คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : หลับตา...
ฉันมองภาพตรงหน้าที่ค่อยเลือนราง ใครคนนั้นกำลังวิ่งเข้ามาหาฉัน ใครคนนั้นที่กำลังยิ้มให้ฉัน ใครคนนั้นที่ค่อยๆล้มลงอยู่ตรงหน้าฉัน เลือดสีแดงนั้นเปรอะทั่วร่างกาย ใครคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองฉันก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ฉันไม่ได้ยิน ร่างกายของฉันชาวาบก่อนจะลืมเลือนทุกสิ่งที่ผ่านมา...
“แก้ว! วันนี้วันเสาร์ ไปเที่ยวกันเหอะ”เสียงที่ดังอยู่ข้างหูทำให้ฉันสะดุ้งตื่นจากความฝัน บีมชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ฉันก่อนจะเอามือตีแก้มฉันเบาๆ
“อือ... บีม... แก้วง่วงหน่า อย่าแกล้งกันสิ”ฉันงัวเงียตอบก่อนจะลุกขึ้นมานั่งตาปรือ มองบีมที่นั่งห่างจากฉันไม่ถึงคืบ นั่งทำตาแป้วอยู่
“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลยบีม วันนี้แก้วอยากอยู่บ้าน”ฉันดันหัวบีมให้หมุนไปอีกทาง แต่บีมกลับทำคอหมุนไปสามร้อยหกสิบองศาแล้วหันกลับมาที่เดิม ตอนนี้กลายเป็นคอของบีมหมุนเป็นเกลียวไปซะแล้วล่ะค่ะ ฉันส่ายหน้าด้วยความปวดหัวกับวิญญาณตรงหน้าก่อนจะลุกจากเตียงเดินไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำอยู่พักใหญ่ ปล่อยให้บีมนั่งเล่นอะไรก๊อกแก๊กในห้องของฉัน ฆ่าเวลาไปเล่นๆก่อนยังไงล่ะ
ฉันใช้เวลาในช่วงเช้าทั้งหมดของฉันในการไปไล่รื้ออัลบัมภาพเก่าๆที่บ้าน ซึ่งฉันคิดว่ามันอาจจะพอมีอะไรที่ทำให้ฉันรู้อดีตของตัวเองบ้าง แต่มันกลับไม่มีเลย... ภาพทั้งหมดเป็นภาพที่ฉันอายุเกิน10ปีมาแล้วทั้งนั้น แต่ก่อนที่ฉันจะลุกไปไหน เท้าของฉันกลับสะดุดกับกล่องไปรณีย์กล่องหนึ่งที่ฉันยกมาวางเอาไว้ข้างๆเพราะมันอยู่บนอัลบัมรูปภาพพวกนั้นจนฝากล่องนั้นเปิดออกมา สิ่งที่อยู่ข้างในทำให้ฉันต้องก้มลงไปนั่งและค่อยๆไล่หยิบมันขึ้นมาดู
“แก้ว...”เสียงร่าเริงของบีมที่ลอยเข้ามาใกล้ทำให้ฉันหันไปมองช้าๆ
“แก้ว... ร้องไห้ทำไมน่ะ”ฉันไม่ตอบอะไรเพียงแต่ส่ายหน้าไปมาแล้วส่งภาพๆหนึ่งไปให้บีมดู ภาพที่ฉันกำลังเดินไปเคียงข้างกับบีม ในตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่... ฉันเดินแบกกล่องภาพพวกนั้นออกห่างจากบีม ฉันเดินออกมาจากบ้านเรื่อยๆโดยไร้จุดหมาย สุดท้ายแล้วฉันก็มาหยุดอยู่ริมแม่น้ำสายหนึ่ง ภาพในกล่องพวกนั้นถูกฉันรื้อออกมาดูอีกครั้ง เพื่อนมากมายที่รุมล้อมฉัน รุ่นน้องทุกคนที่ฉันรู้จัก หนึ่งในนั้นคือซอล เบน... เด็กผู้หญิงที่มักจะติดอยู่ในภาพด้วยเสมอๆทั้งๆที่ฉันไม่เคยสังเกต และที่สำคัญ หนึ่งในภาพพวกนั้น มีภาพของฉันและเอ็มที่ถ่ายในตอนที่พวกเรากำลังยิ้มอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
“อะไรกัน... คนพวกนี้... รู้จักฉันจริงๆงั้นเหรอ รู้จักอดีตของฉันจริงๆสินะ... ทำไม!!!”ฉันตะโกนออกมาอย่างสุดกลั้น หยดน้ำตาที่ไหลรินเต็มใบหน้าทำให้ฉันมองอะไรไม่ชัดสักอย่าง และในขณะนั้นเอง สายลมแผ่วๆก็พัดผ่านร่างกายของฉัน ภาพเหล่านั้น... ปลิวหายตกลงไปในแม่น้ำที่ไหลออกไปเรื่อยๆ ...
“ทำไมกัน... ฉันเป็นใครกันแน่ ฉันเป็นใครกัน โอ๊ย!”ภาพที่ผุดขึ้นมาในหัวฉันราวกับตาน้ำ มันผ่านไปมารวดเร็วจนฉันแทบทรงตัวไม่อยู่ สิ่งที่ฉันทำได้ในตอนนี้คือหลับตาเพื่อตั้งสติให้อยู่กับตัวเองเอาไว้ให้มากที่สุด แต่ดูเหมือนอาการไมเกรนของฉันมันจะไม่ค่อยช่วยเหลือฉันเท่าไร ทำให้ตอนนี้ฉันปวดหัวจนเกือบจะระเบิดเลยทีเดียว
“ไม่เอานะ... พอแล้ว...”เสียงแหบแห้งที่ฉันพยายามเปล่งออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ร่างโงนเงนของฉันจะกลิ้งลงจากเนินหญ้าและสติของฉันก็ดับวูบลง...
[ M Talk ]
ตูม!
ร่างของแก้วที่ตกลงไปในน้ำทำเอาหัวใจของผมเกือบหยุดเต้น ผมเห็นแก้วมาอยู่ตรงนี้พักใหญ่แล้ว และผมก็แอบดูเธออยู่ด้านหลังต้นไม้ ที่อย่างที่เกิดขึ้น ผมเห็นมันทั้งหมด... แม้แต่ตอนที่เธอกำลังร้องไห้ ผมสไลด์ตัวลงไปตามเนินหญ้า ก่อนจะมองหาร่างของแก้ว แต่ก็ดูไร้วี่แวว
“แก้ว!!!”ความอดทนย่อมมีขีดจำกัด ผมดำลงน้ำเพื่อหาร่างของคนๆหนึ่ง แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอเลยแม้แต่น้อย ผมดำผุดดำว่ายอยู่พักใหญ่ก่อนจะคว้าร่างของแก้วขึ้นมาได้ ผมดึงตัวแก้วที่ไม่ได่สติให้ขึ้นมาบนพื้นหญ้าก่อนจะตบหน้าแก้วเบาๆ
“แก้ว... แก้ว... ฟื้นสิ”เสียงของผมกำลังสั่น ใช่... ผมยอมรับ ผมไม่มีทางมองเพื่อนของผมต้องเป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตา โดยเฉพาะเพื่อนสมัยเด็กของผมอย่างเธอ ผมยิ่งไม่ยอมใหญ่เลย โชคดีที่ไม่นานแก้วก็สำลักน้ำออกมา ทำให้ผมคลายความกังวลไปได้ส่วนหนึ่ง แต่แก้วเองก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นเลยสักนิด ผมแบกแก้วขั้นไปที่เนินด้านบน มีรูปภาพสองสามรูปที่กระจายตกอยู่บนพื้น... และสิ่งที่ผมเห็นก็ทำให้ผมนิ่งงันไปชั่วขณะ แก้ว... เห็นภาพพวกนี้แล้วงั้นเหรอ...
“เอ็ม... เกิดอะไรขึ้นน่ะ”เสียงของขวัญดังขึ้นไม่ห่างจากตัวผมมากนัก เธอวิ่งเข้ามาดูอาการของพี่สาวอย่างเป็นกังวล ผมมองขวัญที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก
“ไม่รู้ เอ็มมาไม่ทัน แต่ว่าเอ็มเก็บภาพพวกนี้ได้...”ผมส่งภาพทั้งหมดที่มีอยู่ให้ขวัญ ดูเหมือนเธอจะตกใจพอๆกับผม เพราะมันเป็นภาพที่พวกเราทุกคนตั้งใจจะซ่อนมันเอาไว้ให้ห่างจากแก้วมากที่สุด
‘ หมอคิดว่า ให้คนไข้จำอะไรไม่ได้ต่อไปจะดีกว่า เพราะถ้าคนไข้เกิดจำสิ่งที่ลืมไปได้ คนที่จะต้องเจ็บปวดที่สุด ก็คงไม่พ้นตัวเขาเองนั่นแหละ ’
เสียงของหมอที่เป็นคนรักษาแก้วดังขึ้นมาในหัวผม ตั้งแต่วันนั้นที่ผมยอมทำตัวให้กลายเป็นศัตรูกับแก้ว... คอยดูแลอยู่อย่างห่างๆ ถึงแม้ว่าแก้วจะเกลียดขี้หน้าผมขนาดไหนก็ตาม...
“ขวัญ เอ็มมีอะไรจะต้องไปทำหน่อยน่ะ ยังไงขวัญดูแก้วให้ด้วย แล้วอย่าบอกล่ะว่าเอ็มเป็นคนช่วยแก้วนะ แค่นี้แก้วก็ลำบากเพราะเอ็มมาเยอะแล้ว”ผมพูด ก่อนจะรอให้ขวัญตอบรับ หลังจากนั้น ผมก็รับวิ่งไปยังที่แห่งหนึ่ง ที่ๆมีความทรงจำแห่งความเลวร้ายของแก้วเหลือทิ้งไว้อยู่...
“สุดท้ายแล้วแก้ว อีกนิดเดียว อย่าเพิ่งเป็นอะไรเลยนะ...”ผมได้แต่อ้อนวอน หวังสักวันเรื่องพวกนี้มันจะจบลง ไม่ต้องทำให้ใครสักคนต้องเจ็บอีก ผมอยากให้พวกเราทุกคนได้ย้อนกลับไปเมื่อวันวาน เมื่อครั้งที่แก้วยังยิ้มและหัวเราะได้เหมือนคนปกติ คนที่ไม่มองเห็นวิญญาณได้แบบนี้... ผมรู้ดี... แก้วชอบช่วยเหลือคนอื่น แม้นั่นจะเป็นวิญญาณ แต่สิ่งที่แก้วไม่รู้... วิญญาณทุกดวงที่แก้วได้ช่วยไว้ นั่นจะส่งผลร้ายย้อนกลับเข้าหาตัวของเธอเอง
ผมรีบกลับมาบ้านด้วยความร้อนรน ก่อนจะพาร่างของตัวเองเตรียมขึ้นไปบนห้อง แต่แล้วเสียงของผู้เป็นบิดาดังขึ้นทำให้ผมชะงักหยุดฟัง
“เอ็ม... พ่อเคยเห็นเด็กคนนั้นแล้วนะ... เขาก็ไม่ได้เป็นเด็กไม่ดีอะไรสักหน่อย ทำไมเอ็มถึงต้องไปขัดขวางเขาล่ะ หืม...”พ่อที่นั่งขัดสมาธิอ่านหนังสือพิมพ์ประจำวันทักให้ผมหันไปมอง พ่อเป็นคนที่ไม่เหมาะกันอาชีพหมอผีเลยสักนิด พ่อไม่เคยแต่งชุดไม่เคยทำอะไรที่เหมือนหมอผี เสียแต่ว่าพ่อดันเห็นวิญญาณได้จริงๆ แล้วพลังพวกนั้นก็ติดมาอยู่กับทั้งผมและพี่อาร์ต
“พ่อ... ผมจะไม่ว่าเลย ถ้าเด็กนั่นไม่ทำให้แก้วต้องอ่อนแอลงแบบนี้ แก้วที่ผมรู้จัก เธอเป็นคนที่ร่าเริง สนุกสนาน เป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับผมนะ แก้วเป็นเพื่อนของผม ใครที่ทำให้เพื่อนผมแย่ ผมก็จะปกป้องแก้วจากคนพวกนั้น”ผมพูดจบแล้วเดินขึ้นห้องไปอย่างรวดเร็ว ผมเป็นห่วงแก้วมากกว่ามานั่งเป็นพระเอกเอ็มวีตีหน้าเศร้าแล้วร้องไห้คนเดียว ที่ผมทำได้ตอนนี้คือเป็นกำลังให้ขวัญและคนอื่นๆให้อดทนต่อไป ผมคว้ากระเป๋าสตางค์แล้วคว้ามอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่หน้าบ้านมาขับออกไป ผมโทรถามกับขวัญแล้วว่าตอนนี้แก้วไปอยู่ที่ไหน ซึ่งขวัญก็ได้ตอบมาว่าพาแก้วไปเข้าโรงพยาบาลที่ไม่ห่างจากบ้านของขวัญเท่าไร ซึ่งผมก็กำลังจะไปที่นั่น...
“เอ็ม!”เสียงของโชที่ดังเรียกผมอยู่ไม่ไกลเท่าไร หน้าห้องพักตอนนี้ มีพ่อแม่ของแก้ว กำลังยืนคุยกับแพทย์ที่รักษา ส่วนโชก็แค่โผล่หน้าออกมาจากประตู ผมเดินตามทางเพื่อที่จะเข้าไปในห้องพักซึ่งมีขวัญกับมินนั่งอยู่ไม่ห่าง ผมมองไปที่หน้าก็เห็นบีมกำลังมองแก้วผ่านทางกระจก แต่พอเธอรู้ตัว ร่างของเธอก็ค่อยๆจางหายไป แต่ทำไม... เหมือนผมจะเห็นรอยน้ำตาของเธอล่ะ
“แก้วเป็นไงบ้าง”ผมเดินไปดูอาการของแก้วใกล้ๆซึ่งขวัญก็เงยหน้าขึ้นมามองผมช้าๆ แล้วส่ายหัวว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
“แค่ปวดหัวจากอาการไมเกรนน่ะ เลยหน้ามืด แล้วก็คิดว่าน่าจะมีเรื่องเกี่ยวกับอาการเครียดด้วย เอ็ม... ขวัญไม่ชอบแบบนี้เลย มันเหมือนกับ... เหมือนกับตอนนั้น”ขวัญพูดอะไรบางอย่างออกมาซึ่งผมก็แต่เงียบฟัง
“ไม่หรอก มันจะไม่เป็นแบบนั้น เชื่อสิขวัญ พี่จะไม่ให้มันเป็นแบบนั้นอีกแน่นอน”น้อยครั้งที่ผมจะแทนตัวว่าพี่ เพราะขวัญที่ขึ้นมาเรียนในระดับเดียวกัน ถ้าให้เรียกผมว่าพี่มันก็คงจะไม่เหมาะเท่าไรนัก
“เดี๋ยวสิ... มีเรื่องอะไรเหรอ”มินที่โพล่งถามขึ้นมา ผมกับขวัญมองหน้ากันเพื่อหาคำตอบ จะบอก... หรือไม่บอก ในสถานการณ์แบบนี้ อย่างไหนจะดีกว่ากันนะ...
“คือว่า... เรื่องมันเป็นแบบนี้นะ”ผมเลือกที่จะเล่าทุกอย่างให้มินฟังซึ่งแน่นอน โชเองก็ยืนฟังอยู่ไม่ห่าง ผมเลือกเล่าเฉพาะเรื่องที่แก้วความจำเสื่อมตามที่ทั้งคู่ได้รู้มา แต่ไม่ได้บอกว่าทำไมแก้วถึงความจำเสื่อม แล้วผมก็เล่าเรื่องที่บีมมาอยู่กับแก้ว ซึ่งผมเองก็เล่าถึงเรื่องที่แต่ก่อนผมเคยสนิทกับแก้ว แต่ต้องทำตัวออกห่างด้วยเช่นกัน ผมเล่าถึงตอนที่ผมแอบไปเห็นแก้วเจอภาพเก่าๆที่ขวัญแอบเก็บเอาไว้และหมดสติไปซึ่งมินและโชก็ยืนฟังอย่างสงบ
“พวกที่เหลือ... ก็ตามที่พวกเธอรู้นั่นแหละ”ผมบอกในตอนสุดท้าย มินมองผม ขวัญ และแก้วสลับกันไปมา ก่อนจะทรุดนั่งลง โดยมีโชยืนมองอยู่ข้างๆ
“เรื่องจริง... สินะ”เสียงที่พึมพำแผ่วเบาทำให้ผมอยากไปนั่งข้างๆเพื่อฟังเธอระบาย แต่ในเวลานี้ คงไม่เหมาะที่จะทำอย่างนั้นสักเท่าไร ผมได้แต่ยืนมองมินที่พึมพำอยู่คนเดียว
“มิน... นี้เป็นเรื่องจริง ถ้าเราเป็นเพื่อนของแก้ว เราต้องเชื่อนะ”โชพูดกับมินช้าๆซึ่งที่คู่กันเงยหน้ามองกัน ผมได้แต่ยืนอยู่แบบนั้นจนมีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นมา
“ฉันไม่ใช่เพื่อนพวกนาย ออกไปซะ!!”เสียงแผ่วเบาที่อ่อนและดูไม่มีความสดชื่นเลยสักนิดดังขึ้นมา ทำให้ผมต้องหันไปมองคนบนเตียงซึ่งยังหลับตาอยู่
“แก้ว!!”พวกเราทุกคนนั้นรวมถึงผมด้วยถลาไปที่เตียงของแก้ว ซึ่งเธอค่อยๆลืมตาขึ้นมา แต่ว่า... เรื่องเมื่อกี้ แก้วจะทันได้ยินรึเปล่านะ
“อย่ายุ่งกับฉันอีก กลับไป...”หยดน้ำตาที่ไหลรินลงมาทำให้พวกผมต้องถอยออกห่างจากเตียงเหลือแค่ขวัญที่ยังนั่งอยู่ข้างๆ ไม่มีเสียงสะอื้นไห้ มีเพียงหยดน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย ผมไม่รู้ว่าแก้วได้ยินเรื่องตั้งแต่ตอนไหน หรืออาจจะไม่ได้ยินเลยด้วยซ้ำไป แต่น้ำตาที่ไหลออกมา มันก็ทำให้เพื่อนที่เคยสนิทอย่างผมต้องเจ็บปวดไปด้วยในเวลาเดียวกัน
“ขวัญ... แก้วจะกลับบ้าน”เสียงที่แห้งผากหันไปบอกกับคนข้างกาย ขวัญที่ได้แต่มองก็ต้องพูดกล่าวห้ามออกไป
“แก้ว... แก้วเพิ่งฟื้นนะ นอนอีกสักหน่อยเถอะแล้วเดี๋ยวค่อยกลับ บ้านมันไม่หนีไปไหนหรอกนะ”แต่ดูเหมือนเสียงห้ามนั้นจะไม่เข้าหูคนบนเตียงเลยแม้แต่น้อย แก้วยันตัวลุกขึ้นก่อนจะขยับตัวลงจากเตียง
“แก้ว!!”มินที่ปรี่เข้าไปหาก่อนที่พวกเราทุกคนจะรู้ตัว มินก็เงื้อมือขึ้นไม่สูงและตบลงที่แก้มของอีกฝ่าย
เพี๊ยะ!
“พอกันทีแก้ว... ทำไมไม่เชื่อกันบ้าง ฮึก... พวกเราทุกคนก็เป็นห่วงแก้วทั้งนั้นแหละ หัดอยู่นิ่งๆแล้วฟังกันบ้างสิ ไม่มีใครอยากเห็นแก้วต้องเจ็บ ระ...หรอกนะ”หยดน้ำตาของมินไหลลงมาเป็นสายพร้อมเสียงสะอื้น
“คนที่ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลยจะรู้อะไรล่ะ เรื่องที่ฉันต้องเจอมาน่ะ เธอยังฟังไม่ครบเลยด้วยซ้ำ”เสียงที่ตอบมาทำเอาผมสะอึก... แก้วได้ฟังเรื่องทั้งหมดนั้นแล้ว... ผมอยากให้ตอนนี้ผมฝันไปและตื่นมาอีกครั้งกับแก้วที่ยังเกลียดผมอยู่ ถ้าเป็นแบบนั้น ผมยังจะยินดีเสียงกว่า แก้วที่ผมต้องเผชิญในตอนนี้ก็เป็นได้...
“ฉันจะกลับ”แก้วหันไปพูดกับขวัญอีกครั้ง ในขณะที่ทั้งห้องกำลังตกอยู่ในความเงียบงัน ประตูห้องพักก็เปิดเข้ามาพร้อมๆกับร่างของพ่อแม่และแพทย์ที่เตรียมจะเข้ามาตรวจอาการของแก้วอีกครั้ง ทำให้พวกเราทุกคนหลุดจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเช่นนี้ได้อย่างเฉียดฉิว
ความคิดเห็น