คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : การฝึกครั้งสุดท้าย
ตอน 9
การฝึกครั้งสุดท้าย
ทั้ง 5 เดินกลับมาที่ห้องพักของตัวเอง ชานัทเร่งใช้เวลาทั้งวันที่เหลือทำงานที่ถูกอาจารย์ซีกราทีสั่งเอาไว้ เซนนั่งเหม่อไปที่หน้าต่าง โอเทสนั่งยิ้มๆพร้อมกับนั่งมองหน้าชานัทไปด้วย เดลคิลกับอาเรสเอานั่งจ้องหน้ากัน จนเซนคิดว่าไม่ใครก็ใครสักคนคงจะท้องไปแล้ว
“มาหาพี่หน่อยสิ”เสียงรานอฟดังขึ้นมาในมโนสำนึกของเซน เขากระเด้งตัวลุกขึ้น ก่อนจะมองไปรอบๆห้อง
“ไม่ต้องมองหรอก เสียงจากจิต ตอนนี้คนที่เรียกเธอคงรออยู่ที่หน้าห้องล่ะมั้ง”เดลคิลที่นั่งมองหน้าอาเรสอยู่ตอบขึ้นมาแทนโดยที่ตาก็ยังไม่ละไปจากดวงตาของอาเรส
“อืม”เซนรับคำก่อนจะเดินออกไปที่นอกห้อง
“พี่รานอฟ”ตามที่เดลคิลเดาไว้ไม่มีผิดรานอฟยืนรออยู่ที่หน้าห้องของเซนจริงๆโดยที่ข้างๆตัวรานอฟมีหญิงสาวหน้าตาสวยยืนอยู่
“นี้คือเจ้าหญิงฟาเซล เรสด้า บรานิส แห่งไซโคเนส ราชินีในอนาคตของพี่”รานอฟพูดยิ้มๆ ฟาเซลหันมามองอย่างเคืองๆก่อนจะตีไปที่ไหล่รานอฟเบาๆ
“บ้าสิ ฉันก็มีบ้านเมืองต้องดูแลนะ”ฟาเซลหน้าแดงเล็กน้อยแล้วเบนหน้าหนีไปทางอื่น
“เซน เรียกเพื่อนๆนายออกมาให้หมด แล้วไปเจอพวกพี่ที่ห้องพัก”รานอฟเริ่มเปลี่ยนเสียงเป็นจริงเป็นจัง เซนพยักหน้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรแต่ก็เดินกลับไปในห้องแต่โดยดี
“นายคิดว่าแบบนี้จะดีแล้วหรือไง”เสียงของไซครอสดังจากด้านหลัง
“ถึงฉันไม่บอก สักวันเขาก็ต้องรู้อยู่ดี”รนอฟตอบง่ายๆแล้วจูงมือฟาเซลไปยังห้องพักของเขา
“ทุกคน พี่รานอฟเรียกให้พวกเราไปรวมกันที่ห้องพักปี 4”เซนร้องบอก โอเทสเงยหน้ามามองนิดหน่อยก่อนจะลุกไปเก็บอุปกรณ์ต่างๆของชานัทเข้ากระเป๋า ส่วนเจ้าของอุปกรณ์เหล่านั้นก็นั่งบิดข้อมือไปตามระเบียบสาเหตุหลักคือว่าเขียนรายงาน 80 หน้าด้วยความเร็วจนเสร็จไปเมื่อครู่ เดลคิลผละสายตาออกจากอาเรสแล้วลุกขึ้น อาเรสเองก็เช่นกัน
“งั้นก็ไปสิ รออะไรอยู่ล่ะ”อาเรสเอ่ยคนแรกแล้วเดินนำไปที่ประตู ไม่มีใครมีสีหน้าแสดงความกังวลเลยสักคนเดียว ทั้งหมดรีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องของหัวหน้าชั้นปี 4 แล้วไม่ทันเคาะประตู รานอฟก็เดินมาเปิดประตูให้ คำแรกที่เซนเริ่มพูดกับรานอฟทำให้เพื่อนๆอมยิ้ม
“ช้าชะมัด ทำท่าเป็ด 5 รอบ”เซนสั่ง รานอฟมองหน้าเซนเล็กน้อยแล้วเริ่มเอามือสองข้างท้าวไว้ที่เอว เอาขาหนีบกันและอ้าเท้าออกจากกัน
“เป็ดๆๆ ก๊าบๆๆ เป็ดๆๆ ก๊าบๆๆ”เสียงหัวเราะดังขึ้นเมื่อรานอฟเต้นท่าเป็ดจบลง
“ฮาๆๆ”เสียงคนในห้องดังขึ้น ไซครอส ฟาเรลกับเลฟินนั่งเอามือกุมท้องแล้วหัวเราะจนตัวงอ
“เอาล่ะ คราวนี้ตาเซนบ้างแล้ว โทษฐานที่มาเร็วเกินไป ทำท่าลิง 10 รอบ”รานอฟสั่ง เซนถึงกับยืนอึ้ง แล้วค่อยๆยกมือสองข้างมาประกบกัน
“เจี๊ยกๆ คร่อกๆ เจี๊ยกๆ คร่อกๆ”เซนเอามือตีกันไปมาแล้วกระโดดไปตรงโน่นทีตรงนี้ที 9 คนที่เหลือได้แต่หัวเราะด้วยความฮา จะเว้นไว้คนเดียวคือเดลคิลที่ทำเพียงกระตุกยิ้มที่มุมปากเท่านั้น ท่าเป็นของรานอฟเมื่อเทียบกับท่าลิงของเซนแล้ว ความฮาต่างกันหลายสิบขุมเลยทีเดียว เมื่อทำจบเซนแทบจะวิ่งไปขย้ำคอของรานอฟเสียเดี๋ยวนั้น ถ้าไม่ติดว่าถูกเพื่อนๆห้ามเอาไว้
“ไม่เอาหน่า พี่รานอฟมีธุระอะไรเหรอครับ”โอเทสฉุดแขนเซนเอาไว้ก่อนจะหันไปถาม
“มีเรื่องนิดหน่อยเกี่ยวกับพลังของพวกเธอน่ะ”ไซครอสหันมาตอบแทน เซนที่หลุดจากการจับกุมได้กระโดดเข้าใส่รานอฟทันทีโดยไม่มีใครสั่ง รานอฟวิ่งพล่านทั่วห้อง จนเดลคิลทนไม่ไหวจึงร่ายเวทย์ขังเซนเอาไว้ในห้องกระจกแก้วใสๆ ที่มองเห็นด้านนอกและได้ยินเสียงทุกอย่างชัดเจน
“พลังพวกเธอยังตื่นไม่หมด ดังนั้นถ้าพวกเธอคิดจะต่อกรกับพวกปีศาจล่ะก็... เชื่อได้เลย1000เปอร์เซ็นต์ว่าพวกเธอต้องไม่รอดแน่”ฟาเรลพูด
“นั้นคือ... ผู้ปราบปีศาจคนที่ 5 ชื่อลานีคูส รู้จักไว้ด้วยล่ะ”ไซครอสบอกแล้วหันมาทางเซนตรงๆ
“โดยเฉพาะนาย... เซน”ไซครอสหันมาพูดโดยเฉพาะ
“ผม... ทำไมล่ะครับ”เซนชี้ตัวเองอย่างงงๆ
“ลานีคูสจะเป็นคนสอนพลังธาตุสายฟ้าให้กับนาย”ฟาเรลหันมาตอบแทนก่อนจะเบนหน้าไปทางเดลคิล
“ส่วนนายมากับฉัน”ฟาเรลกล่าวแล้วเดินมาประกบตัวกับเดลคิล แสงสีขาวสว่างจ้าแสบตาจนกระทั่งแสงเลือนหาย ร่างของฟาเรลกับเดลคิลก็หายไปด้วย
“นายคู่กับฉัน”ไซครอสเดินมาประกบตัวกับอาเรส แสงสขาวสว่างวาบขึ้นมาอีกครั้ง แล้วทั้งสองก็หายไป
“ฉันกับ... นาย”เลฟินหันมอง 3 คนที่เหลือแล้วเดินไปประกบตัวกับชานัท แสงสว่างอีกครั้งแล้วก็จางหายไป
“เหลือคนสุดท้าย นายเดินมานี้”รานอฟร้องเรียกโอเทส แล้วแสงก็สว่างขึ้นมาทั่วห้องจนหายไป บัดนี้ทั้งห้องเหลืออยู่เพียง 2 คนคือ เซนกับลานีคูส
“ไปกับเถอะ”ลานีคูสพูด ถ้าไซครอสไม่ชิงแนะนำลานีคูสเสียก่อน เซนคงจะนึกว่าเป็นร่างแฝดของเดลคิลแน่ๆ
“กริชไทม์”ลานีคูสเอ่ยแล้วเสียงสีขาวก็ล้อมรอบตัวพวกเขาไว้ เซนหลับตาแน่น จนกระทั่งมีสายลมพัดผ่านตัว เซนถึงได้ค่อยๆลืมตาขึ้นมา ที่ๆเซนอยู่คือ ทุ่งหญ้าสีเขียวขจี มีดอกไม้หลายหลายพันธุ์ขึ้นมารอบๆตัวของเซน เขามองอย่างตื่นตาตื่นใจ ผิดกับคนที่มากับเขาด้วยอย่างลิบลับ ลานีคูสเดินไปที่ใต้ต้นไม้แห่งหนึ่งก่อนจะหยิบปลอกแขนขึ้นมา 4 อัน แล้วโยนให้เซนสองอัน ตนเองใส่เองอีกสองอัน
“อาวุธล่ะ”ลานีคูสถามเมื่อใส่ปลอกแขนเสร็จแล้ว
“มีดสะ...”ไม่ทันที่เซนจะเอ่ยจบร่างของลานีคูสก็พุ่งเข้ามาประชิดตัวเขาก่อนจะตวัดดาบในมือแนบไปกับลำคอของเซน ความเย็นของดาบทำให้เซนขนลุกชัน รังสีที่กระหายการฆ่าแผ่กระจายรอบตัวของลานีคูส เขาแลบลิ้นเลียลิ้มฝีปากเขาๆแล้วฟันลงไปที่แขนข้างที่เซนใส่ปลอกเอาไว้
เปรี๊ยง!!!
เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นทั่วแถบนั้น มันถูกผ่าลง ณ จุดที่เซนเคยยืนอยู่ ในเวลาเดียวกันกับที่ลานีคูสเข้ามาประชิดตัวเซนอีกครั้ง ในครั้งนี้ เซนชัดมีดสั้นของตนขึ้นมาป้องกันได้อย่างทันท่วงที ทั้งสองดันอาวุธของตนให้เข้าหาอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุด
เปรี๊ยง!!!!
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอีกครั้ง เซนเป็นฝ่ายฟันปลอกแขนของลานีคูสได้ เขาถอยไปตั้งหลักในที่ไกลๆ ลานีคูสยังยืนอยู่กับที่ สายฟ้าผ่าลงมาในจุดที่ลานีคูสยืนอยู่ ไม่ต้องหลบลานีคูสใช้มือเพียงข้างเดียวดูดสายฟ้าไว้ได้ก่อนจะเบนพลังสายฟ้านั้นไปทางเซน
โครม!!!
ต้นไม้ต้นหนึ่งที่รับเคราะห์แทนเซนล้มลงมาอย่างไม่เป็นท่า ตอไม้สีดำด้านล่างไหม้เป็นจุลในเวลาไม่กี่วิ เซนหันไปมองลานีคูสอย่างอึ้งๆ ลานีคูสทำหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะเอ่ยประโยคหนึ่งออกมาเบาๆ
“ใช้ไม่ได้ เอาใหม่”ลานีคูสเอ่ยแล้วเริ่มถอยออกไปยังที่ไกลๆ เซนมองอย่างงงๆก่อนจะรู้สึกถึงอะไรที่เย็นเยียบวางอยู่บนต้นคอ ดาบสีเงิน กระทบกับแสงแดดสะท้อนไปมา รังสีกระหายการฆ่าถูกปล่อยออกมาอีกครั้งจากลานีคูส เซนกำมีดสั้นในมือแน่น ‘ทำไมกัน ทั้งที่มีอาวุธอยู่ในมือ แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย’ เซนคิด
“ถ้าแค่นี้ยอมแพ้ก็เลิกฝึกซะเถอะ”ลานีคูสเอ่ยแล้วลดดาบลง เซนจ้องคนด้านหลังอย่างไม่เข้าใจ แต่เพียงไม่นาน ทุกอย่างที่เซนสงสัยก็กระจ่างชัดขึ้นมา ลานีคูส เดินไปยังที่โล่งๆ แล้วเรียกร่างแฝดของตนออกมา เขาตวัดดาบใส่ร่างแฝดตรงหน้า แต่ร่างแฝดนั้นก็รับได้ และโจมตีใส่ลานีคูสทุกรูปแบบ เขากลายมาเป็นฝ่ายรับ เสียงดาบกระแทกกันไปมา จนเห็นเป็นประกายไฟเกิดขึ้น เซนมองอย่างทึ้งและอึ้ง แล้วหยิบมีดสั้นของตนขึ้นมาดู
“พร้อมจะสู้ต่อรึยัง”เสียงลานีคูสกระซบที่ข้างหูเซน ‘ไม่จริงหน่า ที่ๆเขากับลานูสยืน ห่างกันตั้ง 400 เมตร แล้วเขาแค่ก้มหน้านิดเดียว ทำไมถึงน่ากลัวขนาดนี้ ลานูสคนนี้แน่จริงๆ’ เซนคิดแล้วหันไปมองยังที่ๆลานีคูสเคยยืนอยู่ ร่างแฝดของลานีคูสล้มอยู่ตรงนั้น ทั่วร่างกายของร่างแฝดที่แต่รอยไหม้เกรียม ลานีคูสบอกว่าเป็นเพราะพลังสายฟ้าที่ใช้โจมตีทำให้ผิวหนังไหม้
“เริ่มใหม่นะ”ลานีคูสบอกเหมือนเอ่ยธรรมดาแต่เสียงกลับกังวานอย่างไม่น่าเชื่อ
“ครับ”เซนรับคำแล้วตั้งท่า
“ด้านหลัง”ลานีคูสตะโกนแล้วกระโดดอ้อมเซนมาที่ด้านหลัง เซนหันหลังไปใช้มีดสั้นแล้วผลักลานีคูสออกไป ก่อนจะเริ่มเป็นฝ่ายบุกบ้าง
“เบาไป”ลานีคูสบอกแล้วให้แรงเพียงนิดหน่อยผลักเซนออกไป
“แฮกๆๆ”เซนถอยออกมาตั้งหลัก พร้อมสูดหายใจเอาอาการเข้าไปให้ได้มากที่สุด ผิดกับลานีคูสที่ยังยืนได้อย่างสบายๆ ไร้รอยขีดข่วด
“ย้าก!!!”เซนตะโกนแล้ววิ่งเข้าใส่ลานีคูส พอใกล้ๆถึงเซนก็กระโดดไปด้านหลังแล้วฟันลงไปเต็มแรง
เคร้ง!!!!!
เสียงดาบที่ลานีคูสหันมาป้องกันได้ในทันที แล้วผลักเซนออกไปจนกระเด็นไปหลายเมตร เซนล้มลงไปก่อนจะนิ่งไปสักพัก
“ลุกได้เมื่อไรก็เรียกนะ”ลานูสบอกก่อนจะเดินไปหลบใต้เงาต้นไม้
“โอ๊ย!”เซนร้องออกมา ร่างกายเขาเต็มไปด้วยบาดแผล ปลอกแนที่ใส่ก็หนักหลายสิบโล ทำเอาเขายกแขนแทบไม่ขึ้น
“แบบนี้ให้ตายก็เป็นผู้ปราบปีศาจไม่ได้หรอก”ลานูสเอ่ยเหมือนประชดประชัน เซนยิ้มเยาะกับตัวเองเบาๆ จริงสินะ ถ้าแค่นี้เขายอมแพ้ เรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาครั้งหนึ่งก็คงไม่สามารเกิดขึ้นได้อีกครั้ง เซนพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น กระชับมีดสั้นให้มือแน่นหลับตาแล้วสูดหายใจเอาอาการเข้าปอดให้มากที่สุด
“พร้อมจะเอาริงแล้วหรือไง”ลานีคูสถามแล้วลุกขึ้นมายืนตรงหน้าเซน
“คราวนี้ฉันไม่ออมมือแบบเมื่อรู่หรอกนะ”ลานีคูสเอ่ยก่อนจะตั้งท่าให้มั่น
“ทำไมถึงไม่ฝึกพลังสายฟ้าให้ผม ทำไมถึงให้ผมสู้กับคุณ”เซนถาม
“ไว้นายรู้เมื่อไร นายก็จะสู้กับฉันได้เอานั้นแหละ”ลานีคูบอกแล้วจู่โจมเซนให้ไม่ทันตั้งตัว
เปรี๊ยง!!!!
สายฟี้ส้มผ่าลงมายังจุดที่เซนยืนอยู่ เขาเบี่ยงตัวหลบด้วยความเร็วแล้วโจมตีลานีคูสกลับ ลานีคูสยกดาบขึ้นกัน ก่อนจะปัดมีดสั้นของเซนออกไปจนกระเด็น
“ไร้อาวุธแล้วนายจะทำอะไรฉันได้”ลานีคูสเอ่ยถามก่อนจะย้างก้าวเข้ามาหาเซน เซนคุกเข่าลงอย่างยอมแพ้ ไร้อาวุธแล้วเขาก็เหมือนหมาจนตรอกไม่สามารถสู้ได้อีกแล้ว
“ยอมแพ้แล้วงั้นเหรอ ชิ!”ลานีคูสสถบเบาๆแล้วปาดาบตัวเองทิ้ง
“เสียเวลาจริงๆเลย ฉันไม่น่าบ้าส่งพลังของตัวเองให้นายเลย พับผ่าสิ”ลานีคูสบ่นเบาๆ
เคร้ง!!!! เปรี๊ยง!!!
เสียงดาบกระทบกันก่อนที่สายฟ้าจะผ่าลงมายังจุดที่ลานีคูสยืนอยู่ เขาใช้วิธีการเดิมคือการส่งสายฟ้าที่ผ่าลงมาไปที่เซน แต่ผิดคาด แทนที่เซนจะหลบ เขากลับใช้มีดสั้นของตนเป็ฯที่รับสายฟ้าเอาไว้แทน แล้วเบนพลังสายฟ้ากลับไปยังลานีคูส
“นายรู้แล้วหรือ”ลานีคูสถาม เซนยิ้มก่อนจะปาดเลือดที่มุมปากของตน
“ก็พอจะรู้อะไรบางอย่างนั้นแหละ”เซนยิ้มแล้ววิ่งเข้าหาลานีคูส
“ก็พอไหว”ลานีคูสเอ่ยเบาๆแล้วยกดาบขึ้นกันมีดสั้นของเซน แต่แทนที่เซนจะฟันมีดสั้นลงมา เขากลับหลบฉากออกไปด้านข้าง แล้วส่งดาบในมโนสำนึกเข้าไปแทน
“ใช้ได้นี้หน่า”ลานีคูสเอ่ยชมเขาใช้ดาบของเขากันดาบของเซนทันท่วงที แต่คราวนี้เขากลับดันเซนออกไปไม่ได้
เปรี๊ยง!!!!
เซนทิ้งดาบของตัวเองในทันที สายฟ้าที่ผ่าลงมา ทำให้ร่างของลานีคูสกระเด็นไปไกล เซนยิ้มแล้วมองมดสั้นในมือของตน ในที่สุดเขาก็ทำให้ลานีคูสโดนสายฟ้าของเขาจนได้
“โอเค ด่านนี้นายผ่านแล้ว”ลานีคูสเดินกลับมา แล้วเอ่ยบอก
“แต่ทำเสื้อผ้าฉันสกปรกไปหมด”ลานีคูสหยิบเสื้อตัวเองขึ้นมาดูแล้วทำหน้าเซ็งๆ เสื้อของลานีคูสเปรอะไป
ด้วยดิน สาเหตุคงมาจากการกระเด็นไปคลุกฝุ่นเมื่อครู่
“ไปฝึกต่อเอาเองแล้วกันนะ”ลานีคูสบอกแล้วเดินไปนั่งเล่นอยู่ใต้เงาไม้
“พี่ลานีคูส”เซนเรียกเบาๆ ลานีคูสหันมามองหน้าเซนก้มหัวลงแล้วเอ่ยด้วยเสียงอันดัง
“ขอบคุณมากครับ”เซนโค้งตัวเต็มที่ทำให้ไม่เห็ฯรอยยิ้มที่ฉาบอยู่เต็มใบหน้าของลานีคูส แต่เมื่อฌซนเงยหน้าขึ้นมา รอยยิ้มทั้งหมดก็หายไปอย่างรวดเร็ว ลานีคูสลุกขึ้นปัดกางเกงก่อนจะเดินนำไปที่ริมแม่น้ำ
“นายรู้รึเปล่าว่า สายฟ้ามีพลังอะไรใช้ทำอะไรบ้าง”ลานีคูสถาม
“ก็... ใช้ผ่าคนไงครับ”เซนตอบงงๆ
“ไม่ใช่หรอก พลังที่แท้จริงของสายฟ้าน่ะ มันคือสิ่งนี้ต่างหาก”ลานีคูสบอกแล้วแบมือออก แสงสีส้มค่อยๆขยายตัวขึ้น เหมือนจะร้อนแต่ก็เย็น เป็นพลังที่บอกไม่ได้ว่ารู้สึกยังไง ลานีคูค่อยๆใช้มืออีกข้างโอบล้อมพลังนั้นไว้แล้ววางลงบนมือของเซนที่แบออกมารับอย่างแผ่วเบา เซนมองหน้านูสอย่างงงๆ เขายิ้มเบาๆแล้วพยักหน้าไปทางพลังที่อยู่บนมือเซน พลังนั้นค่อยๆขยายขึ้น เซนรู้สึกว่าความเหนื่อยล้าของการต่อสู้เมื่อครู่ค่อยๆจางหายไป จนกระทั่งก้อนพลังเหล่านั้นเล็กลงเรื่อยๆแล้วหายไปในที่สุด
“พลังของสายฟ้าน่ะ เป็นได้ทุกอย่าง ผู้ที่ครองพลังสายฟ้าถือว่าเป็นพลังที่อันตรายมากที่สุด และก็ถือว่าเป็ฯพลังที่อ่อนที่สุดด้วยสำหรับผู้ที่ใช้ไม่เป็น”ลานีคูสตอบ
“งั้นเหรอครับ”เซนทำท่าคิดก่อนจะแบมือมาด้านหน้า ก้อนพลังนั้นเกิดขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมๆกับสายฟ้าเล็กๆที่แล่นอยู่รอบๆก้องพลังนั้น
“ไปซะ”เซนพูดพร้อมดันพลังออกไป
ตูม!!!!!
พลังก้อนนั้นวิ่งไปชนกับต้นไม้ตรงหน้า จนระเบิดเป็นจุล รากไม้ดำเป็นตอตะโก เซนมองต้นไม่ที่ถูกโค่นไปแล้วหันมามองหน้าลานีคูสสลับไปมา
“ใช้ได้เลย หมดหน้าที่ฉันแล้วล่ะนะ”ลานีคูสบอกแล้วเดินลุยน้ำไปกลางแม่น้ำ เซนมองตามอย่างงงๆแล้วก็กระจ่างเมื่อลานีคูสสาดน้ำใส่เขา เซนยิ้มตอบใบหน้านิ่งเฉยของลานีคูสแล้วสาดน้ำกลับบ้าง
ทางด้านของเดลคิลกับฟาเรล ทั้งสองมาโผล่ที่สวนแห่งหนึ่ง เดลคิลหันมามองฟาเรลแล้วหันไปมองทางอื่นแทน
“นายธาตุลม ก็ไม่น่าจะหนักหนาอะไรเท่าไร”ฟาเรลเอ่ยแล้วเริ่มร่ายคาถา ลมเริ่มแรงขึ้นและก่อตัวเป็นพายุขนานย่อม เดลคิลมองฝ่าเข้าไปในพายุอย่างไม่เกรงกลัว ฟาเรลยืนอยู่ใจกลายพายุลูกนั้นก่อนที่พายุก้อนนั้นจะเคลื่อนตัวเข้าหาเดลคิลด้วยความเร็ว เดลคิลหลับตาลงแล้วพึมพำอะไรบ้างอย่าง เมื่อพายุลูกนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เดลคิลก็ลืมตาขึ้นแล้วสายลมอีกระลอกก็พัดพายุลูกนั้นกลับไปหาฟาเรล โดยคราวนี้พายุลูกนั้นเพิ่มกำลังเข้าไปอีกหลายสิบเท่า
“กลับไปซะ”ฟาเรลเอ่ยเบาๆ พายุลูกนั้นกลับตาลปัตรอีกครั้ง มันพัดกลับไปหาเดลคิลโดยคราวนี้ก็เพิ่มพลังเข้าไปอีก จนต้นไม้แถวนั้นถูกถอนรากออกมา ปลิวเข้าไปอยู่ในพายุลูกนั้น แปลกที่คราวนี้เดลิลไม่ได้ทำอะไรเพียงแค่แบมือออกมาแล้วพายุลูกนั้นก็หายไปอยู่ในกำมือของเดลคิล
“เก่งพอตัว แต่ต่อจากนี้จะไม่อ่อนแบบเมื่อครู่แล้วนะ”ฟาเรลเอ่ยก่อนจะร่ายคาถาด้วยความเร็ว
“โปรดจงฟังข้า พลังแห่งสายลมเอย... จงสร้างมีดขึ้นมา จงสร้างพลังแห่งลมขึ้นมา ใบมีดแห่งสายลม ฟลายเออร์คิล!!!”ฟาเรลเอ่ยขึ้นมา จากนั้นลมก็แรงขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ลมที่พัดผ่านเดลคิลเกิดเป็นแผลนับพันๆจุดทั่วร่างกาย เดลคิลยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน เขาได้แต่ยกยิ้มที่มุมปากแล้วเอ่ยเบาๆ
“พลังแห่งสายลม จงเชื่อฟังข้า อำนาจแห่งเทพและปีศาจ จงสร้างสายลมขึ้นมา จงสร้างพลังของข้าขึ้นมา สายลมพิโรธ!!!”จากนั้นก็เกิดสายลมขึ้นมาระลอกหนึ่ง พลังของฟาเรลถูกพลังของเดลคิลกันออกไปหมด ก่อนที่พลังครั้งสุดท้าย จะส่งพลังของฟาเรลกลับไปทำร้ายเจ้าของเอง บาดแผลเกิดขึ้นเต็มร่างกายของฟาเรล เดลคิลเงยหน้ามองฟาเรลช้าๆ เลือดสีแดงไหลออกมาจากมุมปากของเขา ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล จนแทบมองไม่เห็นผิวเนื้อ
“เก่งจริงๆ คิดไม่ผิดที่ฉันถ่ายพลังให้นาย”ฟาเรลพยักหน้ากับตัวเอง แล้วส่งพลังเขามาหเดลคิลเรื่อยๆ
“พลังย้อนกลับ”เดลคิลพูดเพียงครั้งเดียว พลังที่ฟาเรลเคยส่งมาให้เดลคิลเป็ฯระลอกๆก็ย้อนกลับไปหาฟาเรลในคราวเดียว จนฟาเรลล้มไปที่พื้น
“พลังแค่นี้ก็พอแล้วมั้ง”เดลคิลพูดกับตัวเอง เมื่อครู่เขาส่งพลังของตัวเองออกไปเพียง 1 ใน 10 ส่วนเท่านั้น
“นายเก่งกว่าที่ฉันคิดไว้มากเลยนะ”ฟาเรลเอ่ยก่อนที่ร่างโงนเงนของเขาจะล้มลง
“ให้ตายสิ น่าเบื่อเป็นบ้า”เดลคิลสถบกับตัวเองแล้วเดินเข้าไปใกล้ฟาเรล
“เฮลฟ์ตี้เดล”เดลคิลเอ่ยพร้อมพลังสีทองที่เกิดขึ้นมาห่อหุ้มร่างของฟาเรลแล้วจางหายไป ฟาเรลลืมตาขึ้นมาแล้วลุกขึ้นมาอย่างปกติ
“ขอบใจ”ฟาเรลหันมาพูดกับเดลคิลก่อนที่จะเกิดแสงสีขาวหุ้มตัวเขาทั้งสองและไปปรากฏที่ห้องของฟาเรล
มาถึงคู่ของอาเรสกับไซครอส ทั้งคู่มาโผล่ที่หลังหอใต้ ไม่มีการบอกกล่าวอะไรล่วงหน้า ไซครอสส่งพลังไฟของตนเองไปเผาอาเรส เขากระโดดหลบจนต้นไม้ด้านหลังถูกเผาไหม้
“ไม่คิดจะบอกกันเลยนะครับ”อาเรสยิ้มแล้วส่งพลังตัวเองกลับไปบ้าง
ตูม!!!!!!
พลังทั้งสองคนประสานกัน แสงสีแดงสว่างไปทั่ว เมื่อพลังนั้นหายไปร่างของทั้งสองก็กระเด็นไปคนละทิศคนละทาง
“โอ๊ย~”อาเรสร้อง เขารู้สึกเหมือนกระดูกในร่างกายจะหักออกจากกัน แต่เขาก็กัดฟันพาร่างของตนให้ลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง
“โฮก~”เสียงของสิงโตไฟคำรามขึ้น อาเรสเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าไซครอสเรียกสัตว์เวทของตัวเองออกมา
“ไฟนอลดัสตี้!!”อาเรสท่องเวทย์ก่อนที่พลังไฟของเขาจะคุมขังสัตว์เวทย์ตัวนั้นเอาไว้
“พี่ไซครอส พี่เล่นแรงไปแล้วนะ”อาเรสบ่นพลางหยิบขวดยาเล็กๆโยนไปบนอากาศ
“ผมน่ะ เวทย์อาจไม่ดีเท่าเดลคิลมัน แต่ถ้าเรื่องยาพิษล่ะก็... ผมไม่แพ้ใครแน่”อาเรสบอกแล้วตบขวดยาพิษที่ลอยอยู่บนอากาศจนแตก ละอองที่ตกลงไป เมื่อโดนกับอะไร สิ่งนั้นก็จะถูกแช่แข็งทันที ไม่เว้นแม้แต่ไฟ ของฟาเรล
“ถ้าถนัดแต่เรื่องยาพิษมันจะไปสู้ใครได้ล่ะ”ไซครอสเอ่ยพลางหลบละอองยาพิษไปด้วย
“มันก็ไม่แน่เสมอไปใช่มั้ยล่ะพี่”อาเรสกล่าว ก่อนจะหยิบยาพิษอีกขวดที่ถูกซ่อนไว้หลังมือปาขึ้นไปด้านบนอีกครั้ง เมื่อขวดยาพิษเจอกับละอองของยาพิษขวดที่แล้วก็จับตัวแข็งในทันที ไซครอสมองหน้าอาเรสแล้วยิ้มอย่างมีชัย
“ไงล่ะ ตอนนี้ยาพิษนายถูกแช่แข็งไปแล้ว งั้นนายจะทำยังไงต่อไป”ไซครอสถามพลางก้าวเท้าเข้ามาหาช้าๆ
“ทำแบบนี้ยังไงล่ะครับ”อาเรสบอกแล้วเงยหน้ามองขวดยาพิษที่ตอนนี้พองออกจนใกล้แตก
เปรี๊ยะ!
ขวดยาพิษที่ถูกแช่แข็งอยู่นั้นระเบิดออก ไฟสีแดงขยายใหญ่ขึ้นจนสว่างไปทั่วบริเวณสิ่งที่ครั้งแรกถูกแช่แข็งอยู่นั้นเมื่อเจอกับความร้อนของไฟก็แตกไปในพริบตา ไซครอสเองก็เหงื่อทะลักท่วมตัว ทั้งๆที่ไม่ได้โดนละอองยาพิษน้ำแข็ง
“พี่นี้ก็ทนดีนะครับ ถ้าเป็นคนอื่นป่านนี้คงยอมแพ้ไปแล้ว”อาเรสเอ่ยพลางหัวเราะ แล้วโยนขวดยาพิษในมือไปมา ทำเอาไซครอสหวั่นๆว่าในขวดนั้นจะเป็นยาพิษชนิดไหนกันแน่
“ไฟเออร์สตรีท”ไซครอสร้องออกมา ไฟสีแดงออกมาจากมือของไซครอสแล้วลามตามพื้นไปล้อมรอบอาเรส
“ว้า! แบบนี้ก็จบเร็วสิครับ”อาเรสยิ้มๆ แล้วปาขวดยาพิษนั้นไปบริเวณที่มีไฟเกิดขึ้น น้ำแข็งแช่แข็งไฟพวกนั้นอย่างรวดเร็วแล้วลามไปถึงต้นกำเนิดของไฟนั้นหรือก็คือมือของไซครอสนั้นเอง
“ขอโทษนะครับพี่ แต่ผมรู้ว่าถ้าผมสู้กับพี่ด้วยพลังแล้วล่ะก็... ผมคงสู้พี่ไม่ได้แน่ๆ ยังไงแค่นี้คงพอใช่ไหมครับ”อาเรสถามเมื่อเดินเข้ามาอยู่ใกล้ๆ
“อืม”ไซครอสตอบทั้งๆที่มือกำลังถูกแช่แข็งอยู่
เพล้ง!
อาเรสใช้สันมือของตนทุบลงไปที่น้ำแข็งบนมือของไซครอสจนแตกละเอียด
“กลับกันเถอะครับ”อาเรสบอก ไซครอสเดินเข้ามาประชิดตัวก่อนลำแสงสีขาวจะโอบล้อมพวกเขาและจางหายไปในที่สุด
ในฝั่งชานัทและเลฟิน พวกเขาไปอยู่ในป่าทึบที่ไร้แสงแดด ทันทีที่มาถึงเลฟินก็ล้มตัวลงนอนในทันที ชานัทมองหน้าเลฟินที่หลับตาอยู่อย่างงงๆ จากนั้นก็เดินเที่ยวอยูในป่าสักพัก จนเวลาล่วงไปประมาณ 10 นาที
โครม!
เสียงต้นไม้ต้นหนึ่งล้มลง ชานัทหันไปมองตามเสียงนั้นด้วยความเร็ว ทิศทางที่ชานัทได้ยินดังมาจากที่ๆเลฟินนอนอยู่ เขาทิ้งผลไม้ในมือทุกอย่างแล้วรีบวิ่งกลับไปในทันที
“หลงกลฉันแล้วล่ะ เด็กน้อย”เลฟินพูดจากด้านหลังของชานัท แล้วแผ่นดินตรงที่ชานัทยืนอยู่ก็แยกออกจากกัน เขากระโดดหลบด้วยความเร็วแล้วปีนขึ้นไปอยู่บนต้นไม้
“ไม่เอานะพี่เลฟิน ไม่เล่นแบบนี้สิ”ชานัทครวญคราง
“ไม่ได้เล่น ฉันเอาจริง”เลฟินพูด พลันสายตาชานัทก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง
“พี่เลฟิน หลบเร็ว”ชานัทตะโกนลั่นก่อนจะกระโดดลงจากต้นไม้แล้วผลักเลฟินออกจากตรงนั้น
“ปฐพีพิพากษา”ชานทร้องแล้วแผ่นดิน ณ ที่นั้นก็แยกจากกันเป็ฯสองส่วน หมาป่าที่วิ่งเข้ามาหาตกลงไปในหลุมลึก พร้อมเสียงหอนที่ดังโหยหวน
“บู๋ว์~”ชานัทพลิกตัวขึ้นมายืนอีกครั้ง แล้วรีบวิ่งเข้าไปหาเลฟินในทันที
“พี่เลฟินเป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนรึเปล่า”ชานัทพลิกตัวเลฟินขึ้นมา
“ไม่เป็นไรหรอก ขอบใจนะ”เลฟินเอ่ยแล้วพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นมา
“โอ๊ะ!”ยังไม่ทันยืนได้ตรง เลฟินก็ทรุดลงไปอีกครั้ง
“สงสัยข้อเท้าจะพลิกล่ะมั้ง”ชานัทกล่าว
“ทนเจ็บหน่อยนะครับ”ชานัทเอ่ยแล้วจับข้อเท้าเลฟินขยับเล็กน้อย
“เสร็จแล้วครับ แต่คงยังเดินไม่ได้อยู่นั้นแหละ”ชานัทกล่าวแล้วพยุงเลฟินให้ไปนั่งพิงต้นไม้ต้นหนึ่งแถวนั้น
“บู๋ว์~~~”เสียงหมาป่าหลายสิบตัว ที่กำลังหอนอยู่ด้านหลังของชานัท เขาหันไปมองแล้วลุกขึ้นเผชิญหน้ากับหมาป่าทั้งหมด
“พร้อมนะ”ชานัทกล่าวพลางหักนิ้วดังกร๊อบแกร๊บ
ฟี้ว~
เสียงธนูดังแหวกอากาศพุ่งลงไปปักที่หัวของหมาป่าตัวหนึ่ง มันล้มลง นัยน์ตาหมาป่าเบิกโพล่ง พรรคพวกของมันที่เหลือหันไปมองชานัทแล้วกระโจนเข้าหาชานัทพร้อมกัน
“จงฟังข้า เทพแห่งแผ่นดิน จงสร้างกำแพงแห่งดินเพื่อป้องกันข้า!”ชานัทพูดพร้อมกับกำแพงดินที่พุ่งขึ้นมาป้องกันการจู่โจมของพวกหมาป่าทั้งหมด
“ข้าไม่เคยคิดจะฆ่าพวกเจ้า ดังนั้นแยกย้ายกันไปเสียจะดีกว่านะ”ชานัทกล่าวได้แค่นั้นหมาป่าทั้งหมดก็มองหน้ากันก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในป่าลึก
“รู้สึกจะคุยกันรู้เรื่องนะ”ชานัทยิ้มร่าแล้วเดินเข้าไปประกบตัวกับเลฟิน เขามองหน้าเลฟินแล้วยิ้ม เลฟินเองก็ยิ้มตอบก่อนที่ลำแสงสีขาวจะโอบพวกเขาไว้และดับมอดไป
ซ่า!
เสียงน้ำที่พุ่งเข้าใส่โอเทส เขาหลบได้อย่างเฉียดฉิวก็จะตีน้ำกลับไปบ้าง รานอฟกับโอเทสมาอยู่ ณ ผืนน้ำแห่งหนึ่ง
“วารีพิฆาต”รานอฟเอ่ย สายน้ำม้วนขึ้นเป็นเกลียวก่อนจะพุ่งเข้าใส่โอเทสอย่างเต็มแรง
โครม!
“โอ๊ย~”โอเทสร้องลั่นแล้วผุดขึ้นมาจากน้ำ พร้อมไอค่อกแค่ก
“ไม่ไหวแล้วครับพี่รานอฟ”โอเทสพูดแล้วย่ำน้ำเข้าฝั่ง
“ไหวรึเปล่าเนี่ย”รานอฟย่ำน้ำตามมาแล้วถาม
“พี่รานอฟโหดชะมัด พี่ลานีคูสยังดูใจดีกว่าเลย อิจฉาเซนชะมัด”โอเทสบ่นแล้วเอามือลูบผมเบาๆ
“ฮาๆ ลานีคูสนะเหรอใจดี โหดที่สุดในกลุ่มพี่ต่างหากล่ะ ป่านนี้เซนคงจะสลบไปแล้วมั้งน่าสงสารจริงๆ ฮาๆๆ”รานอฟพูดไปหัวเราะไปจนโอเทสนึกแหยง
“เอาล่ะ! ฝึกต่อได้แล้ว”รานอฟบอกแล้วผลักโอเทสลงน้ำอีกครั้ง
ตูม!
“โอ๊ย~ พี่รานอฟ~”โอเทสลากเสียงยาวพร้อมโผล่ขึ้นมาหายใจเหนือผิวน้ำ
“วารีพิฆาต”รานอฟเอ่ยอีกครั้ง น้ำม้วนตัวเป็นเกลียวก่อนจะพุ่งเข้าใส่โอเทสอย่างเต็มแรง แต่โอเทสก็หลบได้อย่างฉิวเฉียด
“แฮกๆ”โอเทสหอบหายใจด้วยความเหนื่อย เขาใช้พลังทั้งหมดยันตัวเองเอาไว้ไม่ให้ปลิวไปตามกระแสน้ำ
“สายน้ำแห่งการรักษา”โอเทสเอ่ยแล้วสายน้ำรอบๆตัวเขาก็ม้วนขึ้นเป็นเกลียว บังโอเทสไว้ข้างใน รานอฟได้เพียงยืนมองอยู่มุมด้านนอกไม่สามารถฝ่าเข้าไปด้านในได้
“จงเชื่อฟังข้า เทพธิดาแห่งวารี จงสดับฟังคำสั่งของข้า ขอจงสร้างมังกรใหญ่กำจัดศัตรูของข้าเถิด”โอเทสกล่าวทั้งๆที่อยู่ในเกลียวน้ำ มังกรที่สร้างขึ้นมาจากน้ำพุ่งตัวขึ้นสูงสุด แล้วตวัดลงสู่ผืนน้ำสีราว น้ำสาดกระจายไปทั่วพร้อมพัดร่างรานอฟที่หมดสติเข้าไปริมฝั่ง โอเทสเดินลุยน้ำกลับไปยังริมฝั่งแม่น้ำก่อนจะแบกรานอฟให้ขึ้นไปอยู่บนฝั่ง
“พี่รานอฟครับ”โอเทสเรียกแล้วเขย่าตัวรานอฟเบาๆ
“แค่กๆ”รานอฟไอเอาน้ำออกมาแล้วลืมตาขึ้น
“ผมผ่านแล้วนะครับ”โอเทสยิ้ม รานอฟมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเอ็นดูก่อนแสงสีขาวจะสาดส่องไปทั่วบริเวรนั้น แล้วร่างทั้งสองก็จางหายไป
+++++++++++++++++
อัพจนได้สิหน่า
เหนื่อยเป็นบ้าเลย
แล้วเจอกันตอนหน้านะครับ
ชอบไม่ชอบเม้นบอกกันบ้างนะ
อ่อ... แล้วก็ถ้าไข้ใจตรงไหน เม้นถามได้นะครับ
แล้วจะตอบให้ครับ
บาย...
Dark_ Sniper
ความคิดเห็น