คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : เพื่อนรัก รักเพื่อน
สวัสดีค่ะ มีใครจำฉันได้บ้างคะ ฉันมินเองนะ วันนี้จะมาเล่าเรื่องของฉันให้ฟังค่ะ แนะนำตัวก่อนเลย ฉันชื่อ ด.ญ.ภาวิณี วงศ์ตระกูลค่ะ อายุก็ 14 ใกล้ 15 แล้วค่ะ อีกไม่นาน ตอนนี้อยู่ม.2/3 กับเพื่อนๆน่ะค่ะ ฉันแอบรักคนๆหนึ่งอยู่ค่ะ ไม่ใช่ค่ะไม่ใช่ไม่ต้องหันไปมองนายโชเลยนะคะ ฉันคบกับมันมาเกือบตลอดชีวิตไม่มีทางจับมันทำแฟนแน่ๆ ทำไมต้องตลอดชีวิตหรือคะ ก็พ่อแม่ของฉันกับพ่อแม่ของโชรู้จักกันก่อนที่เราจะเกิดซะอีก พอเกิดมาพวกเราก็อยู่ด้วยกันมาตลอด รู้ตับไตไส้พุงกันหมดแล้วล่ะค่ะ คนที่ฉันแอบรักน่ะหรือคะ โน่นไงเดินมานู่นแล้ว แต่ทำไมรอบๆตัวคนที่ฉันชอบถึงมีผู้หญิงมากรี๊ดประจำเลยนะ แต่ยังไงฉันก็มีโอกาสได้คุยกับเขา โชคดีกว่าคนพวกนั้นเยอะ อ๊ะๆ อย่าว่าๆฉันคบกับแก้วเพื่อคุยกับเอ็มนะ ฉันอยากคบกับแก้วจริงๆเพราะเห็นว่าเธอประหลาดดี(?) คุยกับวิญญาณได้น่ะ ส่วนนายเอ็ม... มันก็แค่ผลพลอยได้เท่านั้นเอง
“อ้าว! มิน มากินน้ำแข็งไสเหรอ”เอ็มเดินมาทัก ค่ะ ตอนนี้ฉันอยู่ที่ร้านของม.2/1 ที่ทำเป็นน้ำแข็งไสน่ะค่ะ
“เฮ้ย! โอ๊ค เอาน้ำแข็งไสมาอีกถ้วย แล้วก็น้ำหวานอีกสองแก้วนะ”เอ็มหันไปตะโกนบอกเพื่อนที่คอยทำหน้าที่ทำน้ำแข็งไส ไม่นานน้ำแข็งไสและน้ำหวาน
เฮลซ์บลูบอยก็มาวางแหมะอยู่ตรงหน้าฉัน ราดนมข้นมาด้วย น่ากินจัง...
“กินสิ ฉันเลี้ยง”โอ๊ย~ หัวใจมันหายละลายละลายไปกับเธอ... เพลงเก่าไปหน่อย แต่ได้อารมณ์นี้สุดๆ ฉันมองคนตรงหน้าที่ตักน้ำแข็งไสกินอย่างเอร็ดอร่อย โอ๊ย~ เลือดจะหมดตัวแล้ว หยุดทำหน้าน่ารักสักทีสิ~ ฉันก้มหน้าก้มตาดูดน้ำหวานตรงหน้าสลับกับใช้ช้อนเขี่ยน้ำแข็งไสในแก้วที่ตอนนี้มันเริ่มเข้าสู่กระบวนการทำละลายตัวเองแล้ว
“มิน ทำไมหน้าแดงน่ะ ไม่สบายเหรอ”มาแล้วประโยคยอดฮิต ฉันไม่เข้าใจจริงๆทำไมพระเอกถึงไม่รู้ว่าหน้าเอกหน้าแดงเพราะเขินน่ะ แต่... พูดแบบนี้เหมือนฉันกับเอ็มเป็นพระเอกนางเอกน่ะสิ อ๊าย~
“ป่ะ... เปล่าๆ ไม่ใช่นะ คือ... สงสัยจะกินน้ำแข็งไสมากไปหน่อยเลยหนาวน่ะ”แน่นอน ฉันก็ต้องตอบตามบทนางเอ๊กนางเอกน่ะสิคะ เอ็มยิ้มแบบมีเล่ห์นัย ก่อนจะคว้าถ้วยน้ำแข็งไสตรงหน้าฉันไป น้ำแข็งไสของเอ็มหมดไปชาติกว่าแล้วล่ะค่ะ
“งั้นฉันขอนะ”เอ็มลากถ้วยน้ำแข็งไสฉันไปทั้งถ้วย ก่อนจะใช้ช้อนในนั้นตักน้ำแข็งไสเข้าปาก อ๊าก~ พระเจ้า ฆ่าลูกเถอะค่ะ ฉันกับเอ็มกินช้อนเดียวกัน แบบนี้ก็เหมือนจูบกันทางอ้อมน่ะเซ่!~
หลังจากทำใจกับความบ้าคลั่งของตัวเองแล้ว ฉันก็ออกมาเดินดูงานกับเอ็มค่ะ คนแน่นหน้าดูเลย ถ้าแอบจับมือเอ็มจะเป็นอะไรมั๊ยเนี่ย ข้ออ้างล่ะ อะไรดี คนแน่นเหรอ... ก็โอเคนะ งั้นจับดีกว่า
หมับ!
“คนแน่นนะ ถ้าไม่จับมือไว้เดี๋ยวหลงกัน”โอ้ว~ พระเจ้า ฆ่าลูกตอนนี้เลยนะคะ เอ็มเอื้อมมาจับมือฉันก่อน แล้ว... แล้วไอ้ประโยคนั้นอีก นั่นมันข้ออ้างของฉันไม่ใช่รึไง ถ้าใครเอากลองมาตีข้างๆฉัน คงไม่ได้ยินเสียงกลองแน่ๆ เพราะเสียงหัวใจฉันมันคงดังกลบหมด เอ็มพาฉันออกมาที่โล่งๆ ก่อนจะลากฉันไปที่ประจำที่ตอนเช้าพวกเราจะมานั่งกัน เอ็มมานั่งแล้วมองไปด้านบนทำเหมือนคุยกับใครอยู่
“เอ็ม... ทำอะไรเหรอ”ฉันถามไป เอ็มหันมามองหน้าฉันแล้วชี้ขึ้นไปบนตึก ฉันลองโผล่หน้าขึ้นไปดู แต่แน่นอนว่าฉันไม่เห็นอะไร
“อ้าว! ฉันยังไม่ได้บอกเธอเหรอ ว่าฉันก็เป็นแบบแก้ว ฉันเองก็มองเห็นวิญญาณนะ”พระเจ้า... มิน่าล่ะ ฉันถึงเห็นเอ็มคุยกับแก้วบ่อยๆ เป็นเพราะเห็นวิญญาณได้เหมือนกันนี่เอง ก่อนจะรู้สึกอะไร เอ็มก็เอามือมาป้ายตาฉัน มันมีผงอะไรด้วยอ่ะ ฉันลืมตาขึ้นมาก่อนจะโผเข้ากอดเอ็มทันที ก็ฉันเงยหน้ามองด้านบนตึกอยู่น่ะสิ แล้วมันก็มีเด็กห้อยหัวลงมาด้วย เอ็มหัวเราะชอบใจใหญ่ ฉันผละออกแล้วหลบมาข้างใน ไม่โผล่ไปข้างนอกอีก งอนโว้ย... เอ็มหัวเราะฉันอ่ะ แต่ก็ดีนะ ได้กอดเอ็มด้วย ไม่น่าผละออกมาเร็วเลยเรา น่าจะกอดให้นานกว่านี่อีกหน่อย
“หวัดดี”เสียงดังมาจากเพดาน ร่างของเด็กที่ฉันเห็นห้อยหัวอยู่ ตอนนี้ค่อยๆปีนลงมานั่งแล้ว ฉันถอยกรูดไปนั่งให้ห่างจากวิญญาณเด็กคนนั้นทันที น่ากลัวว่ะ...
“ฮาๆ มานี่สิมิน เด็กคนนี้ชื่อซัน เขาอยู่ด้านบนตึกนี่เนี่ยแหละ ไม่มีอะไรหรอก”แล้วเอ็มก็เอาน้ำอะไรไม่รู้สาดใส่หน้าฉัน เสื้อเปียกหมดเลย ให้ตายสิ! ฉันหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง เด็กที่ชื่อซันหายไปแล้ว ฉันมองไปรอบๆ หวังว่าจะไม่โผล่มาให้เห็นอีกนะ
“มองไม่เห็นแล้วล่ะ ฉันใช้น้ำมนต์ล้างตาให้เธอแล้ว”เอ็มชูขวดเล็กๆสีขาวขึ้นมาให้ฉันดู ก่อนจะลุกขึ้นยืน
ตุบ!
กระเป๋าสตางค์สีดำตกจากกระเป๋าของเอ็มไถลมาอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันก้มหยิบก่อนจะพลิกหงายมาขึ้นมา แต่ยังไม่ทันจะได้มองอะไร มือหนาก็ฉกมันคืนไปเสียก่อน ฉันมองหน้าเอ็มที่ทำหน้าแดงนิดๆ เป็นอะไรรึเปล่านะ
“กะ... กลับกันเถอะ”เอ็มบอก แล้วเดินนำหน้าฉันไป ฉันยิ้มร่าแล้วเดินตามไป ได้เห็นเอ็มที่รักหน้าแดง มีความสุขจริงๆเลย เอ็มเดินมาส่งฉันที่หน้าห้องม.2/3 ก่อนที่ตัวเองจะเดินกลับไปเข้าห้องม.2/1 ฉันพยายามเก๊กหน้าก่อนจะเดินเข้าไป แต่ยังไงๆมันก็หลุดเก๊กทุกทีพอนึกถึงหน้านายเอ็ม ฉันเลยเดินยิ้มหน้าบานเข้าไปในห้องทั้งๆแบบนั้นนั่นแหละ ฉันเห็นแก้วส่ายหน้าแบบมึนๆ ก่อนจะเป่านกหวีดหมดเวลา ฉันเดินเข้าไปเอาป้ายแขวนคอแล้วเดินเข้าไปพาคนออกมา ก่อนจะเดินไปหาโชที่นั่งเก็บเงินอยู่
“โชจ๋า~ รู้มั๊ยวันนี้มินมีความสุขที่ซู๊ด~ เลย”ฉันลากเสียงคำว่าสุดให้สูงขึ้นกว่าเดิม เพื่อจะบอกให้นายโชรู้ว่าฉันมีความสุขมากๆๆ โฮ้ย~ อยากละลายเป็นน้ำแข็งไสให้เอ็มตักเข้าปากจังวุ้ย... โชมองหน้าฉันแบบเอือมระอา ก็นะ ฉันชอบทำแบบนี่กับหมอนี่เวลาฉันมีความสุขน่ะสิ ฉันก้มไปเอาหัวถูไถกับต้นแขนของโช แล้วช่วยโชเก็บเงินแทน ก่อนที่โชจะเดินออกไปด้านนอก เออ... ปล่อยสัตว์เข้าป่าบ้างก็ดีเหมือนกันนะ...
[ CHO Talk ]
ผมเดินออกจากห้องมาด้วยอาการหน่ายๆ ยัยมินมันบ้าครับ โคตรน่าเบื่อเลย อ่อ... ลืมแนะนำตัว ผมชื่อไตรภพ เอกองอาจครับ อายุ14ปี อยู่ม.2/3ห้องเดียวกับมินน่ะ
ครับ แปลกชะมัด ผมอยู่ห้องเดียวกับยัยนี่มาตลอดเลย ถึงมันจะผสมยังไง แต่ตั้งแต่อนุบาลยันประถมยันมัธยม ผมกับมินไม่เคยแยกห้องกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว มันเลยทำให้ผมกับมินสนิทกันมากถึงมากที่สุด แต่ผมไม่ได้ชอบมันนะครับ ยัยนี่มันซนเป็นบ้าชอบยุ่งกับคนอื่นเขาไปทุกเรื่อง หลายครั้งที่ทำเอาผมตกที่นั่งลำบากไปด้วย ตอนประถมผมเคยปล่อยให้ยัยบ้านี่ไปยุ่งกับเด็กประถมที่โตกว่าสาเหตุเพราะรุ่นพี่พวกนั้นไปรังแกลูกสุนัข ผลที่ได้น่ะหรือครับ ยัยบ้านั่นก็ได้ตบสั่งสอนกลับมาน่ะสิ แถมยังร้องไห้จ้าเข้ามาซุกอกผมใหญ่เลย จำได้ว่าหน้ายัยมินขึ้นเป็นรอยแดงห้านิ้วเลย หลังจากนั้นผมก็ไม่กล้าปล่อยให้มินไปไหนคนเดียวอีกแล้วล่ะครับ มินเป็นพวกถ้าเห็นเรื่องไหนสนุกยัยนี่เป็นโผเข้าไปหาทุกที ไม่สนเลยว่าตัวเองจะต้องเจ็บตัว แต่ยังไงผมเองก็ต้องระวังตัวเองนะครับ เพราะถ้าผมเกิดได้แผลมา มีหวังเลือดไหลหมดตัวแหงๆ มินเองก็ทำผมเกือบตายมาไม่ต่ำกว่าสองครั้งแล้วล่ะครับ โชคดีที่อยู่ที่บ้าน ผมเลยหายามาฉีดได้ทัน ยัยนี่ก็รู้นะครับว่าผมเป็นโรคอะไร เลยทำตัวสงบเสงี่ยมขึ้นมาหน่อยนึง แค่หน่อยนึงจริงๆนะครับ เพราะยัยนี่ก็ยังโผเข้าหาเรื่องสนุกเป็นว่าเล่นอยู่ดี
“ไง ไอ้โช มาๆ เข้าไปเล่นไป”ผมถูกดันหลังให้เข้าไปในที่แห่งหนึ่ง ถ้าผมจำไม่ผิด ไอ้เจ้าแฟรงค์เก้นสไตล์ที่ดันหลังผมเข้ามาเนี่ย มันคือพี่ริวไม่ใช่รึไง โธ่เว้ย... นี่ผมหลงมาชมรมบาสได้ไงเนี่ย มั่นใจได้เลย ผมต้องโดนหลอกมากกว่าคนอื่นๆแน่ๆ พี่ชายผมไม่ได้ใจดีอย่างที่ทุกคนเห็นหรอก ยิ่งกับผม มันยิ่งชอบแกล้ง ผมเดินไปตามทาง แน่นอนว่ามีผีโผล่มาหลอกผมแบบที่น่ากลัวๆทั้งนั้นเลย แต่ผมไม่สะดุ้งหรอก เพราะผมไม่ใช่คนกลัวผีอะไรขนาดนั้น อย่างมากก็แค่สะดุ้ง ไม่มีทางร้องโวยวายเด็ดขาด
“อ๊ากกกก~”พระเจ้าเหอะ ผมสาบานได้ เมื่อกี้มีผีโผล่ออกมาตรงหน้าผม แถมมีแค่ซีกครึ่งซ้ายซะด้วย จะเก๊กไม่เก๊ก กลัวไม่กลัวยังไง ตอนนี้ผมก็หันหลังวิ่งกลับไปหาไอ้พี่บ้าที่เอาผมตัวนี้มาหลอกผมแล้วล่ะ
“พี่ริว!! พี่เอาไอ้ผีครึ่งซีกนั้นมาหลอกผมใช่ไหม”เมื่อไปถึงตัวผมก็แทบกระชากคอเสื้อผีแฟรงเก้นสไตล์ลงมาถามทันที พี่ริวทำหน้ามึนๆแล้วแกะมือผมให้ออกจากคอเสื้อของตนเอง ผมจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง ผีตัวเมื่อกี้เหมือนจริงจนผมนึกว่าเป็นของจริงเลยนะนั่น
“หือ... อะไรหรือน้องรัก พี่จำได้ว่าชมรมบาสไม่มีใครแต่งผีแค่ครึ่งซีกหรอกนะ”พี่ริวบอกแล้วมองไปในบ้านผีสิง “สงสัยน้องชายพี่คงเจอดีเข้าให้แล้วสินะ ดีใจด้วยนะไอ้น้องชาย น้อยคนนักที่จะได้เจอ นายเป็นผู้โชคดีเลยนะ”
“โชคดีกะผีสิพี่ ผมกลัวนะเนี่ย พี่น่าจะเข้าไปบ้างนะ จะได้โชคดีแบบผมบ้าง”ผมพูดแบบโกรธๆ ภาวนาให้พี่หลอกผมเถอะว่าที่ชมรมนี้ไม่มีคนแต่งชุดผีครึ่งตัว เพราะถ้าที่พี่พูดเป็นเรื่องจริงก็แสดงว่าผมคงโชคดีแบบคูณสองแน่นอน นอกจากจะเจอคนหลอกแล้วยังเจอผีหลอกอีก ฮึย!
หลังจากผ่านบ้านผีสยองขวัญของพี่ริวแล้วผมก็ไม่คิดจะไปเล่นอะไรแปลกๆอีก ดังนั้น สิ่งที่ลงตัวที่สุดตอนนี้สำหรับคนที่ยังอกสั่นขวัญแขวนแบบผม ต้องนี้เลย... ช้อนปลาทอง ผมเดินไปที่ซุ้มแล้วหยิบช้อนกระดาษมาสามอัน พร้อมจ่ายแบงค์ยี่สิบหนึ่งใบ แต่จนแล้วจนรอดยังไงๆผมก็ช้อนมันไม่ได้สักตัว ในขณะที่ผมกำลังอารมณ์เสียๆอยู่นั้นก็มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผม
“การช้อนปลาทองมันมีทริกรู้ไหม”แก้วบอกแล้วแย่งช้อนกระดาษไปถือไว้ ก่อนจะช้อนปลาทองชึ้นมาหนึ่งตัวเพื่อแสดงความเก่งกาจ ผมตาโตทันที คนอะไรจะเก่งปานนั้น ผมเลยก้มหัวคารวะ แล้วแก้วก็หัวเราะผม...
“ข้าน้อยขอคารวะท่านอาจารย์ โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถิด”ผมพูดก่อนก้มหัวขอร้องพร้อมกับลงจากเก้าอี้ไปคุกเข่าที่พื้น เหมือนหนังจีนเด๊ะเลย แก้วยื่นช้อนกระดาษให้กับผมก่อนจะตอบ
“เอาสิ แต่สอนครั้งเดียวนะ ถ้าศิษย์ทำไม่ได้ อาจารย์จะไม่สอน”ผมขยับตัวเข้าไปใกล้ หวังจะฟังให้ชัดเจน แต่ไม่รู้ทำไมแก้วถึงแอบหัวเราะผมอยู่เรื่อง ผมทำอะไรแปลกๆไปงั้นเหรอ...
จากนั้นผมก็ช้อนปลาทองได้สองสามตัว ก่อนจะแยกย้ายกับแก้ว ผมเดินดูงานไปเรื่อยๆ ก็ต้องสะดุ้งเพราะร่างของใครคนหนึ่งกระโดดขึ้นหลังของผม ทำเอาผมเกือบล้มแหนะ ผมหันไปมองก่อนจะเบ้ปาก
“เต้... นายไม่ใช่เพื่อนผมนะ นายเป็นเพื่อนเอ็มตะหาก อย่ามั่วผิดคนได้มั๊ย”ผมหันไปต่อว่าคนที่กระโดดเกาะหลังผม นายเต้ยิ้มแห้งๆก่อนจะกระโดดลงมาแล้วปัดเสื้อผมเบาๆ
“ก็หลังนายนุ่มนี่หน่า น่าซบจะตายไป”นายเต้อะไรนั่นยิ้มหวาน โอเคผมยอมรับเก่ง เท่ห์ดูดี เหมาะกับผู้หญิง แต่แน่นอนของที่คู่กับสำหรับบุคคลที่มีความเพียบพร้อมอย่างนี้มันก็คงจะไม่พ้นเรื่อง...
“อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะว่านายน่ะเป็นเกย์ ผมเห็นแก่นายเอ็มหรอกเลยไม่บอก แล้วก็อย่ามาซบผมบ่อยนะ มันแปลกๆ”ผมตอบ ทำนายเต้หน้าเจือๆ เอาเหอะ แต่ที่ผมมองออกไม่ใช่ว่าผมเป็นเกย์หรอกนะ แต่เพื่อนๆผมก็มีหลายคนที่เป็นเกย์แอบ ผมเลยมองพวกนี้ออกได้โดยปริยาย
“แฮะๆ อย่าบอกคนอื่นนะโช เราขอ...”ผมพยักหน้ารับ...
ความคิดเห็น