ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สัมผัสที่หก

    ลำดับตอนที่ #14 : เหตุผลของความผิด

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 55


    เช้าวันนี้ฉันไปโรงเรียนในเวลาที่ไม่เช้ามากนัก  ยังไม่มีใครมา... และคงจะไม่มีใครมาอีกแล้วล่ะ  ฉันเดินไปซื้อขนมมาตามปกติ ก่อนจะเดินมานั่งลง  เงียบๆแบบนี้ก็น่าเบื่อแฮะ ฉันมองขึ้นไปบนตึก  ทำไมวันนี้ถึงไม่มีใครอยู่เลยล่ะ  แต่ก็... ช่างเถอะนะ

                ไง... ยัยแม่มด คิกคิก... วันนี้ไม่มีใครช่วยเธอแล้วนะเสียงแหลมๆที่แปลกไปจากเดิม  ฉันเงยหน้าขึ้นมอง  คราวนี้เป็นกลุ่มใหม่ไม่ใช่กลุ่มเดิม มิน่า... ฉันถึงไม่คุ้นเสียงของพวกหล่อนเลย 

                ต๊าย!! จ้องหน้าฉันจริง รู้มั๊ยว่าคนปกติจะเห็นหน้าฉันได้น่ะ ต้องเสียเงินตั้งเท่าไรฉันส่ายหน้าแล้วเอ่ยเบาๆ

                เห็นหน้าหรือเห็นอย่างอื่นกันแน่  ฉันดูยังไงก็ไม่เห็นความมีสกุลอยู่ในหน้าเธอเลยสักนิดฉันยกยิ้มเบาๆ ยัยพวกนั้นหน้าแดงแปร๊ด คงจี้ถูกจุดสินะ  แต่จะว่าไป... ฉันนี้ก็ปากดีขึ้นนะ ตั้งแต่มาอยู่กับพวกนั้นน่ะ ฉันสบตากับอีกฝ่าย  ก่อนจะลุกขึ้นยืนบิดตัวไปมา

                เธอจะทำอะไรน่ะ!?ใครสักคนในนั้นพูดขึ้น ที่จริงฉันก็ไม่อยากบอกหรอก ดังนั้นฉันก็เงียบไว้สิ  ฉันเองก็ไม่ใช่คนที่โดนคนอื่นทำแล้วจะยอมง่ายๆหรอกนะ แค่ปกติไม่อยากจะมีเรื่องเท่านั้นเอง  แต่เวลานี้... ฉันกำลังอารมณ์ไม่ค่อยดี

                เพี๊ยะ!!

                ว้าย~! เจสซี่เสียงแหลมๆที่ปวดประสาทฉันมากที่สุดดังลั่น  ยัยพวกนั้นประคองเพื่อนตัวเองที่ล้มลงไปเพราะแรงตบของฉัน

                อ่อ... คราวหน้าถ้าไม่เลิกล่ะก็... ฉันจะทำพิธีเสกตะปูเข้าท้องพวกเธอให้ดู คิกคิกแหลได้อีกฉัน... ก็นะ.. ใครจะไปเสกอะไรได้ล่ะ ฉันก็แค่พูดขู่ไปงั้น แถมยัยพวกนั้นยังกลัวฉันซะด้วย รีบพยุงเพื่อนตัวเองหายไปเลยแฮะ

                ฮาๆๆฉันนั่งหัวเราะอยู่คนเดียว นานๆจะได้ทำอะไรแก้เครียดก็ดีนะ หวังว่ายัยพวกนั้นคงจะไม่เอาเรื่องไปฟ้องครูหรอก ไม่งั้นฉันตายแน่ๆเลย  แต่ทำไม... ฉันถึงมีความรู้สึกแปลกๆที่มันจุกอยู่ในใจฉัน  ทำไมฉัน... อยากจะร้องไห้ล่ะ

                เฮ้! ไปเรียนได้แล้วเสียงคนที่ฉันคุ้นเคย  เอ็มเดินมาฉุดแขนฉันอย่างแรงจนตัวฉันเซถลาไปชนกับร่างที่ยืนหยัดอยู่  ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่ายแล้วสะบัดแขนออกทันที

                มาทำไมอีกฉันถามเสียงนิ่ง ไม่รอคำตอบ ฉันเดินผ่านหมอนั่นออกไปก่อนจะเดินไปขึ้นตึกเรียนโดยมีเจ้านั่นเดินตามมาห่างๆ

                เดี๋ยวแก้ว... ให้ฉันเข้าห้องก่อนดีกว่าหมอนั่นไม่ฟังเสียงฉันปฏิเสธแล้วเดินนำฉันเข้าไปในห้อง ทิ้งให้ฉันยืนมองอยู่ด้านหลัง

                โครม!! ซ่า!!!

                ถังน้ำถังใหญ่ตกลงมาราดตัวของนายเอ็มจนเปียกไปหมด  คนในห้องโดยเฉพาะเด็กผู้หญิงนั้นต่างมองที่เอ็มแล้วทำตาโตเหมือนกับตกใจ  ฉันมองเหตุการณ์ตรงหน้า ถ้าเดาไม่ผิด คงมีใครสักคนเตรียมเอาไว้แกล้งฉันล่ะมั้ง  ฉันเดินไปหาเอ็มที่ตัวเปียกมะลอกมะแลก

                วางแผนไว้นานมั๊ยล่ะสั้นๆง่ายๆแต่ห้องทั้งห้องที่เงียบลงต่างได้ยินเสียงฉันชัดเจน  จะเกลียดก็เกลียดเลย ฉันก็แค่คนที่ไม่เหลือใครอยู่แล้วนี่  ฉันเดินไปที่โต๊ะ ก่อนจะเลื่อนโต๊ะให้ออกห่างจากโต๊ะของนายเอ็มแล้วนั่งลงช้าๆ เพื่อนทั้งห้องต่างจับจ้องมาที่ฉัน จนฉันนั่งลงแล้วนั่นล่ะถึงได้ยินเสียงถอนหายใจคนละเฮือกสองเฮือกออกมาเบาๆ

                วันทั้งวันผ่านการเรียนไปอย่างเชื่องช้า ยิ่งสายตาที่มองมาทำเอาฉันแทบไม่อยากเรียนเลยทีเดียว ก็เข้าใจว่านายเอ็มเนี่ย... มันฮอตในหมู่สาวๆ แต่เล่นมีอาจารย์มาเกี่ยวด้วย ฉันก็หน่ายเหมือนกันนะ วันนี้ฉันเลยโดนอาจารย์บางท่านจ้องเล่นงานเป็นพิเศษ  น่าเบื่อเป็นบ้า 

                เฮ้อ... ลุง เอาข้าวผัดจานหนึ่งฉันบอกลุงร้านขายอาหารที่สนิทกันพอควร ก็ฉันซื้อร้านนี้ประจำนั้นแหละ  พอได้ข้าวแล้วก็เดินไปหาที่นั่งกิน โชคดีที่ยังมีโต๊ะว่างเหลือเยอะ  คงเพราะฉันรีบลงมาเร็วล่ะมั้ง  แต่นั่งได้ไม่นาน ฉันก็รู้สึกว่ามีคนมานั่งถัดจากฉันไปไม่ไกล ใครที่มากล้านั่งข้างฉันนะ 

                ไงน้องสาว  ไม่กลัวโดนแกล้งเหรอจ๊ะเสียงแปร่งๆที่ไม่คุ้นทำให้ฉันหันไปมอง  นี่มันพวกนักเลงของโรงเรียนล่ะมั้ง ชิ!

                ฉันจะนั่งเสียงคุ้นๆทำให้ฉันหันไปด้านหลังอีกครั้ง บางคนอาจคิดว่าเป็นนายเอ็ม... แต่ฉันมั่นใจว่าไม่ใช่ เพราะคนที่ยืนอยู่ข้างหลังฉันคือ... โช

                เฮ้ยๆ... มีพระเอกมาเว้ย!”เสียงพวกมันโหวกเหวกอยู่สักพัก  โชก็โยนจานข้าวลงมาตรงหน้า ต้องเรียกว่าโยน เพราะพอจานข้าวตกลงมามันก็กระเด็นไปเปื้อนไอ้พวกนั่นจนหมด

                เฮ้ย!”พวกนั่นลุกขึ้นกระชากคอเสื้อของโชมาทันที เอ่อ... ฉันไม่ได้ขอให้นายมายุ่งสักหน่อย  ฉันมองนายโชที่ยิ้มกวนๆ เขาให้เลือดไหลไม่ได้ไม่ใช่รึไง แล้วจะเข้ามาหาเรื่องเพื่อช่วยฉันทำไม  แต่แล้วฉันก็หันไปเห็นคนอื่นๆยืนดูอยู่ไกลๆ มีทั้งนายเต้ พี่อาร์ต พี่ริว ส่วนพวกผู้หญิงก็ยืนอออยู่ด้านหลังผู้ชายอีกที  ฉันไม่ได้อยากมีเรื่องหรอกนะ

                พอได้แล้วหน่า...ฉันห้ามทั้งๆที่มือก็ยังตักข้าวเข้าปาก

                ทำไม ไอ้นี้มันเป็นแฟนแกรึไงเสียงไอ้พวกนักเลงพวกนั้นหันมาตะคอก  ฉันวางช้อนลงก่อนจะเดินไปแทรกพวกนั้น

                เพี๊ยะ!!

                อย่ามามีเรื่องเพราะฉัน มันน่ารำคาญ เข้าใจแล้วก็กลับไปซะฉันพูดนิ่งๆ แน่นอน ฉันไม่ได้ตบไอ้พวกนั้น ฉันตบโช... ใครอาจจะมองว่าฉันบ้า แต่มันเป็นวิธีเดียวที่โชจะเจ็บตัวน้อยที่สุด ฉันเห็นโชมองฉันด้วยแววตาเศร้าๆ ก่อนจะหันกลับไปหาเพื่อนๆที่ยืนรออยู่  ส่วนฉันก็หันไปคว้าแก้วน้ำมาถือไว้ในมือ

                ซ่า!!

                อย่ามายุ่งกับฉันอีกล่ะฉันพูดสั้นๆแล้วรีบคว้าจานข้าวที่หมดแล้วเดินออกมาก่อนไอ้พวกนั้นจะเข้าใจแล้วมาทำร้ายฉันซะก่อน  ฉันเห็นไอ้คนที่ฉันสาดน้ำไปมองฉันแบบโกรธๆด้วยแฮะ ต่อไปชีวิตฉันคงไม่สงบสุขแหงๆ  ฉันถือจานไปเก็บก่อนจะเดินขึ้นห้อง วันนี้ฉันไม่ค่อยมีอารมณ์จะไปนั่งที่เดิม  ขอขึ้นมานอนดีกว่า  ฉันยัดหูฟังโทรศัพท์เข้าไปในหูก่อนจะเปิดเพลงฟัง ฉันขี้เกียจฟังเสียงคนพวกนั้น มันน่าเบื่อที่จะฟังเรื่องเดิมๆ จริงมั๊ย...

               

    เย็นวันนี้ฉันเดินออกมาที่ร้านค้าใกล้ๆโรงเรียน ไม่ใช่ฉันเกิดมีจิตพิศวาสอยากอยู่ใกล้โรงเรียนนานๆหรอกค่ะ ก็เล่นมีตั้งหลายคนคอยเขม่นฉันอย่างกับจะกินฉันไปทั้งตัวขนาดนี้ แต่เหตุผลง่ายๆที่ทำให้ฉันต้องทนนั่งหลบสายตาพวกนั้นอยู่เพราะฉันนัดใครคนหนี่งเอาไว้นั่นเอง

                ไงน้องแก้ว เลิกไวนะพี่ลัคนาเดินมานั่งตรงหน้าฉัน ก่อนจะวางภาพใบหนึ่งลงมา ฉันหยิบภาพนั้นขึ้นมามองก่อนจะเห็นเป็นใครคนหนึ่งที่กำลังอยู่ในอาการขั้นโคม่า

                น้องสาวพี่เอง  พี่ว่าจะไปเยี่ยมเธอสักหน่อย แก้วจะไปกับพี่ไหมล่ะพี่ลัคนาถาม  ฉันมองภาพในนั้นอย่างพินิจ แต่เนื่องจากภาพที่ถ่ายมานั้นเบลออยู่พอสมควรทำให้ฉันเห็นภาพหน้าคนในนั้นไม่ชัดเท่าไร  ฉันเตรียมจะหันไปตอบตกลงกับพี่ลัคนา แต่สายตาฉันกลับเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่ไม่ควรจะเห็นเข้าเสียก่อน

                พี่ลัคนา วันนี้แก้วไม่ค่อยสะดวกเท่าไร ไว้วันอื่นแล้วกันนะคะฉันไหว้พี่ลัคนาก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้ววิ่งตามเด็กกลุ่มใหญ่ที่เดินผ่านหน้าฉันไปเมื่อครู่  เด็กนักเรียนชายล้วนที่ตรงกลางมีเอ็ม โช และ เต้ที่ทำท่าเหมือนถูกบังคับให้เดินเข้าไปในตึกๆหนึ่งที่ดูแล้วคงไม่ได้ถูกใช้การมานานพอสมควร

                มีอะไรกับพวกฉันเต้เริ่มถามก่อน ฉันหลบอยู่หลังซอกเล็กๆที่เต็มไปด้วยฝุ่น สกปรกชะมัดเลย ให้ตายสิ...  ฉันเลิกสนใจกับเสื้อนักเรียนที่กำลังเลอะเทอะเพราะฝุ่นในนี้แล้วหันกลับไปมองกลุ่มเด็กผู้ชายราวๆ15คนที่กำลังยืนกดดันอีกสามคนที่ยืนอยู่ในใจกลางที่แห่งนี้

                หึ... ฉันแค่อยากจะเตือนให้ยัยโง่บางคนให้มันรู้ตัวแค่นั้นแหละ ว่ามันไม่ควรมายุ่งกับแฟนของฉันคนที่ยืนตรงหน้าของโชพูด ดูท่าเจ้านั่นคงจะเป็นหัวหน้าสินะ  ว่าแต่ยัยโง่ที่เจ้านั่นพูด มันหมายถึงใครกันนะ...

                เจสซี่เสียงเรียกชื่อใครบางคนที่ออกมาทำให้ฉันรู้แล้วล่ะ ว่ายัยโง่ของพวกนั้นคือใคร... ก็ฉันไงล่ะ! ร่างของเจสซี่เดินมาออดอ้อนอยู่กับไอ้หน้าปลาดุกนั่น  ไม่รู้คบกันไปได้ยังไง ผีเน่ากับโลงผุชัดๆ...

                ใครกันว่ะเนี่ยเต้สถบก่อนทำท่าจะแหวกทางเดินออกมา ฉันไม่ว่างขนาดมาดูพวกมีนอหรอกนะแรง... พูดได้คำเดียวเลยว่าแรง... เต้นี่ปากจัดสุดๆเลยแฮะ  ฉันยังยืนหลบอยู่ที่เดิม มองดูยัยเจสซี่ที่เต้นเร้าๆชี้หน้าด่าเต้อย่างไม่รักษาภาพพจน์สักนิด

                นี่... ฉันจะบอกอะไรให้นะ สุภาพสตรีน่ะ... เขาไม่ชี้หน้าด่าผู้ชายป่าวๆแบบนี้หรอก แบบนี้มันเหมือนแม่ค้าขายผักในตลาดสดนะ หรือเธอเป็นแม่ค้าล่ะ ค้าตัวไง ฮาๆๆ ฉันยืนฟังเต้ที่หยอกยัยนั่นจนโกรธจัดกว่าเดิม ปากดีใช้ได้เลยนะ  ฉันล่ะหลงนึกว่าจะเป็นพวกรูปหล่อพ่อรวมสุภาพบุรุษแสนดีซะอีก

                ไอ้หน้าอ่อนเอ๊ย!”เสียงผลัวะ! ดังขึ้นเต็มๆ ฉันพยายามชะโงกหน้าออกมาดู แล้วก็พบกับเต้ที่ลงไปนอนกองกับพื้น ท่าจะเจ็บสินะ

                ตอนแรกฉันคิดว่าจะสั่งสอนพวกแกเบาๆ แต่แบบนี้น่ะ คงต้องไปนอนเล่นที่โรงพยาบาลกับหน่อยแล้วล่ะมั้ง

                ฉันมองพวกนั้นที่เข้ามารุมทั้งสามคนพร้อมกับ เหมือนฉันจะลืมอะไรไปอย่างนะ... อะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับพวกนั้น...

                อย่านะ!!”ฉันโผล่งออกไปด้วยความตกใจเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้  โช... โชเป็นโรคฮีโมฟิเลียไม่ใช่รึไง แบบนี้มันฆ่ากันชัดๆ ฉันวิ่งออกจากซอกตึกก่อนจะคว้าคอยัยเจสซี่ที่กำลังยืนดูอยู่ด้วยความสะใจ

                หยุดเดี๋ยวนี้!”เป็นครั้งแรกที่ฉันตะโกนดังขนาดนี้  ไอ้หน้าปลาดุกนั่นหันกลับมามองร่างแฟนของตัวเองที่ถูกฉันล็อกแขนอยู่  ก่อนที่ฉันจะให้คัตเตอร์ที่ฉันพกเป็นประจำจ่อที่คอหอยของยัยเจสซี่บ้าบออะไรนี่เอาไว้

                ปล่อยพวกเขากลับไปซะ พวกแกอยากเจอฉันไม่ใช่รึไงฉันตะคอกแล้วพยายามทำเสียงโหด ถึงแม้ตอนนี้ฉันจะขาสั่นมากขนาดไหนก็เถอะ  เอ็มกับเต้หันมามองฉันที่ยืนอยู่คนเดียว  แล้วหันไปมองโชที่ดันได้แผลมาจนเลือดออก

                ฉันไม่ใช่เพื่อนพวกนายอีกแล้ว รีบไปซะสิฉันหันไปพูดนิ่งๆกับอีกสามคน  ก่อนจะหันมามองไอ้หน้าปลาดุกอีกครั้ง  แล้วแสยะยิ้มอย่างโรคจิต

                คราวหน้าคราวหลัง ก่อนจะทำอะไรหัดถามแฟนตัวเองซะบ้างนะ ว่าใครกันแน่ที่มาหาเรื่องก่อนน่ะ อ่อ... พวกแกคงได้ยินชื่อฉันมาบ้างสินะ ถ้าไม่อยากโดนอะไรแปลกๆจนตายล่ะก็... อย่ายุ่งกับฉันแล้วก็คนพวกนี้อีกล่ะ ฮาๆๆฉันแกล้งทำเป็นหัวเราะอย่างบ้าคลั่งจนเจ้าพวกนั้นหวาดกลัวฉันพอควร  เต้พยุงโชออกไปแล้ว เหลือแต่เอ็มที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ใกล้ๆ

                อ่อ... แล้วก็ยัยนี่น่ะ ครั้งนี้ฉันจะใจดีคืนให้ก็แล้วกันนะฉันผลักร่างของยัยเจสซี่ให้กระเด็นไปด้านหน้า อาศัยช่วงที่ทุกคนเผลอแล้วรีบวิ่งออกมาทันที

                ฉลาดพอตัวนี่หน่าเอ็มทักฉัน แต่ฉันก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจ คว้ากระเป๋านักเรียนที่โยนกองเอาไว้ด้านหน้าแล้วเร่งฝีเท้ากลับไปทางเดิมทันที...

     

                เมื่อกลับถึงบ้าน ร่างวิญญาณของบีมก็โผล่มาทันที  จะว่าไปช่วงนี้ฉันไม่ค่อยได้อยู่ใกล้บีมเลยแฮะ เวลาไปโรงเรียนก็เจอแต่กับไอ้พวกนั้น คิดแล้วเบื่อเป็นบ้า... วันนี้ฉันทำให้คนอื่นเกลียดฉันเพิ่มกี่คน แล้วพรุ่งนี้ฉันต้องไปรบกับใครอีกบ้างนะ... ฉันโถมตัวลงบนเตียงนุ่มก่อนจะหันไปคว้าไดอารี่เล่มเก่าออกมา  เต็มแล้วสินะ... สี่ปีไม่สิ ห้าปีแล้วที่ฉันลืมความทรงจำไป...  ฉันหันไปหยิบไดอารี่เล่มใหม่ออกมาก่อนจะเขียนวันที่ของวันนี้ลงไป..

                วันที่ 25-05-XX เวลา 18.45 น.

    วันนี้ฉันทำให้หลายคนเกลียดฉันแล้วล่ะ  แย่จังเลยนะ ยัยแม่มดอย่างฉันเนี่ย ได้มีเรื่องกับคนอื่นบ้างก็ดี แต่ทำไมฉันถึงเจ็บที่หัวใจจังเลยล่ะ แค่ต้องกลับไปเป็นเหมือนเดิมเท่านั้นเอง...

    ฉันปิดไดอารี่เล่มใหม่ก่อนจะล้มตัวลงกับหมอนนิ่ม แล้วคว้าร่างของบีมให้มานอนใกล้ๆ

    บีม... แก้วเหนื่อยแล้ว  เหนื่อยแล้วจริงๆนะ...หยดน้ำตาค่อยๆไหลรินลงมาจากดวงตาของฉัน ทำไมนะ... คนอย่างฉันทำไมต้องเจอเรื่องแบบนี้  ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทำไมต้องทำให้ฉันมีเพื่อนแล้วทำไมต้องทำให้ฉันไม่เหลือใครด้วย...

    บีม... แก้วถามอะไรหน่อยสิ... ความตายเนี่ย... มันทรมานรึเปล่า...จบคำ บีมก็หันมากอดฉันไว้แน่น

    ไม่เอานะแก้ว  อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิ แก้วยังมีบีมนะ แก้ว...ฉันปรือตามองบีมที่ร้องไห้หนักกว่าฉัน คนที่ท้อเนี่ย มันฉันไม่ใช่หรือไงนะ...  ฉันหัวเราะเบาๆแล้วลูบหัวบีมช้าๆ

    เพราะบีมเป็นแบบนี้น่ะสิ แก้วถึงยังต้องคอยอยู่ช่วยบีมแบบนี้ยังไงล่ะฉันหลับไปพร้อมๆกับรอยน้ำตาที่แห้งลง  แค่บีม... บีมคนเดียวก็พอแล้วสำหรับฉัน

    หลับนะแก้ว... แล้วพรุ่งนี้แก้วจะต้องดีขึ้นแน่นอนฉันยิ้มทั้งๆที่หลับตา ก่อนที่ความรู้สึกทุกอย่างจะค่อยๆหายไป..

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×