วังวงแห่งจิตใจ
สิ่งที่คนๆหนึ่งได้เรียนรู้ จากวังวนของจิตใจ
ผู้เข้าชมรวม
65
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
กล่าวว่ามนุษย์นั้น จิตใจล้ำลึก คดเคี้ยว ยากแท้หยั่งถึง เราไม่อาจรู้ได้ว่าคนที่ทำดีกับเราตอนนี้ อนาคตจะเป็นอย่างไร ทุกคนเอาแต่สร้างกำแพงระหว่างกันโดยไม่รู้ตัว เริ่มห่างเหิน ไม่ช่วยเหลือกัน ไร้ความสามัคคี จนในที่สุดมันก็ว่างเปล่า
คนดี ผู้ที่เสียสละ กลายเป็นสิ่งแปลกปลอมอันน่าหัวร่อของสังคม การทำคุณบูชาโทษนั้นมีอยู่ถมไป หัวเราะเยาะจนผู้ที่เคยเป็นคนดีนั้น กลัวที่ทำความดี จนต้องตามน้ำไป หัวเราะเยาะคนอื่นทั้งๆที่ไม่อยาก แต่ก็ไม่อาจขัดขืนกระแสสังคมได้ จนในมี่สุดก็เกิดเป็นวงจรอุบาทไม่จบสิ้น….
วีระ ชายหนุ่มผู้ที่เหนื่อยล้ากับชีวิต หลังจากที่เขาจบจากมหาวิทยาลัยมาก็โดยหลอกมาโดยตลอด ทำงานที่ไหนเมื่อไหร่อย่างไรก็ไม่เคยมีความหมาย เพราะในที่สุดเขาจะเหลือติดตัวมาไม่กี่บาทตอนโดนไล่ออก
ทั้งๆที่ตัวเขาเองนั้นเหนื่อยยากแสนเข็นหรือโดนหลอกมาแค่ไหน
เขาก็ยังทำเป็นมองไม่เห็นว่าโดนหลอก ทำตัวให้คนอื่นด่าว่าโง่ทั้งๆที่ตัวเองฉลาด เพราะเขายังคง “เชื่อ” ในจิตใจของมนุษย์ เชื่อว่าสักวันสิ่งที่เขาทำจะไม่สูญเปล่า เชื่อสักวันจะมีคนมาตอบแทนเขาด้วยคำเพียงเล็กน้อยว่า “ขอบคุณ” เขาได้แต่บอกตัวเองว่าคงมีสักวัน และนี่เป็นสิ่งที่ทำให้เขาก้าวเดินต่อไปได้โดยไม่จบชีวิตลงเป็นข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์รายวัน
วันนี้ฝนตกเล็กน้อย ท้องฟ้าสีเทา เขายังคงก้าวเดินต่อไปยังสถานที่แห่งท้องฟ้า ในถานะ ผู้ช่วยนักบิน
งานใหม่ อาชีพใหม่ และคงจะเป็นการเริ่มต้นใหม่ของเขา ช่วงชีวิตอันสว่างรำไร… เขาคิดว่าหลังจากย้ายมาที่นี่ทุกอยากจะเปลี่ยนไป ที่ใหม่ๆ ผู้คนใหม่ๆ บางทีเขาอาจจะพบคนที่ตามหาก็ได้…
แต่ว่า… ก็เป็นอย่างที่คิด ไม่ว่าที่ไหน ก็ไม่เคยแตกต่างกัน
เขาเพิ่งโดนหัวหน้างานของเขา กัปตัน ยักยอกเงินไปนับล้าน หัวหน้าของเขามีข้ออ้างที่ดูเกินจริงอย่างมาก เพราะว่าเขาบอกว่าลูกสาวของเขานั้นใกล้จะตายอยู่รอมร่อ ต้องใช้เงินมากมายมหาสารในการรักษา
‘จำนวนเงินขนาดไหนกัน ที่แม้แต่คนทำงานอย่างกัปตันเครื่องบินก็ยังไม่มีปัญญาจ่าย?’
เขาพูดกับตัวเองพลางนั่งเหม่อลอยไปอย่างไร้ความหมาย ถึงแม้จะฟังดูเกินจริงแค่ไหน
แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะด่าว่าอะไร ‘หากว่ามันเป็นเรื่องจริงล่ะ…’ แค่คำไม่กี่พยางค์นี้ ก็ผลักดันให้เขาจมลงไปอยู่กับความสิ้นหวังได้
เขาแทบไม่เหลืออะไรอีกแล้ว วันนี้คงเป็นวันสุดท้ายในการทำงานของเขา เพราะเขาเพิ่งจะได้รับซองสีขาวบนโต๊ะวันนี้
เศร้าจนแถบร้องให้ กลัวจนไม่กล้าเปิดดู ได้แต่นั่งเครียดอยู่ตัวคนเดียวเท่านั้น จนตัวเองหนีมาบนเครื่องบินนี้ ไม่ยอมเปิดอ่าน…
อีกไม่นานเครื่องบินก็จะออกจากท่า เขาที่นั่งเหม่อลอยอยู่ที่ห้องคนขับก็ตัดสินใจเช็คเครื่องอีกครั้ง ก่อนจะทำการขึ้นบินไปยังจุดหมายปลายทางครั้งสุดท้ายของเขาพร้อมกับเพื่อนร่วมงานที่ใจไม่ซื่อคนนี้
ทุกอย่างดูดีในช่วงแรกๆ การเดินทางปลอดภัยเป็นที่หนึ่ง สวัสดิภาพ บลาๆๆ มันก็เป็นเพียงแค่โฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น
เครื่องบินเกิดการขัดข้องอย่างหนัก เพราะการตรวจดูเครื่องแบบขอไปทีของช่าง และความชะล่าใจและประมาทของเขาที่ไม่ตรวจเช็คดูให้ดีๆ
ในไม่ช้าเครื่องบินก็จะตกลง บนเครื่องเริ่มวุ่นวาย ปีกซ้ายระเบิดเป็นจุณ ที่ยังคงทรงตัวได้นี่เรียกได้ว่าเป็นปาฎิหาริย์ของแท้
เสียงเอะอะโวยวายดังลั่นไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่พนักงานบริการทั้งหลาย มีทั้งคำด่า คำสาปแช่งสารพัด คำสวดพาวนา อนิจจา ทุกอย่างล้วนสูญเปล่ายิ่งนัก สุดท้าย…ก็โทษกันเอง
เครื่องบินกำลังจะเสียการทรงตัว ทุกอย่างเริ่มพังไม่เป็นท่า เครื่องเริ่มหมุนควงสว่านโหม่งโลกอย่างไม่มีทางช่วยได้
ในขณะนั้นเองจู่ๆโลกก็หยุดลงกะทันหัน
ทุกอย่างเหมือนหยุดเวลาเอาไว้ ไม่ขยับ ไม่มีเสียง มีแต่วีระเท่านั้นที่รู้สึกตัว ขยับได้และตื่นตกใจอยู่ตัวคนเดียว
เขาต้องตกใจสุดขีดเมื่อเขาได้มองไปยังแสงที่สาดมายังตัวเขา อบอุ่น แต่เต็มไปด้วยพลัง
อ้าปากค้าง มองไปอย่างแทบไม่เชื่อสายตา สิ่งที่ไม่มีอยู่จริงกลังปรากฏอยู่ต่อหน้าเขา
“มนุษย์เอ๋ย… ข้ามาเสวนากับเจ้า…”เทวดากล่าว
“สงสัยเราคงสติแตกไปแล้วแน่ หรือไม่ก็ตายไปแล้ว…”เขาพูดออกมาเบาๆ
“เจ้าไม่ได้สติแตกหรือตายไปแล้วแต่อย่างไร เจ้ายังคงมีชีวิตอยู่… ข้าได้หยุดเวลาไว้ และมาเสวนากับเจ้า ณ ที่นี่ ตอนนี้ จงดีใจเสียเถิด เพราะน้อยคนนัก จะมีโอกาสเช่นนี้”
“โอ้… ถ้าอย่างนั้น ท่านเทวดาผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ทำไมถึงมาพูดคุยกับผมล่ะ ทั้งๆที่เมื่อก่อนก็ไม่เคยแม้แต่จะโผล่ออกมาแท้ๆ ทำไมถึงหยุดเวลาแทนที่จะช่วยพวกเรา…ช่วยพวกเค้า! ท่านมามัวเสียเวลาพูดคุยกับผมทำไมกัน!?”
“เพราะทุกอย่างล้วนเป็นไปตามกรรม…และเพราะว่าเจ้ามันแปลกประหลาดยังไงล่ะ”
“เอ๊ะ…”เขาอุทานขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ
“ในขณะที่คนอื่นเอาแต่ร้องลั่นเอะอะโวยวาย เอาแต่โทษกันและกัน มีแต่เจ้าเท่านั้นที่เสียใจแทนพวกเขา มีเพียงเจ้าคนเดียวที่คิดถึงคนอื่น สิ่งเหล่านี้ถือเป็นสิ่งแปลกประหลาดมากไม่สิ…แทบเป็นไปไม่ได้ของมนุษย์ตอนนี้เลยต่างหาก”
“เพราะสิ่งนี้เอง ทำให้ข้าสนใจเจ้ายิ่งนัก…”
“ข้าอยากรู้ เหตุใดเจ้าจึงยอมทุ่มเทให้กับผู้อื่นถึงเพียงนี้ ทำไมเจ้าถึงยังทำตัวให้คนอื่นด่าว่างี่เง่า ทำไมเจ้าถึงยังทำตัวเป็นคนดีอยู่ได้ ข้านั้นสงสัยจนทนไม่ไหว…”
‘แม้แต่เทวดายังหาว่าเรางี่เง่างั้นเหรอนี่’วีระคิดในใจ
“ก็ได้…ไหนๆท่านก็อุตส่ามา… ผมก็จะเล่าให้ฟัง”
“ท่านเทวดา… ท่านที่คิดว่าทุกอย่างล้วนเป็นไปตามกรรมนั้นคงจะไม่เข้าใจ… ท่านได้สังเกตมั้ยว่าช่วงนี้มีแต่คนไปนรกทั้งนั้น สวรรค์ของท่านโล่งแจ้ง แทบจะไร้เทวดามาอยู่อาศัยเลยใช่หรือไม่ ท่านมีอำนาจพลังประหลาด ลึกลับ แต่กลับไม่ยอมช่วยเหลือผู้คน…
ท่านเคยลงมาดูยังโลกมนุษย์ขณะนี้หรือเปล่า ทุกๆสิ่งที่พวกเขาทำกันก็เพื่อผลตอบแทน รายได้ แม้แต่พระเองสมัยนี้ก็ยังทำให้เสื่อมศรัทธาได้…”
ทั้งๆที่โดนว่าไปขนาดนี้ แต่เทวดาก็ยังลอยอยู่นิ่งๆ ฟังอย่างคนมีมารยาท…
สมกับเป็นเทวดาจริงๆ เป็นคนดีอย่างที่คิดไว้
“โลกเริ่มไม่น่าอยู่ขึ้นทุกวัน เปิดข่าวขึ้นมาก็มีแต่ข่าวร้ายๆ ไม่ก็ไร้สาระ คนดีมีเพียงแค่หยิบมือ… ไม่สิ แทบไม่มีเลยต่างหาก พวกที่เป็นคนดีก็อยู่แบบหาเช้ากินค่ำ อยู่อย่างสุตจริต อดมื้อกินมื้อ ในขณะที่คนชั่วกินอยู่อย่างหรูหราอยู่อย่างสุขสบายบนกองเงินกองทอง
เมืองก็เหมือนท่อระบายน้ำ อุดตันไปด้วยขยะที่เรียกว่าเศษซากจากการกระทำอันเห็นแก่ได้ของพวก ‘ผู้ดี’ คนดีที่ดีจริงๆที่คอยเก็บเศษซากไม่ให้ท่อมันตันก็มีเพียงน้อยนิด แทบจะนับคนได้ทั้งๆที่เป็นเมืองที่ใหญ่โตขนาดนี้
จนสุดท้าย ท่อมันก็ตัน… น้ำมันก็ท่วมพวกผู้ดีทั้งหลาย… แต่พวกนั้นกลับเอาแต่โทษว่าเป็นความผิดของคนดีทั้งหลายที่ไม่เก็บรักษาทำความสะอาดกันให้ดีๆ”
ในดวงตาของวีระเริ่มมีน้ำตาเล็ด เขาไม่เคยระบายความในใจแก่ใครมาก่อน
“ท่านรู้รึเปล่าว่าคนพวกนั้นที่คอยเก็บขยะล้างท่อให้ตลอดน่ะ มันรู้สึกยังไง ท่านเคยรู้รึเปล่าทั้งๆที่เป็นแบบนั้น ผมก็ยังไม่อยากหยุดทำมัน… เพราะว่าหากโลกนี้ไม่มีคนอย่างเราอยู่ละก็ โลกเรามันคงไร้ความหมาย โลกที่มีแต่น้ำเน่าโสโครกนั้นไม่มีคนอยากอยู่หรอก”
“ถ้าหากโลกนี้ไม่มีคนดีอยู่ละก็ ผมเองก็จะเป็นให้เอง ตรงนี้ไงล่ะ!”
เทวดาได้เพียงแต่อยู่นิ่งๆ มองดูวีระอย่างสมเพชเท่านั้น
“ท่าเช่นนั้น ข้าจะให้เจ้าขอเลือกอะไรก็ได้หนึ่งอย่างละกัน เพื่อเห็นแก่ความดีของเจ้า… เจ้าจะขอให้ตัวเองรอดตายเพื่ออยู่ต่อไป… หรือจะเลือกให้ชีวิตเจ้า แลกกับชีวิตของคนพวกนี้”
“ผมขอให้ใช้ชีวิตของผมแลกกับชีวิตทุกคนบนเครื่องบินลำนี้ได้หรือเปล่า…”วีระพูดออกไปแบบไม่ต้องคิดเลย
“ข้านึกแล้ว…แต่เหตุใดเจายังคงยืนกรานจะขอแบบนั้นล่ะ เจ้าจะขอให้เอาตัวเองรอดไปคนเดียวก็ได้ วิญญาณเจ้าคนเดียวยังสูงส่งกว่าคนพวกนี้รวมกันอีก คนพวกนี้รังแต่จะหนักโลกมิใช่รึ หากหายไปซักฝูงนึงก็ไม่เป็นไรไม่ใช่รึ…”
“คนพวกนี้อาจจะเป็นอย่างที่ผมพูด… แต่พวกเขาก็อาจจะยังคงมีลูก… มีครอบครัว หากพวกเขาตายไปแล้ว… ใครจะคอยดูแลคนพวกนั้น ผมไม่อยากให้คนรุ่นต่อไปเจ็บปวด หรือต้องมาจบลงเป็นคนที่คอยเอาแต่จะทิ้งขยะลงท่อระบายน้ำอีกแล้ว…”
“เจ้าเองก็มีครอบครัวมิใช่รึ…หากเจ้าตายไปใครกันที่จะเลี้ยงดูครอบครัวของเจ้า…”
เทวดาเอาแต่ตั้งคำถามเรื่อยๆ ทั้งๆที่มีพลังขนาดนี้แต่กลับเลือกที่จะถามเอาตรงๆ โดยไม่กลัวที่ผมอาจจะโกหก เชื่อใจคนแปลกหน้าโดยสมบูรณ์แบบนี้…
“ผมไม่มีอีกแล้วล่ะ… นับตั้งแต่ผมยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองมาเป็นคนแบบนี้ พวกเขาก็ทิ้งผมไปทันที…”วีระเอ่ยออกมาอย่างเศร้าสร้อย
“แล้วเจ้าจะทิ้งพวกนั้นไปแบบที่พวกเขาทิ้งเจ้างั้นเหรอ ปากก็ว่าอย่างแต่การกระทำก็เป็นอีกอย่าง… แล้ว-”
“ถ้าอย่างนั้นจะให้ผมทำยังไงล่ะ! ยอมตายกันทั้งหมดนี่เหรอ! ท่านเป็นคนเสนอเองไม่ใช่เหรอว่าใจให้ผมตายหรือพวกเค้าตาย! เป็นท่านท่านจะเลือกอะไรล่า ตอบผมมาซี่!..”
“…” เทวดาไม่ตอบ
“ใช่ว่าทุกคนจะเลือกแบบนี้ได้ ตั้งแต่ท่านตั้งคำถามให้ผมเลือกท่านก็รู้อยู่แต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอไงว่าผมจะเลือกอะไร!”
“ผมไม่อยากตาย… ใครๆก็ไม่อยากมาตาย ท่านเองตอนมีชีวิตอยู่เองก็ไม่อยากตายแน่ๆ
เช่นเดียวกับเราทุกคน…ทุกคนบนเครื่องบินลำนี้…”
วีระเริ่มเอาแต่ร้องให้ สะอึกสะอื้น
“หากเจ้าตายตอนนี้ก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยน… ทุกอย่างก็จะยังคงเหมือนเดิมนะ… เจ้าแน่ใจจริงๆแล้วเหรอ หากสักวันนึงจะมีคนแบบเจ้ามาอีกล่ะ…”
“ผมได้ตัดสินใจไปแล้ว…ถึงตอนนั้นอย่าได้ถามอะไรเช่นนี้อีก ผมไม่อยากให้ใครต้องทนเลือกอะไรแบบนี้อีกแล้วถ้าหากนี้เป็นชะตากรรม ก็ขออย่าให้มันเป็นไปเถอะ ”วีระพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทำใจรับความตายได้ในที่สุด
“ถ้าเช่นนั้น ก็ขอให้มันเป็นไปอย่างเดิม… มนุษย์เอ๋ย เจ้า…จะรอดตาย…”
วีระพูดไม่ได้… อยู่ๆเหมือนมีอะไรมาปิดปากไว้ เหมือนโดนอะไรเหนี่ยวรั้ง จะร้องตะโกนสาปแช่งก็ไม่ได้ ไร้พลัง คนที่เรียกตัวเองว่าเป็นคนดี สุดท้ายก็ไม่แม้แต่จะช่วยเหลือใครได้งั้นเหรอ…
“ชะตากรรมนั้นโหดร้ายเสมอ… สิ่งที่เจ้าทำได้ นั้นคือเป็นพลังมุ่งต่อไป…จงเชื่อมั่นสะว่าสักวันนึงมันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง…ไป…”เขาไม่ได้ยินเสียงอีกต่อไป คำพูดท่อนต่อไปนั้นสูญเปล่า
แสงสว่างแสบตาขึ้นเรื่อยๆ เจิดจ้าจนเขามองไม่ได้อีกต่อไป ได้แต่ร้องให้อยู่อย่างนั้น
แล้วทุกอย่างก็ถูกแสงนั้นกลืนกินหายไป…
.
.
.
.
.
วีระ ตื่นขึ้นมาบนโรงพยาบาลท่ามกลางนักข่าวมากมาย แม้แต่ครอบครัวที่ไม่เคยติดต่อมาเลยก็ยังมาหาเขา ‘รองกัปตันผู้รอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์’
ทั้งๆที่เป็นแบบนั้น เขาเองก็ไม่ดีใจสักนิด เอาแต่โทษตัวเอง เอาแต่ก่นด่าสาปแช่งเทวดาองค์นั้น… ใช่ เขายังจำทุกอย่างได้ดี
การบำบัดร่างกายเป็นไปอย่างทรมานแสนสาหัด แม้ครอบครัวหรือพวกนักข่าวจะคอยแวะเวียนกันมา แต่เมื่อเวลาผ่านไป ไม่นานทุกคนก็ลืมเลือนไป… มีเพียวเด็กสาวที่เขาไม่รู้จักเท่านั้นที่คอยมาแวะเวียนเยี่ยมเขา
หลังจากที่กลับมายังคอนโดแล้ว เขาที่เอาแต่ทำตัวเป็นผีตายซาก ไม่เอาอะไรซักอย่าง… ก็ยังคงจมอยู่กับอดีตต่อไป
ดื่มเหล้า ไม่ไปทำงาน เอาแต่อยู่ห้อง ทำตัวไม่เป็นผู้เป็นคน เริ่มเสียใจที่ตัวเองเอาแต่เชื่อใจคนอื่น เสียใจที่ตนเองทำตัวเป็นคนดี…
ตกเย็นวันหนึ่งก็มีเด็กคนหนึ่งเอาจดหมายมาให้…
เขาที่ลองเปิดอ่านดูก็ตกใจ เพราะมันเป็นใบโอนย้ายสิทธิการดูแลเด็ก และ…เด็กคนนั้นเป็นลูกของกัปตัน… หัวหน้าใจคตของเขา… แต่จดหมายไม่ได้สอดมาแค่ใบโอนย้ายเฉยๆ
แต่มีข้อความเขียนด้วยลายมือบรรจง… เขียนถึงเขา…
“ ถึงนาย วีรพัทธ์ ที่เคารพ
ผมรู้ว่าผมคงไม่มีหน้ามาพูดคุยกับคุณอีกต่อไป ผมไม่มีหน้ามาฝากลูกของผมไว้กับคุณ ผมรู้ว่าหลังจากนี้ไม่นานผมจะไปมอบตัวข้อหายักยอกเงินผู้อื่น…
แต่คุณรู้มั้ย… ผมนั้นตั้งแต่เด็กเอาแต่ทะเยอทะยาน พอแก่ตัวมาก็เอาแต่มุ่งหน้าอย่างเดียวไม่สนใจคนข้างหลัง พอมารู้สึกตัวอีกที ภรรยาผมก็เสียไปแล้ว เหลือเพียงผมกับลูก
ผมที่เอาแต่เสียใจก็ได้ใช้เงินทั้งหลายไปอย่างสุรุ่ยสุร่ายไปจนหมด ทั้งเล่นหวย เล่นม้า การพนัน…
ผมไม่ได้รู้ตัวเลยว่าลูกของผมป่วยหนักแค่ไหน ผมไม่ได้รู้ตัวเลยว่าทำอะไรลงไป
แต่ว่าผมมีเพียงอย่างเดียวที่อยากจะบอกคุณไว้
“ขอบคุณ” สำหรับสิ่งต่างๆทั้งหมด “ขอบคุณ”สำหรับชีวิตของลูกผม สำหรับทุกๆอย่าง… ขอให้นี่เป็นคำขอครั้งสุดท้ายของผมได้หรือไม่ คุณวีระ…
นาย ศักสิทธิ์ คงปัญญา ”
คำที่เขาตามหามานานแสนนาน ในที่สุดก็ได้รับมัน
วีระ วิ่งเข้าไปในห้อง ไปยังซองสีขาวที่เขาไม่เคยเปิดดูซองนั้น ข้างในนั้น เป็นใบโอนตำแหน่งกัปตันและใบจบการศึกษาการเป็นผู้ช่วยนักบิน… หาใช่ใบไล่ออกจากงานอย่างที่เขาคิดไว้ จากกัปตันใจคตของเขา… แท้จริงแล้วเขานั้นเองนั่นแหละ ที่ไม่ยอมเชื่อใจคนอื่น คิดแต่ว่าคนอื่นนั้นไม่ดีกันหมดทุกคน
เด็กที่ยืนอยู่หน้าห้องของเขา เด็กที่คอยมาเยี่ยมเขาตลอดที่โรงพยาบาล เด็กที่มีรูปอยู่ในซองจดหมายที่เขาได้รับ คือคนเดียวกัน… และกำลังยืนอยู่ต่อหน้าเขา…
มันทำให้ วีระ นึกคำพูดที่ขาดตอนของเทวดาตอนนั้นออก
“ความจริงแล้ว ข้าจะสามารถเลือกคนที่จะรอดได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ข้าได้คุยกับคนบนเครื่องบินนั้นทั้งหมดพร้อมกันหลังจากที่คุยกับเจ้า พวกเขาทุกคนเลือกที่จะให้เจ้าเป็นคนรอดหลังจากที่ข้าเล่าเรื่องของเจ้าให้พวกเขาฟัง เจ้าเป็นคนจิตใจดีงาม วีระ… มนุษย์เอ๋ย จงรับโอกาสครั้งนี้ไป…และจงใช้มันให้คุ้มค่า… เพื่อไม่ให้ทุกคนบนนี้ต้องเสียใจภายหลังเถิด….”
ขอเจ้าจงจงเชื่อมั่นต่อไป…
เขาร้องให้ออกมา หัวเราะไปด้วย พลางเดินเข้าไปหาเด็กแล้วพูดว่า
“สวัสดีนะ… พ่อชื่อวีระนะ จะเป็นพ่อใหม่ให้กับหนู… เข้าบ้านมา… เดี๋ยวพ่อจะหาอะไรให้ทานนะ…”
แล้วคุณล่ะ ได้รับข้อคิดอะไรจากเรื่องนี้บ้าง…
ผลงานอื่นๆ ของ หลังอาน บานบุรี ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ หลังอาน บานบุรี
ความคิดเห็น