโอเทสในร่างเด็กผู้หญิงโดยใช้ชุดแบบเดียวกับที่เคยใส่ตอนที่ไปเมืองเฮลฟ์เวยาน่า ชานัทแทบจะลืมแผนการทั้งหมดหลังจากเห็นชุดที่โอเทสใส่ เขารู้ว่าโอเทสจะใส่ชุดแบบนี้แต่ไม่รู้ว่ามันจะเปิดถึงขนาดนี้นี่หน่า อาเรสกระพริบตาให้กับชานัทก่อนที่แผนทางฝ่ายชานัทจะเริ่มบ้าง
“เอ่อ... อาเรส ฉันว่าห้องเรามันร้อนเนอะ”ชานัทว่าแล้วถอดเสื้อออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อแข็งแรงที่ผ่านการฝึกฝนมานาน ผิวสีน้ำผิวทำเอาโอเทสถึงกับหน้าแดงลืมแผนการไปเกือบหมดจนเซนต้องสะกิดเรียก
“อ๊ะ... นี้เซน เราไปเดินตลาดกันดีกว่านะ ฉันอยู่ในห้องมันเบื่อๆ อีกอย่างวันนี้ที่ตลาดจะมีการแสดงด้วย คนคงไปเยอะน่าดู”โอเทสร้องบอกแล้วหันไปมองปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ‘มองตรงๆแบบนี้เสร็จเรา’ ชานัทยิ้มอยู่ในใจแล้วหันไปกระพริบตาให้เดลคิลเริ่มแผนสอง
“ชานัท จะว่าไปเห็นพี่ไซครอสบอกว่ามีงานที่หอประชุมใหญ่เจ้าหญิงหลายคนเสด็จมาด้วย เราจะลงไปหาหน่อยดีไหม”เดลคิลถาม
“จริงเหรอ ชานัทไปเถอะนะ”อาเรสเริ่มต่อโอเทสเริ่มมองหน้าชานัทตรงขึ้น ‘ดูซิ จะเลือกไปกับเราหรือจะไปหาเจ้าหญิง’ โอเทสคิดพลางถอดชุดที่ใส่อยู่ให้น้อยชิ้นลงไปอีก ทางฝ่ายชานัทเมื่อเห็นแบบนั้นก็เริ่มลังเลใจ แต่สุดท้ายก็หันไปพยักหน้าให้เดลคิลกับอาเรสอย่างสุดทน โอเทสที่เห็นแบบนั้นก็สะบัดหน้าเดินหนีออกไปจากห้อง เดือนร้อนเซนต้องตามไป
“เล่นแรงไปรึเปล่าเนี่ยเรา”ชานัทพึมพำก่อนจะได้รับสายตาที่เป็นคำตอบมาว่า ‘ยังไม่รู้ตัวอีกเรอะ’ จากสองคนภายในห้อง
“เฮ้อ~ เซน ฉันจะทำยังไงดีเนี่ย”โอเทสมานั่งบ่นให้เซนฟังที่สวนของโรงเรียน
“เอาหน่า ก็นายเริ่มคิดแผนนี้เองนี้ ฉันว่าชานัทก็คงไม่ได้เบื่อนายหรอก”เซนปลอบ
“นับวันฉันยิ่งเหมือนผู้หญิง นายว่าไหมเซน”โอเทสบ่นเกี่ยวกับตัวเอง
“อ๊ะ...”โอเทสร้องเบาๆเมื่อตัวเองโดนกอดจากด้านหลัง
“ไม่หรอก นายยังเป็นนายในสายตาฉัน”ชานัทนั้นเองที่เดินเข้ามา
“คราวหน้าฉันไม่อนุญาตให้นายใส่ชุดแบบนี้อีกนะ ยั่วน้ำลายฉันดีชะมัด”ชานัทว่าก่อนจะถอดสูทของตัวเองออกมาคลุมตัวโอเทสไว้
“บ้าสิ”โอเทสก้มหน้าอายก่อนจะว่าชานัทแก้เขิน
“เถอะหน่า เรื่องงานโรงเรียนน่ะฉันล้อเล่น พอดีฉันได้ยินนายว่าแผนกับเซนน่ะสิ อีกอย่างนะถึงฉันจะไม่แสดงออกแต่ฉันก็รักนายเสมอนะ”ชานัทยิ้มแล้วจูงมือโอเทสกลับห้อง
“เหลือเราเป็นส่วนเกินสิเนี่ย”เซนกุมหัวตัวเองเล่นๆแล้วลุกตามคู่นั้นกลับไปยังห้องพัก
กุญแจแห่งการสร้าง อยู่ไม่ไกลจากทั้ง 5 มากนัก เพราะสถานที่เก็บอยู่ภายในห้องของอาจารย์ใหญ่ราเชล เพียงแต่แม้แต่ตัวอาจารย์ราเชลเอาก็ยังไม่รู้วิธีการเปิดกล่องที่ใช้เก็บกุญแจดอกนี้
“ถึงเวลาแล้วสินะ ที่กุญแจดอกนี้จะถูกนำไปใช้”อาจารย์ราเชลเอ่ยกับตนเองแล้วยกกล่องนั้นเดินไปยังตึกหอพักมังกรทันที
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูหน้าห้องพักของหัวหน้าชั้นปี 1 หอใต้ดังขึ้น โอเทสเดินไปเปิดประตูก่อนจะเชิญให้ผู้ที่ยืนอยู่เข้ามาในห้อง
“รีช เรช เบล กาเรน ซีนิส”เซนพูดทันทีที่เห็นภูตของเพื่อนๆและตัวเองเดินเข้ามาในห้องด้วยร่างของมนุษย์
“พวกนายเป็นมังกรนี้หน่า”อาเรสถาม
“ก็เป็นมังกรแล้วทุกคนเรียกพวกเราออกมารึเปล่าล่ะครับ”รีชเถียง
“เปล่าหรอก ก็จะให้เรียกอะไรล่ะ”ชานัทแย้ง
“เอาเถอะครับ ตอนนี้ผมแค่มาส่งข่าวแล้วจะมาอยู่กับทุกคนในร่างของมนุษย์นี้ล่ะ”เรชพูดบ้าง
“ข่าวอะไร”โอเทสถาม
“กุญแจแห่งการทำลาย อยู่ที่เมืองกราเวลด้าค่ะ”เบลพูด
“ห๊า! กราเวลด้า เมืองของฉันเนี่ยนะ”เซนร้องลั่น
“ค่ะ กราเวลด้าเมืองของท่านเซนนั้นแหละค่ะ”ซีนิสย้ำเข้าไปอีก
“แล้วจะทำยังไงต่อไปล่ะ”อาเรสหันมาถามความเห็น
“คิดว่าไงล่ะ”เซนยักคิ้วส่งให้กับทุกคนก่อนจะหัวเราะพร้อมกัน
“จะออกเดินทางเมื่อไร”เดลคิลว่า
“ตอนไหนดีล่ะ ช่วยคิดหน่อยสิ เพราะว่าฉันเองก็อยากกลับไปเยี่ยมบ้านเร็วๆซะด้วย”เซนเล่นคำพูดก่อนจะทำท่านึกอะไรออก
“ก็ตอนนี้ไงล่ะ”เซนหัวเราะอยู่คนเดียวปล่อยให้คนอื่นทำหน้างง
“ฮาๆๆ ขอโทษๆ เราจะเดินทางกันเดี๋ยวนี้”เซนบอกก่อนจะร่ายเวทย์เดินทาง
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อไรเสียงตอบรับอาจารย์ราเชลก็เดินเข้ามายังห้องของทั้ง 5 อย่างถือวิสาสะ เขาเดินดูรอบๆห้องก่อนจะพูดอย่างเสียดาย
“อ้าว! ไปซะแล้ว แบบนี้กล่องนี้คงต้องเก็บไว้ก่อนใช่ไหมเนี่ย”อาจารย์กล่าวกับตัวเองแล้วเดินออกนอกห้องไป...
ณ เมืองกราเวลด้า
ทุกคนที่มาถึงต่างช่วยกันตะโกนเรียกหากษัตริย์กราเวลด้า เนื่องจากปราสาทที่ใหญ่โตทำให้การตามหาใครสักคนเป็นสิ่งที่ยากยิ่ง
“ท่านพ่อ~”เซนตะโกนลั่นปราสาทก่อนที่จะมีทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างถือสิทธิ์
“พวกเจ้าเป็นใคร บังอาจมาทำเสียงดังรบกวนข้า”ทหารนายนั้นกล่าวอย่างโอ้อวด เซนมองหน้าแล้วถึงได้รู้ว่าเป็นทหารที่มาใหม่หลังจากที่เธอเข้าไปเรียนในโรงเรียนแล้ว แบบนี้ต้องสั่งสอนเสียให้เข็ด
“แล้วท่านพี่จะทำอะไรข้าได้ ในเมื่อข้าจะตะโกนเสียอย่าง”เซนยังคงลอยหน้าลอยตาตอบ
“ข้าจะฆ่าเจ้าน่ะสิ”ว่าแล้วก็ชักดาบข้างเอวขึ้นมาพาดบ่าตนเองเอาไว้
“โธ่! พี่ชายก็ มันอันตรายน่า”เซนว่าแล้วหันไปยักคิ้วให้เพื่อนๆ
“ทหาร!”ทุกคนพากันส่งเสียงเรียกจนทหารที่ยืนอยู่ถึงกับชักดาบมาจะฟาดฟันกันให้ตายไปเลยทีเดียว
“เจ้าหญิงเซเรีย”โชคยังเข้าข้างทหารตาต่ำที่บังอาจไปมีเรื่องกับเจ้าหญิงผู้เก่งกาจ อาเรสเดินมาประกบข้างๆเซนก่อนจะชูมือข้างขวาของเซนขึ้นมาปรากฏมีดสั้นเงาวับจำนวน 2-3 เล่นที่พร้อมจะปลิดชีพคนที่เข้ามาใกล้ได้ทุกเมื่อ
“มันไม่มีค่าพอให้เจ้าฆ่าหรอกน่า”อาเรสบอกก่อนที่เซนจะสะบัดมือกลับแล้วเก็บมีดใส่กระเป๋า ทหารที่วิ่งเข้ามาเกือบถึงตัวเซนยืนตัวซีด ปากสั่น ก้มลงกราบเท้าเซนทั้งทีที่ทหารรุ่นพี่บอกความจริงให้ฟัง
“ข้า... ข้าขอโทษ อย่าประหารข้าเลยนะ เจ้าหญิงเซเรีย ได้โปรด”ทหารคนนั้นน้ำตา
ไหลนองหน้ากราบเดท้าของเซนซ้ำแล้วซ้ำอีก
“เอาไปขังคุกซะ”เสียงทรงอำนาจที่ทุกคนต้องเกรงดังขึ้นจากด้านหลังของทหารผู้นั้น เซนเงยหน้ามองก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดอย่างดีใจ
“ท่านพ่อ~”เซนเดินเข้าไปควงแขนมองทหารคนนั้นที่ถูกลากไปขังในคุกของปราสาท
“มาทำไม ฮึ! เรา”กษัตริย์กราเวลด้าบีบจมูกเซนอย่างมันเขี้ยว
“ข้ากับเพื่อนๆขอมาอยู่กับท่านพ่อสักเดือนหนึ่งนะครับ”เซนว่า กษัตริย์กราเวลด้าได้แต่มองหน้าลูกและเพื่อนๆของลูก ก่อนจะพยักหน้าอย่างจำใจ
“เย้! ขอบคุณครับท่านพ่อ”เซนพูดแล้วลากเพื่อนๆเข้าไปในปราสาทของตน...
ความคิดเห็น