คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : มิติแห่งการแปรเปลี่ยน
ตอน 11
มิติแห่งการแปรเปลี่ยน
ทั้งหมดขี่ม้าของจากเมืองเฮลฟ์เวยาน่าตรงต่อไปยังเมืองสายหมอก เมืองนั้นไร้ผู้คนซึ่งตลอดทั้งวันจะมีหมอกลงหนาจัด และถ้าพลัดหลงกันก็จะไม่มีวันได้กลับมาพบเจอกันอีก การเดินทางไปเมืองนั้นแค่ขี่ม้าออกจากเมืองเฮลฟ์เวยาน่าเพียงครึ่งวันก็จะไปถึงทางเข้า
“โอ๊ย! หมอกหนาชะมัด เซนนายอยู่ไหนเนี่ย”โอเทสตะโกนลั่น เขามองไม่เห็นทั้งๆที่เซนก็อยู่ตรงหน้าของเขา
“อยู่นี้”เซนบอกแล้วยื่นมือไปหาโอเทส
“อย่านะ!”เดลคิลตะโกนเซนกับโอเทสและคนอื่นๆชะงักค้างในท่าเดิม
“ลดมือลงซะเซน โอเทสนายเดินต่อไปเรื่อยๆ อย่าจับตัวใครเด็ดขาด”เดลคิลสั่ง ทั้งหมดทำตามอย่างไร้ข้อแม้ การที่เดลคิลพูดจาผิดวิสัยคนใจเย็นเหมือนน้ำแข็งนั้นทำเอาทุกคนต้องเริ่มทำตามที่เดลคิลสั่ง
“อย่าไปตรงนั้นชานัท ก้าวออกมาทางซ้าย เร็วสิ!”เดลคิลสั่ง
“เท่านี้พอมั้ย”ชานัทถามกลับ
“อืม เดินต่อไปได้”เดลคิลตอบแล้วมองไปรอบๆ
“พวกนาย ตะโกนคำว่า ‘หมอก’ พร้อมกันนะ”เดลคิลมองรอบๆก่อนจะสั่งอีกครั้ง
“1 2 3 ตะโกนเร็วเข้า!!”เดลคิลให้จังหวะ
“หมอก!!!!!!!”ทันใดนั้นหมอกรอบตัวของทุกคนก็จากหายไป เซนวิ่งเข้าไปหาเดลคิลทันที
“เดลคิล”ไม่ต้องเรียกซ้ำเดลคิลหันมามองเซนในทันที
“อย่าจับตัวฉันนะ”เดลคิลตะโกนสั่งก่อนที่มือของเซนจะเอื้อมมาโดนตัวเขาในอีก 2 วิ
“ถอยออกไปเซน อยู่ในห่างกันมากที่สุด จนกว่าเราจะพ้นส่วนด้านหน้าเมืองนี้ให้ได้”เดลคิลบอกและสักพักหมอกก็กลับมาลงหนาเหมือนเดิม
“เฮ้ย!”โอเทสร้องลั่นเนื่องจากการที่เขามองไม่เห็นทางจึงทำให้เขาพลาดตกลงไปยังหุบเหวลึก หากแต่โชคยังเข้าข้างเขา ชานัทยื่นมือออกไปจับไว้ได้อย่างทันท่วงที
“ขอบใจนะ”โอเทสบอก
“ซวยแล้วไง!”เดลคิลรำพันก่อนจะตะโกนบอกคนอื่น
“วิ่งเร็วเข้าสิ”เซนหันไปมองยังเบื้องหลังของทุกคน หมอกสีขาวเริ่มจับตัวกันเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ ดวงตาที่แดงฉานราวกับไฟที่สามารถแผดเผาพวกเขาได้ในทันที
“ผู้ดูแลหมอก”อาเรสตะโกนเมื่อหันไปเห็น
“ชานัท พาโอเทสหนีไปเร็วเข้า”เซนวิ่งย้อนกลับมาเรียกแล้วหยิบมีดสั้นที่เหน็วเอวเอาไว้มาถืออย่างกระชับมือ
“ย้าก!”เซนร้องแล้ววิ่งรี่เข้าใส่ผู้ดูแลหมอก
สวบ~ มีดสั้นของเซน ผ่านร่างของผู้ดูแลหมอกไปอย่างง่ายดาย ไม่มีแม้แต่เสียงร้องหรือรอยเลือดเลยสักนิด และแล้วเซนก็พึงระลึกได้ว่า หมอกไม่มีชีวิต!! ดังนั้นต่อให้เขาฟันให้ตายยังไง ก็ทำอะไรผู้ดูแลหมอกไม่ได้อยู่ดี
“เซนหลบไปก่อนนะ”อาเรสเดินเข้ามาแทนที่เซน แล้วบริกรคาถาเสียยืดยาว
“เพลิงไฟแผดเผา แสงแห่งอรุณรุ่งจงสุกสว่าง ข้าจักขอปรารถนาอธิฐานอันแรงกล้า จงฟังคำของข้า ผู้เป็นนายเหนือแห่งพวกเจ้า เหล่าผู้กล้าแห่งแสงสว่างเอ๋ย... เจ้าจงเกิดขึ้นมาเพื่อทำลายหมอกเหล่านี้ให้สิ้นซากด้วยเถิด”ทันทีที่บริกรคาถาจบสิ้น แสงสว่างสีทองก็เริ่มสว่างขึ้นมาเป็นจุดๆทำลายหมอกเหล่านั้นจนหายไปเรื่อยๆ ผู้ดูแลหมอกเมื่อเห็นเช่นนั้นก็วิ่งรี่เข้าใส่ทั้ง 3 คน
“สายลมแห่งการพิพากษา จงพัดพาความอันตรายออกจากตัวเรา เหล่าสายลมแห่งผู้พิทักษ์!”คาถาของเดลคิลแตกต่างกับของอาเรสอย่างเห็นได้ชัด คาถาของอาเรสจะแผ่วเบาหากแต่ดูนุ่มลึก แต่คาถาที่เดลคิลร่ายออกมานั้น... รุนแรง รุนแรงจนถึงขนาดอาจจะทำลายทุกสิ้นทุกอย่างที่ขวางหน้าให้จงได้ สายลมรุนแรงพัดออกจากร่างของเดลคิล ร่างผู้ดูแลหมอกเมื่อโดนกับลมของเดลคิลก็แตกสลายเป็นจุดๆบางแห่งก็เริ่มโดนแสงสว่างของอาเรสคุกคาม แม้ว่าร่างๆนั้นจะกลับมาต่อกันได้ใหม่หากแต่ก็ยังโดนลมของเดลคิลและแสงสว่างของอาเรสทำลายอยู่เรื่อยๆจนในที่สุด ทั้งหมอกและผู้ดูแลกฎก็จางหายไป
“ระวังตัวให้ดี เมืองนี้ยังไม่จบแค่นี้หรอกนะ”เซนมองไปรอบๆตัวแล้วเอ่ยขึ้นมาลอยๆ
“เดินตรงไปสักพัก ตอนนี้คงต้องหาที่นั่งพักก่อนล่ะนะ”ชานัทบอกแล้วโค้งตัวลงต่ำก่อนจะหันมาพูดกับคนที่ตนพยุงอยู่
“นายขึ้นหลังฉันมาสิ ขาเจ็บไม่ใช่หรือไง”ชานัทถามแล้วปรายตามองไปที่ข้อเท้าของโอเทสที่เป็นแผลเนื่องจากโดนหินบาดจากตอนที่กำลังจะตกหน้าผา
“อ๊ะ... อืม”โอเทสก้มหน้านิ่งก่อนจะยันตัวให้ขึ้นไปบนหลังของคนตรงหน้า
“ไปกันเถอะ”อาเรสเดินนำทุกคนไป โดยมีเดลคิลปิดท้าย
“เดลคิล”เซนเรียก ผู้ที่ถูกเรียกหันมามองหน้าคนเรียกอย่างงงๆ เซนก้าวให้ช้าลงเพื่อให้เดลคิลเดินตามขึ้นมาทัน
“เมื่อกี้ ขอบใจนะ”เซนเอ่ยเบาๆ
“เรื่องอะไร”เดลคิลถาม
“ก็... ที่ช่วยฉันเมื่อกี้”เซนกล่าว
“อาเรสต่างหากล่ะ”เดลคิลตัดบทก่อนจะเดินให้เร็วขึ้น
“คงต้องพักกันแถวนี้นั้นแหละ เพราะเมืองนี้ไม่มีบ้านคน”อาเรสเลือกเดิมมาหยุดบริเวณริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง ก่อนจะเรียกไฟออกมาก่อเป็นกองไฟ
“ชานัท รักษาแผลให้โอเทสด้วย”เซนบอกแล้วเดินไปแถบแม่น้ำ
“เดี๋ยวฉันมานะ”เซนหันไปบอกกับทุกคนก่อนจะย่ำน้ำข้ามไปอีกฝั่ง เดลคิลหันมาสบตากับเซนครั้งสุดท้ายก่อนจะถอนหายใจหน่ายๆ
“เดี๋ยวก็กลับมาหน่า”เซนหันเราะร่าก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในป่า ทันทีที่ลับสายตาผู้คน เซนเริ่มทำหน้าเคร่งขึ้นมาอีกครั้ง การสัมผัสจิตพิเศษเป็นสิ่งที่เซนจะรับรู้ได้เร็วกว่าคนอื่น
“ใครน่ะ ฉันถามว่าใคร!!!”เซนตะโกนถาม
“หึหึ เก่งใช่ย่อยนี้หน่า เจ้าหญิง”เสียงหัวเราะแฝงความน่ากลัวดังรอบจากรอบๆทิศ
“ใครเป็นเจ้าหญิงของแกกัน”เซนตะคอกอีกครั้ง
“ก็ท่านไงล่ะเจ้าหญิง ข้ามีอะไรดีดีจะให้ท่านดู”จากนั้นมิติมายาที่ถูกสร้างก็มาปรากฏต่อหน้าเซน ภาพในอนาคตฉายชัดปรากฏอยู่ ณ เบื้องหน้า
“ไม่จริง”เซนเอ่ยเสียงแผ่ว ภาพที่เซนเห็นคือภาพที่พวกเขาทั้งหมดถูกฆ่าจนตายไปทีละคนๆ และคนที่หันมามองเขาอยู่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คนที่ได้ชื่อว่าเก่งเวทมนต์มากที่สุดในกลุ่ม... เดลคิล รอยยิ้มที่ไม่เคยมีใครได้เห็น ฉายอยู่บนใบหน้าซีดเซียว ร่างของพวกเขาซูบผอมจนแทบเหลือแต่กระดูกจากนั้นภาพทั้งหมดก็ดับวูบไป
“เจ้าจะเอาอย่างไร”เซนเค่นคำพูดออกมา
“แค่ท่านมาอยู่เป็นพวกข้า เรื่องที่ท่านเห็นเมื่อครู่ก็จะไม่เกิดขึ้น แต่ถ้าท่านไม่ทำตาม ท่านก็คงจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนๆของท่าน หึหึ”เสียงหัวเราะอันน่าขนลุกดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่นครั้งนี้มันกลับดังเข้าไปถึงข้างในจิตใจของเซน
“ตกลง ข้ายอม แล้วเจ้าจะให้ข้าทำยังไงต่อไป”เซนว่าพลางทิ้งอาวุธทุกอย่างลงตรงนั้น
“ดี... ดีมาก ยินดีต้อนรับแห่งการกลับมา เจ้าหญิงเซเรีย ก่อนหน้านั้น ข้าขอให้ท่านถอดต่างหูนั้นทิ้งไปซะ”เสียงนั้นดังขึ้นมาอีกครั้ง เซนไปรีรอที่จะถอดต่างหูนั้นโยนไปไกลๆ ไม่ใช่ว่าเขากลัวที่จะต้องเห็นเพื่อนๆเป็นไปอย่างในมิติอนาคต และถึงจะเป็นเช่นนั้น เขานั้นแหละ ที่จะเปลี่ยนแปลงมัน เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงอนาคตพวกนั้นด้วยมือของเขาเอ ง!!!
“และกฎที่ท่านต้องทำตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท่านจงสดับฟังเอาไว้ให้ชัดเจน”เสียงนั้นเงียบหายไปพักหนึ่งก่อนจะดังขึ้นอีกครั้ง
“ท่านจะต้องตกเป็นทาสของข้าตลอดไป ฮ่าๆๆๆ”จากนั้นเขาก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย ร่างของเขาจมดิ่งลงสู่ความมืด ร่างกายราวกับถูกฉีกออกเป็นชิ้นเล็กๆ โซ่ตรวนหลากหลายเส้นพัธนาการร่างเล็กๆของเธอเอาไว้ หญิงสาวก้มหน้านิ่งรอรับสิ่งที่จะต้องเกิดในเวลาต่อไป
“ยินดีต้อนรับเจ้าหญิงเซเรีย”เสียงนุ่มทุ้มช่างขัดกับการกระทำเสียเหลือเกิน ร่างของเซเรียถูกฉุดขึ้นมาจากพื้น เธอใช้เวลาเพียงชั่วเสี้ยววิหันหน้าไปมองผู้ที่ฉุดเธอขึ้นมา
“โอ๊ะ... ข้าลืมแนะนำตัวไปเลย ข้ามีนามว่าปาดาส นั้นกีเอล และลาบอน”ปาดาสผายมือไปตามชื่อที่เอ่ย
“ต่อแต่นี้ท่านจะต้องอยู่ในการควบคุมของข้า แต่เพื่อกันท่านทรยทแก่พวกข้า ท่านจะต้องถูกสลักร่างกายเอาไว้ด้วยพลังของพวกข้า”เซเรียนิ่งเงียบปล่อยให้ปีศาจทั้ง 3 ตนทำตามความต้องการต่อไป ปาดาสอ้าปากกว่าก่อนจะกัดซอกคอของเซเรียจนเป็นรอยแดง ริมฝีปากแห้งผากไล้เลียจนถึงริมฝีปากบางและกัดมันจนช้ำ กีเอลยิ้มรออย่างสบายๆจนเมื่อถึงตาของตน เซเรียก็ถูกกระทำไม่ต่างจากที่ปาดาสทำมากนัก มือของกีเอลไล้วนแถบบริเวณหน้าอกของเซเรียอย่างอ้อยอิ่งส่วนอีกมือก็ไล้วนแถบบริเวณต้นขานวลขาว
“อืม”กีเอลครางอย่างพึงพอใจ แล้วหลบที่ให้ลาบอนเข้ามาแทรก
“ตาข้าบ้างสิ”ลาบอนบอกแล้วก้มลงประทับริมฝีปากลงสู่ซอกคอไล้วนต้ำจนถึงหน้าอกและไล้ลงจนถึงสะดือ เซเรียกระตุกวูบก่อนจะลงพับลงไป
“อ่อนแอเสียเหลือเกินนะ เจ้าหญิง”ปาดาสยิ้มแล้วดึงร่างของเซเรียขึ้นมาจับเอาไว้
“อยู่กับพวกข้า มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ ฮาๆๆ”ปาดาสกล่าวก่อนที่ทั้ง 3 ตน จะหาความสุขจากร่างกายของเซเรียอย่างเต็มที่ เซเรียได้แต่ยืนนิ่งไม่สามารถป้องกันอะไรได้เลย
ทางด้าน 4 คน เมื่อเห็นว่าเซนออกจากกลุ่มมานานแล้ว ก็เริ่มออกมาตามหา เดลคิลดูจะเป็ฯห่วงเซนมากที่สุด
“เมืองแห่งหมอกสามารถทำให้คนหายไปได้รึเปล่า”ชานัทหันมาถาม
“ถ้ามีหมอกก็ได้ แต่ถ้าไม่มีหมอกก็ไม่น่าจะทำได้ หรือว่า...”อาเรสหันมามองหน้ากันเดลคิลในทันที
“จริงด้วย...”เดลคิลรำพันออกมาเบาๆเมื่อหยิบต่างหูของเซนขึ้นมาดู
“บัดซบ!!!”คลื่นพลังจากไหนไม่รู้พุ่งออกจากตัวของทั้ง 4 ธาตุทั้งหมดผสมผสานกันจนเกิดเป็นพลังรุนแรงระเบิดแถบนั้นจนยับ
“เซนอยู่กับพวกมัน”อาเรสเอ่ย
“แล้วพวกเราจะช่วยเซนได้ยังไง”ชานัทถามอย่างร้อนรนใจ
“เดินทางไปให้ถึงเมืองปีศาจให้เร็วที่สุด ตอนนี้ทางนั้นคงยังต้องรอพลังจากเซนให้แข็งแกร่งขึ้นมากกว่านี้”อาเรสเป็นคนตอบ
“งั้นเราก็รีบไปกันเถอะ”โอเทสเร่ง เขาเป็นห่วงเซนจนแทบบ้า เซนนึกยังไงนะ ถึงได้ไปกับพวกมันได้
“ราชินี สายของข้าแจ้งมาว่า...”ปีศาจตนหนึ่งวิ่งเข้ามายังที่ประทับของราชินี
“ไม่ต้อง ข้ารู้แล้ว เรื่องนั้น ยังไงก็ต้องเกิด ข้าทำใจเอาไว้นานแล้ว”ราชินีก้มหน้านิ่ง ก่อนจะเอ่ยปากกล่าวแก่ทุกคนในห้อง
“ถึงแม้ว่านั้นจะเป็นลูกของข้า แต่ถ้าเกิดว่ามีเหตุการณ์อะไรจำเป็นจริงๆ ก็ฆ่านางได้เลย ไปเรียกเวสตากับเชลนัทมาหาข้าด้วย”องค์ราชินีสั่ง ไม่นานนักเชลนัทกับเวสตาก็มาปรากฏกายต่อหน้านาง
“พวกเจ้าคงรู้เรื่องแล้ว”องค์ราชินีกล่าวอย่างตรงๆ
“ครับ พวกข้าทราบแล้ว”เวสตาเอ่ย
“พวกเจ้ามีความคิดเห็นอย่างไร”ราชินีกล่าวถาม
“ในความเห็นของข้า เซเรียไม่มีทางทรยทต่อพวกเราแน่ หากว่าจะไม่มีอะไรมาเป็นข้อต่อรองกับนาง”เวสตาออกความคิดเห็น
“ข้าเองก็คิดเช่นเดียวกับพี่เวสตา พี่เซเรียถือว่ามีความรักพวกพ้องมาก อาจมีปีศาจสักตนสร้างมิติหรือเอาสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เกี่ยวกับพวกพ้องของพี่เซเรียมาขู่ พี่ก็คงต้องทำตามอย่างหาข้อเลี่ยงไม่ได้”เชลนัทเอ่ยได้ถูกต้องที่สุด เซเรียไม่กลัวอะไรเลย ตลอดเวลาที่รู้จักนางมา สิ่งเดียวที่นางหวาดกลัวมากที่สุดคือการที่เห็นเพื่อนพ้องพี่น้องของตนถูกทำร้าย เพียงเท่านี้ต่อให้นางต้องตายหรือทำอะไร นางก็สามารถทำได้ทั้งสิ้น
“ช่างเถอะ ยังไงซะ พวกเราก็สอดมือเข้าไปยุ่งไม่ได้อยู่ดี ปล่อยให้พวกนั้นเขาเป็นคนจัดการต่อแล้วกัน”ราชินีพูดพลางก้มหน้าต่ำ
“ขอบังอาจกราบทูลองค์ราชินี”เวสตาทำเสียงเคร่งขึ้นมา ราชินีเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะพยักหน้าอนุญาต
“อันตัวข้าก็เปรียบเสมือนพี่ของน้องๆทุกคนรวมถึงเซเรียด้วย ข้าเองยังเชื่อใจน้องข้าได้ แล้วท่านเองเป็นถึงมารดาของนาง เหตุใดท่านจึงทำเหมือนท่านไม่เชื่อใจนางเล่า!! ข้าเชื่อเสมอ เชื่อว่าสิ่งที่น้องข้าทำไปทุกอย่างจะต้องทำเพื่อพวกเราทั้งสิ้น ดังนั้นได้โปรด ขอท่านจงเชื่อใจพวกเรา และสิ่งที่ท่านจะได้รับตอบแทนนั้น มันจะมีค่ายิ่งกว่าความเชื่อใจหลายเท่านัก”เวสตากลล่าว
“อืม... ก็จริงของเจ้า งั้นข้าจะส่งให้เจ้าสองคนคอยไปดูแล ทั้ง 4 คนที่เหลืออยู่ห่างๆ หากไม่จำเป็นจริงๆ พวกเจ้าเผยตัวเด็ดขาด”ราชินีสั่ง
“รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ”ทั้งสองกล่าวพร้อมกันก่อนจะจะหายตัวไปจากตรงนั้น
“ข้าสามารถเชื่อใจเจ้าไปได้นานขนาดไหนกัน เซเรีย บุตรีแห่งข้า และ... เจ้าหญิงแห่งรัตติกาล”หยาดน้ำตาไหลรินจากดวงตาสีนิลกาฬ เสียงร่ำไห้ดังลึกบาดจิตผู้ที่ได้ฟังจนทั่ว การเชื่อใจมันทำกันได้ยากขนาดนี้เชียวหรือ หากข้าสามารถเชื่อใจเจ้าได้ง่ายๆคงไม่ต้องเจ็บปวดอยู่เช่นเพลานี้หรอก
ร่างเล็กๆที่ถูกจองจำอยู่ในคุกที่อับชื้น คุกแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นติดๆกัน มีทหารคอยยืนคุมอยู่ประมาณ 7-8 นาย ด้านข้างห้องคุมขังของเซเรีย มีเด็กชายตัวเล็กๆที่ดูยังก็อายุไม่น่าเกิน 5 ปี ถูกจองจำอยู่ ร่างกายของเด็กคนนั้นผอมโซ แต่สิ่งที่เด็กคนนั้นมีอยู่เสมอ แม้จะถูกทรมาณสักแค่ไหน สิ่งนั้นคือ... รอยยิ้ม เซเรียมันใช้เวลาที่อยู่ในคุกพูดพคุยกับนักโทษบริเวณนั้นรวมถึงเด็กชายคนนั้นด้วย
“ฮาเทน เจ้าหิวไหม”เซเรียถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นร่างนั้นเซไปล้มอยู่ข้างๆกรงขัง
“ไม่ครับ ข้ายังไม่หิว”รอยยิ้มจริงใจถูกสิ่งมาให้แด่หญิงสาว เด็กตัวเล็กๆที่ทำให้ใจของนางยังเต้นต่อไป เด็กที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนกับความหิวกระหายเทียบไม่ได้กับนางที่มีอาหารกินทุกมื้อ
“กินซะ”ผู้คุมเดินมาวางถาดอาหารไว้ตรงหน้าของเซเรีย เซเรียถูกดูแลอย่างดีไม่เหมือนกับนักโทษเลยสักนิด อาหารทุกอย่างเหมือนที่อยู่ในวัง แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่เซเรียต้องการ
“กินซะสิ”เซเรียยื่นอาหารบางชนิดให้แก่เด็กชายห้องข้างๆพร้อมกับแบ่งปันไปให้นักโทษคนอื่นๆด้วย จนอาหารของตนเองเหลืออยู่เพียงนิดเดียว
“ขอบคุณมากครับ พี่เซเรีย”ฮาเทนยิ้มรับก่อนจะค่อยๆกินอาหารในมือจนหมด
“ท่านเซเรีย ท่านปาดาสเรียกพบครับ”นัตย์ตาเรียวสีดำตวัดวูบมองผู้ที่มาเรียกก่อนจะลุกขึ้นเดินตามทหารคนนั้นออกไป
“สวัสดียามดึก ท่านเซเรีย หึหึ”ปาดาสทักพร้อมเดินเข้าใกล้
“ห้ามเข้าใกล้ข้ามากกว่านี้นะ”เซเรียกล่าวเสียงเย็น ปาดาสกระตูกวูบก่อนจะยิ้มเย็น
“ก็ได้ ครั้งนี้ข้าให้ท่านก็ได้”ปาดาสเอ่ยไปพลางหัวเราะไปพลาง
“ที่ข้าเรียกท่านมาวันนี้ เพราะท่านจะต้องช่วยอะไรบางอย่างแก่ข้า”เอ่ยพร้อมเดินนำเซเรียไปที่ห้องๆหนึ่ง ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป กลิ่มเหม็นอับก็พัดออกจากห้องนั้นทันที
“นี่มัน...!!!!!”
เดลคิลนั่งเงียบอยู่ที่มุมๆหนึ่งของห้องพัก อาเรสก็นั่งเหม่อไปที่ห้องต่าง โอเทสกับชานัทออกไปเดินเล่นด้านนอก บรรยากาศเปลี่ยนแปลงไปทันทีที่เซนจากไป ทั้งหมดเร่งเดินทางไม่หยุดพักเลย มาเป็นเวลา 10 วันแล้ว นัยต์ตาสีเขียวมรกตหันควับไปตามเสียงเปิดประตู ร่างของโอเทสกับชานัทโผล่เข้ามาจากหน้าประตู คงจะมีแค่สองคนนี้ล่ะมั้งที่ยังยิ้มได้แม้ในเวลาแบบนี้
“เดี๋ยวเซนก็กลับมาเองล่ะ”คำๆเดียวที่โอเทสกับชานัทมักจะพูดเมื่อเขาถามเกี่ยวกับเซน
“อีกกี่เมืองถึงจะถึงวงแหวนเวทย์มนต์”ชานัทถาม
“2 เมือง”เดลคิลตอบ
“ใช้เวลาอีกกี่วัน”โอเทสถาม
“5 วัน ถ้าเดินทางด้วยความเร็วแบบนี้อยู่”เดลคิลเอ่ยพลางหันหน้ากลับไปที่เดิม
“งั้นเริ่มออกเดินทางเลย เสบียงก็มีแล้ว”อาเรสบอก
“เลิกบ้าหน่าอาเรส ม้าพวกเรายังไม่พร้อมนะ มันเดินทางต่อกันตั้งหลายวัน”ชานัทบอก
“แต่เซน เซน... โธ่เว้ย!”อาเรสเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็นั่งลงเหมือนเดิม
“ไม่ต้องห่วงหรอกหน่า เซนน่ะ เอาตัวรอดได้สบายๆ”เดลคิลเอ่ยพลางหันไปมองหน้าอาเรส
“นายมันไม่รู้อะไร”อาเรสกล่าวก่อนจะเดินเข้ามาหาเดลติล
“นายมันมีแต่ความเย็นชาเท่านั้นแหละ นายมันไร้ความรู้สึก เดลคิล นายมันทุเรศ!”อาเรสตะโกนใส่หน้า
ผลัวะ! ไม่มีใครห้ามทัน เดลคิลลุกขึ้นด้วยความเร็วแล้วชกไปที่หน้าของอาเรสอย่างเต็มแรง จนอีกฝ่ายล้มลงไป อาเรสเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะลุกขึ้น
“ตื่นได้แล้วอาเรส เลิกบ้าเถอะ สติน่ะ พกเอาไว้ตลอดเวลาสิ ความใจร้อนของนายมันจะทำให้เซนตกอยู่ในอันตรายซะเปล่าๆ”เดลคิลบอกแล้วเดินไปที่หน้าต่าง ปล่อยให้ 3 คนที่เหลือยืนอึ้งอยู่กับที่
“เซนน่ะ ไม่เป็นอะไรหรอก เชื่อเถอะ”เดลคิลถอดหายใจ พลางทอดสายตาที่อ่อนโยน สายตาที่ไม่เคยมีใครได้เห็นออกไปนอกหน้าต่าง
“พรุ่งนี้เราจะเริ่มเดินทาง”เดลคิลบอกแค่นั้นก่อนจะเดินออกไปนอกห้อง
“ชานัท คือว่า...”โอเทสกุมมือชานัทแน่น
“ไปดูม้าพวกเราดีกว่านะ”ชานัทจูงมือโอเทสไปที่คอกม้าด้านล่างทิ้งให้อาเรสอยู่คนเดียวบนห้อง
“บัดซบเอ๊ย...”อาเรสสถบออกมาอย่างหัวเสียงพลางจับมุมปากของตัวเองที่ถูกเดลคิลชก
“มันจะเรียกสติอะไรแรงขนาดนี้วะ”อาเรสพึมพำกับตนเองเบาๆแล้วเรียกอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นออกมา
“เจ็บชะมัด”อาเรสบอกก่อนจะแปะพลาสเตอร์ลงบนแผล
“ฉันไม่อยากชกนายหรอกนะ”เสียงๆหนึ่งดังขึ้นมาจากหน้าประตู
“ฉันไม่ใช่เวทย์กับนายก็ดีแค่ไหนแล้ว”เดลคิลเดินเข้ามาหาแล้วเอามีแปะไว้บนแผลเบาๆ
“ดีขึ้นบ้างล่ะนะ ธาตุสายการรักษามันโอเทสนี้หน่า”เดลคิลบอกก่อนจะยื่นขนมปังให้
“กินสิ จะได้ไม่หิว เดี๋ยวพวกเราต้องวางแผนอีกนะ”เดลคิลบอกแล้วเงียบไป
ขณะที่โรงเรียนแห่งกษิตริย์ก็เข้าสู่ช่วงใกล้การทดสอบในอีก 20 วันข้างหน้า งานมากมายถูกส่งมาให้นักเรียนเพื่อเป็นคะแนนช่วย
“ไซครอส รายงานเรื่องเมือง”รานอฟทำหน้าที่บอกผลที่จับสลากมาได้
“ฟาเรล รายงานเรื่องการกินอยู่”บอกจบก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้
“เลฟิน รายงานเรื่องที่อยู่อาศัย”
“ส่วนลานีคูส รายงานเรื่องการปกครอง”
“แล้วแกล่ะ”ไซครอสทำหน้าเซ็งโลก ต้องทำเรื่องเมืองเนี้ยนะ ให้ตายเหอะ
“เรื่องการคลังน่ะ”รานอฟตอบก่อนจะชูกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา
“อันนี้เป็นรายงานของวิชาการใช้คทากับรายงานการสร้างมิติเวทย์นะ อีก 3 วันส่ง ไปล่ะ”รานอฟบอกก่อนจะหายตัวไปโผล่ที่ห้องสมุด
“รีช?”รานอฟทำหน้างงเมื่อเห็นมังกรรัตติกาลสีดำในขนาดย่อส่วนบินอยู่ตรงหน้า
“เซนล่ะ”รานอฟถาม ถ้ารีชอยู่นี้แล้วเซนก็ต้องอยู่ด้วยกันสิ
“ตามผมออกมาก่อนขอรับ แล้วผมจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังขอรับ”รานอฟลุกขึ้นเดินนำสัตว์ภูตของเซนไปด้านนอก
“เรื่องทั้งหมดมีอยู่ว่า....”รีชค่อยๆเล่าเรื่องทั้งหมดออกไป ทันทีที่เล่าจบรานอฟก็ทำหน้าตกใจ
“งั้นที่นายมาอยู่ที่นี้ก็เพราะว่า...”รานอฟชะงักที่จะเอ่ย
“ขอรับ ผมตามท่านเซนไปไม่ได้ขอรับ”รีชกล่าวแล้วหายตัวไปจากตรงนั้น
“ลาก่อนนะขอรับ”เสียงแว่วได้ยินตามสายลม รานอฟหันหน้ามองรอบๆก่อนจะเผ่นขึ้นห้องพักทันที
ปัง!!!!!!
“แย่แล้ว~”เสียงครึกโครมทำให้นักเรียนแถบนั้นเปิดประตูห้องออกมาดู
“มองหาอะไร ไปอ่านหนังสือต่อซะไป”รานอฟตะคอกแล้ววิ่งเข้าไปในห้อง
“เซน.... คือเซน เซนจับตัว เอ๊ย พวกนั้นเซนจับไป ไม่ใช่ เซนจับพวกนั้น ไม่ใช่ๆ”รานอฟกล่าวอย่างร้อนรนจนไม่มีใครจับใจความสำคัญได้
“หยุด!! ค่อยๆพูดสิ”ฟาเรลตัดปัญหาโดยการค่อยๆให้รานอฟพูดอีกครั้ง
“พวก-นั้น-จับ-เซน-ไป”รานอฟพูดย้ำทีละคำ
“เฮ้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”เสียงประสานจากคน 4 คนที่ออกมาแทบจะพร้อมเพรียงกัน เรียกให้นักเรียนทั้งตึกออกมาดูในทันที 1แต่ก็ต้องพบความผิดหวังเมื่อห้องทั้งห้องว่างเปล่าปราศจากเงาผู้คน
ใครจะรู้ว่าทั้ง 5 ตอนนี้แทบอยู่ไม่เป็นสุขเมื่อรับรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตอนนี้ทั้งหมดวิ่งมาอยู่ ณ ห้องของอาจารย์ใหญ่ราเชล
“ขออนุญาตครับ”ฟาเรลเอ่ย
“เข้ามาได้”เสียงตอบรับจากด้านในดังตอบกลับมา
“อาจารย์ราเชลเรื่องของเซน...”รานอฟกล่าวแต่ก็ถูกขัดขึ้นก่อน
“ฉันรู้แล้ว”อาจารย์ราเชลเอ่ยก่อนจะดีดนิ้วครั้งหนึ่ง ภาพของคนทั้ง 4 คนที่เหลืออยู่ในห้องพักถูกฉายขึ้นในคริสตัลใส
“เดลคิลตอนนี้ยังเป็นแกนหลักสำคัญ เซนน่ะ เดี๋ยวเขาก็กลับมา ไม่ต้องห่วงหรอก โชคชะตามันถูกกำหมดมาให้เป็นแบบนั้น”อาจารย์ราเชลกล่าว ก่อนที่คริสตัลนั้นจะเลือนหายไป
“อาจารย์ใหญ่รู้ได้ยังไงครับ”ไซครอสถาม
“ฟาเรลคำพูดของเจ้าน่ะ อะไรนะ”อาจารย์ราเชลยิ้มแล้วหันมาถาม
“เชื่อเซ้นส์ข้าสิ ไม่เคยพลาดอยู่แล้ว ทำไมเหรอครับอาจารย์”ฟาเรลเอ่ยถาม
“ฮะฮ้า นั้นแหละ คำตอบของข้าสำหรับเจ้า... ไซครอส เชิญไปอ่านหนังสือกันต่อนะ ข้าจะทำงานแล้ว งานของอาจารย์ใหญ่ไม่ใช่น้อยๆเลยนะ”เสียงประตูที่เปิดออกทำให้ทั้ง 5 ต้องเดินออกมา
“สุดท้ายก็...”ลานีคูสกล่าวค้างก่อนที่ทุกคนจะกล่าวอย่างเซ็งๆ
“คว้าน้ำเหลว”แล้วก็ทำคอตกไปตามๆกัน
“กลับกันเถอะ”ฟาเรลบอกแล้วหายตัวไปจากตรงนั้น
ในห้องอับชื้น เซเรีย เดินมองไปรอบๆ ผู้คนมากมายถูกล่ามโซ่จองจำเอาไว้ ร่างกายไร้สิ่งปกปิด มองเห็นกระดูกซี่โครงผ่านผิวเนื้อ
“นี้ล่ะ กองทัพปีศาจของข้า ตอนนี้มันแค่รอพลังของพวกเจ้าเท่านั้น”ปาดาสเอ่ย
“งั้นเจ้าก็คงต้องผิดหวัง เพราะพวกข้าคงไม่มีใครให้พลังกับเจ้าหรอก”เซเรียยิ้มเยาะ
“จริงสิ เพราะงั้น... ข้าเลยจะใช้ท่านเป็นเหยื่อล่อพวกมันให้มาที่นี้ยังไงล่ะ ฮาๆๆๆ”ร่างใหญ่ยิ้มกริ่มพร้อมทั้งจัดการล็อกร่างของเซเรียไว้บนโต๊ะใหญ่ รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏอยู่บนใบหน้าที่เปรอะไปด้วยคราบเลือดของมนุษย์สดๆผู้ตกเป็นเหยื่อสังเวยแก่ความหิวโหย
Dark_ Sniper
***************************
ช่วงนี้หลงระเริงกับนิยายเรื่องอื่นอยู่
อาจอัพช้า
แต่ก็ยังอยากได้คอมเม้นต์นะครับ
ความคิดเห็น