คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : เหตุผลของความผิด
เช้าวันนี้ฉันไปโรงเรียนในเวลาที่ไม่เช้ามากนัก ยังไม่มีใครมา... และคงจะไม่มีใครมาอีกแล้วล่ะ ฉันเดินไปซื้อขนมมาตามปกติ ก่อนจะเดินมานั่งลง เงียบๆแบบนี้ก็น่าเบื่อแฮะ ฉันมองขึ้นไปบนตึก ทำไมวันนี้ถึงไม่มีใครอยู่เลยล่ะ แต่ก็... ช่างเถอะนะ
“ไง... ยัยแม่มด คิกคิก... วันนี้ไม่มีใครช่วยเธอแล้วนะ”เสียงแหลมๆที่แปลกไปจากเดิม ฉันเงยหน้าขึ้นมอง คราวนี้เป็นกลุ่มใหม่ไม่ใช่กลุ่มเดิม มิน่า... ฉันถึงไม่คุ้นเสียงของพวกหล่อนเลย
“ต๊าย!! จ้องหน้าฉันจริง รู้มั๊ยว่าคนปกติจะเห็นหน้าฉันได้น่ะ ต้องเสียเงินตั้งเท่าไร”ฉันส่ายหน้าแล้วเอ่ยเบาๆ
“เห็นหน้าหรือเห็นอย่างอื่นกันแน่ ฉันดูยังไงก็ไม่เห็นความมีสกุลอยู่ในหน้าเธอเลยสักนิด”ฉันยกยิ้มเบาๆ ยัยพวกนั้นหน้าแดงแปร๊ด คงจี้ถูกจุดสินะ แต่จะว่าไป... ฉันนี้ก็ปากดีขึ้นนะ ตั้งแต่มาอยู่กับพวกนั้นน่ะ ฉันสบตากับอีกฝ่าย ก่อนจะลุกขึ้นยืนบิดตัวไปมา
“เธอจะทำอะไรน่ะ!?”ใครสักคนในนั้นพูดขึ้น ที่จริงฉันก็ไม่อยากบอกหรอก ดังนั้นฉันก็เงียบไว้สิ ฉันเองก็ไม่ใช่คนที่โดนคนอื่นทำแล้วจะยอมง่ายๆหรอกนะ แค่ปกติไม่อยากจะมีเรื่องเท่านั้นเอง แต่เวลานี้... ฉันกำลังอารมณ์ไม่ค่อยดี
เพี๊ยะ!!
“ว้าย~! เจสซี่”เสียงแหลมๆที่ปวดประสาทฉันมากที่สุดดังลั่น ยัยพวกนั้นประคองเพื่อนตัวเองที่ล้มลงไปเพราะแรงตบของฉัน
“อ่อ... คราวหน้าถ้าไม่เลิกล่ะก็... ฉันจะทำพิธีเสกตะปูเข้าท้องพวกเธอให้ดู คิกคิก”แหลได้อีกฉัน... ก็นะ.. ใครจะไปเสกอะไรได้ล่ะ ฉันก็แค่พูดขู่ไปงั้น แถมยัยพวกนั้นยังกลัวฉันซะด้วย รีบพยุงเพื่อนตัวเองหายไปเลยแฮะ
“ฮาๆๆ”ฉันนั่งหัวเราะอยู่คนเดียว นานๆจะได้ทำอะไรแก้เครียดก็ดีนะ หวังว่ายัยพวกนั้นคงจะไม่เอาเรื่องไปฟ้องครูหรอก ไม่งั้นฉันตายแน่ๆเลย แต่ทำไม... ฉันถึงมีความรู้สึกแปลกๆที่มันจุกอยู่ในใจฉัน ทำไมฉัน... อยากจะร้องไห้ล่ะ
“เฮ้! ไปเรียนได้แล้ว”เสียงคนที่ฉันคุ้นเคย เอ็มเดินมาฉุดแขนฉันอย่างแรงจนตัวฉันเซถลาไปชนกับร่างที่ยืนหยัดอยู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่ายแล้วสะบัดแขนออกทันที
“มาทำไมอีก”ฉันถามเสียงนิ่ง ไม่รอคำตอบ ฉันเดินผ่านหมอนั่นออกไปก่อนจะเดินไปขึ้นตึกเรียนโดยมีเจ้านั่นเดินตามมาห่างๆ
“เดี๋ยวแก้ว... ให้ฉันเข้าห้องก่อนดีกว่า”หมอนั่นไม่ฟังเสียงฉันปฏิเสธแล้วเดินนำฉันเข้าไปในห้อง ทิ้งให้ฉันยืนมองอยู่ด้านหลัง
โครม!! ซ่า!!!
ถังน้ำถังใหญ่ตกลงมาราดตัวของนายเอ็มจนเปียกไปหมด คนในห้องโดยเฉพาะเด็กผู้หญิงนั้นต่างมองที่เอ็มแล้วทำตาโตเหมือนกับตกใจ ฉันมองเหตุการณ์ตรงหน้า ถ้าเดาไม่ผิด คงมีใครสักคนเตรียมเอาไว้แกล้งฉันล่ะมั้ง ฉันเดินไปหาเอ็มที่ตัวเปียกมะลอกมะแลก
“วางแผนไว้นานมั๊ยล่ะ”สั้นๆง่ายๆแต่ห้องทั้งห้องที่เงียบลงต่างได้ยินเสียงฉันชัดเจน จะเกลียดก็เกลียดเลย ฉันก็แค่คนที่ไม่เหลือใครอยู่แล้วนี่ ฉันเดินไปที่โต๊ะ ก่อนจะเลื่อนโต๊ะให้ออกห่างจากโต๊ะของนายเอ็มแล้วนั่งลงช้าๆ เพื่อนทั้งห้องต่างจับจ้องมาที่ฉัน จนฉันนั่งลงแล้วนั่นล่ะถึงได้ยินเสียงถอนหายใจคนละเฮือกสองเฮือกออกมาเบาๆ
วันทั้งวันผ่านการเรียนไปอย่างเชื่องช้า ยิ่งสายตาที่มองมาทำเอาฉันแทบไม่อยากเรียนเลยทีเดียว ก็เข้าใจว่านายเอ็มเนี่ย... มันฮอตในหมู่สาวๆ แต่เล่นมีอาจารย์มาเกี่ยวด้วย ฉันก็หน่ายเหมือนกันนะ วันนี้ฉันเลยโดนอาจารย์บางท่านจ้องเล่นงานเป็นพิเศษ น่าเบื่อเป็นบ้า
“เฮ้อ... ลุง เอาข้าวผัดจานหนึ่ง”ฉันบอกลุงร้านขายอาหารที่สนิทกันพอควร ก็ฉันซื้อร้านนี้ประจำนั้นแหละ พอได้ข้าวแล้วก็เดินไปหาที่นั่งกิน โชคดีที่ยังมีโต๊ะว่างเหลือเยอะ คงเพราะฉันรีบลงมาเร็วล่ะมั้ง แต่นั่งได้ไม่นาน ฉันก็รู้สึกว่ามีคนมานั่งถัดจากฉันไปไม่ไกล ใครที่มากล้านั่งข้างฉันนะ
“ไงน้องสาว ไม่กลัวโดนแกล้งเหรอจ๊ะ”เสียงแปร่งๆที่ไม่คุ้นทำให้ฉันหันไปมอง นี่มันพวกนักเลงของโรงเรียนล่ะมั้ง ชิ!
“ฉันจะนั่ง”เสียงคุ้นๆทำให้ฉันหันไปด้านหลังอีกครั้ง บางคนอาจคิดว่าเป็นนายเอ็ม... แต่ฉันมั่นใจว่าไม่ใช่ เพราะคนที่ยืนอยู่ข้างหลังฉันคือ... โช
“เฮ้ยๆ... มีพระเอกมาเว้ย!”เสียงพวกมันโหวกเหวกอยู่สักพัก โชก็โยนจานข้าวลงมาตรงหน้า ต้องเรียกว่าโยน เพราะพอจานข้าวตกลงมามันก็กระเด็นไปเปื้อนไอ้พวกนั่นจนหมด
“เฮ้ย!”พวกนั่นลุกขึ้นกระชากคอเสื้อของโชมาทันที เอ่อ... ฉันไม่ได้ขอให้นายมายุ่งสักหน่อย ฉันมองนายโชที่ยิ้มกวนๆ เขาให้เลือดไหลไม่ได้ไม่ใช่รึไง แล้วจะเข้ามาหาเรื่องเพื่อช่วยฉันทำไม แต่แล้วฉันก็หันไปเห็นคนอื่นๆยืนดูอยู่ไกลๆ มีทั้งนายเต้ พี่อาร์ต พี่ริว ส่วนพวกผู้หญิงก็ยืนอออยู่ด้านหลังผู้ชายอีกที ฉันไม่ได้อยากมีเรื่องหรอกนะ
“พอได้แล้วหน่า...”ฉันห้ามทั้งๆที่มือก็ยังตักข้าวเข้าปาก
“ทำไม ไอ้นี้มันเป็นแฟนแกรึไง”เสียงไอ้พวกนักเลงพวกนั้นหันมาตะคอก ฉันวางช้อนลงก่อนจะเดินไปแทรกพวกนั้น
เพี๊ยะ!!
“อย่ามามีเรื่องเพราะฉัน มันน่ารำคาญ เข้าใจแล้วก็กลับไปซะ”ฉันพูดนิ่งๆ แน่นอน ฉันไม่ได้ตบไอ้พวกนั้น ฉันตบโช... ใครอาจจะมองว่าฉันบ้า แต่มันเป็นวิธีเดียวที่โชจะเจ็บตัวน้อยที่สุด ฉันเห็นโชมองฉันด้วยแววตาเศร้าๆ ก่อนจะหันกลับไปหาเพื่อนๆที่ยืนรออยู่ ส่วนฉันก็หันไปคว้าแก้วน้ำมาถือไว้ในมือ
ซ่า!!
“อย่ามายุ่งกับฉันอีกล่ะ”ฉันพูดสั้นๆแล้วรีบคว้าจานข้าวที่หมดแล้วเดินออกมาก่อนไอ้พวกนั้นจะเข้าใจแล้วมาทำร้ายฉันซะก่อน ฉันเห็นไอ้คนที่ฉันสาดน้ำไปมองฉันแบบโกรธๆด้วยแฮะ ต่อไปชีวิตฉันคงไม่สงบสุขแหงๆ ฉันถือจานไปเก็บก่อนจะเดินขึ้นห้อง วันนี้ฉันไม่ค่อยมีอารมณ์จะไปนั่งที่เดิม ขอขึ้นมานอนดีกว่า ฉันยัดหูฟังโทรศัพท์เข้าไปในหูก่อนจะเปิดเพลงฟัง ฉันขี้เกียจฟังเสียงคนพวกนั้น มันน่าเบื่อที่จะฟังเรื่องเดิมๆ จริงมั๊ย...
เย็นวันนี้ฉันเดินออกมาที่ร้านค้าใกล้ๆโรงเรียน ไม่ใช่ฉันเกิดมีจิตพิศวาสอยากอยู่ใกล้โรงเรียนนานๆหรอกค่ะ ก็เล่นมีตั้งหลายคนคอยเขม่นฉันอย่างกับจะกินฉันไปทั้งตัวขนาดนี้ แต่เหตุผลง่ายๆที่ทำให้ฉันต้องทนนั่งหลบสายตาพวกนั้นอยู่เพราะฉันนัดใครคนหนี่งเอาไว้นั่นเอง
“ไงน้องแก้ว เลิกไวนะ”พี่ลัคนาเดินมานั่งตรงหน้าฉัน ก่อนจะวางภาพใบหนึ่งลงมา ฉันหยิบภาพนั้นขึ้นมามองก่อนจะเห็นเป็นใครคนหนึ่งที่กำลังอยู่ในอาการขั้นโคม่า
“น้องสาวพี่เอง พี่ว่าจะไปเยี่ยมเธอสักหน่อย แก้วจะไปกับพี่ไหมล่ะ”พี่ลัคนาถาม ฉันมองภาพในนั้นอย่างพินิจ แต่เนื่องจากภาพที่ถ่ายมานั้นเบลออยู่พอสมควรทำให้ฉันเห็นภาพหน้าคนในนั้นไม่ชัดเท่าไร ฉันเตรียมจะหันไปตอบตกลงกับพี่ลัคนา แต่สายตาฉันกลับเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่ไม่ควรจะเห็นเข้าเสียก่อน
“พี่ลัคนา วันนี้แก้วไม่ค่อยสะดวกเท่าไร ไว้วันอื่นแล้วกันนะคะ”ฉันไหว้พี่ลัคนาก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้ววิ่งตามเด็กกลุ่มใหญ่ที่เดินผ่านหน้าฉันไปเมื่อครู่ เด็กนักเรียนชายล้วนที่ตรงกลางมีเอ็ม โช และ เต้ที่ทำท่าเหมือนถูกบังคับให้เดินเข้าไปในตึกๆหนึ่งที่ดูแล้วคงไม่ได้ถูกใช้การมานานพอสมควร
“มีอะไรกับพวกฉัน”เต้เริ่มถามก่อน ฉันหลบอยู่หลังซอกเล็กๆที่เต็มไปด้วยฝุ่น สกปรกชะมัดเลย ให้ตายสิ... ฉันเลิกสนใจกับเสื้อนักเรียนที่กำลังเลอะเทอะเพราะฝุ่นในนี้แล้วหันกลับไปมองกลุ่มเด็กผู้ชายราวๆ15คนที่กำลังยืนกดดันอีกสามคนที่ยืนอยู่ในใจกลางที่แห่งนี้
“หึ... ฉันแค่อยากจะเตือนให้ยัยโง่บางคนให้มันรู้ตัวแค่นั้นแหละ ว่ามันไม่ควรมายุ่งกับแฟนของฉัน”คนที่ยืนตรงหน้าของโชพูด ดูท่าเจ้านั่นคงจะเป็นหัวหน้าสินะ ว่าแต่ยัยโง่ที่เจ้านั่นพูด มันหมายถึงใครกันนะ...
“เจสซี่”เสียงเรียกชื่อใครบางคนที่ออกมาทำให้ฉันรู้แล้วล่ะ ว่ายัยโง่ของพวกนั้นคือใคร... ก็ฉันไงล่ะ! ร่างของเจสซี่เดินมาออดอ้อนอยู่กับไอ้หน้าปลาดุกนั่น ไม่รู้คบกันไปได้ยังไง ผีเน่ากับโลงผุชัดๆ...
“ใครกันว่ะเนี่ย”เต้สถบก่อนทำท่าจะแหวกทางเดินออกมา “ฉันไม่ว่างขนาดมาดูพวกมีนอหรอกนะ” แรง... พูดได้คำเดียวเลยว่าแรง... เต้นี่ปากจัดสุดๆเลยแฮะ ฉันยังยืนหลบอยู่ที่เดิม มองดูยัยเจสซี่ที่เต้นเร้าๆชี้หน้าด่าเต้อย่างไม่รักษาภาพพจน์สักนิด
“นี่... ฉันจะบอกอะไรให้นะ สุภาพสตรีน่ะ... เขาไม่ชี้หน้าด่าผู้ชายป่าวๆแบบนี้หรอก แบบนี้มันเหมือนแม่ค้าขายผักในตลาดสดนะ หรือเธอเป็นแม่ค้าล่ะ ค้าตัวไง ฮาๆๆ” ฉันยืนฟังเต้ที่หยอกยัยนั่นจนโกรธจัดกว่าเดิม ปากดีใช้ได้เลยนะ ฉันล่ะหลงนึกว่าจะเป็นพวกรูปหล่อพ่อรวมสุภาพบุรุษแสนดีซะอีก
“ไอ้หน้าอ่อนเอ๊ย!”เสียงผลัวะ! ดังขึ้นเต็มๆ ฉันพยายามชะโงกหน้าออกมาดู แล้วก็พบกับเต้ที่ลงไปนอนกองกับพื้น ท่าจะเจ็บสินะ
“ตอนแรกฉันคิดว่าจะสั่งสอนพวกแกเบาๆ แต่แบบนี้น่ะ คงต้องไปนอนเล่นที่โรงพยาบาลกับหน่อยแล้วล่ะมั้ง”
ฉันมองพวกนั้นที่เข้ามารุมทั้งสามคนพร้อมกับ เหมือนฉันจะลืมอะไรไปอย่างนะ... อะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับพวกนั้น...
“อย่านะ!!”ฉันโผล่งออกไปด้วยความตกใจเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ โช... โชเป็นโรคฮีโมฟิเลียไม่ใช่รึไง แบบนี้มันฆ่ากันชัดๆ ฉันวิ่งออกจากซอกตึกก่อนจะคว้าคอยัยเจสซี่ที่กำลังยืนดูอยู่ด้วยความสะใจ
“หยุดเดี๋ยวนี้!”เป็นครั้งแรกที่ฉันตะโกนดังขนาดนี้ ไอ้หน้าปลาดุกนั่นหันกลับมามองร่างแฟนของตัวเองที่ถูกฉันล็อกแขนอยู่ ก่อนที่ฉันจะให้คัตเตอร์ที่ฉันพกเป็นประจำจ่อที่คอหอยของยัยเจสซี่บ้าบออะไรนี่เอาไว้
“ปล่อยพวกเขากลับไปซะ พวกแกอยากเจอฉันไม่ใช่รึไง”ฉันตะคอกแล้วพยายามทำเสียงโหด ถึงแม้ตอนนี้ฉันจะขาสั่นมากขนาดไหนก็เถอะ เอ็มกับเต้หันมามองฉันที่ยืนอยู่คนเดียว แล้วหันไปมองโชที่ดันได้แผลมาจนเลือดออก
“ฉันไม่ใช่เพื่อนพวกนายอีกแล้ว รีบไปซะสิ”ฉันหันไปพูดนิ่งๆกับอีกสามคน ก่อนจะหันมามองไอ้หน้าปลาดุกอีกครั้ง แล้วแสยะยิ้มอย่างโรคจิต
“คราวหน้าคราวหลัง ก่อนจะทำอะไรหัดถามแฟนตัวเองซะบ้างนะ ว่าใครกันแน่ที่มาหาเรื่องก่อนน่ะ อ่อ... พวกแกคงได้ยินชื่อฉันมาบ้างสินะ ถ้าไม่อยากโดนอะไรแปลกๆจนตายล่ะก็... อย่ายุ่งกับฉันแล้วก็คนพวกนี้อีกล่ะ ฮาๆๆ”ฉันแกล้งทำเป็นหัวเราะอย่างบ้าคลั่งจนเจ้าพวกนั้นหวาดกลัวฉันพอควร เต้พยุงโชออกไปแล้ว เหลือแต่เอ็มที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ใกล้ๆ
“อ่อ... แล้วก็ยัยนี่น่ะ ครั้งนี้ฉันจะใจดีคืนให้ก็แล้วกันนะ”ฉันผลักร่างของยัยเจสซี่ให้กระเด็นไปด้านหน้า อาศัยช่วงที่ทุกคนเผลอแล้วรีบวิ่งออกมาทันที
“ฉลาดพอตัวนี่หน่า”เอ็มทักฉัน แต่ฉันก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจ คว้ากระเป๋านักเรียนที่โยนกองเอาไว้ด้านหน้าแล้วเร่งฝีเท้ากลับไปทางเดิมทันที...
เมื่อกลับถึงบ้าน ร่างวิญญาณของบีมก็โผล่มาทันที จะว่าไปช่วงนี้ฉันไม่ค่อยได้อยู่ใกล้บีมเลยแฮะ เวลาไปโรงเรียนก็เจอแต่กับไอ้พวกนั้น คิดแล้วเบื่อเป็นบ้า... วันนี้ฉันทำให้คนอื่นเกลียดฉันเพิ่มกี่คน แล้วพรุ่งนี้ฉันต้องไปรบกับใครอีกบ้างนะ... ฉันโถมตัวลงบนเตียงนุ่มก่อนจะหันไปคว้าไดอารี่เล่มเก่าออกมา เต็มแล้วสินะ... สี่ปีไม่สิ ห้าปีแล้วที่ฉันลืมความทรงจำไป... ฉันหันไปหยิบไดอารี่เล่มใหม่ออกมาก่อนจะเขียนวันที่ของวันนี้ลงไป..
‘ วันที่ 25-05-XX เวลา 18.45 น.
วันนี้ฉันทำให้หลายคนเกลียดฉันแล้วล่ะ แย่จังเลยนะ ยัยแม่มดอย่างฉันเนี่ย ได้มีเรื่องกับคนอื่นบ้างก็ดี แต่ทำไมฉันถึงเจ็บที่หัวใจจังเลยล่ะ แค่ต้องกลับไปเป็นเหมือนเดิมเท่านั้นเอง... ’
ฉันปิดไดอารี่เล่มใหม่ก่อนจะล้มตัวลงกับหมอนนิ่ม แล้วคว้าร่างของบีมให้มานอนใกล้ๆ
“บีม... แก้วเหนื่อยแล้ว เหนื่อยแล้วจริงๆนะ...”หยดน้ำตาค่อยๆไหลรินลงมาจากดวงตาของฉัน ทำไมนะ... คนอย่างฉันทำไมต้องเจอเรื่องแบบนี้ ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทำไมต้องทำให้ฉันมีเพื่อนแล้วทำไมต้องทำให้ฉันไม่เหลือใครด้วย...
“บีม... แก้วถามอะไรหน่อยสิ... ความตายเนี่ย... มันทรมานรึเปล่า...”จบคำ บีมก็หันมากอดฉันไว้แน่น
“ไม่เอานะแก้ว อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิ แก้วยังมีบีมนะ แก้ว...”ฉันปรือตามองบีมที่ร้องไห้หนักกว่าฉัน คนที่ท้อเนี่ย มันฉันไม่ใช่หรือไงนะ... ฉันหัวเราะเบาๆแล้วลูบหัวบีมช้าๆ
“เพราะบีมเป็นแบบนี้น่ะสิ แก้วถึงยังต้องคอยอยู่ช่วยบีมแบบนี้ยังไงล่ะ”ฉันหลับไปพร้อมๆกับรอยน้ำตาที่แห้งลง แค่บีม... บีมคนเดียวก็พอแล้วสำหรับฉัน
“หลับนะแก้ว... แล้วพรุ่งนี้แก้วจะต้องดีขึ้นแน่นอน”ฉันยิ้มทั้งๆที่หลับตา ก่อนที่ความรู้สึกทุกอย่างจะค่อยๆหายไป..
ความคิดเห็น