ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC EXO (KAILU/CHANBAEK/HUNHO/etc.)

    ลำดับตอนที่ #6 : [SF] Where I stand? (CHANYEOL x BAEKHYUN)

    • อัปเดตล่าสุด 8 มี.ค. 56




    ชานแบคค T_T!! เป็นอีกคู่ที่เราชอบมากๆเลยโนะ พราก
    ฟิคชานแบคนี่ก็เหลือล้นเหลือเกิน แต่ยังก็ยังแต่งให้มันเหลือล้นต่อไป ;_;
    สำหรับใครที่เลือกอ่านไม่ถูกก็มาอ่านของเราได้นะ *หมุนกระโปรงบาน*
    อ่านแล้วเม้นด้วยไรด้วยเนอะ กำลังใจในการแต่งของเราจริงๆนะ 
     
     
     










    ผมไม่รู้ตอนนี้ผมอยู่ในสถานะอะไร
    เราเป็นคนรักกัน หรือผมแค่ตกหลุมรักเพื่อนตัวเอง...
    เราต่างไม่พูดถึงความสัมพันธ์ที่กำลังเป็นอยู่
    แต่ผมแค่ต้องการรู้..ผมแค่ต้องการอยากรู้ว่าผมเป็นอะไรสำหรับเขา
     
    "แบคฮยอน!" ผมหันตัวไปตามเสียงเรียกชื่อของผมที่มาจากด้านหลัง ก่อนจะยิ้มกว้างทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่เรียกชื่อผมคือ ..ชานยอล
     
    "มึงไปไหนมาเนี่ยชานยอล" ผมลุกขึ้นเดินเข้าไปหาเขา ก่อนจะชกไหล่เขาเบาๆ
     
    "ไปซื้อของกินมาให้กินไง เห็นบ่นว่าหิวนี่" คนตัวโตตรงหน้าผมชูถุงอาหารที่เขาซื้อมา ก่อนจะจูงมือผมไปนั่งที่โต๊ะที่อยู่ให้ห้องซ้อมของพวกเรา
     
    ผมก้มลงมองมือข้างที่ผมถูกกุมไว้ด้วยมือใหญ่ของคนข้างๆผม ก่อนจะแอบลอบยิ้มให้ตัวเอง
     
    ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ พอรู้ตัวอีกทีผมก็...รักชานยอลไปเสียแล้ว..
    เราเจอกันครั้งแรกเมื่อปีก่อน ผมเป็นเด็กเทรนที่พึ่งเข้ามาใหม่ แต่ผมได้เทรนแค่เพียงปีเดียว ผมก็ได้ถูกเลือกให้ได้รับการเดบิวต์ ผมรู้ตัวว่ามีหลายคนอิจฉาและหมั่นไส้ผม บางทีผมก็หมั่นไส้ตัวเองนะ ฮ่ะๆ 
     
     
     
    เมื่อผมเข้ามาในกลุ่มเด็กเทรนที่ถูกเลือกให้เดบิวต์ด้วยกัน ผมสารภาพเลยว่าผมทำตัวไม่ถูก... เหมือนเขาสนิทกันมานานก่อนจะถูกเลือกให้มาเดบิวต์ด้วยกันเสียอีก มีเพียงแค่ผมแหละมั้ง...ที่ไม่ได้สนิทกับใครเลย
    แต่กลับมีคนตัวโย่งๆหน้าตาดีคนหนึ่งเข้ามาทักชื่อผม และถามว่าจำเขาได้รึเปล่า ผมงงมาก ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาคือใคร แล้วเขามารู้จักชื่อผมได้ยังไง จนกระทั่งเขาบอกผมว่าเขารู้จักกับเพื่อนสนิทผม แต่เคยเห็นผมบ่อยครั้ง แต่สงสัยผมจำเขาไม่ได้ พอพูดจบเขาก็หัวเราะลั่น เหมือนคนไม่เคยหัวเราะมาก่อน ผมสะดุ้งตัวเล็กน้อยตอนเขาหัวเราะ ตกใจจริงๆนะ... จนมีเด็กผู้ชายผิวคล้ำๆคนหนึ่ง ท่าทางอายุน้อยกว่าผมมาบอกผมว่า เดี๋ยวก็ชินไปเอง
     
    และนั่นทำให้ผมหัวเราะออกมาครั้งแรกที่พบกับพวกเขา ต่อมาก็เริ่มมีคนเข้ามาคุยกับผมเรื่อยๆ และโดยส่วนตัวผมเป็นคนที่เข้ากับคนง่ายอยู่แล้ว เลยทำให้ผมสนิทกับพวกเขาอย่างรวดเร็ว
     
     
    พวกเราสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ และผมก็สนิทกับชานยอลขึ้นเรื่อยๆ และเหมือนความรู้สึกผมที่มีต่อเขามันก็มากขึ้นเช่นกัน.
     
     
    ชานยอลจะเป็นคนที่คอยดูแลผมตลอด คอยจัดการนั่นนี่ให้ผม หลังซ้อมเสร็จทุกๆครั้งเราจะรอกลับบ้านพร้อมกันที่หน้าตึกเสมอ และเขาจะเป็นคนไปส่งผมเสมอๆ
     
     
     
    ชานยอลเป็นคนแรกในวงที่รู้จุดอ่อนของผมว่าผมเป็นคนบ้าจี้ และไม่ชอบแมลงมาก และมันก็เอาไปป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ ตอนนั้นไม่พอใจมันนิดหน่อย
     
    ไม่สิ..มากเลยทีเดียวแหละ และผมเลี่ยงที่จะไม่คุยกับมันสองวันเต็มๆ และเหมือนมันรู้ตัวว่าผมกำลังโกรธ มันพยายามง้อผมตลอด แต่ผมไม่ยอมหาย
     
    จนวันหนึ่งเราถูกใช้ให้ไปซื้อของด้วยกันสองคน ผมพยายามจะเดินห่างจากมัน แต่มันก็ขยับเข้าใกล้ผมทุกทีที่ผมเดินห่าง พวกเราเดินแบบนี้ไปตลอดทาง จนเหมือนว่าเรากำลังเล่นกันมากกว่า ผมแอบหลุดหัวเราะออกมา ก่อนจะดันมันหนีออกห่างจากตัว
     
     
    'อย่ามาใกล้กูได้มั้ยเนี่ย'
     
    'ไม่เอา กลัวหลง' ชานยอลมันเดินเข้ามาชิดผมอีกตามเคย ก่อนจะหันหน้ามายิ้มโชว์ฝันให้ผม
     
    'ประสาท จะมาหลงอะไร ไอ้บ้า มึงเดินห่างๆกูเลย!' ผมผลักมันออกไปอีกรอบ แต่เหมือนจะไม่ได้ผลตามเคย เพราะผมสู้แรงไอ้ตัวโตนี่ไม่ไ้ด้เลย
     
    'นี่แบคฮยอน รู้รึเปล่าว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นตอนที่มึงไม่อยู่'
     
    'อะไรอ่ะมึง' ด้วยความที่ผมเป็นคนที่ชอบรู้เรื่องชาวบ้าน ผมก็ลืมตัวทันทีว่างอนไอ้ตัวโย่งตรงหน้าอยู่ และหันหน้าไปคุยกับมันเหมือนผมไม่เคยงอนมันเลย
     
    'คืองี้...เอาหูมาใกล้ๆดิ ไม่อยากให้คนรู้' 
     
    'ไม่เอา จั๊กจี๋ตายดิไอ้บ้า' ผมฟาดแขนมันไปทีหนึ่ง และมันก็หัวเราะออกมาเบาๆ 
     
    'สำคัญมากเลยนะมึง ไม่อยากรู้หรอ กูพูดแปบเดียวเองนะ' 
     
    'อ่ะๆ มีอะไร' ด้วยความที่อยากรู้เรื่องที่มันบอกว่าสำคัญ ผมก็ยื่นหูเข้าไปใกล้ไอ้เข้าเล่ห์นั่นทันที โดยไม่คิดว่าที่เดินด้วยกันตอนนี้มีแค่ผมกับมัน
     
    ไอ้โย่งเห็นผมยื่นหน้าไปใกล้มันก็จับคอผมไว้ทันที และยื่นปากเข้ามาชิดกับหูผมทันที
     
    'มึงรีบพูดดิ กูจั๊กจี๋เนี่ย' ผมพยายามบิดคอออกห่างจากมือและปากของมัน แต่มันกลับคอผมไว้แน่น
     
    'ตั้งใจฟังดิวะ...
     
     
     
     
     
     
     
    คืนดีกันนะไอ้ตัวเล็ก' มันกระซิบที่ข้างหูผม ก่อนจะปล่อยมือออกจากคอ และเมื่อผมมองไปตรงหน้าผมก็เจอนิ้วก้อยของไอ้โย่งที่กระดิกดุ้กดิ้กไปมา
     
    'อ..อะไรของมึงเนี่ย' ผมมองหน้ามันอย่างอึ้งๆ แต่ไอ้คนตัวโตตรงหน้าผมกลับยิ้มจนเกือบเห็นฟันทุกซี่ของมัน
     
    'ก็มึงงอนกูไง กูก็ง้อมึงไง คืนดีกันนะๆๆๆๆๆ' ผมมองนิ้วก้อยของมันที่กระดิกไม่หยุด น..นี่อย่าบอกนะว่ามันจะให้ผมไปเกี่ยวก้อยคืนดีกับมันน่ะ..
     
    'นี่มึงจะมองนิ้วก้อยกูอีกนานป่ะ กูเมื่อยล่ะ เอามาเกี่ยวกับกูเดี๋ยวเน้' ชานยอลมันใช้มือข้างที่ว่างของมันก่อนจะจับมือของผมขึ้นมา และก็ยื่นนิ้วก้อยของมันที่กระดิกตรงหน้าของผมอยู่นานมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยข้างที่ไอ้ตัวโตยกมือของผมขึ้นมา
     
    'ดีกันแล้วน้าๆๆๆ' มันแกว่งแขนข้างที่นิ้วก้อยของเราเกี่ยวกันไว้ทั้งสองให้ผมดู แต่ผมได้แต่ก้มหน้าลงไม่มองไปที่นิ้วก้อยและหน้าของมันด้วยซ้ำ
     
    ถ้ามองตอนนี้มันรู้แน่ๆว่าผมหน้าแดงมากขนาดไหน...
     
    เราเกี่ยวก้อยกันเดินตลอดทาง จนถึงหน้าบริษัท ผมค่อยๆบิดนิ้วก้อยของตัวเองออกจากนิ้วก้อยมัน 
     
    ชานยอลมันมองหน้าผมด้วยความงงเล็กน้อยก่อนจะเกาท้ายทอยตัวเองและพูดกับผมว่า
    'โทษทีนะเว้ย กูลืมๆ ฮ่าๆๆ' ไอ้โย่งหัวเราะร่าก่อนจะเดินหนีผมเข้าบริษัทก่อน
     
     
    ...นี่ไอ้บ้าชานยอลมันลืมปล่อยจริงๆหรอวะ
     
     
    ความสัมพันธ์ของผมกับชานยอลเป็นแบบนี้ไปตลอด ไม่ค่อยจะมีอะไรเท่าไหร่ แต่บางวันก็อาจจะมากเป็นพิเศษ
    อย่างเช่นวันนั้น...
     
    วันที่เราทั้งสองรู้ว่าความรู้สึกมันเปลี่ยนไป ไม่ใช่แค่เพื่อนกันแล้ว..
     
     
    ช่วงอาทิตย์ก่อนๆผมได้สนิทกับจื่อเทา เมมเบอร์คนจีนที่เตรียมเดบิวต์วงเดียวกับผม เพราะเราทั้งสองชอบอะไรเหมือนๆกัน จื่อเทาชอบกินเนื้อ ผมก็ชอบกินเนื้อ และเราได้ไปกินข้าวด้วยกันบ่อยครั้ง อีกทั้งจื่อเทามาขอผมให้สอนภาษาจีนให้ด้วย เราเลยสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว อย่างไม่น่าแปลกใจ
     
     
    และดูเหมือนช่วงนี้ชานยอลเขาก็เริ่มตีตัวออกห่างผมไปสนิทกับอี้ฝาน เมมเบอร์ที่เป็นคนจีนเช่นกัน เหมือนเขาไปไหนด้วยกันบ่อยขึ้น คุยด้วยกันจนสนิทมากขึ้น...กว่าผมแล้วมั้ง
     
     
    วันนี้เป็นวันที่พวกผมได้ซ้อมเต้นกันอย่างหนัก เพราะเหมือนอีกไม่กี่เดือนพวกเราก็ได้จะปล่อยทีเซอร์วงของพวกเราออกไปแล้ว เหนื่อยเป็นบ้า.....
     
    เมื่อครูซ้อมพวกให้อนุญาตให้พัก ทุกคนก็ร้องอย่างดีใจ ก่อนจะนอนแผ่หลาบนพื้น
    ผมเลือกที่จะมานั่งพิงหนังห้องซ้อม ก่อนจะมีจงอินเดินตามผมมากับชานยอล 
    ชานยอลมองเหลือบสายตามามองหน้าผมเล็กน้อย ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
    และไม่นานจื่อเทาก็เดินถือน้ำสองขวดเข้ามาหาผม และยื่นขวดน้ำอีกขวดให้ผม ผมยิ้มให้เขา ก่อนรับขวดน้ำจากมือเขา เมื่อจื่อเทาเดินมาให้ขวดน้ำผมเสร็จเขาก็เดินไปหาอี้ฝานที่กำลังเรียกเขาอยู่
     
     
    'ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นพี่ไปกับพี่ชานยอลเลยนะ' จงอินพูดขึ้นมา ก่อนจะมองหน้าผมและชานยอลสลับกันไปมา
     
    'จริงหรอ? พี่ว่าก็เหมือนเดิมนะ' ผมหัวเราะเจื่อนๆให้จงอิน ก่อนจะยกขวดน้ำดื่ม โดยเลี่ยงที่จะมองหน้าชานยอล
     
    'หึ เหมือนเดิมตรงไหน ช่วงนี้เห็นตัวติดกับจื่อเทาเลยหนิ' ผมเงยหน้ามองชานยอลอย่างไม่พอใจ อะไรของมันกันแน่
     
    'แล้วยุ่งอะไรกับกูล่ะ' ผมเห็นมันค่อยๆขมวดคิ้วมองหน้าผม ก่อนจะแสยะยิ้มให้ผม
     
    'เหอะ เดี๋ยวนี้กูยุ่งด้วยไม่ได้เลย? ให้จื่อเทายุ่งกับมึงคนเดียวได้พอหรอ'
     
    'มึงจะเอาจื่อเทามายุ่งด้วยทำไม ทีมึงล่ะ' ผมลุกขึ้นก่อนจะเดินไปผลักอกชานยอล ทันทีที่ผมผลักอกมัน มันก็ใช้มือของมันกำข้อมือข้างที่ผลักมันทันที
     
    'กูทำไม' มันกัดฟันพูด ก่อนจะบีบข้อมือผมแรงกว่าเดิม
     
    'ต้องให้กูพูดหรอ ปล่อยมือกู' ผมมองเหยียดยิ้มมองหน้ามัน ก่อนจะบิดข้อมือของตัวเองออกจากกำมือของมัน
     
    'มาคุยกับกูเดี๋ยวนี้' มันกระชากมือผมอย่างแรงเพื่อให้เดินตามมันออกมาข้างนอก
     
    'เฮ้ย พี่ชานยอล ใจเย็น' จงอินที่นั่งเงียบดูพวกเราทะเลาะกันมานาน พูดขึ้นหลังจากเห็นสถานการณ์ผมกับมันไม่ดีเท่าไหร่
     
    'เดี๋ยวพี่มานะจงอิน' 
     
    'กูไม่ไป!!'  ไอ้ชานยอลลากผมออกมาจากห้องซ้อม ก่อนจะดึงผมให้เดินตามมันมาที่ห้องน้ำ ตลอดทางที่มันลากผมมา ผมพยายามบิดข้อมือของตัวเองออกจากมือไอ้ห่านี่ตลอด แต่ดูเหมือนแรงผมจะสู้แรงมันไม่ได้จริงๆ
     
    เมื่อถึงห้องน้ำไอ้ชานยอลก็จัดการเดินไปล็อคประตูห้องน้ำทันที เพื่อไม่ให้ผมหนีออกไป 
    มันเดินเข้ามามาหาพร้อมมองหน้าด้วยความโมโหผมอย่างมาก นี่..ผมผิดมากรึยังไงที่ไปสนิทกับจื่อเทา แล้วทีมันทำล่ะ...
     
    'มึงจะลากกูมาคุยอะไร พูดมาสิ กูจะได้ออกไป' ผมเงยหน้าผมมัน ก่อนจะเดินหนีมันไปทางประตูห้องน้ำ แต่มันกลับรั้งแขนผมไว้เสียก่อน
     
    'ทำไมต้องทำให้กูโมโหด้วยวะแบคฮยอน' ชานยอลมันขมวดคิ้วมองหน้าผม ก่อนจะดึงตัวผมให้เข้าไปใกล้มันยิ่งกว่าเดิม
     
    'มึงโมโหอะไรกู โมโหที่กูไปสนิทกับจื่อเทางั้นหรอ'
     
    'มึงก็รู้ แล้วทำไมมึงยังทำไมวะ!' ชานยอลตะคอกใส่ผมเสียงผม จนตัวผมสะดุ้ง ก่อนมันจะใช้กำปั้นของมืออีกข้างมันทุบไปที่ผนังห้องน้ำ
     
    'ฮึก..มึงมันเห็นแก่ตัว' น้ำตาผมค่อยๆไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ให้ตายเถอะ ทำไมผมต้องมาร้องไห้ต่อหน้ามันด้วยเนี่ย..
     
    'มึงอย่าพึ่งร้องดิวะ กูเห็นแก่ตัวอะไรเนี่ย' มันเสียงอ่อนลงทันที เมื่อเห็นว่าผมร้องไห้ ก่อนมันจะค่อยๆคลายมือที่บีบข้อมือผมออก
     
    'ทีมึงไปสนิทกับอี้ฝาน ฮึก กูเคย..เคยว่ามึงรึเปล่า ไอ้บ้า!!' ผมผลักตัวไอ้ชานยอล ก่อนจะนั่งลงซุกเข่าร้องไห้กับพื้น
    'ก็มึงหนีกูไปสนิทกับไอ้จื่อเทาก่อนเองนี่หว่า' ชานยอลค่อยๆย่อตัวนั่งลงตามผม ก่อนจะพยายามส่องดูหน้าผม
     
    'ร้องไห้ทำไมเนี่ย ตกใจหรอที่กูตะคอกใส่' ผมรู้สึกได้ว่ามีมือของลูบบนหัวของผมเบาๆ คงไม่ใช่มือใครที่ไหนถ้าไม่ใช่ไอ้โย่งนี่นั่งอยู่ข้างๆอ่ะนะ
     
    'มึงไม่ต้องมาแตะตัวกูเลย ไปไกลเลย ฮึก' ผมเงยหน้าขึ้นจากเข่า ก่อนจะปัดมือมันออกไป
     
    'ดูดิเนี่ย ร้องไห้ทำไม ตาแดงหมดแล้วนะ' ชานยอลมันจับหน้าผมไว้ ก่อนจะใช้นิ้วโป้งอีกข้างปาดน้ำตาออกให้ผม
     
    'มึงแหละ ทำกูร้องไห้' 
     
    'ใครบอกมึงไปสนิทกับคนอื่นมากกว่ากูล่ะ' มันใช้มือบีบจมูกผมเบาๆ ก่อนจะบิดไปมา
     
    'ปล่อยกูเลย ทีมึงไปสนิทกับคนอื่นล่ะวะ' ผมปัดมือมันออกจากจมูกผม ก่อนเงยหน้าสบตาไอ้ตัวโย่งที่อยู่ตรงหน้าผม
     
    '...กูก็หวงมึงนี่นา' ผมรู้สึกได้ว่าหน้าของไอ้ชานยอลค่อยๆเลื่อนเข้ามาใกล้หน้าผม เลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ...จนได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน จนผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจของคนตรงหน้า จนกระทั่งริมฝีปากเราแนบชิดกัน..
     
     
     
    หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ชานยอลมันก็ยังคงทำตัวเหมือนปกติ และเราทั้งสองก็ไม่มีใครคุยเรื่องเหตูการณ์ในวันนั้น
     
    แต่หลังจากวันนั้น ไอ้โย่งก็ทำตัวกับผมดีขึ้น เทคแคร์ผมมากขึ้น เอาใจใส่ผมมากขึ้น...
    เวลาผมไปคุยกับจื่อเทาทีไรก็ต้องมีมันคอยตามเป็นเหมือนเงาเสมอ
    ไอ้บ้านี่ชักทำตัวมากเกินไปแล้วเนอะ...เล่าไปผมก็รู้สึกเขินจัง ฮู่วววว์
     
     
     
     
    แต่เหตุการณ์มันกลับแย่ลง ... ยิ่งกว่าเดิมอีกมั้ง
    เมื่อวันก่อนนี้เอง แฟนเก่าของไอ้ชานยอลโทรมาหามัน และผมเป็นคนรับสายเธอ...
    มันฟังแล้วดูบังเอิญจนตลกมากใช่มั้ยล่ะ ฮ่ะๆ ผมยังตลกเลย...
     
     
    มันตกใจมากที่เห็นแฟนเก่าโทรมาและผมเป็นคนรับสาย ไอ้โย่งพยายามอธิบายทุกอย่างให้ผมฟัง
    แต่ทำไมผมฟังแล้วมันยังดูเหมือนชานยอลมันกำลังแก้ตัวอยู่มากกว่า
    คำพูดของมันที่พูดกับผมดูเหมือนว่ามันเลิกรักเขาแล้ว เลิกทุกอย่างแล้วจริงๆ
    แต่ทำไมมันยังโทรคุยกับเขาอยู่เีรื่อยเลยล่ะ...
     
    "วันนี้มึงจะกลับตอนไหน" ชานยอลพูดขึ้นมาขณะที่มันกำลังนั่งจ้องผมกินข้าวที่มันซื้อมาให้ผมเมื่อครู่นี้
     
    "กินเสร็จก็กลับล่ะ" ผมยิ้มให้มัน ก่อนจะก้มหน้าลงกินข้าวอย่างตั้งใจเหมือนเคย ก็คนมันหิวนี่นา..
     
    "วันนี้...ไม่ได้ไปส่งนะ" 
     
    "ทำไมล่ะ" ผมเงยหน้าขึ้นจากการกินข้าว ก่อนจะขมวดคิ้วมองหน้ามัน
     
    "เอ่อ..มีธุระกับแม่น่ะ" ชานยอลมันตอบผมโดยที่ไม่มองหน้าผม 
     
    "อื้อๆ ตามสบาย กลับเองได้"
     
    "ขอโทษนะ"
     
    "ไอ้บ้า มึงจะขอโทษกูทำไมเนี่ย มึงมีธุระกับแม่ ก็ไปกับแม่ดิ" ผมหัวเราะก่อนจะตักข้าวเข้าปากอีกคำ
     
    "กูไม่อยากให้มึงกลับคนเดียวว่ะ เดี๋ยวกูบอกให้ไอ้กัมจงไปส่งมึงดีกว่า"
     
    "รบกวนมันป่ะนั่น" ผมมองหน้าคนตรงหน้าที่แสดงสีหน้าท่าทางดูเครียดมาก ที่ต้องให้ผมกลับบ้านคนเดียว
     
    นี่มันเห็นผมเป็นเด็กอนุบาลรึไงนะ?
     
    "ไม่หรอก เดี๋ยวโทรบอกมันให้นะ รอตรงนี้แหละ"
     
    "แล้วมึงจะลุกไปไหนอ่ะ" ผมถามมันทันทีเหมือนเห็นมันลุกออกจากที่นั่ง
     
    "กูต้องไปแล้ว รอไอ้กัมจงคนเดียวได้รึเปล่า?"
     
    "ได้ๆ มึงไปหาแม่เถอะ" ผมยิ้มก่อนจะโบกมือลาไอ้คนตัวโตที่กำลังเดินออกจากห้อง แต่มันก็หยุดเดิน ก่อนจะหมุนตัวกลับมาทางผม
     
    "ลืม ..ถึงห้องแล้วอย่าลืมโทรหานะ เป็นห่วง" ไอ้โย่งยิ้มให้ผมก่อนจะโบกมือลาผมแล้วเดินออกจากห้องไป
     
    บ้าจริงๆ ทำไมผมรู้สึกเขินแบบนี้นะ เฮ้อ.. 
     
    ผมนั่งรอจงอินไม่นาน ไอ้ดำก็เข้ามาพร้อมกับพี่ลู่หานที่หน้าบุดหน้าบึ้งเดินตามจงอินมา
     
    "ไงพี่ รอนานรึเปล่า" กัมจงเดินมาตีไหล่ผมเบาๆเป็นการทักทาย
     
    "ไม่อ่ะ รอแปบเดียว แล้วพี่ลู่หานเป็นอะไรทำไมหน้างอแบบนั้นล่ะ"
     
    "พี่จะไปถามแทงใจดำเขาทำไมล่ะนั่น ซวยผมนะเนี่ย" จงอินมันหันหน้าไปดูพี่ลู่ ก่อนจะใช้กำปั้นชกมาที่ไหล่ผมเบาๆ
     
    "จงอิน! ไอ้บ้า!! แบคฮยอนอ่ะ เอ็มซีเอ็มรถ่นใหม่มาแล้วอ่ะ พี่อยากไปดูอ่ะ แบคฮยอนพาพี่ไปได้มั้ย นะๆ เดี๋ยวพี่
    ไปส่ง นะแบคฮยอนอ่า" พี่ลู่หานเดินมาเขย่าตัวผมก่อนจะพยายามใช้แรงอันน้อยนิดของเขาดึงผมให้ลุกขึ้น
    "เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปดูไง ทำไมไม่ฟังกันบ้างเนี่ย" จงอินมันพยายามดึงแขนที่พี่ลู่เขย่าผมอยู่ออก
     
    "ไม่ต้องมาพูดเลย! เมื่อวานก็พูดแบบนี้อ่ะ!" พี่ลู่เบ้ปาก ก่อนจะหันไปตีจงอินดังตุ้บเลย เจ็บแทนจงอินเลย..
     
    "ต้องไปส่งพี่แบคฮยอนเนี่ย อย่างอแงดิลู่หาน"
     
    "เอ่อ..ไม่เป็นไร ไปด้วยกันหมดนี่ก็ได้ๆ" ผมยิ้มเจื่อนให้ทั้งสอง เมื่อพี่ลู่หานได้ยินแบบนั้นก็หันมากอดผมแน่นทันที
     
    "เฮ้อ พี่แบคฮยอนนี่ก็ไปตามใจลู่หานทำไมไม่รู้"
     
    "กลับบ้านคนเดียวเลยไป!" พี่ลู่หานคลายกอดจากผมก่อนจะเดินไปผลักจงอินอย่างแรง ก่อนจะเดินกลับมาหาผม
     
    "ไม่เอา เดี๋ยวไม่มีใครดูแลแฟน" ไอ้กัมจงมันก็เดิมตามมากอดพี่ลู่หานที่ยืนอยู่กับผม แต่พี่ลู่หานกลับตีจงอินไม่ให้เข้ามาใกล้ได้ คนหนึ่งตามกอด คนหนึ่งก็ตีไล่ แต่เวลาผ่านไปไม่นาน ไอ้คนที่ตีไล่แฟนตัวเองตั้งแต่ตอนแรกกลับเป็นคนพุ่งไปกอดไอ้คนที่ตามกอดตัวเองตั้งแต่แรก ส่วนไอ้คนที่ตามกอดแต่แรกก็ได้กอดอย่างสมใจ
     
     
    ผมสารภาพเลยว่าผมไม่เข้าใจวงจรชีวิตคู่นี้จริงๆ...........
     
     
    เราขึ้นแท็กซี่มาลงที่เมียงดง เพื่อจะไปช็อปของMCMที่พี่ลู่หานต้องการ
    เราเดินดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยๆระหว่างที่กำลังเดินไปช็อปเอ็มซีเอ็ม 
     
    แต่ผมกลับสะดุดตากับร้านตุ๊กตาร้านหนึ่ง ที่มีตุ๊กตาฟันเยอะๆตัวขนาดกลางแถมยิ้มแฉ่งถือกีต้าร์วางโชว์ที่หน้าร้าน
     
    ....ดูแล้วคิดถึงไอ้โย่งเป็นบ้าเลย
     
    "พี่ลู่หาน กัมจง เดี๋ยวพี่แวะร้านตุ๊กตาร้านนี้แปบนะ"
     
    "ให้พี่กับจงอินรอรึเปล่า"
     
    "ไม่ครับๆ ผมกะจะเข้าไปดูแปบเดียว เดี๋ยวผมตามไป" ผมส่ายหัวเพื่อปฎิเสธพี่ลู่หานก่อนจะเดินเข้าร้านตุ๊กตาร้านนั่น
     
    "น้าครับ ตุ๊กตาตัวนี้ตัวเท่าไหร่ครับ"
     
    "หมื่นวอนจ้ะ มีตัวเดียวในร้านเลยนะ" ผมเปิดกระเป๋าตังค์ดูว่าพอมีเงินเหลือจะซื้อตุ๊กตาตัวนี้หรือเปล่า แต่ที่ดีที่มีตังค์พอที่จะซื้อ ดีนะวันนี้ผมพอเงินมาเยอะหน่อย ไม่งั้นไม่ได้ไอ้ตุ๊กตานี่ไปให้ไอ้โย่งแน่ๆ
     
    "งั้นเอาตัวนี้แหละครับ" ผมถือตุ๊กตาไอ้โย่งไปให้คุณน้าก่อนจะควักประเป๋าตังค์ออกมาจ่ายเงิน
     
    "ขอบคุณที่อุดหนุนนะจ๊ะพ่อคนหล่อ" 
     
    "ฮ่าๆ ไม่เป็นไรครับ" ผมหัวเราะเก้อๆ ก่อนจะโค้งตัวลา และเดินออกจากร้านมาเพื่อเดินมุ่งหน้าไปที่ช็อปเอ็มซีเอ็ม
    แต่ไม่ทันผมจะเดินถึงช็ิอป ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมาชนผมจนทั้งผมและเธอล้มลงบนพื้นไม่เป็นท่า และไอ้โย่งมินิก็หลุดมือหล่นลงพื้นเสียด้วย
     
    "ขอโทษนะคะๆ เป็นอะไรรึเปล่าคะ" เธอลุกขึ้นยืนก่อนผมก่อนจะยื่นมือมาช่วยดึงตัวผมขึ้นมา
     
    "เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ" ผมก้มลงปัดฝุ่นออกจากตัวเอง ก่อนจะยื่นมือไปหยิบไอ้โย่งมินิที่คลุกฝุ่นบนพื้น
     
    "เยจิน! รีบวิ่งไปไหนน่ะ!" ทำไมชื่อคุ้นๆจัง เยจิน? เหมือนคนได้ยินที่ไหนสักที่ แต่ชื่อมันยังไม่คุ้นเท่ากับเสียงที่เรียกชื่อนั่นหรอก เสียงทุ้มๆแบบนี้มันจะมีสักกี่คนนะที่เกาหลี...ภาวะนา ขออย่าให้มันเป็นตามที่ผมคิดทีเถอะ
     
    "ก็บอกจะไปซื้อตุ้กตาให้ไง เจอที่ร้านเมื่อกี้ ใครบอกชานยอลช้าเองเล่า" ผมค่อยๆหยิบตุ๊กตาก่อนจะลุกขึ้น มองหน้าทั้งสอง เหอะ ชานยอลที่เสียงทุ้ม ชานยอลที่รู้จักคนที่ชื่อคิม เยจินมันจะมีสักกี่คนล่ะ...
     
    "อ้าว นี่ไงชานยอลตุ๊กตาที่เล่าให้ฟังว่าเหมือนนาย ดูเหมือนคุณคนนี้จะซื้อมาก่อนฉันแล้วแหละ" เยจินชี้มาที่ตุ๊กตาที่ผมพีุ่งซื้อมาเมื่อกี้ ก่อนจะหันไปเรียกชานยอลที่ยืนอยู่ด้านหลังของเธอ
     
    "บังเอิญจังเนอะ ฮ่าๆๆๆ" เธอหันไปหัวเราะให้กับชานยอล ก่อนจะหันหน้ามาหัวเราะให้กับผม ผมอยากหัวเราะกับเธอจัง แต่ตอนนี้ผมกลับหัวเราะกับเธอไม่ออกจริงๆ 
     
    ผมพยายามแค่นหัวเราะออกมาแล้วนะ แต่ทำไมน้ำตามันพาลจะไหลไปด้วยแบบนี้ล่ะ...
     
    "แบคฮยอน มัน...ไม่ใช่แบบนั้นนะ" ชานยอลเดินเข้ามาหาผม แต่ผมไม่พร้อมฟังอะไรจากปากของเขาจริงๆ ปฎิกิริยาของผมเลยทำได้แค่เดินถอยหนีไปเรื่อยๆเมื่อเขาเดินย่างเข้ามา
     
    "แบคฮยอน อย่าหนีได้มั้ย ฟังก่อนนะ...ได้มั้ย" 
     
    "อย่าเข้ามาใกล้นะชานยอล ห้ามตามมานะ ออกไปให้ห่างนะ" ผมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นบนฟ้าเพื่อให้น้ำตาของตัวเองไหลกลับเข้าไป แต่ทำไมมันไม่ได้ผลเลยล่ะ ทำไมมันยังดันทุรังไหลออกมาจากตาผมแบบนี้...
     
    "แบคฮยอน ฟังก่อนนะ ขอร้อง" 
     
    "ถ้าเดินเข้ามาใกล้แม้แต่ก้าวเดียว ความเป็นเพื่อนกับมึงกูก็จะไม่เหลือให้ ห้ามตามกูมา" พูดจบผมก็วิ่งหนีออกจากที่นั่นทันทีโดยไม่สนว่าผมจะวิ่งชนใครบ้าง ตอนนี้ผมรู้อย่างเดียวคือผมต้องวิ่ง...วิ่งให้ออกห่างจากที่นั่นที่สุด
     
    พลั่ก!!
     
    ผมวิ่งชนใครสักคนอย่างแรงจนทำให้ผมล้มอีกรอบ ทุกอย่างเป็นเหมือนเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อครู่ ผมล้มลงไป เขาล้มลงไป และตุ๊กตาตัวนั้น ก็ลงไปคลุกฝุ่นอีกรอบ
     
    "อ้าว พี่แบคฮยอนเองหรอ" ผมเงยขึ้นมองตามเสียงที่คุ้นเคยเรียกชื่อผม จงอินยื่นมือขึ้นมาดึงผมจากพื้น และพี่ลู่หานกำลังเดินไปเก็บตุ๊กตาตัวนั้นและปัดฝุ่นออกให้มันเป็นอย่างดี
     
    "จงอินนี่เดินไม่ดูอะไรเลย ชนแบคฮยอนเขาเลยเห็นมั้ย" ผมขำกับท่าทีของพี่ลู่หานที่เดินเข้าไปตีไหล่จงอิน ทั้งๆที่ผมเป็นคนผิดเองที่วิ่งไม่ดูอะไรเลย
     
    "เจ็บรึเปล่าเนี่ยแบคฮยอน" ผมเงยหน้ามองพี่ลู่หาน อ่า...ทำไมหน้าพี่ลู่หานดูมัวแบบนี้ล่ะ
     
    "เฮ้ย แบคฮยอนร้องไห้ทำไม" พี่ลู่ใช้มือยื่นมาจับหน้าผมเงยขึ้น แต่ไม่ทันที่พี่ลู่หานจะทำอะไร ผมกฌโผเข้ากอดพี่เขาเสียก่อนแล้ว
     
     
    ทำไมผมต้องมาเจอเขาที่นี่
    ทำไมผมต้องมาเจออะไรแบบนี้
    ทำไมผมต้องมามต้องมาเขากับเธอ
    ทำไม.
    ทำไม..
    ทำไม....ผมต้องรักเขา
     
     
    "เป็นอะไรแบคฮยอน เจ็บมากเลยหรอ" พี่ลู่หานค่อยใช้มือลูบหลังผม ก่อนจะมีมือของอีกคนที่ดูเหมือนว่าจะเป็นมือของจงอินเข้ามาลูบหัวผมอีก
     
    "ฮึก..เจ็บมากเลยพี่ลู่หาน เจ็บมากเลย ฮือ" ผมกอดพี่ลู่หานแน่นเข้าไปอีกกว่าเดิม 
     
    "เจ็บตรงไหนบอกพี่สิ เป็นแผลรึเปล่า"
     
    "ไม่รู้อ่ะพี่ ฮึก มันเจ็บไปหมดเลย เจ็บจนไม่รู้จะทนยังไงแล้ว ฮือ พี่ช่วยผมที..." ผมร้องไห้ได้อย่างไม่อายใคร ผมปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา โดยไม่กลั้นมันอีกต่อไป
     
    "จงอินนิสัยไม่ดี ชนแบคฮยอนจนเจ็บมากขนาดนี้ นิสัยไม่ดีเลย ไอ้บ้า!"
     
    "พี่แบคฮยอนอ่า ผมขอโทษนะ ไม่คิดว่าพี่จะเจ็บขนาดนี้" ผมเงยหน้ามองจงอินที่ทำหน้าหงอยๆใส่ผมทั้งน้ำตา 
     
    "อย่าร้องไห้นะพี่ เดี๋ยวกลับบ้านผมไปทำแผลให้นะ" เด็กนั่นเห็นผมร้องไห้ไม่หยุด เลยใช้มือยื่นมาปาดน้ำตาของผมออกจากแก้ม
     
    "ฮึก..พี่เจ็บจังจงอิน"  
     
     
     
     
    หลายวันแล้วที่ผมไม่ได้เข้าที่บริษัท เพื่อซ้อมเต้นหรือร้องเพลง ผมขอพี่เมเนเจอร์ลาแล้วบอกว่าผมป่วยไม่สบายหนัก และค่อยให้ลู่หานกับจงอินมาช่วยคอยสอนผมทีหลัง ซึ่งพี่เมเนเจอร์ก็ตกลง
    ไม่ใช่ว่าผมจะเลี่ยงสถาณการณ์บางอย่าง แต่ผมไม่สบายจริงๆนะ
     
    ...โอเค ผมยอมรับก็ได้ว่าบางทีก็มีเรื่องของไอ้นั่นก็มีส่วนด้วย ก็ผมยังไม่พร้อมจริงๆ ถ้าผมไปเจอหน้ามันตอนนี้
    ผมยังไม่รู้เลยว่าผมควรทำหน้ายังไง 
     
    ผมสารภาพตรงๆก็ได้ว่าผมยังเสียใจอยู่ เหตุการณ์มันพึ่งผ่านมาไม่นานด้วยซ้ำ ให้ผมทำใจในระยะเวลาสั้นๆมันก็คงทำไม่ได้
     
     
    ก๊อก ก๊อก!
     
     
    เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นมา ทำให้ผมต้องลุกออกจากที่นอนเพื่อขึ้นไปเปิดประตูให้คนเคาะ
     
    สงสัยจงอินกับลู่หานมากันแล้วแน่ๆ...
     
     
    "วันนี้มีไรมากให้กินบ้า..."
     
    "แบคฮยอน" ผมแทบจะปิดประตูไม่ทันเมื่อเห็นว่าคนที่มาเคาะประตูห้องผมไม่ใช่ทั้งพี่จงอินและลู่หาน
    แต่เป็นคนที่ผมกลับไม่อยากเจอหน้าที่สุดในตอนนี้...ปาร์คชานยอล
     
    "แบคฮยอน อย่าพึ่งปิดประตูสิ!" ชานยอลพยายามดันไหล่ตัวเองเปิดไม่ให้ประตูปิดสนิท แต่ผมก็ใช้แรงดันไปอย่างสุดตัวเหมือนกัน
     
    "แบคฮยอน อย่าปิดประตูสิ ไม่งั้นจะดันเข้าไปนะ" ดูเหมือนชานยอลมันจะโหมแรงดันประตูยิ่งกว่าเดิม และด้วยความที่ผมไม่สบายอยู่แล้วทำให้สู้แรงดันมันไม่ไหวจริงๆ เลยทำให้ผมล้มมากองกับพื้น
     
    "บอกว่าอย่าดันไง เห็นมั้ยล้มเลย เจ็บรึเปล่าเนี่ย" ชานยอลมันพยายามดึงตัวผมขึ้น แต่ผมปัดมือมันออก ก่อนจะลุกขึ้นด้วยตัวเอง
     
    "มึงออกไปเถอะ กูยังไม่อยากเห็นหน้ามึงตอนนี้"
     
    "แต่กูมีเรื่องจะคุยกับมึงนะแบคฮยอน" 
     
    "สำคัญแค่ไหนไว้ค่อยคุยกัน กูไม่สบาย กูจะนอน" ผมพูด ก่อนจะเดินเข้าไปที่ห้องนอนดังเดิม แต่ผมยังรู้สึกได้ว่ายังมีคนเดินตามผมมา
     
    "กูบอกให้มึงกลับไปไง!" ผมหันตัวกลับก่อนจะผลักตัวคนที่เดินตามผมมาอย่างสุดแรงผมที่มีอยู่
     
    "...ฟังกูก่อนได้มั้ย" มันจับข้อมือทั้งของข้างที่ผมผลักไปเมื่อกี้ไว้ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ตัวผมยิ่งกว่าเดิม
     
    "มึงจะให้กูฟังคำแก้ตัวอะไรของมึงวะ มึงจะโกหกอะไรให้กูฟังอะไรอีก ว่ามาสิ" ผมหันหน้าหนีสายตาที่มันมองผมอยู่ 
     
    ผมบอกแล้วนะว่าผมยังไม่พร้อมจริงๆ.....แค่นี้น้ำตาผมมันก็พาลจะไหลออกมาแล้ว
     
    "ที่กูโกหกมึง กูแค่ไม่อยากให้มึงคิดมาก"
    "...." 
     
    "ที่กูไปกับเขากูมีเหตุผลจำเป็นจริงๆที่กูต้องไป มึงหันหน้ามาฟังกูก่อนได้มั้ยแบคฮยอน..."
     
    "มึงจะเล่าให้กูฟังทำไม มึงไม่จำเป็นต้องอธิบายให้กูฟังหรอก กูเป็นแค่...แค่เพื่อนมึงเท่านั้น" ผมมองหน้ามันผ่านม่านน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
     
    "ไม่ใช่นะ แบคฮยอนมึงไม่ใช่แค่เพื่อนกูนะ" มันยื่นมาเหมือนจะมาเื้อมเช็ดน้ำตาให้ผม แต่ผมหันหน้าหนีจากมือกัน ก่อนจะปัดมือมันออกอย่างไม่ไยดี
     
    "แล้วกูเป็นอะไรสำหรับมึงงั้นหรอ"
     
    "เป็น..." ชานยอลมันทำท่าอ้ำๆอึ้งๆเหมือนพูดไม่ออกว่าจะตอบคำถามผมยังไง
     
    "หึ. มึงยังบอกกูไม่ได้เลยชานยอล" ผมเหยียดยิ้มมองหน้ามัน ก่อนจะปาดน้ำตาของตัวเองออก แต่เหมือนยิ่งปาดออกเท่าไหร่น้ำตายิ่งไหลออกมามากเท่านั้น
     
    "มึงรู้รึเปล่าชานยอล บางทีกูก็งงนะว่าตัวกูเองเป็นอะไรสำหรับมึงกันแน่"
     
    "....." ชานยอลมองหน้าผมเหมือนจะอยากพูดอะไรบางอย่างออกมาแต่มันกลับเลือกที่จะหุบปากและยืนมองผมเฉยๆ
     
    "เวลาที่กูยิ้มให้มึง กูต้องการให้มึงยิ้มให้กูตลอดเลยนะ กูแม่ง...ฮึก แม่งอยากเป็นทุกอย่างของมึงเลยว่ะ ทั้งๆที่กูไม่รู้ว่ามึงต้องการตัวกูจริงๆรึเปล่า" ผมแสยะยิ้มให้ความสมเพชของตัวเอง ก่อนจะเงยหน้ามองคนตรงหน้าที่ตอนนี้มองผมโดยไม่ทำอะไรทั้งสิ้น
     
    "กูควรทำยังไงวะ เวลากูเห็นมึงไปกับคนอื่นที่ไม่ใช่กู? กูมีสิทธิ์หวงมึงได้มั้ยปาร์คชานยอล...กูควรรอมึงรึเปล่า มึงบอกกูได้มั้ย" ผมมองหน้าชานยอลก่อนจะยิ้มออกมาทั้งน้ำตา มันไม่ทำอะไรเลยนอกจากยืนดูผมร้องไห้
     
    ผม...ควรยอมแพ้สินะ
     
    ผมควรรู้ตัวได้แล้วสินะว่าผมเป็นได้แค่เพื่อนของมันจริงๆ...
     
    "ทีหลังมึงจะไปกับใครไม่ต้องโกหกกูก็ได้นะ เลิกทำให้กูคิดเข้าข้างตัวเองสักที ว่ามึงก็รักกูบ้างเหมือนกัน"
     
    "แบคฮยอน กูรั.." ผมใช้มือยยื่นไปปิดปากมันทันทีที่รู้ว่าคนตรงหน้าผมจะพูดอะไรออกมา
     
    ผมไม่อยากฟังคำโกหกจากมันอีกแล้ว...
     
    "มึงไม่ต้องห่วงนะชานยอล ต่อไปเราจะเป็นแค่เพื่อนกันเหมือนเดิม แค่...เพื่อนกัน" ผมปล่อยมือออกจากปากของมัน ก่อนจะกลับหลังหันเดินไปทางห้องนอนของผมอีกครั้ง
     
    "แบคฮยอน ฟังก่อนได้รึเปล่า" มันเดินเข้ามากอดผมจากด้านหลังก่อนจะซุกหน้าลงกับไหล่ของผม
     
    "มึง...ปล่อยกูเถอะ แล้วกลับไปซะ กูไม่อยากให้ความเป็นเพื่อนเราหมดลง" ผมแกะมือของมันออกอย่างง่ายดาย ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนของตัวเองได้เสียที
     
    ผมล้มตัวลงนอนบนเตียง และไม่นอนก็ได้ยินเสียงปิดประตูห้องของผม ไม่นานน้ำตาที่รอการปลดปล่อยจากผมอย่างเต็มที่ก็ไหนออกมากอย่างไม่ขาดสาย
     
     
    "ฮึก..รัก รักปาร์คชานยอล ฮือ" ผมยื่นมือไปคว้าตุ๊กตาที่ผมซื้อมาจากร้านที่เมียงดงวันนั้นก่อนจะกอดมันไว้แน่น และปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร
     
    ทำไมมันทรมานแบบนี้..
     
     
    ...ผมเจ็บปวดมามากพอแล้ว
    เรื่องของผมกับชานยอลมันควรจบ...แค่นี้จริงๆ
    ยิ่งถ้าเราทั้งสองคนฝืนต่อไป...เหมือนผมจะเป็นแค่ฝ่ายเดียวที่เจ็บ
    จบลงที่แค่เพื่อนก็ดีแค่ไหนแล้ว......
     
     
    :นี่ถ้ากระแสดีจะมาแต่งให้มีแฮปปี้เอนดิ่ง
    แต่ถ้าไม่ดีก็เดี๋ยวดูก่อนนะ ว่ามีอารมณ์ต่อรึเปล่า T_T 
    เลิฟๆนะคะ -3-
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×