ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Secret of successor

    ลำดับตอนที่ #2 : จุดเริ่มต้นของจุดจบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 96
      0
      15 ต.ค. 53

    บทที่1

    จุดเริ่มต้นของจุดจบ

                โรงเรียนซาชาร์ล  เป็นโรงเรียนที่โด่งดังในเรื่องการต่อสู้  นักเรียนที่จบไปเกือบทั้งหมด กลายเป็นทหารชั้นดี หรือไม่ก็เป็นผู้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ  มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก และ9ใน10 ของเสนาบดีประจำแต่ละเมืองจบการศึกษาจากโรงเรียนซาชาร์ล  ทุกๆวันที่ 4 พฤษภาคม จะเป็นวันกำหนดข้อสอบสุดท้ายที่จะตัดสินการเรียนจบของชั้นปี 3 และในวันนี้ก็เป็นวันที่ 4 พฤษภาคม

                เป็นอย่างไรบ้างนักเรียนชั้นปี 3 ทั้งหลาย  วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่พวกเจ้าจะได้อยู่ในโรงเรียนแห่งนี้  ล่ำลากันให้เรียบร้อยล่ะ  ส่วนหัวข้อการสอบ  ปีนี้คงจะพิเศษไปกว่าปีอื่นๆเสียงฮือฮาดังขึ้น เมื่อศาตราจารย์โกลเทลกล่าวจบ     เทร่าเริ่มมองล่อกแล่กไปทั่ว  ผิดกับซานที่นั่งทำหน้าเบื่อหน่าย 

                วันนี้  หลังจากการเลี้ยงฉลองเสร็จสิ้น  หัวข้อของแต่ละกลุ่มจะวางอยู่บนเตียง  ใครที่ได้หัวข้อเหมือนกันก็ให้จับกลุ่มกันเอาไว้  และระยะเวลาที่ต้องส่งหัวข้อที่กำหนดให้คือ... ไม่มีจุดสิ้นสุด  สามารถส่งได้ไม่ว่าจะนานสักเพียงใด  เอาล่ะ... เมื่อรู้แล้ว  หลังจากนี้ก็ขอให้ทุกคนโชคดี  และมาสนุกกับวันสุดท้ายในโรงเรียนนี้ให้เต็มที่เถอะเสียงบทเพลงประจำโรงเรียนซึ่งถูกบรรเลงขึ้นด้วยนักเรียนชั้นปี 1 ดังขึ้น  นักเรียนปี 3 เกือบร้อยกว่าคน ต่างพากันร้องไห้ด้วยความซึ้งใจ  ยกเว้นก็แต่คนที่ไม่เคยมีความทรงจำกับโรงเรียนนี้เลย...

    ซาน  ราฟาเอิร์น  ในขณะที่ทุกคนพากันเช็ดน้ำตา  ซานกลับเดินไปหยิบนั่นหยิบนี่กินตามอารมณ์  แม้แต่เทร่าหรือดาเวลยังมองตามอย่างหงุดงง  เจ้าหมอนี่มันเป็นโรคอารมณ์ตายด้านหรืออย่างไรนะทั้งสองพร้อมใจกันประสานความคิด

                เสียงคำสั่งนั้นก้องอยู่ในหัวของซาน  อาจารย์ใหญ่ก็ช่างสรรหาคนเสียจริง  นี่คงคิดจะเอาเขาไปเกะกะสองคนนี่สิท่า...  แต่จะเป็นอะไรไป  ในเมื่อข้ามันขี้แพ้อยู่แล้ว  แค่หลบไม่ยอมออกไปตามนัด  แค่นี้ข้าก็ไม่ต้องไปกับเจ้าพวกนั้นแล้ว  ซานคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะขอตัวกลับมาที่ห้องพักก่อนเป็นคนแรก  ไม่รู้ว่าจะอยู่ทำไม ในเมื่อตลอดสามปีที่ผ่าน เขาไม่เคยอยู่ในความทรงจำของใครเลยสักคนเดียว

     

                ห้องพักของซานเรียบง่ายผิดกับนักเรียนทั่วไปลิบลับ  ห้องของซานมีเพียงเตียงนอนและตู่ใส่เสื้อผ้าหนึ่งใบ  เขาไม่รู้ว่าจะต้องมีโต๊ะอ่านหนังสือ หรือตู้ใส่อุปกรณ์เวทย์มนต์ต่างๆทำไม   ในเมื่อเขาไม่เก่งอะไรสักอย่าง  เขาคว้าคทามาไว้ในมือ ร่ายคาถาเท่าที่เขาจะพอจำได้  การร่ายเวทย์เป็นไปอย่างง่ายดาย  ถ้าเป็นสำหรับคนอื่น แต่สำหรับซานแล้ว มันคือการดูถูกตัวเองอย่างถึงที่สุด

                อัลฟา  ซาไร  ในนามแห่งข้า...ซานกล่าวแผ่วเบา คาถาที่ซานใช้เป็นเพียงคาถาพื้นฐาน  ใช้เคลื่อนย้ายสิ่งของหรือกระดาษแผ่นบางๆ  คาถาของซานดูเหมือนจะได้ผล  ถ้าเจ้าก้อนดินน้ำมัน มันจะลอยค้างอยู่กลางอากาศได้นานกว่านี้  ก้อนดินน้ำมัน เรียกได้ว่าแทบจะไม่ขยับ  ลอยสูงขึ้นมาประมาณสามมิลก่อนจะตกลงไปอีกครั้ง  ซานถอนหายใจ  วางคทาลงบนเตียงแล้วนอนหลับตา  เงียบสนิทมีเพียงสายลมเท่านั้นที่พัดผ่าน  สายลมที่ค่อยโอบอุ้มและค่ำจุนซานตลอดมา...

     

            ตึกๆๆๆ

                เสียงฝีเท้าม้าที่กำลังออกตัวอย่างไม่ค่อยเร็วเท่าไรนัก  ซานลืมตางัวเงียขึ้นดู  ก่อนจะพบกับคนอื่นสองคนที่จ้องหน้าซานอยู่มีพิรุธ  เทร่ากับดาเวล  ทั้งสองเมื่อเห็นว่าซานตื่นแล้วต่างคนจึงต่างเบนหน้าออกทางหน้าต่างกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมที่ดาเวลเป็นคนลงมือเก็บให้วางไว้ข้างกายของซาน  เขาลองหันไปมองนอกหน้าต่างก่อนจะพบกับแสงของดวงตะวันที่เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้า  ตัดกับสีเขียวขจีของท้องทุ่งนาที่บ่งบอกว่าพวกเขาห่างออกมาจากโรงเรียนซาชาร์ลพอสมควร เสียงฝีเท้าม้าที่ดังอยู่ไม่ขาดระยะทำให้ซานนึกคำพูดอะไรไม่ออก  ไม่แม้แต่จะกล้าหันไปมองหน้าเพื่อนทั้งสอง

                เอ่อ.../เอ่อ...ซานกับดาเวลเหมือนจะอยากกล่าวอะไรบางอย่าง แต่ก็ชะงักค้างไปเมื่ออีกฝ่ายพูดขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนที่ดาเวลจะพยักหน้าให้ซานพูด

                เอ่อ... ข้า... เจ้าพาข้ามาด้วยทำไม

                ข้าเองก็ไม่ได้อยากจะพาเจ้ามานักหรอก  ไอ้คนที่นอนหลับอุตุไม่ยอมตื่นเนี่ย  แต่อาจารย์ใหญ่ถึงกับลงมือไปลากเจ้ามาจากห้องให้ขึ้นรถเนี่ย  ถ้าข้าจะถีบเจ้ากลับไป มันคงดูไม่ค่อยดีเท่าไรดาเวลตอบขำๆ  ไม่จริงจังมากนัก  แต่ในสายตาของซาน  ดาเวลมีอะไรอยู่ในใจมากกว่าที่กล่าวออกมาแน่  ซานเลือกที่จะไม่ถาม  เขาไม่อยากเป็นตัวถ่วงให้ใคร  ถึงจะต้องอยู่ที่นี่แต่ถ้ามีเหตุการณ์อะไรขึ้น  เขาก็จะไม่พึ่งฝีมือใคร  เป็นที่รู้กันทั่วโรงเรียนซาชาร์ล  ซาน  ราฟาเอิร์น  ถึงจะไม่เก่ง  เป็นไอ้ขี้แพ้  แต่เมื่อมีปัญหา เขาก็กล้าเผชิญหน้า  ไม่รับน้ำใจจากใครทั้งสิ้น  ถ้าหากมีใครมาช่วยเหลือเขาก็เป็นตามที่มีเรื่องเล่าเอาไว้  คนๆนั้นมักจะเกิดอุบัติเหตุอยู่ร่ำไป...

            “อ่า... แต่ว่าข้ายังไม่รู้เลยนะ ว่าพวกเราต้องตามหาอะไร”ซานว่า  เทร่าโบกซองสีน้ำตาลตรงหน้า  ก่อนจะโยนมาให้ซานอ่าน  เขาเปิดถุงแล้วดูเนื้อหาข้างในนั้นช้าๆ  กระดาษดูไม่ค่อยจะสมกับจำนวนตัวหนังสือสักเท่าไร ในเมื่อกระดาษทั้งแผ่นมีคำอยู่เพียง 4 คำเท่านั้น ซานอ่านแล้วขมวดคิ้ว จะไปหาได้อย่างไรนะ ไอ้ไข่มุก God’s eyes ’ เนี่ย  มันมีกี่เม็ดในโลกนี้ เขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ  และดูเหมือนว่าดาเวลจะอ่านท่าทางของเขาออกจึงเอ่ยขึ้นมาลอยๆ

                “ไข่มุก God’s eyes หมายถึง ไข่มุกที่เปรียบเสมือนดวงเนตรของพระผู้เป็นเจ้า  ผู้ที่ได้ครอบครองจะสามารถล่วงรู้อนาคตได้  แต่เพราะความสามารถของมันทำให้มีผู้คนต้องการมากมาย  แต่ดูเหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อน จะมีการทำลาย ไข่มุก God’s eyes  มีข่าวมาว่า จนถึงทุกวันนี้  เหลือไข่มุกที่รอดพ้นจากเหตุการณ์การทำลายไข่มุก God’s eyes  เพียง 2 เม็ดเท่านั้น  เม็ดหนึ่งนั้นอยู่กับมหาเศรษฐีระดับโลก  ส่วนอีกเม็ดไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ใด มีแต่ข่าวว่ามีคนยากจนคนหนึ่งครอบครองอยู่  และคนๆนั้นก็จะคอยค้นหาผู้ที่คู่ควรแก่การครอบครองไข่มุก God’s eyes เม็ดที่สองนี้   และตอนนี้เราก็กำลังมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ของเศรษฐีคนนั้น  เพื่อขอไข่มุก God’s eyes แต่ถ้าไม่ได้พวกเราก็คงต้องค้นหาคนยากจนที่ครอบครองไข่มุกเม็ดที่สองเอาไว้” ดาเวลร่ายยาวโดยหยุดพักบ้างเป็นระยะๆ  ซานนั่งฟังแบบงงๆ  ก่อนจะค่อยๆทำความเข้าใจได้ในเวลาไม่นาน

               

    เอาล่ะ! มานั่งลงสิ แล้วเราจะได้เข้าเรื่องของเราเสียทีเสียงอาจารย์ใหญ่กล่าว

                ข้าอยากจะฝากคนๆหนึ่งไปพร้อมกับพวกเจ้า เขาเป็นหลานของข้าเองอาจารย์ใหญ่กล่าวต่อ ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะก้าวเข้ามาในห้อง  เด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งท่าทางคล่องแคล่วว่องไว  โค้งตัวทำความเคารพผู้เป็นลุง  ก่อนจะหันกลับไปยิ้มให้ทั้งสามคนที่เหลือ 

                เขาชื่อ ไค  โอวาไดรฟ์ ยังไงก็ฝากดูแลด้วยล่ะลมสีขาวเริ่มโอบล้อมทั้งสามก่อนจะพาทั้งหมดกลับมายังห้องพัก 

     

                ซานเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปเสียแล้ว  เสียงตะโกนจากนอกหน้าต่างทำให้เขาละความสนใจจากวามคิดของตน  หลานของอาจารย์ใหญ่  ไค โอวาไดรฟ์ตะโกนให้คนในรถรู้ว่ากำลังจะพักให้น้ำและอาหารแก่ม้า  ในช่วงนี้หากใครต้องการไปทำธุระอะไรก็ตามสบาย  แต่ก็คงไม่สบายนักเพราะไม่ถึงห้านาทีที่ไคพักให้อาหารม้า กลุ่มโจรเล็กๆก็เข้ามาล้อมรถม้าของพวกเขาเอาไว้จนสิ้น  ดาเวลหยิบดาบของเขาขึ้นมา ในขณะที่เทร่าก็หยิบคทา เวทย์มนต์ที่เธอถนัดที่สุด  ไคยืนนิ่งไม่ทำอะไรสักอย่าง  และซานที่ยืนนิ่ง  บททดสอบแรก เริ่มขึ้นแล้ว!!!

                โจรสามคนพุ่งเข้าใส่ดาเวล ก่อนที่จะทรุดกายลงเพราะคมดาบที่พุ่งเข้าหาจุดตาย  โชคยังดีที่ดาเวลยั้งแรงไว้ได้ทัน จึงทำให้โจรทั้งสามยังไม่สิ้นลมหายใจ แต่ก็เรียกเลือดได้พอดูทีเดียว  หลังจากทดสอบกับคนในกลุ่มและพบกับฝีมือจริงๆแล้ว พวกโจรทั้งหมดจึงรุมเข้าใส่ทุกคนพร้อมกันในทีเดียว  ดาเวลใช้สันดาบฟันไปที่จุดตายของแต่ละคน  เทร่าร่ายเวทย์ที่ทำให้พวกโจรขยับไม่ได้  ส่วนไค ที่ดูเหมือนไม่มีอาวุธอะไรก็ล้มพวกโจรได้อย่างง่ายดายด้วยมือเปล่า  คงจะมีแต่ซาน ที่ได้แต่วิ่งหลบคมดาบของพวกโจร และตอบโต้กลับบ้างในบางครั้ง  ไม่นานกลุ่มโจรพวกนั้นก็ถูกล้มลงไป  โดยฝีมือของ เทร่า ดาเวลและไค  ในขณะที่อีกคนถอนหายใจเมื่อเห็นกลุ่มโจรลงไปนอนระเนระนาดอยู่บนพื้น  ยันตัวเองขึ้นมายืนในสภาพที่เรียกได้ว่าโทรมสุดขีด  พลางพยุงกายให้ไปนั่งอยู่ริมไม้ใหญ่  เอาแค่หลบดาบของกลุ่มโจรพวกนั้นได้ ก็แทบเรียกได้ว่าปาฏิหาริย์แล้ว ไอ้เรื่องจะช่วยสู้กับศัตรูน่ะ  ฝันไปเถอะ

                “เฮ้อ!!~”เสียงถอนหายใจยาวๆดังมาจากคนๆหนึ่ง “ถึงว่าสิ... ว่าทำไมคุณลุงถึงอยากให้ข้ามากับพวกเจ้านัก” ไคว่า  พลางบีบนวดแขนตนเอง 

                “พวกเราอยู่ตรงนี้ได้อีกไม่นาน  เลยตรงนี้ไปอีกสิบกิโล  จะมีหมู่บ้าน  พวกเราไปพักกันที่นั่นดีกว่า”ดาเวลเสนอความเห็น   และก็เป็ฯที่ยอมรับของทุกคน  การเดินทางไปอีกสิบกิโลท่าจะดีกว่าการยืนรอโจรกลุ่มใหม่ที่จะมาถึงในไม่ช้า   ดาเวลเสนอตัวไปเป็นคนขับโดยผลัดให้ไคซึ่งยังไม่ได้นอนทั้งคืนไปพักผ่อนบ้าง  การเดินทางเป็นไปอย่างเรียบง่าย  ไม่นานทั้งสี่ก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง 

    เสียงเฮที่ดังขึ้นมาเป็ฯระยะๆทำให้ผู้มาใหม่ต้องมองหาต้นตอของเสียง  และในไม่ช้าก็พบกับคำตอบ  การประลองกลางเมืองที่มีผู้คนยืนรายล้อมอยู่มากมาย  มีเสียงงเชียร์ดังขึ้นไม่ขาดสาย  จนทุกคนหันมองหน้ากัน  การเดินทางตลอด 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา  ทำให้หลายๆคนชักอยากจะยืดเส้นยืดสายบ้าง  ยกเว้นแค่เพียงซานที่ส่ายหน้าบ่งบอกว่าจะคอยยืนดูไม่ขึ้นไปบนเวทีการประลองแน่นอน  ทั้งสามทยอยเดินไปที่สนามประลองทีละคน  และก็ได้รับชัยชนะมาตามที่คาดเอาไว้  โดยเฉพาะไคที่หาคู่ประลองที่มีฝีมือสูสีได้ยาก  ขนาดซานยืนมองอยู่รอบนอกยังรู้สึกถึงไอรังสีที่กระหายการฆ่าได้  แล้วคนที่อยู่บนเวทีเล่า จะมีใครกล้าเข้าใกล้ไค

    “คู่ต่อไป  ดาเวล  โซฟาบรีช  เจอกับ เทร่า  ไซซาซอล  ขอเชิญคู่ประลองขึ้นบนเวทีด้วยครับ”เสียงประการทำให้คู่ที่ต้องขึ้นไปหันมามองหน้ากันเจื่อๆ  จะทำไงได้ล่ะดันโชคดีได้สู้กัน  รู้กันหมดไส้หมดพุงอยู่แล้ว สู้ไปจะได้อะไรขึ้นมาก็ไม่รู้...  ดาเวลกับเทร่าเดินขึ้นเวทีประลอง  รอบเวทีเงียบสนิท  ราวกับพายุใหญ่ที่เริ่มตั้งเค้าแห่งความหายนะ  เงียบจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมพัดผ่าน  หากเปรียบทั้งคู่แล้ว ดาเวลคงเป็นยมทูตที่จะคอยฉุดคร่าวิญญาณให้ลงไปสู่ขุมนรกโลกันต์  และเทร่าเองก็คงไม่ต่างอะไรจาก เทพธิดา  ที่จะปลิดชีวิตคู่ต่อสู้อย่างอย่างดาย และให้อีกฝ่ายตายไปโดยที่แทบไม่รู้สึกตัว  แม้กระทั่งก่อนตายก็ยังบังเกิดรอยยิ้มแห่งความสุขใจ    ซานลอบมองทั้งคู่ด้วยใบหน้าที่เดาความรู้สึกไม่ออก  ทั้งๆที่อยากจะดูการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นต่อไป  แต่อีกใจก็บอกให้หนีไปไกลๆ  และอีกใจก็อยากจะขึ้นไปอยู่บนเวทีนั้นซะเอง  จิตใจที่อยากจะทดสอบพลังของตนเองสักครั้งหนึ่ง  ถึงแม้จะรู้ตัวเองดีว่าพลังที่มีนั้นแทบจะเรียกได้ว่าต่ำต้อยที่สุดก็ตาม...

    ในขณะที่อีกฟากหนึ่งของถนน  กองทหารของใครสักคนกำลังหยุดยืนดูเหตุการณ์ของอีกฝั่ง  พลางหัวเราะเบาๆ  แต่ก็แทบจะเกาะกุมหัวใจของคนที่ได้ฟัง  ชายหนุ่มอายุราว 25 ปี ลงจากหลังม้าก่อนจะสั่งให้ลูกน้องทุกคนยืนรออยู่ ณ ที่เดิม ไม่ต้องตามไป  ซานหันหลังไปมองเมื่อรู้สึกได้ถึงจิตต่อสู้ที่พุ่งใส่เขา  ชายหนุ่มเดินมาหยุดข้างๆของซาน  สายตาจับจ้องไปที่การต่อสู้บนเวทีอย่างไม่วางตา  เทร่าที่ใช้เวยท์จับกุมกับดาเวล  แต่ก็ถูกเวทย์ของดาเวลโต้กลับ  ถึงดาเวลจะไม่เก่งเวทย์เท่าเทร่า แต่ก็มีฝีมือพอตัว  ดาบแหลมพุ่งเข้าใส่ลำตัวของหญิงสาว  ก่อนที่ปลายดาบนั้นจะถูกแช่แข็ง ไม่สามารถขยับเข้ามาได้อีก  แต่ดาเวลก็กระชากดาบกลับมาทำให้น้ำแข็งนั้นแตกละเอียด

                เก่งจริงๆเลยนะ เด็กสมัยนี่ หึหึเสียงทุ่มต่ำดูน่าฟัง แม้ใจหนึ่งจะพยายามไม่ให้หันกลับไปมอง  แต่อีกใจก็อยากให้หันไปมองคนข้างๆ และไม่นานร่างสูงของซานก็หันไปมองคนข้างๆจนได้  ราวกับเป็นการต่อสู้กับจิตทั้งสองฝ่ายก็ไม่ปาน  ซานค่อยๆร่นถอยหนี  จนห่างออกไปประมาณห้าเมตร  ก่อนจะรีบวิ่งกลับไปที่รถม้าอย่างไม่คิดชีวิต  คนๆนั้น จ้องมองบนเวทีราวกับกำลังจะฆ่าคนทั้งสองคน  ซานรู้ดีและเลือกที่จะรีบวิ่งหนีออกมา หนีออกจากเหตุการณ์ที่จะพาให้เขาต้องต่อสู้

                ข้ายอมแพ้/ข้ายอมแพ้สองเสียงที่ประสานขึ้นมาทำให้ซานหันกลับไปมองอย่างหงุดงง ดาเวลยกดาบขึ้นเหนือศีรษะ  ในขณะที่เทร่าก็ชูไม้คทาขึ้นเหนือศีรษะเช่นกัน  แต่คงเป็ฯไปได้ยากที่ทั้สองจะนัดแนะกัน  และซานเองก็มั่นใจว่าทั้งสองไม่ได้นัดแนะกันจริงๆ แต่เป็นเพราะความรู้สึกที่สื่อถึงกันได้  ทั้งสองจึงกล่าวคำยอมแพ้ให้พร้อมๆให้แก่กันและกัน เป็นการ เคารพคู่ต่อสู้อย่างสูงสุด... เสียงกรรมการประกาศให้ทั้งสองตกรอบ  ร่างของซานชาวูบราวกับถูกกระทำอะไรบางอย่าง  ก่อนสิ้นสติ... หางตาของเขาก็เห็นใครบางคนกำลังกระตุกรอยยิ้มอย่างชอบใจ


    เจ้าซานบ้ามันหายไปไหนนะ  คนยิ่งเป็นห่วงๆ อยู่  คนอะไรก็ไม่รู้  ดูเหมือนจะเก่งแต่ดันมีฝีมือต่ำกว่าเด็กสามขวบ แล้วแบบนี้จะไม่ให้เป็นห่วงได้อย่างไร  แล้วตกลงเจ้านั่นหายไปไหนนะ  ลองไปถามเจ้าไคดูก็ไม่เห็น  ไหนจะเทร่าอีก โอ๊ย...ความคิดของดาเวลดูเหมือนจะสับสนวุ่นวายกันไปหมด  หลังจากจบการประลองแล้ว เขาก็มองหาซานไม่เจอ  จะถามเทร่า นางก็สู้อยู่กับเขาบนเวที  จะถามเจ้าไครึ  มันก็นั่งรออยู่ข้างๆ  มีแต่เจ้าซานนั้นแหละที่อยู่ห่างออกไป  ตอนแรกเห็ฯว่ามีใครมายืนอยู่ข้างมัน แล้วหลังจากนั้นก็มั่วหันมาสนใจการต่อสู้บนเวทีเลยลืมเรื่องรอบตัวไปเสียหมด หันกลับมาดูอีกที เจ้าบ้านั่นก็หายไปเสียแล้ว

                ดาเวล  ข้าไปดูรอบๆแล้ว ไม่เจอแม้แต่เงาของเจ้าซานเลยแม้แต่น้อยไควิ่งมาบอก ก่อนที่เทร่าจะวิ่งมาด้วยใบหน้ากระหืดกระหอบ  ใบหน้าที่ดูเคร่งเครียดนั่นทำให้ทั้งสองแน่ใจว่านางคงได้เบาะแสอะไรมาบ้าง

                ข้า... ข้าเห็นขบวนทหารพาซานเข้าไปในรถ มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเทร่าพูดไปพลาง จับหน้าอกตนเองไปพลาง  ไคกับดาเวลหน้าซีด เมื่อนึกถึงอีกคนหนึ่งที่โดนจับตัวไป  อาจารย์ใหญ่คงเล่นงานพวกเขาตาย ถ้าวกเขาดูแลซานไม่ดี  เทร่าที่เริ่มหายเหนื่อยดีดนิ้วเป๊าะ  รถม้าที่พวกเขาใช้เดินทางมา ค่อยๆวิ่งเข้ามาหายังที่ๆพวกเขายืนอยู่   เทร่าพยักหน้าให้ทุกคนขึ้นรถ  โดยที่ไคทำหน้าที่เป็นคนบังคับรถม้า   ภารกิจแรกของพวกเขา คงไม่ใช่การค้นหาไข่มุก God’s eyes  อีกแล้ว แต่เป็นการค้นหาตัวของซานและปกป้องซานเอาไว้จนกว่าภารกิจจะเสร็จลุล่วง  เสียงฝีเท้าม้าดังกุบกับไปตามทางลาดชัน  เบื้องหน้าของทั้งสามคือปราสาทใหญ่โตที่ตั้งอยู่ในป่าลึก  มีทหารเฝ้ายามอยู่รอบปราสาทราวสามสิบคน 

                ไคลงจากรถม้า  เดินไปหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะผูกรถม้าเอาไว้กับต้นไม้แห่งหนึ่งที่พอจะหลบซ่อนจากสายตาของทหารได้  เมื่อรอบๆเริ่มปลอดภัย ไคกวักมือเรียกให้ทั้งสองลงมาจากรถม้า  ดาเวลมองผ่านพุ่มไม้ไปยังตัวปราสาท  พลางมองขึ้นไปบนต้นไม้  เหวี่ยงเชือกที่พกติดตัวเอาไว้เป็นประจำให้พันรอบกิ่งไม้ กระชากสองสามครั้งเพื่อทดสอบ เทร่ามองแล้วหลบไปข้างๆ  แล้วลากไคให้หลบมาด้วย  ดาเวลค่อยๆปีนขึ้นไปบนต้นไม้  คว้ากิ่งไม้ที่อยู่ใกล้เคียงโหนตัวขึ้นไปด้านบน พลางสอดส่องสายตาไปรอบๆ  แล้วก้มหน้าให้สัญญาณแก่ทั้งสอง ที่รออยู่เบื้องล่าง  เทร่ากับไค วิ่งขึ้นไปใกล้กว่าเดิม  ดาเวลโหนตัวลงจากกิ่งไม้ วิ่งตามไปสมทบกับคนอื่นๆ  รอโอกาสที่ทหารเดินเข้ามาใกล้  ตวัดสันมือลงบนต้นคอของทหารผู้โชคร้ายจนสลบไป  แผนที่ทั้งสามวางไว้คร่าวๆได้แก่ ไคจะปลอมตัวปะปนไปกับทหาร  หาทางสืบหาที่อยู่ของซาน  เทร่าจะแกล้งป่วนกองทหารให้กระจัดกระจาย  ส่วนดาเวลจะคอยดูต้นทางให้แก่ทั้งสอง  เมื่อทุกอย่างลงตัว  แผนการก็เริ่มขึ้น!!  เริ่มจากไคที่หลบเข้าไปในกองทหาร  เมื่อได้เวลาเปลี่ยนกะยาม  เทร่าก็เริ่มร่ายเวทย์สร้างพายุใส่กลุ่มทหารที่เริ่มมาเฝ้ายามอีกกลุ่มหนึ่ง   สลับกับเวทย์ลมที่พัดให้กิ่งไม้แทบหักได้  ทหารกลุ่มใหม่วิ่งเข้าไปรวมกับทหารกลุ่มเก่า   เมื่อสบโอกาส ไคก็เดินแยกไปอีกทาง  และเปิดประตูเล็กๆที่ดาเวลแอบเจอ  ให้เทร่าและดาเวลเดินเข้ามาภายในตัวปราสาท  แผนการขั้นแรกลุล่วงไปได้ด้วยดี 

                ไคเดินแยกไปในปราสาทที่ลึกลับ หาที่ซ่อนของซาน  ส่วนดาเวลกับเทร่าก็แยกกันไปคนละทาง ค้นหาใจกลางตัวปราสาทเพื่อหาเจ้าของปราสาทแห่งนี้   แต่ยิ่งเดินก็ยิ่งคล้ายกับเขาวงกต  เดินวกไปวนมา  ไม่มีทางแยก แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีจุดสิ้นสุด  เทร่าเริ่มท้อ  แต่ในขณะเดียวกันก็ดูเหมือนดาเวลใกล้จะค้นพบอะไรบางอย่าง เร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเรื่อยๆ  ไม่ใส่ใจกับสิ่งรอบข้าง  รู้ตัวอีกที  หญิงสาวที่เคยตามมาอยู่เรื่อยๆก็หายไปเสียแล้ว...

    เทร่า...  เทร่าเจ้าอยู่ไหน  เทร่า!!! ได้ยินเสียงข้าหรือไม่ดาเวลตะโกนเรียกอย่างหัวเสีย หายไปไหนนะ ว่า พลางวิ่งย้อนกลับไปทางเดิม  แต่เส้นทางที่เหมือนกันทำเอาดาเวลชักเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วว่า ทางที่มาจะใช่ทางเดิมรึเปล่า  คงจะเป็นเวทย์ของเจ้าของปราสาทนี้  เพราะเขาวิ่งไปกลับด้วยเส้นทางเดียวกัน ไม่มีทางแยกไปไหนเลย  แต่เขากลับรู้สึกแปลกๆกับเส้นทางรอบข้าง  เวทย์ชั้นสูง... เคลื่อนย้ายมิติ!!!

                แปะๆๆ

                เสียงตบมือเบาๆเรียกความสนใจจากคนที่กำลังใช้ความคิดได้เป็นอย่างดี  ชายร่างสูง กำลังจ้องมองดาเวลอยู่  เส้นผมสีเทาที่ยาวประบ่ากำลังพลิ้วไหวไปตามสายลม  รอยยิ้มบังเกิดขึ้นบนใบหน้าของชายผู้มาใหม่  ดาเวลถอยร่น ก่อนที่ร่างของดาเวลจะชนเข้ากับร่างของใครสักคน  คนที่ดาเวลกำลังตามหา... และข้างๆนั้นก็มีใครอีกคนที่ถูกล่ามโซ่อยู่ในกรงขังนั่งเหม่อลอยอยู่

                เทร่า!!! ซาน!!!”ดาเวลเอื้อมมือคว้าร่างของเทร่าเข้ามากอด  ดวงตาของนางเหม่อลอยราวกับไม่มีจิตวิญญาณ  ดาเวลหันควับไปมองตัวต้นเหตุที่ตอนนี้เหลือบสายตามองคนที่ถูกหลงลืม  ซานเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มจางๆให้กับดาเวล  เนื้อตัวเต็มไปด้วยริ้วรอยที่เกิดจากการทรมาน  ใบหน้าบวมช้ำหลับตาลง ก่อนจะสลบไปอีกครั้งเพราะความล้าของร่างกาย

                โอ๊ะ!  ดูนั่นสิเสียงเรียกทำให้ดาเวลหันกลับไปมองด้านหลัง  ไคเดินเข้ามาทางเขา  ก่อนจะผ่านไปอย่างไม่ใส่ใจ ราวกับว่าเขาไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรก  แต่ไปได้ไม่ไกลนักร่างของไคก็ถลาล้มลงและถูกแรงลมปริศนาลากเข้ามานั่งกองอยู่ข้างๆเขา  ดูเหมือนว่าไคจะประหลาดใจมากกว่าตกใจที่ตนเองมานั่งอยู่ข้างๆเพื่อนอีกสามคน  ดวงตาคมจ้องมองบุรุษปริศนา  ก่อนที่ฝ่ามืออุ่นจะเอื้อมมาโอบล้อมร่างของทั้งสี่เอาไว้...

           

            เสียงครางต่ำๆปลุกให้ซานตื่นจากนิทรา  ไคมองอีกฝ่ายแปลกๆ  ก่อนจะตรงรี่เข้ามาจับใบหน้าของซานพลิกไปพลิกมา สำรวจดูใบหน้าของอีกฝ่าย  ซานที่ยังคงเบลอๆอยู่ยกฝ่ามือขึ้นลูบใบหน้าของตนเอง  พลางมองไปรอบๆ  เทร่ากับดาเวลดูเหมือนจะยังนอนหลับอยู่  ด้านหน้ามีร่างของใครสักคนยืนอยู่  ซานโค้งตัวเล็กน้อย  ยันกายลุกขึ้นนั่งแล้วเอื้อมมือไปสะกิดร่างของผู้ที่ยังหลับใหลอยู่ในห้วงนิทรา  เสียงครางอือในลำคอเบาๆ  ก่อนที่ทั้งสองจะหลุดจากการหลับใหล  

                อือออ....  ที่ไหนกันเทร่าใช้ฝ่ามือบังแสงที่เข้าตาก่อนจะสำรวจรอบๆ  โอ้!  ซาน  ใช่เจ้าจริงๆด้วย  ข้าเจอเจ้าแล้ว... ซาน เทร่าคร่ำครวญ  ก่อนจะหันไปบีบมือของดาเวล  สะกิดให้อีกฝ่ายลุกขึ้นมา  ชายปริศนาเดินเข้ามาใกล้  ดาเวลหันมองก่อนจะผลักทั้งสองให้ออกห่าง  คว้าดาบของตนเองขึ้นเผชิญหน้า  ไคทำท่าจะเข้ามาห้ามแต่ก็ถูกสายตาของชายปริศนาห้ามปรามไว้ จนเขาต้องถอยร่นไปยืนอยู่ข้างๆ เทร่าและซาน

                เดี๋ยว... ดาเวล  คนๆนั้น...ซานทำท่าจะห้ามปราม แต่ก็ถูกสั่งห้ามเอาไว้ด้วยเสียงของดาเวล  สายลมเริ่มพัดรุนแรงขึ้น เปลวเทียนเอนเองไปตามสายลม แต่แปลก... แม้ลมจะพัดแรงแค่ใด  เปลวไฟกับไม่มีท่าทีว่าจะดับลงเลยแม้แต่น้อย

                ท่านพี่...  พอเถอะ  พอได้แล้ว  ท่านพี่... ได้ยินข้าไหมสายลมที่พัดรุนแรงหยุดนิ่งทันทีที่ไคกล่าวจบ  ทุกคนหันมองหน้าไคก่อนจะหันมองหน้าชายปริศนา  จะว่าไปก็พอมีเค้าลางอยู่บ้างแหละน่า... 

                ซานและพรรคพวกถูกต้อนรับในห้องโถงของปราสาท  พี่ของไคขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ที่กลั่นแกล้งเพื่อนๆของน้องชาย  แต่เพราะเหตุผลที่ว่า อาจารย์ใหญ่ขอร้องให้ช่วยทดสอบทั้งสี่  ทำให้ทุกๆคนหมดสิทธิ์เถียงทันที   อาหารมากมายถูกลำเลียงมายังโต๊ะอาหาร   รอยยิ้มจางๆเผยขึ้นบนริมฝีปากของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ของไค

                จะว่าไป  พี่น่าจะกลับไปเยี่ยมลุงบ้างนะ  พี่คาไรไคว่า  ก่อนจะคว้าเนื้อไก่ทอดตรงหน้ามาเคี้ยวเข้าปาก  ในขณะที่อีกมือก็เมื่อไปเด็ดเป็ดย่างมาถือเอาไว้  สายตาเหลือมองอีกสามชีวิตบนโต๊ะอาหาร  ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ  ไม่ให้กินอาหารบนโต๊ะ  ต่างจากพี่คาไร ที่พยายามหยิบยื่นอาหารให้แก่ทุกคน  ทันทีที่ซานตั้งท่าจะนำอาหารเข้าปาก เสียงดังเคร้ง! ก็ดังขึ้นมาจนคนที่กำลังจะกินชะงัก  หันไปมองที่ต้นเสียง  ไคนั่นเองที่ปัดจานอาหารลงบนพื้นพรม  มองซานด้วยสายตาที่ดูไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร  พลางเผยรอยยิ้มจางๆ เป็ฯรอยยิ้มเย้ยหยันให้แก่ผู้เป็นพี่

                จะว่าไป  ท่านพี่เองก็ยังไม่ได้กินเลยนี่  เดี๋ยวตักให้ดีกว่านะไคกล่าวก่อนจะเอื้อมตัวคว้าอาหารมาตักใส่จานของผู้เป็นพี่  รอยยิ้มน้อยๆเกิดขึ้นบนใบหน้าของคาไร 

                ไม่เอาล่ะ... ยังไม่หิวคาไรปฏิเสธและดูเหมือนมันจะเข้าทางของไคพอดิบพอดี 

                ยังไม่หิว... หรือไม่กล้ากินกันแน่ซานและพรรคพวกชะงักเมื่อได้ฟังประโยคนั้น  และคำพูดต่อมาของไคก็ทำให้ทุกๆคนเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตระกูลของเราถูกฝึกให้กินยาพิษในปริมาณมากมาตั้งแต่เด็ก  หากเป็ฯพี่ซาไร  หรือเจ้าคาลล่ะก็.. คงจะกินได้อย่างง่ายดาย  จะมีก็แต่ท่านพี่ ที่ไม่ได้รับการฝึกฝนนี้  เอาสิ... ถ้าท่านพี่มั่นใจว่าในอาหารพวกนี้ไม่มีพิษ  ท่านพี่ก็กินให้พวกเราดูหน่อยจะเป็นไรไป จริงไหม... เป็นประโยคที่หาข้อโต้แย้งไม่ได้เลยทีเดียว  คาไรหัวเราะเบาๆคล้ายถูกใจ  พลางพยักหน้ารัว เหมือนจะเป็นการยอมรับประโยคที่ไคกล่าวมา

                ที่จริง มันก็เป็นเพียงยาถ่ายชนิดอ่อนๆเท่านั่นแหละ ทานไปก็แทบไม่รู้สึกอะไร นอกจากจะถ่ายประมาณสามสี่รอบ เท่านั้นเองคาไรกล่าวเสริม  ก่อนจะสั่งให้แม่บ้านนำเอาอาหารชุดเก่าออกไปและนำอาหารชุดใหม่เข้ามาแทนที่  ไคมองตามสายตาของคาไรอย่างไม่ไว้วางใจ  เลื่อนเก้าอี้ออก  พลางลากซานและพรรคพวกให้เดินตามตนเองมา  ปล่อยให้คาไรนั่งเงียบอยู่คนเดียวบนโต๊ะอาหาร  โชคดีไปที่คราวนี้มีไคอยู่  ถ้าคราวหน้าต้องไปเจอกับเจ้าบ้านั่น  เด็กพวกนี้จะทำอย่างไรนะ  อยากรู้เสียจริง แค่คิดก็สนุกแล้วสิคาไรคิดในใจพลางเอื้อมมือไปหยิบจากอาหารมานั่งทานอยู่คนเดียว   ผิดกับอีกสี่คนที่เหลือที่ทำหน้าเครียด  ปรึกษาอะไรกันพึมพำ จริงๆ แล้วคนที่เครียดคงมีแต่ ไค ดาเวลและเทร่า  เหลืออีกแค่หนึ่งคนที่ทำให้ซึมกะทือ ไม่รู้เรื่องอะไรกับใครเขาสักอย่าง  ในใจที่ไม่มีใครรู้  ซานกำลังคิดอะไรอยู่  ในใจของเขามีอะไรอยู่ภายใน  นั่นคงจะเป็นสิ่งเดียวที่ไม่มีใครรู้  

            เสียงนกร้อง จิ๊บๆ อยู่ภายนอก  สายลมพัดเบาๆราวกับท่วงทำนองเพลง  เสียงน้ำพุที่ถูกสร้างอยู่ใจกลางปราสาท  มีต้นไม้เขียวครึ้มปกคลุมโดยทั่ว  ใครบางคนได้เยื้องย่างเข้ามา  ความมืดเข้าปกคลุมในทุกๆที่ที่เขาเข้าใกล้  สายลมช้าๆเริ่มพัดรุ่นแรง คล้ายกับเป็นลางบอกเหตุอะไรบางอย่าง  เหตุการณ์ที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย  เขาคนนั้นเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน ภายใต้ผ้าคลุมสีดำนั้นเอง...





                 




    ...
    100%ซะที อย่างจะเหนื่อยเลย...

    คอมเม้นต์นิ่งจริงๆ แอบนึกว่าป่าช้านะเนี่ย 555+
    Dark_ Sniper

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×