แนะแนวว่าที่หมอ!! CPIRD โอกาสใหม่สำหรับคนสอบเข้าแพทย์ - แนะแนวว่าที่หมอ!! CPIRD โอกาสใหม่สำหรับคนสอบเข้าแพทย์ นิยาย แนะแนวว่าที่หมอ!! CPIRD โอกาสใหม่สำหรับคนสอบเข้าแพทย์ : Dek-D.com - Writer

    แนะแนวว่าที่หมอ!! CPIRD โอกาสใหม่สำหรับคนสอบเข้าแพทย์

    โอกาสสอบหมอที่คุณอาจจะไม่ทราบ จากทีมงาน Superposition อันประกอบด้วย นักเรียนโอลิมปิกเหรียญทอง,นักเรียนทุนญี่ปุ่น,นักเรียนทุนเล่าเรียนหลวง,วิศวะจุฬา,แพทย์จุฬาและแพทย์ศิริราช เพื่อน้องๆทุกคนโดยเฉพาะ : )

    ผู้เข้าชมรวม

    2,989

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    2.98K

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    19
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  29 มี.ค. 55 / 10:30 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      สวัสดีครับน้องๆ ม.5 ทุกคน วันนี้พี่มีคำแนะนำสำหรับผู้มุ่งจะสอบแพทย์CPIRDและODODจุฬามาฝาก สำหรับใครที่ยังไม่ทราบว่าCPIRDและODODคืออะไร พี่จะขออธิบายสั้นๆนะครับคือ โครงการทั้งสองนี้มีเป้าหมายเพื่อผลิตและกระจายแพทย์ไปสู่ชนบทให้มากขึ้น นั่นคือเราจะเรียนที่จุฬาฯเป็นเวลา 3 ปี และไปเรียนที่โรงพยาบาลศูนย์ตามต่างจังหวัดอีก3ปี โดยน้องจะต้องมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดหรืออำเภอที่กำหนดเท่านั้นนะครับจึง จะสมัครได้ เรื่องการใช้ทุน CPIRDใช้ทุน3ปี ไม่มีทุนค่าเล่าเรียน ODODใช้ทุน12ปี มีทุนค่าเล่าเรียนให้ เรื่องรายละเอียดยิบย่อยในการสมัครสามารถดูได้ที่ http://acad.md.chula.ac.th/faq.html หรือตัวอย่างประกาศรับสมัครของปีพี่ที่ http://acad.md.chula.ac.th/admission2555.pdf

       

                   สิ่งที่เราจะต้องสนใจมากๆเลยคือคะแนนที่ใช้คัดเลือกครับ ซึ่งพี่จะมาแนะนำวิธีการเตรียมตัวก่อนสอบ6เดือนสุดท้ายว่าต้องสมัครสอบอะไร บ้างและควรเตรียมความพร้อมยังไงนะครับ

       

      เรามาเริ่มกันที่ “เราต้องสอบอะไรบ้าง” ทั้ง 2  โครงการใช้เกณฑ์คะแนนเดียวกันคือ

       

      1.คะแนนจากการสอบGAT-PATรอบตุลาคม 90เปอร์เซ็นต์! ย้ำ ว่าตุลาเท่านั้นนะครับ รอบมีนาไม่สามารถใช้ได้ สมัคร ซึ่งใน90นี้จะแบ่งย่อยเป็น GAT 30เปอร์เซ็นต์ PAT2  40เปอร์เซ็นต์ PAT1  20เปอร์เซ็นต์ และข้อแม้อีกอย่างคือแต่ละวิชาน้องต้องทำได้คะแนนมากว่า30เปอร์เซ็นของการ สอบนั้น หมายความว่าทั้งGAT PAT1 PAT2 น้องจะต้องได้แต่ละอย่างมากกว่า90คะแนนเต็ม300นั่นเอง  สมัครได้ที่เว็บ สทศ.

       

      2.คะแนนจากการสอบวิชาเฉพาะแพทย์ partจริยธรรมแพทย์ partเดียว  10เปอร์เซ็นต์ (มีสอบ3partแต่เลือกเอาเฉพาะคะแนนpartนี้เท่านั้นครับ) สมัครที่เว็บ กสพท.

       

                     เอาล่ะ เมื่อรู้แล้วที่นี้เราก็มาวางแผนอ่านหนังสือกันเลย พี่แนะนำว่าน้องควรมุ่งไปที่PAT2และGAT เนื่องจาก แค่2อันนี้ก็ปาไปแล้ว70เปอร์เซ็นต์ และค่อนข้างเก็บคะแนนได้ง่าย ส่วนPAT1นั้นเท่าที่ดูแนวโน้มจะค่อนข้างยากเก็บคะแนนลำบาก รวมถึงจริยธรรมแพทย์ที่คะแนนไม่แตกต่างกันมากไม่ว่าน้องจะอ่านมาดีแค่ไหน ตัวเลือกนี้จึงเหมาะสำหรับเวลาที่เหลือจำกัด

       

                      GAT ให้น้องทำข้อสอบเชื่อมโยงให้เป็น ลองหัดทำจะจับจุดได้ครับ ไม่จำเป็นต้องหวังเต็มครับ มันจะได้คะแนนใกล้ๆกันถ้าน้องพลาดนิดหน่อยแต่ได้โครงส่วนใหญ่ไว้ ที่ต้องโฟกัสมากคืออังกฤษครับ น้องควรทำได้ซัก110เต็ม150ครับถึงจะปลอดภัย จำเป็นต้องฝึกทำโจทย์เยอะๆครับ

       

                      PAT1 แม้คะแนนจะน้อยแต่ใช่ว่าไม่สำคัญ น้องที่เก่งเลขแล้วควรได้อย่างน้อยซัก130ขึ้นไปจะช่วยลดภาระเราไปได้เยอะ ครับ ส่วนคนที่อ่อนพยายามให้ผ่าน90ให้ได้ครับ เรื่องที่พลิกแพลงได้ไม่มากหรือออกเยอะอย่าง สถิติ ฟังก์ชัน เซต ตรรกศาสตร์ ต้องแม่นครับห้ามลืมสูตรนะ ส่วนพวกที่พลิกแพลงมากๆเช่น ตรีโกณฯ อนุกรม ถ้าไม่ไหวเอาแค่พื้นฐานเพื่อรับมือข้อสอบธรรมดาก็พอครับ

      นี่เป็นตาราง ตัวอย่างการอ่านหนังสือช่วงโค้ง 6 เดือนสุดท้ายครับ คือตุลานี้แล้ว อย่านิ่งนอนใจว่าเหลือเวลาอีกเยอะนะครับ น้องยังต้องมีเรียน ทำกิจกรรมอีกมากช่วงเปิดเทอม เวลาอ่านหนังสือจริงๆเหลือแค่นิดเดียว ช่วงปิดเทอมนี้ควรใช้ประโยชน์ให้มากที่สุดครับ

       

       

       

      ช่วงเวลา

      : เมษายน-พฤษภาคม

      วิชาที่อ่าน

      : PAT2ฟิสิกส์,เคมี + PAT1(ถ้าอ่อน)

      รายละเอียด

      : 1.PAT 2 วิชานี้เป็นวิชาทักษะที่ต้องฝึกโจทย์มากๆ เราควรใช้เวลาช่วงปิดเทอมทำให้เต็มที่ครับ ใช้วิธีอ่านที่ละบทแล้วทำข้อสอบไปด้วยจะทำให้เราจำได้ดีครับ

      2.ถ้าเราอ่อนเลข ควรอ่าน PAT1 ให้จบทีละบทสลับทำโจทย์เช่นกัน

       

       

      ช่วงเวลา

      : เมษายน-พฤษภาคม

      (สำหรับคนอ่อนอังกฤษ)

      วิชาที่อ่าน

      : GATอังกฤษ+PATฟิสิกส์หรือเคมี

      รายละเอียด

      : 1.สำหรับคนที่อ่อนอังกฤษแนะนำให้เรียนหรืออ่านเนื้อหาให้หมดก่อน เพราะวิชานี้ต้องทยอยฝึกทำโจทย์เรื่อยๆ เพิ่มทักษะซึ่งใช้เวลานานมาก

      2.อ่านอังกฤษเสร็จให้ทำโจทย์ควบคู่ไปกับอ่าน PAT2 ฟิสิกส์หรือเคมีครับ

       

       

      ช่วงเวลา

      : มิถุนายน

      วิชาที่อ่าน

      : PAT2 ฟิสิกส์,เคมี

       

      รายละเอียด

      : 1.เริ่มเดือนนี้ควรอ่านจบไปซักวิชาแล้วครับ เพราะเวลาอ่านเราจะเริ่มน้อยลง เนื่องจากเปิดเทอมแล้ว งาน+กิจกรรมจะเริ่มมากขึ้น ใช้วิธีเดิมครับ

      2.*ทำโจทย์PAT1 และอังกฤษควบคู่ด้วยสำหรับคนที่อ่อน

       

       

      ช่วงเวลา

      : กรกฎาคม

      วิชาที่อ่าน

      : PAT2 ชีวะ,ดาราศาสตร์

       

      รายละเอียด

      : 1.เริ่มอ่านวิชาท่องจำได้แล้วครับ

      2. *ทำโจทย์PAT1 และอังกฤษควบคู่ด้วยสำหรับคนที่อ่อน

       

       

       

      ช่วงเวลา

      : สิงหาคม

      วิชาที่อ่าน

      : PAT2 ชีวะ,ดาราศาสตร์

       

      รายละเอียด

      : 1.เดือนนี้ถ้ารู้ตัวว่าวิชาท่องจำนี้อ่านไม่จบ พยายามเอาเฉพาะคอนเซปต์ภาพรวมแต่ละบทก่อนครับ ส่วนรายละเอียดย่อยๆไม่ต้องจำมาก

      2. *ทำโจทย์PAT1 และอังกฤษควบคู่ด้วยสำหรับคนที่อ่อน

       

      ช่วงเวลา

      : ต้นกันยายน

      วิชาที่อ่าน

      : GATเชื่อมโยง/ PAT1 สำหรับคนที่ไม่ได้ทบทวนช่วงแรกๆ

       

      รายละเอียด

      : 1.ใครยังไม่อ่านGATเชื่อมโยงให้อ่านตอนนี้ครับ ถ้าจับคอนเซปต์ได้ก็จบแล้ว หัดทำข้อสอบให้หมดเลยก็ได้ครับ ใช้เวลาไม่นาน

      2.ใครยังไม่ทวนPAT1ให้ทวนตอนนี้เพื่อฝึกความเร็วในการทำข้อสอบให้กลับมาครับ เพราะความเร็วจำเป็นมากในการทำPAT1

       

       

      ช่วงเวลา

      : ปลายกันยา-ตุลาคม

      วิชาที่อ่าน

      : ทบทวนทุกวิชา

      รายละเอียด

      : ช่วงนี้ตะลุยข้อสอบอย่างเดียวครับ ทำทุกวิชาให้ชิน ฝึกความเร็วในการทำ วิชาไหนที่ทำช้าไม่ทันเวลาพยายามฝึกเพิ่มให้เร็วขึ้นครับ

       

      นาย ณัฐนนท์ ใจโพธิ์

      นิสิตแพทย์ศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

      ทีมงาน Superposition(www.facebook.com/superpositionteam)

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×