ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เซเรีย เจ้าหญิงแห่งรัตติกาล

    ลำดับตอนที่ #15 : สายเลือดแห่งการพิพากษา

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.พ. 53


    ตอน 12

    สายเลือดแห่งการพิพากษา

                    หลังจากที่เซเรียหลุดออกจากพันธนาการของปีศาจ  นางหาได้รีบหนีออกมาเหมือนคนอื่นๆ  กลับทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด  แสงสีส้มสว่างไหววูบโอบล้อมรอบตัวของปีศาจตนนั้น  นัยน์ตาสีแดงกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีดำดังเดิม   รอยยิ้มถูกเผยออกมาอย่างจริงใจจากบุรุษหนึ่งผู้ซึ่งเคยเป็นปีศาจ

    ท่านคือมนุษย์เซเรียเอ่ยถาม

    ครับ  ข้าเป็นมนุษย์ปาดาสกล่าวพลางโค้งตัวให้แด่หญิงสาว

    ตอนนี้พรรคพวกของข้ากำลังมาแล้ว  ท่านรีบหลบไปดีกว่า  แล้วข้าจะพาท่านกลับไปยังโลกมนุษย์เองปาดาสพูดพลางดันเซเรียไปให้แก่ทหารนายหนึ่ง

    พานางกลับไปยังห้องขังปาดาสหันมาสั่ง  ก่อนที่นางจะโดนพาตัวกลับมายังห้องขัง  ถึงเวลานี้ เซเรียรู้ตัวแล้วว่านางต้องทำอะไรเป็นสิ่งแรก   มนต์ตราต้องห้าม เป็นสิ่งที่เธอและเพื่อนๆอีก 4 คน เท่านั้นที่ทำได้   มนต์ตราที่ทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งนำตนเองให้หลุดออกมาจากกรงขัง

    ด้วยอำนาจแห่งเทพผู้พิทักษ์  ปีศาจผู้ทำลายล้าง  แด่เหล่าสายเลือดผู้แปรเปลี่ยน  ผู้กล้าจงสำแดงฤทธิ์  พลังแห่งพวกท่านจงเชื่อฟังคำข้า  เพื่อการสร้างสรรค์ เพื่อการทำลาย  เพื่อความสมดุล จงนำพาข้าออกจากห้องขังนี้เถิดเซเรียเอ่ยวาจาที่หวานพริ้งออกมาจนทำให้ผู้ที่ได้ยินยอมตกเป็นทาสแห่งห้วงกามารมณ์

    ปล่อยข้าไปซะเซเรียหันไปสั่งเสียงแข็งกับทหารที่ยืนอยู่ตรงหน้าของนาง  เหมือนเวทย์สะกดจิต  ทหารนายนั้นหยิบกุญแจมาไขประตูอย่างว่าง่าย  เธอยิ้มออกมาอีกครั้ง  ก่อนจะก้มลงไปกระซิบข้างหูของทหารผู้นั้น

    ปล่อยคนอื่นออกมาให้หมดแววตาที่เลื่อนลอยโค้งตัวรับคำก่อนที่ประตูทั้งหมดจะถูกเปิดออก

    พี่เซเรียฮาเทนวิ่งเข้ามาหาเธอทันที

    หืม...เซเรียก้มหน้าลงไปหา  นักโทษคนอื่นๆก็ทยอยกันออกมาจากห้องขัง

    ไปอยู่ในห้องขังแล้วล็อกกุญแจซะเซเรียหันไปเอ่ยแก่ทหารที่ทำหน้าที่เปิดประตู  พลางจูงมือฮาเทนเอาไว้

    ตามข้ามาเซเรียกล่าว  ก่อนจะหยิบมีดสั้นของตนออกมาถือไว้เพื่อเป็นอาวุธป้องกันตัว  จนกระทั่งถึงห้องๆหนึ่ง เซเรีย เปิดประตูนั้นเข้าไปแล้วเดินเข้าไปใกล้ วงกลมวงหนึ่ง ที่ทุกคนเรียกว่าวงแหวนเวทย์มนต์  ฮาเทนถูกเซเรียส่งตัวให้กับหญิงสาวนางหนึ่ง

    ดูแลเขาด้วยนะเฮเลนเซเรียเอ่ยออกมาก่อนที่แสงสีขาวนวลจะนำพาทุกคนกลับไปยังโลกมนุษย์

    ถึงตาพวกเราแล้วล่ะ ทุกคนเซเรียยิ้มพลางเดินไปอยู่ ณ ใจกลางของวงแหวนเวทย์มนต์แสงสีดำสนิทเปล่งประกายก่อนจะร่างของนางจะจางหายไป

     

                    ภายในวงแหวนเวทย์มนต์ที่อยู่ ณ โลกปีศาจส่องแสงสีดำสนิทออกมา  หลังจากที่แสงนั้นจางหายไปก็เหลือร่างของหญิงสาวนางหนึ่งทิ้งเอาไว้  เธอก้าวออกมาจากวงแหวนเวทย์มนต์พลางหยิบคทาของตนออกมา  คทาที่แท้จริงของพวกเขาคือ คทาที่ไม่มีอะไรเลย  แต่ด้วยความที่ไม่มีอะไร  มันจึงทำให้พลังเวทย์ของพวกเขาแข็งแกร่ง   เซเรียเดินไปยังห้องๆหนึ่งที่คุ้นเคย  ก่อนที่เสียงสองเสียงจะประสานกันทั้งทีที่เห็นนาง

    เซเรีย!”เวสตากับเชลนัทที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นนางพอดีรีบลุกขึ้นมาพยุงร่างกายที่แทบไร้เรี่ยวแรงเอาไว้   ทันทีที่ออกมานอกเขตของปราสาทที่ปาดาสอาศัยอยู่  พลังที่ถูกสกัดเอาไว้ก็สำแดงฤทธิ์เดช  ใบหน้าของนางซีดเซียวแทบไร้เลือดฝาด  ร่างเล็กๆเซล้มลงกับพื้น  เลือดสีแดงซึมออกตามผิวหนังที่ขาวซีดของนาง  เวสตาที่เห็นดังนั้นจึงรีบอุ้มนางไปยังเตียงทันที   พลังทั้งจากเวสตาและเชลนัทถูกส่งออกมาเพื่อสกัดเลือดที่กำลังไหล  นัยน์ตาสีดำเปิดขึ้นน้อยๆ  ก่อนที่ริมฝีปากบางจะเอ่ยอะไรบางอย่างที่จับใจความไม่ได้ออกมา

    ทะ...ท่าน ผะ...ผู้กล้านางเอ่ยวาจาได้เพียงเท่านี้ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะเย็นเยียบไม่ต่างจากน้ำแข็ง

    เซเรีย...เวสตาเรียกก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้อง  ตามด้วยเชลนัท  ทิ้งให้เทพผู้หนึ่งเข้ามาดูแลนาง  พลังสีขาวสะอาดถูกส่งให้แก่หญิงสาวจนกระทั่งตัวของนางเริ่มอุ่นขึ้น  เลือดที่ไหลออกจากผิวหนังก็ถูกเทพตนนั้นรักษาจนหายสิ้น  จะเหลือก็เพียงแต่รอให้นางฟื้น

    ข้ารักเจ้า  ลูกของข้าเทพตนนั้นกล่าวด้วยเสียงเรียบนิ่งหากแต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของความรักก่อนที่ประตูห้องนั้นจะถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง  เทพตนนั้นก็จางหายไปเสียแล้ว

    เซเรียราชินีที่เวสตาไปบอกเมื่อครู่รีบพุ่งตัวมาที่ห้องทันที  แม้เทพตนนั้นจะหายไปแล้ว แต่กลิ่นอายของความรักยังคงอยู่  สิ่งที่ทำให้ราชินีของโลกปีศาจถึงกับหลั่งรินน้ำตาออกมา  ให้แก่ผู้ที่เคยเป็นสามีของนาง

    ราชินีเวสตาส่งเสียงเรียก

    อ๊ะ... โทษทีนะ  ขอแม่อยู่คนเดียวก่อนนะองค์ราชินีว่าก่อนจะเดินไปใกล้ๆเตียงที่เซเรียนอนอยู่

    ลูกคือผู้สืบทอดที่แท้จริง  สิ่งๆนี้ลูกต้องรับมันไว้ราชินีเอ่ยกับร่างที่ยังนอนนิ่งไม่ไหวติง  คริสตัลใสๆถูกส่งเข้าไปในร่างกายลูกแล้วลูกเล่า  จนกระทั่งผู้ที่สลบอยู่ค่อยๆลืมตาเพื่อเผชิญกับความเป็นจริง

    ท่านคือ...เซเรียพยายามเปล่งเสียงออกมาให้ได้มากที่สุด  องค์ราชินีส่ายหน้าแล้วเอ่ยแทรก

    แม่ของเจ้า   ราชินีของโลกปีศาจ  ที่มีชื่อว่า อามีนน์องค์ราชินีกล่าว นัยน์ตาสีนิลกาฬฉายแววยินดี  พลางโอบกอดร่างของหญิงสาวเอาไว้

    ท่าน... แม่เพียงได้เอ่ยแค่ครั้งเดียว  ร่างที่ตกอยู่ในอ้อมกอดก็อยากจะเอ่ยอีกหลายๆครั้ง  รอยยิ้มที่ฉายถึงความดีใจ   เผยออกมาจนปิดไม่มิด

    เพื่อนๆของข้าเซเรียกล่าว

    หืม... พูดถึง โอเทส ชานัท เดลคิล อาเรสเหรอจ๊ะอามีนน์ถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล  เซเรียพยักหน้ารับ  ก่อนที่อามีนน์จะเรียกลูกแก้วคริสตัลออกมา

    ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ  พวกเขาจะมาหาลูกในไม่ช้าภาพที่เห็นทำเอาเซเรียยิ้มอย่างเป็นสุข ทุกคนกำลังเดินทางมาหานาง    แต่นางคงจะลืมไปว่า...  ท้องทะเลที่สงบ มักจะเกิดพายุในไม่ช้า!!

     

              โอเทสที่กำลังเดินเข้าไปอยู่ในวงแหวนเวทย์มนต์หันมากุมมือชานัทเบาๆ  ก่อนที่แสงสีดำจะคลุมทั้งหมดให้หายไป   และย้ายมาอยู่ที่เดียวกับเซเรีย

    อาเรสเซเรียวิ่งเข้าไปกอดคอคนที่พึ่งมาถึงในทันที  เดลคิลเบือนหน้าไปอีกทางก่อนจะยิ้ม... พร้อมน้ำตาหยดเล็กๆที่ไหลลงมา

    เธอ... มาได้ยังไงอาเรสถาม  เซเรียจึงเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง

    ...

    เวทย์ต้องห้ามเดลคิลพึมพำเป็นครั้งสุดท้าย

    เซเรีย ต่างหูของเธอเดลคิลบอกก่อนจะยื่นต่างหูคืนให้

    อ่อ... ขอบใจนะเซเรียยิ้มรับแล้วหยิบมันมาใส่ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นเด็กผู้ชาย

    แล้วเราจะทำยังไงต่อชานัทถาม

    พวกมันเริ่มทำกองทัพปีศาจ  พวกเราต้องหยุดมันเซนตอบ

    เริ่มจาก...ชานัทถามอย่างสงสัย

    ตอนที่ฉันไปอยู่ที่นั้น ฉันเคยเห็นกองทัพปีศาจ มันบอกว่ามันต้องการพลังของพวกเราทุกคนเซนตอบ

    งั้นถ้าเราไม่ให้พลังกับมัน มันก็สร้างกองทัพนั้นไม่ได้ใช่ไหมล่ะโอเทสถาม

    ไม่หรอก  นายเคยได้ยินชื่อที่ว่า  กุญแจแห่งการทำลายกับกุญแจแห่งการสร้างงั้นเหรออาเรสบอก

    แล้วไอ้กุญแจสองดอกเนี่ย มันอยู่ที่ไหนล่ะชานัทถาม

    ไม่รู้  แต่ว่ามันจะไม่เป็นรูปกุญแจหรอกนะ  มันจะเป็นอะไรก็ได้  ที่ไม่มีใครรู้น่ะอาเรสเอ่ยพลางนั่งลงบนเก้าอี้

    งั้นเราจะทำยังไงต่อล่ะชานัทกล่าว

    หาสิครับ  จะนั่งรอรึไงเซนบอกแบบขำๆ

    แล้วเราจะมาที่โลกปีศาจเพื่อ...?อาเรสทำหน้ามึน

    เพื่อช่วยจิตวิญญาณที่ถูกปีศาจพวกนั้นชิงไปไงล่ะเซนตอบพลางเดินไปหยิบจดหมายที่ซ่อนเอาไว้ในโต๊ะ

    อ่านซะ   เรื่องทั้งหมดมาถึงจุดสำคัญแล้ว  โชคชะตาจะเล่นตลกกับเราซะแล้วเซนกล่าวก่อนจะส่งจดหมายไปให้แก่อาเรส

    พวกเราน่ะ...  อยู่เหนือโชคชะตามาตั้งแต่ต้นแล้ว   และถึงแม้ว่าเรื่องพวกนั้นจะเกิดขึ้นจริง ฉันนี้แหละที่จะเปลี่ยนแปลงมันเองอาเรสตอบก่อนจะฉีกจดหมายพวกนั้นออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

    ไม่ใช่ ฉันแต่เป็น พวกเราต่างหากล่ะชานัทพูดก่อนจะเดินมาอยู่ข้างๆอาเรส

    ใช่  พวกเราโอเทสเองก็เดินมาอยู่อีกข้างของอาเรส

    งั้นพวกเราก็มาช่วยกันเถอะเซนบอกแล้ววางมือลงกลางวง

    อืมชานัทพยักหน้าก่อนจะวางมือทับมือของเซน

    เอาไงเอากันเลยโอเทสนตอบแล้ววางทับมือลงอีกครั้งตามด้วยอาเรส   ทุกคนหันไปมองผู้ที่ยืนอยู่เพียงคนเดียวที่เหลือก่อนจะหันกลับมามองที่มือของตัวเอง

    เฮ้อ!”เดลคิลถอนหายใจหน่ายๆก่อนที่จะวางมือลงด้านบนสุด

    จงสู้กับโชคชะตาที่มันเล่นตลกกับเราเซนพูดนำก่อนจะยิ้ม

    เฮ้!”เสียงทั้ง 5 ประสานกัน  เป็นเวลาเดียวกับที่องค์ราชินีอามีนน์เดินกลับเข้ามาพอดี

    เอ้า! ทุกคนมานี้สิอามีนน์กล่าวก่อนที่จะหยิบกล่องๆหนึ่งขึ้นมา

    อดีตของพวกเจ้า  ส่วนจิตวิญญาณพวกนั้นน่ะ  เชื่อข้าเถอะ  อย่าพึ่งไปเลย เพราะพวกเจ้าไปก็เสียเวลาเปล่าอามีนน์กล่าวก่อนจะส่งกล่องทั้ง 5 ให้แก่ทุกคน

    เปิดซะ แล้วเจ้าจะจำอดีตทั้งหมดได้อามีนน์เอ่ย

    ครับทั้งหมดรับคำก่อนจะเปิดกล่องทั้งหมดออก  แสงสว่างวาบขึ้นมาครั้งหนึ่งก่อนที่กล่องนั้นจะหายไป

    เสร็จแล้วล่ะอามีนน์กล่าว   โอเทสสำรวจตัวเองพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น

    ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยนี่ครับโอเทสบอก

    งั้นเหรอ   ข้าเองก็ไม่รู้หรอก  ส่วนนี้ พ่อของพวกเจ้าฝากข้าเอาไว้กล่องไม้ใบหนึ่งถูกส่งให้แก่ทุกคน

    แล้วจะเปิดยังไงล่ะครับเซนถามหลังจากสำรวจรอบๆกล่องแล้ว

    จนกว่าจะถึงวันที่เจ้าเปิดได้ จงเก็บมันเอาไว้จนกว่าจะถึงวันนั้น  เอาล่ะ หมดเวลาสำหรับพวกเจ้าแล้ว กลับไปยังโลกมนุษย์เถิด  ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปอามีนน์ทิ้งปริศนาเล็กๆเอาไว้ก่อนที่ทั้งหมดจะลากลับมาที่โลกมนุษย์

     

                    ภายในห้องพักของทั้ง 5  การสอบกลางภาคใกล้จะเริ่มขึ้นทุกๆที   โดยที่ทั้ง 5 ถูกยกเว้นเป็นกรณีพิเศษที่ไม่ได้เข้าเรียน   เพื่อนๆในหอก็แวะเข้ามาหาบ้างเป็นบางคราว  โดยเฉพาะรุ่นพี่ทั้ง 5 คนที่มักจะแวะมาหาบ่อยที่สุด

    อ่านถึงไหนแล้วล่ะรานอฟถามแล้วชะโงกหน้าเข้ามาดูหนังสือของเซน

    วิธีการขโมยของจากกล่องสมบัติ และวิธีการสังเกตเซนตอบเรียบๆแล้วก้มหน้าอ่านต่อ

    ยากจะตาย  แต่มันมีวิธีจำง่ายๆ  จะให้ลองบอกรึเปล่าล่ะ  แทบไม่ต้องจำเลยไซครอสโผล่หน้าออกมาคุยทันที

    ไปคุยกับเจ้าอาเรสต่อไปรานอฟไล่

    แต่ฉันอยากรู้นะ  พี่ไซครอสบอกหน่อยสิเซนบอก  โอเทส ชานัทกับอาเรสก็เดินเข้ามาหาพลางดึงเดลคิลเข้ามาร่วมวงด้วย

    เรียกง่ายๆว่าเทคนิคดับเซียน  ็น

    มีทั้งหมด 6 อย่าง  คือ หนึ่งล้วง สองกลวง  สามตามแกะ  สี่ทาซ้อนประกบ  ห้าลนไฟประกบ  หกล้วงข้าง  เทคนิคทั้งหมดทำเอานักประเมินหลายคนถึงกับยกมือยอมแพ้เลยล่ะ  โดยเฉพาะลนไฟประกบ  นักประเมินมืออาชีพยังมองข้ามมานักต่อนักแล้วไซครอสตอบ

    โห~  ง่ายกว่าอ่านเองเยอะเลยพี่ชานัทร้องขึ้น

    อืม  หลักใหญ่ๆก็มีแค่นี้ล่ะ  แบบอื่นอ่านผ่านๆก็พอแล้วไซครอสเอ่ยก่อนจะหันไปมองผู้ที่ไม่สนใจตนเอง

    เดลคิล  กล่องนี้ใช้วิธีอะไรไซครอสเรียกกล่องออกมากล่องหนึ่งก่อนจะส่งให้กับเดลคิล

    หืมเดลคิลครางรับก่อนจะหยิบมาดู

    ทาซ้อนประกบเดลคิลตอบหลังจากพลิกกล่องดูรอบๆ

    รู้ได้ยังไง

    รอยกาวเยอะขนาดนั้น เป็นใครก็ต้องรู้เดลคิลกล่าวพลางส่งกล่องให้คนอื่นๆดูต่อ

    ไหนล่ะ ไม่เห็นมีเลยโอเทสบ่นแต่ก็ส่งไปให้อาเรสดูต่อ

    เอาคืนไปเหอะพี่ นอกจากไอ้เดลคิลแล้วไม่มีใครมองออกหรอกอาเรสส่งคืนให้

    ไม่นะ  นั้นมันล้วงข้างต่างหากล่ะเซนแย้ง

    ถูกต้อง  กล่องนี้ใช้วิธีล้วงข้าง  ดูนะไซครอสเฉลยพร้อมกับดันไม้ที่จุดๆหนึ่งจนมันตกลงไปด้านในกล่อง

    เดลคิลไม่ทันสังเกตเนื้อไม้ตรงนี้ เลยคิดเอาเองว่าทาซ้อนประกบ  สายตาน่ะ เชื่อไม่ได้เสมอไปหรอกนะไซครอสตอบก่อนจะเดินออกไปนอกห้อง

    เออ  รานอฟ  เจ้าหญิงฟาเซลเขารอแกอยู่ที่หอโลมานะเสียงไซครอสดังมาจากหน้าห้องก่อนที่เสียงดัง ปึง! จะตามมา

    ไอ้ไซครอสรานอฟกัดฟันแน่นแล้วเผ่นตามไซครอสไปทันที

    งั้นพวกพี่ขอกลับก่อนนะฟาเรลบอกก่อนจะลุกขึ้น

    ครับพี่ชานัทยิ้มตอบ  จนลานีคูสเดินผ่านเซนรอยยิ้มที่ถูกเก็บมานานก็ปล่อยออกมา  เซนเองก็ยิ้มรับแล้วโคลงหัวทีหนึ่งเป็นการลา

    สนิทกันจริงนะโอเทสแหย่

    ก็แล้วจะทำไมล่ะเซนทำหน้าทะเล้นตอบกลับ

    เฮ้  จะสอบแล้วตั้งใจอ่านหนังสือกันหน่อยเซ่!”ชานัทตะโกนบอกแล้วปาหมอนใส่โอเทสแต่ดันพลาดไปโดนอาเรส

    โอ๊ย! เล่นงี้เหรออาเรสว่าแล้วปาหมอนกลับไปบ้างแต่ชานัทหลบได้จึงพลาดไปโดนเดลคิลอย่างจัง

    ไม่อ่านแล้วเดลคิลบ่นพลางเก็บหนังสือ ห้องทั้งห้องเงียบกริบทันทีที่เดลคิลเก็บหนังสือ

    ปึก!  หมอนใบใหญ่กระทบหน้าของคนทั้ง 4 ตรงๆ

    อ๊าก! มันเจ็บนะโว้ย ไอ้เดลคิลจากนั้นมหกรรมการปาหมอนครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น  รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะปนเปกันอยู่ในห้องพักที่นั้น  เหมือนกันเมื่อวานไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย  ช่างมีความอดทนจริงๆนะ ทั้งๆที่เผชิญหน้ากับสิ่งที่น่ากลัวที่สุดอยู่แท้ๆ แต่กลับยังยิ้มได้  จงรักษารอยยิ้มเอาไว้ให้ได้นานที่สุดเถอะนะ ทุกคนเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไร รอยยิ้มพวกนั้นจะถูกช่วงชิงไปพร้อมกับลมหายใจที่ดับสูญ   

                                                   

               พอถึงวันสอบถ้าดูให้ดีโรงเรียนเหมือนจะร้างผู้คน หากแต่ก็ไม่ใช่เช่นนั้น  ถ้าลองไปดูในโรงอาหารของทุกหอให้ดีดี  จะพบนักเรียนมานั่งจับกลุ่มติวกันอยู่ภายในโรงอาหาร   หออื่นๆมีนักเรียนร่วม 1000 คน  เห็นจะมีอยู่หอเดียวที่มีนักเรียนอยู่น้อยที่สุด  หรือก็มีแค่เพียง  152  คน  และภายในห้องอาหารของหอใต้ก็ไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิด  ไม่มีนักเรียนมานั่งติวหนังสือเหมือนหออื่น  ไม่มีนักเรียนมานั่งคุยกันจอแจเหมือนทุกวัน  แต่มันมีการรวมตัวนักเรียนทุกคนถึงเรื่องราวที่จะเริ่มต้นต่อจากนี้ไป

    ปีนี้  หอเราใครสอบตกมีการทำโทษครั้งใหญ่โดยเฉพาะปี 1  ถ้ายังอยากมีอวัยวะครบ 32 ก็จงสอบให้ได้คะแนนดีที่สุด  สอบครั้งนี้จะเป็นการวัดผลขึ้นปี 2 อีกไม่นาน พวกพี่ก็จะขึ้นปี 5  น้องปี 1 ขึ้นปี 2  และน้องๆก็จะต้องไปรับน้องปี 1 เหมือนพวกพี่  และจงจำเอาไว้นะ  ไม่มีอะไรที่หอใต้ทำไม่ได้พี่ฟาเรลตะโกนปลุกใจ

    เฮ้!”เสียงตอบรับจากทุกทิศทางดังขึ้น

    พี่ปี 5กับพี่ปี 6 มีอะไรจะพูดมั้ยครับฟาเรลหันไปถาม คำตอบที่ได้คือการส่ายหน้าของพี่ทุกคน

    งั้นจงทำสอบคราวนี้ให้ดีที่สุดฟาเรลหันมาตะโกนอีกครั้งก่อนที่ทั้งหมดจะเดินไปเข้าห้องสอบ

                                                   

                    ภายในห้องสอบ  ข้อสอบมีทั้งหมด 300 ข้อ  ให้เวลาทั้งหมด 5 ชั่วโมง  ข้อสอบ 1 ข้อ ต้องตอบให้ครบ 1 หน้ากระดาษ 

    จงอธิบายข้อสังเกตของการขโมยสมบัติจากกล่องไม้ที่เรียกว่ากลวงเซนพึมพำข้อสอบตนเองเบาๆ  ก่อนจะเขียนคำตอบที่แสนจะยืดยาวลงไป

    วิธีใดที่จะทำให้ผู้คนในเมืองมีการเป็นอยู่ที่ดีมากที่สุดคำถามที่เซนแทบอยากจะเอาหัวโขกนุ่นตาย(โขกเสามันเจ็บ)เวลา 5 ชั่วโมงผ่านไปอย่างเร็วจนเสียงออดหมดเวลาดังขึ้น ข้อสอบตรงหน้าของทุกคนก็หายวับไปในอากาศ

    ไม่ต้องตกใจ  อาจารย์เขาเก็บไปตรวจแล้วเท่านั้นล่ะอาจารย์ผู้คุมสอบบอก

    งั้นกลับได้แล้วใช่ไหมค่ะคีน่าถาม อาจารย์พยักหน้ารับก่อนที่เสียงโวยวายจะดังลั่นไปทั่วตึกเรียน

    ไปไหนกันต่อดีล่ะโอเทสถามแล้วกระโดดกอดคอชานัท

    ฮะแฮ่ม...เซนแกล้งกระแฮ่มไอพลางส่งสายตามีเล่ห์นัยไปให้แก่โอเทส

    เอ่อ... คือโอเทสก้มหน้าก่อนจะถอยห่างชานัทออกมา

    เอ๋...  รู้สึกว่าอยากจะมีคู่ขึ้นมาแล้วสิชานัทแกล้งทำเป็นพูดขึ้นลอยๆ  เพื่อนที่ได้ยินพากันอมยิ้มไปตามๆกัน

    อ่า~  แล้วใครจะเป็นคู่นายล่ะชานัทเซนแกล้งรับมุขถามไปดื้อๆ

    ไม่รู้สิ  ก็กำลังดูอยู่เหมือนกันชานัทบอกแล้วแสร้งเหล่ตาไปยังโอเทสที่ก้มหน้ามองพื้นอย่างอายๆ

    แล้วถ้าเป็นคนแถวนี้พอได้รึเปล่าล่ะเซนถามต่ออีก

    ดีมากเลยล่ะ แต่ไม่รู้ว่าคนๆนั้นเขาจะยอมทิ้งเมืองตัวเองมาอยู่กับฉันรึเปล่าน้า~”ชานัทถามแล้วลงไปกระซิบเบาๆ ยอมรึเปล่าล่ะ ฮึ

    ยอมสิเสียงเบาๆดังขึ้นมา

    อะไรนะ  ได้ยินไม่ชัดเลย อะไรยอมๆชานัทแสร้งถามพลางก้มหน้าลงไปชิดอีกฝ่าย

    ฉันยอมไปอยู่กับแกที่เมืองโอเทสตอบเสียงดังขึ้น

    ทำไมถึงยอมล่ะ บอกเหตุผลหน่อยสิชานัทถาม

    เพราะ... เอ่อ... ฉัน... แกโอเทสตอบเสียงเบาหวิว

    เพราะอะไร  ทำไมมันเบาจังเลยชานัทยังคงถามต่อไป

    ฉัน... ระ... รักกะ... แกเสียงติดๆขัดๆเป็นอะไรที่กวนใจชานัทอย่างมาก  จนกระทั่งประโยคนี้จบลง

    ขอแบบชัดๆได้มั้ย ไม่เอาสะดุดน่ะชานัทยังคงยิ้มหน้าระรื่นถามต่อไป  แต่ดูท่าคนตอบคงจะเบื่อสุดๆจึงตะโกนเสียงดังลั่น

    ฉันรักแกโว้ย ได้ยินชัดรึยังชัดเต็มน้ำเสียงชานัทยิ้มแก้มปริแล้วจับโอเทสอุ้มขึ้น

    ตัวหนักจังชานัทบอกหลังจากปล่อยโอเทสลง

    แกไม่อยากพูดอีกใช่ไหมโอเทสถามเสียงเย็นก่อนจะยิ้มยะเยือก

    เริ่มเห็นแววในอนาคตแล้วสิ  ไม่เอาหน่า  โกรธแล้วแก่เร็วน้า~”ชานัทแกล้งหยอก

    ฉันเป็นผู้ชาย ดังนั้นมุขนี้เลิกซะ  ไม่ชอบโอเทสสั่งแล้วหันไปบอกเซน

    นายก็ระวังเถอะ  เป็นดูจะมีคนชอบ ตั้งสองคนแหนะ เลือกให้ดีนะโอเทสหันมากระซิบให้ได้ยินสองแล้วพยักเพยินไปทางเดลคิลและอาเรส

    เอาล่ะ  แล้วจะไปไหนต่อ  เจ้าชายชานัทโปรดระวังเจ้าหญิงโอเทสจะเป็นอันตรายนะพะย่ะค่ะอาเรสแกล้งล้อก่อนจะได้รับมะเหงกสองทีเป็นคำตอบ หนึ่งจากโอเทสและอีกหนึ่งจากชานัท ข้อหาที่ทำให้อาย

    ตกลง เราจะไปไหนกันเดลคิลที่เงียบมานานพูด

    เฮ้~  พวกนายน่ะ หัวหน้าหอใต้ใช่รึเปล่าเสียงคนจากหออื่นดังขึ้น

    อืม  แล้วนายเป็นใครเซนพยักหน้ารับ

    ฉันชื่อเคโอนัส หัวหน้าหอตะวันออก  จะมาท้าสู้กับนาย อีก 5นาทีเจอกันที่สนานหน้าโรงเรียนเคโอนัสกล่าวแค่นั้นแล้วเดินกลับไปทิ้งข้อความหนักอึ้งเอาไว้ให้กับ 5 คนด้านหลัง จนเวลาผ่านพ้นไป 5 นาที ทั้งหมดเดินมาจนถึงสนานหน้าโรงเรียน  นักเรียนหลายคนมายืนล้อมเพื่อดูเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้

    ฟีนิกซ์ไม่มีวันตาย! เฮ้!”เสียงเรียกกำลังใจจากกลุ่มคน 5 คนในชุดสีเทาทึบก่อนจะเดินมาด้านหน้าเผชิญกับกลุ่มของเดลคิลที่ยืนรออยู่

    เริ่มนะเซนยิ้มแล้วเดินไปประกบกับชายคนหนึ่งที่ดูจะอ่อนแอที่สุดในกลุ่ม 

    นายกับฉันเขาพูดก่อนจะชี้ที่ตัวเองแล้วเบนนิ้วมาที่เซน

    อืมทันทีที่เซนตอบรับ แรงอัดมากมายมหาศาลก็ถูกส่งมาอัดที่ท้องของเซนเต็มๆ จนทำให้คนที่โดนจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวเซไปไกล

    นายคงเป็นธาตุ... ลมเซนเดา

    อืมเขาพยักหน้ารับ เซนกระตุกยิ้มเล็กแล้วพูดต่อ

    รู้อะไรมั้ย  นิสัยของคนธาตุลมน่ะ เป็นพวกที่ต้องคิดให้รอบคอบก่อนจะลงมือ  ต่างกับธาตุสายฟ้า  ที่จู่โจมแบบไม่ต้องคิด และนั้นล่ะ จุดอ่อนของนายที่ฉันมองเห็นเซนพูดน้ำเสียงราบเรียบพลางวิ่งเข้าใส่คนตรงหน้า

    เปรี๊ยง!”เสียงสายฟ้าที่พุ่งจากมือของเซนกระแทกกับตัวของคนตรงหน้าแบบหลบไม่พ้น  แต่การบุกเข้าไปแบบนั้น ก็ทำให้อีกฝ่ายตั้งรับได้ทันส่งแรงลมออกมาต้านพลังได้เกือบครึ่ง

    รู้อะไรมั้ยครับ  ผมน่ะ ไม่ได้ตัวเล็กเหมือนที่เห็นหรอกนะครับเขาพูดก่อนที่พลังที่พัดให้เซนถอยหลังก็เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ   มือสองข้างถูกยกขึ้นมาเป็นการ์ดป้องกันแรงลมที่พัดอยู่   นัยน์ตาสีดำปรือเล็กๆเพื่อหาช่องทางในการตอบโต้ให้อีกฝ่ายบาดเจ็บให้น้อยที่สุด

    การต่อสู้คราวนี้ ผมขอเป็นฝ่ายชนะเถอะนะครับเขากล่าวก่อนที่แรงลมที่หนักหน่วงจะดันให้เซนล้มลงไปนอนกับพื้น

    เฮ้!”เสียงเฮรอบด้านดังขึ้น  เขาเดินกลับไปยังที่นั่งอย่างช้าๆ

    รอเดี๋ยวสิ  ฉันยังไม่ได้ตอบโต้อะไรเลยนะเซนที่เดินมาอยู่ด้านหลังของอีกฝ่ายตั้งแต่เมื่อไรไม่มีใครเห็น  ใช้สันมือฟันที่หลังคอของอีกฝ่ายจนอีกฝ่ายสลบไป  เสียงที่เคยเฮลั่นเงียบกริบในทันที เมื่อเห็นว่าผู้ที่ถูกลมอัดเข้าไปแรงขนาดนั้นกลับไม่เป็นอะไรสักนิด

    ปวดตัวไปหมดเลย ให้ตายเหอะเซนพลิกคอตัวเองไปมาก่อนจะยืดเส้นยืดสายแล้วเดินกลับไปนั่งที่ของตนเอง

    ตาต่อไป นายเซนชี้ไปที่โอเทส

    งั้น... ปิ๊งป่อง เธอโอเทสหลับตาแล้วชี้ไปที่คนๆหนึ่ง  ที่เป็นผู้หญิงผมสีบลอนด์เงินก่อนที่ทั้งสองจะเดินมาที่กลางสนาม

    ฉันชื่อโอเทส ยินดีที่ได้รู้จักโอเทสแนะนำตัว

    ฉันแอมมอร์ลิน ฝากตัวด้วยนะเธอก้มหัวให้แก่โอเทสก่อนจะหยิบคทาของตัวเองออกมา

    ฉันไม่ถนัดต่อสู้  ถ้าเป็นการใช้เวทย์มนต์จะได้รึเปล่าคะแอมมอร์ลินถาม

    ได้สิครับโอเทสบอกแล้วหยิบกิ่งไม้ที่ถูกลมจากการต่อสู้ของเซนพัดมา

    แด่พลังเวทย์ผู้กล้าแข็ง ได้โปรดทำตามคำร้องขอของฉันเถอะนะค่ะหญิงสาวเอื้อนเอ่ยออกมา  จากนั้นดินที่อยู่บริเวณนั้นก็เริ่มยุบตังลง  กลายเป็นของเหลวที่ทำให้โอเทสจมลงไปได้ง่ายๆ

    รู้มั้ยครับ ผมน่ะ ธาตุน้ำ แล้วดินที่เหลวแบบนี้ ก็ทำอะไรผมไม่ได้หรอกครับโอเทสใช้เวทย์ของตัวเองบังคับดินที่เหลวเป็นน้ำให้พยุงตัวของเขาเอาไว้

    ขอบคุณที่บอกนะคะหญิงสาวยิ้มแล้วเริ่มร่ายคาถาขึ้นใหม่

    แด่องค์ปฐพีจงสดับฟังคำร้องขอ  แผ่นดินแห่งความอุดมสมบูรณ์จงส่งพลังให้แก่ข้าจากนั้นดินรอบๆแถวนั้นก็ลอยขึ้นไปทับขาของโอเทสเอาไว้จนขยับไปไหนไม่ได้ ชานัทที่เห็นแบบนั้นก็ตั้งท่าจะเข้าไปช่วยแต่ถูกอาเรสห้ามเอาไว้เสียก่อน

    ตามเกมสิ อย่าลืมอาเรสมองดูการต่อสู้ที่เป็นไปอย่างสนุกสนาน  แววตาที่อยากจะลงไปอยู่ในสนามอยู่ถึงที่สุดฉายอย่างปิดไม่มิด

    การแสดงของเธอ จบแล้วใช่ไหมโอเทสเงยหน้ามาถามด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มก่อนที่ฝนจะโปรยลงมาจากฟ้าอย่างรุนแรงจนดินถูกชะล้างออกไปจนสิ้น

    อะ... อะไรกันเนี่ยหญิงสาวส่ายหน้าด้วยความหวาดกลัวทันทีที่เห็นแววตาของโอเทสกลายเป็นสีฟ้าใสจนเนียนไปกับสีขาวของตา

    กรี๊ด~”เธอกรี๊ดลั่นเมื่อน้ำฝนที่ตกลงมากลายเป็นน้ำกรดโดนเนื้อของเธอจนเป็นแผลเหวอะหวะไปหมด

    โอเทส!”ชานัทสะดุ้งสุดตัวสะบัดตัวหลุดจากการจับของอาเรสวิ่งไปกอดโอเทสไว้แน่น

    พอได้แล้วโอเทส พอที ได้โปรด  นายต้องไม่ฆ่าใครนะแววตาของโอเทสเริ่มกลับมาเป็นสีฟ้าเข้มอีกครั้ง  ฝนห่าใหญ่ที่ตกลงมาก็เริ่มซาลงเล็กน้อย

    เดี๋ยวฉันมานะโอเทสเดินไปหาหญิงสาวที่ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บ แต่ชานัทก็ยังดิ้นรนจะตามไปด้วย   หญิงสาวที่หันมาเห็นโอเทสเข้าก็ส่ายหน้าก่อนจะก้มหัวคลานไปหาโอเทสด้วยความกลัว ปากก็เอ่ยพร่ำของความเมตตา

    ขอโทษนะโอเทสทำในสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง  เขาก้มตัวลงหาหญิงสาว  ถ่ายพลังของตนใส่ในร่างของเธอด้วยความเบามือ ไม่นานนักบาดแผลที่ได้รับจากการต่อสู้เมื่อครู่ก็หายไปเกือบหมด

    ขะ... ขอบ  ขอบคุณคะ... ค่ะหญิงสาวเอ่ยก่อนจะวิ่งถอยไปตั้งหลักหลังเพื่อนของนาง

    งั้นคู่ต่อไปนายเลยล่ะกันนะชานัทโอเทสว่าแล้วเดินไปนั่งรอดู

    ใครจะคู่กับฉันชานัทเริ่มหันไปมองเหยื่อแต่ละคน  ดูก็รู้ว่าทั้งหมดไม่อยากจะสู้แค่ไหน เพราะดูจะทั้งสองคู่ที่ผ่านไปก็ทำเอาขาแทบหมดแรงกันเป็นแถว  แต่ถ้ายอมแพ้หอตะวันออกก็จะเสียงชื่อเอาง่ายๆ  ซึ่งชานัทคิดว่ามันเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย

    ฉันเองใครสักคนที่ชานัทเองก็ไม่อยากรู้จักเดินออกมาเผชิญหน้ากลับเขา

    ยินดีต้อนรับสู่สนามแห่งความ... ตาย!”ชานัทเอ่ยแล้วเอานิ้วชี้ปาดที่คอของตนเอง ทำเอาอีกฝ่ายต้องลอบหลบตาอย่างรวดเร็ว

    กติกาสำหรับคู่ของเรา  ใครแพ้  ห้ามสู้อีกชานัทบอก

    แกหมายถึง...!”อีกฝ่ายถามอย่างกลัวๆ

    ใช่แล้ว ฉันไม่ยั้งมือแน่ชานัทว่าก่อนจะยกการ์ดขึ้นรอตั้งรับ ฉันจะยกให้แกสองครั้งเป็นของขวัญ มีอะไรเจ๋งๆก็เอาออกมาให้หมด

    แด่สายน้ำไหลเวียนวน แด่พลังแห่งจิตใจข้า  ส่องแสงสว่างแด่ความรับรู้ในจิตที่เลือดหายอีกฝ่ายร่ายเวทย์ที่รุนแรงที่สุด  ชานัทยกยิ้มเยาะก่อนจะรับคลื่นน้ำที่โถมเข้าใส่ตนเองอย่างตรงๆโดยไม่ได้ก้าวถอยหลังสักนิดอีกฝ่ายที่เห็นถึงกลับเป็นฝ่ายผงะถอยหลังไปเองสองก้าว

    สายน้ำแห่งการทำลายชานัทยืนมองอีกฝ่ายที่กำลังร่ายเวทย์อย่างเฉยๆ  ก่อนที่น้ำจะเกิดขึ้นล้อมตัวเขาเป็นวงกลมคล้ายๆพายุลูกใหญ่แต่เขาก็ผ่านมันไปได้อย่างสบายๆ

    หมดโอกาสของแกแล้ว ต่อไปนี้ถึงตาฉันบ้างล่ะทันทีที่ชานัทเปลี่ยนท่ายืนให้เป็นท่าที่ดูสบายที่สุด มันกลับทำให้รอบๆข้างเกิดความกดดันโดยเฉพาะศัตรูที่อยู่ตรงหน้า  รอยยิ้มที่ดูคล้ายจะใสซื่อถูกแกล้งทำออกมา  แต่แววตาที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ไม่ยอมหายไปไหน  เพียงแค่ชานัทยิ้มแล้วตบมือง่ายๆสองครั้ง  แผ่นดินก็แยกเป็นสองส่วนแต่เมื่อศัตรูของเขาร่วงลงไปเพียงครึ่งตัวแผ่นดินก็กลับมาติดกันอีกครั้ง

    โชคชะตาของพวกเรามันต่างกัน ฉัน... ถูกกำหนดให้เป็นผู้ชนะชานัทบอกแล้วชี้ไปที่ตัวเองก่อนจะหันไปชี้ที่อีกฝ่าย ส่วนนาย... คือผู้แพ้แล้วแผ่นดินก็บีบอีกฝ่านแน่นขึ้นเรื่อยๆ

    อ๊าก!”สิ้นเสียงร้องศัตรูตรงหน้าก็คว่ำหน้าลงไปทำเอาผู้ที่มามุงดูรอบๆต้องอุทานขึ้นมา  เพื่อนๆของอีกฝ่ายต่างกรูเข้ามาหาเพื่อนของตนเอง

    ไม่ต้องห่วง แค่สลบไปน่ะชานัทพูดง่ายๆเหมือนกับการตบยุงตายไปหนึ่งตัว จนทำให้คนที่ได้ยินต้องคิดเกี่ยวกับหัวหน้าหอนี้เสียใหม่

    คู่ต่อไป  นายสินะอาเรสที่เดินมาสลับตัวกับชานัทพูดแล้วเดินไปรอที่กลางสนาม

    ฉัน... ยอม... แพ้อาเรสเดินไปที่สนามพร้อมกับตะโกนคำๆนี้ขึ้นมา  ทำเอาหลายคนถึงกับต้องเหลียวหลังมอง

    นาย... ชนะอาเรสบอกแล้วชี้ไปหาคนๆหนึ่งในกลุ่ม   ทันทีที่กลับมาถึงเพื่อนๆ อาเรสโดนถามในทันที

    ทำไม...โอเทสตั้งท่าจะซัก

    หยุด! เราชนะ 3 จะแพ้สัก 2จะเป็นไรไป อีกอย่างถ้าปล่อยฝีมือไปฉันกลัวว่าจะออมพลังที่มันกำลังพลุ่งพล่านไม่อยู่เผลอฆ่าไปน่ะสิอาเรสพูดแล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผาก

    งั้น... ฉันแพ้เดลคิลตะโกนทั้งๆที่ไม่ได้ลุกออกไป  แล้วมองไปที่กลางสนาม

    เกมจบ นายแพ้เดลคิลว่าแล้วเดินกลับไปยังหอพักของตนเอง

    บัดซบ!”เสียงตะโกนตามหลังออกมา แล้วตามด้วยคำด่าทอต่างๆอีกมากมาย

    หุบปากเถอะหน่าเดลคิลหันไปบ่น

    ไม่! แกมันขี้ขลาด ที่จริงแกก็ไม่กล้าสู้นี้หว่า ไอ้หน้าตัวเมียมันตะโกนด่ากลับมา

    แกลองของฉันเองนะ หึเดลคิลพูดอย่างเยือกเย็นก่อนที่คนที่กำลังด่าทอเดลคิลจะหายไปดื้อๆแล้วมาโผล่ที่ข้างตัวเดลคิล

    นายมันวอนชัดๆเดลคิลกล่าวก่อนที่แรงลมที่ถูกหน่วงพลังเอาไว้จะซัดใส่ใบหน้าของคนที่อยู่ในมือของเดลคิล

    โชคชะตามันไม่จำเป็นสำหรับพวกฉันหรอกนะเดลคิลพูดเสียงเบาก่อนจะเดินตามเพื่อนๆที่หายลับสายตาไปแล้วทิ้งไว้แต่ร่างของชายผู้หนึ่งซึ่งหายใจแผ่วเบาอยู่เบื้องหลัง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×