คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : นั้นมันเรื่องของเจ้า... โอเทส
ตอน 8
นั้นมันเรื่องของเจ้า... โอเทส
หลังจากที่ชานัทตื่นมาก็พบว่าที่นอนข้างๆตนไร้ซึ่งคนที่เคยนอนอยู่ แสงแดดสาดเข้ามาจากทางระเบียงทำให้เขาสังเกตเห็นเงาคนๆหนึ่งที่กำลังมองไปที่ท้องฟ้าอย่างไร้จุดหมายปลายทาง เขาค่อยๆย่องเข้าไปที่ด้านหลัง แต่ยังไม่ทันถึงตัว ร่างๆนั้นก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน
“เซนเหรอ เดี๋ยวฉันตามไปอาบน้ำทีหลัง นายไปอาบก่อนได้เลยนะ”โอเทสพูดขึ้นมา
“...”ชานัทเงียบไปก่อนจะค่อยๆก้าวเท้ากลับเข้ามายังห้องนอนและล้มตัวลงบนเตียง
“ชานัท ตื่นได้แล้วโว้ย!!”เซนตะโกนเรียกดังลั่นก่อนจะถีบชานัทจนตกเตียง
“อืม”ชานัทรับคำเสียงอ่อยๆแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ พลังสายตาก็เหลือบไปเห็นแผ่นหลังที่นั่งอยู่นอกระเบียงกำลังสั่นอย่างเบาๆ ใจหนึ่งบอกให้เขาเดินเข้าไปหา แต่อีกใจก็ยังกลัวว่าจะถูกไล่ออกมา ชานัทยังยืนนิ่งอยู่กับที่จนเซนต้องเรียกสติอีกครั้ง
“ชานัท ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้”เซนเอ่ย ชานัทจึงรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำ และเปิดฝักบัวเพื่อให้สายน้ำมันชะล้างสิ่งที่ค้างใจของเขาออกไป
“นายเป็นอะไรไปชานัท นายเป็นอะไร”ชานัทเอาแต่ถามตัวเองซ้ำๆแต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบอะไรได้เลย ชานัทปิดน้ำก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวของตัวเองและเดินออกจากห้องน้ำ
“เซน ฉันเสร็จแล้วนะ”แปลก... ธรรมดาโอเทสต้องเข้ามาป่วนเขาอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่ขาดหายไปทำให้ชานัทดูซึมไปถนัดตา ไม่ว่าใครจะเอ่ยอะไรออกมาสิ่งพวกนั้นเขาก็ไม่ได้ยินแม้แต่น้อย
“ไปเรียนกัน”เดลคิลเรียกแล้วเดินนำไปที่ประตู โดยเซนเดินนำ ตามด้วยเดลคิล อาเรส โอเทสและชานัทรั้งท้าย ชานัทได้แต่มองแผ่นหลังของู้ที่อยู่ด้านหน้าอย่างเงียบๆ เมื่อคืนเขาพูดอะไรออกไป นั้นคืออะไร เขาเป็ฯอะไรก็ไม่รู้ อาการที่แปลกประหลาดเกินขึ้นในใจของชานัทอย่างช้าๆ แม้จะไม่มากแต่ก็ทำให้ชานัทหวั่นไหวได้พอดู
“ชานัท”
“ชานัทโว้ย”เซนตะโกนกรอกใส่หูชานัทที่นั่งซึม
“อ๊ะ... มีอะไร”ชานัทสะดุ้งและหันไปเอ่ยตอบทันที
“ถามว่าจะกินอะไร เหม่ออะไรเนี่ย”เซนถามอย่างหาเรื่อง แต่ชานัทกลับนึกว่าถ้าโอเทสเป็นผู้พูดกับตนแบบนี้คงสนุกดีไม่น้อย
“กินอะไร”เซนย้ำอีกครั้ง
“เอา... ไม่เอาดีกว่า”ชานัทเปลี่ยนใจกะทันหันเมื่อหันไปเห็นคนที่นั่งข้างๆทำหน้าซึม
“เดี๋ยวฉันไปที่ห้องเรียนก่อนนะ”โอเทสที่นั่งเงียบพูดขึ้นมาก่อนจะลุกจากโต๊ะอาหารและเดินออกไป
“งั้นฉันไปด้วยนะ”ชานัทกล่าวแล้วเดินตามโอเทสไป
“นี้มันเรื่องอะไร มีใครบอกให้ฉันหายสงสัยได้บ้าง”อาเรสพูด เซนมองหน้าคนที่เหลือบนโต๊ะก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ได้ฟังมาจากโอเทส
ภายในห้องเรียน เนื่องจากชานัทและโอเทสมาเร็วกว่าทุกคนจึงทำให้ห้องเรียนนั้นว่างปราศจากผู้คน โอเทสเดินจ้ำไปที่หลังห้องและเลือกนั่งโต๊ะริมสุด ชานัทเดินไปนั่งข้างๆก่อนจะจับไหล่ของโอเทสให้หันมาเผชิญหน้ากับตน
“โอเทส ฉันขอโทษนะ”ชานัทกล่าวเบาๆ
“หามิได้องค์ชาย ข้าคงมิสามารถกริ้วองค์ชายได้ และได้โปรดนำพระหัตถ์ขององค์ชายออกจากไหล่ของข้าด้วย”โอเทสพูดแล้วเบือนหน้าของตนไปทางอื่น
“ขออภัย”ชานัทพูดแล้วชักมือกลับ
“หากองค์ชายเวนิสไม่ได้โกรธอันใดหม่อมฉัน ได้โปรดทรงหันมาพูดคุยกับหม่อมฉันเหมือนดังแต่ก่อนได้ไหมพะย่ะค่ะ”ชานัทพูด
“ทรงถามตนเองก่อนเถิด องค์ชายเวเฟรท ท่านเองนั้นแหละที่เปลี่ยนไป ข้าเองก็มิอาจเอื้อมไปเคืองหทัยกับองค์ชายแห่งเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตอนนี้ได้หรอกพะย่ะค่ะ”โอเทสเอ่ยแล้วลุกเดินไปนั่งอีกฟากหนึ่งขอห้องปล่อยให้ชานัทนั่งอยู่ที่เดิม
ออด~
เสียงออดบอกเวลาเริ่มเรียนดังขึ้น เซน อาเรสและเดลคิลเดินเข้ามาในห้องและก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นโอเทสนั่งอยู่ฟากหนึ่งของห้องซึ่งตรงข้ามกับชานัทโดยสิ้นเชิง
“ไม่ไหวแล้วโว้ย!!~”อาเรสที่นั่งทนกับความกดดันรอบข้างอยู่นานตะโกนขึ้นมากลางห้องจนทำให้เพื่อนๆจนถึงอาจารย์พิคเลียนที่กำลังสอนเรื่องการใช้ดาบอยู่
“มีอะไรหรือ อาเรส”อาจารย์พิคเลียนถามอย่างใจเย็น
“ขออนุญาตนะครับอาจารย์”ไม่ต้องรอฟังคำตอบอาเรสลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินไปลากคอเสื้อของโอเทสไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็จับคอเสื้อของชานัทเอาไว้ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
“ใครก็ได้บอกครูที นี้มันเรื่องอะไรกัน”อาจารย์พิคเลียนถามขึ้นมาอย่างงงๆแล้วมองหน้า 2 คนที่นั่งอยู่หลังห้อง คำตอบที่ได้คือการถอดหายใจอย่างแรงของเซนกับการยักไหล่แบบไม่รู้ไม่ชี้ของเดลคิล
“เอาล่ะ งั้นคาบนี้ครูปล่อยเลยแล้วกัน เดี๋ยวครูต้องไปหาอาจารย์ซีกราทีต่อด้วย”อาจารย์พิคเลียนพูดแค่นั้นก่อนจะเดินออกไป เซนก้มมองนาฬิกาก่อนจะพบว่าเหลือเวลาในการสอนอีกประมาณชั่วโมงกว่าๆ โคตรมีความรับผิดชอบเลย นั้นเป็นสิ่งแรกที่เซนคิด...
“ไปไหนต่อดี”เซนหันไปถาม
“ไม่รู้สิ”เป็นคำตอบที่ไม่ต้องการการถามซ้ำ เซนนั่งนิ่งไปพักใหญ่ก่อนจะถอดหายใจอย่างแรง
“ระวังจมูกจะหลุดเอานะ”เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นมาจากด้านหน้า ผู้ที่เอ่ยประโยคนี้จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่ คีน่า ผู้ที่เคยดูถูกเซนเอาไว้ตั้งแต่ก่อนการสอบ ณ สวนของโรงเรียนแห่งกษัตริย์ เป็นครั้งแรกที่เซนเห็นว่าเขาอยากกลายเป็นผู้หญิงแล้วเดินไปตบปากเสียๆนั้นจริงๆ ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้เขาอยู่ในร่างของเซนล่ะก็นะ น่าดูเชียวล่ะ
“ไปกันเถอะ”เซนลุกขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องไปเพียงคนเดียว เดลคิลนั่งจมอยู่ในห้วงความคิดตัวเองพักใหญ่ๆ ก่อนจะลุกขึ้นเสมือนคนไร้จิตวิญญาณไปที่ห้องอาหาร
ทางด้านอาเรสเองก็ลากโอเทสกับชานัทไปที่สวนหลังโรงเรียนที่ๆพวกเขาพบกันครั้งแรกก่อนจะผลักทั้งสองให้ไปนั่งกองอยู่ที่พื้น
“มีอะไรก็รีบๆพูดกันซะ ฉันรำคาญ”อาเรสกล่าว
“ไม่มี”โอเทสพูดแล้วทำท่าจะลุกขึ้นเดินไปที่อื่น
“อย่าทำตัวเป็นเดลคิล2 ได้มั้ย มีอะไรๆก็พูดกันซะที โธ่โว้ย!!”อาเรสกล่าวอย่างหมดความอดทน
“ไม่มีไงเล่า!! นายจะถามเอาอะไร อาเรส”ชานัทเป็ฯฝ่ายตะโกนขึ้นบ้างก่อนจะลุกขึ้นเดินไปอีกทาง โอเทสเองก็นั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อน สายตาที่เงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าสีครามดูสงบจนน่ากลัว โอเทสที่เคยเฮฮามีเรื่องทะเลาะกับชานัทไปวันๆได้หายไปแล้ว อาเรสยืนมองอยู่ตรงนั้นก่อนที่จะได้ทันรู้ตัว โอเทสก็หันมายิ้มให้เขาอย่างเบาบางก่อนจะเอ่ยประโยคที่แสนจะแผ่วเบาขัดกับสีหน้าโดยสิ้นเชิง
“ลาก่อนนะ”โอเทสเอ่ยอย่างแผ่วเบาพลางก้าวเท้าที่ไม่มั่นคงออกไปอย่างช้าๆก่อนจะลับสายตาของอาเรสไปในที่สุด
“อะไรกันอีกวะเนี่ย เพิ่งเจอกันไม่นานเองนะ มันจะจากอะไรกันเร็วขนาดนั้น”อาเรสพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“จากเพื่อการเริ่มต้นไงล่ะ”เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของอาเรส
“เชลนัทงั้นรึ อ่อ... ไม่สิพี่เวสตา”อาเรสเปลี่ยนชื่อเรียกเมื่อเห็ฯร่างของผู้ที่มาใหม่อย่างเต็มตา
“ขอบใจที่ยังจำกันได้”เวสตาบอกแล้วนั่งลงข้างๆอาเรส
“พี่มาที่นี้ทำไม หรือมาเพราะเรื่องนั้น...”อาเรสเอ่ย
“อืม เรื่องนั้นแหละ ตอนนี้แม้แต่โลกปีศาจเองก็เริ่มเลวร้ายลงไปทุกที”เวสตากล่าวพลางหมุนลูกไฟในมือเล่นไปมา
“รู้อะไรไหม ความลับเกี่ยวกับสายเลือดพิเศษของโอเทสกับเซเรียน่ะ”เวสตาเอ่ย
“มีอะไรเหรอพี่”อาเรสถาม
“ไม่หรอก แต่อีกไม่นานก็คงรู้ล่ะมั้ง แล้วนี้เปิดเทอมมาได้กี่วันแล้วล่ะ”เวสตาพูด
“ไม่กี่วันเอง นี้พี่เวสตา พี่คิดว่าพวกเราคือราชาปีศาจหรือว่าผู้กำจัดราชาปีศาจนั้นจริงๆน่ะหรือ”อาเรสถามอย่างไม่แน่ใจ
“ไม่รู้สิ แต่ในคำทำนายมันตรงกับพวกนายทุกอย่างเลย”เวสตาตอบ
“ถ้าผมจะบอกอะไรพี่สักอย่างพี่จะฟังไหม”
“อืม อะไรล่ะ”เวสตาหันมานั่งมองอาเรสอย่างนิ่งๆ
“คำทำนายพวกนั้น ผมเป็นคนเขียนมันขึ้นมาเอง ถ้าผมบอกแบบนี้พี่จะเชื่อผมไหม”อาเรสถาม
“นาย... พูดจริง”เวสตาเค้นเสียงถามอย่างยากเย็น
“ใช่... ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง ผมเขียนมันขึ้นมาเอง เขียนขึ้นมาเพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่าง”อาเรสเอ่ยเบาๆ
“เปลี่ยนแปลงโชคชะตา แต่นายคงรู้สินะ โชคชะตาไม่ได้เปลี่ยนแปลงกันง่ายๆ”เวสตาพูด
“ใช่... โชคชะตาไม่ได้เปลี่ยนกันง่ายๆ แต่ผมก็จะลองดู แล้วสุดท้ายพวกผมก็จะได้รู้ว่าพวกผมจะสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตานั้นได้หรือไม่!!”อาเรสเอ่ยเสียงหนักแน่นฟังดูทรงพลังอย่างแปลกประหลาด
“เจ้าทำได้ ข้าเชื่อเช่นนั้น ความสามารถในการหยั่งรู้อนาคตเป็นสิ่งที่มีแต่ตระกูลเซเฟย์ลิคัส เท่านั้นที่ทำได้ ยังไงพวกนายก็ไปคุยกันเอาเองเถอะนะว่าจะอยู่หรือไป”เวสตากล่าวก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในพายุลูกย่อมๆที่ถูกสร้างขึ้นมาในชั่วพริบตา
“เดลคิล พวกเราเจอศึกหนักซะแล้วล่ะ”อาเรสพูดเบาๆก่อนจะเดินกลับไปที่หอพัก ห้องเรียนไม่ต้องเข้ามันแล้ว โดดบ่อยจนอาจารย์บางคนยังจำหน้าไม่ได้เลย
“เสียงสายลมที่พัดโชย แววตาที่ทอดมองออกไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย จากขาวเป็นดำ จากแสงสว่างเป็นมืดมน จากดีเป็นเลว จากจริงเป็นลวง ภาพมายาที่ถูกสร้างสรรค์อย่างสวยงามนั้นคือสิ่งที่กำลังกัดกินจิตใจมนุษย์ให้เลวทรามต่ำช้าลงเรื่อยๆไป”เสียงใครคนหนึ่งดังมาจากด้านหลังของอาเรส ทางซ้ายมือเซนกำลังเดินเข้ามาหาอาเรส ทางขวาเดลคิลเองก็เดินเข้ามาเหมือนกัน
“เท่าที่ดูแล้ว พวกนายคงมีเรื่องปวดหัวอยู่สินะ”รุ่นพี่ฟาเรลเอ่ยขึ้นจากด้านหลังของอาเรสและก็ยังมีรุ่นพี่เลฟิน รุ่นพี่รานอฟ รุ่นพี่ไซครอสเดินตามมาด้วย
“มากด้วยล่ะครับ”เซนที่เดินมาถึงตอบแทน ตอนนี้ทั้ง 3 อยู่กันพร้อมหน้าโดยที่มีรุ่นพี่ 4 คนยืนล้อมรอบ
“และเรื่องที่พวกนายกำลังนึกอยู่มันคงไปตรงกับเรื่องของรอยสลักแปลกๆพวกนั้นด้วยสินะ”ไซครอสถามคำถามที่ทำเอาเด็กปี 1 สามคนที่ยืนอยู่ภายในวงล้อมสะดุ้งสุดตัว
“พี่รู้ด้วยเหรอ”เดลคิลที่ยังคงตีสีหน้าเดิมไว้ได้เอ่ยถาม
“อืม ก็ทำไมจะไม่รู้ล่ะ ก็พวกพี่น่ะรุ่นแรกนะ”เลฟินบอก
“รุ่นแรก?”เซนทำหน้าสงสัย
“อย่าโง่เอาเวลาแบบนี้สิ ก็หมายถึงพวกนายน่ะ รุ่นสอง รุ่นแรกก็ยืนอยู่ตรงหน้าพวกนายนี้ล่ะ”รานอฟอธิบายพร้อมหันไปมองหน้าเพื่อนในกลุ่ม
“หมายถึงเรื่องแบบนี้เคยเกิดมาแล้วครั้งหนึ่ง”เซนเดาสุ่ม
“เริ่มฉลาดขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง แต่ตอนนี้น่ะ ชานัทกับโอเทสกำลังมีปัญหาอยู่ไม่ใช่หรือไง”ฟาเรลเอ่ย
“อืม ปัญหาส่วนตัวน่ะ อย่ายื่นมือเข้าไปสอดเชียวล่ะ”เซนกำชับ
“ว่าแต่ตอนพวกนายจบปี6 ไปเมื่อคราวที่แล้ว พวกเราเพิ่งเข้าปี 1 เองสินะ ใช่ไหมเลฟิน”ไซครอสหันไปถามเพื่อนร่วมวง
“อืม ใช่เลยล่ะ”เลฟินพยักหน้ารับก่อนจะหันไปฉุดมือเพื่อนของตนอีกคนเข้ามาร่วงวงด้วย
“อ่อ... ลืมแนะนำ นี้ลานีคูส ธาตุสายฟ้าที่เคยเป็นราชาปีศาจหรือก็คือรุ่นแรกคนที่5 “ไซครอสหันไปดึงตัวเพื่อนคนหนึ่งออกมาจากด้านหลังของตน
“เดลคิล ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”อาเรสหันไปพูดกับเดลคิลก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นพร้อมกับเดลคิล
“มีเรื่องอะไร”เดลคิลถามเสียงเรียบ
“เรื่องนั้น... เริ่มขึ้นแล้ว”อาเรสพูดเพียงแค่นั้นแล้วสีหน้าของทั้งสองก็ดูแย่ลงตามลำดับ
“ไม่ไหวหรอกนะ แค่พวกเราสามคนน่ะ”เดลคิลกล่าวประโยคที่ยาวที่สุดออกมา
“แต่ถ้า5คนล่ะ”อาเรสถามอย่างมีเล่ห์นัย
“ยังไง”เดลคิลถามแล้วรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากก็เกิดขึ้น นัตย์ตาสีเขียวส่องประกายอย่างสนุกสนานดั่งปีศาจที่กระหายเลือดของศัตรู!!
ในทางที่โอเทสกำลังเดินไป มันไปตรงกับป่าด้านหลังโรงเรียนที่ทั้งหมดเคยไปตามหาภูต โอเทสเงยหน้ามองท้องฟ้าที่แสงแดดกำลังสะท้อนลงสู่ผืนน้ำ นัตย์ตาสีฟ้าวาวโรชน์ก่อนริบฝีปากเล็กๆจะยิ้มเยาะและหัวเราะออกมาดังๆ หัวเราะเยาะตนเอง หัวเราะแก่โชคชะตาที่ทำร้ายเขาถึงเพียงนี้ แค่คนๆเดียวกลับทำให้เขาต้องเสียใจจนแทบบ้า เพียงพูดแค่ประโยคเดียวหัวใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะ
“หึ... จริงด้วยสินะ”โอเทสกล่าวกับตนเองก่อนจะโดดลงไปในสายน้ำที่เชียวกราด โอเทสหลับตาโดยไม่อยากรับรู้อะไรอีก ร่างของชายหนุ่มจมดิ่งลงไปในน้ำลึก แต่เมื่อโอเทสค่อยๆลืมตาขึ้น เขากลับแปลกใจเมื่อตนเองไม่เป็นอะไรเลยซ้ำยังหายใจในน้ำได้อย่างสบาย เขาค่อยๆแหวกว่ายลงในน้ำที่ลึกกว่าเดิมจนถึงพื้นน้ำ เขาค่อยๆก้าวเท้าลงอย่างแผ่วเบาๆแล้วมองไปรอบๆ ปลาหลากหลายสีสันเป็นร้อยๆตัวกำลังแหววว่ายอยู่รอบตัวเขา บางตัวก็ว่ายมางับนิ้วเขาเบาๆ โอเทสหัวเราะนิดๆกแล้วลูบหัวปลาบางตัวที่ว่ายผ่านหน้าเขาไป
“เจ้าคือโอเทสสินะ”เสียงหญิงชราดังมาจากด้านหลังของชายหนุ่มเขาหันไปมองแล้วก็พบกับหญิงแก่ๆ ที่เดินอยู่ในน้ำได้เช่นเขา เป็นครั้งแรกที่โอเทสสังเกตเห็นถึงกระท่อมเล็กๆที่ตั้งอยู่ด้านหลังของเขา
“ครับ”โอเทสรับคำอย่างงงงวย
“จงฟังข้า... ปีศาจแห่งสายน้ำ ผู้ปกป้องมนุษย์แลปีศาจ ผู้กล้าที่จำต้องเสียสละ จงก้าวเดินต่อไป จงก้าวสู่แสงสว่างและความมืดมิด เสียงดังกังวานที่ดังก้องอยู่ในหู จงอย่าได้เลือกเส้นทางที่ถูกนำพาแต่จงเลือกเส้นทางที่เจ้าเป็นผู้เลือกเอง เลือกด้วยจิตใจหาใช่คำเอ่ย เส้นทางที่เจ้าต้องการ เส้นทางนั้นเจ้าได้เลือกไว้แล้ว”ทันทีที่หญิงชราเอ่ยจบ ร่างของโอเทสก็ค่อยๆลอยขึ้นเหนือผิวน้ำเขาหลับตานิ่ง ในสมองกำลังนึกถึงเรื่องที่ได้ฟังเมื่อครู่ นัตย์ตาสีฟ้าดูอ่อนแสงลงก่อนจะขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างแผ่วเบา
“ขอบคุณครับ... คุณยาย”โอเทสกล่าวแล้วว่ายน้ำเข้าสู่ฝั่ง ก่อนจะเด็ดใบไม้ออกมาจากต้นแล้วเริ่มเป่าเป็ฯเพลงอย่างแผ่วเบา สายลมที่โชยพัดพาเสียงเพลงให้ไปถึงที่ๆชานัทยืนอยู่ เสียงเพลงที่แฝงไปด้วยสุขและเศร้าฟังดูผ่อนคลาย จิตใจที่หม่นหมองค่อยๆดูเหมือนจะมีความสว่างเข้ามาทีละนิดๆ โดยไม่รู้ตัวริมฝีปากของชานัทก็เผยอยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ แล้วเดินตามเสียงเพลงนั้นไปอย่างช้าๆ ภาพตรงหน้าชายหนุ่มคือหญิงสาวร่างเล็กที่กำลังเป่าใบไม้อยู่ ผมสีฟ้าอ่อนๆที่ยาวถึงกลางหลังพัดออกไปตามแรงลม นัตย์ตาสีฟ้าที่กลมโตหันมามองชานัทเบาๆ เสียงเพลงค่อยๆแผ่วลงไปก่อนที่ร่างเล็กนั้นจะหันมายิ้มให้ชานัทอย่างดีใจ ร่างเล็กๆในชุดกระโปรงสีขาวดูสดใสเหมือนเด็กๆ ชานัทเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วเอ่ยเรียกเสียงแผ่ว
“โอเทส”แม้จะรู้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ แต่ก็ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงเอ่ยปากเรียกชื่อเพื่อนของตนออกไป เด็กสาวตรงหน้ายิ้มก่อนจะพยักหน้า
“อืม ฉันเองโอเทส นายโกรธฉันรึเปล่าชานัท”โอเทสในร่างของหญิงสาวเอ่ยเสียงหวาน
“นาย... เป็นผู้หญิง”ชานัทยังคงพูดอย่างเหม่อลอย
“ไม่รู้สิ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม”โอเทสตอบรับแล้วยิ้มกว้าง
“แต่ก็ช่างมันเถอะนะ มีเรียนคาบบ่ายไม่ใช่เหรอ ฉันไปเรียนก่อนนะ”โอเทสยิ้มก่อนจะเดินฮัมเพลงเบาๆกลับไปยังตึกเรียน
ภายในห้องเรียนคาบประวัติศาสตร์ อาจารย์ซีกราทีกำลังสอนเกี่ยวกับเรื่องของโลกมนุษย์และโลกปีศาจ โอเทสในร่างเด็กผู้หญิงที่ใส่ชุดกระโปรงสีขาวบอกกับทุกคนในห้องว่าตนชื่อโอลิน เป็นน้องของโอเทส และในต่อนี้โอเทสถูกเรียกตัวกลับด่วน ผู้ที่จะรู้ความลับนี้ก็มีเพียง เซน อาเรส เดลคิลและชานัท
“เมื่อนานมาแล้ว มีกษัตริย์ 5 คนได้ทำสัญญากันขึ้นมาฉบับหนึ่งข้อตกลงในนั้นคือบุตรของตนที่เกิดมา ทั้งหมดจะกลายเป็นผู้ปราบปีศาจ แม้จะเป็นการทำสัญญาเล่นๆ แต่เรื่องนั้นก็เป็นเรื่องจริงขึ้นมา ไม่เคยมีใครรู้ว่ากษัตริย์ที่ทำสัญญาไว้ด้วยกันคือใคร แต่สัญญาฉบับนั้นได้ตกไปอยู่ในมือของอาจารย์ราเชล ตามประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นมา ผู้เป็นผู้ปราบปีศาจเกิดขึ้นมาแล้วทั้งหมด 2 รุ่น โดยวนเวียนสลับกันไปมา จนกว่าจะส่งมอบหน้าที่ให้แก่คนที่ถูกคัดเลือกในครั้งต่อไป”อาจารย์ซีกราทีพูดพลางสอดส่ายสายตามองไปรอบๆห้อง
“ชานัท!!!”เสียงดังราวฟ้าผ่าดังขึ้นจากหน้าห้อง ชานัทที่ฟุบตัวลงบนโต๊ะด้วยความอ่อนเพลีย สะดุ้งขึ้นสุดตัวก่อนจะยิ้มแห้งๆส่งไปให้แก่ผู้ที่เรียนชื่อตน
“ชานัท เธอคงรู้เรื่องพวกนี้ดีแล้วสินะ งั้นครูขอสั่งให้เธอไปทำรายงานเกี่ยวกับเรื่องที่ครูกำลังสอนมาทั้งหมด 80 หน้า ส่งพรุ่งนี้เช้า”เสียงประกาศิตดังขึ้น ชานัทมองเพื่อนๆหน้าเบ้ก่อนจะรับคำเสียงอ่อย
“ครับ”
“งั้นต่อนะ จนถึงปัจจุบันนี้ ก็ยังไม่เคยมีใครเห็นหน้าผู้ปราบปีศาจ และเรื่องที่เกิดขึ้นมาก็ทำให้สิ่งวิเศษขึ้นมา 4 ชนิด ทั้งหมดเป็นอาวุธของผู้ปราบปีศาจ ได้แก่มีดสั้น ดาบ ง้าวและธนู”
“อาจารย์คะ”คีน่ายกมือขึ้นสูง
“มีอะไรคีน่า”อาจารย์ผู้สอนถาม
“แล้วอาวุธของผู้ปราบปีศาจคนที่ 5 ล่ะคะ”
“มือเปล่า ผู้ปราบปีศาจคนที่ 5 ต่อสู้ด้วยมือเปล่า”ครูซีกราทีกล่าวแล้วก้มลงมองหนังสือในมือ
“หมดคำถามแล้วใช่ไหม”อาจารย์ซีกราทีถาม คีน่าพยักหน้าเล็กๆก่อนจะก้มลงไปจดอะไรยุกยิกในเศษกระดาษ
“ฮาๆๆ”เสียงหัวเราะครื้นเครงดังขึ้นจากในห้อง อาจารย์ซีกราทีที่กำลังก้มมองหนังสือในมือเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็พบกับคีน่าที่กำลังหัวเราะอยู่กับเพื่อนๆโดยในมือถือกระดาษที่ถูกเขียนด้วยปากกาสีแดงว่า ‘ยัยบ้า’ พรอมภาพประกอบคือภาพนใส่แว่นหน้าเตอะกำลังทำหน้าจะร้องไห้
“คีน่า!!!!!”อาจารย์ซีกราทีตะเบ็งเสียงลั่นทำให้คีน่ายกกระดาษลงแทบไม่ทัน
“ไปยืนหน้าห้องแล้วยกกระดาษแผ่นนั้นไว้จนกว่าจะหมดชั่วโมง”อาจารย์คีน่าสั่งก่อนจะชี้ไปที่ระเบียงนอกห้อง
“ค่ะ”คีน่ารับคำเบาๆแล้วเดินคอตกออกไปนอกห้องแต่ก็ยังไม่วายหันมาแลบลิ้นใส่อาจารย์ซีกราทีก่อนออกไป
“ในการต่อสู้ครั้งนั้น มนุษย์เป็นฝ่ายชนะและได้ทำสัญญาสบงศึกเอาไว้จนกว่าผู้ปราบปีศาจคนใหม่จะเกิดขึ้น”เสียงยานคางของอาจารย์ซีกราทีกำลังนำพาสติอันน้อยนิดของชานัทที่พยายามจะถ่างตาเอาไว้หมดลง ชายหนุ่มฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะอีกครั้ง และคราวนี้โอเทสก็ย้ายที่นั่งจากข้างๆชานัทไปนั่งด้านหน้าของชานัทเพื่อปิดปังผู้ที่หลับอยู่เอาไว้ โอเทสยิ้มเล็กๆเมื่อหันไปมองผู้ที่หลับอยู่เบื้องหลังแล้วหันไปตั้งใจเรียนมากขึ้นพร้อมกับเชกเลอร์จุดที่สำคัญๆเอาไว้ด้วย จนกระทั่งออดบอกเวลาว่าหมดคาบดังขึ้น ชานัทก็ลุกขึ้นจากการฟุบหลับ โดยที่โอเทสไม่ทันรู้ตัว ภาพหญิงสาวผมสีฟ้ากำลังตั้งหน้าตั้งตาจดและจำสิ่งที่อาจารย์สอนอย่างเอาเป็นเอาตายการกระทำทุกอย่างได้อยู่ภายในสายตาของเขา แล้วสักพักอาจารย์ซีกราทีก็เดินจากไป โอเทสลุกขึ้นจากโต๊ะก่อนจะหันมาชวนทุกคนกลับห้อง
“เฮ้! กลับห้องกันเถอะ”โอเทสหรือโอลินตะโกนเรียก เซนมองรอบๆก่อนจะชู่ว์ปากอย่างรวดเร็ว
“โอเทส ตอนนี้นายเป็นผู้หญิงนะ เรียบร้อยหน่อยสิ”เซนกระซิบบอก
“ขอโทษที ไม่ชินน่ะ”โอลินยิ้มแห้งก่อนจะเดินออกจากห้องไปก่อน
“เซน”เสียงเรียกจากด้านหลังของเซนดังขึ้น เขาหันไปมองเดลคิลที่นานๆจะส่งเสียงให้ได้ยินสักที
“มีอะไรเหรอ”
“อีก 3 วัน พวกเราจะเดินทางไปยังโลกปีศาจ”เดลคิลบอกเสียงเรียบแต่ผู้ที่ได้ยินกลับตัวแข็งขึ้นมาในทันที
“ไปทำไม”ชานัทหันมาถาม เนื่องจากได้ยินประโยคเมื่อครู่
“เดี๋ยวพวกนายก็จะรู้เอง ส่วนเรื่องการเรียนเดี๋ยวกลับมาค่อยเร่งอ่านหนังสือแล้วกันนะ”อาเรสเดินแทรกเข้ามาพูด
“อืม”เซนพยักหน้าช้า
“งั้นเดี๋ยวฉันไปบอกโอเทสก่อนนะ”อาเรสพูดแล้วเดินออกจากห้องตามโอเทสไป
“เหลือแค่พวกเรา 3 คน งั้นกลับห้องกันเถอะ”เซนพูดก่อนที่ทั้งหมดจะเดินออกจากห้องเรียน
“อ้าว! รุ่นพี่ฟาเรล”ชานัททัก
“เดี๋ยวพวกพี่ไปหาที่ห้องนะ”เฟเรลพูดเสียงเบาๆให้ได้ยินกัน 4 คนแล้วเดินออกไปอีกทางหนึ่ง
“กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!”เสียงกรี๊ดจากด้านหอมังกรของพวกเขาดังขึ้นมา ก่อนจะตามมาด้วยเสียงคำรามของปีศาจร้าย
“โฮก!!!!!!!!!!!!!!!!!!”ไม่ต้องรอให้ใครเรียกทั้ง 3 ต่างพุ่งตัวไปยังจุดที่มีเสียงร้องในทันที
“โอเทส”ชานัทครางเมื่อเห็นโอเทสกำลังใช้พลังน้ำของตนสาดไปที่ร่างของปีศาจธาตุดินตัวนั้น และก็พบว่าไม่สามารถหยุดยั้งอะไรได้เลย มีแต่จะเพิ่มความโกรธให้มันเท่านั้น ร่างปีศาจขยายใหญ่ขึ้นดวงตาสีดำที่ไม่มีแววตาเหมือนมนุษย์หันมามองโอเทสในร่างของหญิงสาวก่อนจะวิ่งเข้ามาหา ด้านหลังของโอเทสนั้นมีร่างของหญิงสาวในชุดนักเรียนหอโลมานั่งอยู่ โอเทสหอบแฮก ระยะทางระหว่างที่ปีศาจตัวนั้นวิ่งเข้ามาโอเทสหลบได้อย่างสบาย แต่ปัญหาคือ ถ้าโอเทสหลบหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านหลังคงต้องได้รับบาดเจ็บไปเต็มๆแน่ เปลวเพลิงสีแดงของอาเรสก็ทำอะไรมันไม่ได้ มีแต่จะรั้งให้ขนาดของปีศาจนั้นใหญ่ขึ้นเสียมากกว่า
“โอเทส หลบไปซะ”เดลคิลตะโกนใส่ก่อนจะใช้พลังลมของตนพาร่างของหญิงสาวที่ได้รับบาดเจ็บออกมาจากตรงนั้น เมื่อได้โอกาส โอเทสก็หยิบง้าวของตนออกมาจากด้านหลัง ก่อนจะใช้มันวาดออกไปเป็นวงกว้าง กันระยะที่ปีศาจตนนั้นจะเข้าถึงพวกตนได้
“คู่ต่อสู้ของแกน่ะ ฉันต่างหากเล่า!!!”ชานัทตะโกนก่อนจะเรียกธนูของตนมาไว้ในมือ ในเมื่อธาตุอื่นทำอะไรมันไม่ได้ งั้นก็ต้องใช้ดินสู้กับดินเท่านั้นแหละ
“ปฐพีพิพากษา”ชานัทกล่าวแล้วยิงธนูลงไปยังพื้นดิน รอยร้าวของพื้นดินแยกออกจากกันทำให้ปีศาจตัวนั้นตกลงไปในรอยแยกนั้นก่อนที่แผ่นดินทั้งสองซีกจะกลับมาติดกันเหมือนเดิมอีกครั้ง
“แฮกๆ”ชานัทล้มตัวลงนอนบนพื้น เนื่องจากการเค้นพลังของตัวเองมากเกินไป
“ขอบคุณนะ”เสียงหญิงสาวที่มาจากหอโลมาดังขึ้น ชานัทเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ
“ไม่เป็นไรหรอก คราวหน้าก็ระวังตัวหน่อยนะ”ชานัทเอ่ยพลางลุกขึ้นไปดูอาการของคนธาตุน้ำ
“ไหวรึเปล่า โอลิน”ชานัทถาม
“อืม ก็พอไหว”โอเทสตอบแล้วลุกขึ้นปัดกระโปรงไปมา
“ใส่กระโปรงมันน่าเบื่อแบบนี้นี้เอง”โอเทสบ่นเบาๆให้ได้ยินเพียงสองคน
“กลับได้แล้ว เธอเองก็ด้วย อย่ามาที่หอใต้บ่อยนักล่ะ ถ้าไม่มีธุระจริงๆน่ะ”เซนตะโกนเรียก
“อืม”หญิงสาวรับคำก่อนที่จะเดินหายไปทางหอตะวันตก
“โอเทส หลับตาสิ”เซนสั่ง
“ห๊ะ... ทำไมล่ะ”โอเทสถาม
“เถอะหน่า”เซนบอกปัดๆก่อนที่โอเทสจะหลับตาลง แสงเรืองรองจากฝ่ามือของเซน ค่อยๆโอบล้อมร่างของโอเทสเอาไว้ และเมื่อแสงนั้นหายไปโอเทสในร่างเด็กผู้ชายก็กลับมา นัตย์ตาสีฟ้ขี้เล่นถูกส่งให้กับเพื่อนๆในกลุ่ม
“ทำได้ไงเนี่ยเซน”โอเทสถามอย่างมหัศจรรย์ใจ
“มันเป็ฯถาสำหรับเปลี่ยนร่างให้กลายเป็นร่างเดิมน่ะเวลาไม่ได้ถอดต่างหูฉันก็ใช้คาถานี้ เสียอย่างเดียวคือใช้พลังมากไปหน่อย”เซนยิ้มแห้งๆส่งให้กับโอเทส
“แล้วคาถามันว่ายังไงเหรอ”โอเทสถามแทบจะทันที
“ภาษาปีศาจนายฟังรู้เรื่องเหรอ”เซนถามอย่างไม่แน่ใจ
“ลองดูก็ไม่เสียหายนี้”โอเทสพูด
“คาถาก็คือ เตรลาดัส ทรานเวซิส เฮลฟ์ไพรคูรีส”เซนบอกอย่างช้าๆ
“อืม เตรลาดัส ทรานเวซิส เฮลฟ์ไพรคูรีส”โอเทสไล่ทวนคำ
“ถูกต้องเลย งั้นทีนี้กลับหอได้แล้วสินะ”เซนถาม
“กลับเลยสิ”โอเทสบอกแล้วฮัมเพลงอย่างมีความสุข
“นายเคยฟังเพลงนี้รึเปล่า ชานัท”โอเทสหันมาถาม
“เพลงอะไรเหรอ”ชานัทถามอย่างงงๆ
“แสงสว่างในความมืดมิด”โอเทสตอบพร้อมยิ้มนิ้ยๆก่อนจะหยิบใบไม้แถวนั้นมาเป่าให้เป็นท่วงทำนองของเพลง ‘แสงสว่างในความมืดมิด’ เสียงเพลงที่บรรเลงออกมาจากใจทำให้คนที่ได้ฟังสื่อเข้าใจถึงอารมณ์ของคนเล่นเพลงนี้ได้เป็นอย่างดี เพลงถูกบรรเลงอย่างแผ่วเบาฟังดูโศกเศร้าแต่สักพักก็กลับรู้สึกเหมือนความโศกเศร้าพวกนั้นได้ถูกชะล้างออกจากจิตใจจนหมดสิ้น สุขและเศร้าเคล้าคลอกันไปในเพลงๆเดียวกัน แสงสว่างที่ถูกจุดขึ้นในความมืดมิด แสงสว่างที่จะส่องให้เห็นทางแม้รอบข้างจะไม่มีใคร ก้าวเดินออกไปจากที่ตรงนั้น จนเจอกับทางออกที่ต้องการ เพลง ‘แสงสว่างในความมืดมิด’ ถูกบรรเลงจนจบ ท่วงทำนองที่ได้ฟังทำให้อีก 4 คนที่เหลือหลุดออกจากภวังค์ของตนเอง และเริ่มก้าวเดินออกไปพร้อมกัน ก้าวไปสู่ทางออกที่ทุกคนค้นหา!!!!
++++++++++++++++
หวัดดีครับ
ห่างหายไปนาน
เปิดเทอมแล้วรักษาสุขภาพด้วยนะครับ
อาการหนาวได้ 2 วันก็หายหนาวแล้ว
งั้นเจอกันตอนหน้านะครับ
อ่อๆ... ลืมไปนิดนึง
อ่านแล้วอย่าลืมเม้นนะครับทุกคน
บาย (@_____@)/
Dark_ Sniper
ความคิดเห็น