ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [LoL Fanfic] Lover Birds ปีกคู่กู้โลก♡[Rakan × Xayah story]♡

    ลำดับตอนที่ #3 : ดื้อรั้น

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 227
      12
      15 พ.ย. 62

    เวลามันผ่านไปสักพักแล้วที่ข้าเดินอยู่ในป่า และ... ไร้ซึ่งร่องรอยของนางเลย ไม่เจอแม้แต่เส้นขน และตอนนี้ข้าก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เยี่ยมยอดไปเลยครับท่านผู้อ่าน
    แต่มันก็เป็นเรื่องปกติแล้วที่ข็าหลงทางบ่อยๆ เพราะข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะไปไหนดี ถ้าข้าเดินทางไปเจอเมืองไหนที่พร้อมจะต้อนรับข้า ข้าก็จะมอบความบรรเทิงให้กับพวกเขา นั่นแหละชีวิตข้าล่ะ
    ข้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง พระอาทิตย์กำลังจะตกเย็นแล้วสินะ คงต้องหาทำเลนอนก่อน...

    Xayah
    เวลามันผ่านไปสักพักแล้วที่ข้าไม่รู้ตัวเองเลยว่าเผลอนั่งหลับอยู่บนยอดไม้ ข้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง เวลายังไม่ผ่านไปมากนักเพราะว่าพระอาทิตย์ยังไม่ขยับไปไหน ข้าคงจะแค่เผลองีบไปแค่ห้าถึงสิบนาทีเท่านั้น แต่ถึงอย่างั้นข้าก็คงต้องหาที่พักชั่วคราว ที่ป่าแห่งนี้ในตอนกลางคืนมักจะมีสัตว์ดุร้ายออกมาหากินจำนวนมาก แม้ว่าคิดแล้วว่าการฆ่าพวกมันซะแล้วเอาหนังไปขายมันจะเป็นอะไรที่ข้าทำได้ดีกว่า แต่การมาฆ่าสัตว์ป่าด้วยเหตุผลที่เหมือนกับพวกมนุษย์มันทำให้ข้ารู้สึกแย่ และอีกอย่างพีต้าก็คงจะไม่ชอบการกระทำแบบนี้เช่นกัน ข้าเหินไปรอบๆยอดไม้ แล้วมองหาทำเลดีๆที่เหมาะแก่การตั้งที่พักชั่วคราวและน้ำตกที่ข้ากวาดสายตาไปเห็นก็คงเป็นความคิดที่ดูดีอยู่นะ
    ข้าร่อนลงมาที่หน้าตกมองน้ำที่ใสสะอาดของมัน จริงสิ ข้ายังไม่ได้ล้างขนเลยในวันนี้ โดยเฉพาะหลังจากที่เอาขนไปอาบเลือดมาอ่ะนะ 

     

    Rakan
    ข้าเดินไปมาอย่างไร้จุดหมาย เพื่อหา อาจจะเป็นหินสักก้อนที่ไม่แข็งมาก... ถ้ามันมีอยู่จริงล่ะนะ ยังไงข้าก็คงไม่ขึ้นไปนอนบนกิ่งไม้แน่นอนเพราะข้ากับงูเป็นศัตรูกันตามธรรมชาติ ที่ไหนมีงู ที่นั่นย่อมไม่มีข้า หรืออาจจะมีแต่ข้าจะอยู่ให้ห่างจากมัน ยกเว้นมันจะมีสีทองและไม่กัดนะ
    โอ้ว ดูนั่นสิ โอ้แม่สาวน้อย ข้าเจอเข้ากับแหล่งน้ำตกอันงดงาม ข้าไม่ได้ดื่มน้ำอะไรมาสักพักแล้ว นานจนจำไม่ได้ว่ารสชาติของน้ำมันเป็นยังไง? หรือว่ามันจะเป็นรสกล้วยหอมกันนะ? ข้าคิดเพลินๆไปในขณะที่กำลังเดินเข้าหาน้ำตกนั่น
    แต่เรื่องบังเอิญนั่นมีอยู่จริง และมักจะเกิดขึ้นกับข้าเสมอ... 

     

    Xayah สิ่ง... หรือบุคคลที่อยู่ตรงหน้าของข้าแทบจะเป็นสิ่งสุดท้ายในชีวิตที่ข้านั้น(ไม่)คาดหวังว่าจะได้เจออีก ณ อีกฝากของแหล่งน้ำตกเจ้านกยูงสีทองนั่น กำลังมองมาที่ข้าด้วยสายตาประหลาดใจ และข้าก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ทำไมเจ้าตัวตลกนี่ถึงไม่โดนเสือดำขย้ำตายไประหว่างที่เดินเข้ามาในป่านะ?

     

    "อาเซโย่! ไม่นึกว่าจะได้เจอเจ้าอีกนะนกกาสีม่วงข้าจำไม่ผิดใช่มั้ย? เห็นเจ้าพวกนั้นเรียกเจ้าแบบนี้น่ะ..." ข้าเลือกที่จะเงียบต่อไป แต่ว่าเขานั้นทำเหมือนจะจะพยายามก้าวบนโขดหินเพื่อข้ามฝั่งมา ข้าจึงเลือกที่จะหันหลังกลับเดินหนีทันที

     

    "เดี๋ยวๆๆ อย่าเพิ่งไปสิ ข้าอุส่าห์เจอเจ้าแล้วนะ ข้าทิ้งงานเทศกาลในเมืองเพื่อมาตามหาเจ้าเชียวนะ"เขารีบพูดออกมาข้าหยุดเดินแล้วหันข้างไปถามเขากลับ

     

    "แล้วทำไมเจ้าถึงต้องออกมาตามหาข้า? ต้องการอะไร?" ข้าถามออกไปเรียบๆ เขาเงียบไปสักพัก ราวกับกำลังคิดคำตอบ หวังว่าจะไม่ตอบว่า 'ไม่รู้' แบบนั้นอีกนะ เสียเวลารอ

     

    "เพราะข้าสนใจเจ้า มากกว่างานเทศกาลนั่นซะอีก" ...ว่าไงนะ?! คำตอบของเขาทำให้ข้าเกิดความรู้สึกร้อนขึ้นที่บริเวณใบหน้า ข้าไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้มันเรียกว่าอะไร แต่มันทำให้ข้ารู้สึกไม่ค่อยอยู่เป็นสุขในใจ จนต้องถามออกไป
    "ขยายความมา ว่านั่นมันหมายความว่าไง?"

     

    "ข้ามองว่าเจ้าน่าสนใจ เจ้าไม่เหมือนกับอะไร ดุจกับก้อนเมฆที่มีสีทองงดงามโดยที่ไม่ต้องมีพระอาทิตย์ช่วยส่องแสง เหมือนกับจอมปีศาจเห็นพิษร้ายที่อยู่ในคราบขอยอเดิล และอะไรก็ตามที่เจ้ามองแล้ว บอกว่า 'ก็ไม่ปกติดีหนิ' อะไรแบบนั้นน่ะ!"เหมือนกับ อะไรบ้างนะ? ข้ายิ่งไม่เข้าใจความหมายของสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อเลยสักนิด แต่ทว่า ก่อนที่บทสนทนาจะได้ดำเนินต่อ เขาก็ทำหน้าตื่นตกใจ แล้วตะโกนว่า

     

    "ระวังหลัง!" สัญชาตญาณที่บ่งบอกอันตรายของข้าเพิ่งเริ่มทำงาน ในตอนนั้นเองที่ข้าได้ยินเสียงของของมีคมพุ่งตัดผ่านอากาศตรงมาที่ข้า ข้าดีดตัวออกข้างขวาเพื่อพยายามที่จะหลบมัน แต่ความเร็วและการรู้ตัวที่ช้าไปนั้นทำในข้าคาดการแล้วจะต้องโดดแน่ๆ...

     

    'แก็ก!' แต่ในขณะที่ข้ากำลังเตรียมใจรับความเจ็บปวด เสียงของโล่ห์เวทย์มนตร์ที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นข้างๆตัวข้าอีกครั้ง พร้อมการกายของเขาผู้ที่ยืนขวางระหว่างข้ากับใบมีด ทำไมเข้าถึงได้เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วแบบนั้นกันนะ?

     

    "ดูเหมือนว่าจะมีเพื่อนมาเยี่ยมเจ้าแล้วล่ะ" เขาพูดขึ้นมาราวกับเป็นเรื่องขำขันสำหรับเขา ข้ากวาดสายตามองไปรอบๆ ศัตรูไม่ได้มาแค่ตัวเดียว และพวกเรากำลังถูกล้อม!

     

    Rakan

    นี่ไม่ใช่หนแรกที่ข้าถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้คนจำนวนมาก จริงๆเคยมากกว่านี้ ตอนนั้นข้าเกือบจะโดนเหล่าแฟนคลับรุมดึงขนออกจนหมดตัว แต่ถึงอย่างงั้น เจ้าพวกนี้ก็คงไม่ได้มาเพื่อขอลายเซนต์ของข้าแน่ๆ ดูจากอาวุธที่ถือกันมาครบมือแล้ว
    โอ้ ให้ตายสิ! พวกนี้แต่งตัวเหมือนกันหมด! สีม่วงๆดำๆ ใส่หน้ากากตาแดง กลัวไม่รู้กันเหรอว่าไม่เป็นมิตรน่ะ? เชยโคตรๆ
    พวกเราสองคนหันหลังชนกันโดยอัตโนมัติ เจ้าพวกนี้ยังไม่เริ่มโจมตี คงเพราะว่าข้ายังคงกลางโล่ให้อยู่ แต่พวกเราอยู่สภาพนี้ด้วยกันไปตลอดกาลไม่ได้หรอก และนางก็รู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

     

    "ตอนที่เจ้าลดโล่ห์ลง รีบใช้ความเร็วนั่นหนีไปซะในตอนที่ยังมีโอกาศ ข้าไม่ถนัดในการคุ้มครองใครทั้งนั้น และก็ไม่อยากจะให้ชาววาสทาย่าห์โง่ๆคนนึงต้องมาตายฟรีหรอกนะ ข้าจะจัดการพวกมันเอง" นางพูดอย่างรวดเร็วทำซะข้ารู้สึกด้อยค่าไปเลย

     

    "แต่เมื่อกี้เจ้าเกือบโดนมีดเสียบแล้วนะ ไม่ใช่ว่าข้าเองเหรอที่เพิ่งช่วยเจ้าไปน่ะ?" ข้าแซะนางนิดหน่อย แต่เหมือนว่ามันจะไม่ลดกำแพงที่เรียกว่า 'ความทนงตน' ของนางเลยแม้แต่น้อย หรืออย่างน้อยๆนางก็ถอยหายใจแหละนะ

     

    "ก็ได้ เจ้าเก่ง เพราะงั้นถ้าอยากจะอยู่นักล่ะก็ ข้าจะนับ 3 แล้วเจ้าต้องเอาโล่ห์ลง จากนั้นพวกเราจะออกไปจัดการพวกมัน และก็ อย่ารีบตายซะล่ะ"ข้าคิดเล่นๆไปชั่วขณะว่านางอาจจะห่วงข้าจริงๆก็ได้ แต่ก็นะ
    พวกเรามองหางตากันเป็นสัญญาญบอกความพร้อม และข้าก็ชิงตัดบทพูดออกมมาก่อน

     

    "สาม!" ข้าลดโล่ห์เวทลง แล้วการเต้นของพวกเราก็เริ่มต้นขึ้น!
     

    Xayah
    จริงๆข้าต้องเป็นคนนับสิ! แต่ทันทีที่โล่ห์เวทถูกลดลงไปข้าก็พุ่งตัวออกไป แล้วเลือกที่จะโจมตีเปิดก่อน ตอนนี้จำนวนศัตรูที่อยู่ในสายตาของข้าคือหกตัว ข้าปาขนนกไปยังตัวที่อยู่ไกลที่สุดสามเส้นเพราะว่ามันถือคถาเวทย์มนตร์ นั่นหมายถึงว่ามันคือจอมเวทย์และก็เป็นอย่างที่ข้าคิดเอาไว้ มันสร้างโล่ห์มนตร์ดำขึ้นมาป้องกันไว้ก่อน แต่ข้าไม่ได้หวังจะฆ่ามันซะตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะในเมื่อมันใช้โล่ห์กับตัวเอง ข้าก็จะ...
    'ฟิ๊ว!' ข้าเรียกขนนกทั้งสามกลับเข้ามา และระหว่างทางมันก็พุ่งตัดเข้าร่างของพวกมันไปสองคน และอีกเส้นแค่ถากๆ
    ในระหว่างที่พวกมันกำลังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในผลงานของข้า ทางด้านหลังของข้าเองก็มีเสียงที่ชลมุลวุนวายมากไม่ต่างกัน

     

    Rakan
    "อะไรกัน? พวกเจ้าไม่เคยได้เต้นกันหรอ?" ข้าเหวี่ยงหนึ่งในพวกมันออกไปใส่อีกคน หลังจากที่ข้าพามันมาหมุนตัวเล่นๆสักสามถึงสี่ตลบ ข้าเองก็ไม่ได้ใช้ทักษะการ แบทเทิลแดนซ์ ของข้ามาสักพักแล้ว มันเป็นวิธีการจัดการกับพวกที่อยากเข้ามาขอลายเซ็นของข้าแบบที่ดันมีอาวุธติดตัวแล้วอยากจะทุบหัวอวยพรข้าแหละนะ แล้วพวกนี้ก็คงไม่ต่างกัน แต่ว่าพวกนี้ดันมาขัดจังหวะบทสนทนาของพวกเราด้วยนี่สิที่แย่สุด ข้ากระโดดหลบมีดบินที่เพิ่งเฉียวใบหน้าของข้าไป พร้อมกับการเข้าไปใช้ผ้าคลุมปีกของข้าฟาดเข้าบ้องหน้าของไอ้คนปามีด เจ้านี่สินะ คนเปิดเมื่อกี้ที่ปามีดมาน่ะ แต่ว่าไปนั่น รอบกายข้า มีแต่พวกถือมีดเต็มไปหมดเลย ข้าหมุนตัวหลบมีดแบบมีสไตล์แล้วเข้าไปตบอีกตัวด้วยหลังมือ และจากนั้นก็สะบัดผ้าคลุมไปหลุนคอของตัวที่อยู่ใกล้ๆแล้วเหวี่ยงไปใส่คนที่ยืนอยู่คนสุดท้ายที่หางตาของข้านั่น การเต้นของข้า จบลงด้วยการที่คู่เต้นทั้งหมดเท่าที่ข้าเห็นนั้นนอนกองอยู่กับพื้น แหม่ะ น่าสงสารจริงๆ แต่พวกฝีมือไม่ถึงก็จะเป็นแบบนี้แหละนะ แต่อันที่จริงแล้วก็ไม่ทั้งหมดหรอก ข้าได้ยินเสียงตะโกนโวยวายของพวกที่เข้ามาเพิ่ม แล้วพยายามที่จะโจมตีข้าด้วยอาวุธที่โคตรจะช้าจนหอยทากก็น่าจะกลิ้งหลบได้แล้วล่ะมั้ง แล้วจะว่าไป แม่นกกาสีม่วงของเราจะเป็นยังไงอยู่บ้างนะตอนนี้ ข้ามองหันกลับไปสักแป๊ปในขณะที่กำลังหมุนตัวกลางอากาศพร้อมกับร่างของผู้โชคดีอีกคนที่ดูเหมือนจะสลบไปแล้ว

     

    Xayah

    ข้ารัวขนนกใส่โล่ห์เวทย์ของเจ้าคนใช้มนตร์ดำนั่น ข้ารู้ว่าอีกไม่นานพลังของมันจะหมด และพวกลูกกระจ๊อกที่เหลือก็ถูกเชือดไปหมดแล้วด้วย แต่คงต้องเร่งมืออีกหน่อยเพราะพวกที่เหลือกำลังจะเข้ามาเสริม และครั้งนี้พวกมันมีมากกว่าแค่หกตัว

     

    "จึ๊!" ข้าจึปากอย่าไม่สบอารมณ์นัก เมื่อมันเริ่มดึงวิญญานจากศพของพวกที่ข้าเพิ่งเก็บไป มาเป็นพลังงานให้กับมันอีก เพื่อที่จะถ่วงเวลาเอาไว้ ข้าดึงขนนกทั้งหมดกลับมา แล้วกลิ้งหลบลูกธนูที่ถูกยิงเข้ามาเพื่อสกัดข้า เจ้าจอมเวทย์ที่เห็นทีจึงได้โอกาสในการส่งลูกบอลพลังงานส่งตรงมาที่ข้า ในตอนที่ยังไม่ตั้งตัวไม่ทัน ลูกบอลพลังงานพุ่งเข้ามาเฉียดตัวข้าไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น แต่ถึงอย่างงั้นข้าก็ไม่อาจจะหลบมีดที่ถูกปาซ้อนเข้ามาอีกได้

     

    "อั่ก!" แม้ว่ามีดจะไม่ถูกปักเข้ามาที่ร่างกายของข้าตรงๆ แต่มันสร้างบาดแผลเข้าที่ต้นข้าของข้า มันไม่มีผลอะไรมากนัก แต่ข้าก็ไม่ได้มีแผลแบบนี้มาสักพักแล้ว การที่ได้รับความเจ็บปวดแบบนี้ก็ทำให้ข้าส่งเสียงร้องออกกมาแบบนี้ได้เหมือนกัน
    ไม่นานนักที่ข้าลุกขึั้นมาอีกครั้งข้าก็เห็นว่าพวกมันกำลังมุ่งตรงเข้ามา ข้าจะช้าแบบนี้ไม่ได้แล้ว ข้ารีบลุกขึ้นมาอีกครัั้งแล้วเตรียมขนนกขึ้นมา แต่ไม่ทันไรที่ข้าเองก็ถูกลูกบอลพลังงานซัดปลิวออกมาอีกครั้ง

    Rakan
    เมื่อกี้ที่ข้าได้ยินเสียงร้องออกมาของนาง มันทำให้ข้าใจสั่นไปหมด ข้าหันกลับไปมองนางอีกครั้ง แต่คราวนี้ข้าเห็นนางที่ล้มลงไปกับพื้น ไม่นะ ไม่นะ นางกำลังแย่! แต่ข้ามีวิธีรักษานางอยู่
    ในตอนนั้นที่ข้ากำลังล็อคคอของคนถือขวานแล้วพาหมุนไปมานั้น ข้าดึงขนปลายขนของข้าออกมา มันคือขนกลิมมิ่ง ขนที่สามารถดึงพลังชีวิตของผู้ที่ถูกมันปักเข้าที่ตัว แล้วถ่ายเทพลังชีวิตส่วนนึงเอามาให้ข้าใช้ได้ ข้าจิ้มปักเโยนเข้าลงข้าไปที่แขนของผู้โชคดีที่ข้ากำลังพาหมุนอยู่นั้น แล้วโยนเขาลงพื้น ก่อนจะใช้ความเร็วของข้าพุ่งเข้าไปหานางที่กำลังบวกกับพวกนั้นอีกสองคนอยู่ ข้ากระโดดถีบขาคู่ไปให้คนนึง พอดีกับที่นางกำลังใช้ขนของนางปาดคออีกคนพอดี อู้ว โหดแท้ๆ

     

    "เจ้ามาทำไม?" นางถามถามขึ้นมา

     

    "มารักษาแผลของเจ้าไง! แม่ยาหยี้" ข้าลงมือแตะที่แขนของนางแล้วส่งผ่านพลังชีวิตที่ได้มาให้กับนาง

     

    "ดีขึ้นมั้ย?" ข้าถามออกไปในขณะที่นางกำลังทำสีหน้าแผลใจ

     

    "มาก ...ขอบคุณ"ครั้งนี้ข้าได้ยินคำขอบคุณชัดแจ๋วเลยล่ะ คงเป็นเพราะว่าครั้งนี้ข้าตั้งใจฟังด้วยมั้ง รู้สึกสุขใจจริงๆ
    พวกเราหันลงชนกันอีกครั้ง พวกนั้นกำลังวิ่งเข้ามาล้อมพวกเราอีกครั้ง จิตใจของพวกเราเข้าใจกันได้อย่างประหลาด ข้าใช้โล่ห์เวทย์กันอาวุธโยนที่พวกมันโยนมากันให้

     

    "พวกมันมีเยอะมาก ข้าต้องจัดการรวดเดียวให้หมด เจ้าพอจะทำให้พวกมันสนใจเจ้าแล้วกองอยู่รวมกันเป็นกระจุกสักพัก ได้มั้ย?" นางถามออกมาอย่างรวดเร็ว ข้าแม้จะฝังไม่ค่อยทันนัก แต่ก็พอจับใจความได้ว่า

    "ดึงความสนใจให้ที" และแน่นอน

     

    "งานถนัดข้าเลยล่ะ!" ข้าตอบอย่างมั่นใจ ไม่มีใครที่เมินข้าได้หรอก ยกเว้นนางนะ คนแรกเลยที่เมินข้าเป็น

     

    "ดี งั้นล่อความสนใจให้ข้าที แค่สามลมหายใจเท่านั้น!"

     

    "รับทราบ!" เมื่อตกลงแล้ว ข้าจึงลดโล่ห์เวทย์ออก แล้วปล่อยให้นางทำอะไรก็ทำ ในขณะที่ข้าพุ่งเข้าหาพวกมันด้วยความเร็วสูง

     

    "หันมาสนใจข้าที เจ้าพวกหัดเต้นทั้งหลาย!"

     

    Xayah
    ข้ากระโดดขึ้นกลางอากาศ พวกมันกำลังพยายามมที่จะเล็งอาวุธมาทางข้า แต่ยังไม่ทันไรก็ถูกตบหน้าหันไปทางอื่นโดย 'เขา' ที่ตอนนี้เคลื่อนไหวเร็วอย่างน่าประหลาดอีกครั้ง ข้าไม่มีเวลามาทึ่งมากนั้น เพราะกำหนดคือสามลมหายใจเท่านั้น ข้าเรียกขนนกทั้งหมดที่ข้ามีออกมา แล้วเล็งเลือกเป้าหมายที่จะยิงออกไป ทั้งหมดมีอยู่ แปด เก้า สิบ สิบเอ็ดคนที่เหลืออยู่
    และเมื่อถึงลมหายใจที่สาม ข้าก็ยิงขนนกออกไปทั้งหมดตามที่เล็งไว้ แล้วควบคุมระวังไม่ให้โดน นกยูง
    ขนทุกเส้นบรรจงตัดพุ่งทะลุผ่านขั้วหัวใจของทุกเป้าหมายที่ข้าเล็งเอาไว้ และเมื่อข้าลงสู่พื้น พวกมันทุกๆตัวก็ล้มลงไปอย่างสมบูรณ์แบบ
    เสียงปรบมือดังขึ้นมาจากเขา

     

    "อัศจรรย์มากมาย ข้าไม่เคยเห็นใครที่ที่มีท่าทีการต่อสู้ที่งดงามแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆนะ เอหรือว่าพ่อของข้านะ? ช่างมันประไร! เอาเป็นว่าเจ้าสุดยอดมากเลย!"นี่เขาชมไปจะได้รางวัลนักชมยอดเยี่ยมประจำเผ่ารึยังไงกันนะ?

     

    "แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้ฆ่าพวกมันสักตัวเลยนะ" ข้าบอกออกไป เพราะว่ายังเห็นพวกมันบางตัวจะพยายามลุกขึ้นมา แล้วก็ถูกขนนกของข้าส่งลงไปนอนหลับสนิทอีกครั้งไปตลอดกาล

     

    "ข้าไม่เห็นจำเป็นต้องฆ่าพวกเขาเลย เก็บไว้ให้พวกมันไปหัดเต้นมาใหม่แล้วมาดวลกับข้าอีกที น่าสนุกกว่านะ"เข้ายักไหล่แบบน่าหมั้นใส้ จนข้าอยากจะส่งเขาไปอยู่กับพวกมันจริงๆ

     

    "แล้วให้พวกมันลุกขึ้นมาแทงหลังพวกเราตอนกำลังเผลอน่ะเหรอ? ไม่มีทางซะหรอก"

     

    "เอ่อ... ก็จริงสินะ" เขาเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ โธ่เจ้านี่โง่กว่าที่คิดเลยแหะ
    ข้ากรอกตาด้วยความเอือมระอา ก่อนที่จะเริ่มดำเนินการกวาดล้างพวกที่ยังมีชีพจรอยู่ทั้งหมด
    ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา ไวเหมือนหอยทากเป็นตะคริ้ว
    Rakan
    ข้านั่งกร่อยอยู่ข้างกองไฟมาสักพักแล้ว หลังจากที่นางออกไปไล่ฆ่าพวกที่เหลือรอดอยู่ นางบอกว่าจะหายไปแค่หกสิบหกลมหายใจ แต่ข้านั้นถอนหายใจมามากกว่านัั้นแล้ว แน่นอนว่าข้าขอตามไปด้วย แต่หนนี้นางยืนกรานขอไปแค่เดียวจริงๆ ข้าไม่อยากขัดใจนะ แต่ด้วยเหตุผลบ้างอย่างมันทำให้ข้าเป็นห่วงนางมาก ข้าไร้เหตุผลนะ แต่ครั้งนี้ข้าไร้เหตุผลมากว่าที่เคยรู้ตัวซะอีก
    เวลาผ่านไป ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า
    "โธ่เอ้ย เจ้าหายไปไหนนานจังนะ ข้าเป็นห่วงเหลือเกิน" ข้าเผลอบ่นออกมาเป็นเสียง แต่ผลลัพท์กลับเป็นอะไรที่ข้าไม่ทันได้ตั้งตัวมากๆเลย

     

    "ทำไมต้องเป็นห่วงข้ากันด้วย?"แม่เจ้า! เสียงนี้มัน
    ข้าหันกลับไปยันทิศทางของเสียงที่เพิ่งถามมา ภายใต้แสงจันทร์สีขาวที่ยังไม่เต็มดวงนักมีวาสทาย่าผู้ที่ข้ากำลังเพิ่งโหยหาไปหยกๆอยู่ใต้แสงจันทร์นั้น แม้ความมืดก็ไม่อาจจะกลบนัยน์ตาสีแดงทับทิมที่ส่องสว่างของนางได้ ข้านึกๆไปแล้ว ทำไมข้าถึงเริ่มคิดว่านางเป็นสตรีชาววาสทาย่าที่งดงามที่สุดเท่าทีี่ข้าเคยได้พบเจอมาเลยนะ?

     

    "ข้า เอ่อ... ข้าแค่กังวลว่าเจ้าไปคนเดียวแบบนั้นมันไม่อันตรายไปหน่อยเหรอ?" นางนั่งลงที่อีกฝั่งของกองไฟ

     

    "เจ้ายังไม่รู้จักข้าดีด้วยซ้ำ เลิกมองว่าข้าต้องการความช่วยเหลือตลอดเวลาได้แล้ว"นางพูดตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยตามเคย ชีวิตของนางคงขาดสีสันมากๆเลย

     

    "เจ้ารู้รึเปล่าว่าพวกนั้นมันเป็นใคร? ดูไม่เหมือนกับนักล่าค่าหัวธรรมดาๆเลย แถมมีการใช้เวทย์มนตร์ผิดธรรมชาติด้วย ข้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย" ข้าถามแบบยาวเหยียดออกไป

     

    "แน่นอน ข้ารู้" นางตอบสั้นๆ

     

    "พวกมันคือใครกันล่ะ?"

     

    "พวกภาคีแห่งเงา มันล่าข้า เพราะพอดีไปขัดขาพวกมันไว้น่ะ"นางเล่าสั้นๆ ซึ่งก็ดีแล้ว เพราะสมองของข้ารับเรื่องซับซ้อนไม่ได้ พอฟังใครเล่าอะไรยาวๆ แล้วมันจะง่วงทุกที

     

    "อ่าห้ะ ข้าพอจะเข้าใจแล้วล่ะ แต่ไม่เป็นไรนะ ข้าอยู่นี้เจ้าปลอดภัยแน่นอน เชื่อมือข้าได้เลย!"นางหัวเราะ หึ ออกมาเบาๆเหมือนไม่เชื่อใจข้าเลย

     

    "ทีนี้ช่วยบอกข้าทีสิ ทำไมยังตามข้ามาอยู่? ข้าไม่ค่อยเข้าใจความหมายที่เจ้าเคยบอกว่า สนใจข้าน่ะ ทำไมถึงต้องสนใจข้าจัง ปล่อยให้ข้าเดินมาคนเดียวก็ได้หนิ"นางถามคำถามที่ข้าไม่อยากตอบมากที่สุด เพราะอะไรน่ะเหรอ? ข้าไม่รู้คำตอบนั้นยังไงล่ะ ข้าได้แต่คิดไปมา จนเวลาผ่านไปสักพัก ข้าคิดว่านางคงเหนื่อยที่จะรอคำตอบ

     

    "เอาเถอะ ถ้ายังคิดคำตอบไม่ได้ ก็ยังไม่ต้องตอบก็แล้วกัน จะตามมาก็ได้ แต่อย่าส่งเสียงดังเชียว"ข้าดีใจที่ได้ยินแบบนั้นจนอยากจะร้อง ฮุเร่! ออกมา แต่นางเพิ่งบอกให้ข้าอย่าส่งเสียงดัง น่าสงสารตัวเองจริงๆเลยแหะ

     

    "เย่!(แล้วก็ส่งเสียงออกมาจริงๆแบบห้ามไม่ได้) ข้าขอรับประกันว่าจะช่วยคุ้มครองเจ้าจนจวบลมหายใจสุดท้ายเลยล่ะ!" ข้าพูดออกไป ใช่ และข้าหมายถึงแบบนั้นจริงๆ

     

    "เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน?" นางหันไปทางอื่น

     

    "ถ้าคิดว่าอยากจะหาที่ตายดีๆก็ไปโดดหน้าผาไม่ง่ายกว่าเหรอ?" นางต่ออีก

     

    "ถ้าข้าโดดหน้าผาไป ชีวิตของข้าก็ไร้ความหมายสิ... เอาเถอะ อีกอย่างนะ ตั้งแตแรกสุดเลย เจ้ากำลังจะไปทำอะไรที่ไหนแล้วก็ไปทำอะไรที่บ้านเทศมนตรีเมืองวารันโคนั่นด้วย?" ตายล่ะ ข้าเผลอพูดถามแบบนี้้ไปหมดเปลือกเลย ซวยแล้วส "เจ้ารู้ได้ไงว่าข้าไปที่บ้านของเทศมนตรี?" นางถามขึ้นมาทันที น้ำเสียงสับสนเล็กน้อย แต่แล้วก็ต่อเองทันที

     

    "อ่อ ตามข้ามาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วสินะ" นางสรุปเองอย่างรวดเร็วจนข้าไม่มีโอกาสอธิบายเลย

     

    "แล้วเอ่อ... เจ้าคงไม่คิดมากนะ"

     

    "คิดมากสิ นั่นมันแปลว่าข้ายังไม่เนียนพอ แถมยังไม่รู้ตัวเองอีก ว่ากำลังถูกสะกดรอยตามน่ะ ยังไงก็เถอะ นี่คือสิ่งที่ทำให้ข้าไปที่นั่น" นางพูดจบก็หยิบเอาเหรียญสีทองออกมาชูให้ข้าดู ลายบนเหรียญนั่นเป็นรูปคนผู้หญิงที่ติดปีก อ่า... เขาเรียกแบบนี้ว่าอะไรกันนะ? นางนกเหรอ? หรือว่า นกนาง?

     

    "พรุ่งนี้ข้าจะเข้าเมือง นำสิ่งนี้ไปให้แหล่งข่าวของข้าดู แล้วถ้าเจ้าจะตามไป ได้โปรด อย่าเรียกร้องความสนใจในเมืองนั้นมากนัก ข้าไม่ต้องการจุดสังเกต หวังว่าเจ้าคงจะเข้าใจนะ?" นางขอร้องข้ามาขนาดนี้ มีหรือจะขัดใจ แม้ว่ามันจะเป็นเรือ่งที่แสนยากมากเลยก็เถอะ

     

    "รับทราบครับท่าน" ข้าทำเสียงแบบที่พวกทหารในเมืองเขาชอบทำกันตอนที่ได้รับคำสั่ง ข้าคิดว่าเจ้าพวกนี้ตลกดีนะ ฮ่าๆๆ

     

    "เอ่อจริงสิ... ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ข้าเองก็ยังไม่รู้จักชื่อของเจ้าเลยนะ ครั้งนี้ขอร้องล่ะ ข้าอยากเรียกชื่อเจ้าจริงๆ นกกาสีม่วงเป็นชื่อที่เฉิมมาก เห็นตามใบประกาศจับแล้วมันเอียน"

     

    "ซาย่าห์ ไม่ค่อยยินดีที่รู้จักเจ้า เพราะเจ้าทำให้ข้าต้องพูดมากที่สุดในชีวิตเลย ในวันนี้"

     

    "ข้าชื่อ-" ยังไม่ทันได้จบประโยคแนะนำตัว นางก็ตัดบทข้าไปก่อนแล้วซะอย่างงั้น

     

    "ราคาน ข้าจำได้"ว้าว

     

    "งั้นก็เป็นอันเสร็จสิ้นกับเรื่องชื่อสักทีนะ เจ้าควรไปก่อนนอนนะ เหมือนว่างานของเจ้า เอ่อ... ดูเหมือนว่าจะต้องเหนื่อยแน่ๆ เจ้าควรพักเยอะๆ"

     

    "ข้าไม่เคยง่วง เจ้านั่นแหละควรนอนก่อน ข้าจะเฝ้ายามเอง"

     

    "ข้าเองก็ยังไม่ง่วง ข้ามีพลังงานที่ไร้ขีดจำกัด ข้าคือราคาน!" นางถอนหายใจ

     

    "ดี งั้นก็ไม่ต้องพักผ่อนกันแล้ว มีอะไรก็งัดออกมาให้หมด ข้าคิดว่าไม่นาน คงจะได้ยินเสียงของเจ้ากรนแน่ๆ" แล้วถ้าปลุกไม่ตื่นในวันรุ่งขึ้น ข้าจะทิ้งเจ้าไว้ตรงนี้แหละ!"

     

    "เจ้าท้าผิดคนแล้ว! ซาย่าห์คนสวย คืนนี้เจ้าต่างหากที่จะเป็นฝ่ายต้องนอนกรนบนตักของข้า!"

     

    ในตอนนั้นที่พวกเราต่างท้ากันไปมา บรรยากาศของคนที่ไม่รู้จักกันหายไปอย่างรวดเร็ว พวกเราพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน เกี่ยวกับเรื่องของเวทย์มนตร์ เผ่าพันธ์ของพวกเราเอง บลาๆๆ จนท้ายที่สุด พวกเราก็พล่อยหลับลงไปด้วยกันตอนไหน ข้าเองก็ไม่อาจจะบอกได้เลย...
     

    ################################################################################################################

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×